Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๑๒. ตติยนาควิมานวณฺณนา
12. Tatiyanāgavimānavaṇṇanā
โก นุ ทิเพฺพน ยาเนนาติ ตติยนาควิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ เตน สมเยน ตโย ขีณาสวเตฺถรา คามกาวาเส วสฺสํ อุปคจฺฉิํสุฯ เต วุตฺถวสฺสา ปวาเรตฺวา ‘‘ภควนฺตํ วนฺทิสฺสามา’’ติ ราชคหํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺตา อนฺตรามเคฺค สายํ อญฺญตรสฺมิํ คามเก มิจฺฉาทิฎฺฐิกพฺราหฺมณสฺส อุจฺฉุเขตฺตสมีปํ คนฺตฺวา อุจฺฉุปาลํ ปุจฺฉิํสุ ‘‘อาวุโส, สกฺกา อชฺช ราชคหํ ปาปุณิตุ’’นฺติฯ ‘‘น สกฺกา, ภเนฺต, อิโต อฑฺฒโยชเน ราชคหํ, อิเธว วสิตฺวา เสฺว คจฺฉถา’’ติ อาหฯ ‘‘อเตฺถตฺถ โกจิ วสนโยโคฺค อาวาโส’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภเนฺต, อหํ ปน โว วสนฎฺฐานํ ชานิสฺสามี’’ติฯ เถรา อธิวาเสสุํฯ
Konu dibbena yānenāti tatiyanāgavimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Tena samayena tayo khīṇāsavattherā gāmakāvāse vassaṃ upagacchiṃsu. Te vutthavassā pavāretvā ‘‘bhagavantaṃ vandissāmā’’ti rājagahaṃ uddissa gacchantā antarāmagge sāyaṃ aññatarasmiṃ gāmake micchādiṭṭhikabrāhmaṇassa ucchukhettasamīpaṃ gantvā ucchupālaṃ pucchiṃsu ‘‘āvuso, sakkā ajja rājagahaṃ pāpuṇitu’’nti. ‘‘Na sakkā, bhante, ito aḍḍhayojane rājagahaṃ, idheva vasitvā sve gacchathā’’ti āha. ‘‘Atthettha koci vasanayoggo āvāso’’ti? ‘‘Natthi, bhante, ahaṃ pana vo vasanaṭṭhānaṃ jānissāmī’’ti. Therā adhivāsesuṃ.
โส อุจฺฉูสุเยว ยถาฐิเตสุ สาขามณฺฑปากาเรน ทณฺฑกานิ พนฺธิตฺวา อุจฺฉุปเณฺณหิ ฉาเทตฺวา เหฎฺฐา ปลาลํ อตฺถริตฺวา เอกสฺส เถรสฺส อทาสิ, ทุติยสฺส เถรสฺส ตีหิ อุจฺฉูหิ ทณฺฑกสเงฺขเปน พนฺธิตฺวา ติเณน ฉาเทตฺวา เหฎฺฐา จ ติณสนฺถรํ กตฺวา อทาสิ, อิตรสฺส อตฺตโน กุฎิยํ เทฺว ตโย ทณฺฑเก สาขาโย จ นีหริตฺวา จีวเรน ปฎิจฺฉาเทโนฺต จีวรกุฎิํ กตฺวา อทาสิฯ เต ตตฺถ วสิํสุฯ อถ วิภาตาย รตฺติยา กาลเสฺสว ภตฺตํ ปจิตฺวา ทนฺตกฎฺฐญฺจ มุโขทกญฺจ ทตฺวา สห อุจฺฉุรเสน ภตฺตํ อทาสิฯ เตสํ ภุญฺชิตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา คจฺฉนฺตานํ เอเกกํ อุจฺฉุํ อทาสิ ‘‘มยฺหํ ภาโค ภวิสฺสตี’’ติฯ โส โถกํ มคฺคํ เถเร อนุคนฺตฺวา นิวตฺตโนฺต อตฺตโน เวยฺยาวจฺจญฺจ ทานญฺจ อารพฺภ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทโนฺต นิวตฺติฯ
So ucchūsuyeva yathāṭhitesu sākhāmaṇḍapākārena daṇḍakāni bandhitvā ucchupaṇṇehi chādetvā heṭṭhā palālaṃ attharitvā ekassa therassa adāsi, dutiyassa therassa tīhi ucchūhi daṇḍakasaṅkhepena bandhitvā tiṇena chādetvā heṭṭhā ca tiṇasantharaṃ katvā adāsi, itarassa attano kuṭiyaṃ dve tayo daṇḍake sākhāyo ca nīharitvā cīvarena paṭicchādento cīvarakuṭiṃ katvā adāsi. Te tattha vasiṃsu. Atha vibhātāya rattiyā kālasseva bhattaṃ pacitvā dantakaṭṭhañca mukhodakañca datvā saha ucchurasena bhattaṃ adāsi. Tesaṃ bhuñjitvā anumodanaṃ katvā gacchantānaṃ ekekaṃ ucchuṃ adāsi ‘‘mayhaṃ bhāgo bhavissatī’’ti. So thokaṃ maggaṃ there anugantvā nivattanto attano veyyāvaccañca dānañca ārabbha uḷāraṃ pītisomanassaṃ paṭisaṃvedento nivatti.
เขตฺตสามิโก ปน คจฺฉนฺตานํ ภิกฺขูนํ ปฎิปเถน อาคจฺฉโนฺต ภิกฺขู ปุจฺฉิ ‘‘กุโต โว อุจฺฉุ ลทฺธา’’ติ? ‘‘อุจฺฉุปาลเกน ทินฺนา’’ติฯ ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ กุปิโต อนตฺตมโน ตฎตฎายมาโน โกธาภิภูโต ตสฺส ปิฎฺฐิโต อุปธาวิตฺวา มุคฺคเรน ตํ ปหรโนฺต เอกปฺปหาเรเนว ชีวิตา โวโรเปสิฯ โส อตฺตนา กตปุญฺญกมฺมเมว อนุสฺสรโนฺต กาลํ กตฺวา สุธมฺมาเทวสภายํ นิพฺพตฺติฯ ตสฺส ปุญฺญานุภาเวน สพฺพเสโต มหโนฺต ทิพฺพวรวารโณ นิพฺพตฺติฯ
Khettasāmiko pana gacchantānaṃ bhikkhūnaṃ paṭipathena āgacchanto bhikkhū pucchi ‘‘kuto vo ucchu laddhā’’ti? ‘‘Ucchupālakena dinnā’’ti. Taṃ sutvā brāhmaṇo kupito anattamano taṭataṭāyamāno kodhābhibhūto tassa piṭṭhito upadhāvitvā muggarena taṃ paharanto ekappahāreneva jīvitā voropesi. So attanā katapuññakammameva anussaranto kālaṃ katvā sudhammādevasabhāyaṃ nibbatti. Tassa puññānubhāvena sabbaseto mahanto dibbavaravāraṇo nibbatti.
อุจฺฉุปาลกสฺส มรณํ สุตฺวา ตสฺส มาตาปิตโร เจว ญาติมิตฺตา จ อสฺสุมุขา โรทมานา ตํ ฐานํ อคมํสุ, สเพฺพ จ คามวาสิโน สนฺนิปติํสุฯ ตตฺรสฺส มาตาปิตโร สรีรกิจฺจํ กาตุํ อารภิํสุฯ ตสฺมิํ ขเณ โส เทวปุโตฺต ตํ ทิพฺพหตฺถิํ อภิรุหิตฺวา สพฺพตาฬาวจรปริวุโต ปญฺจงฺคิเกน ตูริเยน ปวชฺชมาเนน มหเนฺตน ปริวาเรน มหติยา เทวิทฺธิยา เทวโลกโต อาคนฺตฺวา ตาย ปริสาย ทิสฺสมานรูโป อากาเส อฎฺฐาสิฯ อถ นํ ตตฺถ ปณฺฑิตชาติโก ปุริโส อิมาหิ คาถาหิ เตน กตปุญฺญกมฺมํ ปุจฺฉิ –
Ucchupālakassa maraṇaṃ sutvā tassa mātāpitaro ceva ñātimittā ca assumukhā rodamānā taṃ ṭhānaṃ agamaṃsu, sabbe ca gāmavāsino sannipatiṃsu. Tatrassa mātāpitaro sarīrakiccaṃ kātuṃ ārabhiṃsu. Tasmiṃ khaṇe so devaputto taṃ dibbahatthiṃ abhiruhitvā sabbatāḷāvacaraparivuto pañcaṅgikena tūriyena pavajjamānena mahantena parivārena mahatiyā deviddhiyā devalokato āgantvā tāya parisāya dissamānarūpo ākāse aṭṭhāsi. Atha naṃ tattha paṇḍitajātiko puriso imāhi gāthāhi tena katapuññakammaṃ pucchi –
๙๗๖.
976.
‘‘โก นุ ทิเพฺพน ยาเนน, สพฺพเสเตน หตฺถินา;
‘‘Ko nu dibbena yānena, sabbasetena hatthinā;
ตูริยตาฬิตนิโคฺฆโส, อนฺตลิเกฺข มหียติฯ
Tūriyatāḷitanigghoso, antalikkhe mahīyati.
๙๗๗.
977.
‘‘เทวตา นุสิ คนฺธโพฺพ, อทุ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Devatā nusi gandhabbo, adu sakko purindado;
อชานนฺตา ตํ ปุจฺฉาม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติฯ
Ajānantā taṃ pucchāma, kathaṃ jānemu taṃ maya’’nti.
โสปิสฺส อิมาหิ คาถาหิ เอตมตฺถํ พฺยากาสิ –
Sopissa imāhi gāthāhi etamatthaṃ byākāsi –
๙๗๘.
978.
‘‘นามฺหิ เทโว น คนฺธโพฺพ, นาปิ สโกฺก ปุรินฺทโท;
‘‘Nāmhi devo na gandhabbo, nāpi sakko purindado;
สุธมฺมา นาม เย เทวา, เตสํ อญฺญตโร อห’’นฺติฯ
Sudhammā nāma ye devā, tesaṃ aññataro aha’’nti.
๙๗๙.
979.
‘‘ปุจฺฉาม เทวํ สุธมฺมํ, ปุถุํ กตฺวาน อญฺชลิํ;
‘‘Pucchāma devaṃ sudhammaṃ, puthuṃ katvāna añjaliṃ;
กิํ กตฺวา มานุเส กมฺมํ, สุธมฺมํ อุปปชฺชตี’’ติ – ปุนปิ ปุจฺฉิ;
Kiṃ katvā mānuse kammaṃ, sudhammaṃ upapajjatī’’ti – punapi pucchi;
๙๘๐.
980.
‘‘อุจฺฉาคารํ ติณาคารํ, วตฺถาคารญฺจ โย ทเท;
‘‘Ucchāgāraṃ tiṇāgāraṃ, vatthāgārañca yo dade;
ติณฺณํ อญฺญตรํ ทตฺวา, สุธมฺมํ อุปปชฺชตี’’ติฯ – ปุนปิ พฺยากาสิ;
Tiṇṇaṃ aññataraṃ datvā, sudhammaṃ upapajjatī’’ti. – punapi byākāsi;
๙๗๖. ตตฺถ ตูริยตาฬิตนิโคฺฆโสติ ตาฬิตปญฺจงฺคิตทิพฺพตูริยนิโคฺฆโส อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปวชฺชมานทิพฺพตูริยสโทฺท ฯ อนฺตลิเกฺข มหียตีติ อากาเส ฐตฺวา อากาสเฎฺฐเนว มหตา ปริวาเรน ปูชียติฯ
976. Tattha tūriyatāḷitanigghosoti tāḷitapañcaṅgitadibbatūriyanigghoso attānaṃ uddissa pavajjamānadibbatūriyasaddo . Antalikkhe mahīyatīti ākāse ṭhatvā ākāsaṭṭheneva mahatā parivārena pūjīyati.
๙๗๗. เทวตา นุสีติ เทวตา นุ อสิ, กิํ นุ ตฺวํ เทโวสีติ อโตฺถฯ คนฺธโพฺพติ คนฺธพฺพกายิกเทโว อสีติ อโตฺถฯ อทุ สโกฺก ปุรินฺทโทติ อุทาหุ ปุเร ททาตีติ ‘‘ปุรินฺทโท’’ติ วิสฺสุโต สโกฺก นุสิ, อถ สโกฺก เทวราชา อสีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ สติปิ สกฺกคนฺธพฺพานํ เทวภาเว เตสํ วิสุํ คหิตตฺตา โคพลิพทฺธญาเยน ตทญฺญเทววาจโก เทวสโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ
977.Devatānusīti devatā nu asi, kiṃ nu tvaṃ devosīti attho. Gandhabboti gandhabbakāyikadevo asīti attho. Adu sakko purindadoti udāhu pure dadātīti ‘‘purindado’’ti vissuto sakko nusi, atha sakko devarājā asīti attho. Ettha ca satipi sakkagandhabbānaṃ devabhāve tesaṃ visuṃ gahitattā gobalibaddhañāyena tadaññadevavācako devasaddo daṭṭhabbo.
๙๗๘. อถ เทวปุโตฺต ‘‘วิสฺสชฺชนํ นาม ปุจฺฉาสภาเคน โหตี’’ติ เตหิ ปุจฺฉิตํ เทวคนฺธพฺพสกฺกภาวํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อตฺตานํ อาจิกฺขโนฺต ‘‘นมฺหิ เทโว น คนฺธโพฺพ’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ นมฺหิ เทโวติ ตยา อาสงฺกิโต โย โกจิ เทโว น โหมิ น คนฺธโพฺพ น สโกฺก, อปิจ โข สุธมฺมา นาม เย เทวา, เตสํ อญฺญตโร อหํ, สุธมฺมา เทวตา นาม ตาวติํสเทวนิกายเสฺสว อญฺญตรเทวนิกาโยฯ โส กิร อุจฺฉุปาโล เตสํ เทวานํ สมฺปตฺติํ สุตฺวา ปเคว ตตฺถ จิตฺตํ ปณิธาย ฐิโตติ เกจิ วทนฺติฯ
978. Atha devaputto ‘‘vissajjanaṃ nāma pucchāsabhāgena hotī’’ti tehi pucchitaṃ devagandhabbasakkabhāvaṃ paṭikkhipitvā attānaṃ ācikkhanto ‘‘namhi devo na gandhabbo’’tiādimāha. Tattha namhi devoti tayā āsaṅkito yo koci devo na homi na gandhabbo na sakko, apica kho sudhammā nāma ye devā, tesaṃ aññataro ahaṃ, sudhammā devatā nāma tāvatiṃsadevanikāyasseva aññataradevanikāyo. So kira ucchupālo tesaṃ devānaṃ sampattiṃ sutvā pageva tattha cittaṃ paṇidhāya ṭhitoti keci vadanti.
๙๗๙. ปุถุนฺติ มหนฺตํ, ปริปุณฺณํ กตฺวาติ อโตฺถฯ สกฺกจฺจกิริยาทีปนตฺถเญฺหตํ วุตฺตํฯ
979.Puthunti mahantaṃ, paripuṇṇaṃ katvāti attho. Sakkaccakiriyādīpanatthañhetaṃ vuttaṃ.
๙๘๐. สุธมฺมาเทวยานํ ปุโฎฺฐ เทวปุโตฺต กกณฺฎกนิมิตฺตํ วทโนฺต วิย ทิฎฺฐมตฺตเมว คเหตฺวา อตฺตนา กตปุญฺญํ อาจิกฺขโนฺต ‘‘อุจฺฉาคาร’’นฺติ คาถมาหฯ ตตฺถ ติณฺณํ อญฺญตรํ ทตฺวาติ ยทิปิ มยา ตีณิ อคารานิ ทินฺนานิ, ตีสุ ปน อญฺญตเรนาติ อยมโตฺถปิ สิชฺฌตีติ นยคฺคาเหน เทวปุโตฺต เอวมาหฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
980. Sudhammādevayānaṃ puṭṭho devaputto kakaṇṭakanimittaṃ vadanto viya diṭṭhamattameva gahetvā attanā katapuññaṃ ācikkhanto ‘‘ucchāgāra’’nti gāthamāha. Tattha tiṇṇaṃ aññataraṃ datvāti yadipi mayā tīṇi agārāni dinnāni, tīsu pana aññatarenāti ayamatthopi sijjhatīti nayaggāhena devaputto evamāha. Sesaṃ suviññeyyameva.
เอวํ โส เตน ปุจฺฉิ ตมตฺถํ วิสฺสเชฺชตฺวา รตนตฺตยคุณํ ปกาเสโนฺต มาตาปิตูหิ สทฺธิํ สโมฺมทนํ กตฺวา เทวโลกเมว คโตฯ มนุสฺสา เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควติ ภิกฺขุสเงฺฆ จ สญฺชาตปสาทพหุมานา พหุํ ทานูปกรณํ สเชฺชตฺวา สกฎานํ ปูเรตฺวา เวฬุวนํ คนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สตฺถุ ตํ ปวตฺติํ อาโรจยิํสุฯ สตฺถา ตํ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนํ ตเถว วตฺวา ตเมว อตฺถํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสตฺวา เต สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาเปสิฯ เต จ ปติฎฺฐิตสทฺธา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน คามํ อุปคนฺตฺวา อุจฺฉุปาลสฺส มตฎฺฐาเน วิหารํ การยิํสูติฯ
Evaṃ so tena pucchi tamatthaṃ vissajjetvā ratanattayaguṇaṃ pakāsento mātāpitūhi saddhiṃ sammodanaṃ katvā devalokameva gato. Manussā devaputtassa vacanaṃ sutvā bhagavati bhikkhusaṅghe ca sañjātapasādabahumānā bahuṃ dānūpakaraṇaṃ sajjetvā sakaṭānaṃ pūretvā veḷuvanaṃ gantvā buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā satthu taṃ pavattiṃ ārocayiṃsu. Satthā taṃ pucchāvissajjanaṃ tatheva vatvā tameva atthaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā vitthārena dhammaṃ desetvā te saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāpesi. Te ca patiṭṭhitasaddhā bhagavantaṃ vanditvā attano gāmaṃ upagantvā ucchupālassa mataṭṭhāne vihāraṃ kārayiṃsūti.
ตติยนาควิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyanāgavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๑๒. ตติยนาควิมานวตฺถุ • 12. Tatiyanāgavimānavatthu