Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๖. ตติยนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา

    6. Tatiyanānātitthiyasuttavaṇṇanā

    ๕๖. ฉเฎฺฐ สพฺพํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ อิมํ อุทานนฺติ เอตฺถ ปน ทิฎฺฐิตณฺหามาเนสุ โทสํ ทิสฺวา เต ทูรโต วเชฺชตฺวา สงฺขาเร ยถาภูตํ ปสฺสโต จ ตตฺถ อนาทีนวทสฺสิตาย มิจฺฉาภินิวิฎฺฐสฺส ยถาภูตํ อปสฺสโต จ ยถากฺกมํ สํสารโต อติวตฺตนานติวตฺตนทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อโตฺถ โยเชตโพฺพฯ

    56. Chaṭṭhe sabbaṃ heṭṭhā vuttanayameva. Imaṃ udānanti ettha pana diṭṭhitaṇhāmānesu dosaṃ disvā te dūrato vajjetvā saṅkhāre yathābhūtaṃ passato ca tattha anādīnavadassitāya micchābhiniviṭṭhassa yathābhūtaṃ apassato ca yathākkamaṃ saṃsārato ativattanānativattanadīpakaṃ imaṃ udānaṃ udānesīti attho yojetabbo.

    ตตฺถ อหงฺการปสุตายํ ปชาติ ‘‘สยํกโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ เอวํ วุตฺตสยํการสงฺขาตํ อหงฺการํ ตถาปวตฺตํ ทิฎฺฐิํ ปสุตา อนุยุตฺตา อยํ ปชา มิจฺฉาภินิวิโฎฺฐ สตฺตกาโยฯ ปรํการูปสํหิตาติ ปโร อโญฺญ อิสฺสราทิโก สพฺพํ กโรตีติ เอวํ ปวตฺตปรํการทิฎฺฐิสนฺนิสฺสิตา ตาย อุปสํหิตาติ ปรํการูปสํหิตาฯ เอตเทเก นาพฺภญฺญํสูติ เอตํ ทิฎฺฐิทฺวยํ เอเก สมณพฺราหฺมณา ตตฺถ โทสทสฺสิโน หุตฺวา นานุชานิํสุฯ กถํ? สติ หิ สยํกาเร กามการโต สตฺตานํ อิเฎฺฐเนว ภวิตพฺพํ, น อนิเฎฺฐนฯ น หิ โกจิ อตฺตโน ทุกฺขํ อิจฺฉติ, ภวติ จ อนิฎฺฐํ, ตสฺมา น สยํกาโรฯ ปรํกาโรปิ ยทิ อิสฺสรเหตุโก, สฺวายํ อิสฺสโร อตฺตตฺถํ วา กเรยฺย ปรตฺถํ วาฯ ตตฺถ ยทิ อตฺตตฺถํ, อตฺตนา อกตกิโจฺจ สิยา อสิทฺธสฺส สาธนโตฯ อถ วา ปรตฺถํ สเพฺพสํ หิตสุขเมว นิปฺผเชฺชยฺย, น อหิตํ ทุกฺขํ นิปฺผชฺชติ, ตสฺมา อิสฺสรวเสน น ปรํกาโร สิชฺฌติฯ ยทิ จ อิสฺสรสงฺขาตํ อญฺญนิรเปกฺขํ นิจฺจเมกการณํ ปวตฺติยา สิยา, กเมฺมน อุปฺปตฺติ น สิยา, สเพฺพเหว เอกชฺฌํ อุปฺปชฺชิตพฺพํ การณสฺส สนฺนิหิตตฺตาฯ อถสฺส อญฺญมฺปิ สหการีการณํ อิจฺฉิตํ, ตเญฺญว เหตุ, กิํ อิสฺสเรน อปรินิฎฺฐิตสามตฺถิเยน ปริกปฺปิเตนฯ ยถา จ อิสฺสรเหตุโก ปรํกาโร น สิชฺฌติ, เอวํ ปชาปติปุริสปกติพฺรหฺมกาลาทิเหตุโตปิ น สิชฺฌเตว เตสมฺปิ อสิทฺธตฺตา วุตฺตโทสานติวตฺตนโต จฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เอตเทเก นาพฺภญฺญํสู’’ติฯ เย ปน ยถาวุเตฺต สยํการปรํกาเร นานุชานนฺตาปิ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานญฺจ โลกญฺจ ปญฺญเปนฺติ, เตปิ น นํ สลฺลนฺติ อทฺทสุํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติวาทิโนปิ มิจฺฉาภินิเวสํ อนติกฺกมนโต ยถาภูตํ อชานนฺตานํ ทิฎฺฐิคตํ ตตฺถ ตตฺถ ทุกฺขุปฺปาทนโต วิชฺฌนเฎฺฐน ‘‘สลฺล’’นฺติ น ปสฺสิํสุฯ

    Tattha ahaṅkārapasutāyaṃ pajāti ‘‘sayaṃkato attā ca loko cā’’ti evaṃ vuttasayaṃkārasaṅkhātaṃ ahaṅkāraṃ tathāpavattaṃ diṭṭhiṃ pasutā anuyuttā ayaṃ pajā micchābhiniviṭṭho sattakāyo. Paraṃkārūpasaṃhitāti paro añño issarādiko sabbaṃ karotīti evaṃ pavattaparaṃkāradiṭṭhisannissitā tāya upasaṃhitāti paraṃkārūpasaṃhitā. Etadeke nābbhaññaṃsūti etaṃ diṭṭhidvayaṃ eke samaṇabrāhmaṇā tattha dosadassino hutvā nānujāniṃsu. Kathaṃ? Sati hi sayaṃkāre kāmakārato sattānaṃ iṭṭheneva bhavitabbaṃ, na aniṭṭhena. Na hi koci attano dukkhaṃ icchati, bhavati ca aniṭṭhaṃ, tasmā na sayaṃkāro. Paraṃkāropi yadi issarahetuko, svāyaṃ issaro attatthaṃ vā kareyya paratthaṃ vā. Tattha yadi attatthaṃ, attanā akatakicco siyā asiddhassa sādhanato. Atha vā paratthaṃ sabbesaṃ hitasukhameva nipphajjeyya, na ahitaṃ dukkhaṃ nipphajjati, tasmā issaravasena na paraṃkāro sijjhati. Yadi ca issarasaṅkhātaṃ aññanirapekkhaṃ niccamekakāraṇaṃ pavattiyā siyā, kammena uppatti na siyā, sabbeheva ekajjhaṃ uppajjitabbaṃ kāraṇassa sannihitattā. Athassa aññampi sahakārīkāraṇaṃ icchitaṃ, taññeva hetu, kiṃ issarena apariniṭṭhitasāmatthiyena parikappitena. Yathā ca issarahetuko paraṃkāro na sijjhati, evaṃ pajāpatipurisapakatibrahmakālādihetutopi na sijjhateva tesampi asiddhattā vuttadosānativattanato ca. Tena vuttaṃ ‘‘etadeke nābbhaññaṃsū’’ti. Ye pana yathāvutte sayaṃkāraparaṃkāre nānujānantāpi adhiccasamuppannaṃ attānañca lokañca paññapenti, tepi na naṃ sallanti addasuṃ adhiccasamuppannantivādinopi micchābhinivesaṃ anatikkamanato yathābhūtaṃ ajānantānaṃ diṭṭhigataṃ tattha tattha dukkhuppādanato vijjhanaṭṭhena ‘‘salla’’nti na passiṃsu.

    เอตญฺจ สลฺลํ ปฎิกจฺจ ปสฺสโตติ โย ปน อารทฺธวิปสฺสโก ปญฺจปิ อุปาทานกฺขเนฺธ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต สมนุปสฺสติ, โส เอตญฺจ ติวิธํ วิปรีตทสฺสนํ อญฺญญฺจ สกลํ มิจฺฉาภินิเวสํ เตสญฺจ นิสฺสยภูเต ปญฺจุปาทานกฺขเนฺธปิ ตุชฺชนโต ทุรุทฺธารโต จ ‘‘สลฺล’’นฺติ ปฎิกจฺจ ปุเพฺพเยว วิปสฺสนาปญฺญาย ปสฺสติฯ เอวํ ปสฺสโต อริยมคฺคกฺขเณ เอกเนฺตเนว อหํ กโรมีติ น ตสฺส โหติฯ ยถา จ อตฺตโน การกภาโว ตสฺส น อุปฎฺฐาติ, เอวํ ปโร กโรตีติ น ตสฺส โหติ, เกวลํ ปน อนิจฺจสงฺขาตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมมตฺตเมว โหติฯ เอตฺตาวตา สมฺมาปฎิปนฺนสฺส สพฺพถาปิ ทิฎฺฐิมานาภาโวว ทสฺสิโตฯ เตน จ อรหตฺตปฺปตฺติยา สํสารสมติกฺกโม ปกาสิโต โหติฯ

    Etañca sallaṃ paṭikacca passatoti yo pana āraddhavipassako pañcapi upādānakkhandhe aniccato dukkhato anattato samanupassati, so etañca tividhaṃ viparītadassanaṃ aññañca sakalaṃ micchābhinivesaṃ tesañca nissayabhūte pañcupādānakkhandhepi tujjanato duruddhārato ca ‘‘salla’’nti paṭikacca pubbeyeva vipassanāpaññāya passati. Evaṃ passato ariyamaggakkhaṇe ekanteneva ahaṃ karomīti na tassa hoti. Yathā ca attano kārakabhāvo tassa na upaṭṭhāti, evaṃ paro karotīti na tassa hoti, kevalaṃ pana aniccasaṅkhātaṃ paṭiccasamuppannadhammamattameva hoti. Ettāvatā sammāpaṭipannassa sabbathāpi diṭṭhimānābhāvova dassito. Tena ca arahattappattiyā saṃsārasamatikkamo pakāsito hoti.

    อิทานิ โย ทิฎฺฐิคเต อลฺลีโน, น โส สํสารโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ สโกฺกติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘มานุเปตา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ มานุเปตา อยํ ปชาติ อยํ สพฺพาปิ ทิฎฺฐิคติกสงฺขาตา ปชา สตฺตกาโย ‘‘มยฺหํ ทิฎฺฐิ สุนฺทรา, มยฺหํ อาทาโน สุนฺทโร’’ติ อตฺตโน คาหสฺส สํปคฺคหลกฺขเณน มาเนน อุเปตา สมนฺนาคตาฯ มานคนฺถา มานวินิพทฺธาติ ตโต เอว เตน อปราปรํ อุปฺปชฺชมาเนน ยถา ตํ ทิฎฺฐิํ น ปฎินิสฺสชฺชติ, เอวํ อตฺตโน สนฺตานสฺส คนฺถิตตฺตา วินิพทฺธตฺตา จ มานคนฺถา มานวินิพทฺธาฯ ทิฎฺฐีสุ สารมฺภกถา, สํสารํ นาติวตฺตตีติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’นฺติ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน อตฺตโน ทิฎฺฐาภินิเวเสน ปเรสํ ทิฎฺฐีสุ สารมฺภกถา วิโรธกถา สํสารนายิกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อปฺปหานโต สํสารํ นาติวตฺตติ, น อติกฺกมตีติ อโตฺถฯ

    Idāni yo diṭṭhigate allīno, na so saṃsārato sīsaṃ ukkhipituṃ sakkoti, taṃ dassetuṃ ‘‘mānupetā’’ti gāthamāha. Tattha mānupetā ayaṃ pajāti ayaṃ sabbāpi diṭṭhigatikasaṅkhātā pajā sattakāyo ‘‘mayhaṃ diṭṭhi sundarā, mayhaṃ ādāno sundaro’’ti attano gāhassa saṃpaggahalakkhaṇena mānena upetā samannāgatā. Mānaganthā mānavinibaddhāti tato eva tena aparāparaṃ uppajjamānena yathā taṃ diṭṭhiṃ na paṭinissajjati, evaṃ attano santānassa ganthitattā vinibaddhattā ca mānaganthā mānavinibaddhā. Diṭṭhīsu sārambhakathā, saṃsāraṃ nātivattatīti ‘‘idameva saccaṃ moghamañña’’nti attukkaṃsanaparavambhanavasena attano diṭṭhābhinivesena paresaṃ diṭṭhīsu sārambhakathā virodhakathā saṃsāranāyikānaṃ avijjātaṇhānaṃ appahānato saṃsāraṃ nātivattati, na atikkamatīti attho.

    ฉฎฺฐสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Chaṭṭhasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๖. ตติยนานาติตฺถิยสุตฺตํ • 6. Tatiyanānātitthiyasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact