Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๘. ตติยนาวาวิมานวณฺณนา
8. Tatiyanāvāvimānavaṇṇanā
สุวณฺณจฺฉทนํ นาวนฺติ ตติยนาวาวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ชนปทจาริกํ จรโนฺต มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ โกสลชนปเท เยน ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม ตทวสริฯ อโสฺสสุํ โข ถูเณยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ‘‘สมโณ กิร โคตโม อมฺหากํ คามเขตฺตํ อนุปฺปโตฺต’’ติ ฯ อถ ถูเณยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา อปฺปสนฺนา มิจฺฉาทิฎฺฐิกา มเจฺฉรปกตา ‘‘สเจ สมโณ โคตโม อิมํ คามํ ปวิสิตฺวา ทฺวีหตีหํ วเสยฺย, สพฺพํ อิมํ ชนํ อตฺตโน วจเน ปติฎฺฐเปยฺย, ตโต พฺราหฺมณธโมฺม ปติฎฺฐํ น ลเภยฺยา’’ติ ตตฺถ ภควโต อวาสาย ปริสกฺกนฺตา นทีติเตฺถสุ ฐปิตนาวาโย อปเนสุํ, เสตุสงฺกมนานิ จ อวลเญฺช อกํสุ, ตถา ปปามณฺฑปาทีนิ, เอกํ อุทปานํ ฐเปตฺวา อิตรานิ อุทปานานิ ติณาทีหิ ปูเรตฺวา ปิทหิํสุฯ เตน วุตฺตํ อุทาเน (อุทา. ๖๙) ‘‘อถ โข ถูเณยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา อุทปานํ ติณสฺส จ ภุสสฺส จ ยาว มุขโต ปูเรสุํ ‘มา เต มุณฺฑกา สมณกา ปานียํ อปํสู’’’ติฯ
Suvaṇṇacchadanaṃnāvanti tatiyanāvāvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā janapadacārikaṃ caranto mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ kosalajanapade yena thūṇaṃ nāma brāhmaṇagāmo tadavasari. Assosuṃ kho thūṇeyyakā brāhmaṇagahapatikā ‘‘samaṇo kira gotamo amhākaṃ gāmakhettaṃ anuppatto’’ti . Atha thūṇeyyakā brāhmaṇagahapatikā appasannā micchādiṭṭhikā maccherapakatā ‘‘sace samaṇo gotamo imaṃ gāmaṃ pavisitvā dvīhatīhaṃ vaseyya, sabbaṃ imaṃ janaṃ attano vacane patiṭṭhapeyya, tato brāhmaṇadhammo patiṭṭhaṃ na labheyyā’’ti tattha bhagavato avāsāya parisakkantā nadītitthesu ṭhapitanāvāyo apanesuṃ, setusaṅkamanāni ca avalañje akaṃsu, tathā papāmaṇḍapādīni, ekaṃ udapānaṃ ṭhapetvā itarāni udapānāni tiṇādīhi pūretvā pidahiṃsu. Tena vuttaṃ udāne (udā. 69) ‘‘atha kho thūṇeyyakā brāhmaṇagahapatikā udapānaṃ tiṇassa ca bhusassa ca yāva mukhato pūresuṃ ‘mā te muṇḍakā samaṇakā pānīyaṃ apaṃsū’’’ti.
ภควา เตสํ ตํ วิปฺปการํ ญตฺวา เต อนุกมฺปโนฺต สทฺธิํ ภิกฺขุสเงฺฆน อากาเสน นทิํ อติกฺกมิตฺวา คนฺตฺวา อนุกฺกเมน ถูณํ พฺราหฺมณคามํ ปตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ เตน จ สมเยน สมฺพหุลา อุทกหารินิโย ภควโต อวิทูเรน อติกฺกมนฺติฯ ตสฺมิญฺจ คาเม ‘‘สเจ สมโณ โคตโม อิธาคมิสฺสติ, น ตสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิกํ กาตพฺพํ, เคหํ อาคตสฺส จสฺส สาวกานญฺจ ภิกฺขาปิ น ทาตพฺพา’’ติ กติกา กตา โหติฯ
Bhagavā tesaṃ taṃ vippakāraṃ ñatvā te anukampanto saddhiṃ bhikkhusaṅghena ākāsena nadiṃ atikkamitvā gantvā anukkamena thūṇaṃ brāhmaṇagāmaṃ patvā maggā okkamma aññatarasmiṃ rukkhamūle paññatte āsane nisīdi. Tena ca samayena sambahulā udakahāriniyo bhagavato avidūrena atikkamanti. Tasmiñca gāme ‘‘sace samaṇo gotamo idhāgamissati, na tassa paccuggamanādikaṃ kātabbaṃ, gehaṃ āgatassa cassa sāvakānañca bhikkhāpi na dātabbā’’ti katikā katā hoti.
ตตฺถ อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ทาสี ฆเฎน ปานียํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตี ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ภิกฺขู จ มคฺคปริสฺสเมน กิลเนฺต ตสิเต ญตฺวา ปสนฺนจิตฺตา ปานียํ ทาตุกามา หุตฺวา ‘‘ยทิปิ เม คามวาสิโน ‘สมณสฺส โคตมสฺส น กิญฺจิ ทาตพฺพํ, สามีจิกมฺมมฺปิ น กาตพฺพ’นฺติ กติกํ กตฺวา ฐิตา, เอวํ สเนฺตปิ ยทิ อหํ อีทิเส ปุญฺญเกฺขเตฺต ทกฺขิเณเยฺย ลภิตฺวา ปานียทานมเตฺตนาปิ อตฺตโน ปติฎฺฐํ น กเรยฺยํ, กทาหํ อิโต ทุกฺขชีวิตโต มุจฺจิสฺสามิ, กามํ เม อยฺยโก สเพฺพปิเม คามวาสิโน มํ หนนฺตุ วา พนฺธนฺตุ วา, อีทิเส ปุญฺญเกฺขเตฺต ปานียทานํ ทสฺสามิ เอวา’’ติ สนฺนิฎฺฐานํ กตฺวา อญฺญาหิ อุทกหารินีหิ วาริยมานาปิ ชีวิเต นิรเปกฺขา สีสโต ปานียฆฎํ โอตาเรตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ ปริคฺคเหตฺวา เอกมเนฺต ฐเปตฺวา สญฺชาตปีติโสมนสฺสา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ปานีเยน นิมเนฺตสิฯ ภควา ตสฺสา จิตฺตปฺปสาทํ โอโลเกตฺวา ตํ อนุคฺคณฺหโนฺต ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา ปานียํ ปิวิ, ฆเฎ อุทกํ ปริกฺขยํ น คจฺฉติฯ สา ตํ ทิสฺวา ปุน ปสนฺนจิตฺตา เอกสฺส ภิกฺขุสฺส อทาสิ, ตถา อปรสฺส อปรสฺสาติ สเพฺพสมฺปิ อทาสิ, อุทกํ น ขียเตวฯ สา หฎฺฐตุฎฺฐา ยถาปุเณฺณน ฆเฎน เคหาภิมุขี อคมาสิฯ ตสฺสา สามิโก พฺราหฺมโณ ปานียสฺส ทินฺนภาวํ สุตฺวา ‘‘อิมาย คามวตฺตํ ภินฺนํ, อหญฺจ คารโยฺห กโต’’ติ โกเธน ปชฺชลโนฺต ตฎตฎายมาโน ตํ ภูมิยํ ปาเตตฺวา หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ ปหริฯ สา เตน อุปกฺกเมน ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพติ, วิมานํ จสฺสา ปฐมนาวาวิมาเน วุตฺตสทิสํ อุปฺปชฺชิฯ
Tattha aññatarassa brāhmaṇassa dāsī ghaṭena pānīyaṃ gahetvā gacchantī bhagavantaṃ bhikkhusaṅghaparivutaṃ nisinnaṃ disvā bhikkhū ca maggaparissamena kilante tasite ñatvā pasannacittā pānīyaṃ dātukāmā hutvā ‘‘yadipi me gāmavāsino ‘samaṇassa gotamassa na kiñci dātabbaṃ, sāmīcikammampi na kātabba’nti katikaṃ katvā ṭhitā, evaṃ santepi yadi ahaṃ īdise puññakkhette dakkhiṇeyye labhitvā pānīyadānamattenāpi attano patiṭṭhaṃ na kareyyaṃ, kadāhaṃ ito dukkhajīvitato muccissāmi, kāmaṃ me ayyako sabbepime gāmavāsino maṃ hanantu vā bandhantu vā, īdise puññakkhette pānīyadānaṃ dassāmi evā’’ti sanniṭṭhānaṃ katvā aññāhi udakahārinīhi vāriyamānāpi jīvite nirapekkhā sīsato pānīyaghaṭaṃ otāretvā ubhohi hatthehi pariggahetvā ekamante ṭhapetvā sañjātapītisomanassā bhagavantaṃ upasaṅkamitvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā pānīyena nimantesi. Bhagavā tassā cittappasādaṃ oloketvā taṃ anuggaṇhanto pānīyaṃ parissāvetvā hatthapāde dhovitvā pānīyaṃ pivi, ghaṭe udakaṃ parikkhayaṃ na gacchati. Sā taṃ disvā puna pasannacittā ekassa bhikkhussa adāsi, tathā aparassa aparassāti sabbesampi adāsi, udakaṃ na khīyateva. Sā haṭṭhatuṭṭhā yathāpuṇṇena ghaṭena gehābhimukhī agamāsi. Tassā sāmiko brāhmaṇo pānīyassa dinnabhāvaṃ sutvā ‘‘imāya gāmavattaṃ bhinnaṃ, ahañca gārayho kato’’ti kodhena pajjalanto taṭataṭāyamāno taṃ bhūmiyaṃ pātetvā hatthehi ca pādehi ca pahari. Sā tena upakkamena jīvitakkhayaṃ patvā tāvatiṃsabhavane nibbati, vimānaṃ cassā paṭhamanāvāvimāne vuttasadisaṃ uppajji.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อานนฺท, อุทปานโต ปานียํ อาหรา’’ติฯ เถโร ‘‘อิทานิ, ภเนฺต, อุทปาโน ถูเณยฺยเกหิ ทูสิโต, น สกฺกา ปานียํ อาหริตุ’’นฺติ อาหฯ ภควา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ อาณาเปสิฯ ตติยวาเร เถโร ภควโต ปตฺตํ อาทาย อุทปานาภิมุโข อคมาสิฯ คจฺฉเนฺต เถเร อุทปาเน อุทกํ ปริปุณฺณํ หุตฺวา อุตฺตริตฺวา สมนฺตโต สนฺทติ, สพฺพํ ติณภุสํ อุปลวิตฺวา สยเมว อปคจฺฉติฯ เตน สนฺทมาเนน สลิเลน อุปรูปริ วฑฺฒเนฺตน อเญฺญ ชลาสเย ปูเรตฺวา ตํ คามํ ปริกฺขิปเนฺตน คามปฺปเทโส อโชฺฌตฺถรียติฯ ตํ ปาฎิหาริยํ ทิสฺวา พฺราหฺมณา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ภควนฺตํ ขมาเปสุํ, ตงฺขณเญฺญว อุทโกโฆ อนฺตรธายิฯ เต ภควโต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ นิวาสฎฺฐานํ สํวิธาย สฺวาตนาย นิมเนฺตตฺวา ทุติยทิวเส มหาทานํ สเชฺชตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา สเพฺพ ถูเณยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ ปยิรุปาสนฺตา นิสีทิํสุฯ
Atha kho bhagavā āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi ‘‘iṅgha me tvaṃ, ānanda, udapānato pānīyaṃ āharā’’ti. Thero ‘‘idāni, bhante, udapāno thūṇeyyakehi dūsito, na sakkā pānīyaṃ āharitu’’nti āha. Bhagavā dutiyampi tatiyampi āṇāpesi. Tatiyavāre thero bhagavato pattaṃ ādāya udapānābhimukho agamāsi. Gacchante there udapāne udakaṃ paripuṇṇaṃ hutvā uttaritvā samantato sandati, sabbaṃ tiṇabhusaṃ upalavitvā sayameva apagacchati. Tena sandamānena salilena uparūpari vaḍḍhantena aññe jalāsaye pūretvā taṃ gāmaṃ parikkhipantena gāmappadeso ajjhottharīyati. Taṃ pāṭihāriyaṃ disvā brāhmaṇā acchariyabbhutacittajātā bhagavantaṃ khamāpesuṃ, taṅkhaṇaññeva udakogho antaradhāyi. Te bhagavato ca bhikkhusaṅghassa ca nivāsaṭṭhānaṃ saṃvidhāya svātanāya nimantetvā dutiyadivase mahādānaṃ sajjetvā buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena parivisitvā sabbe thūṇeyyakā brāhmaṇagahapatikā bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ payirupāsantā nisīdiṃsu.
เตน จ สมเยน สา เทวตา อตฺตโน สมฺปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตสฺสา การณํ อุปธาเรนฺตี ตํ ‘‘ปานียทาน’’นฺติ ญตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา ‘‘หนฺทาหํ อิทาเนว ภควนฺตํ วนฺทิสฺสามิ, สมฺมาปฎิปเนฺนสุ กตานํ อปฺปกานมฺปิ การานํ อุฬารผลตญฺจ มนุสฺสโลเก ปากฎํ กริสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาตา อจฺฉราสหสฺสปริวารา อุยฺยานาทิสหิเตน วิมาเนน สทฺธิํเยว มหติยา เทวิทฺธิยา มหเนฺตน เทวานุภาเวน มหาชนกายสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ อถ นํ ภควา ตสฺสา ปริสาย กมฺมผลํ ปจฺจกฺขโต วิภาเวตุกาโม –
Tena ca samayena sā devatā attano sampattiṃ paccavekkhitvā tassā kāraṇaṃ upadhārentī taṃ ‘‘pānīyadāna’’nti ñatvā pītisomanassajātā ‘‘handāhaṃ idāneva bhagavantaṃ vandissāmi, sammāpaṭipannesu katānaṃ appakānampi kārānaṃ uḷāraphalatañca manussaloke pākaṭaṃ karissāmī’’ti ussāhajātā accharāsahassaparivārā uyyānādisahitena vimānena saddhiṃyeva mahatiyā deviddhiyā mahantena devānubhāvena mahājanakāyassa passantasseva āgantvā vimānato oruyha bhagavantaṃ upasaṅkamitvā abhivādetvā añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. Atha naṃ bhagavā tassā parisāya kammaphalaṃ paccakkhato vibhāvetukāmo –
๖๓.
63.
‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ นาวํ, นาริ อารุยฺห ติฎฺฐสิ;
‘‘Suvaṇṇacchadanaṃ nāvaṃ, nāri āruyha tiṭṭhasi;
โอคาหสิ โปกฺขรณิํ, ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินาฯ
Ogāhasi pokkharaṇiṃ, padmaṃ chindasi pāṇinā.
๖๔.
64.
‘‘กูฎาคารา นิเวสา เต, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;
‘‘Kūṭāgārā nivesā te, vibhattā bhāgaso mitā;
ททฺทลฺลมานา อาภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสาฯ
Daddallamānā ābhanti, samantā caturo disā.
๖๕.
65.
‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.
๖๖.
66.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ,
‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsi puññaṃ,
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ –
Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti. –
จตูหิ คาถาหิ ปุจฺฉิฯ
Catūhi gāthāhi pucchi.
๖๗.
67.
‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, สมฺพุเทฺธเนว ปุจฺฉิตา;
‘‘Sā devatā attamanā, sambuddheneva pucchitā;
ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ –
Pañhaṃ puṭṭhā viyākāsi, yassa kammassidaṃ phala’’nti. –
สงฺคีติการา อาหํสุฯ
Saṅgītikārā āhaṃsu.
๖๘.
68.
‘‘อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;
‘‘Ahaṃ manussesu manussabhūtā, purimāya jātiyā manussaloke;
ทิสฺวาน ภิกฺขู ตสิเต กิลเนฺต, อุฎฺฐาย ปาตุํ อุทกํ อทาสิํฯ
Disvāna bhikkhū tasite kilante, uṭṭhāya pātuṃ udakaṃ adāsiṃ.
๖๙.
69.
‘‘โย เว กิลนฺตาน ปิปาสิตานํ, อุฎฺฐาย ปาตุํ อุทกํ ททาติ;
‘‘Yo ve kilantāna pipāsitānaṃ, uṭṭhāya pātuṃ udakaṃ dadāti;
สีโตทกา ตสฺส ภวนฺติ นโชฺช, ปหูตมลฺยา พหุปุณฺฑรีกาฯ
Sītodakā tassa bhavanti najjo, pahūtamalyā bahupuṇḍarīkā.
๗๐.
70.
‘‘ตํ อาปคา อนุปริยนฺติ สพฺพทา, สีโตทกา วาลุกสนฺถตา นที;
‘‘Taṃ āpagā anupariyanti sabbadā, sītodakā vālukasanthatā nadī;
อมฺพา จ สาลา ติลกา จ ชมฺพุโย, อุทฺทาลกา ปาฎลิโย จ ผุลฺลาฯ
Ambā ca sālā tilakā ca jambuyo, uddālakā pāṭaliyo ca phullā.
๗๑.
71.
‘‘ตํภูมิภาเคหิ อุเปตรูปํ, วิมานเสฎฺฐํ ภุส โสภมานํ;
‘‘Taṃbhūmibhāgehi upetarūpaṃ, vimānaseṭṭhaṃ bhusa sobhamānaṃ;
ตสฺสีธ กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, เอตาทิสํ ปุญฺญกตา ลภนฺติฯ
Tassīdha kammassa ayaṃ vipāko, etādisaṃ puññakatā labhanti.
๗๒.
72.
‘‘กูฎาคารา นิเวสา เม, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;
‘‘Kūṭāgārā nivesā me, vibhattā bhāgaso mitā;
ททฺทลฺลมานา อาภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสาฯ
Daddallamānā ābhanti, samantā caturo disā.
๗๓.
73.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Tena metādiso vaṇṇo, tena me idha mijjhati;
ตปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Tappajjanti ca me bhogā, ye keci manaso piyā.
๗๔.
74.
‘‘อกฺขามิ เต พุทฺธ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Akkhāmi te buddha mahānubhāva, manussabhūtā yamakāsi puññaṃ;
เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสติ;
Tenamhi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsati;
เอตสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ, อตฺถาย พุโทฺธ อุทกํ อปายี’’ติฯ –
Etassa kammassa phalaṃ mamedaṃ, atthāya buddho udakaṃ apāyī’’ti. –
วิสฺสชฺชนคาถาโยฯ
Vissajjanagāthāyo.
๖๓. ตตฺถ กิญฺจาปิ สา เทวตา ยทา ภควา ปุจฺฉิ, ตทา ตํ นาวํ อารุยฺห น ฐิตา, น โปกฺขรณิํ โอคาหติ, นาปิ ปทุมํ ฉินฺทติ, กมฺมานุภาวโจทิตา ปน อภิณฺหํ ชลวิหารปสุตา ตถา กโรตีติ ตํ กิริยาวิเจฺฉทํ ทสฺสนวเสเนวํ วุตฺตํฯ อยญฺจ อโตฺถ น เกวลมิเธว, อถ โข เหฎฺฐิเมสุปิ เอวเมว ทฎฺฐโพฺพฯ
63. Tattha kiñcāpi sā devatā yadā bhagavā pucchi, tadā taṃ nāvaṃ āruyha na ṭhitā, na pokkharaṇiṃ ogāhati, nāpi padumaṃ chindati, kammānubhāvacoditā pana abhiṇhaṃ jalavihārapasutā tathā karotīti taṃ kiriyāvicchedaṃ dassanavasenevaṃ vuttaṃ. Ayañca attho na kevalamidheva, atha kho heṭṭhimesupi evameva daṭṭhabbo.
๗๒. กูฎาคาราติ สุวณฺณมยกณฺณิกาพทฺธเคหวโนฺตฯ นิเวสาติ นิเวสนานิ, กจฺฉรานีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วิภตฺตา ภาคโส มิตา’’ติฯ ตานิ หิ จตุสาลภูตานิ อญฺญมญฺญสฺส ปฎิพิมฺพภูตานิ วิย ปฎิวิภตฺตรูปานิ สมปฺปมาณตาย ภาคโส มิตานิ วิย โหนฺติฯ ททฺทลฺลมานาติ อติวิย วิโชฺชตมานาฯ อาภนฺตีติ มณิรตนกนกรํสิชาเลหิ โอภาเสนฺติฯ
72.Kūṭāgārāti suvaṇṇamayakaṇṇikābaddhagehavanto. Nivesāti nivesanāni, kaccharānīti attho. Tenāha ‘‘vibhattā bhāgaso mitā’’ti. Tāni hi catusālabhūtāni aññamaññassa paṭibimbabhūtāni viya paṭivibhattarūpāni samappamāṇatāya bhāgaso mitāni viya honti. Daddallamānāti ativiya vijjotamānā. Ābhantīti maṇiratanakanakaraṃsijālehi obhāsenti.
๗๔. มมาติ อิทํ ปุพฺพาปราเปกฺขํ, มม กมฺมสฺส มม อตฺถายาติ อยเญฺหตฺถ โยชนาฯ อุทกํ อปายีติ ยเทตํ อุทกทานํ วุตฺตํ, เอตสฺส ปุญฺญกมฺมสฺส อิทํ ผลํ ยายํ ทิพฺพสมฺปตฺติ, ยสฺมา มมตฺถาย สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณโยฺย พุโทฺธ ภควา มยา ทินฺนํ อุทกํ อปายีติฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ
74.Mamāti idaṃ pubbāparāpekkhaṃ, mama kammassa mama atthāyāti ayañhettha yojanā. Udakaṃ apāyīti yadetaṃ udakadānaṃ vuttaṃ, etassa puññakammassa idaṃ phalaṃ yāyaṃ dibbasampatti, yasmā mamatthāya sadevake loke aggadakkhiṇeyyo buddho bhagavā mayā dinnaṃ udakaṃ apāyīti. Sesaṃ vuttanayameva.
เอวํ ปสนฺนมานสาย เทวตาย ภควา สามุกฺกํสิกํ ธมฺมเทสนํ กโรโนฺต สจฺจานิ ปกาเสสิฯ สา เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ ธมฺมเทสนา สาตฺถิกา อโหสิฯ
Evaṃ pasannamānasāya devatāya bhagavā sāmukkaṃsikaṃ dhammadesanaṃ karonto saccāni pakāsesi. Sā desanāpariyosāne sotāpattiphale patiṭṭhahi, sampattaparisāyapi dhammadesanā sātthikā ahosi.
ตติยนาวาวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyanāvāvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๘. ตติยนาวาวิมานวตฺถุ • 8. Tatiyanāvāvimānavatthu