Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā

    ๓. ตติยปาราชิกวณฺณนา

    3. Tatiyapārājikavaṇṇanā

    นฺติ สหเตฺถ อุปสโคฺคฯ เตน สทฺธิํ อุสฺสุกฺกวจนเมตํ ‘‘สญฺจิจฺจา’’ติ อาห ‘‘สเญฺจเตตฺวา’’ติอาทิฯ อุสฺสุกฺกวจนนฺติ เอตฺถ อุสฺสุกฺกวจนํ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๑๗๒) นาม ปุพฺพกาลกิริยาวจนํฯ อยญฺหิ สมานกตฺตุเกสุ ปุพฺพาปรกาลกิริยาวจเนสุ ปุพฺพกาลกิริยาวจนสฺส นิรุตฺติโวหาโรฯ อิทานิ ‘‘สทฺธิํ เจเตตฺวา’’ติ อิมินา สเงฺขเปน วุตฺตเมวตฺถํ ปากฎํ กตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ปาโณ’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘ปาโณ’’ติ สญฺญาย สทฺธิํเยวาติ ‘‘ปาโณ’’ติ สญฺญํ อวิชหิตฺวา เอว, ‘‘ปาโณ’’ติ สญฺญุปฺปตฺติยา อนนฺตรนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอวญฺจ กตฺวา กถํ เอกกฺขเณ เอกสฺส จิตฺตสฺส อุภยารมฺมณภาโวติ เอทิสี โจทนา อนวกาสาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เกจิ ปน ‘‘ญาตปริญฺญาย ทิฎฺฐสภาเวสุ ธเมฺมสุ ตีรณปริญฺญาย ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา (สารตฺถ. ฎี. ๒.๑๗๒) ‘รูปํ อนิจฺจ’นฺติอาทินา สภาเวน สทฺธิํ เอกกฺขเณ อนิจฺจาทิลกฺขณชานนํ วิย ‘ปาโณ’ติ สญฺญาย สทฺธิํเยว ‘วธามิ น’นฺติ ชานาตี’’ติ วทนฺติฯ อปเร ปน อาจริยา ตตฺถาปิ เอวํ น กเถนฺติฯ เอตฺถ จ มนุสฺสวิคฺคโห’’ติ อวตฺวา ‘‘ปาโณ’’ติ วจนํ ‘‘มนุโสฺส อย’’นฺติ อชานิตฺวา เกวลํ สตฺตสญฺญาย ฆาเตนฺตสฺสาปิ ปาราชิกภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เจเตตฺวาติ จิเนฺตตฺวาฯ ปกเปฺปตฺวาติ อภิวิจาเรตฺวา, สนฺนิฎฺฐานํ กริตฺวาติ อโตฺถฯ

    Santi sahatthe upasaggo. Tena saddhiṃ ussukkavacanametaṃ ‘‘sañciccā’’ti āha ‘‘sañcetetvā’’tiādi. Ussukkavacananti ettha ussukkavacanaṃ (sārattha. ṭī. 2.172) nāma pubbakālakiriyāvacanaṃ. Ayañhi samānakattukesu pubbāparakālakiriyāvacanesu pubbakālakiriyāvacanassa niruttivohāro. Idāni ‘‘saddhiṃ cetetvā’’ti iminā saṅkhepena vuttamevatthaṃ pākaṭaṃ katvā dassetuṃ ‘‘pāṇo’’tiādimāha. Tattha ‘‘pāṇo’’ti saññāya saddhiṃyevāti ‘‘pāṇo’’ti saññaṃ avijahitvā eva, ‘‘pāṇo’’ti saññuppattiyā anantaranti vuttaṃ hoti. Evañca katvā kathaṃ ekakkhaṇe ekassa cittassa ubhayārammaṇabhāvoti edisī codanā anavakāsāti daṭṭhabbaṃ. Keci pana ‘‘ñātapariññāya diṭṭhasabhāvesu dhammesu tīraṇapariññāya tilakkhaṇaṃ āropetvā (sārattha. ṭī. 2.172) ‘rūpaṃ anicca’ntiādinā sabhāvena saddhiṃ ekakkhaṇe aniccādilakkhaṇajānanaṃ viya ‘pāṇo’ti saññāya saddhiṃyeva ‘vadhāmi na’nti jānātī’’ti vadanti. Apare pana ācariyā tatthāpi evaṃ na kathenti. Ettha ca manussaviggaho’’ti avatvā ‘‘pāṇo’’ti vacanaṃ ‘‘manusso aya’’nti ajānitvā kevalaṃ sattasaññāya ghātentassāpi pārājikabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ. Cetetvāti cintetvā. Pakappetvāti abhivicāretvā, sanniṭṭhānaṃ karitvāti attho.

    อิทานิ มนุสฺสอตฺตภาวํ อาทิโต ปฎฺฐาย ทเสฺสตุํ ‘‘มนุสฺสวิคฺคห’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ กลลโต ปฎฺฐายาติ ปฎิสนฺธิวิญฺญาเณน สทฺธิํ อุปฺปนฺนกลลรูปโต ปฎฺฐายฯ กลลรูปํ นาม อิตฺถิปุริสานํ กายวตฺถุภาวทสกวเสน สมติํส รูปานิ, นปุํสกานํ กายวตฺถุทสกวเสน วีสติฯ ตตฺถ อิตฺถิปุริสานํ กลลรูปํ ชาติอุณฺณาย เอเกน อํสุนา อุทฺธฎเตลพินฺทุมตฺตํ โหติ อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํฯ วุตฺตเญฺหตํ อฎฺฐกถายํ –

    Idāni manussaattabhāvaṃ ādito paṭṭhāya dassetuṃ ‘‘manussaviggaha’’ntiādimāha. Tattha kalalato paṭṭhāyāti paṭisandhiviññāṇena saddhiṃ uppannakalalarūpato paṭṭhāya. Kalalarūpaṃ nāma itthipurisānaṃ kāyavatthubhāvadasakavasena samatiṃsa rūpāni, napuṃsakānaṃ kāyavatthudasakavasena vīsati. Tattha itthipurisānaṃ kalalarūpaṃ jātiuṇṇāya ekena aṃsunā uddhaṭatelabindumattaṃ hoti acchaṃ vippasannaṃ. Vuttañhetaṃ aṭṭhakathāyaṃ –

    ‘‘ติลเตลสฺส ยถา พินฺทุ, สปฺปิมโณฺฑ อนาวิโล;

    ‘‘Tilatelassa yathā bindu, sappimaṇḍo anāvilo;

    เอวํวณฺณปฺปฎิภาคํ, ‘กลล’นฺติ ปวุจฺจตี’’ติฯ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑.๒๓๕; วิภ. อฎฺฐ. ๒๖; ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๒);

    Evaṃvaṇṇappaṭibhāgaṃ, ‘kalala’nti pavuccatī’’ti. (saṃ. ni. aṭṭha. 1.1.235; vibha. aṭṭha. 26; pārā. aṭṭha. 2.172);

    เอวํ ปริตฺตกํ วตฺถุํ อาทิํ กตฺวา ยาว มรณกาลา เอตฺถนฺตเร อนุปุเพฺพน วุฑฺฒิปฺปโตฺต อตฺตภาโว มนุสฺสวิคฺคโห นามาติ วุตฺตํ โหติฯ อิทญฺจ เยภุยฺยวเสเนว วุตฺตํฯ โอปปาติกสํเสทชาปิ หิ มนุสฺสา ปาราชิกวตฺถุเยวฯ กลลกาเลปีติ ปฐมสตฺตาเหปิฯ ตตฺถ หิ สนฺตติวเสน ปวตฺตมานํ กลลสงฺขาตํ อตฺตภาวํ ชีวิตา โวโรเปตุํ สกฺกา, น ปน สพฺพปฐมํ กลลรูปํฯ ปฎิสนฺธิจิเตฺตน หิ สทฺธิํ ติํส กมฺมชรูปานิ นิพฺพตฺตนฺติฯ เตสุ ปน ฐิเตสุเยว โสฬส ภวงฺคจิตฺตานิ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติฯ เอตสฺมิํ อนฺตเร คหิตปฎิสนฺธิกสฺส ทารกสฺส วา มาตุยา วา ปนสฺส อนฺตราโย นตฺถิฯ อยญฺหิ มรณสฺส อโนกาโส นามฯ เภสชฺชสมฺปทาเนนาติ คพฺภปาตนเภสชฺชทาเนนฯ ตโต วา อุทฺธมฺปีติ อพฺพุทเปสิกาลาทีสุปิฯ ชีวิตา วิโยเชยฺยาติ สนฺตติวิโกปนวเสน ชีวิตินฺทฺริยโต อปเนยฺยฯ

    Evaṃ parittakaṃ vatthuṃ ādiṃ katvā yāva maraṇakālā etthantare anupubbena vuḍḍhippatto attabhāvo manussaviggaho nāmāti vuttaṃ hoti. Idañca yebhuyyavaseneva vuttaṃ. Opapātikasaṃsedajāpi hi manussā pārājikavatthuyeva. Kalalakālepīti paṭhamasattāhepi. Tattha hi santativasena pavattamānaṃ kalalasaṅkhātaṃ attabhāvaṃ jīvitā voropetuṃ sakkā, na pana sabbapaṭhamaṃ kalalarūpaṃ. Paṭisandhicittena hi saddhiṃ tiṃsa kammajarūpāni nibbattanti. Tesu pana ṭhitesuyeva soḷasa bhavaṅgacittāni uppajjitvā nirujjhanti. Etasmiṃ antare gahitapaṭisandhikassa dārakassa vā mātuyā vā panassa antarāyo natthi. Ayañhi maraṇassa anokāso nāma. Bhesajjasampadānenāti gabbhapātanabhesajjadānena. Tato vā uddhampīti abbudapesikālādīsupi. Jīvitā viyojeyyāti santativikopanavasena jīvitindriyato apaneyya.

    อิมสฺส ปนตฺถสฺสาติ ‘‘สญฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ (ปารา. ๑๗๑) อิมสฺส อตฺถสฺสฯ อาวิภาวตฺถนฺติ ปกาสนตฺถํฯ ปาณสฺส อติปาโต ปาณาติปาโต, ปาณวโธ ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติฯ สโตฺตติ ขนฺธสนฺตาโนฯ ตตฺถ หิ สตฺตปญฺญตฺติฯ ชีวิตินฺทฺริยนฺติ รูปารูปชีวิตินฺทฺริยํฯ รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสตีติฯ ยาย เจตนายาติ ตสฺมิํ ปาเณ ปาณสญฺญิโน กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตาย ยาย เจตนายฯ มโนทฺวาเร ปน ปวตฺตาย วธกเจตนาย ปาณาติปาตภาโว นตฺถิฯ สา เจตนาติ สา ชีวิตินฺทฺริยุปเจฺฉทกอุปกฺกมสมุฎฺฐาปิกา กายวจีทฺวารานํ อญฺญตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนาฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาย เจตนาย ปวตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ มหาภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุ ตํมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา นุปฺปชฺชิสฺสนฺติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๑๗๒), สา ตาทิสปโยคสมุฎฺฐาปิกา เจตนา ปาณาติปาโตฯ ลทฺธูปกฺกมานิ หิ มหาภูตานิ อิตรภูตานิ วิย น วิสทานีติ สมานชาติกานํ การณํ น โหนฺตีติฯ

    Imassapanatthassāti ‘‘sañcicca manussaviggahaṃ jīvitā voropeyyā’’ti (pārā. 171) imassa atthassa. Āvibhāvatthanti pakāsanatthaṃ. Pāṇassa atipāto pāṇātipāto, pāṇavadho pāṇaghātoti vuttaṃ hoti. Sattoti khandhasantāno. Tattha hi sattapaññatti. Jīvitindriyanti rūpārūpajīvitindriyaṃ. Rūpajīvitindriye hi vikopite itarampi taṃsambandhatāya vinassatīti. Yāya cetanāyāti tasmiṃ pāṇe pāṇasaññino kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattāya yāya cetanāya. Manodvāre pana pavattāya vadhakacetanāya pāṇātipātabhāvo natthi. Sā cetanāti sā jīvitindriyupacchedakaupakkamasamuṭṭhāpikā kāyavacīdvārānaṃ aññataradvārappavattā vadhakacetanā. Idaṃ vuttaṃ hoti – yāya cetanāya pavattamānassa jīvitindriyassa nissayabhūtesu mahābhūtesu upakkamakaraṇahetu taṃmahābhūtapaccayā uppajjanakamahābhūtā nuppajjissanti (sārattha. ṭī. 2.172), sā tādisapayogasamuṭṭhāpikā cetanā pāṇātipāto. Laddhūpakkamāni hi mahābhūtāni itarabhūtāni viya na visadānīti samānajātikānaṃ kāraṇaṃ na hontīti.

    ปาณาติปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาณาติปาตีฯ สํสเคฺค อยมีกาโรฯ เตนาห ‘‘วุตฺตเจตนาย สมงฺคิปุคฺคโล’’ติฯ สโก หโตฺถ สหโตฺถ, เตน นิพฺพโตฺต ปโยโค สาหตฺถิโกฯ นิสฺสชฺชนํ นิสฺสโคฺค, โสว นิสฺสคฺคิโยฯ เอวํ อาณตฺติโกวิชฺชามโย มนฺตปริชปฺปนโยโคฯ อิทฺธิมโย กมฺมวิปากชิทฺธิมโยฯ

    Pāṇātipāto assa atthīti pāṇātipātī. Saṃsagge ayamīkāro. Tenāha ‘‘vuttacetanāya samaṅgipuggalo’’ti. Sako hattho sahattho, tena nibbatto payogo sāhatthiko. Nissajjanaṃ nissaggo, sova nissaggiyo. Evaṃ āṇattiko. Vijjāmayo mantaparijappanayogo. Iddhimayo kammavipākajiddhimayo.

    อิทานิ ยถาวุเตฺตเยว ฉ ปโยเค วิภชิตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ ฉสุ ปโยเคสุฯ สาหตฺถิโกติ เอตฺถ หโตฺถ อุปลกฺขณภาเวน คหิโตติ อาห ‘‘กาเยน วา’’ติอาทิฯ ตตฺถ กาเยนาติ หเตฺถน วา ปาเทน วา มุฎฺฐินา วา ชาณุนา วา เยน เกนจิ องฺคปจฺจเงฺคนฯ กาเยกเทโส เหตฺถ หตฺถาทิกาโย อวยเว สมุทาโยปจาโร ยถา ‘‘คาโม ทโฑฺฒ’’ติฯ กายปฺปฎิพเทฺธนาติ กายโต อโมจิเตน อสิอาทินา ปหรเณนฯ ปหรณนฺติ กายวิญฺญตฺติสหิตาย วธกเจตนาย อธิเปฺปตตฺถสาธนํฯ กาเยน วา สตฺติอาทีนํ, กายปฺปฎิพเทฺธน วา อุสุยนฺตปาสาณาทีนํ นิสฺสชฺชนนฺติ ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพํฯ ตตฺถาติ เตสุ สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิเยสุ ฯ อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภทโตติ อุทฺทิสิตฺวา จ อนุทฺทิสิตฺวา จ ปวตฺติเภเทนฯ อุทฺทิสนํ อุทฺทิโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ อุทฺทิสโก, ปโยโค, ตสฺมิํฯ พชฺฌติ เอเตนาติ พโทฺธ, กมฺมเมว พโทฺธ กมฺมพโทฺธ, ปาณาติปาโตติ อโตฺถฯ อถ วา พนฺธนํ พโทฺธ, กมฺมุนา พโทฺธ กมฺมพโทฺธ, โส อสฺส โหติ, ปาณาติปาตกมฺมมสฺส สิทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อุภยตฺถาปีติ อุทฺทิสเก, อนุทฺทิสเก จาติ ทฺวีสุปิฯ ปจฺฉา วา เตเนว โรเคน มรตูติ โยชนาฯ ปหริตกฺขเณเยวาติ มรณาย ปโหนกปฺปหารสฺส ลทฺธกฺขเณเยว กมฺมพโทฺธฯ ยทิ อวสฺสํ เตน มรตีติ อธิปฺปาโยฯ สเจ ปน มรณาธิปฺปาเยน ปหารํ ทตฺวา เตน อมตสฺส ปุน อเญฺญน จิเตฺตน ปหาเร ทิเนฺน ปจฺฉาปิ ปฐมปฺปหาเรเนว มรติ, ตทาว กมฺมพโทฺธฯ อถ ทุติยปหาเรน มรติ , นตฺถิ ปาณาติปาโตฯ อุภเยหิ มเตปิ ปฐมปฺปหาเรเนว กมฺมพโทฺธ, อุภเยหิปิ อมเต เนวตฺติ ปาณาติปาโตฯ เอส นโย พหูหิปิ เอกสฺส ปหาเร ทิเนฺนฯ ตตฺราปิ หิ ยสฺส ปหาเรน มรติ, ตเสฺสว กมฺมพโทฺธติฯ อาณาปนํ นาม วจีวิญฺญตฺติสหิตาย วธกเจตนาย อธิเปฺปตตฺถสาธนํฯ

    Idāni yathāvutteyeva cha payoge vibhajitvā dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tatthāti tesu chasu payogesu. Sāhatthikoti ettha hattho upalakkhaṇabhāvena gahitoti āha ‘‘kāyena vā’’tiādi. Tattha kāyenāti hatthena vā pādena vā muṭṭhinā vā jāṇunā vā yena kenaci aṅgapaccaṅgena. Kāyekadeso hettha hatthādikāyo avayave samudāyopacāro yathā ‘‘gāmo daḍḍho’’ti. Kāyappaṭibaddhenāti kāyato amocitena asiādinā paharaṇena. Paharaṇanti kāyaviññattisahitāya vadhakacetanāya adhippetatthasādhanaṃ. Kāyena vā sattiādīnaṃ, kāyappaṭibaddhena vā usuyantapāsāṇādīnaṃ nissajjananti yathāsambhavaṃ yojetabbaṃ. Tatthāti tesu sāhatthikanissaggiyesu . Uddissānuddissabhedatoti uddisitvā ca anuddisitvā ca pavattibhedena. Uddisanaṃ uddiso, so etassa atthīti uddisako, payogo, tasmiṃ. Bajjhati etenāti baddho, kammameva baddho kammabaddho, pāṇātipātoti attho. Atha vā bandhanaṃ baddho, kammunā baddho kammabaddho, so assa hoti, pāṇātipātakammamassa siddhanti vuttaṃ hoti. Ubhayatthāpīti uddisake, anuddisake cāti dvīsupi. Pacchā vā teneva rogena maratūti yojanā. Paharitakkhaṇeyevāti maraṇāya pahonakappahārassa laddhakkhaṇeyeva kammabaddho. Yadi avassaṃ tena maratīti adhippāyo. Sace pana maraṇādhippāyena pahāraṃ datvā tena amatassa puna aññena cittena pahāre dinne pacchāpi paṭhamappahāreneva marati, tadāva kammabaddho. Atha dutiyapahārena marati , natthi pāṇātipāto. Ubhayehi matepi paṭhamappahāreneva kammabaddho, ubhayehipi amate nevatti pāṇātipāto. Esa nayo bahūhipi ekassa pahāre dinne. Tatrāpi hi yassa pahārena marati, tasseva kammabaddhoti. Āṇāpanaṃ nāma vacīviññattisahitāya vadhakacetanāya adhippetatthasādhanaṃ.

    อิทานิ อิมสฺมิํ อาณตฺติกปโยเค สเงฺกตวิสเงฺกตภาวชานนตฺถํ ฉพฺพิธํ นิยมํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ อาณตฺติกปโยเคฯ อาณตฺตินิยามกาติ อาณตฺติกปโยคสาธิกาฯ เอเตสุ หิ อวิรชฺฌิเตสุเยว อาณตฺติกปโยโค โหติ, น อญฺญถาติฯ

    Idāni imasmiṃ āṇattikapayoge saṅketavisaṅketabhāvajānanatthaṃ chabbidhaṃ niyamaṃ dassento ‘‘tatthā’’tiādimāha. Tattha tatthāti tasmiṃ āṇattikapayoge. Āṇattiniyāmakāti āṇattikapayogasādhikā. Etesu hi avirajjhitesuyeva āṇattikapayogo hoti, na aññathāti.

    ปุคฺคโลติ มาเรตโพฺพ ปุคฺคโลฯ เตนาห ‘‘ยํ หี’’ติอาทิฯ อาณาปกสฺส อาปตฺตีติ อาณาปกสฺส อาณตฺติกฺขเณ อาปตฺติ, อาณตฺตสฺส มารณกฺขเณฯ อาณาปโก มุจฺจตีติ อาณตฺตเสฺสว กมฺมพโทฺธ, วตฺถุวิเสเสน ปเนตฺถ กมฺมวิเสโส จ อาปตฺติวิเสโส จ โหตีติฯ ‘‘ปุเรภตฺตํ มาเรหี’’ติ อาณโตฺต ปุเรภตฺตเมว มาเรตีติ ‘‘อชฺช เสฺว’’ติ อนิยเมตฺวา ‘‘ปุเรภตฺตํ มาเรหี’’ติ อาณโตฺต ยทา กทาจิ ปุเรภตฺตํ มาเรติฯ โย ปน ‘‘อชฺช ปุพฺพเณฺห’’ติ วุโตฺต มชฺฌเนฺห วา สายเนฺห วา เสฺว วา ปุพฺพเณฺห มาเรติ, วิสเงฺกโต โหติ, อาณาปกสฺส นตฺถิ กมฺมพโทฺธฯ ปุพฺพเณฺห มาเรตุํ วายมนฺตสฺส มชฺฌเนฺห ชาเตปิ เอเสว นโยฯ เอเตน นเยน สพฺพกาลปฺปเภเทสุ สเงฺกตวิสเงฺกตตา เวทิตพฺพาฯ

    Puggaloti māretabbo puggalo. Tenāha ‘‘yaṃ hī’’tiādi. Āṇāpakassa āpattīti āṇāpakassa āṇattikkhaṇe āpatti, āṇattassa māraṇakkhaṇe. Āṇāpako muccatīti āṇattasseva kammabaddho, vatthuvisesena panettha kammaviseso ca āpattiviseso ca hotīti. ‘‘Purebhattaṃ mārehī’’ti āṇatto purebhattameva māretīti ‘‘ajja sve’’ti aniyametvā ‘‘purebhattaṃ mārehī’’ti āṇatto yadā kadāci purebhattaṃ māreti. Yo pana ‘‘ajja pubbaṇhe’’ti vutto majjhanhe vā sāyanhe vā sve vā pubbaṇhe māreti, visaṅketo hoti, āṇāpakassa natthi kammabaddho. Pubbaṇhe māretuṃ vāyamantassa majjhanhe jātepi eseva nayo. Etena nayena sabbakālappabhedesu saṅketavisaṅketatā veditabbā.

    เอวํ วตฺถุกาเลสุ สเงฺกตวิสเงฺกตตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ โอกาสาทีสุ สเงฺกตวิสเงฺกตตํ อติทิสโนฺต ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ โอกาโสติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๔) คาโม วา วนํ วา เคหทฺวารํ วาติ เอวมาทิโกฯ อาวุธนฺติ อสิ วา อุสุ วา สตฺติ วาติ เอวมาทิฯ อิริยาปโถติ มาเรตพฺพสฺส คมนํ วา นิสชฺชา วาติ เอวมาทิฯ กิริยาวิเสโสติ วิชฺฌนํ วา เฉทนํ วา เภทนํ วา สงฺขมุณฺฑกํ วาติ เอวมาทิฯ อิเมสุ ยถา ยถา วธโก อาณโตฺต, ตถา ตถา กเต อาณาปกสฺส อาปตฺติ, อญฺญถา กเต วิสเงฺกโต โหติฯ เตนาห ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ สพฺพตฺถาติ โอกาสาทีสุ จตูสุฯ โหติ เจตฺถ –

    Evaṃ vatthukālesu saṅketavisaṅketataṃ dassetvā idāni okāsādīsu saṅketavisaṅketataṃ atidisanto ‘‘iminā nayenā’’tiādimāha. Tattha okāsoti (pārā. aṭṭha. 2.174) gāmo vā vanaṃ vā gehadvāraṃ vāti evamādiko. Āvudhanti asi vā usu vā satti vāti evamādi. Iriyāpathoti māretabbassa gamanaṃ vā nisajjā vāti evamādi. Kiriyāvisesoti vijjhanaṃ vā chedanaṃ vā bhedanaṃ vā saṅkhamuṇḍakaṃ vāti evamādi. Imesu yathā yathā vadhako āṇatto, tathā tathā kate āṇāpakassa āpatti, aññathā kate visaṅketo hoti. Tenāha ‘‘iminā nayenā’’tiādi. Tattha sabbatthāti okāsādīsu catūsu. Hoti cettha –

    ‘‘ยถาณตฺติวเสเนว, อาณเตฺตน กเต สติ;

    ‘‘Yathāṇattivaseneva, āṇattena kate sati;

    อาณาปกสฺส อาปตฺติ, วิสเงฺกโตญฺญถา กเต’’ติฯ

    Āṇāpakassa āpatti, visaṅketoññathā kate’’ti.

    อาณตฺติยํ ปน อยํ วิเสโส – อธิฎฺฐายาติ อธิฎฺฐหิตฺวา อาณาเปติ ‘‘เอวํ วิชฺฌ, เอวํ ปหร, เอวํ ฆาเตหี’’ติ (ปารา. ๑๗๔) วุตฺตาย ปาฬิยา ลพฺภตีติ ญาตโพฺพฯ

    Āṇattiyaṃ pana ayaṃ viseso – adhiṭṭhāyāti adhiṭṭhahitvā āṇāpeti ‘‘evaṃ vijjha, evaṃ pahara, evaṃ ghātehī’’ti (pārā. 174) vuttāya pāḷiyā labbhatīti ñātabbo.

    โอปตนฺติ เอตฺถาติ โอปาโต, อาวาโฎ, ตสฺส ขณนํ โอปาตกฺขณนํฯ อปเสฺสนสํวิธานนฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๗) อปเสฺสนสฺส สํวิธานํฯ นิจฺจปริโภโค มโญฺจ วา ปีฐํ วา อปเสฺสนผลกํ วา ทิวาฎฺฐาเน นิสีทนฺตสฺส อปเสฺสนกตฺถโมฺภ วา ตตฺถชาตกรุโกฺข วา จงฺกเม อปสฺสาย ติฎฺฐนฺตสฺส อาลมฺพนรุโกฺข วา อาลมฺพนผลกํ วา, สพฺพเมฺปตํ อปสฺสนียเฎฺฐน อปเสฺสนํ นาม, ตสฺมิํ อปเสฺสเน ยถา อปสฺสยนฺตํ วิชฺฌติ วา ฉินฺทติ วา, ตถา กตฺวา วาสิผรสุสตฺติอารกณฺฎกาทีสุ อญฺญตรสฺส สตฺถสฺส ฐปนนฺติ อโตฺถฯ

    Opatanti etthāti opāto, āvāṭo, tassa khaṇanaṃ opātakkhaṇanaṃ. Apassenasaṃvidhānanti (pārā. aṭṭha. 2.177) apassenassa saṃvidhānaṃ. Niccaparibhogo mañco vā pīṭhaṃ vā apassenaphalakaṃ vā divāṭṭhāne nisīdantassa apassenakatthambho vā tatthajātakarukkho vā caṅkame apassāya tiṭṭhantassa ālambanarukkho vā ālambanaphalakaṃ vā, sabbampetaṃ apassanīyaṭṭhena apassenaṃ nāma, tasmiṃ apassene yathā apassayantaṃ vijjhati vā chindati vā, tathā katvā vāsipharasusattiārakaṇṭakādīsu aññatarassa satthassa ṭhapananti attho.

    อุปนิกฺขิปนํ นาม สมีเป นิกฺขิปนํฯ มนาปสฺส วา อมนาปสฺส วา รูปสฺส อุปหรณํ สมีเป ฐปนํ รูปูปหาโร, อตฺตนา วา ยกฺขเปตาทิเวสํ คเหตฺวา ติฎฺฐนํฯ อาทิสเทฺทน สทฺทูปหาราทีนํ คหณํฯ เอตฺถาปีติ ถาวรปโยเคปิ ฯ อุทฺทิสฺสานุทฺทิสฺสเภโท เวทิตโพฺพ, ยโต ตตฺถปิ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว กมฺมพโทฺธ โหติฯ อยํ ปน วิเสโส – มูลเฎฺฐน โอปาตาทีสุ ปเรสํ มูเลน วา มุธา วา ทิเนฺนสุปิ ยทิ ตปฺปจฺจยา โกจิ มรติ, มูลฎฺฐเสฺสว กมฺมพโทฺธฯ ยทิปิ เตน, อเญฺญน วา ตตฺร โอปาเต วินาเสตฺวา ภูมิสเม กเตปิ ปํสุหารกา วา ปํสุํ คณฺหนฺตา, มูลขณกา วา มูลานิ ขณนฺตา อาวาฎํ กโรนฺติ, เทเว วา วสฺสเนฺต กทฺทโม ชายติ, ตตฺถ จ โกจิ โอตริตฺวา วา ลคฺคิตฺวา วา มรติ, มูลฎฺฐเสฺสว กมฺมพโทฺธฯ ยทิ ปน เยน ลทฺธํ, โส วา อโญฺญ วา วิตฺถตตรํ วา คมฺภีรตรํ วา กโรติ, ตปฺปจฺจยา จ โกจิ มรติ, อุภเยสมฺปิ กมฺมพโทฺธฯ ยถา ตุ มูลานิ มูเลหิ สํสนฺทนฺติ, ตถา ตตฺถ ถเล กเต มุจฺจติฯ เอวํ อปเสฺสนสํวิธานาทีสุปิ ยาว เตสํ ปวตฺติ, ตาว ยถาสมฺภวํ กมฺมพโทฺธ เวทิตโพฺพฯ

    Upanikkhipanaṃ nāma samīpe nikkhipanaṃ. Manāpassa vā amanāpassa vā rūpassa upaharaṇaṃ samīpe ṭhapanaṃ rūpūpahāro, attanā vā yakkhapetādivesaṃ gahetvā tiṭṭhanaṃ. Ādisaddena saddūpahārādīnaṃ gahaṇaṃ. Etthāpīti thāvarapayogepi . Uddissānuddissabhedo veditabbo, yato tatthapi pubbe vuttanayeneva kammabaddho hoti. Ayaṃ pana viseso – mūlaṭṭhena opātādīsu paresaṃ mūlena vā mudhā vā dinnesupi yadi tappaccayā koci marati, mūlaṭṭhasseva kammabaddho. Yadipi tena, aññena vā tatra opāte vināsetvā bhūmisame katepi paṃsuhārakā vā paṃsuṃ gaṇhantā, mūlakhaṇakā vā mūlāni khaṇantā āvāṭaṃ karonti, deve vā vassante kaddamo jāyati, tattha ca koci otaritvā vā laggitvā vā marati, mūlaṭṭhasseva kammabaddho. Yadi pana yena laddhaṃ, so vā añño vā vitthatataraṃ vā gambhīrataraṃ vā karoti, tappaccayā ca koci marati, ubhayesampi kammabaddho. Yathā tu mūlāni mūlehi saṃsandanti, tathā tattha thale kate muccati. Evaṃ apassenasaṃvidhānādīsupi yāva tesaṃ pavatti, tāva yathāsambhavaṃ kammabaddho veditabbo.

    วิชฺชาปริชปฺปนนฺติ อาถพฺพณิเกหิ, วิชฺชาธเรหิ จ มนฺตปริชปฺปนํฯ กมฺมวิปากชาย อิทฺธิยาติ สาติสยกมฺมนิพฺพตฺตาย กมฺมวิปาเกน สหชาตาย อิทฺธิยา, กมฺมสฺส วา วิปากภาเวน ชาตาย อิทฺธิยาฯ ปโยชนนฺติ ปวตฺตนํ, กรณนฺติ อโตฺถ, ทาฐาวุธาทีนํ ทาฐาโกฎนาทีนมิว มารณตฺถํ กมฺมวิปากชิทฺธิวิการกรณนฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    Vijjāparijappananti āthabbaṇikehi, vijjādharehi ca mantaparijappanaṃ. Kammavipākajāya iddhiyāti sātisayakammanibbattāya kammavipākena sahajātāya iddhiyā, kammassa vā vipākabhāvena jātāya iddhiyā. Payojananti pavattanaṃ, karaṇanti attho, dāṭhāvudhādīnaṃ dāṭhākoṭanādīnamiva māraṇatthaṃ kammavipākajiddhivikārakaraṇanti vuttaṃ hoti.

    กมฺมสาธโน วายํ หารกสโทฺท พหุลํวิธาเนน ตตฺถาปิ ณฺวุปจฺจยสฺส สิชฺฌนโตติ อาห ‘‘อถ วา’’ติอาทิฯ ชีวิตหรณกํ, อุปนิกฺขิปิตพฺพํ วา สตฺถเมว หารกนฺติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๑๗๒) วิกปฺปทฺวเยน วุตฺตนฺติ อาห ‘‘สตฺถญฺจ ตํ หารกญฺจาติ สตฺถหารก’’นฺติฯ ‘‘หารกสตฺถ’’นฺติ วตฺตเพฺพ วิเสสนสฺส ปรนิปาตํ กตฺวา เอวํ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปริเยเสยฺยาติ คเวเสยฺยฯ ‘‘ยถา ลภติ, ตถา กเรยฺยา’’ติ อิมินา ปน อธิปฺปายตฺถมาห, ‘‘อุปนิกฺขิเปยฺยา’’ติ อิมินา สิขาปตฺตมตฺถํฯ อิตรถา หิ ‘‘ปริเยเสยฺยา’’ติ อิมสฺส ‘‘อุปนิกฺขิเปยฺยา’’ติ อยมโตฺถ อธิเปฺปโต น สิยาฯ ปริยิฎฺฐมเตฺตเยวาติ ปริเยสิตมเตฺตเยวฯ ยทิ เอวํ อถ กสฺมา ปาฬิยํ ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยาติ อสิํ วา สตฺติํ วา เภณฺฑิํ วา ลคุฬํ วา ปาสาณํ วา สตฺถํ วา วิสํ วา รชฺชุํ วา’’ติ (ปารา. ๑๗๒) วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ปทภาชเน ปนา’’ติอาทิฯ อสฺสาติ ‘‘สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺยา’’ติ อิมสฺส ปทสฺสฯ พฺยญฺชนานุรูปโต ปริปุณฺณํ กตฺวา อตฺถสฺส อวุตฺตตฺตา ‘‘พฺยญฺชนํ อนาทิยิตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ สสติ หิํสตีติ สตฺถํ, สสนฺติ หิํสนฺติ เอเตนาติ วา สตฺถํอาทิสเทฺทน ‘‘สตฺติํ วา’’ติอาทิปาฬิเสสํ สงฺคณฺหาติฯ ตตฺถ ลคุฬนฺติ มุคฺคโรฯ สตฺถนฺติ วุตฺตาวเสสํ ยํ กิญฺจิ สมุขํ เวทิตพฺพํฯ

    Kammasādhano vāyaṃ hārakasaddo bahulaṃvidhānena tatthāpi ṇvupaccayassa sijjhanatoti āha ‘‘atha vā’’tiādi. Jīvitaharaṇakaṃ, upanikkhipitabbaṃ vā satthameva hārakanti (sārattha. ṭī. 2.172) vikappadvayena vuttanti āha ‘‘satthañca taṃ hārakañcāti satthahāraka’’nti. ‘‘Hārakasattha’’nti vattabbe visesanassa paranipātaṃ katvā evaṃ vuttanti daṭṭhabbaṃ. Pariyeseyyāti gaveseyya. ‘‘Yathā labhati, tathā kareyyā’’ti iminā pana adhippāyatthamāha, ‘‘upanikkhipeyyā’’ti iminā sikhāpattamatthaṃ. Itarathā hi ‘‘pariyeseyyā’’ti imassa ‘‘upanikkhipeyyā’’ti ayamattho adhippeto na siyā. Pariyiṭṭhamatteyevāti pariyesitamatteyeva. Yadi evaṃ atha kasmā pāḷiyaṃ ‘‘satthahārakaṃ vāssa pariyeseyyāti asiṃ vā sattiṃ vā bheṇḍiṃ vā laguḷaṃ vā pāsāṇaṃ vā satthaṃ vā visaṃ vā rajjuṃ vā’’ti (pārā. 172) vuttanti āha ‘‘padabhājane panā’’tiādi. Assāti ‘‘satthahārakaṃ vāssa pariyeseyyā’’ti imassa padassa. Byañjanānurūpato paripuṇṇaṃ katvā atthassa avuttattā ‘‘byañjanaṃ anādiyitvā’’ti vuttaṃ. Sasati hiṃsatīti satthaṃ, sasanti hiṃsanti etenāti vā satthaṃ. Ādisaddena ‘‘sattiṃ vā’’tiādipāḷisesaṃ saṅgaṇhāti. Tattha laguḷanti muggaro. Satthanti vuttāvasesaṃ yaṃ kiñci samukhaṃ veditabbaṃ.

    โย เอวํ มรตีติ โย สตฺถํ วา อาหริตฺวา, วิสํ วา ขาทิตฺวา, รชฺชุยา วา อุพฺพนฺธิตฺวา, โสพฺภาทีสุ วา ปติตฺวา, อเญฺญหิ วา อคฺคิปเวสนอุทกปเวสนาทีหิ อุปาเยหิ มรติฯ ‘‘โส ธนํ วา ลภตี’’ติอาทินา นเยนาติ โส ธนํ วา ลภติ, ยสํ วา ลภติ, สคฺคํ วา คจฺฉติ, ธโมฺม วาสฺส โหตีติ อิมินา นเยนฯ กิมเนน เวทิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เอเตนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอเตนาติ ‘‘มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺยา’’ติ เอเตน วจเนนฯ นยิธ เอวนฺติ อิธ มนุสฺสวิคฺคหปาราชิเก น เอวํ, น ปริยายกถาย มุจฺจตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘สํวเณฺณยฺยา’’ติอาทิฯ

    Yo evaṃ maratīti yo satthaṃ vā āharitvā, visaṃ vā khāditvā, rajjuyā vā ubbandhitvā, sobbhādīsu vā patitvā, aññehi vā aggipavesanaudakapavesanādīhi upāyehi marati. ‘‘So dhanaṃ vā labhatī’’tiādinā nayenāti so dhanaṃ vā labhati, yasaṃ vā labhati, saggaṃ vā gacchati, dhammo vāssa hotīti iminā nayena. Kimanena veditabbanti āha ‘‘etenā’’tiādi. Tattha etenāti ‘‘maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyyā’’ti etena vacanena. Nayidha evanti idha manussaviggahapārājike na evaṃ, na pariyāyakathāya muccatīti attho. Tenāha ‘‘saṃvaṇṇeyyā’’tiādi.

    ‘‘สตฺถํ วา อาหรา’’ติอาทินาติ เอตฺถ อาทิสเทฺทน ‘‘วิสํ วา ขาท, รชฺชุยา วา อุพฺพนฺธิตฺวา กาลํ กโรหิ, โสเพฺภ วา นรเก วา ปปาเต วา ปปตา’’ติอาทิํ (ปารา. ๑๗๒) สพฺพํ มรณูปายํ สงฺคณฺหาติฯ เอตฺถ จ นรโก (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๒) นาม ตตฺถ ตตฺถ ผลนฺติยา ภูมิยา สยเมว นิพฺพตฺตา มหาทรี, ยตฺถ หตฺถีปิ ปตนฺติ, โจราปิ นิลียิตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ ปปาโตติ ปพฺพตนฺตเร วา ถลนฺตเร วา เอกโต ฉิโนฺนฯ ปาปเกนาติ ลามเกนฯ ทุชฺชีวิเตนาติ ทุกฺขพหุลตฺตา ทุเกฺขน ชีวิเตนฯ มตํ เต ชีวิตา เสยฺยาติ ตว มรณํ ชีวิตา สุนฺทรตรํฯ จิตฺตมสฺส อตฺถีติ จิโตฺตฯ ตถา มโนฯ อิติ-สโทฺท ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อโนฺต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อโนฺต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕; ๓.๙๐) วิย นิทสฺสเน ทฎฺฐโพฺพ ยถาวุตฺตสฺส พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานสฺส มรณสฺส นิทสฺสนโตฯ เตเนวาห ‘‘มตํ เต ชีวิตา เสโยฺย’’ติอาทิฯ

    ‘‘Satthaṃ vā āharā’’tiādināti ettha ādisaddena ‘‘visaṃ vā khāda, rajjuyā vā ubbandhitvā kālaṃ karohi, sobbhe vā narake vā papāte vā papatā’’tiādiṃ (pārā. 172) sabbaṃ maraṇūpāyaṃ saṅgaṇhāti. Ettha ca narako (pārā. aṭṭha. 2.172) nāma tattha tattha phalantiyā bhūmiyā sayameva nibbattā mahādarī, yattha hatthīpi patanti, corāpi nilīyitvā tiṭṭhanti. Papātoti pabbatantare vā thalantare vā ekato chinno. Pāpakenāti lāmakena. Dujjīvitenāti dukkhabahulattā dukkhena jīvitena. Mataṃ te jīvitā seyyāti tava maraṇaṃ jīvitā sundarataraṃ. Cittamassa atthīti citto. Tathā mano. Iti-saddo ‘‘sabbamatthīti kho, kaccāna, ayameko anto, sabbaṃ natthīti kho, kaccāna, ayaṃ dutiyo anto’’tiādīsu (saṃ. ni. 2.15; 3.90) viya nidassane daṭṭhabbo yathāvuttassa buddhiyaṃ viparivattamānassa maraṇassa nidassanato. Tenevāha ‘‘mataṃ te jīvitā seyyo’’tiādi.

    นนุ เจตฺถ ‘‘มโน’’ติ อิทมฺปิ อตฺถโต จิตฺตเมว, อถ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิฯ จิตฺตสฺส อตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตนฺติ นายํ จิตฺตสโทฺท ‘‘จิตฺตสงฺกโปฺป’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๗๑) วิย วิจิตฺตาทิอโตฺถ, อถ โข วิญฺญาณวจโนติ ตสฺส อตฺถทีปนตฺถํ วุตฺตํฯ อิมินา ปุนรุตฺติโทสาภาวํ ทเสฺสติฯ กถเมตํ วิญฺญายตีติ อาห ‘‘เตเนวสฺสา’’ติอาทิฯ จิโตฺต นานาปฺปการโก สงฺกโปฺป อสฺสาติ จิตฺตสงฺกโปฺปฯ วิจิตฺตโตฺถ เหตฺถ จิตฺตสโทฺท ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อญฺญํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) วิยฯ เตนาห ‘‘วิจิตฺตสงฺกโปฺป’’ติฯ เอตฺถาปิ อิติสโทฺท อาหริตโพฺพติ ‘‘จิตฺตสงฺกโปฺป’’ติ อิมสฺมิํ ปเทปิ อธิการวเสน อิติสโทฺท อาหริตโพฺพฯ อิทญฺหิ ‘‘อิติ จิตฺตสงฺกโปฺป’’ติ เอวํ อวุตฺตมฺปิ อธิการโต วุตฺตเมว โหตีติฯ สงฺกโปฺปติ เจตฺถ ‘‘ตโกฺก วิตโกฺก สงฺกโปฺป’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๗) วิย น วิตกฺกเสฺสว นามํ, อถ โข ตสฺส จ อเญฺญสญฺจาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สงฺกโปฺปติ จา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ สํวิทหนมตฺตสฺสาติ สญฺญาเจตนาวิตกฺกสงฺขาตสฺส สพฺพสฺส สํวิทหนสฺสฯ สามญฺญโตฺถ เหตฺถ มตฺตสโทฺท ‘‘พฺราหฺมณมตฺตํ โภเชตี’’ติอาทีสุ วิยฯ เตนาห ‘‘ตญฺจ สํวิทหน’’นฺติอาทิฯ อิมินา สํวิทหนํ นาเมตฺถ น วิธานนฺติ ทเสฺสติฯ อธิปฺปาโย นาม วิตโกฺกฯ

    Nanu cettha ‘‘mano’’ti idampi atthato cittameva, atha kasmā vuttanti āha ‘‘ettha cā’’tiādi. Cittassa atthadīpanatthaṃ vuttanti nāyaṃ cittasaddo ‘‘cittasaṅkappo’’tiādīsu (pārā. 171) viya vicittādiattho, atha kho viññāṇavacanoti tassa atthadīpanatthaṃ vuttaṃ. Iminā punaruttidosābhāvaṃ dasseti. Kathametaṃ viññāyatīti āha ‘‘tenevassā’’tiādi. Citto nānāppakārako saṅkappo assāti cittasaṅkappo. Vicittattho hettha cittasaddo ‘‘nāhaṃ, bhikkhave, aññaṃ ekanikāyampi samanupassāmi evaṃ cittaṃ, yathayidaṃ, bhikkhave, tiracchānagatā’’tiādīsu (saṃ. ni. 3.100) viya. Tenāha ‘‘vicittasaṅkappo’’ti. Etthāpi itisaddo āharitabboti ‘‘cittasaṅkappo’’ti imasmiṃ padepi adhikāravasena itisaddo āharitabbo. Idañhi ‘‘iti cittasaṅkappo’’ti evaṃ avuttampi adhikārato vuttameva hotīti. Saṅkappoti cettha ‘‘takko vitakko saṅkappo’’tiādīsu (dha. sa. 7) viya na vitakkasseva nāmaṃ, atha kho tassa ca aññesañcāti dassetuṃ ‘‘saṅkappoti cā’’tiādi āraddhaṃ. Saṃvidahanamattassāti saññācetanāvitakkasaṅkhātassa sabbassa saṃvidahanassa. Sāmaññattho hettha mattasaddo ‘‘brāhmaṇamattaṃ bhojetī’’tiādīsu viya. Tenāha ‘‘tañca saṃvidahana’’ntiādi. Iminā saṃvidahanaṃ nāmettha na vidhānanti dasseti. Adhippāyo nāma vitakko.

    อุจฺจาวเจน การเณนาติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๒) มหนฺตามหเนฺตน อุปาเยนฯ ตตฺถ มรณวณฺณสํวณฺณเน ตาว ชีวิเต อาทีนวทสฺสนวเสน อวจาการตา, มรเณ วณฺณภณนวเสน อุจฺจาการตา เวทิตพฺพาฯ สมาทปเน ปน มุฎฺฐิชาณุนิโปฺปถนาทีหิ มรณสมาทปนวเสน อุจฺจาการตา, เอกโต ภุญฺชนฺตสฺส นเข วิสํ ปกฺขิปิตฺวา มรณาทิสมาทปนวเสน อวจาการตา เวทิตพฺพาฯ

    Uccāvacena kāraṇenāti (pārā. aṭṭha. 2.172) mahantāmahantena upāyena. Tattha maraṇavaṇṇasaṃvaṇṇane tāva jīvite ādīnavadassanavasena avacākāratā, maraṇe vaṇṇabhaṇanavasena uccākāratā veditabbā. Samādapane pana muṭṭhijāṇunippothanādīhi maraṇasamādapanavasena uccākāratā, ekato bhuñjantassa nakhe visaṃ pakkhipitvā maraṇādisamādapanavasena avacākāratā veditabbā.

    เอวํ อสาธารณวินิจฺฉยํ วตฺวา อิทานิ สาธารณวินิจฺฉยํ ทเสฺสตุํ ‘‘เวสาลิย’’นฺติอาทิมาหฯ โอปาตกฺขณนาทีสุ ทุกฺกฎนฺติ เอตฺถ สเจปิ ชาตปถวิํ ขณติ, ปาณาติปาตสฺส ปุพฺพปโยคตฺตา ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฎํฯ มนุสฺสวิคฺคโห นาคสุปณฺณาทิสทิโส ติรจฺฉานคโต ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห, ยโกฺข จ เปโต จ ติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคโห จ ยกฺขเปตติรจฺฉานคตมนุสฺสวิคฺคหา, เตสํฯ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ถุลฺลจฺจยํ อติทิสติฯ อิทานิ ‘‘อิมินา นเยนา’’ติอาทินา อปเสฺสนสํวิธานาทีสุปิ ยถาวุตฺตอาปตฺติเภทํ อติทิสติฯ สพฺพตฺถาติ อปเสฺสนสํวิธานาทีสุ สเพฺพสุ ปโยเคสุฯ

    Evaṃ asādhāraṇavinicchayaṃ vatvā idāni sādhāraṇavinicchayaṃ dassetuṃ ‘‘vesāliya’’ntiādimāha. Opātakkhaṇanādīsu dukkaṭanti ettha sacepi jātapathaviṃ khaṇati, pāṇātipātassa pubbapayogattā payoge payoge dukkaṭaṃ. Manussaviggaho nāgasupaṇṇādisadiso tiracchānagato tiracchānagatamanussaviggaho, yakkho ca peto ca tiracchānagatamanussaviggaho ca yakkhapetatiracchānagatamanussaviggahā, tesaṃ. ‘‘Tathā’’ti iminā thullaccayaṃ atidisati. Idāni ‘‘iminānayenā’’tiādinā apassenasaṃvidhānādīsupi yathāvuttaāpattibhedaṃ atidisati. Sabbatthāti apassenasaṃvidhānādīsu sabbesu payogesu.

