Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga

    ๓. ตติยปาราชิกํ

    3. Tatiyapārājikaṃ

    ๑๖๒. 1 เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฎาคารสาลายํฯ เตน โข ปน สมเยน ภควา ภิกฺขูนํ อเนกปริยาเยน อสุภกถํ กเถติ, อสุภาย วณฺณํ ภาสติ, อสุภภาวนาย วณฺณํ ภาสติ, อาทิสฺส อาทิสฺส อสุภสมาปตฺติยา วณฺณํ ภาสติฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, ภิกฺขเว, อทฺธมาสํ ปฎิสลฺลียิตุํฯ นมฺหิ เกนจิ อุปสงฺกมิตโพฺพ, อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ, โข เต ภิกฺขู ภควโต ปฎิสฺสุณิตฺวา นาสฺสุธ โกจิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมติ, อญฺญตฺร เอเกน ปิณฺฑปาตนีหารเกนฯ ภิกฺขู – ‘‘ภควา โข อเนกปริยาเยน อสุภกถํ กเถติ, อสุภาย วณฺณํ ภาสติ, อสุภภาวนาย วณฺณํ ภาสติ, อาทิสฺส อาทิสฺส อสุภสมาปตฺติยา วณฺณํ ภาสตี’’ติ (เต) 2 อเนกาการโวการํ อสุภภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ เต สเกน กาเยน อฎฺฎียนฺติ หรายนฺติ ชิคุจฺฉนฺติฯ เสยฺยถาปิ นาม อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก สีสํนฺหาโต อหิกุณเปน วา กุกฺกุรกุณเปน วา มนุสฺสกุณเปน วา กเณฺฐ อาสเตฺตน อฎฺฎีเยยฺย หราเยยฺย ชิคุเจฺฉยฺย, เอวเมว เต ภิกฺขู สเกน กาเยน อฎฺฎียนฺตา หรายนฺตา ชิคุจฺฉนฺตา อตฺตนาปิ อตฺตานํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, อญฺญมญฺญมฺปิ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, มิคลณฺฑิกมฺปิ สมณกุตฺตกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทนฺติ – ‘‘สาธุ โน, อาวุโส, ชีวิตา โวโรเปหิ ฯ อิทํ เต ปตฺตจีวรํ ภวิสฺสตี’’ติฯ อถ โข มิคลณฺฑิโก สมณกุตฺตโก ปตฺตจีวเรหิ ภโฎ สมฺพหุเล ภิกฺขู ชีวิตา โวโรเปตฺวา โลหิตกํ 3 อสิํ อาทาย เยน วคฺคมุทา นที เตนุปสงฺกมิฯ

    162.4 Tena samayena buddho bhagavā vesāliyaṃ viharati mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ. Tena kho pana samayena bhagavā bhikkhūnaṃ anekapariyāyena asubhakathaṃ katheti, asubhāya vaṇṇaṃ bhāsati, asubhabhāvanāya vaṇṇaṃ bhāsati, ādissa ādissa asubhasamāpattiyā vaṇṇaṃ bhāsati. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘icchāmahaṃ, bhikkhave, addhamāsaṃ paṭisallīyituṃ. Namhi kenaci upasaṅkamitabbo, aññatra ekena piṇḍapātanīhārakenā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti, kho te bhikkhū bhagavato paṭissuṇitvā nāssudha koci bhagavantaṃ upasaṅkamati, aññatra ekena piṇḍapātanīhārakena. Bhikkhū – ‘‘bhagavā kho anekapariyāyena asubhakathaṃ katheti, asubhāya vaṇṇaṃ bhāsati, asubhabhāvanāya vaṇṇaṃ bhāsati, ādissa ādissa asubhasamāpattiyā vaṇṇaṃ bhāsatī’’ti (te) 5 anekākāravokāraṃ asubhabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti. Te sakena kāyena aṭṭīyanti harāyanti jigucchanti. Seyyathāpi nāma itthī vā puriso vā daharo yuvā maṇḍanakajātiko sīsaṃnhāto ahikuṇapena vā kukkurakuṇapena vā manussakuṇapena vā kaṇṭhe āsattena aṭṭīyeyya harāyeyya jiguccheyya, evameva te bhikkhū sakena kāyena aṭṭīyantā harāyantā jigucchantā attanāpi attānaṃ jīvitā voropenti, aññamaññampi jīvitā voropenti, migalaṇḍikampi samaṇakuttakaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadanti – ‘‘sādhu no, āvuso, jīvitā voropehi . Idaṃ te pattacīvaraṃ bhavissatī’’ti. Atha kho migalaṇḍiko samaṇakuttako pattacīvarehi bhaṭo sambahule bhikkhū jīvitā voropetvā lohitakaṃ 6 asiṃ ādāya yena vaggamudā nadī tenupasaṅkami.

    ๑๖๓. อถ โข มิคลณฺฑิกสฺส สมณกุตฺตกสฺส โลหิตกํ ตํ อสิํ โธวนฺตสฺส อหุเทว กุกฺกุจฺจํ อหุ วิปฺปฎิสาโร – ‘‘อลาภา วต เม, น วต เม ลาภา; ทุลฺลทฺธํ วต เม, น วต เม สุลทฺธํ ฯ พหุํ วต มยา อปุญฺญํ ปสุตํ, โยหํ ภิกฺขู สีลวเนฺต กลฺยาณธเมฺม ชีวิตา โวโรเปสิ’’นฺติฯ อถ โข อญฺญตรา มารกายิกา เทวตา อภิชฺชมาเน อุทเก อาคนฺตฺวา มิคลณฺฑิกํ สมณกุตฺตกํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ สปฺปุริส, ลาภา เต สปฺปุริส, สุลทฺธํ เต สปฺปุริสฯ พหุํ ตยา สปฺปุริส ปุญฺญํ ปสุตํ, ยํ ตฺวํ อติเณฺณ ตาเรสี’’ติฯ อถ โข มิคลณฺฑิโก สมณกุตฺตโก – ‘‘ลาภา กิร เม, สุลทฺธํ กิร เม, พหุํ กิร มยา ปุญฺญํ ปสุตํ, อติโณฺณ กิราหํ ตาเรมี’’ติ ติณฺหํ อสิํ อาทาย วิหาเรน วิหารํ ปริเวเณน ปริเวณํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทติ – ‘‘โก อติโณฺณ, กํ ตาเรมี’’ติ? ตตฺถ เย เต ภิกฺขู อวีตราคา เตสํ ตสฺมิํ สมเย โหติเยว ภยํ โหติ ฉมฺภิตตฺตํ โหติ โลมหํโสฯ เย ปน เต ภิกฺขู วีตราคา เตสํ ตสฺมิํ สมเย น โหติ ภยํ น โหติ ฉมฺภิตตฺตํ น โหติ โลมหํโสฯ อถ โข มิคลณฺฑิโก สมณกุตฺตโก เอกมฺปิ ภิกฺขุํ เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, เทฺวปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, ตโยปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, จตฺตาโรปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, ปญฺจปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, ทสปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, วีสมฺปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, ติํสมฺปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, จตฺตาลีสมฺปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, ปญฺญาสมฺปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ, สฎฺฐิมฺปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิฯ

    163. Atha kho migalaṇḍikassa samaṇakuttakassa lohitakaṃ taṃ asiṃ dhovantassa ahudeva kukkuccaṃ ahu vippaṭisāro – ‘‘alābhā vata me, na vata me lābhā; dulladdhaṃ vata me, na vata me suladdhaṃ . Bahuṃ vata mayā apuññaṃ pasutaṃ, yohaṃ bhikkhū sīlavante kalyāṇadhamme jīvitā voropesi’’nti. Atha kho aññatarā mārakāyikā devatā abhijjamāne udake āgantvā migalaṇḍikaṃ samaṇakuttakaṃ etadavoca – ‘‘sādhu sādhu sappurisa, lābhā te sappurisa, suladdhaṃ te sappurisa. Bahuṃ tayā sappurisa puññaṃ pasutaṃ, yaṃ tvaṃ atiṇṇe tāresī’’ti. Atha kho migalaṇḍiko samaṇakuttako – ‘‘lābhā kira me, suladdhaṃ kira me, bahuṃ kira mayā puññaṃ pasutaṃ, atiṇṇo kirāhaṃ tāremī’’ti tiṇhaṃ asiṃ ādāya vihārena vihāraṃ pariveṇena pariveṇaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadeti – ‘‘ko atiṇṇo, kaṃ tāremī’’ti? Tattha ye te bhikkhū avītarāgā tesaṃ tasmiṃ samaye hotiyeva bhayaṃ hoti chambhitattaṃ hoti lomahaṃso. Ye pana te bhikkhū vītarāgā tesaṃ tasmiṃ samaye na hoti bhayaṃ na hoti chambhitattaṃ na hoti lomahaṃso. Atha kho migalaṇḍiko samaṇakuttako ekampi bhikkhuṃ ekāhena jīvitā voropesi, dvepi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, tayopi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, cattāropi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, pañcapi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, dasapi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, vīsampi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, tiṃsampi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, cattālīsampi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, paññāsampi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi, saṭṭhimpi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi.

    ๑๖๔. อถ โข ภควา ตสฺส อทฺธมาสสฺส อจฺจเยน ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามเนฺตสิ – ‘‘กิํ นุ โข, อานนฺท, ตนุภูโต วิย ภิกฺขุสโงฺฆ’’ติ? ‘‘ตถา หิ ปน, ภเนฺต, ภควา ภิกฺขูนํ อเนกปริยาเยน อสุภกถํ กเถติ, อสุภาย วณฺณํ ภาสติ, อสุภภาวนาย วณฺณํ ภาสติ, อาทิสฺส อาทิสฺส อสุภสมาปตฺติยา วณฺณํ ภาสติฯ เต จ, ภเนฺต, ภิกฺขู – ‘ภควา โข อเนกปริยาเยน อสุภกถํ กเถติ, อสุภาย วณฺณํ ภาสติ, อสุภภาวนาย วณฺณํ ภาสติ, อาทิสฺส อาทิสฺส อสุภสมาปตฺติยา วณฺณํ ภาสตี’ติ, เต อเนกาการโวการํ อสุภภาวนานุโยคมนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ เต สเกน กาเยน อฎฺฎียนฺติ หรายนฺติ ชิคุจฺฉนฺติฯ เสยฺยถาปิ นาม อิตฺถี วา ปุริโส วา ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก สีสํนฺหาโต อหิกุณเปน วา กุกฺกุรกุณเปน วา มนุสฺสกุณเปน วา กเณฺฐ อาสเตฺตน อฎฺฎีเยยฺย หราเยยฺย ชิคุเจฺฉยฺย, เอวเมว เต ภิกฺขู สเกน กาเยน อฎฺฎียนฺตา หรายนฺตา ชิคุจฺฉนฺตา อตฺตนาปิ อตฺตานํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, อญฺญมญฺญมฺปิ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, มิคลณฺฑิกมฺปิ สมณกุตฺตกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทนฺติ – ‘สาธุ โน, อาวุโส, ชีวิตา โวโรเปหิฯ อิทํ เต ปตฺตจีวรํ ภวิสฺสตี’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, มิคลณฺฑิโก สมณกุตฺตโก ปตฺตจีวเรหิ ภโฎ เอกมฺปิ ภิกฺขุํ เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิ…เป.… สฎฺฐิมฺปิ ภิกฺขู เอกาเหน ชีวิตา โวโรเปสิฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา อญฺญํ ปริยายํ อาจิกฺขตุ ยถายํ ภิกฺขุสโงฺฆ อญฺญาย สณฺฐเหยฺยา’’ติฯ ‘‘เตนหานนฺท, ยาวติกา ภิกฺขู เวสาลิํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ เต สเพฺพ อุปฎฺฐานสาลายํ สนฺนิปาเตหี’’ติ ฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ, โข อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ปฎิสฺสุณิตฺวา ยาวติกา ภิกฺขู เวสาลิํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ เต สเพฺพ อุปฎฺฐานสาลายํ สนฺนิปาเตตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สนฺนิปติโต, ภเนฺต ภิกฺขุสโงฺฆ; ยสฺส ทานิ, ภเนฺต, ภควา กาลํ มญฺญตี’’ติฯ

    164. Atha kho bhagavā tassa addhamāsassa accayena paṭisallānā vuṭṭhito āyasmantaṃ ānandaṃ āmantesi – ‘‘kiṃ nu kho, ānanda, tanubhūto viya bhikkhusaṅgho’’ti? ‘‘Tathā hi pana, bhante, bhagavā bhikkhūnaṃ anekapariyāyena asubhakathaṃ katheti, asubhāya vaṇṇaṃ bhāsati, asubhabhāvanāya vaṇṇaṃ bhāsati, ādissa ādissa asubhasamāpattiyā vaṇṇaṃ bhāsati. Te ca, bhante, bhikkhū – ‘bhagavā kho anekapariyāyena asubhakathaṃ katheti, asubhāya vaṇṇaṃ bhāsati, asubhabhāvanāya vaṇṇaṃ bhāsati, ādissa ādissa asubhasamāpattiyā vaṇṇaṃ bhāsatī’ti, te anekākāravokāraṃ asubhabhāvanānuyogamanuyuttā viharanti. Te sakena kāyena aṭṭīyanti harāyanti jigucchanti. Seyyathāpi nāma itthī vā puriso vā daharo yuvā maṇḍanakajātiko sīsaṃnhāto ahikuṇapena vā kukkurakuṇapena vā manussakuṇapena vā kaṇṭhe āsattena aṭṭīyeyya harāyeyya jiguccheyya, evameva te bhikkhū sakena kāyena aṭṭīyantā harāyantā jigucchantā attanāpi attānaṃ jīvitā voropenti, aññamaññampi jīvitā voropenti, migalaṇḍikampi samaṇakuttakaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadanti – ‘sādhu no, āvuso, jīvitā voropehi. Idaṃ te pattacīvaraṃ bhavissatī’ti. Atha kho, bhante, migalaṇḍiko samaṇakuttako pattacīvarehi bhaṭo ekampi bhikkhuṃ ekāhena jīvitā voropesi…pe… saṭṭhimpi bhikkhū ekāhena jīvitā voropesi. Sādhu, bhante, bhagavā aññaṃ pariyāyaṃ ācikkhatu yathāyaṃ bhikkhusaṅgho aññāya saṇṭhaheyyā’’ti. ‘‘Tenahānanda, yāvatikā bhikkhū vesāliṃ upanissāya viharanti te sabbe upaṭṭhānasālāyaṃ sannipātehī’’ti . ‘‘Evaṃ, bhante’’ti, kho āyasmā ānando bhagavato paṭissuṇitvā yāvatikā bhikkhū vesāliṃ upanissāya viharanti te sabbe upaṭṭhānasālāyaṃ sannipātetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sannipatito, bhante bhikkhusaṅgho; yassa dāni, bhante, bhagavā kālaṃ maññatī’’ti.

    ๑๖๕. อถ โข ภควา เยน อุปฎฺฐานสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ ภาวิโต พหุลีกโต สโนฺต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน จ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส อุหตํ 7 รโชชลฺลํ ตเมนํ มหา อกาลเมโฆ ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ ภาวิโต พหุลีกโต สโนฺต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน จ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติฯ กถํ ภาวิโต จ, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ กถํ พหุลีกโต สโนฺต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน จ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส สโตว อสฺสสติ สโต ปสฺสสติฯ ทีฆํ วา อสฺสสโนฺต ทีฆํ อสฺสสามีติ ปชานาติ, ทีฆํ วา ปสฺสสโนฺต ทีฆํ ปสฺสสามีติ ปชานาติฯ รสฺสํ วา อสฺสสโนฺต รสฺสํ อสฺสสามีติ ปชานาติ, รสฺสํ วา ปสฺสสโนฺต รสฺสํ ปสฺสสามีติ ปชานาติฯ สพฺพกายปฺปฎิสํเวที อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ สพฺพกายปฺปฎิสํเวที ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ ปสฺสมฺภยํ กายสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ ปีติปฺปฎิสํเวที อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ ปีติปฺปฎิสํเวที ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ สุขปฺปฎิสํเวที อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ สุขปฺปฎิสํเวที ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ จิตฺตสงฺขารปฺปฎิสํเวที อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ จิตฺตสงฺขารปฺปฎิสํเวที ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ ปสฺสมฺภยํ จิตฺตสงฺขารํ ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ จิตฺตปฺปฎิสํเวที อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ จิตฺตปฺปฎิสํเวที ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ อภิปฺปโมทยํ จิตฺตํ…เป.… สมาทหํ จิตฺตํ…เป.… วิโมจยํ จิตฺตํ…เป.… อนิจฺจานุปสฺสี…เป.… วิราคานุปสฺสี…เป.… นิโรธานุปสฺสี…เป.… ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ ปฎินิสฺสคฺคานุปสฺสี ปสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติฯ เอวํ ภาวิโต โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ เอวํ พหุลีกโต สโนฺต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน จ ปาปเก อกุสเล ธเมฺม ฐานโส อนฺตรธาเปติ วูปสเมตี’’ติฯ

    165. Atha kho bhagavā yena upaṭṭhānasālā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Nisajja kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘ayampi kho, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi bhāvito bahulīkato santo ceva paṇīto ca asecanako ca sukho ca vihāro uppannuppanne ca pāpake akusale dhamme ṭhānaso antaradhāpeti vūpasameti. Seyyathāpi, bhikkhave, gimhānaṃ pacchime māse uhataṃ 8 rajojallaṃ tamenaṃ mahā akālamegho ṭhānaso antaradhāpeti vūpasameti, evameva kho, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi bhāvito bahulīkato santo ceva paṇīto ca asecanako ca sukho ca vihāro uppannuppanne ca pāpake akusale dhamme ṭhānaso antaradhāpeti vūpasameti. Kathaṃ bhāvito ca, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi kathaṃ bahulīkato santo ceva paṇīto ca asecanako ca sukho ca vihāro uppannuppanne ca pāpake akusale dhamme ṭhānaso antaradhāpeti vūpasameti? Idha, bhikkhave, bhikkhu araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So satova assasati sato passasati. Dīghaṃ vā assasanto dīghaṃ assasāmīti pajānāti, dīghaṃ vā passasanto dīghaṃ passasāmīti pajānāti. Rassaṃ vā assasanto rassaṃ assasāmīti pajānāti, rassaṃ vā passasanto rassaṃ passasāmīti pajānāti. Sabbakāyappaṭisaṃvedī assasissāmīti sikkhati. Sabbakāyappaṭisaṃvedī passasissāmīti sikkhati. Passambhayaṃ kāyasaṅkhāraṃ assasissāmīti sikkhati. Passambhayaṃ kāyasaṅkhāraṃ passasissāmīti sikkhati. Pītippaṭisaṃvedī assasissāmīti sikkhati. Pītippaṭisaṃvedī passasissāmīti sikkhati. Sukhappaṭisaṃvedī assasissāmīti sikkhati. Sukhappaṭisaṃvedī passasissāmīti sikkhati. Cittasaṅkhārappaṭisaṃvedī assasissāmīti sikkhati. Cittasaṅkhārappaṭisaṃvedī passasissāmīti sikkhati. Passambhayaṃ cittasaṅkhāraṃ assasissāmīti sikkhati. Passambhayaṃ cittasaṅkhāraṃ passasissāmīti sikkhati. Cittappaṭisaṃvedī assasissāmīti sikkhati. Cittappaṭisaṃvedī passasissāmīti sikkhati. Abhippamodayaṃ cittaṃ…pe… samādahaṃ cittaṃ…pe… vimocayaṃ cittaṃ…pe… aniccānupassī…pe… virāgānupassī…pe… nirodhānupassī…pe… paṭinissaggānupassī assasissāmīti sikkhati. Paṭinissaggānupassī passasissāmīti sikkhati. Evaṃ bhāvito kho, bhikkhave, ānāpānassatisamādhi evaṃ bahulīkato santo ceva paṇīto ca asecanako ca sukho ca vihāro uppannuppanne ca pāpake akusale dhamme ṭhānaso antaradhāpeti vūpasametī’’ti.

    ๑๖๖. อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ภิกฺขู ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อตฺตนาปิ อตฺตานํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, อญฺญมญฺญมฺปิ ชีวิตา โวโรเปนฺติ มิคลณฺฑิกมฺปิ สมณกุตฺตกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทนฺติ – ‘สาธุ โน, อาวุโส , ชีวิตา โวโรเปหิ, อิทํ เต ปตฺตจีวรํ ภวิสฺสตี’’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา – ‘‘อนนุจฺฉวิกํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ อนนุโลมิกํ อปฺปฎิรูปํ อสฺสามณกํ อกปฺปิยํ อกรณียํฯ กถญฺหิ นาม เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู อตฺตนาปิ อตฺตานํ ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺติ, อญฺญมญฺญมฺปิ ชีวิตา โวโรเปสฺสนฺติ, มิคลณฺฑิกมฺปิ สมณกุตฺตกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วกฺขนฺติ – ‘สาธุ โน, อาวุโส, ชีวิตา โวโรเปหิ, อิทํ เต ปตฺตจีวรํ ภวิสฺสตี’ติฯ เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    166. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā bhikkhū paṭipucchi – ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, bhikkhū attanāpi attānaṃ jīvitā voropenti, aññamaññampi jīvitā voropenti migalaṇḍikampi samaṇakuttakaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadanti – ‘sādhu no, āvuso , jīvitā voropehi, idaṃ te pattacīvaraṃ bhavissatī’’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā – ‘‘ananucchavikaṃ, bhikkhave, tesaṃ bhikkhūnaṃ ananulomikaṃ appaṭirūpaṃ assāmaṇakaṃ akappiyaṃ akaraṇīyaṃ. Kathañhi nāma te, bhikkhave, bhikkhū attanāpi attānaṃ jīvitā voropessanti, aññamaññampi jīvitā voropessanti, migalaṇḍikampi samaṇakuttakaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vakkhanti – ‘sādhu no, āvuso, jīvitā voropehi, idaṃ te pattacīvaraṃ bhavissatī’ti. Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๑๖๗. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปยฺย สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺย, อยมฺปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ

    167.‘‘Yo pana bhikkhu sañcicca manussaviggahaṃ jīvitā voropeyya satthahārakaṃ vāssa pariyeseyya, ayampi pārājiko hoti asaṃvāso’’ti.

    เอวญฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ โหติฯ

    Evañcidaṃ bhagavatā bhikkhūnaṃ sikkhāpadaṃ paññattaṃ hoti.

    ๑๖๘. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร อุปาสโก คิลาโน โหติฯ ตสฺส ปชาปติ อภิรูปา โหติ ทสฺสนียา ปาสาทิกาฯ ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ตสฺสา อิตฺถิยา ปฎิพทฺธจิตฺตา โหนฺติฯ อถ โข ฉพฺพคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ โข โส, อาวุโส , อุปาสโก ชีวิสฺสติ น มยํ ตํ อิตฺถิํ ลภิสฺสามฯ หนฺท มยํ, อาวุโส, ตสฺส อุปาสกสฺส มรณวณฺณํ สํวเณฺณมา’’ติฯ อถ โข ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เยน โส อุปาสโก เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ อุปาสกํ เอตทโวจุํ – ‘‘ตฺวํ โขสิ, อุปาสก, กตกลฺยาโณ กตกุสโล กตภีรุตฺตาโณ อกตปาโป อกตลุโทฺท อกตกิพฺพิโสฯ กตํ ตยา กลฺยาณํ, อกตํ ตยา ปาปํ ฯ กิํ ตุยฺหิมินา ปาปเกน ทุชฺชีวิเตน! มตํ เต ชีวิตา เสโยฺยฯ อิโต ตฺวํ กาลงฺกโต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสสิฯ ตตฺถ ทิเพฺพหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสฺสสี’’ติฯ

    168. Tena kho pana samayena aññataro upāsako gilāno hoti. Tassa pajāpati abhirūpā hoti dassanīyā pāsādikā. Chabbaggiyā bhikkhū tassā itthiyā paṭibaddhacittā honti. Atha kho chabbaggiyānaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘sace kho so, āvuso , upāsako jīvissati na mayaṃ taṃ itthiṃ labhissāma. Handa mayaṃ, āvuso, tassa upāsakassa maraṇavaṇṇaṃ saṃvaṇṇemā’’ti. Atha kho chabbaggiyā bhikkhū yena so upāsako tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā taṃ upāsakaṃ etadavocuṃ – ‘‘tvaṃ khosi, upāsaka, katakalyāṇo katakusalo katabhīruttāṇo akatapāpo akataluddo akatakibbiso. Kataṃ tayā kalyāṇaṃ, akataṃ tayā pāpaṃ . Kiṃ tuyhiminā pāpakena dujjīvitena! Mataṃ te jīvitā seyyo. Ito tvaṃ kālaṅkato kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjissasi. Tattha dibbehi pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāressasī’’ti.

    ๑๖๙. อถ โข โส อุปาสโก – ‘‘สจฺจํ โข อยฺยา อาหํสุฯ อหญฺหิ กตกลฺยาโณ กตกุสโล กตภีรุตฺตาโณ อกตปาโป อกตลุโทฺท อกตกิพฺพิโสฯ กตํ มยา กลฺยาณํ, อกตํ มยา ปาปํ ฯ กิํ มยฺหิมินา ปาปเกน ทุชฺชีวิเตน! มตํ เม ชีวิตา เสโยฺยฯ อิโต อหํ กาลงฺกโต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสามิฯ ตตฺถ ทิเพฺพหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสฺสามี’’ติ, โส อสปฺปายานิ เจว โภชนานิ ภุญฺชิ อสปฺปายานิ จ ขาทนียานิ ขาทิ อสปฺปายานิ จ สายนียานิ สายิ อสปฺปายานิ จ ปานานิ ปิวิฯ ตสฺส อสปฺปายานิ เจว โภชนานิ ภุญฺชโต อสปฺปายานิ จ ขาทนียานิ ขาทโต อสปฺปายานิ จ สายนียานิ สายโต อสปฺปายานิ จ ปานานิ ปิวโต ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิฯ โส เตเนว อาพาเธน กาลมกาสิฯ ตสฺส ปชาปติ อุชฺฌายติ ขิยฺยติ วิปาเจติ – ‘‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา มุสาวาทิโนฯ อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา ปฎิชานิสฺสนฺติ! นตฺถิ อิเมสํ สามญฺญํ นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, นฎฺฐํ อิเมสํ สามญฺญํ นฎฺฐํ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, กุโต อิเมสํ สามญฺญํ กุโต อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, อปคตา อิเม สามญฺญา อปคตา อิเม พฺรหฺมญฺญาฯ อิเม เม สามิกสฺส มรณวณฺณํ สํวเณฺณสุํฯ อิเมหิ เม สามิโก มาริโต’’ติฯ อเญฺญปิ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘อลชฺชิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา ทุสฺสีลา มุสาวาทิโนฯ อิเม หิ นาม ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน สจฺจวาทิโน สีลวโนฺต กลฺยาณธมฺมา ปฎิชานิสฺสนฺติ! นตฺถิ อิเมสํ สามญฺญํ นตฺถิ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, นฎฺฐํ อิเมสํ สามญฺญํ นฎฺฐํ อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, กุโต อิเมสํ สามญฺญํ กุโต อิเมสํ พฺรหฺมญฺญํ, อปคตา อิเม สามญฺญา อปคตา อิเม พฺรหฺมญฺญาฯ อิเม อุปาสกสฺส มรณวณฺณํ สํวเณฺณสุํฯ อิเมหิ อุปาสโก มาริโต’’ติฯ อโสฺสสุํ โข ภิกฺขู เตสํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายนฺตานํ ขิยฺยนฺตานํ วิปาเจนฺตานํฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู อุปาสกสฺส มรณวณฺณํ สํวณฺณิสฺสนฺตี’’ติ!

    169. Atha kho so upāsako – ‘‘saccaṃ kho ayyā āhaṃsu. Ahañhi katakalyāṇo katakusalo katabhīruttāṇo akatapāpo akataluddo akatakibbiso. Kataṃ mayā kalyāṇaṃ, akataṃ mayā pāpaṃ . Kiṃ mayhiminā pāpakena dujjīvitena! Mataṃ me jīvitā seyyo. Ito ahaṃ kālaṅkato kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjissāmi. Tattha dibbehi pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāressāmī’’ti, so asappāyāni ceva bhojanāni bhuñji asappāyāni ca khādanīyāni khādi asappāyāni ca sāyanīyāni sāyi asappāyāni ca pānāni pivi. Tassa asappāyāni ceva bhojanāni bhuñjato asappāyāni ca khādanīyāni khādato asappāyāni ca sāyanīyāni sāyato asappāyāni ca pānāni pivato kharo ābādho uppajji. So teneva ābādhena kālamakāsi. Tassa pajāpati ujjhāyati khiyyati vipāceti – ‘‘alajjino ime samaṇā sakyaputtiyā dussīlā musāvādino. Ime hi nāma dhammacārino samacārino brahmacārino saccavādino sīlavanto kalyāṇadhammā paṭijānissanti! Natthi imesaṃ sāmaññaṃ natthi imesaṃ brahmaññaṃ, naṭṭhaṃ imesaṃ sāmaññaṃ naṭṭhaṃ imesaṃ brahmaññaṃ, kuto imesaṃ sāmaññaṃ kuto imesaṃ brahmaññaṃ, apagatā ime sāmaññā apagatā ime brahmaññā. Ime me sāmikassa maraṇavaṇṇaṃ saṃvaṇṇesuṃ. Imehi me sāmiko mārito’’ti. Aññepi manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘alajjino ime samaṇā sakyaputtiyā dussīlā musāvādino. Ime hi nāma dhammacārino samacārino brahmacārino saccavādino sīlavanto kalyāṇadhammā paṭijānissanti! Natthi imesaṃ sāmaññaṃ natthi imesaṃ brahmaññaṃ, naṭṭhaṃ imesaṃ sāmaññaṃ naṭṭhaṃ imesaṃ brahmaññaṃ, kuto imesaṃ sāmaññaṃ kuto imesaṃ brahmaññaṃ, apagatā ime sāmaññā apagatā ime brahmaññā. Ime upāsakassa maraṇavaṇṇaṃ saṃvaṇṇesuṃ. Imehi upāsako mārito’’ti. Assosuṃ kho bhikkhū tesaṃ manussānaṃ ujjhāyantānaṃ khiyyantānaṃ vipācentānaṃ. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma chabbaggiyā bhikkhū upāsakassa maraṇavaṇṇaṃ saṃvaṇṇissantī’’ti!

    ๑๗๐. อถ โข เต ภิกฺขู ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อุปาสกสฺส มรณวณฺณํ สํวเณฺณถา’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา – ‘‘อนนุจฺฉวิกํ, โมฆปุริสา, อนนุโลมิกํ อปฺปฎิรูปํ อสฺสามณกํ อกปฺปิยํ อกรณียํฯ กถญฺหิ นาม ตุเมฺห, โมฆปุริสา, อุปาสกสฺส มรณวณฺณํ สํวณฺณิสฺสถ! เนตํ, โมฆปุริสา, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    170. Atha kho te bhikkhū chabbaggiye bhikkhū anekapariyāyena vigarahitvā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, upāsakassa maraṇavaṇṇaṃ saṃvaṇṇethā’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā – ‘‘ananucchavikaṃ, moghapurisā, ananulomikaṃ appaṭirūpaṃ assāmaṇakaṃ akappiyaṃ akaraṇīyaṃ. Kathañhi nāma tumhe, moghapurisā, upāsakassa maraṇavaṇṇaṃ saṃvaṇṇissatha! Netaṃ, moghapurisā, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๑๗๑. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปยฺย สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺย มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺย มรณาย วา สมาทเปยฺย – ‘อโมฺภ ปุริส, กิํ ตุยฺหิมินา ปาปเกน ทุชฺชีวิเตน, มตํ เต ชีวิตา เสโยฺย’ติ, อิติ จิตฺตมโน จิตฺตสงฺกโปฺป อเนกปริยาเยน มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺย, มรณาย วา สมาทเปยฺย, อยมฺปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ

    171.‘‘Yo pana bhikkhu sañcicca manussaviggahaṃ jīvitā voropeyya satthahārakaṃ vāssa pariyeseyya maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyya maraṇāya vā samādapeyya – ‘ambho purisa, kiṃ tuyhiminā pāpakena dujjīvitena, mataṃ te jīvitā seyyo’ti, iti cittamano cittasaṅkappo anekapariyāyena maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyya, maraṇāya vā samādapeyya, ayampi pārājiko hoti asaṃvāso’’ti.

    ๑๗๒. โย ปนาติ โย ยาทิโส…เป.… ภิกฺขูติ…เป.… อยํ อิมสฺมิํ อเตฺถ อธิเปฺปโต ภิกฺขูติฯ

    172.Yo panāti yo yādiso…pe… bhikkhūti…pe… ayaṃ imasmiṃ atthe adhippeto bhikkhūti.

    สญฺจิจฺจาติ ชานโนฺต สญฺชานโนฺต เจจฺจ อภิวิตริตฺวา วีติกฺกโมฯ

    Sañciccāti jānanto sañjānanto cecca abhivitaritvā vītikkamo.

    มนุสฺสวิคฺคโห นาม ยํ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฐมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ ปฐมํ วิญฺญาณํ ปาตุภูตํ, ยาว มรณกาลา เอตฺถนฺตเร เอโส มนุสฺสวิคฺคโห นามฯ

    Manussaviggaho nāma yaṃ mātukucchismiṃ paṭhamaṃ cittaṃ uppannaṃ paṭhamaṃ viññāṇaṃ pātubhūtaṃ, yāva maraṇakālā etthantare eso manussaviggaho nāma.

    ชีวิตา โวโรเปยฺยาติ ชีวิตินฺทฺริยํ อุปจฺฉินฺทติ อุปโรเธติ สนฺตติํ วิโกเปติฯ

    Jīvitā voropeyyāti jīvitindriyaṃ upacchindati uparodheti santatiṃ vikopeti.

    สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยาติ อสิํ วา สตฺติํ วา เภณฺฑิํ วา 9 ลคุฬํ วา 10 ปาสาณํ วา สตฺถํ วา วิสํ วา รชฺชุํ วาฯ

    Satthahārakaṃ vāssa pariyeseyyāti asiṃ vā sattiṃ vā bheṇḍiṃ vā 11 laguḷaṃ vā 12 pāsāṇaṃ vā satthaṃ vā visaṃ vā rajjuṃ vā.

    มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺยาติ ชีวิเต อาทีนวํ ทเสฺสติ, มรเณ วณฺณํ ภณติฯ

    Maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyyāti jīvite ādīnavaṃ dasseti, maraṇe vaṇṇaṃ bhaṇati.

    มรณาย วา สมาทเปยฺยาติ สตฺถํ วา อาหร, วิสํ วา ขาท, รชฺชุยา วา อุพฺพนฺธิตฺวา กาลงฺกโรหีติฯ

    Maraṇāya vā samādapeyyāti satthaṃ vā āhara, visaṃ vā khāda, rajjuyā vā ubbandhitvā kālaṅkarohīti.

    อโมฺภ ปุริสาติ อาลปนาธิวจนเมตํฯ

    Ambhopurisāti ālapanādhivacanametaṃ.

    กิํ ตุยฺหิมินา ปาปเกน ทุชฺชีวิเตนาติ ปาปกํ นาม ชีวิตํ อฑฺฒานํ ชีวิตํ อุปาทาย ทลิทฺทานํ ชีวิตํ ปาปกํ ลามกํ, สธนานํ ชีวิตํ อุปาทาย อธนานํ ชีวิตํ ปาปกํ, เทวานํ ชีวิตํ อุปาทาย มนุสฺสานํ ชีวิตํ ปาปกํ ฯ

    Kiṃtuyhiminā pāpakena dujjīvitenāti pāpakaṃ nāma jīvitaṃ aḍḍhānaṃ jīvitaṃ upādāya daliddānaṃ jīvitaṃ pāpakaṃ lāmakaṃ, sadhanānaṃ jīvitaṃ upādāya adhanānaṃ jīvitaṃ pāpakaṃ, devānaṃ jīvitaṃ upādāya manussānaṃ jīvitaṃ pāpakaṃ .

    ทุชฺชีวิตํ นาม หตฺถจฺฉินฺนสฺส ปาทจฺฉินฺนสฺส หตฺถปาทจฺฉินฺนสฺส กณฺณจฺฉินฺนสฺส นาสจฺฉินฺนสฺส กณฺณนาสจฺฉินฺนสฺส, อิมินา จ ปาปเกน อิมินา จ ทุชฺชีวิเตน มตํ เต ชีวิตา เสโยฺยติฯ

    Dujjīvitaṃ nāma hatthacchinnassa pādacchinnassa hatthapādacchinnassa kaṇṇacchinnassa nāsacchinnassa kaṇṇanāsacchinnassa, iminā ca pāpakena iminā ca dujjīvitena mataṃ te jīvitā seyyoti.

    อิติ จิตฺตมโนติ ยํ จิตฺตํ ตํ มโน, ยํ มโน ตํ จิตฺตํฯ

    Iti cittamanoti yaṃ cittaṃ taṃ mano, yaṃ mano taṃ cittaṃ.

    จิตฺตสงฺกโปฺปติ มรณสญฺญี มรณเจตโน มรณาธิปฺปาโยฯ

    Cittasaṅkappoti maraṇasaññī maraṇacetano maraṇādhippāyo.

    อเนกปริยาเยนาติ อุจฺจาวเจหิ อากาเรหิฯ

    Anekapariyāyenāti uccāvacehi ākārehi.

    มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺยาติ ชีวิเต อาทีนวํ ทเสฺสติ, มรเณ วณฺณํ ภณติ – ‘‘อิโต ตฺวํ กาลงฺกโต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชิสฺสสิ, ตตฺถ ทิเพฺพหิ ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรสฺสสี’’ติฯ

    Maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyyāti jīvite ādīnavaṃ dasseti, maraṇe vaṇṇaṃ bhaṇati – ‘‘ito tvaṃ kālaṅkato kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjissasi, tattha dibbehi pañcahi kāmaguṇehi samappito samaṅgībhūto paricāressasī’’ti.

    มรณาย วา สมาทเปยฺยาติ สตฺถํ วา อาหร, วิสํ วา ขาท, รชฺชุยา วา อุพฺพนฺธิตฺวา กาลงฺกโรหิ, โสเพฺภ วา นรเก วา ปปาเต วา ปปตาติฯ

    Maraṇāya vā samādapeyyāti satthaṃ vā āhara, visaṃ vā khāda, rajjuyā vā ubbandhitvā kālaṅkarohi, sobbhe vā narake vā papāte vā papatāti.

    อยมฺปีติ ปุริเม อุปาทาย วุจฺจติฯ

    Ayampīti purime upādāya vuccati.

    ปาราชิโก โหตีติ เสยฺยถาปิ นาม ปุถุสิลา ทฺวิธา ภินฺนา 13 อปฺปฎิสนฺธิกา โหติ, เอวเมว ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา อสฺสมโณ โหติ อสกฺยปุตฺติโยฯ เตน วุจฺจติ – ‘ปาราชิโก โหตี’ติฯ

    Pārājiko hotīti seyyathāpi nāma puthusilā dvidhā bhinnā 14 appaṭisandhikā hoti, evameva bhikkhu sañcicca manussaviggahaṃ jīvitā voropetvā assamaṇo hoti asakyaputtiyo. Tena vuccati – ‘pārājiko hotī’ti.

    อสํวาโสติ สํวาโส นาม เอกกมฺมํ เอกุเทฺทโส สมสิกฺขตา – เอโส สํวาโส นามฯ โส เตน สทฺธิํ นตฺถิ, เตน วุจฺจติ อสํวาโสติฯ

    Asaṃvāsoti saṃvāso nāma ekakammaṃ ekuddeso samasikkhatā – eso saṃvāso nāma. So tena saddhiṃ natthi, tena vuccati asaṃvāsoti.

    ๑๗๓. สามํ, อธิฎฺฐาย, ทูเตน, ทูตปรํปราย, วิสกฺกิเยน ทูเตน, คตปจฺจาคเตน ทูเตน, อรโห รโหสญฺญี, รโห อรโหสญฺญี, อรโห อรโหสญฺญี, รโห รโหสญฺญี กาเยน สํวเณฺณติ, วาจาย สํวเณฺณติ, กาเยน วาจาย สํวเณฺณติ, ทูเตน สํวเณฺณติ, เลขาย สํวเณฺณติ, โอปาตํ อปเสฺสนํ, อุปนิกฺขิปนํ, เภสชฺชํ, รูปูปหาโร, สทฺทูปหาโร, คนฺธูปหาโร, รสูปหาโร, โผฎฺฐพฺพูปหาโร, ธมฺมูปหาโร, อาจิกฺขนา, อนุสาสนี, สเงฺกตกมฺมํ, นิมิตฺตกมฺมนฺติฯ

    173. Sāmaṃ, adhiṭṭhāya, dūtena, dūtaparaṃparāya, visakkiyena dūtena, gatapaccāgatena dūtena, araho rahosaññī, raho arahosaññī, araho arahosaññī, raho rahosaññī kāyena saṃvaṇṇeti, vācāya saṃvaṇṇeti, kāyena vācāya saṃvaṇṇeti, dūtena saṃvaṇṇeti, lekhāya saṃvaṇṇeti, opātaṃ apassenaṃ, upanikkhipanaṃ, bhesajjaṃ, rūpūpahāro, saddūpahāro, gandhūpahāro, rasūpahāro, phoṭṭhabbūpahāro, dhammūpahāro, ācikkhanā, anusāsanī, saṅketakammaṃ, nimittakammanti.

    ๑๗๔. สามนฺติ สยํ หนติ กาเยน วา กายปฎิพเทฺธน วา นิสฺสคฺคิเยน วาฯ

    174.Sāmanti sayaṃ hanati kāyena vā kāyapaṭibaddhena vā nissaggiyena vā.

    อธิฎฺฐายาติ อธิฎฺฐหิตฺวา อาณาเปติ – ‘‘เอวํ วิชฺฌ, เอวํ ปหร, เอวํ ฆาเตหี’’ติฯ

    Adhiṭṭhāyāti adhiṭṭhahitvā āṇāpeti – ‘‘evaṃ vijjha, evaṃ pahara, evaṃ ghātehī’’ti.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส ตํ มญฺญมาโน ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ อุภินฺนํ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmaṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So taṃ maññamāno taṃ jīvitā voropeti, āpatti ubhinnaṃ pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส ตํ มญฺญมาโน อญฺญํ ชีวิตา โวโรเปตฺติ, มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติฯ วธกสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmaṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So taṃ maññamāno aññaṃ jīvitā voropetti, mūlaṭṭhassa anāpatti. Vadhakassa āpatti pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส อญฺญํ มญฺญมาโน ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ อุภินฺนํ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmaṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So aññaṃ maññamāno taṃ jīvitā voropeti, āpatti ubhinnaṃ pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส อญฺญํ มญฺญมาโน อญฺญํ ชีวิตา โวโรเปติ; มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติ, วธกสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmaṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So aññaṃ maññamāno aññaṃ jīvitā voropeti; mūlaṭṭhassa anāpatti, vadhakassa āpatti pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ปาวท – ‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส ปาวทตุ – อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปตู’’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส อิตรสฺส อาโรเจติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ วธโก ปฎิคฺคณฺหาติ, มูลฎฺฐสฺส อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ โส ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ สเพฺพสํ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmassa pāvada – ‘itthannāmo itthannāmassa pāvadatu – itthannāmo itthannāmaṃ jīvitā voropetū’’’ti, āpatti dukkaṭassa. So itarassa āroceti, āpatti dukkaṭassa. Vadhako paṭiggaṇhāti, mūlaṭṭhassa āpatti thullaccayassa. So taṃ jīvitā voropeti, āpatti sabbesaṃ pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส ปาวท – ‘อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามสฺส ปาวทตุ – อิตฺถนฺนาโม อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปตู’’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส อญฺญํ อาณาเปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ วธโก ปฎิคฺคณฺหาติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติ; อาณาปกสฺส จ วธกสฺส จ อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmassa pāvada – ‘itthannāmo itthannāmassa pāvadatu – itthannāmo itthannāmaṃ jīvitā voropetū’’’ti, āpatti dukkaṭassa. So aññaṃ āṇāpeti, āpatti dukkaṭassa. Vadhako paṭiggaṇhāti, āpatti dukkaṭassa. So taṃ jīvitā voropeti, mūlaṭṭhassa anāpatti; āṇāpakassa ca vadhakassa ca āpatti pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส คนฺตฺวา ปุน ปจฺจาคจฺฉติ – ‘‘นาหํ สโกฺกมิ ตํ ชีวิตา โวโรเปตุ’’นฺติฯ โส ปุน อาณาเปติ – ‘‘ยทา สโกฺกสิ ตทา ตํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ อุภินฺนํ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmaṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So gantvā puna paccāgacchati – ‘‘nāhaṃ sakkomi taṃ jīvitā voropetu’’nti. So puna āṇāpeti – ‘‘yadā sakkosi tadā taṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So taṃ jīvitā voropeti, āpatti ubhinnaṃ pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส อาณาเปตฺวา วิปฺปฎิสารี น สาเวติ – ‘‘มา ฆาเตหี’’ติฯ โส ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ อุภินฺนํ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmaṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So āṇāpetvā vippaṭisārī na sāveti – ‘‘mā ghātehī’’ti. So taṃ jīvitā voropeti, āpatti ubhinnaṃ pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส อาณาเปตฺวา วิปฺปฎิสารี สาเวติ – ‘‘มา ฆาเตหี’’ติฯ โส – ‘‘อาณโตฺต อหํ ตยา’’ติ ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติฯ วธกสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmaṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So āṇāpetvā vippaṭisārī sāveti – ‘‘mā ghātehī’’ti. So – ‘‘āṇatto ahaṃ tayā’’ti taṃ jīvitā voropeti, mūlaṭṭhassa anāpatti. Vadhakassa āpatti pārājikassa.

    ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อาณาเปติ – ‘‘อิตฺถนฺนามํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส อาณาเปตฺวา วิปฺปฎิสารี สาเวติ – ‘‘มา ฆาเตหี’’ติฯ โส สาธูติ โอรมติ, อุภินฺนํ อนาปตฺติฯ

    Bhikkhu bhikkhuṃ āṇāpeti – ‘‘itthannāmaṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. So āṇāpetvā vippaṭisārī sāveti – ‘‘mā ghātehī’’ti. So sādhūti oramati, ubhinnaṃ anāpatti.

    ๑๗๕. อรโห รโหสญฺญี อุลฺลปติ – ‘‘อโห อิตฺถนฺนาโม หโต อสฺสา’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ รโห อรโหสญฺญี อุลฺลปติ – ‘‘อโห อิตฺถนฺนาโม หโต อสฺสา’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อรโห อรโหสญฺญี อุลฺลปติ – ‘‘อโห อิตฺถนฺนาโม หโต อสฺสา’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺส ฯ รโห รโหสญฺญี อุลฺลปติ – ‘‘อโห อิตฺถนฺนาโม หโต อสฺสา’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    175. Araho rahosaññī ullapati – ‘‘aho itthannāmo hato assā’’ti, āpatti dukkaṭassa. Raho arahosaññī ullapati – ‘‘aho itthannāmo hato assā’’ti, āpatti dukkaṭassa. Araho arahosaññī ullapati – ‘‘aho itthannāmo hato assā’’ti, āpatti dukkaṭassa . Raho rahosaññī ullapati – ‘‘aho itthannāmo hato assā’’ti, āpatti dukkaṭassa.

    กาเยน สํวเณฺณติ นาม กาเยน วิการํ กโรติ – ‘‘โย เอวํ มรติ โส ธนํ วา ลภติ ยสํ วา ลภติ สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตาย สํวณฺณนาย มริสฺสามีติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Kāyena saṃvaṇṇeti nāma kāyena vikāraṃ karoti – ‘‘yo evaṃ marati so dhanaṃ vā labhati yasaṃ vā labhati saggaṃ vā gacchatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tāya saṃvaṇṇanāya marissāmīti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    วาจาย สํวเณฺณติ นาม วาจาย ภณติ – ‘‘โย เอวํ มรติ โส ธนํ วา ลภติ ยสํ วา ลภติ สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตาย สํวณฺณนาย มริสฺสามีติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Vācāya saṃvaṇṇeti nāma vācāya bhaṇati – ‘‘yo evaṃ marati so dhanaṃ vā labhati yasaṃ vā labhati saggaṃ vā gacchatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tāya saṃvaṇṇanāya marissāmīti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    กาเยน วาจาย สํวเณฺณติ นาม กาเยน จ วิการํ กโรติ, วาจาย จ ภณติ – ‘‘โย เอวํ มรติ โส ธนํ วา ลภติ ยสํ วา ลภติ สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตาย สํวณฺณนาย มริสฺสามีติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Kāyena vācāya saṃvaṇṇeti nāma kāyena ca vikāraṃ karoti, vācāya ca bhaṇati – ‘‘yo evaṃ marati so dhanaṃ vā labhati yasaṃ vā labhati saggaṃ vā gacchatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tāya saṃvaṇṇanāya marissāmīti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    ทูเตน สํวเณฺณติ นาม ทูตสฺส สาสนํ อาโรเจติ – ‘‘โย เอวํ มรติ โส ธนํ วา ลภติ ยสํ วา ลภติ สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ทูตสฺส สาสนํ สุตฺวา มริสฺสามีติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Dūtena saṃvaṇṇeti nāma dūtassa sāsanaṃ āroceti – ‘‘yo evaṃ marati so dhanaṃ vā labhati yasaṃ vā labhati saggaṃ vā gacchatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Dūtassa sāsanaṃ sutvā marissāmīti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    ๑๗๖. เลขาย สํวเณฺณติ นาม เลขํ ฉินฺทติ – ‘‘โย เอวํ มรติ โส ธนํ วา ลภติ ยสํ วา ลภติ สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ, อกฺขรกฺขราย อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เลขํ ปสฺสิตฺวา มริสฺสามีติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    176.Lekhāya saṃvaṇṇeti nāma lekhaṃ chindati – ‘‘yo evaṃ marati so dhanaṃ vā labhati yasaṃ vā labhati saggaṃ vā gacchatī’’ti, akkharakkharāya āpatti dukkaṭassa. Lekhaṃ passitvā marissāmīti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    โอปาตํ นาม มนุสฺสํ อุทฺทิสฺส โอปาตํ ขนติ – ‘‘ปปติตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปปติเต ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ อโนทิสฺส โอปาตํ ขนติ – ‘‘โย โกจิ ปปติตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ มนุโสฺส ตสฺมิํ ปปตติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปปติเต ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ , อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ ยโกฺข วา เปโต วา ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห วา ตสฺมิํ ปปตติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปปติเต ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ ติรจฺฉานคโต ตสฺมิํ ปปตติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ปปติเต ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสฯ

    Opātaṃ nāma manussaṃ uddissa opātaṃ khanati – ‘‘papatitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Papatite dukkhā vedanā uppajjati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa. Anodissa opātaṃ khanati – ‘‘yo koci papatitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Manusso tasmiṃ papatati, āpatti dukkaṭassa. Papatite dukkhā vedanā uppajjati , āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa. Yakkho vā peto vā tiracchānagatamanussaviggaho vā tasmiṃ papatati, āpatti dukkaṭassa. Papatite dukkhā vedanā uppajjati, āpatti dukkaṭassa. Marati, āpatti thullaccayassa. Tiracchānagato tasmiṃ papatati, āpatti dukkaṭassa. Papatite dukkhā vedanā uppajjati, āpatti dukkaṭassa. Marati, āpatti pācittiyassa.

    ๑๗๗. อปเสฺสนํ นาม อปเสฺสเน สตฺถํ วา ฐเปติ วิเสน วา มเกฺขติ ทุพฺพลํ วา กโรติ โสเพฺภ วา นรเก วา ปปาเต วา ฐเปติ – ‘‘ปปติตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ สเตฺถน วา วิเสน วา ปปติเตน วา ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ , อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    177.Apassenaṃ nāma apassene satthaṃ vā ṭhapeti visena vā makkheti dubbalaṃ vā karoti sobbhe vā narake vā papāte vā ṭhapeti – ‘‘papatitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Satthena vā visena vā papatitena vā dukkhā vedanā uppajjati, āpatti thullaccayassa. Marati , āpatti pārājikassa.

    อุปนิกฺขิปนํ นาม อสิํ วา สตฺติํ วา เภณฺฑิํ วา ลคุฬํ วา ปาสาณํ วา สตฺถํ วา วิสํ วา รชฺชุํ วา อุปนิกฺขิปติ – ‘‘อิมินา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ‘‘เตน มริสฺสามี’’ติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Upanikkhipanaṃ nāma asiṃ vā sattiṃ vā bheṇḍiṃ vā laguḷaṃ vā pāsāṇaṃ vā satthaṃ vā visaṃ vā rajjuṃ vā upanikkhipati – ‘‘iminā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. ‘‘Tena marissāmī’’ti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    เภสชฺชํ นาม สปฺปิํ วา นวนีตํ วา เตลํ วา มธุํ วา ผาณิตํ วา เทติ – ‘‘อิมํ สายิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ สายิเต ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Bhesajjaṃ nāma sappiṃ vā navanītaṃ vā telaṃ vā madhuṃ vā phāṇitaṃ vā deti – ‘‘imaṃ sāyitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ sāyite dukkhā vedanā uppajjati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    ๑๗๘. รูปูปหาโร นาม อมนาปิกํ รูปํ อุปสํหรติ ภยานกํ เภรวํ – ‘‘อิมํ ปสฺสิตฺวา อุตฺตสิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ ปสฺสิตฺวา อุตฺตสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ มนาปิกํ รูปํ อุปสํหรติ 15 – ‘‘อิมํ ปสฺสิตฺวา อลาภเกน สุสฺสิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ ปสฺสิตฺวา อลาภเกน สุสฺสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    178.Rūpūpahāro nāma amanāpikaṃ rūpaṃ upasaṃharati bhayānakaṃ bheravaṃ – ‘‘imaṃ passitvā uttasitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ passitvā uttasati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa. Manāpikaṃ rūpaṃ upasaṃharati 16 – ‘‘imaṃ passitvā alābhakena sussitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ passitvā alābhakena sussati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    สทฺทูปหาโร นาม อมนาปิกํ สทฺทํ อุปสํหรติ ภยานกํ เภรวํ – ‘‘อิมํ สุตฺวา อุตฺตสิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ สุตฺวา อุตฺตสติ , อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ มนาปิกํ สทฺทํ อุปสํหรติ เปมนียํ หทยงฺคมํ – ‘‘อิมํ สุตฺวา อลาภเกน สุสฺสิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ สุตฺวา อลาภเกน สุสฺสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ , อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Saddūpahāro nāma amanāpikaṃ saddaṃ upasaṃharati bhayānakaṃ bheravaṃ – ‘‘imaṃ sutvā uttasitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ sutvā uttasati , āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa. Manāpikaṃ saddaṃ upasaṃharati pemanīyaṃ hadayaṅgamaṃ – ‘‘imaṃ sutvā alābhakena sussitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ sutvā alābhakena sussati, āpatti thullaccayassa. Marati , āpatti pārājikassa.

    คนฺธูปหาโร นาม อมนาปิกํ คนฺธํ อุปสํหรติ เชคุจฺฉํ ปาฎิกุลฺยํ 17 – ‘‘อิมํ ฆายิตฺวา เชคุจฺฉตา ปาฎิกุลฺยตา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ ฆายิเต เชคุจฺฉตา ปาฎิกุลฺยตา ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ มนาปิกํ คนฺธํ อุปสํหรติ – ‘‘อิมํ ฆายิตฺวา อลาภเกน สุสฺสิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ ฆายิตฺวา อลาภเกน สุสฺสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Gandhūpahāro nāma amanāpikaṃ gandhaṃ upasaṃharati jegucchaṃ pāṭikulyaṃ 18 – ‘‘imaṃ ghāyitvā jegucchatā pāṭikulyatā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ ghāyite jegucchatā pāṭikulyatā dukkhā vedanā uppajjati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa. Manāpikaṃ gandhaṃ upasaṃharati – ‘‘imaṃ ghāyitvā alābhakena sussitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ ghāyitvā alābhakena sussati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    รสูปหาโร นาม อมนาปิกํ รสํ อุปสํหรติ เชคุจฺฉํ ปาฎิกุลฺยํ 19 – ‘‘อิมํ สายิตฺวา เชคุจฺฉตา ปาฎิกุลฺยตา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ สายิเต เชคุจฺฉตา ปาฎิกุลฺยตา ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ มนาปิกํ รสํ อุปสํหรติ – ‘‘อิมํ สายิตฺวา อลาภเกน สุสฺสิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ สายิตฺวา อลาภเกน สุสฺสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Rasūpahāro nāma amanāpikaṃ rasaṃ upasaṃharati jegucchaṃ pāṭikulyaṃ 20 – ‘‘imaṃ sāyitvā jegucchatā pāṭikulyatā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ sāyite jegucchatā pāṭikulyatā dukkhā vedanā uppajjati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa. Manāpikaṃ rasaṃ upasaṃharati – ‘‘imaṃ sāyitvā alābhakena sussitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ sāyitvā alābhakena sussati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    โผฎฺฐพฺพูปหาโร นาม อมนาปิกํ โผฎฺฐพฺพํ อุปสํหรติ ทุกฺขสมฺผสฺสํ ขรสมฺผสฺสํ – ‘‘อิมินา ผุโฎฺฐ มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เตน ผุฎฺฐสฺส ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ มนาปิกํ โผฎฺฐพฺพํ อุปสํหรติ สุขสมฺผสฺสํ มุทุสมฺผสฺสํ – ‘‘อิมินา ผุโฎฺฐ อลาภเกน สุสฺสิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เตน ผุโฎฺฐ อลาภเกน สุสฺสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Phoṭṭhabbūpahāro nāma amanāpikaṃ phoṭṭhabbaṃ upasaṃharati dukkhasamphassaṃ kharasamphassaṃ – ‘‘iminā phuṭṭho marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tena phuṭṭhassa dukkhā vedanā uppajjati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa. Manāpikaṃ phoṭṭhabbaṃ upasaṃharati sukhasamphassaṃ mudusamphassaṃ – ‘‘iminā phuṭṭho alābhakena sussitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tena phuṭṭho alābhakena sussati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    ธมฺมูปหาโร นาม เนรยิกสฺส นิรยกถํ กเถติ – ‘‘อิมํ สุตฺวา อุตฺตสิตฺวา มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ สุตฺวา อุตฺตสติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ กลฺยาณกมฺมสฺส สคฺคกถํ กเถติ – ‘‘อิมํ สุตฺวา อธิมุโตฺต มริสฺสตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตํ สุตฺวา อธิมุโตฺต มริสฺสามีติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Dhammūpahāro nāma nerayikassa nirayakathaṃ katheti – ‘‘imaṃ sutvā uttasitvā marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ sutvā uttasati, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa. Kalyāṇakammassa saggakathaṃ katheti – ‘‘imaṃ sutvā adhimutto marissatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Taṃ sutvā adhimutto marissāmīti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    ๑๗๙. อาจิกฺขนา นาม ปุโฎฺฐ ภณติ – ‘‘เอวํ มรสฺสุฯ โย เอวํ มรติ โส ธนํ วา ลภติ ยสํ วา ลภติ สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตาย อาจิกฺขนาย มริสฺสามีติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    179.Ācikkhanā nāma puṭṭho bhaṇati – ‘‘evaṃ marassu. Yo evaṃ marati so dhanaṃ vā labhati yasaṃ vā labhati saggaṃ vā gacchatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tāya ācikkhanāya marissāmīti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    อนุสาสนี นาม อปุโฎฺฐ ภณติ – ‘‘เอวํ มรสฺสุฯ โย เอวํ มรติ โส ธนํ วา ลภติ ยสํ วา ลภติ สคฺคํ วา คจฺฉตี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ ตาย อนุสาสนิยา มริสฺสามีติ ทุกฺขํ เวทนํ อุปฺปาเทติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสฯ มรติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Anusāsanī nāma apuṭṭho bhaṇati – ‘‘evaṃ marassu. Yo evaṃ marati so dhanaṃ vā labhati yasaṃ vā labhati saggaṃ vā gacchatī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tāya anusāsaniyā marissāmīti dukkhaṃ vedanaṃ uppādeti, āpatti thullaccayassa. Marati, āpatti pārājikassa.

    สเงฺกตกมฺมํ นาม สเงฺกตํ กโรติ ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา รตฺติํ วา ทิวา วา – ‘‘เตน สเงฺกเตน ตํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เตน สเงฺกเตน ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ อุภินฺนํ ปาราชิกสฺสฯ ตํ สเงฺกตํ ปุเร วา ปจฺฉา วา ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติ, วธกสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Saṅketakammaṃ nāma saṅketaṃ karoti purebhattaṃ vā pacchābhattaṃ vā rattiṃ vā divā vā – ‘‘tena saṅketena taṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tena saṅketena taṃ jīvitā voropeti, āpatti ubhinnaṃ pārājikassa. Taṃ saṅketaṃ pure vā pacchā vā taṃ jīvitā voropeti, mūlaṭṭhassa anāpatti, vadhakassa āpatti pārājikassa.

    นิมิตฺตกมฺมํ นาม นิมิตฺตํ กโรติ – ‘‘อกฺขิํ วา นิขณิสฺสามิ ภมุกํ วา อุกฺขิปิสฺสามิ สีสํ วา อุกฺขิปิสฺสามิ, เตน นิมิเตฺตน ตํ ชีวิตา โวโรเปหี’’ติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ เตน นิมิเตฺตน ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, อาปตฺติ อุภินฺนํ ปาราชิกสฺสฯ ตํ นิมิตฺตํ ปุเร วา ปจฺฉา วา ตํ ชีวิตา โวโรเปติ, มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติ, วธกสฺส อาปตฺติ ปาราชิกสฺสฯ

    Nimittakammaṃ nāma nimittaṃ karoti – ‘‘akkhiṃ vā nikhaṇissāmi bhamukaṃ vā ukkhipissāmi sīsaṃ vā ukkhipissāmi, tena nimittena taṃ jīvitā voropehī’’ti, āpatti dukkaṭassa. Tena nimittena taṃ jīvitā voropeti, āpatti ubhinnaṃ pārājikassa. Taṃ nimittaṃ pure vā pacchā vā taṃ jīvitā voropeti, mūlaṭṭhassa anāpatti, vadhakassa āpatti pārājikassa.

    อนาปตฺติ อสญฺจิจฺจ อชานนฺตสฺส นมรณาธิปฺปายสฺส อุมฺมตฺตกสฺส 21 อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    Anāpatti asañcicca ajānantassa namaraṇādhippāyassa ummattakassa 22 ādikammikassāti.

    มนุสฺสวิคฺคหปาราชิกมฺหิ ปฐมภาณวาโร นิฎฺฐิโตฯ

    Manussaviggahapārājikamhi paṭhamabhāṇavāro niṭṭhito.

    วินีตวตฺถุอุทฺทานคาถา

    Vinītavatthuuddānagāthā

    สํวณฺณนา นิสีทโนฺต, มุสโลทุกฺขเลน จ;

    Saṃvaṇṇanā nisīdanto, musalodukkhalena ca;

    วุฑฺฒปพฺพชิตาภิสโนฺน, อคฺควีมํสนาวิสํฯ

    Vuḍḍhapabbajitābhisanno, aggavīmaṃsanāvisaṃ.

    ตโย จ วตฺถุกเมฺมหิ, อิฎฺฐกาหิปเร ตโย;

    Tayo ca vatthukammehi, iṭṭhakāhipare tayo;

    วาสี โคปานสี เจว, อฎฺฎโกตรณํ ปติฯ

    Vāsī gopānasī ceva, aṭṭakotaraṇaṃ pati.

    เสทํ นตฺถุญฺจ สมฺพาโห, นฺหาปนพฺภญฺชเนน จ;

    Sedaṃ natthuñca sambāho, nhāpanabbhañjanena ca;

    อุฎฺฐาเปโนฺต นิปาเตโนฺต, อนฺนปาเนน มารณํฯ

    Uṭṭhāpento nipātento, annapānena māraṇaṃ.

    ชารคโพฺภ สปตฺตี จ, มาตา ปุตฺตํ อุโภ วธิ;

    Jāragabbho sapattī ca, mātā puttaṃ ubho vadhi;

    อุโภ น มิยฺยเร มทฺทา, ตาปํ วญฺฌา วิชายินีฯ

    Ubho na miyyare maddā, tāpaṃ vañjhā vijāyinī.

    ปโตทํ นิคฺคเห ยโกฺข, วาฬยกฺขญฺจ ปาหิณิ;

    Patodaṃ niggahe yakkho, vāḷayakkhañca pāhiṇi;

    ตํ มญฺญมาโน ปหริ, สคฺคญฺจ นิรยํ ภเณฯ

    Taṃ maññamāno pahari, saggañca nirayaṃ bhaṇe.

    อาฬวิยา ตโย รุกฺขา, ทาเยหิ อปเร ตโย;

    Āḷaviyā tayo rukkhā, dāyehi apare tayo;

    มา กิลเมสิ น ตุยฺหํ, ตกฺกํ โสวีรเกน จาติฯ

    Mā kilamesi na tuyhaṃ, takkaṃ sovīrakena cāti.

    วินีตวตฺถุ

    Vinītavatthu

    ๑๘๐. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตสฺส ภิกฺขู การุเญฺญน มรณวณฺณํ สํวเณฺณสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ ‘‘ภควตา สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, กจฺจิ นุ โข มยํ ปาราชิกํ อาปตฺติํ อาปนฺนา’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อาปตฺติํ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, อาปนฺนา ปาราชิก’’นฺติฯ

    180. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Tassa bhikkhū kāruññena maraṇavaṇṇaṃ saṃvaṇṇesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi ‘‘bhagavatā sikkhāpadaṃ paññattaṃ, kacci nu kho mayaṃ pārājikaṃ āpattiṃ āpannā’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Āpattiṃ tumhe, bhikkhave, āpannā pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ ปีฐเก ปิโลติกาย ปฎิจฺฉนฺนํ ทารกํ นิสีทโนฺต โอตฺถริตฺวา มาเรสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ ‘‘ภควตา สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, กจฺจิ นุ โข อหํ ปาราชิกํ อาปตฺติํ อาปโนฺน’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺสฯ น จ, ภิกฺขเว, อปฺปฎิเวกฺขิตฺวา อาสเน นิสีทิตพฺพํ; โย นิสีเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro piṇḍacāriko bhikkhu pīṭhake pilotikāya paṭicchannaṃ dārakaṃ nisīdanto ottharitvā māresi. Tassa kukkuccaṃ ahosi ‘‘bhagavatā sikkhāpadaṃ paññattaṃ, kacci nu kho ahaṃ pārājikaṃ āpattiṃ āpanno’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesi. ‘‘Anāpatti, bhikkhu, pārājikassa. Na ca, bhikkhave, appaṭivekkhitvā āsane nisīditabbaṃ; yo nisīdeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ ภตฺตเคฺค อนฺตรฆเร อาสนํ ปญฺญเปโนฺต มุสเล อุสฺสิเต เอกํ มุสลํ อคฺคเหสิฯ ทุติโย มุสโล ปริปติตฺวา อญฺญตรสฺส ทารกสฺส มตฺถเก อวตฺถาสิฯ โส กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘กิํจิโตฺต ตฺวํ, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อสญฺจิจฺจ อหํ, ภควา’’ติฯ ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, อสญฺจิจฺจา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu bhattagge antaraghare āsanaṃ paññapento musale ussite ekaṃ musalaṃ aggahesi. Dutiyo musalo paripatitvā aññatarassa dārakassa matthake avatthāsi. So kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘kiṃcitto tvaṃ, bhikkhū’’ti? ‘‘Asañcicca ahaṃ, bhagavā’’ti. ‘‘Anāpatti, bhikkhu, asañciccā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ ภตฺตเคฺค อนฺตรฆเร อาสนํ ปญฺญเปโนฺต อุทุกฺขลภณฺฑิกํ อกฺกมิตฺวา ปวเฎฺฎสิฯ อญฺญตรํ ทารกํ โอตฺถริตฺวา มาเรสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, อสญฺจิจฺจา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu bhattagge antaraghare āsanaṃ paññapento udukkhalabhaṇḍikaṃ akkamitvā pavaṭṭesi. Aññataraṃ dārakaṃ ottharitvā māresi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, asañciccā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน ปิตาปุตฺตา ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตา โหนฺติฯ กาเล อาโรจิเต ปุโตฺต ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, สโงฺฆ ตํ ปติมาเนตี’’ติ ปิฎฺฐิยํ คเหตฺวา ปณาเมสิฯ โส ปปติตฺวา กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘กิํจิโตฺต ตฺวํ, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘นาหํ, ภควา, มรณาธิปฺปาโย’’ติฯ ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena pitāputtā bhikkhūsu pabbajitā honti. Kāle ārocite putto pitaraṃ etadavoca – ‘‘gaccha, bhante, saṅgho taṃ patimānetī’’ti piṭṭhiyaṃ gahetvā paṇāmesi. So papatitvā kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘kiṃcitto tvaṃ, bhikkhū’’ti? ‘‘Nāhaṃ, bhagavā, maraṇādhippāyo’’ti. ‘‘Anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน ปิตาปุตฺตา ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตา โหนฺติฯ กาเล อาโรจิเต ปุโตฺต ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, สโงฺฆ ตํ ปติมาเนตี’’ติ มรณาธิปฺปาโย ปิฎฺฐิยํ คเหตฺวา ปณาเมสิฯ โส ปปติตฺวา กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena pitāputtā bhikkhūsu pabbajitā honti. Kāle ārocite putto pitaraṃ etadavoca – ‘‘gaccha, bhante, saṅgho taṃ patimānetī’’ti maraṇādhippāyo piṭṭhiyaṃ gahetvā paṇāmesi. So papatitvā kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน ปิตาปุตฺตา ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตา โหนฺติฯ กาเล อาโรจิเต ปุโตฺต ปิตรํ เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉ, ภเนฺต, สโงฺฆ ตํ ปติมาเนตี’’ติ มรณาธิปฺปาโย ปิฎฺฐิยํ คเหตฺวา ปณาเมสิฯ โส ปปติตฺวา น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส ; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena pitāputtā bhikkhūsu pabbajitā honti. Kāle ārocite putto pitaraṃ etadavoca – ‘‘gaccha, bhante, saṅgho taṃ patimānetī’’ti maraṇādhippāyo piṭṭhiyaṃ gahetvā paṇāmesi. So papatitvā na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa ; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๘๑. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน ภุญฺชนฺตสฺส มํสํ กเณฺฐ วิลคฺคํ โหติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ ตสฺส ภิกฺขุโน คีวายํ ปหารํ อทาสิฯ สโลหิตํ มํสํ ปติฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    181. Tena kho pana samayena aññatarassa bhikkhuno bhuñjantassa maṃsaṃ kaṇṭhe vilaggaṃ hoti. Aññataro bhikkhu tassa bhikkhuno gīvāyaṃ pahāraṃ adāsi. Salohitaṃ maṃsaṃ pati. So bhikkhu kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน ภุญฺชนฺตสฺส มํสํ กเณฺฐ วิลคฺคํ โหติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย ตสฺส ภิกฺขุโน คีวายํ ปหารํ อทาสิฯ สโลหิตํ มํสํ ปติฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ ฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarassa bhikkhuno bhuñjantassa maṃsaṃ kaṇṭhe vilaggaṃ hoti. Aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo tassa bhikkhuno gīvāyaṃ pahāraṃ adāsi. Salohitaṃ maṃsaṃ pati. So bhikkhu kālamakāsi . Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน ภุญฺชนฺตสฺส มํสํ กเณฺฐ วิลคฺคํ โหติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย ตสฺส ภิกฺขุโน คีวายํ ปหารํ อทาสิฯ สโลหิตํ มํสํ ปติฯ โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarassa bhikkhuno bhuñjantassa maṃsaṃ kaṇṭhe vilaggaṃ hoti. Aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo tassa bhikkhuno gīvāyaṃ pahāraṃ adāsi. Salohitaṃ maṃsaṃ pati. So bhikkhu na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ วิสคตํ ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ปฎิกฺกมนํ หริตฺวา ภิกฺขูนํ อคฺคการิกํ อทาสิฯ เต ภิกฺขู กาลมกํสุฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘กิํจิโตฺต ตฺวํ, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘นาหํ, ภควา, ชานามี’’ติฯ ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, อชานนฺตสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro piṇḍacāriko bhikkhu visagataṃ piṇḍapātaṃ labhitvā paṭikkamanaṃ haritvā bhikkhūnaṃ aggakārikaṃ adāsi. Te bhikkhū kālamakaṃsu. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘kiṃcitto tvaṃ, bhikkhū’’ti? ‘‘Nāhaṃ, bhagavā, jānāmī’’ti. ‘‘Anāpatti, bhikkhu, ajānantassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ วีมํสาธิปฺปาโย อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน วิสํ อทาสิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘กิํจิโตฺต ตฺวํ, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘วีมํสาธิปฺปาโย อหํ, ภควา’’ติฯ ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu vīmaṃsādhippāyo aññatarassa bhikkhuno visaṃ adāsi. So bhikkhu kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘kiṃcitto tvaṃ, bhikkhū’’ti? ‘‘Vīmaṃsādhippāyo ahaṃ, bhagavā’’ti. ‘‘Anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๘๒. เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา 23 ภิกฺขู วิหารวตฺถุํ กโรนฺติ ฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เหฎฺฐา หุตฺวา สิลํ อุจฺจาเรสิฯ อุปริเมน ภิกฺขุนา ทุคฺคหิตา สิลา เหฎฺฐิมสฺส ภิกฺขุโน มตฺถเก อวตฺถาสิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, อสญฺจิจฺจา’’ติฯ

    182. Tena kho pana samayena āḷavakā 24 bhikkhū vihāravatthuṃ karonti . Aññataro bhikkhu heṭṭhā hutvā silaṃ uccāresi. Uparimena bhikkhunā duggahitā silā heṭṭhimassa bhikkhuno matthake avatthāsi. So bhikkhu kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, asañciccā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู วิหารวตฺถุํ กโรนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เหฎฺฐา หุตฺวา สิลํ อุจฺจาเรสิฯ อุปริโม ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย เหฎฺฐิมสฺส ภิกฺขุโน มตฺถเก สิลํ มุญฺจิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū vihāravatthuṃ karonti. Aññataro bhikkhu heṭṭhā hutvā silaṃ uccāresi. Uparimo bhikkhu maraṇādhippāyo heṭṭhimassa bhikkhuno matthake silaṃ muñci. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู วิหารสฺส กุฎฺฎํ อุฎฺฐาเปนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เหฎฺฐา หุตฺวา อิฎฺฐกํ อุจฺจาเรสิฯ อุปริเมน ภิกฺขุนา ทุคฺคหิตา อิฎฺฐกา เหฎฺฐิมสฺส ภิกฺขุโน มตฺถเก อวตฺถาสิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปติ, ภิกฺขุ, อสญฺจิจฺจา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū vihārassa kuṭṭaṃ uṭṭhāpenti. Aññataro bhikkhu heṭṭhā hutvā iṭṭhakaṃ uccāresi. Uparimena bhikkhunā duggahitā iṭṭhakā heṭṭhimassa bhikkhuno matthake avatthāsi. So bhikkhu kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpati, bhikkhu, asañciccā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู วิหารสฺส กุฎฺฎํ อุฎฺฐาเปนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เหฎฺฐา หุตฺวา อิฎฺฐกํ อุจฺจาเรสิฯ อุปริโม ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย เหฎฺฐิมสฺส ภิกฺขุโน มตฺถเก อิฎฺฐกํ มุญฺจิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū vihārassa kuṭṭaṃ uṭṭhāpenti. Aññataro bhikkhu heṭṭhā hutvā iṭṭhakaṃ uccāresi. Uparimo bhikkhu maraṇādhippāyo heṭṭhimassa bhikkhuno matthake iṭṭhakaṃ muñci. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๘๓. เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เหฎฺฐา หุตฺวา วาสิํ อุจฺจาเรสิฯ อุปริเมน ภิกฺขุนา ทุคฺคหิตา วาสี เหฎฺฐิมสฺส ภิกฺขุโน มตฺถเก อวตฺถาสิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, อสญฺจิจฺจา’’ติฯ

    183. Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū navakammaṃ karonti. Aññataro bhikkhu heṭṭhā hutvā vāsiṃ uccāresi. Uparimena bhikkhunā duggahitā vāsī heṭṭhimassa bhikkhuno matthake avatthāsi. So bhikkhu kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, asañciccā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เหฎฺฐา หุตฺวา วาสิํ อุจฺจาเรสิฯ อุปริโม ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย เหฎฺฐิมสฺส ภิกฺขุโน มตฺถเก วาสิํ มุญฺจิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū navakammaṃ karonti. Aññataro bhikkhu heṭṭhā hutvā vāsiṃ uccāresi. Uparimo bhikkhu maraṇādhippāyo heṭṭhimassa bhikkhuno matthake vāsiṃ muñci. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เหฎฺฐา หุตฺวา โคปานสิํ อุจฺจาเรสิฯ อุปริเมน ภิกฺขุนา ทุคฺคหิตา โคปานสี เหฎฺฐิมสฺส ภิกฺขุโน มตฺถเก อวตฺถาสิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, อสญฺจิจฺจา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū navakammaṃ karonti. Aññataro bhikkhu heṭṭhā hutvā gopānasiṃ uccāresi. Uparimena bhikkhunā duggahitā gopānasī heṭṭhimassa bhikkhuno matthake avatthāsi. So bhikkhu kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, asañciccā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เหฎฺฐา หุตฺวา โคปานสิํ อุจฺจาเรสิฯ อุปริโม ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย เหฎฺฐิมสฺส ภิกฺขุโน มตฺถเก โคปานสิํ มุญฺจิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū navakammaṃ karonti. Aññataro bhikkhu heṭṭhā hutvā gopānasiṃ uccāresi. Uparimo bhikkhu maraṇādhippāyo heṭṭhimassa bhikkhuno matthake gopānasiṃ muñci. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺตา อฎฺฎกํ พนฺธนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, อตฺรฎฺฐิโต พนฺธาหี’’ติฯ โส ตตฺรฎฺฐิโต พนฺธโนฺต ปริปติตฺวา กาลมกาสิ ฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘กิํจิโตฺต ตฺวํ, ภิกฺขู’’ติ? ‘‘นาหํ, ภควา, มรณาธิปฺปาโย’’ติฯ ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū navakammaṃ karontā aṭṭakaṃ bandhanti. Aññataro bhikkhu aññataraṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘āvuso, atraṭṭhito bandhāhī’’ti. So tatraṭṭhito bandhanto paripatitvā kālamakāsi . Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘kiṃcitto tvaṃ, bhikkhū’’ti? ‘‘Nāhaṃ, bhagavā, maraṇādhippāyo’’ti. ‘‘Anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺตา อฎฺฎกํ พนฺธนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย อญฺญตรํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, อตฺรฎฺฐิโต พนฺธาหี’’ติฯ โส ตตฺรฎฺฐิโต พนฺธโนฺต ปริปติตฺวา กาลมกาสิ…เป.… ปริปติตฺวา น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū navakammaṃ karontā aṭṭakaṃ bandhanti. Aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo aññataraṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘āvuso, atraṭṭhito bandhāhī’’ti. So tatraṭṭhito bandhanto paripatitvā kālamakāsi…pe… paripatitvā na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ วิหารํ ฉาเทตฺวา โอตรติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, อิโต โอตราหี’’ติฯ โส เตน โอตรโนฺต ปริปติตฺวา กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu vihāraṃ chādetvā otarati. Aññataro bhikkhu taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘āvuso, ito otarāhī’’ti. So tena otaranto paripatitvā kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ วิหารํ ฉาเทตฺวา โอตรติ ฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, อิโต โอตราหี’’ติฯ โส เตน โอตรโนฺต ปริปติตฺวา กาลมกาสิ…เป.… ปริปติตฺวา น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu vihāraṃ chādetvā otarati . Aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘āvuso, ito otarāhī’’ti. So tena otaranto paripatitvā kālamakāsi…pe… paripatitvā na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อนภิรติยา ปีฬิโต คิชฺฌกูฎํ ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา ปปาเต ปปตโนฺต อญฺญตรํ วิลีวการํ โอตฺถริตฺวา มาเรสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺสฯ น จ, ภิกฺขเว, อตฺตานํ ปาเตตพฺพํฯ โย ปาเตยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu anabhiratiyā pīḷito gijjhakūṭaṃ pabbataṃ abhiruhitvā papāte papatanto aññataraṃ vilīvakāraṃ ottharitvā māresi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa. Na ca, bhikkhave, attānaṃ pātetabbaṃ. Yo pāteyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู คิชฺฌกูฎํ ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา ทวาย สิลํ ปวิชฺฌิํสุฯ สา อญฺญตรํ โคปาลกํ โอตฺถริตฺวา มาเรสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ …เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺสฯ น จ, ภิกฺขเว, ทวาย สิลา ปวิชฺฌิตพฺพาฯ โย ปวิเชฺฌยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū gijjhakūṭaṃ pabbataṃ abhiruhitvā davāya silaṃ pavijjhiṃsu. Sā aññataraṃ gopālakaṃ ottharitvā māresi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi …pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa. Na ca, bhikkhave, davāya silā pavijjhitabbā. Yo pavijjheyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.

    ๑๘๔. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู เสเทสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    184. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū sedesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติ ฯ ตํ ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา เสเทสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti . Taṃ bhikkhū maraṇādhippāyā sedesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi.…Pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน สีสาภิตาโป โหติฯ ตสฺส ภิกฺขู นตฺถุํ อทํสุฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarassa bhikkhuno sīsābhitāpo hoti. Tassa bhikkhū natthuṃ adaṃsu. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน สีสาภิตาโป โหติฯ ตสฺส ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา นตฺถุํ อทํสุฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarassa bhikkhuno sīsābhitāpo hoti. Tassa bhikkhū maraṇādhippāyā natthuṃ adaṃsu. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู สมฺพาเหสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū sambāhesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา สมฺพาเหสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū maraṇādhippāyā sambāhesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขุ นฺหาเปสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhu nhāpesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา นฺหาเปสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū maraṇādhippāyā nhāpesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู เตเลน อพฺภญฺชิํสุฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū telena abbhañjiṃsu. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา เตเลน อพฺภญฺชิํสุฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū maraṇādhippāyā telena abbhañjiṃsu. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๘๕. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู อุฎฺฐาเปสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    185. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū uṭṭhāpesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา อุฎฺฐาเปสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ ฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū maraṇādhippāyā uṭṭhāpesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti .

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู นิปาเตสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū nipātesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตํ ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา นิปาเตสุํฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Taṃ bhikkhū maraṇādhippāyā nipātesuṃ. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตสฺส ภิกฺขู อนฺนํ อทํสุฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Tassa bhikkhū annaṃ adaṃsu. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตสฺส ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา อนฺนํ อทํสุฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Tassa bhikkhū maraṇādhippāyā annaṃ adaṃsu. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตสฺส ภิกฺขุ ปานํ อทํสุฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Tassa bhikkhu pānaṃ adaṃsu. So bhikkhu kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ คิลาโน โหติฯ ตสฺส ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา ปานํ อทํสุฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว , ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu gilāno hoti. Tassa bhikkhū maraṇādhippāyā pānaṃ adaṃsu. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave , pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๘๖. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา อิตฺถี ปวุตฺถปติกา ชาเรน คพฺภินี โหติฯ สา กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อิงฺฆายฺย คพฺภปาตนํ ชานาหี’’ติฯ ‘‘สุฎฺฐุ, ภคินี’’ติ ตสฺสา คพฺภปาตนํ อทาสิฯ ทารโก กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    186. Tena kho pana samayena aññatarā itthī pavutthapatikā jārena gabbhinī hoti. Sā kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘iṅghāyya gabbhapātanaṃ jānāhī’’ti. ‘‘Suṭṭhu, bhaginī’’ti tassā gabbhapātanaṃ adāsi. Dārako kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ปุริสสฺส เทฺว ปชาปติโย โหนฺติ – เอกา วญฺฌา, เอกา วิชายินีฯ วญฺฌา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ สา, ภเนฺต, วิชายิสฺสติ สพฺพสฺส กุฎุมฺพสฺส อิสฺสรา ภวิสฺสติฯ อิงฺฆายฺย, ตสฺสา คพฺภปาตนํ ชานาหี’’ติ ฯ‘‘สุฎฺฐุ, ภคินี’’ติ ตสฺสา คพฺภปาตนํ อทาสิฯ ทารโก กาลมกาสิ, มาตา น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarassa purisassa dve pajāpatiyo honti – ekā vañjhā, ekā vijāyinī. Vañjhā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘sace sā, bhante, vijāyissati sabbassa kuṭumbassa issarā bhavissati. Iṅghāyya, tassā gabbhapātanaṃ jānāhī’’ti .‘‘Suṭṭhu, bhaginī’’ti tassā gabbhapātanaṃ adāsi. Dārako kālamakāsi, mātā na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ปุริสสฺส เทฺว ปชาปติโย โหนฺติ – เอกา วญฺฌา, เอกา วิชายินีฯ วญฺฌา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ สา, ภเนฺต, วิชายิสฺสติ สพฺพสฺส กุฎุมฺพสฺส อิสฺสรา ภวิสฺสติฯ อิงฺฆายฺย, ตสฺสา คพฺภปาตนํ ชานาหี’’ติฯ ‘‘สุฎฺฐุ, ภคินี’’ติ ตสฺสา คพฺภปาตนํ อทาสิฯ มาตา กาลมกาสิ, ทารโก น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส ; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarassa purisassa dve pajāpatiyo honti – ekā vañjhā, ekā vijāyinī. Vañjhā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘sace sā, bhante, vijāyissati sabbassa kuṭumbassa issarā bhavissati. Iṅghāyya, tassā gabbhapātanaṃ jānāhī’’ti. ‘‘Suṭṭhu, bhaginī’’ti tassā gabbhapātanaṃ adāsi. Mātā kālamakāsi, dārako na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa ; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ปุริสสฺส เทฺว ปชาปติโย โหนฺติ – เอกา วญฺฌา , เอกา วิชายินีฯ วญฺฌา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ สา, ภเนฺต, วิชายิสฺสติ สพฺพสฺส กุฎุมฺพสฺส อิสฺสรา ภวิสฺสติฯ อิงฺฆายฺย, ตสฺสา คพฺภปาตนํ ชานาหี’’ติฯ ‘‘สุฎฺฐุ, ภคินี’’ติ ตสฺสา คพฺภปาตนํ อทาสิฯ อุโภ กาลมกํสุ…เป.… อุโภ น กาลมกํสุฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarassa purisassa dve pajāpatiyo honti – ekā vañjhā , ekā vijāyinī. Vañjhā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘sace sā, bhante, vijāyissati sabbassa kuṭumbassa issarā bhavissati. Iṅghāyya, tassā gabbhapātanaṃ jānāhī’’ti. ‘‘Suṭṭhu, bhaginī’’ti tassā gabbhapātanaṃ adāsi. Ubho kālamakaṃsu…pe… ubho na kālamakaṃsu. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๘๗. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา คพฺภินี อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อิงฺฆายฺย, คพฺภปาตนํ ชานาหี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภคินิ, มทฺทสฺสู’’ติฯ สา มทฺทาเปตฺวา คพฺภํ ปาเตสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    187. Tena kho pana samayena aññatarā gabbhinī itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘iṅghāyya, gabbhapātanaṃ jānāhī’’ti. ‘‘Tena hi, bhagini, maddassū’’ti. Sā maddāpetvā gabbhaṃ pātesi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา คพฺภินี อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อิงฺฆายฺย, คพฺภปาตนํ ชานาหี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภคินิ, ตาเปหี’’ติฯ สา ตาเปตฺวา คพฺภํ ปาเตสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarā gabbhinī itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘iṅghāyya, gabbhapātanaṃ jānāhī’’ti. ‘‘Tena hi, bhagini, tāpehī’’ti. Sā tāpetvā gabbhaṃ pātesi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา วญฺฌา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อิงฺฆายฺย, เภสชฺชํ ชานาหิ เยนาหํ วิชาเยยฺย’’นฺติฯ ‘‘สุฎฺฐุ, ภคินี’’ติ ตสฺสา เภสชฺชํ อทาสิ ฯ สา กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarā vañjhā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘iṅghāyya, bhesajjaṃ jānāhi yenāhaṃ vijāyeyya’’nti. ‘‘Suṭṭhu, bhaginī’’ti tassā bhesajjaṃ adāsi . Sā kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti dukkaṭassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา วิชายินี อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อิงฺฆายฺย, เภสชฺชํ ชานาหิ เยนาหํ น วิชาเยยฺย’’นฺติฯ ‘‘สุฎฺฐุ, ภคินี’’ติ ตสฺสา เภสชฺชํ อทาสิฯ สา กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ , ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññatarā vijāyinī itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘iṅghāyya, bhesajjaṃ jānāhi yenāhaṃ na vijāyeyya’’nti. ‘‘Suṭṭhu, bhaginī’’ti tassā bhesajjaṃ adāsi. Sā kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti , bhikkhu, pārājikassa; āpatti dukkaṭassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู สตฺตรสวคฺคิยํ ภิกฺขุํ องฺคุลิปโตทเกน หาเสสุํฯ โส ภิกฺขุ อุตฺตโนฺต อนสฺสาสโก กาลมกาสิฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺสา’’ติ 25

    Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū sattarasavaggiyaṃ bhikkhuṃ aṅgulipatodakena hāsesuṃ. So bhikkhu uttanto anassāsako kālamakāsi. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassā’’ti 26.

    เตน โข ปน สมเยน สตฺตรสวคฺคิยา ภิกฺขู ฉพฺพคฺคิยํ ภิกฺขุํ กมฺมํ กริสฺสามาติ โอตฺถริตฺวา มาเรสุํฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena sattarasavaggiyā bhikkhū chabbaggiyaṃ bhikkhuṃ kammaṃ karissāmāti ottharitvā māresuṃ. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภูตเวชฺชโก ภิกฺขุ ยกฺขํ ชีวิตา โวโรเปสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhūtavejjako bhikkhu yakkhaṃ jīvitā voropesi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ วาฬยกฺขวิหารํ ปาเหสิฯ ตํ ยกฺขา ชีวิตา โวโรเปสุํฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu aññataraṃ bhikkhuṃ vāḷayakkhavihāraṃ pāhesi. Taṃ yakkhā jīvitā voropesuṃ. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย อญฺญตรํ ภิกฺขุํ วาฬยกฺขวิหารํ ปาเหสิฯ ตํ ยกฺขา ชีวิตา โวโรเปสุํ…เป.… ตํ ยกฺขา ชีวิตา น โวโรเปสุํฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติ ฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo aññataraṃ bhikkhuṃ vāḷayakkhavihāraṃ pāhesi. Taṃ yakkhā jīvitā voropesuṃ…pe… taṃ yakkhā jīvitā na voropesuṃ. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti .

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ วาฬกนฺตารํ ปาเหสิ ฯ ตํ วาฬา ชีวิตา โวโรเปสุํฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu aññataraṃ bhikkhuṃ vāḷakantāraṃ pāhesi . Taṃ vāḷā jīvitā voropesuṃ. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย อญฺญตรํ ภิกฺขุํ วาฬกนฺตารํ ปาเหสิฯ ตํ วาฬา ชีวิตา โวโรเปสุํ…เป.… ตํ วาฬา ชีวิตา น โวโรเปสุํฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo aññataraṃ bhikkhuṃ vāḷakantāraṃ pāhesi. Taṃ vāḷā jīvitā voropesuṃ…pe… taṃ vāḷā jīvitā na voropesuṃ. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ โจรกนฺตารํ ปาเหสิฯ ตํ โจรา ชีวิตา โวโรเปสุํฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu aññataraṃ bhikkhuṃ corakantāraṃ pāhesi. Taṃ corā jīvitā voropesuṃ. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย อญฺญตรํ ภิกฺขุํ โจรกนฺตารํ ปาเหสิฯ ตํ โจรา ชีวิตา โวโรเปสุํ…เป.… ตํ โจรา ชีวิตา น โวโรเปสุํฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo aññataraṃ bhikkhuṃ corakantāraṃ pāhesi. Taṃ corā jīvitā voropesuṃ…pe… taṃ corā jīvitā na voropesuṃ. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๘๘. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ ตํ มญฺญมาโน ตํ ชีวิตา โวโรเปสิ…เป.… ตํ มญฺญมาโน อญฺญํ ชีวิตา โวโรเปสิ…เป.… อญฺญํ มญฺญมาโน ตํ ชีวิตา โวโรเปสิ…เป.… อญฺญํ มญฺญมาโน อญฺญํ ชีวิตา โวโรเปสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    188. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu taṃ maññamāno taṃ jīvitā voropesi…pe… taṃ maññamāno aññaṃ jīvitā voropesi…pe… aññaṃ maññamāno taṃ jīvitā voropesi…pe… aññaṃ maññamāno aññaṃ jīvitā voropesi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อมนุเสฺสน คหิโต โหติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ ตสฺส ภิกฺขุโน ปหารํ อทาสิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ , นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu amanussena gahito hoti. Aññataro bhikkhu tassa bhikkhuno pahāraṃ adāsi. So bhikkhu kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu , namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อมนุเสฺสน คหิโต โหติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย ตสฺส ภิกฺขุโน ปหารํ อทาสิฯ โส ภิกฺขุ กาลมกาสิ…เป.… โส ภิกฺขุ น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu amanussena gahito hoti. Aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo tassa bhikkhuno pahāraṃ adāsi. So bhikkhu kālamakāsi…pe… so bhikkhu na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ กลฺยาณกมฺมสฺส สคฺคกถํ กเถสิฯ โส อธิมุโตฺต กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu kalyāṇakammassa saggakathaṃ kathesi. So adhimutto kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย กลฺยาณกมฺมสฺส สคฺคกถํ กเถสิฯ โส อธิมุโตฺต กาลมกาสิ…เป.… โส อธิมุโตฺต น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo kalyāṇakammassa saggakathaṃ kathesi. So adhimutto kālamakāsi…pe… so adhimutto na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ เนรยิกสฺส นิรยกถํ กเถสิฯ โส อุตฺตสิตฺวา กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu nerayikassa nirayakathaṃ kathesi. So uttasitvā kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย เนรยิกสฺส นิรยกถํ กเถสิฯ โส อุตฺตสิตฺวา กาลมกาสิ…เป.… โส อุตฺตสิตฺวา น กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo nerayikassa nirayakathaṃ kathesi. So uttasitvā kālamakāsi…pe… so uttasitvā na kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๘๙. เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺตา รุกฺขํ ฉินฺทนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, อตฺรฎฺฐิโต ฉินฺทาหี’’ติฯ ตํ ตตฺรฎฺฐิตํ ฉินฺทนฺตํ รุโกฺข โอตฺถริตฺวา มาเรสิ ฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    189. Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū navakammaṃ karontā rukkhaṃ chindanti. Aññataro bhikkhu aññataraṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘āvuso, atraṭṭhito chindāhī’’ti. Taṃ tatraṭṭhitaṃ chindantaṃ rukkho ottharitvā māresi . Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺตา รุกฺขํ ฉินฺทนฺติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ มรณาธิปฺปาโย อญฺญตรํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, อตฺรฎฺฐิโต ฉินฺทาหี’’ติฯ ตํ ตตฺรฎฺฐิตํ ฉินฺทนฺตํ รุโกฺข โอตฺถริตฺวา มาเรสิ…เป.… รุโกฺข โอตฺถริตฺวา น มาเรสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena āḷavakā bhikkhū navakammaṃ karontā rukkhaṃ chindanti. Aññataro bhikkhu maraṇādhippāyo aññataraṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘āvuso, atraṭṭhito chindāhī’’ti. Taṃ tatraṭṭhitaṃ chindantaṃ rukkho ottharitvā māresi…pe… rukkho ottharitvā na māresi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๙๐. เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ทายํ อาลิเมฺปสุํ 27; มนุสฺสา ทฑฺฒา กาลมกํสุฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติฯ

    190. Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū dāyaṃ ālimpesuṃ 28; manussā daḍḍhā kālamakaṃsu. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, namaraṇādhippāyassā’’ti.

    เตน โข ปน สมเยน ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู มรณาธิปฺปายา ทายํ อาลิเมฺปสุํฯ มนุสฺสา ทฑฺฒา กาลมกํสุ…เป.… มนุสฺสา ทฑฺฒา น กาลมกํสุฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขเว, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena chabbaggiyā bhikkhū maraṇādhippāyā dāyaṃ ālimpesuṃ. Manussā daḍḍhā kālamakaṃsu…pe… manussā daḍḍhā na kālamakaṃsu. Tesaṃ kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhave, pārājikassa; āpatti thullaccayassā’’ti.

    ๑๙๑. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อาฆาตนํ คนฺตฺวา โจรฆาตํ เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, มายิมํ กิลเมสิฯ เอเกน ปหาเรน ชีวิตา โวโรเปหี’’ติฯ ‘‘สุฎฺฐุ, ภเนฺต’’ติ เอเกน ปหาเรน ชีวิตา โวโรเปสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    191. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu āghātanaṃ gantvā coraghātaṃ etadavoca – ‘‘āvuso, māyimaṃ kilamesi. Ekena pahārena jīvitā voropehī’’ti. ‘‘Suṭṭhu, bhante’’ti ekena pahārena jīvitā voropesi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ อาฆาตนํ คนฺตฺวา โจรฆาตํ เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, มายิมํ กิลเมสิ ฯ เอเกน ปหาเรน ชีวิตา โวโรเปหี’’ติฯ โส – ‘‘นาหํ ตุยฺหํ วจนํ กริสฺสามี’’ติ ตํ ชีวิตา โวโรเปสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อนาปตฺติ, ภิกฺขุ, ปาราชิกสฺส; อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu āghātanaṃ gantvā coraghātaṃ etadavoca – ‘‘āvuso, māyimaṃ kilamesi . Ekena pahārena jīvitā voropehī’’ti. So – ‘‘nāhaṃ tuyhaṃ vacanaṃ karissāmī’’ti taṃ jīvitā voropesi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘anāpatti, bhikkhu, pārājikassa; āpatti dukkaṭassā’’ti.

    ๑๙๒. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ปุริโส ญาติฆเร หตฺถปาทจฺฉิโนฺน ญาตเกหิ สมฺปริกิโณฺณ โหติฯ อญฺญตโร ภิกฺขุ เต มนุเสฺส เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, อิจฺฉถ อิมสฺส มรณ’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, อิจฺฉามา’’ติฯ ‘‘เตน หิ ตกฺกํ ปาเยถา’’ติฯ เต ตํ ตกฺกํ ปาเยสุํฯ โส กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… ‘‘อาปตฺติํ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาปโนฺน ปาราชิก’’นฺติฯ

    192. Tena kho pana samayena aññataro puriso ñātighare hatthapādacchinno ñātakehi samparikiṇṇo hoti. Aññataro bhikkhu te manusse etadavoca – ‘‘āvuso, icchatha imassa maraṇa’’nti? ‘‘Āma, bhante, icchāmā’’ti. ‘‘Tena hi takkaṃ pāyethā’’ti. Te taṃ takkaṃ pāyesuṃ. So kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… ‘‘āpattiṃ tvaṃ, bhikkhu, āpanno pārājika’’nti.

    เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ปุริโส กุลฆเร หตฺถปาทจฺฉิโนฺน ญาตเกหิ สมฺปริกิโณฺณ โหติฯ อญฺญตรา ภิกฺขุนี เต มนุเสฺส เอตทโวจ – ‘‘อาวุโส, อิจฺฉถ อิมสฺส มรณ’’นฺติ? ‘‘อามเยฺย, อิจฺฉามา’’ติฯ ‘‘เตน หิ โลณโสวีรกํ ปาเยถา’’ติฯ เต ตํ โลณโสวีรกํ ปาเยสุํฯ โส กาลมกาสิฯ ตสฺสา กุกฺกุจฺจํ อโหสิฯ อถ โข สา ภิกฺขุนี ภิกฺขุนีนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อาปตฺติํ สา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนี อาปนฺนา ปาราชิก’’นฺติฯ

    Tena kho pana samayena aññataro puriso kulaghare hatthapādacchinno ñātakehi samparikiṇṇo hoti. Aññatarā bhikkhunī te manusse etadavoca – ‘‘āvuso, icchatha imassa maraṇa’’nti? ‘‘Āmayye, icchāmā’’ti. ‘‘Tena hi loṇasovīrakaṃ pāyethā’’ti. Te taṃ loṇasovīrakaṃ pāyesuṃ. So kālamakāsi. Tassā kukkuccaṃ ahosi. Atha kho sā bhikkhunī bhikkhunīnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Bhikkhuniyo bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesuṃ. Bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Āpattiṃ sā, bhikkhave, bhikkhunī āpannā pārājika’’nti.

    ตติยปาราชิกํ สมตฺตํฯ

    Tatiyapārājikaṃ samattaṃ.







    Footnotes:
    1. อิทํ วตฺถุ สํ. นิ. ๕.๙๘๕
    2. ( ) (?) เอวมุปริปิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ
    3. โลหิตคตํ (ก.)
    4. idaṃ vatthu saṃ. ni. 5.985
    5. ( ) (?) evamuparipi īdisesu ṭhānesu
    6. lohitagataṃ (ka.)
    7. อูหตํ (ก.)
    8. ūhataṃ (ka.)
    9. เภนฺทิํ วา (ก.)
    10. สูลํวา ลคุฬํวา (สฺยา.)
    11. bhendiṃ vā (ka.)
    12. sūlaṃvā laguḷaṃvā (syā.)
    13. เทฺวธา ภินฺนา (สฺยา.)
    14. dvedhā bhinnā (syā.)
    15. อุปสํหรติ เปมนียํ หทยงฺคมํ (สฺยา.)
    16. upasaṃharati pemanīyaṃ hadayaṅgamaṃ (syā.)
    17. ปฎิกูลํ (?)
    18. paṭikūlaṃ (?)
    19. ปฎิกูลํ (?)
    20. paṭikūlaṃ (?)
    21. อุมฺมตฺตกสฺส ขิตฺตจิตฺตสฺส เวทนาฎฺฎสฺส (สฺยา.)
    22. ummattakassa khittacittassa vedanāṭṭassa (syā.)
    23. อาฬวิกา (สฺยา.)
    24. āḷavikā (syā.)
    25. ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺสาติ (สฺยา.)
    26. pārājikassa, āpatti pācittiyassāti (syā.)
    27. อาฬิเมฺปสุํ (สฺยา. ก.)
    28. āḷimpesuṃ (syā. ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. ตติยปาราชิกํ • 3. Tatiyapārājikaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact