Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-ปุราณ-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-purāṇa-ṭīkā |
๓. ตติยปาราชิกวณฺณนา
3. Tatiyapārājikavaṇṇanā
ยถา ญาตปริญฺญา ธมฺมานํ สภาวชานนเมว ‘‘อิทํ รูปํ, อยํ เวทนา’’ติ, ตีรณปริญฺญา ปน ธมฺมสภาเวน สทฺธิํ อนิจฺจาทิวเสน ปวตฺตมานํ ‘‘รูปํ อนิจฺจนฺติ วา’’ติอาทิ, เอวมิธ สทฺธิํ เจเตตฺวา เอกเตฺตนาปิ ปาณาติปาตาภาวา ‘‘ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘มนุสฺสวิคฺคห’’นฺติ วุตฺตตฺตา คพฺภเสยฺยกานํ วเสน สพฺพสุขุมอตฺตภาวโต ปฎฺฐาย ทเสฺสตุํ ‘‘กลลโต ปฎฺฐายา’’ติ อาหฯ เอตฺถ ชีวิตา โวโรเปโนฺต ปจฺจุปฺปนฺนโต วิโยเชติฯ ตตฺถ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ น สกฺกา โวโรเปตุํ, สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา สกฺกาฯ กถํ? ตสฺมิญฺหิ อุปกฺกเม กเต ลทฺธูปกฺกมํ ชีวิตทสกํ นิรุชฺฌมานํ ทุพฺพลสฺส ปริหีนเวคสฺส ปจฺจโย โหติฯ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ ยถา เทฺว ตโย ชวนวาเร ชวิตฺวา นิรุชฺฌติ, อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนญฺจ ตทนุรูปํ กตฺวา นิรุชฺฌติ, ตถา ปจฺจโย โหติฯ ตโต สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ วา ยถาปริจฺฉินฺนกาลํ อปตฺวา อนฺตราว นิรุชฺฌติฯ เอวํ ตทุภยมฺปิ โวโรเปตุํ สกฺกาฯ ตสฺมา ปจฺจุปฺปนฺนํ วิโยเชติฯ
Yathā ñātapariññā dhammānaṃ sabhāvajānanameva ‘‘idaṃ rūpaṃ, ayaṃ vedanā’’ti, tīraṇapariññā pana dhammasabhāvena saddhiṃ aniccādivasena pavattamānaṃ ‘‘rūpaṃ aniccanti vā’’tiādi, evamidha saddhiṃ cetetvā ekattenāpi pāṇātipātābhāvā ‘‘jīvitā voropeyyā’’ti vuttaṃ. ‘‘Manussaviggaha’’nti vuttattā gabbhaseyyakānaṃ vasena sabbasukhumaattabhāvato paṭṭhāya dassetuṃ ‘‘kalalato paṭṭhāyā’’ti āha. Ettha jīvitā voropento paccuppannato viyojeti. Tattha khaṇapaccuppannaṃ na sakkā voropetuṃ, santatipaccuppannaṃ vā addhāpaccuppannaṃ vā sakkā. Kathaṃ? Tasmiñhi upakkame kate laddhūpakkamaṃ jīvitadasakaṃ nirujjhamānaṃ dubbalassa parihīnavegassa paccayo hoti. Santatipaccuppannaṃ yathā dve tayo javanavāre javitvā nirujjhati, addhāpaccuppannañca tadanurūpaṃ katvā nirujjhati, tathā paccayo hoti. Tato santatipaccuppannaṃ vā addhāpaccuppannaṃ vā yathāparicchinnakālaṃ apatvā antarāva nirujjhati. Evaṃ tadubhayampi voropetuṃ sakkā. Tasmā paccuppannaṃ viyojeti.
‘‘อิมสฺส ปนตฺถสฺสา’’ติ โวหารวเสน วุตฺตมตฺถํ ปรมตฺถวเสน อาวิภาวตฺถํ ‘‘ปาโณ เวทิตโพฺพ’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กายวิญฺญตฺติสหิตาย เจตนาย ปยุชฺชตีติ ปโยโค, โก โส? สรีเร สตฺถาทีนํ คมนํ ปหรณนฺติ กายวจีวิญฺญตฺติสหิตาย เจตนาย ปรสรีเร สตฺถปาตนํฯ ทูเร ฐิตนฺติ ทูเร วา ติฎฺฐตุ, สมีเป วาฯ หตฺถโต มุเตฺตน ปหาโร นิสฺสคฺคิโยฯ ตตฺถาติ นิสฺสคฺคิยปฺปโยเคฯ โย โกจิ มรตูติ เอตฺถ มหาชนสมูเห น สกฺกาฯ ยสฺสูปริ สโร ปตติ, ตเสฺสว ชีวิตมรณํ กาตุํ, น ยสฺส กสฺสจิ ชีวิตมรณํฯ อาณาปนนฺติ วจีวิญฺญตฺติสหิตาย เจตนาย อธิเปฺปตตฺถสาธนํฯ เตเนว ‘‘สาเวตุกาโม น สาเวตี’’ติ (ปารา. ๕๔) วุตฺตํฯ อาณตฺตินิยามกาติ อาณตฺติกปฺปโยคสาธิกาฯ เอเตสุ หิ อวิรชฺฌิเตสุ เอว อาณตฺติปโยโค โหติ, น อญฺญถาฯ
‘‘Imassa panatthassā’’ti vohāravasena vuttamatthaṃ paramatthavasena āvibhāvatthaṃ ‘‘pāṇo veditabbo’’tiādi vuttaṃ. Kāyaviññattisahitāya cetanāya payujjatīti payogo, ko so? Sarīre satthādīnaṃ gamanaṃ paharaṇanti kāyavacīviññattisahitāya cetanāya parasarīre satthapātanaṃ. Dūre ṭhitanti dūre vā tiṭṭhatu, samīpe vā. Hatthato muttena pahāro nissaggiyo. Tatthāti nissaggiyappayoge. Yo koci maratūti ettha mahājanasamūhe na sakkā. Yassūpari saro patati, tasseva jīvitamaraṇaṃ kātuṃ, na yassa kassaci jīvitamaraṇaṃ. Āṇāpananti vacīviññattisahitāya cetanāya adhippetatthasādhanaṃ. Teneva ‘‘sāvetukāmo na sāvetī’’ti (pārā. 54) vuttaṃ. Āṇattiniyāmakāti āṇattikappayogasādhikā. Etesu hi avirajjhitesu eva āṇattipayogo hoti, na aññathā.
รูปูปหาโรติ เอตฺถ –
Rūpūpahāroti ettha –
‘‘มมาลาเภน เอสิตฺถี, มรตู’’ติ สมีปโค;
‘‘Mamālābhena esitthī, maratū’’ti samīpago;
ทุฎฺฐจิโตฺต สเจ ยาติ, โหติ โส อิตฺถิมารโกฯ
Duṭṭhacitto sace yāti, hoti so itthimārako.
ภิกฺขตฺถาย สเจ ยาติ, ชานโนฺตปิ น มารโก;
Bhikkhatthāya sace yāti, jānantopi na mārako;
อนตฺถิโก หิ โส ตสฺสา, มรเณน อุเปกฺขโกฯ
Anatthiko hi so tassā, maraṇena upekkhako.
วิโยเคน จ เม ชายา, ชนนี จ น ชีวติ;
Viyogena ca me jāyā, jananī ca na jīvati;
อิติ ชานํ วิยุญฺชโนฺต, ตทตฺถิโก โหติ มารโกฯ
Iti jānaṃ viyuñjanto, tadatthiko hoti mārako.
ปพฺพชฺชาทินิมิตฺตเญฺจ, ยาติ ชานํ น มารโก;
Pabbajjādinimittañce, yāti jānaṃ na mārako;
อนตฺถิโก หิ โส ตสฺสา, มรเณน อุเปกฺขโกฯ
Anatthiko hi so tassā, maraṇena upekkhako.
หารกสทฺทสฺส เภทโต อตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา อุภยมฺปิ เอกเมวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สตฺถญฺจ ตํ หารกญฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอเตน ถาวรปฺปโยคํ ทเสฺสติ สาหตฺถิกาทีสุ ปโยเคสุฯ ‘‘อิติ จิตฺตมโน’’ติ อุทฺธริตฺวาปิ อิติสทฺทสฺส อโตฺถ น ตาว วุโตฺตฯ กิญฺจาปิ น วุโตฺต, อธิการวเสน ปน อาคตํ อิติสทฺทํ โยเชตฺวา อิติ จิตฺตสงฺกโปฺปติ เอตฺถ ‘‘มรณสญฺญี มรณเจตโน มรณาธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตตฺตา มรณํเยว วกฺขตีติ เวทิตโพฺพฯ วุตฺตนเยนาติ ฉปฺปโยควเสนฯ สาหตฺถิกนิสฺสคฺคิยปฺปโยเคสุ สนฺนิฎฺฐาปกเจตนาย สตฺตมาย สห อุปฺปนฺนกายวิญฺญตฺติยา สาหตฺถิกตา เวทิตพฺพาฯ อาณตฺติเก ปน สตฺตหิปิ เจตนาหิ สห วจีวิญฺญตฺติสมฺภวโต สตฺต สตฺต สทฺทา เอกโต หุตฺวา เอเกกกฺขรภาวํ คนฺตฺวา ยตฺตเกหิ อกฺขเรหิ อตฺตโน อธิปฺปายํ วิญฺญาเปนฺติ, ตทวสานกฺขรสมุฎฺฐาปิกาย สตฺตมเจตนาย สหชาตวจีวิญฺญตฺติยา อาณตฺติกตา เวทิตพฺพาฯ
Hārakasaddassa bhedato atthaṃ vitthāretvā ubhayampi ekamevāti dassetuṃ ‘‘satthañca taṃ hārakañcā’’tiādi vuttaṃ. Etena thāvarappayogaṃ dasseti sāhatthikādīsu payogesu. ‘‘Iti cittamano’’ti uddharitvāpi itisaddassa attho na tāva vutto. Kiñcāpi na vutto, adhikāravasena pana āgataṃ itisaddaṃ yojetvā iti cittasaṅkappoti ettha ‘‘maraṇasaññī maraṇacetano maraṇādhippāyo’’ti vuttattā maraṇaṃyeva vakkhatīti veditabbo. Vuttanayenāti chappayogavasena. Sāhatthikanissaggiyappayogesu sanniṭṭhāpakacetanāya sattamāya saha uppannakāyaviññattiyā sāhatthikatā veditabbā. Āṇattike pana sattahipi cetanāhi saha vacīviññattisambhavato satta satta saddā ekato hutvā ekekakkharabhāvaṃ gantvā yattakehi akkharehi attano adhippāyaṃ viññāpenti, tadavasānakkharasamuṭṭhāpikāya sattamacetanāya sahajātavacīviññattiyā āṇattikatā veditabbā.
ตติยปาราชิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatiyapārājikavaṇṇanā niṭṭhitā.