Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi |
๖. ตติยนานาติตฺถิยสุตฺตํ
6. Tatiyanānātitthiyasuttaṃ
๕๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา สาวตฺถิยํ ปฎิวสนฺติ นานาทิฎฺฐิกา นานาขนฺติกา นานารุจิกา นานาทิฎฺฐินิสฺสยนิสฺสิตาฯ
56. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena sambahulā nānātitthiyasamaṇabrāhmaṇaparibbājakā sāvatthiyaṃ paṭivasanti nānādiṭṭhikā nānākhantikā nānārucikā nānādiṭṭhinissayanissitā.
สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘อสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สสฺสโต จ อสสฺสโต จ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘เนว สสฺสโต นาสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สยํกโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘ปรํกโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สยํกโต จ ปรํกโต จ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘อสยํกาโร อปรํกาโร อธิจฺจสมุปฺปโนฺน อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สสฺสตํ สุขทุกฺขํ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘อสสฺสตํ สุขทุกฺขํ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สสฺสตญฺจ อสสฺสตญฺจ สุขทุกฺขํ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘เนว สสฺสตํ นาสสฺสตํ สุขทุกฺขํ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สยํกตํ สุขทุกฺขํ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘ปรํกตํ สุขทุกฺขํ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ ฯ สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘สยํกตญฺจ ปรํกตญฺจ สุขทุกฺขํ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ สนฺติ ปเนเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘‘อสยํการํ อปรํการํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ สุขทุกฺขํ อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติฯ
Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sassato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘asassato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sassato ca asassato ca attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘neva sassato nāsassato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sayaṃkato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘paraṃkato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sayaṃkato ca paraṃkato ca attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘asayaṃkāro aparaṃkāro adhiccasamuppanno attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sassataṃ sukhadukkhaṃ attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘asassataṃ sukhadukkhaṃ attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sassatañca asassatañca sukhadukkhaṃ attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘neva sassataṃ nāsassataṃ sukhadukkhaṃ attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sayaṃkataṃ sukhadukkhaṃ attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘paraṃkataṃ sukhadukkhaṃ attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti . Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘sayaṃkatañca paraṃkatañca sukhadukkhaṃ attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti. Santi paneke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘‘asayaṃkāraṃ aparaṃkāraṃ adhiccasamuppannaṃ sukhadukkhaṃ attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’’nti.
เต ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘‘เอทิโส ธโมฺม, เนทิโส ธโมฺม; เนทิโส ธโมฺม, เอทิโส ธโมฺม’’ติฯ
Te bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘‘ediso dhammo, nediso dhammo; nediso dhammo, ediso dhammo’’ti.
อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํสุฯ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
Atha kho sambahulā bhikkhū pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiṃ piṇḍāya pāvisiṃsu. Sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkantā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ –
‘‘อิธ, ภเนฺต, สมฺพหุลา นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา สาวตฺถิยํ ปฎิวสนฺติ นานาทิฎฺฐิกา นานาขนฺติกา นานารุจิกา นานาทิฎฺฐินิสฺสยนิสฺสิตาฯ
‘‘Idha, bhante, sambahulā nānātitthiyasamaṇabrāhmaṇaparibbājakā sāvatthiyaṃ paṭivasanti nānādiṭṭhikā nānākhantikā nānārucikā nānādiṭṭhinissayanissitā.
‘‘สเนฺตเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ …เป.… เต ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘เอทิโส ธโมฺม, เนทิโส ธโมฺม; เนทิโส ธโมฺม, เอทิโส ธโมฺม’’’ติฯ
‘‘Santeke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘sassato attā ca loko ca, idameva saccaṃ moghamañña’nti …pe… te bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘ediso dhammo, nediso dhammo; nediso dhammo, ediso dhammo’’’ti.
‘‘อญฺญติตฺถิยา, ภิกฺขเว, ปริพฺพาชกา อนฺธา อจกฺขุกาฯ เต อตฺถํ น ชานนฺติ อนตฺถํ น ชานนฺติ, ธมฺมํ น ชานนฺติ อธมฺมํ น ชานนฺติฯ เต อตฺถํ อชานนฺตา อนตฺถํ อชานนฺตา, ธมฺมํ อชานนฺตา อธมฺมํ อชานนฺตา ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ – ‘เอทิโส ธโมฺม, เนทิโส ธโมฺม; เนทิโส ธโมฺม, เอทิโส ธโมฺม’’’ติฯ
‘‘Aññatitthiyā, bhikkhave, paribbājakā andhā acakkhukā. Te atthaṃ na jānanti anatthaṃ na jānanti, dhammaṃ na jānanti adhammaṃ na jānanti. Te atthaṃ ajānantā anatthaṃ ajānantā, dhammaṃ ajānantā adhammaṃ ajānantā bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti – ‘ediso dhammo, nediso dhammo; nediso dhammo, ediso dhammo’’’ti.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘อหงฺการปสุตายํ ปชา, ปรํการูปสํหิตา;
‘‘Ahaṅkārapasutāyaṃ pajā, paraṃkārūpasaṃhitā;
เอตเทเก นาพฺภญฺญํสุ, น นํ สลฺลนฺติ อทฺทสุํฯ
Etadeke nābbhaññaṃsu, na naṃ sallanti addasuṃ.
อหํ กโรมีติ น ตสฺส โหติ;
Ahaṃ karomīti na tassa hoti;
ปโร กโรตีติ น ตสฺส โหติฯ
Paro karotīti na tassa hoti.
ทิฎฺฐีสุ สารมฺภกถา, สํสารํ นาติวตฺตตี’’ติฯ ฉฎฺฐํ;
Diṭṭhīsu sārambhakathā, saṃsāraṃ nātivattatī’’ti. chaṭṭhaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๖. ตติยนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา • 6. Tatiyanānātitthiyasuttavaṇṇanā