    อิทานิ อนาปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘อสญฺจิจฺจา’’ติอาทิมาหฯ เอตฺถ จ ‘‘อสญฺจิจฺจา’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๑๗๙) อิทํ มรณสํวตฺตนิกอุปกฺกมสฺส อสลฺลกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ , ‘‘อชานนฺตสฺสา’’ติ อิทํ ปน มรณสํวตฺตนิกอุปกรณสฺส อชานนํ สนฺธาย, ‘‘นมรณาธิปฺปายสฺสา’’ติ อิทํ อุปกฺกมํ ชานนฺตสฺสาปิ มรณาธิปฺปายสฺส อภาวํฯ เตนาห ‘‘อสญฺจิจฺจา’’ติอาทิฯ อเจเตตฺวาติ อสลฺลเกฺขตฺวา, วิรชฺฌิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ

    Idāni anāpattiṃ dassetuṃ ‘‘asañciccā’’tiādimāha. Ettha ca ‘‘asañciccā’’ti (sārattha. ṭī. 2.179) idaṃ maraṇasaṃvattanikaupakkamassa asallakkhaṇaṃ sandhāya vuttaṃ , ‘‘ajānantassā’’ti idaṃ pana maraṇasaṃvattanikaupakaraṇassa ajānanaṃ sandhāya, ‘‘namaraṇādhippāyassā’’ti idaṃ upakkamaṃ jānantassāpi maraṇādhippāyassa abhāvaṃ. Tenāha ‘‘asañciccā’’tiādi. Acetetvāti asallakkhetvā, virajjhitvāti vuttaṃ hoti.

    มุสลุสฺสาปนวตฺถุสฺมิํ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ ภตฺตเคฺค อนฺตรฆเร อาสนํ ปญฺญเปโนฺต มุสเล อุสฺสิเต เอกํ มุสลํ อคฺคเหสิฯ ทุติโย มุสโล ปริปติตฺวา อญฺญตรสฺส ทารกสฺส มตฺถเก อวตฺถาสิฯ โส กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… กิํจิโตฺต ตฺวํ ภิกฺขูติฯ อสญฺจิจฺจ อหํ ภควาติฯ อนาปตฺติ ภิกฺขุ อสญฺจิจฺจา’’ติ (ปารา. ๑๘๐) อิมสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ วิยฯ

    Musalussāpanavatthusmiṃ viyāti ‘‘tena kho pana samayena aññataro bhikkhu bhattagge antaraghare āsanaṃ paññapento musale ussite ekaṃ musalaṃ aggahesi. Dutiyo musalo paripatitvā aññatarassa dārakassa matthake avatthāsi. So kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… kiṃcitto tvaṃ bhikkhūti. Asañcicca ahaṃ bhagavāti. Anāpatti bhikkhu asañciccā’’ti (pārā. 180) imasmiṃ vatthusmiṃ viya.

    วิสคตปิณฺฑปาตวตฺถุสฺมิํ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ วิสคตํ ปิณฺฑปาตํ ลภิตฺวา ปฎิกฺกมนํ หริตฺวา ภิกฺขูนํ อคฺคการิกํ อทาสิฯ เต ภิกฺขู กาลมกํสุฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… กิํจิโตฺต ตฺวํ ภิกฺขูติฯ นาหํ ภควา ชานามีติฯ อนาปตฺติ ภิกฺขุ อชานนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๘๑) อิมสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ วิยฯ

    Visagatapiṇḍapātavatthusmiṃ viyāti ‘‘tena kho pana samayena aññataro piṇḍacāriko bhikkhu visagataṃ piṇḍapātaṃ labhitvā paṭikkamanaṃ haritvā bhikkhūnaṃ aggakārikaṃ adāsi. Te bhikkhū kālamakaṃsu. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… kiṃcitto tvaṃ bhikkhūti. Nāhaṃ bhagavā jānāmīti. Anāpatti bhikkhu ajānantassā’’ti (pārā. 181) imasmiṃ vatthusmiṃ viya.

    เภสชฺชวตฺถุสฺมิํ วิยาติ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรา วญฺฌา อิตฺถี กุลูปกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ ‘‘อิงฺฆายฺย เภสชฺชํ ชานาหิ, เยนาหํ วิชาเยยฺย’นฺติฯ ‘สุฎฺฐุ ภคินี’ติ ตสฺสา เภสชฺชํ อทาสิฯ สา กาลมกาสิฯ ตสฺส กุกฺกุจฺจํ อโหสิ…เป.… อนาปตฺติ ภิกฺขุ ปาราชิกสฺส, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (ปารา. ๑๘๗) อิมสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ วิยฯ อิธ อาทิกมฺมิกา อญฺญมญฺญํ ชีวิตา โวโรปิตภิกฺขู, เตสํ อนาปตฺติฯ อวเสสานํ มรณวณฺณสํวณฺณนกาทีนํ อาปตฺติเยวฯ

    Bhesajjavatthusmiṃ viyāti ‘‘tena kho pana samayena aññatarā vañjhā itthī kulūpakaṃ bhikkhuṃ etadavoca ‘‘iṅghāyya bhesajjaṃ jānāhi, yenāhaṃ vijāyeyya’nti. ‘Suṭṭhu bhaginī’ti tassā bhesajjaṃ adāsi. Sā kālamakāsi. Tassa kukkuccaṃ ahosi…pe… anāpatti bhikkhu pārājikassa, āpatti dukkaṭassā’’ti (pārā. 187) imasmiṃ vatthusmiṃ viya. Idha ādikammikā aññamaññaṃ jīvitā voropitabhikkhū, tesaṃ anāpatti. Avasesānaṃ maraṇavaṇṇasaṃvaṇṇanakādīnaṃ āpattiyeva.

    อถ กถํ ทุกฺขเวทนนฺติ, นนุ ราชาโน โจรํ ทิสฺวา หสมานาปิ ‘‘คจฺฉถ, นํ ฆาเตถา’’ติ วทนฺตีติ? สจฺจํ หสมานา วทนฺติ, โส ปน หาโส เตสํ อญฺญวิสโย, สนฺนิฎฺฐาปกเจตนา ทุกฺขสมฺปยุตฺตาวฯ วุตฺตเญฺหตํ สมนฺตปาสาทิกายํ ‘‘สเจปิ หิ สิริสยนํ อารุโฬฺห รชฺชสมฺปตฺติสุขมนุภวโนฺต ราชา ‘โจโร เทว อานีโต’ติ วุเตฺต ‘คจฺฉถ นํ มาเรถา’ติ หสมาโน ภณติ, โทมนสฺสจิเตฺตเนว ภณตีติ เวทิตโพฺพฯ สุขโวกิณฺณตฺตา, ปน อนุปฺปพนฺธาภาวา จ ทุชฺชานเมตํ ปุถุชฺชเนหี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๑๗๙)ฯ

    Atha kathaṃ dukkhavedananti, nanu rājāno coraṃ disvā hasamānāpi ‘‘gacchatha, naṃ ghātethā’’ti vadantīti? Saccaṃ hasamānā vadanti, so pana hāso tesaṃ aññavisayo, sanniṭṭhāpakacetanā dukkhasampayuttāva. Vuttañhetaṃ samantapāsādikāyaṃ ‘‘sacepi hi sirisayanaṃ āruḷho rajjasampattisukhamanubhavanto rājā ‘coro deva ānīto’ti vutte ‘gacchatha naṃ mārethā’ti hasamāno bhaṇati, domanassacitteneva bhaṇatīti veditabbo. Sukhavokiṇṇattā, pana anuppabandhābhāvā ca dujjānametaṃ puthujjanehī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.179).

    ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tatiyapārājikavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact