Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๓. ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Tatiyakathinasikkhāpadavaṇṇanā
๔๙๗. ตติเย ปาฬิยํ จีวรปจฺจาสา นิกฺขิปิตุนฺติ จีวรปจฺจาสาย สติยา นิกฺขิปิตุนฺติ อโตฺถฯ นิฎฺฐิตจีวรสฺมิํ ภิกฺขุนาติ เอตฺถ ทุติยกถิเน วิย สามิวเสเนว กรณวจนสฺส อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
497. Tatiye pāḷiyaṃ cīvarapaccāsā nikkhipitunti cīvarapaccāsāya satiyā nikkhipitunti attho. Niṭṭhitacīvarasmiṃ bhikkhunāti ettha dutiyakathine viya sāmivaseneva karaṇavacanassa attho veditabbo.
๔๙๙-๕๐๐. ตุยฺหํ ทมฺมีติ ทินฺนนฺติ ‘‘ตุยฺหํ, ภเนฺต, อกาลจีวรํ ทมฺมี’’ติ เอวํ ทินฺนํ, เอตมฺปิ กาเล อาทิสฺส ทินฺนํ นาม โหตีติ อธิปฺปาโยฯ อิทํ ปน อฎฺฐกถาวจนํ, ปาฬิยํ ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺน’’นฺติ อิทญฺจ ‘‘อกาลจีวร’’นฺติ วจนสามญฺญโต ลพฺภมานํ สพฺพมฺปิ ทเสฺสตุํ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตํ ปฐมอนิยเต โสตสฺส รโห วิยฯ สงฺฆสฺส หิ กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺนํ อกาเล อุปฺปนฺนจีวรํ วิย สมฺมุขีภูเตหิ วุตฺถวเสฺสหิ, อวุตฺถวเสฺสหิ จ สเพฺพหิปิ ภาเชตพฺพตาสามเญฺญน อกาลจีวรํ นาม โหตีติ ทสฺสนตฺถํ อตฺถุทฺธารวเสน ปาฬิยํ ‘‘กาเลปิ อาทิสฺส ทินฺน’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน ‘‘ตโต ภาเชตฺวา ลทฺธจีวรมฺปิ อกาเล ลทฺธจีวรมฺปิ วุตฺถวสฺสานํ เอกมาสปริหารํ, ปญฺจมาสปริหารํ วา น ลภติ, ปจฺจาสาจีวเร อสติ ทสาหปริหารเมว ลภตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, อฎฺฐกถายมฺปิ ‘‘อาทิสฺส ทินฺน’’นฺติ วจนสามญฺญโต ลพฺภมานํ สพฺพํ อตฺถุทฺธารวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘เอกปุคฺคลสฺส วา อิทํ ตุยฺหํ ทมฺมีติ ทินฺน’’นฺติ วุตฺตํ, น ปน ตถาลทฺธํ วา อกาเล ลทฺธํ วา อนตฺถตกถินานํ ทสาหพฺภนฺตเร อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ ทเสฺสตุนฺติ เวทิตพฺพํ อิตรถา ปาฬิอฎฺฐกถาหิ วิรุชฺฌนโตฯ ตถา หิ อเจฺจกจีวรสิกฺขาปเท อกาเล อุปฺปนฺนมฺปิ อเจฺจกจีวรํ ‘‘ยาวจีวรกาลสมยํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ (ปารา. ๖๔๘) วุตฺตํ, ตสฺส อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘ปวารณมาสสฺส ชุณฺหปกฺขปญฺจมิยํ อุปฺปนฺนสฺส อเจฺจกจีวรสฺส อนตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิโก มาโส, อตฺถเต กถิเน เอกาทสทิวสาธิกา ปญฺจ มาสา จ ปริหาโร วุโตฺต, ตเมว ปริหารํ สนฺธาย ‘ฉฎฺฐิโต ปฎฺฐาย ปน อุปฺปนฺนํ อนเจฺจกจีวรมฺปิ ปจฺจุทฺธริตฺวา ฐปิตจีวรมฺปิ เอตํ ปริหารํ ลภติเยวา’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๔๖-๖๔๙) วุตฺตํฯ ตสฺมา กาเลปิ อกาเลปิ จ ยถาตถา ลทฺธํ อติเรกจีวรํ วุตฺถวสฺสานํ เอกมาสํ, ปญฺจมาสํ วา ยถารหํ ปริหารํ ลภติ เอวาติ คเหตพฺพํฯ
499-500.Tuyhaṃ dammīti dinnanti ‘‘tuyhaṃ, bhante, akālacīvaraṃ dammī’’ti evaṃ dinnaṃ, etampi kāle ādissa dinnaṃ nāma hotīti adhippāyo. Idaṃ pana aṭṭhakathāvacanaṃ, pāḷiyaṃ ‘‘kālepi ādissa dinna’’nti idañca ‘‘akālacīvara’’nti vacanasāmaññato labbhamānaṃ sabbampi dassetuṃ atthuddhāravasena vuttaṃ paṭhamaaniyate sotassa raho viya. Saṅghassa hi kālepi ādissa dinnaṃ akāle uppannacīvaraṃ viya sammukhībhūtehi vutthavassehi, avutthavassehi ca sabbehipi bhājetabbatāsāmaññena akālacīvaraṃ nāma hotīti dassanatthaṃ atthuddhāravasena pāḷiyaṃ ‘‘kālepi ādissa dinna’’nti vuttaṃ, na pana ‘‘tato bhājetvā laddhacīvarampi akāle laddhacīvarampi vutthavassānaṃ ekamāsaparihāraṃ, pañcamāsaparihāraṃ vā na labhati, paccāsācīvare asati dasāhaparihārameva labhatī’’ti dassanatthaṃ vuttaṃ, aṭṭhakathāyampi ‘‘ādissa dinna’’nti vacanasāmaññato labbhamānaṃ sabbaṃ atthuddhāravasena dassetuṃ ‘‘ekapuggalassa vā idaṃ tuyhaṃ dammīti dinna’’nti vuttaṃ, na pana tathāladdhaṃ vā akāle laddhaṃ vā anatthatakathinānaṃ dasāhabbhantare adhiṭṭhātabbanti dassetunti veditabbaṃ itarathā pāḷiaṭṭhakathāhi virujjhanato. Tathā hi accekacīvarasikkhāpade akāle uppannampi accekacīvaraṃ ‘‘yāvacīvarakālasamayaṃ nikkhipitabba’’nti (pārā. 648) vuttaṃ, tassa aṭṭhakathāyañca ‘‘pavāraṇamāsassa juṇhapakkhapañcamiyaṃ uppannassa accekacīvarassa anatthate kathine ekādasadivasādhiko māso, atthate kathine ekādasadivasādhikā pañca māsā ca parihāro vutto, tameva parihāraṃ sandhāya ‘chaṭṭhito paṭṭhāya pana uppannaṃ anaccekacīvarampi paccuddharitvā ṭhapitacīvarampi etaṃ parihāraṃ labhatiyevā’ti (pārā. aṭṭha. 2.646-649) vuttaṃ. Tasmā kālepi akālepi ca yathātathā laddhaṃ atirekacīvaraṃ vutthavassānaṃ ekamāsaṃ, pañcamāsaṃ vā yathārahaṃ parihāraṃ labhati evāti gahetabbaṃ.
เอวํ ปน อวตฺวา ปทภาชนํ วุตฺตนฺติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ เอวนฺติ ยํ อฎฺฐกถายํ ‘‘ตโต เจ อุตฺตรี’’ติ อิมสฺส มาสปรมโต อุตฺตรีติ อโตฺถ วุโตฺต, ตํ ปรามสติฯ ปทภาชนิยํ เอวมตฺถํ อวตฺวา อญฺญถา อโตฺถ วุโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ ตาว อุปฺปนฺนํ ปจฺจาสาจีวรนฺติ ปจฺจตฺตวจนํฯ ‘‘มูลจีวร’’นฺติ อิทํ อุปโยควจนํฯ อตฺตโน คติกํ กโรตีติ อนนฺตรา ทุติยทิวสาทีสุ อุปฺปนฺนํ ปจฺจาสาจีวรํ มาสปรมํ มูลจีวรํ ฐเปตุํ อทตฺวา อตฺตโน ทสาหปรมตาย เอว ปติฎฺฐาเปตีติ อตฺตโน คติกํ กโรตีติฯ ตโต อุทฺธํ มูลจีวรนฺติ เอตฺถ ปน มูลจีวรนฺติ ปจฺจตฺตวจนํฯ ตญฺหิ วีสติมทิวสโต อุทฺธํ ทฺวาวีสติมทิวสาทีสุ อุปฺปนฺนํ ปจฺจาสาจีวรํ อตฺตนา สทฺธิํ เอกโต สิเพฺพตฺวา ฆฎิตํ ทสาหปรมํ คนฺตุํ อทตฺวา นวาหปรมตาทิวเสน อตฺตโน คติกํ กโรติ, เอกโต อสิเพฺพตฺวา วิสุํ ฐปิตํ ปน ปจฺจาสาจีวรํ ทสาหปรมเมวฯ
Evaṃ pana avatvā padabhājanaṃ vuttanti sambandho. Tattha evanti yaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘tato ce uttarī’’ti imassa māsaparamato uttarīti attho vutto, taṃ parāmasati. Padabhājaniyaṃ evamatthaṃ avatvā aññathā attho vuttoti adhippāyo. Tāva uppannaṃ paccāsācīvaranti paccattavacanaṃ. ‘‘Mūlacīvara’’nti idaṃ upayogavacanaṃ. Attano gatikaṃ karotīti anantarā dutiyadivasādīsu uppannaṃ paccāsācīvaraṃ māsaparamaṃ mūlacīvaraṃ ṭhapetuṃ adatvā attano dasāhaparamatāya eva patiṭṭhāpetīti attano gatikaṃ karotīti. Tato uddhaṃ mūlacīvaranti ettha pana mūlacīvaranti paccattavacanaṃ. Tañhi vīsatimadivasato uddhaṃ dvāvīsatimadivasādīsu uppannaṃ paccāsācīvaraṃ attanā saddhiṃ ekato sibbetvā ghaṭitaṃ dasāhaparamaṃ gantuṃ adatvā navāhaparamatādivasena attano gatikaṃ karoti, ekato asibbetvā visuṃ ṭhapitaṃ pana paccāsācīvaraṃ dasāhaparamameva.
ปาฬิยํ ทสาหาติ ทสาเหนฯ เอกาทเส อุปฺปเนฺนติอาทีสุ เอกาทสาเห อุปฺปเนฺนติอาทินา อโตฺถ, อยเมว วา ปาโฐ คเหตโพฺพฯ เอกวีเส อุปฺปเนฺน…เป.… นวาหา กาเรตพฺพนฺติอาทิ ปจฺจาสาจีวรสฺส อุปฺปนฺนทิวสํ ฐเปตฺวา วุตฺตํฯ เตเนว ‘‘ติํเส…เป.… ตทเหว อธิฎฺฐาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อญฺญํ ปจฺจาสาจีวรํ…เป.… กาเรตพฺพ’’นฺติ อิทํ สติยา เอว ปจฺจาสาย วุตฺตํฯ สเจ ปน ‘‘อิโต ปฎฺฐาย จีวรํ น ลภิสฺสามี’’ติ อิจฺฉิตฎฺฐานโต ปจฺจาสาย อุปจฺฉินฺนาย อญฺญตฺถาปิ เยน เกนจิ อุปาเยน ปจฺจาสํ อุปฺปาเทติ, มูลจีวรํ น อธิฎฺฐาตพฺพํ, สพฺพถา ปจฺจาสาย อุปจฺฉินฺนาย ทสาหาติกฺกนฺตํ มูลจีวรํ ตทเหว อธิฎฺฐาตพฺพํฯ ปจฺจาสาจีวรมฺปิ ปริกฺขารโจฬํ อธิฎฺฐาตพฺพนฺติ ปฐมตรํ อุปฺปนฺนํ วิสภาคํ สนฺธาย วทติฯ อญฺญมญฺญนฺติ อญฺญํ อญฺญํ, อยเมว วา ปาโฐฯ องฺคํ ปเนตฺถ ปฐมกถิเน วุตฺตสทิสเมวฯ เกวลญฺหิ ตตฺถ ทสาหาติกฺกโม, อิธ มาสาติกฺกโมติ อยํ วิเสโสฯ
Pāḷiyaṃ dasāhāti dasāhena. Ekādase uppannetiādīsu ekādasāhe uppannetiādinā attho, ayameva vā pāṭho gahetabbo. Ekavīse uppanne…pe… navāhā kāretabbantiādi paccāsācīvarassa uppannadivasaṃ ṭhapetvā vuttaṃ. Teneva ‘‘tiṃse…pe… tadaheva adhiṭṭhātabba’’nti vuttaṃ. ‘‘Aññaṃ paccāsācīvaraṃ…pe… kāretabba’’nti idaṃ satiyā eva paccāsāya vuttaṃ. Sace pana ‘‘ito paṭṭhāya cīvaraṃ na labhissāmī’’ti icchitaṭṭhānato paccāsāya upacchinnāya aññatthāpi yena kenaci upāyena paccāsaṃ uppādeti, mūlacīvaraṃ na adhiṭṭhātabbaṃ, sabbathā paccāsāya upacchinnāya dasāhātikkantaṃ mūlacīvaraṃ tadaheva adhiṭṭhātabbaṃ. Paccāsācīvarampi parikkhāracoḷaṃ adhiṭṭhātabbanti paṭhamataraṃ uppannaṃ visabhāgaṃ sandhāya vadati. Aññamaññanti aññaṃ aññaṃ, ayameva vā pāṭho. Aṅgaṃ panettha paṭhamakathine vuttasadisameva. Kevalañhi tattha dasāhātikkamo, idha māsātikkamoti ayaṃ viseso.
ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyakathinasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. ตติยกถินสิกฺขาปทํ • 3. Tatiyakathinasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Tatiyakathinasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๓. ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Tatiyakathinasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๓. ตติยกถินสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Tatiyakathinasikkhāpadavaṇṇanā