Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
ตติยชฺฌานกถา
Tatiyajjhānakathā
วิรชฺชนํ วิราโคฯ ตํ ปน วิรชฺชนํ นิพฺพินฺทนมุเขน หีฬนํ วา ตปฺปฎิพทฺธราคปฺปหานํ วาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ตสฺสา ปีติยา ชิคุจฺฉนํ วา สมติกฺกโม วา’’ติ วุตฺตํฯ อุภินฺนมนฺตราติ ปีติยา วิราคาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปทานํ อนฺตรา, มเชฺฌติ อโตฺถฯ สมฺปิณฺฑนํ สมุจฺจโยฯ มโคฺคติ อุปาโยฯ ทุติยชฺฌานสฺส หิ ปฎิลาภํ วินา ตติยชฺฌานสฺส อธิคโม น โหตีติ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม ตติยชฺฌานาธิคมสฺส อุปาโยฯ ตทธิคมายาติ ตติยมคฺคาธิคมายฯ
Virajjanaṃ virāgo. Taṃ pana virajjanaṃ nibbindanamukhena hīḷanaṃ vā tappaṭibaddharāgappahānaṃ vāti dassetuṃ ‘‘tassā pītiyā jigucchanaṃ vā samatikkamo vā’’ti vuttaṃ. Ubhinnamantarāti pītiyā virāgāti imesaṃ dvinnaṃ padānaṃ antarā, majjheti attho. Sampiṇḍanaṃ samuccayo. Maggoti upāyo. Dutiyajjhānassa hi paṭilābhaṃ vinā tatiyajjhānassa adhigamo na hotīti vitakkavicārānaṃ vūpasamo tatiyajjhānādhigamassa upāyo. Tadadhigamāyāti tatiyamaggādhigamāya.
อุปปตฺติโตติ สมวาหิตภาเวน ปติรูปโต ฌานุเปกฺขาปิ สมวาหิตเมว อโนฺตนีตํ กตฺวา ปวตฺตตีติ อาห ‘‘สมํ ปสฺสตี’’ติฯ วิสทายาติ สํกิเลสวิคเมน ปริพฺยตฺตายฯ วิปุลายาติ สาติสยํ มหคฺคตภาวปฺปตฺติโต มหติยาฯ ถามคตายาติ ปีติวิคเมน ถิรภาวปฺปตฺตายฯ นนุ เจตฺถ อุเปกฺขาเวทนาว น สมฺภวติ, ตสฺมา กถมยํ ตติยชฺฌานสมงฺคี อุเปกฺขาย สมนฺนาคตตฺตา ‘‘อุเปกฺขโก’’ติ วุจฺจตีติ เจ? น เกวลํ เวทนุเปกฺขาว อุเปกฺขาติ วุจฺจติ, อถ โข อญฺญาปิ อุเปกฺขา วิชฺชนฺตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘อุเปกฺขา ปน ทสวิธา โหตี’’ติอาทิฯ ตตฺถ (ธ. ส. อฎฺฐ. ๑๖๓; วิสุทฺธิ. ๑.๘๔) ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ น ทุมฺมโน, อุเปกฺขโก วิหรติ สโต สมฺปชาโน’’ติ (อ. นิ. ๖.๑) เอวมาคตา ขีณาสวสฺส ฉสุ ทฺวาเรสุ อิฎฺฐานิฎฺฐฉฬารมฺมณาปาเถ ปริสุทฺธปกติภาวาวิชหนาการภูตา อุเปกฺขา ฉฬงฺคุเปกฺขา นามฯ
Upapattitoti samavāhitabhāvena patirūpato jhānupekkhāpi samavāhitameva antonītaṃ katvā pavattatīti āha ‘‘samaṃ passatī’’ti. Visadāyāti saṃkilesavigamena paribyattāya. Vipulāyāti sātisayaṃ mahaggatabhāvappattito mahatiyā. Thāmagatāyāti pītivigamena thirabhāvappattāya. Nanu cettha upekkhāvedanāva na sambhavati, tasmā kathamayaṃ tatiyajjhānasamaṅgī upekkhāya samannāgatattā ‘‘upekkhako’’ti vuccatīti ce? Na kevalaṃ vedanupekkhāva upekkhāti vuccati, atha kho aññāpi upekkhā vijjantīti dassento āha ‘‘upekkhā pana dasavidhā hotī’’tiādi. Tattha (dha. sa. aṭṭha. 163; visuddhi. 1.84) ‘‘idha, bhikkhave, bhikkhu cakkhunā rūpaṃ disvā neva sumano hoti na dummano, upekkhako viharati sato sampajāno’’ti (a. ni. 6.1) evamāgatā khīṇāsavassa chasu dvāresu iṭṭhāniṭṭhachaḷārammaṇāpāthe parisuddhapakatibhāvāvijahanākārabhūtā upekkhā chaḷaṅgupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๘) เอวมาคตา สเตฺตสุ มชฺฌตฺตาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharatī’’ti (dī. ni. 3.308) evamāgatā sattesu majjhattākārabhūtā upekkhā, ayaṃ brahmavihārupekkhā nāma.
ยา ‘‘อุเปกฺขาสโมฺพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๗; สํ. นิ. ๕.๑๘๒, ๑๙๐-๑๙๑) เอวมาคตา สหชาตธมฺมานํ มชฺฌตฺตาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา นามฯ
Yā ‘‘upekkhāsambojjhaṅgaṃ bhāveti vivekanissita’’nti (ma. ni. 1.27; saṃ. ni. 5.182, 190-191) evamāgatā sahajātadhammānaṃ majjhattākārabhūtā upekkhā, ayaṃ bojjhaṅgupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘กาเลน กาลํ อุเปกฺขานิมิตฺตํ มนสิ กโรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๓) เอวมาคตา อนจฺจารทฺธนาติสิถิลวีริยสงฺขาตา อุเปกฺขา, อยํ วีริยุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘kālena kālaṃ upekkhānimittaṃ manasi karotī’’ti (a. ni. 3.103) evamāgatā anaccāraddhanātisithilavīriyasaṅkhātā upekkhā, ayaṃ vīriyupekkhā nāma.
ยา –
Yā –
‘‘กติ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, กติ สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ? อฎฺฐ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ, ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติฯ
‘‘Kati saṅkhārupekkhā samathavasena uppajjanti, kati saṅkhārupekkhā vipassanāvasena uppajjanti? Aṭṭha saṅkhārupekkhā samathavasena uppajjanti, dasa saṅkhārupekkhā vipassanāvasena uppajjanti.
‘‘กตมา อฎฺฐ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติ? ปฐมชฺฌานปฎิลาภตฺถาย นีวรเณ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, ทุติยชฺฌานปฎิลาภตฺถาย วิตกฺกวิจาเร ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, ตติยชฺฌานปฎิลาภตฺถาย ปีติํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, จตุตฺถชฺฌานปฎิลาภตฺถาย สุขทุเกฺข ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, อากาสานญฺจายตนสมาปตฺติปฎิลาภตฺถาย รูปสญฺญํ ปฎิฆสญฺญํ นานตฺตสญฺญํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, วิญฺญาณญฺจายตนสมาปตฺติปฎิลาภตฺถาย อากาสานญฺจายตนสญฺญํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, อากิญฺจญฺญายตนสมาปตฺติปฎิลาภตฺถาย วิญฺญาณญฺจายตนสญฺญํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนสมาปตฺติปฎิลาภตฺถาย อากิญฺจญฺญายตนสญฺญํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, อิมา อฎฺฐ สงฺขารุเปกฺขา สมถวเสน อุปฺปชฺชนฺติฯ
‘‘Katamā aṭṭha saṅkhārupekkhā samathavasena uppajjanti? Paṭhamajjhānapaṭilābhatthāya nīvaraṇe paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, dutiyajjhānapaṭilābhatthāya vitakkavicāre paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, tatiyajjhānapaṭilābhatthāya pītiṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, catutthajjhānapaṭilābhatthāya sukhadukkhe paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, ākāsānañcāyatanasamāpattipaṭilābhatthāya rūpasaññaṃ paṭighasaññaṃ nānattasaññaṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, viññāṇañcāyatanasamāpattipaṭilābhatthāya ākāsānañcāyatanasaññaṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, ākiñcaññāyatanasamāpattipaṭilābhatthāya viññāṇañcāyatanasaññaṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, nevasaññānāsaññāyatanasamāpattipaṭilābhatthāya ākiñcaññāyatanasaññaṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, imā aṭṭha saṅkhārupekkhā samathavasena uppajjanti.
‘‘กตมา ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ? โสตาปตฺติมคฺคปฎิลาภตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฎิสนฺธิํ คติํ นิพฺพตฺติํ อุปปตฺติํ ชาติํ ชรํ พฺยาธิํ มรณํ โสกํ ปริเทวํ อุปายาสํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฎิสนฺธิํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, สกทาคามิมคฺคปอลาภตฺถาย…เป.… สกทาคามิผลสมาปตฺตตฺถาย…เป.… อนาคามิมคฺคปฎิลาภตฺถาย…เป.… อนาคามิผลสมาปตฺตตฺถาย…เป.… อรหตฺตมคฺคปฎิลาภตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฎิสนฺธิํ คติํ นิพฺพตฺติํ อุปปตฺติํ ชาติํ ชรํ พฺยาธิํ มรณํ โสกํ ปริเทวํ อุปายาสํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, อรหตฺตผลสมาปตฺตตฺถาย…เป.… สุญฺญตวิหารสมาปตฺตตฺถาย…เป.… อนิมิตฺตวิหารสมอาปตฺตตฺถาย อุปฺปาทํ ปวตฺตํ นิมิตฺตํ อายูหนํ ปฎิสนฺธิํ ปฎิสงฺขา สนฺติฎฺฐนา ปญฺญา สงฺขารุเปกฺขาสุ ญาณํ, อิมา ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๕๗) –
‘‘Katamā dasa saṅkhārupekkhā vipassanāvasena uppajjanti? Sotāpattimaggapaṭilābhatthāya uppādaṃ pavattaṃ nimittaṃ āyūhanaṃ paṭisandhiṃ gatiṃ nibbattiṃ upapattiṃ jātiṃ jaraṃ byādhiṃ maraṇaṃ sokaṃ paridevaṃ upāyāsaṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, sotāpattiphalasamāpattatthāya uppādaṃ pavattaṃ nimittaṃ āyūhanaṃ paṭisandhiṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, sakadāgāmimaggapaalābhatthāya…pe… sakadāgāmiphalasamāpattatthāya…pe… anāgāmimaggapaṭilābhatthāya…pe… anāgāmiphalasamāpattatthāya…pe… arahattamaggapaṭilābhatthāya uppādaṃ pavattaṃ nimittaṃ āyūhanaṃ paṭisandhiṃ gatiṃ nibbattiṃ upapattiṃ jātiṃ jaraṃ byādhiṃ maraṇaṃ sokaṃ paridevaṃ upāyāsaṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, arahattaphalasamāpattatthāya…pe… suññatavihārasamāpattatthāya…pe… animittavihārasamaāpattatthāya uppādaṃ pavattaṃ nimittaṃ āyūhanaṃ paṭisandhiṃ paṭisaṅkhā santiṭṭhanā paññā saṅkhārupekkhāsu ñāṇaṃ, imā dasa saṅkhārupekkhā vipassanāvasena uppajjantī’’ti (paṭi. ma. 1.57) –
เอวมาคตา นีวรณาทิปฎิสงฺขาสนฺติฎฺฐนาการภูตา อุเปกฺขา, อยํ สงฺขารุเปกฺขา นามฯ
Evamāgatā nīvaraṇādipaṭisaṅkhāsantiṭṭhanākārabhūtā upekkhā, ayaṃ saṅkhārupekkhā nāma.
ตตฺถ นีวรเณ ปฎิสงฺขาติ ปญฺจ นีวรณานิ ปหาตพฺพภาเวน ปฎิสงฺขาย, ปริคฺคเหตฺวาติ อโตฺถฯ สนฺติฎฺฐนาติ นีวรณานํ ปหานาภิมุขีภูตตฺตา เตสํ ปหาเนปิ อพฺยาปารภาวูปคมเนน มชฺฌตฺตตาย สนฺติฎฺฐนาฯ สงฺขารุเปกฺขาสูติ นีวรณปฺปหาเน พฺยาปารากรเณน นีวรณสงฺขาตานํ สงฺขารานํ อุเปกฺขนาสูติ อโตฺถฯ เอส นโย วิตกฺกวิจาราทีสุ อุปฺปาทาทีสุ จฯ ตตฺถ อุปฺปาทนฺติ ปุริมกมฺมปจฺจยา ขนฺธานํ อิธ อุปฺปตฺติมาหฯ ปวตฺตนฺติ ตถาอุปฺปนฺนสฺส ปวตฺติํฯ นิมิตฺตนฺติ สพฺพมฺปิ เตภูมกํ สงฺขารคตํ นิมิตฺตภาเวน อุปฎฺฐานโตฯ อายูหนนฺติ อายติํ ปฎิสนฺธิเหตุภูตํ กมฺมํฯ ปฎิสนฺธินฺติ อายติํ อุปปตฺติํฯ คตินฺติ ยาย คติยา สา ปฎิสนฺธิ โหติฯ นิพฺพตฺตินฺติ ขนฺธานํ นิพฺพตฺตนํฯ อุปปตฺตินฺติ วิปากปฺปวตฺติํฯ ชาตินฺติ ชราทีนํ ปจฺจยภูตํ ภวปจฺจยา ชาติํฯ ชรามรณาทโย ปากฎา เอวฯ
Tattha nīvaraṇe paṭisaṅkhāti pañca nīvaraṇāni pahātabbabhāvena paṭisaṅkhāya, pariggahetvāti attho. Santiṭṭhanāti nīvaraṇānaṃ pahānābhimukhībhūtattā tesaṃ pahānepi abyāpārabhāvūpagamanena majjhattatāya santiṭṭhanā. Saṅkhārupekkhāsūti nīvaraṇappahāne byāpārākaraṇena nīvaraṇasaṅkhātānaṃ saṅkhārānaṃ upekkhanāsūti attho. Esa nayo vitakkavicārādīsu uppādādīsu ca. Tattha uppādanti purimakammapaccayā khandhānaṃ idha uppattimāha. Pavattanti tathāuppannassa pavattiṃ. Nimittanti sabbampi tebhūmakaṃ saṅkhāragataṃ nimittabhāvena upaṭṭhānato. Āyūhananti āyatiṃ paṭisandhihetubhūtaṃ kammaṃ. Paṭisandhinti āyatiṃ upapattiṃ. Gatinti yāya gatiyā sā paṭisandhi hoti. Nibbattinti khandhānaṃ nibbattanaṃ. Upapattinti vipākappavattiṃ. Jātinti jarādīnaṃ paccayabhūtaṃ bhavapaccayā jātiṃ. Jarāmaraṇādayo pākaṭā eva.
เอตฺถ จ อุปฺปาทาทโย ปเญฺจว สงฺขารุเปกฺขาญาณสฺส วิสยวเสน วุตฺตา, เสสา เตสํ เววจนวเสนฯ นิพฺพตฺติ ชาตีติ อิทญฺหิ ทฺวยํ อุปฺปาทสฺส เจว ปฎิสนฺธิยา จ เววจนํฯ คติ อุปปตฺติ จาติ อิทํ ทฺวยํ ปวตฺตสฺส, ชราทโย นิมิตฺตสฺสาติ เวทิตพฺพํฯ นนุ เจตฺถ จตูสุ มคฺควาเรสุ ‘‘อุปฺปาท’’นฺติอาทีนิ ปญฺจ มูลปทานิ, ‘‘คตี’’ติอาทีนิ ทส เววจนปทานีติ ปนฺนรส ปทานิ วุตฺตานิ, ฉสุ ปน ผลสมาปตฺติวาเรสุ ปญฺจ มูลปทาเนว วุตฺตานิ, ตํ กสฺมาติ เจ? สงฺขารุเปกฺขาย ติกฺขภาเว สติ กิเลสปฺปหานสมตฺถสฺส มคฺคสฺส สพฺภาวโต ตสฺสา ติกฺขภาวทสฺสนตฺถํ เววจนปเทหิ สห ทฬฺหํ กตฺวา มูลปทานิ วุตฺตานิ, ผลสฺส นิรุสฺสาหภาเวน สนฺตสภาวตฺตา มคฺคายตฺตตฺตา จ มนฺทภูตาปิ สงฺขารุเปกฺขา ผลสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทสฺสนตฺถํ มูลปทาเนว วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิฯ
Ettha ca uppādādayo pañceva saṅkhārupekkhāñāṇassa visayavasena vuttā, sesā tesaṃ vevacanavasena. Nibbatti jātīti idañhi dvayaṃ uppādassa ceva paṭisandhiyā ca vevacanaṃ. Gati upapatti cāti idaṃ dvayaṃ pavattassa, jarādayo nimittassāti veditabbaṃ. Nanu cettha catūsu maggavāresu ‘‘uppāda’’ntiādīni pañca mūlapadāni, ‘‘gatī’’tiādīni dasa vevacanapadānīti pannarasa padāni vuttāni, chasu pana phalasamāpattivāresu pañca mūlapadāneva vuttāni, taṃ kasmāti ce? Saṅkhārupekkhāya tikkhabhāve sati kilesappahānasamatthassa maggassa sabbhāvato tassā tikkhabhāvadassanatthaṃ vevacanapadehi saha daḷhaṃ katvā mūlapadāni vuttāni, phalassa nirussāhabhāvena santasabhāvattā maggāyattattā ca mandabhūtāpi saṅkhārupekkhā phalassa paccayo hotīti dassanatthaṃ mūlapadāneva vuttānīti veditabbāni.
ตตฺถ ‘‘โสตาปตฺติมคฺคปฎิลาภตฺถายา’’ติอาทีสุ จตูสุ มคฺควาเรสุ สุญฺญตานิมิตฺตปฺปณิหิตมคฺคานํ อญฺญตโร วุโตฺตฯ ‘‘โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถายา’’ติอาทีสุ จตูสุ ผลวาเรสุ ปน อปฺปณิหิตผลสมาปตฺติ เวทิตพฺพาฯ กสฺมา? สุญฺญตวิหารสมาปตฺตตฺถาย อนิมิตฺตวิหารสมาปตฺตตฺถายาติ อิตราสํ ทฺวินฺนํ ผลสมาปตฺตีนํ วิสุํ วุตฺตตฺตาฯ อนิจฺจานุปสฺสนาวุฎฺฐานวเสน หิ อนิมิตฺตมโคฺค, ตเถว ผลสมาปตฺติกาเล อนิมิตฺตผลสมาปตฺติ, ทุกฺขานุปสฺสนาวุฎฺฐานวเสน อปฺปณิหิตมคฺคผลสมาปตฺติโย, อนตฺตานุปสฺสนาวุฎฺฐานวสเอน สุญฺญตมคฺคผลสมาปตฺติโย สุตฺตนฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ เอวญฺจ กตฺวา สุญฺญตาทิวิโมกฺขวเสน มคฺคุปฺปตฺติเหตุภูตา จตโสฺส, ตถา อปฺปณิหิตผลสมาปตฺติยา จตโสฺส, สุญฺญตวิหารอนิมิตฺตวิหารวเสน เทฺวติ ทส สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนาปญฺญา วุตฺตา, สมถสงฺขารุเปกฺขา ปน อปฺปนาวีถิยา อาสนฺนปุพฺพภาเค พลปฺปตฺตํ ภาวนามยญาณํฯ
Tattha ‘‘sotāpattimaggapaṭilābhatthāyā’’tiādīsu catūsu maggavāresu suññatānimittappaṇihitamaggānaṃ aññataro vutto. ‘‘Sotāpattiphalasamāpattatthāyā’’tiādīsu catūsu phalavāresu pana appaṇihitaphalasamāpatti veditabbā. Kasmā? Suññatavihārasamāpattatthāya animittavihārasamāpattatthāyāti itarāsaṃ dvinnaṃ phalasamāpattīnaṃ visuṃ vuttattā. Aniccānupassanāvuṭṭhānavasena hi animittamaggo, tatheva phalasamāpattikāle animittaphalasamāpatti, dukkhānupassanāvuṭṭhānavasena appaṇihitamaggaphalasamāpattiyo, anattānupassanāvuṭṭhānavasaena suññatamaggaphalasamāpattiyo suttantanayena veditabbā. Evañca katvā suññatādivimokkhavasena magguppattihetubhūtā catasso, tathā appaṇihitaphalasamāpattiyā catasso, suññatavihāraanimittavihāravasena dveti dasa saṅkhārupekkhāvipassanāpaññā vuttā, samathasaṅkhārupekkhā pana appanāvīthiyā āsannapubbabhāge balappattaṃ bhāvanāmayañāṇaṃ.
ยา ปน ‘‘ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ อุเปกฺขาสหคต’’นฺติ (ธ. ส. ๑๕๐) เอวมาคตา อทุกฺขมสุขสญฺญิตา อุเปกฺขา, อยํ เวทนุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hoti upekkhāsahagata’’nti (dha. sa. 150) evamāgatā adukkhamasukhasaññitā upekkhā, ayaṃ vedanupekkhā nāma.
ยา ‘‘ยทตฺถิ ยํ ภูตํ, ตํ ปชหติ, อุเปกฺขํ ปฎิลภตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๑; อ. นิ. ๗.๕๕) เอวมาคตา วิจินเน มชฺฌตฺตภูตา อุเปกฺขา, อยํ วิปสฺสนุเปกฺขา นามฯ
Yā ‘‘yadatthi yaṃ bhūtaṃ, taṃ pajahati, upekkhaṃ paṭilabhatī’’ti (ma. ni. 3.71; a. ni. 7.55) evamāgatā vicinane majjhattabhūtā upekkhā, ayaṃ vipassanupekkhā nāma.
ตตฺถ ยทตฺถิ ยํ ภูตนฺติ ขนฺธปญฺจกํ, ตํ มุญฺจิตุกมฺยตาญาเณน ปชหติฯ อุเปกฺขํ ปฎิลภตีติ ทิฎฺฐโสวตฺติกตฺตยสฺส สปฺปสฺส ลกฺขณวิจินเน วิย ทิฎฺฐลกฺขณตฺตยสฺส ขนฺธปญฺจกสฺส สงฺขารลกฺขณวิจินเน อุเปกฺขํ ปฎิลภตีติ อโตฺถฯ
Tattha yadatthi yaṃ bhūtanti khandhapañcakaṃ, taṃ muñcitukamyatāñāṇena pajahati. Upekkhaṃ paṭilabhatīti diṭṭhasovattikattayassa sappassa lakkhaṇavicinane viya diṭṭhalakkhaṇattayassa khandhapañcakassa saṅkhāralakkhaṇavicinane upekkhaṃ paṭilabhatīti attho.
ยา ปน ฉนฺทาทีสุ เยวาปนเกสุ อาคตา สหชาตานํ สมปฺปวตฺติเหตุภูตา อุเปกฺขา, อยํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา นามฯ
Yā pana chandādīsu yevāpanakesu āgatā sahajātānaṃ samappavattihetubhūtā upekkhā, ayaṃ tatramajjhattupekkhā nāma.
ยา ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหรตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๐; ธ. ส. ๑๖๓) เอวมาคตา อคฺคสุเขปิ ตสฺมิํ อปกฺขปาตชนนี อุเปกฺขา, อยํ ฌานุเปกฺขา นามฯ
Yā ‘‘upekkhako ca viharatī’’ti (dī. ni. 1.230; dha. sa. 163) evamāgatā aggasukhepi tasmiṃ apakkhapātajananī upekkhā, ayaṃ jhānupekkhā nāma.
ยา ปน ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ธ. ส. ๑๖๕) เอวมาคตา สพฺพปจฺจนีกปริสุทฺธา ปจฺจนีกวูปสมเนปิ อพฺยาปารภูตา อุเปกฺขา, อยํ ปาริสุทฺธุเปกฺขา นามฯ
Yā pana ‘‘upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhāna’’nti (dī. ni. 1.232; dha. sa. 165) evamāgatā sabbapaccanīkaparisuddhā paccanīkavūpasamanepi abyāpārabhūtā upekkhā, ayaṃ pārisuddhupekkhā nāma.
ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา จ พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา จ โพชฺฌงฺคุเปกฺขา จ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา จ ฌานุเปกฺขา จ ปาริสุทฺธุเปกฺขา จ อตฺถโต เอกา ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว โหติฯ เตน เตน อวตฺถาเภเทน ปนสฺสา อยํ เภโท เอกสฺสปิ สโต สตฺตสฺส กุมารยุวเถรเสนาปติราชาทิวเสน เภโท วิยฯ ตสฺมา ตาสุ ยตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขา, น ตตฺถ โพชฺฌงฺคุเปกฺขาทโยฯ ยตฺถ วา ปน โพชฺฌงฺคุเปกฺขา, น ตตฺถ ฉฬงฺคุเปกฺขาทโย โหนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ ยถา เจตาสํ อตฺถโต เอกีภาโว, เอวํ สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขานมฺปิฯ ปญฺญา เอว หิ สา กิจฺจวเสน ทฺวิธา ภินฺนาฯ ยถา หิ ปุริสสฺส สายํ เคหํ ปวิฎฺฐํ สปฺปํ อชปททณฺฑํ คเหตฺวา ปริเยสมานสฺส ตํ ถุสโกฎฺฐเก นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘สโปฺป นุ โข, โน’’ติ อวโลเกนฺตสฺส โสวตฺติกตฺตยํ ทิสฺวา นิเพฺพมติกสฺส ‘‘สโปฺป, น สโปฺป’’ติ วิจินเน มชฺฌตฺตตา โหติ, เอวเมว ยา อารทฺธวิปสฺสกสฺส วิปสฺสนาญาเณน ลกฺขณตฺตเย ทิเฎฺฐ สงฺขารานํ อนิจฺจภาวาทิวิจินเน มชฺฌตฺตตา อุปฺปชฺชติ, อยํ วิปสฺสนุเปกฺขาฯ ยถา ปน ตสฺส ปุริสสฺส อชปเทน ทเณฺฑน คาฬฺหํ สปฺปํ คเหตฺวา ‘‘กินฺตาหํ อิมํ สปฺปํ อวิเหเฐโนฺต อตฺตานญฺจ อิมินา อฑํสาเปโนฺต มุเญฺจยฺย’’นฺติ มุญฺจนาการเมว ปริเยสโต คหเณ มชฺฌตฺตตา โหติ, เอวเมว ยา ลกฺขณตฺตยสฺส ทิฎฺฐตฺตา อาทิเตฺต วิย ตโย ภเว ปสฺสโต สงฺขารคฺคหเณ มชฺฌตฺตตา, อยํ สงฺขารุเปกฺขาฯ อิติ วิปสฺสนุเปกฺขาย สิทฺธาย สงฺขารุเปกฺขาปิ สิทฺธาว โหติฯ อิมินา ปเนสา วิจินนคหเณสุ มชฺฌตฺตสงฺขาเตน กิเจฺจน ทฺวิธา ภินฺนาฯ วีริยุเปกฺขา ปน เวทนุเปกฺขา จ อญฺญมญฺญญฺจ อวเสสาหิ จ อตฺถโต ภินฺนา เอวาติฯ
Tattha chaḷaṅgupekkhā ca brahmavihārupekkhā ca bojjhaṅgupekkhā ca tatramajjhattupekkhā ca jhānupekkhā ca pārisuddhupekkhā ca atthato ekā tatramajjhattupekkhāva hoti. Tena tena avatthābhedena panassā ayaṃ bhedo ekassapi sato sattassa kumārayuvatherasenāpatirājādivasena bhedo viya. Tasmā tāsu yattha chaḷaṅgupekkhā, na tattha bojjhaṅgupekkhādayo. Yattha vā pana bojjhaṅgupekkhā, na tattha chaḷaṅgupekkhādayo hontīti veditabbā. Yathā cetāsaṃ atthato ekībhāvo, evaṃ saṅkhārupekkhāvipassanupekkhānampi. Paññā eva hi sā kiccavasena dvidhā bhinnā. Yathā hi purisassa sāyaṃ gehaṃ paviṭṭhaṃ sappaṃ ajapadadaṇḍaṃ gahetvā pariyesamānassa taṃ thusakoṭṭhake nipannaṃ disvā ‘‘sappo nu kho, no’’ti avalokentassa sovattikattayaṃ disvā nibbematikassa ‘‘sappo, na sappo’’ti vicinane majjhattatā hoti, evameva yā āraddhavipassakassa vipassanāñāṇena lakkhaṇattaye diṭṭhe saṅkhārānaṃ aniccabhāvādivicinane majjhattatā uppajjati, ayaṃ vipassanupekkhā. Yathā pana tassa purisassa ajapadena daṇḍena gāḷhaṃ sappaṃ gahetvā ‘‘kintāhaṃ imaṃ sappaṃ aviheṭhento attānañca iminā aḍaṃsāpento muñceyya’’nti muñcanākārameva pariyesato gahaṇe majjhattatā hoti, evameva yā lakkhaṇattayassa diṭṭhattā āditte viya tayo bhave passato saṅkhāraggahaṇe majjhattatā, ayaṃ saṅkhārupekkhā. Iti vipassanupekkhāya siddhāya saṅkhārupekkhāpi siddhāva hoti. Iminā panesā vicinanagahaṇesu majjhattasaṅkhātena kiccena dvidhā bhinnā. Vīriyupekkhā pana vedanupekkhā ca aññamaññañca avasesāhi ca atthato bhinnā evāti.
อิมาสํ ปน ทสนฺนมฺปิ อุเปกฺขานํ ภูมิปุคฺคลาทิวเสน วิภาโค ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘เอวมยํ ทสวิธาปี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ภูมิปุคฺคลจิตฺตารมฺมณโตติ ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา กามาวจรา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา รูปาวจรา’’ติ เอวมาทินา ภูมิโตฯ ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา ขีณาสวเสฺสว, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ติณฺณมฺปิ ปุถุชฺชนเสกฺขาเสกฺขาน’’นฺติ เอวมาทินา ปุคฺคลโตฯ ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา โสมนสฺสุเปกฺขาสหคตจิตฺตสมฺปยุตฺตา’’ติอาทินา จิตฺตโตฯ ‘‘ฉฬงฺคุเปกฺขา ฉฬารมฺมณา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา ธมฺมารมฺมณา’’ติอาทินา อารมฺมณโตฯ ขนฺธสงฺคหเอกกฺขณกุสลตฺติกสเงฺขปวเสนาติ ‘‘เวทนุเปกฺขา เวทนากฺขเนฺธน สงฺคหิตา, อิตรา นว สงฺขารกฺขเนฺธนา’’ติ ขนฺธสงฺคหวเสนฯ ฉฬงฺคุเปกฺขา พฺรหฺมวิหารโพชฺฌงฺคฌานปาริสุทฺธิตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา จ อตฺถโต เอกา, ตสฺมา เอกกฺขเณ ตาสุ เอกาย สติ น อิตรา, ตถา สงฺขารุเปกฺขาวิปสฺสนุเปกฺขาปิ เวทิตพฺพา, เวทนาวีริยุเปกฺขานํ เอกกฺขเณ สิยา อุปฺปตฺตีติ เอวํ เอกกฺขณวเสนฯ ฉฬงฺคุเปกฺขา อพฺยากตา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา กุสลาพฺยากตา, ตถา เสสา, เวทนุเปกฺขา ปน สิยา อกุสลาปีติ เอวํ กุสลตฺติกวเสนฯ ทสเปตา สเงฺขปโต จตฺตาโรว ธมฺมา วีริยเวทนาตตฺรมชฺฌตฺตตาญาณวเสนาติ เอวํ สเงฺขปวเสนฯ
Imāsaṃ pana dasannampi upekkhānaṃ bhūmipuggalādivasena vibhāgo tattha tattha vuttanayeneva veditabboti dassento āha ‘‘evamayaṃ dasavidhāpī’’tiādi. Tattha bhūmipuggalacittārammaṇatoti ‘‘chaḷaṅgupekkhā kāmāvacarā, brahmavihārupekkhā rūpāvacarā’’ti evamādinā bhūmito. ‘‘Chaḷaṅgupekkhā khīṇāsavasseva, brahmavihārupekkhā tiṇṇampi puthujjanasekkhāsekkhāna’’nti evamādinā puggalato. ‘‘Chaḷaṅgupekkhā somanassupekkhāsahagatacittasampayuttā’’tiādinā cittato. ‘‘Chaḷaṅgupekkhā chaḷārammaṇā, brahmavihārupekkhā dhammārammaṇā’’tiādinā ārammaṇato. Khandhasaṅgahaekakkhaṇakusalattikasaṅkhepavasenāti ‘‘vedanupekkhā vedanākkhandhena saṅgahitā, itarā nava saṅkhārakkhandhenā’’ti khandhasaṅgahavasena. Chaḷaṅgupekkhā brahmavihārabojjhaṅgajhānapārisuddhitatramajjhattupekkhā ca atthato ekā, tasmā ekakkhaṇe tāsu ekāya sati na itarā, tathā saṅkhārupekkhāvipassanupekkhāpi veditabbā, vedanāvīriyupekkhānaṃ ekakkhaṇe siyā uppattīti evaṃ ekakkhaṇavasena. Chaḷaṅgupekkhā abyākatā, brahmavihārupekkhā kusalābyākatā, tathā sesā, vedanupekkhā pana siyā akusalāpīti evaṃ kusalattikavasena. Dasapetā saṅkhepato cattārova dhammā vīriyavedanātatramajjhattatāñāṇavasenāti evaṃ saṅkhepavasena.
อิทานิ อิธาธิเปฺปตาย ฌานุเปกฺขาย ลกฺขณาทิํ นิทฺธาเรตฺวา ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ลกฺขณาทิโต ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ อนาโภครสาติ ปณีตสุเขปิ ตสฺมิํ อวนติปฎิปกฺขกิจฺจาติ อโตฺถฯ อพฺยาปารปจฺจุปฎฺฐานาติ สติปิ สุขปารมิปฺปตฺติยํ ตสฺมิํ สุเข อพฺยาวฎา หุตฺวา ปจฺจุปติฎฺฐติ, สมฺปยุตฺตานํ วา ตตฺถ อพฺยาปารํ ปจฺจุปฎฺฐเปตีติ อโตฺถฯ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ โขภํ อุปฺปิลวญฺจ อาวหเนฺตหิ วิตกฺกาทีหิ อภิภูตตฺตา อปริพฺยตฺตํ ตตฺถ ตตฺรมชฺฌตฺตตาย กิจฺจํ, ตทภาวโต อิธ ปริพฺยตฺตนฺติ อาห ‘‘อปริพฺยตฺตกิจฺจโต’’ติฯ เตเนวาห ‘‘อปริพฺยตฺตํ หี’’ติอาทิฯ
Idāni idhādhippetāya jhānupekkhāya lakkhaṇādiṃ niddhāretvā dassento āha ‘‘lakkhaṇādito panā’’tiādi. Tattha anābhogarasāti paṇītasukhepi tasmiṃ avanatipaṭipakkhakiccāti attho. Abyāpārapaccupaṭṭhānāti satipi sukhapāramippattiyaṃ tasmiṃ sukhe abyāvaṭā hutvā paccupatiṭṭhati, sampayuttānaṃ vā tattha abyāpāraṃ paccupaṭṭhapetīti attho. Sampayuttadhammānaṃ khobhaṃ uppilavañca āvahantehi vitakkādīhi abhibhūtattā aparibyattaṃ tattha tatramajjhattatāya kiccaṃ, tadabhāvato idha paribyattanti āha ‘‘aparibyattakiccato’’ti. Tenevāha ‘‘aparibyattaṃ hī’’tiādi.
