Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
๓. ตติยภาณวาโร
3. Tatiyabhāṇavāro
๓๑๙. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต สาวตฺถิยํ เสนาสนํ คเหตฺวา อญฺญตรํ คามกาวาสํ อคมาสิฯ ตตฺถปิ เสนาสนํ อคฺคเหสิฯ อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ, อาวุโส, อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต ภณฺฑนการโก กลหการโก วิวาทการโก ภสฺสการโก สเงฺฆ อธิกรณการโกฯ สจายํ อิธ วสฺสํ วสิสฺสติ, สเพฺพว มยํ น ผาสุ ภวิสฺสามฯ หนฺท นํ ปุจฺฉามา’’ติฯ อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘นนุ ตยา, อาวุโส อุปนนฺท, สาวตฺถิยํ เสนาสนํ คหิต’’นฺติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติฯ ‘‘กิํ ปน ตฺวํ, อาวุโส อุปนนฺท, เอโก เทฺว ปฎิพาหสี’’ติ? ‘‘อิธทานาหํ อาวุโส, มุญฺจามิ; ตตฺถ คณฺหามี’’ติฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อายสฺมา อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต เอโก เทฺว ปฎิพาเหสฺสตี’’ติ! ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อุปนนฺท, เอโก เทฺว ปฎิพาหสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… ‘‘กถญฺหิ นาม ตฺวํ, โมฆปุริส, เอโก เทฺว ปฎิพาหิสฺสสิ? ตตฺถ ตยา, โมฆปุริส, คหิตํ อิธ มุตฺตํ, อิธ ตยา คหิตํ ตตฺร มุตฺตํฯ เอวํ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, อุภยตฺถ ปริพาหิโรฯ เนตํ, โมฆปุริส, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… วิครหิตฺวา…เป.… ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘น, ภิกฺขเว, เอเกน เทฺว ปฎิพาเหตพฺพาฯ โย ปฎิพาเหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
319. Tena kho pana samayena āyasmā upanando sakyaputto sāvatthiyaṃ senāsanaṃ gahetvā aññataraṃ gāmakāvāsaṃ agamāsi. Tatthapi senāsanaṃ aggahesi. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘ayaṃ, āvuso, āyasmā upanando sakyaputto bhaṇḍanakārako kalahakārako vivādakārako bhassakārako saṅghe adhikaraṇakārako. Sacāyaṃ idha vassaṃ vasissati, sabbeva mayaṃ na phāsu bhavissāma. Handa naṃ pucchāmā’’ti. Atha kho te bhikkhū āyasmantaṃ upanandaṃ sakyaputtaṃ etadavocuṃ – ‘‘nanu tayā, āvuso upananda, sāvatthiyaṃ senāsanaṃ gahita’’nti? ‘‘Evamāvuso’’ti. ‘‘Kiṃ pana tvaṃ, āvuso upananda, eko dve paṭibāhasī’’ti? ‘‘Idhadānāhaṃ āvuso, muñcāmi; tattha gaṇhāmī’’ti. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma āyasmā upanando sakyaputto eko dve paṭibāhessatī’’ti! Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, upananda, eko dve paṭibāhasī’’ti? ‘‘Saccaṃ bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… ‘‘kathañhi nāma tvaṃ, moghapurisa, eko dve paṭibāhissasi? Tattha tayā, moghapurisa, gahitaṃ idha muttaṃ, idha tayā gahitaṃ tatra muttaṃ. Evaṃ kho tvaṃ, moghapurisa, ubhayattha paribāhiro. Netaṃ, moghapurisa, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… vigarahitvā…pe… dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘na, bhikkhave, ekena dve paṭibāhetabbā. Yo paṭibāheyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
๓๒๐. 1 เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขูนํ อเนกปริยาเยน วินยกถํ กเถติ, วินยสฺส วณฺณํ ภาสติ, วินยปริยตฺติยา วณฺณํ ภาสติ, อาทิสฺส อาทิสฺส อายสฺมโต อุปาลิสฺส วณฺณํ ภาสติฯ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ภควา โข อเนกปริยาเยน วินยกถํ กเถติ, วินยสฺส วณฺณํ ภาสติ, วินยปริยตฺติยา วณฺณํ ภาสติ, อาทิสฺส อาทิสฺส อายสฺมโต อุปาลิสฺส วณฺณํ ภาสติฯ หนฺท มยํ, อาวุโส, อายสฺมโต อุปาลิสฺส สนฺติเก วินยํ ปริยาปุณามา’’ติฯ เตธ 2 พหู ภิกฺขู เถรา จ นวา จ มชฺฌิมา จ อายสฺมโต อุปาลิสฺส สนฺติเก วินยํ ปริยาปุณนฺติฯ อายสฺมา อุปาลิ ฐิตโกว อุทฺทิสติ เถรานํ ภิกฺขูนํ คารเวนฯ เถราปิ ภิกฺขู ฐิตกาว อุทฺทิสาเปนฺติ ธมฺมคารเวนฯ ตตฺถ เถรา เจว ภิกฺขู กิลมนฺติ, อายสฺมา จ อุปาลิ กิลมติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, นวเกน ภิกฺขุนา อุทฺทิสเนฺตน สมเก วา อาสเน นิสีทิตุํ, อุจฺจตเร วา ธมฺมคารเวน; เถเรน ภิกฺขุนา อุทฺทิสาเปเนฺตน สมเก วา อาสเน นิสีทิตุํ, นีจตเร วา ธมฺมคารเวนา’’ติฯ
320.3 Tena kho pana samayena bhagavā bhikkhūnaṃ anekapariyāyena vinayakathaṃ katheti, vinayassa vaṇṇaṃ bhāsati, vinayapariyattiyā vaṇṇaṃ bhāsati, ādissa ādissa āyasmato upālissa vaṇṇaṃ bhāsati. Bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘bhagavā kho anekapariyāyena vinayakathaṃ katheti, vinayassa vaṇṇaṃ bhāsati, vinayapariyattiyā vaṇṇaṃ bhāsati, ādissa ādissa āyasmato upālissa vaṇṇaṃ bhāsati. Handa mayaṃ, āvuso, āyasmato upālissa santike vinayaṃ pariyāpuṇāmā’’ti. Tedha 4 bahū bhikkhū therā ca navā ca majjhimā ca āyasmato upālissa santike vinayaṃ pariyāpuṇanti. Āyasmā upāli ṭhitakova uddisati therānaṃ bhikkhūnaṃ gāravena. Therāpi bhikkhū ṭhitakāva uddisāpenti dhammagāravena. Tattha therā ceva bhikkhū kilamanti, āyasmā ca upāli kilamati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, navakena bhikkhunā uddisantena samake vā āsane nisīdituṃ, uccatare vā dhammagāravena; therena bhikkhunā uddisāpentena samake vā āsane nisīdituṃ, nīcatare vā dhammagāravenā’’ti.
เตน โข ปน สมเยน พหู ภิกฺขู อายสฺมโต อุปาลิสฺส สนฺติเก ฐิตกา อุเทฺทสํ ปฎิมาเนนฺตา กิลมนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สมานาสนิเกหิ สห นิสีทิตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข สมานาสนิโก โหตี’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติวสฺสนฺตเรน สห นิสีทิตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena bahū bhikkhū āyasmato upālissa santike ṭhitakā uddesaṃ paṭimānentā kilamanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, samānāsanikehi saha nisīditu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kittāvatā nu kho samānāsaniko hotī’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, tivassantarena saha nisīditu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู สมานาสนิกา มเญฺจ 5 นิสีทิตฺวา มญฺจํ ภินฺทิํสุ, ปีเฐ 6 นิสีทิตฺวา ปีฐํ ภินฺทิํสุฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ติวคฺคสฺส มญฺจํ, ติวคฺคสฺส ปีฐ’’นฺติฯ ติวโคฺคปิ มเญฺจ นิสีทิตฺวา มญฺจํ ภินฺทิ, ปีเฐ นิสีทิตฺวา ปีฐํ ภินฺทิ…เป.… ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ทุวคฺคสฺส มญฺจํ, ทุวคฺคสฺส ปีฐ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū samānāsanikā mañce 7 nisīditvā mañcaṃ bhindiṃsu, pīṭhe 8 nisīditvā pīṭhaṃ bhindiṃsu. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, tivaggassa mañcaṃ, tivaggassa pīṭha’’nti. Tivaggopi mañce nisīditvā mañcaṃ bhindi, pīṭhe nisīditvā pīṭhaṃ bhindi…pe… ‘‘anujānāmi, bhikkhave, duvaggassa mañcaṃ, duvaggassa pīṭha’’nti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู อสมานาสนิเกหิ สห ทีฆาสเน นิสีทิตุํ กุกฺกุจฺจายนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ฐเปตฺวา ปณฺฑกํ, มาตุคามํ, อุภโตพฺยญฺชนกํ, อสมานาสนิเกหิ สห ทีฆาสเน นิสีทิตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กิตฺตกํ ปจฺฉิมํ นุ โข ทีฆาสนํ โหตี’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ยํ ติณฺณํ ปโหติ, เอตฺตกํ ปจฺฉิมํ ทีฆาสน’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhū asamānāsanikehi saha dīghāsane nisīdituṃ kukkuccāyanti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, ṭhapetvā paṇḍakaṃ, mātugāmaṃ, ubhatobyañjanakaṃ, asamānāsanikehi saha dīghāsane nisīditu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kittakaṃ pacchimaṃ nu kho dīghāsanaṃ hotī’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, yaṃ tiṇṇaṃ pahoti, ettakaṃ pacchimaṃ dīghāsana’’nti.
เตน โข ปน สมเยน วิสาขา มิคารมาตา สงฺฆสฺส อตฺถาย สาฬินฺทํ ปาสาทํ การาเปตุกามา โหติ หตฺถินขกํฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กิํ นุ โข ภควตา ปาสาทปริโภโค อนุญฺญาโต กิํ อนนุญฺญาโต’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ปาสาทปริโภค’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena visākhā migāramātā saṅghassa atthāya sāḷindaṃ pāsādaṃ kārāpetukāmā hoti hatthinakhakaṃ. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kiṃ nu kho bhagavatā pāsādaparibhogo anuññāto kiṃ ananuññāto’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sabbaṃ pāsādaparibhoga’’nti.
เตน โข ปน สมเยน รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อยฺยิกา กาลงฺกตา โหติฯ ตสฺส กาลงฺกิริยาย สงฺฆสฺส พหุํ อกปฺปิยภณฺฑํ อุปฺปนฺนํ โหติ, เสยฺยถิทํ – อาสนฺทิ, ปลฺลโงฺก, โคนโก , จิตฺตโก, ปฎิกา, ปฎลิกา, ตูลิกา, วิกติกา, อุทฺทโลมี, เอกนฺตโลมี, กฎฺฎิสฺสํ, โกเสยฺยํ, กุตฺตกํ, หตฺถตฺถรํ, อสฺสตฺถรํ, รถตฺถรํ, อชินปฺปเวณิ, กทลิมิคปฺปวรปจฺจตฺถรณํ, สอุตฺตรจฺฉทํ, อุภโตโลหิตกูปธานํฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาสนฺทิยา ปาเท ฉินฺทิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ, ปลฺลงฺกสฺส วาเฬ ภินฺทิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ, ตูลิกํ วิชเฎตฺวา พิโพฺพหนํ กาตุํ, อวเสสํ ภูมตฺถรณํ 9 กาตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena rañño pasenadissa kosalassa ayyikā kālaṅkatā hoti. Tassa kālaṅkiriyāya saṅghassa bahuṃ akappiyabhaṇḍaṃ uppannaṃ hoti, seyyathidaṃ – āsandi, pallaṅko, gonako , cittako, paṭikā, paṭalikā, tūlikā, vikatikā, uddalomī, ekantalomī, kaṭṭissaṃ, koseyyaṃ, kuttakaṃ, hatthattharaṃ, assattharaṃ, rathattharaṃ, ajinappaveṇi, kadalimigappavarapaccattharaṇaṃ, sauttaracchadaṃ, ubhatolohitakūpadhānaṃ. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, āsandiyā pāde chinditvā paribhuñjituṃ, pallaṅkassa vāḷe bhinditvā paribhuñjituṃ, tūlikaṃ vijaṭetvā bibbohanaṃ kātuṃ, avasesaṃ bhūmattharaṇaṃ 10 kātu’’nti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / อุปนนฺทวตฺถุกถา • Upanandavatthukathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อุปนนฺทวตฺถุกถาวณฺณนา • Upanandavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อุปนนฺทวตฺถุกถาวณฺณนา • Upanandavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อุปนนฺทวตฺถุกถาวณฺณนา • Upanandavatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / อุปนนฺทวตฺถุกถา • Upanandavatthukathā