อิทานิ สโต จ สมฺปชาโนติ เอตฺถ ‘‘วุจฺจตี’’ติ อชฺฌาหริตพฺพํฯ สรตีติ อิมินา ‘‘สโต’’ติ ปทสฺส กตฺตุสาธนตมาหฯ สมฺปชานาตีติ สมฺมเทว ปชานาติฯ ปุคฺคเลนาติ ปุคฺคลาธิฎฺฐาเนนฯ สรณํ จินฺตนํ อุปฎฺฐานํ ลกฺขณเมติสฺสาติ สรณลกฺขณาฯ สมฺมุสฺสนปฎิปโกฺข อสมฺมุสฺสนํ กิจฺจํ เอติสฺสาติ อสมฺมุสฺสนรสาฯ กิเลเสหิ อารกฺขา หุตฺวา ปจฺจุปติฎฺฐติ, ตโต วา อารกฺขํ ปจฺจุปฎฺฐเปตีติ อารกฺขปจฺจุปฎฺฐานาฯ อสมฺมุยฺหนํ สมฺมเทว ปชานนํ, สโมฺมหปฎิปโกฺข วา อสโมฺมโห ลกฺขณเมตสฺสาติ อสโมฺมหลกฺขณํฯ ตีรณํ กิจฺจสฺส ปารคมนํฯ ปวิจโย วีมํสาฯ กามํ อุปจารชฺฌานาทิํ อุปาทาย ปฐมทุติยชฺฌานานิปิ สุขุมาเนว, อิมํ ปน อุปริมชฺฌานํ อุปาทาย ‘‘โอฬาริกตฺตา ปน เตสํ ฌานาน’’นฺติ วุตฺตํ, สา จ โอฬาริกตา วิตกฺกาทิถูลงฺคตาย เวทิตพฺพาฯ เกจิ ‘‘พหุเจตสิกตายา’’ติ จ วทนฺติฯ ภูมิยํ วิย ปุริสสฺสาติ ปุริสสฺส ภูมิยํ คติ วิยาติ วุตฺตํ โหติฯ คติ สุขา โหตีติ เตสุ ฌาเนสุ คติ สุขา โหติฯ อพฺยตฺตํ ตตฺถ สติสมฺปชญฺญกิจฺจนฺติ ‘‘อิทํ นาม ทุกฺกรํ กรียตี’’ติ วตฺตพฺพสฺส อภาวโต วุตฺตํฯ โอฬาริกงฺคปฺปหาเนน ปน สุขุมตฺตาติ อยมโตฺถ กามํ ทุติยชฺฌาเนปิ สมฺภวติ, ตถาปิ เยภุเยฺยน อวิปฺปโยคีภาเวน วตฺตมาเนสุ ปีติสุเขสุ ปีติสงฺขาตสฺส โอฬาริกงฺคสฺส ปหาเนน สุขุมตาย อิธ สาติสโย สติปญฺญาพฺยาปาโรติ วุตฺตํ ‘‘ปุริสสฺสา’’ติอาทิฯ เธนุํ ปิวตีติ เธนุปโค, เธนุยา ขีรํ ปิวโนฺตติ วุตฺตํ โหติฯ ปุนเทว ปีติํ อุปคเจฺฉยฺยาติ หานภาคิยํ ฌานํ สิยา , ทุติยชฺฌานเมว สมฺปเชฺชยฺยาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปีติสมฺปยุตฺตเมว สิยา’’ติฯ อิทญฺจ อติมธุรํ สุขนฺติ ตติยชฺฌาเน สุขํ สนฺธายาห, อติมธุรตา จสฺส ปหาโสทคฺยสภาวาย ปีติยา อภาเวเนว เวทิตพฺพาฯ อิทนฺติ ‘‘สโต สมฺปชาโน’’ติ ปททฺวยํฯ
Idānisato ca sampajānoti ettha ‘‘vuccatī’’ti ajjhāharitabbaṃ. Saratīti iminā ‘‘sato’’ti padassa kattusādhanatamāha. Sampajānātīti sammadeva pajānāti. Puggalenāti puggalādhiṭṭhānena. Saraṇaṃ cintanaṃ upaṭṭhānaṃ lakkhaṇametissāti saraṇalakkhaṇā. Sammussanapaṭipakkho asammussanaṃ kiccaṃ etissāti asammussanarasā. Kilesehi ārakkhā hutvā paccupatiṭṭhati, tato vā ārakkhaṃ paccupaṭṭhapetīti ārakkhapaccupaṭṭhānā. Asammuyhanaṃ sammadeva pajānanaṃ, sammohapaṭipakkho vā asammoho lakkhaṇametassāti asammohalakkhaṇaṃ. Tīraṇaṃ kiccassa pāragamanaṃ. Pavicayo vīmaṃsā. Kāmaṃ upacārajjhānādiṃ upādāya paṭhamadutiyajjhānānipi sukhumāneva, imaṃ pana uparimajjhānaṃ upādāya ‘‘oḷārikattā pana tesaṃ jhānāna’’nti vuttaṃ, sā ca oḷārikatā vitakkādithūlaṅgatāya veditabbā. Keci ‘‘bahucetasikatāyā’’ti ca vadanti. Bhūmiyaṃ viya purisassāti purisassa bhūmiyaṃ gati viyāti vuttaṃ hoti. Gati sukhā hotīti tesu jhānesu gati sukhā hoti. Abyattaṃ tattha satisampajaññakiccanti ‘‘idaṃ nāma dukkaraṃ karīyatī’’ti vattabbassa abhāvato vuttaṃ. Oḷārikaṅgappahānena pana sukhumattāti ayamattho kāmaṃ dutiyajjhānepi sambhavati, tathāpi yebhuyyena avippayogībhāvena vattamānesu pītisukhesu pītisaṅkhātassa oḷārikaṅgassa pahānena sukhumatāya idha sātisayo satipaññābyāpāroti vuttaṃ ‘‘purisassā’’tiādi. Dhenuṃ pivatīti dhenupago, dhenuyā khīraṃ pivantoti vuttaṃ hoti. Punadeva pītiṃ upagaccheyyāti hānabhāgiyaṃ jhānaṃ siyā , dutiyajjhānameva sampajjeyyāti attho. Tenāha ‘‘pītisampayuttameva siyā’’ti. Idañca atimadhuraṃ sukhanti tatiyajjhāne sukhaṃ sandhāyāha, atimadhuratā cassa pahāsodagyasabhāvāya pītiyā abhāveneva veditabbā. Idanti ‘‘sato sampajāno’’ti padadvayaṃ.
สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทสินฺติ เอตฺถ กถมาโภเคน วินา สุขปฎิสํเวทนาติ อาห ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ ยสฺมา ตสฺส นามกาเยน สมฺปยุตฺตํ สุขํ, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทสิ’’นฺติ อาหาติ โยเชตพฺพํฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ‘‘สุขํ เวทยามี’’ติ เอวมาโภเค อสติปิ นามกาเยน เจตสิกสุขํ, กายิกสุขเหตุรูปสมุฎฺฐาปเนน กายิกสุขญฺจ ฌานสมงฺคี ปฎิสํเวเทตีติ วุจฺจตีติฯ ตสฺสาติ ฌานสมงฺคิโนฯ ยํ วา ตนฺติ ยํ วา ตํ ยถาวุตฺตํ นามกายสมฺปยุตฺตํ สุขํฯ ตํสมุฎฺฐาเนนาติ ตโต สมุฎฺฐิเตน อติปณีเตน รูเปน อสฺส ฌานสมงฺคิโน รูปกาโย ยสฺมา ผุโฎ, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทเสฺสโนฺตติ สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ยสฺสาติ รูปกายสฺสฯ ผุฎตฺตาติ พฺยาปิตตฺตาติ อโตฺถฯ ยถา หิ อุทเกน ผุฎฺฐสรีรสฺส ตาทิเส โผฎฺฐเพฺพ ผุเฎฺฐ สุขํ อุปฺปชฺชติ, เอวํ เอเตหิ ฌานจิตฺตสมุฎฺฐิเตหิ รูเปหิ ผุฎฺฐสรีรสฺสฯ ฌานา วุฎฺฐิโตปีติ ฌานมฺหา วุฎฺฐิโตปิฯ สุขํ ปฎิสํเวเทยฺยาติ จิตฺตสมุฎฺฐิตรูเปหิ อวเสสติสมุฎฺฐิตรูปสงฺฆฎฺฎเนน อุปฺปนฺนกายวิญฺญาเณน กายิกํ สุขํ ปฎิสํเวเทยฺยฯ เอตมตฺถนฺติ วุตฺตนเยน เจตสิกกายิกสุขปฎิสํเวทนสงฺขาตํ อตฺถํฯ
Sukhañca kāyena paṭisaṃvedesinti ettha kathamābhogena vinā sukhapaṭisaṃvedanāti āha ‘‘kiñcāpī’’tiādi. Yasmā tassa nāmakāyena sampayuttaṃ sukhaṃ, tasmā etamatthaṃ dassento ‘‘sukhañca kāyena paṭisaṃvedesi’’nti āhāti yojetabbaṃ. Ayaṃ panettha saṅkhepattho – ‘‘sukhaṃ vedayāmī’’ti evamābhoge asatipi nāmakāyena cetasikasukhaṃ, kāyikasukhaheturūpasamuṭṭhāpanena kāyikasukhañca jhānasamaṅgī paṭisaṃvedetīti vuccatīti. Tassāti jhānasamaṅgino. Yaṃ vā tanti yaṃ vā taṃ yathāvuttaṃ nāmakāyasampayuttaṃ sukhaṃ. Taṃsamuṭṭhānenāti tato samuṭṭhitena atipaṇītena rūpena assa jhānasamaṅgino rūpakāyo yasmā phuṭo, tasmā etamatthaṃ dassentoti sambandhitabbaṃ. Yassāti rūpakāyassa. Phuṭattāti byāpitattāti attho. Yathā hi udakena phuṭṭhasarīrassa tādise phoṭṭhabbe phuṭṭhe sukhaṃ uppajjati, evaṃ etehi jhānacittasamuṭṭhitehi rūpehi phuṭṭhasarīrassa. Jhānā vuṭṭhitopīti jhānamhā vuṭṭhitopi. Sukhaṃ paṭisaṃvedeyyāti cittasamuṭṭhitarūpehi avasesatisamuṭṭhitarūpasaṅghaṭṭanena uppannakāyaviññāṇena kāyikaṃ sukhaṃ paṭisaṃvedeyya. Etamatthanti vuttanayena cetasikakāyikasukhapaṭisaṃvedanasaṅkhātaṃ atthaṃ.
ยนฺติ เหตุอเตฺถ นิปาโต, ยสฺมาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ยํฌานเหตู’’ติฯ อาจิกฺขนฺตีติอาทีนิ ปทานิ กิตฺตนตฺถานีติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘ปสํสนฺตีติ อธิปฺปาโย’’ติฯ กินฺตีติ ปสํสนาการปุจฺฉาฯ สุขปารมิปฺปเตฺตติ สุขสฺส ปรมํ ปริยนฺตํ ปเตฺตฯ สุขาภิสเงฺคนาติ สุขสฺมิํ อาลเยนฯ เอทิเสสุ ฐาเนสุ สติคฺคหเณเนว สมฺปชญฺญมฺปิ คหิตํ โหตีติ อิธ ปาฬิยํ สติยา เอว คหิตตฺตา เอวํ อุปฎฺฐิตสฺสติตาย สติมา อิเจฺจว วุตฺตํ, สมฺปชาโนติ เหฎฺฐา วุตฺตตฺตา วาฯ อสํกิลิฎฺฐนฺติ กิเลเสหิ อสมฺมิสฺสตฺตา อสํกิลิฎฺฐํฯ ฌานกฺขเณ นิปฺปริยายโต เจตสิกสุขเมว ลพฺภตีติ ‘‘สุขํ นามกาเยน ปฎิสํเวเทตี’’ติ วุตฺตํฯ ตติยนฺติ คณนานุปุพฺพโต ตติยนฺติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ
Yanti hetuatthe nipāto, yasmāti attho. Tenāha ‘‘yaṃjhānahetū’’ti. Ācikkhantītiādīni padāni kittanatthānīti adhippāyenāha ‘‘pasaṃsantīti adhippāyo’’ti. Kintīti pasaṃsanākārapucchā. Sukhapāramippatteti sukhassa paramaṃ pariyantaṃ patte. Sukhābhisaṅgenāti sukhasmiṃ ālayena. Edisesu ṭhānesu satiggahaṇeneva sampajaññampi gahitaṃ hotīti idha pāḷiyaṃ satiyā eva gahitattā evaṃ upaṭṭhitassatitāya satimā icceva vuttaṃ, sampajānoti heṭṭhā vuttattā vā. Asaṃkiliṭṭhanti kilesehi asammissattā asaṃkiliṭṭhaṃ. Jhānakkhaṇe nippariyāyato cetasikasukhameva labbhatīti ‘‘sukhaṃ nāmakāyena paṭisaṃvedetī’’ti vuttaṃ. Tatiyanti gaṇanānupubbato tatiyantiādi heṭṭhā vuttanayānusārena veditabbaṃ.
ตติยชฺฌานกถา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyajjhānakathā niṭṭhitā.