Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๓. ตติยปีฐวิมานวณฺณนา

    3. Tatiyapīṭhavimānavaṇṇanā

    ปีฐํ เต โสวณฺณมยนฺติ ตติยปีฐวิมานํฯ ตสฺส วตฺถุ ราชคเห สมุฎฺฐิตํฯ อญฺญตโร กิร ขีณาสวเตฺถโร ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตํ คเหตฺวา อุปกเฎฺฐ กาเล ภตฺตกิจฺจํ กาตุกาโม เอกํ วิวฎทฺวารเคหํ อุปสงฺกมิฯ ตสฺมิํ ปน เคเห เคหสามินี อิตฺถี สทฺธา ปสนฺนา เถรสฺส อาการํ สลฺลเกฺขตฺวา ‘‘เอถ, ภเนฺต, อิธ นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรถา’’ติ อตฺตโน ภทฺทปีฐํ ปญฺญาเปตฺวา อุปริ ปีตวตฺถํ อตฺถริตฺวา นิรเปกฺขปริจฺจาควเสน อทาสิ, ‘‘อิทํ เม ปุญฺญํ อายติํ โสวณฺณปีฐปฎิลาภาย โหตู’’ติ ปตฺถนญฺจ ปฎฺฐเปสิฯ อถ เถเร ตตฺถ นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา อุฎฺฐาย คจฺฉเนฺต ‘‘ภเนฺต, อิทมาสนํ ตุมฺหากํเยว ปริจฺจตฺตํ, มยฺหํ อนุคฺคหตฺถํ ปริภุญฺชถา’’ติ อาหฯ เถโร ตสฺสา อนุกมฺปาย ตํ ปีฐํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา สงฺฆสฺส ทาเปสิฯ สา อปเรน สมเยน อญฺญตเรน โรเคน ผุฎฺฐา กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน นิพฺพตฺตีติอาทิ สพฺพํ ปฐมวิมานวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เตน วุตฺตํ –

    Pīṭhaṃ te sovaṇṇamayanti tatiyapīṭhavimānaṃ. Tassa vatthu rājagahe samuṭṭhitaṃ. Aññataro kira khīṇāsavatthero rājagahe piṇḍāya caritvā bhattaṃ gahetvā upakaṭṭhe kāle bhattakiccaṃ kātukāmo ekaṃ vivaṭadvāragehaṃ upasaṅkami. Tasmiṃ pana gehe gehasāminī itthī saddhā pasannā therassa ākāraṃ sallakkhetvā ‘‘etha, bhante, idha nisīditvā bhattakiccaṃ karothā’’ti attano bhaddapīṭhaṃ paññāpetvā upari pītavatthaṃ attharitvā nirapekkhapariccāgavasena adāsi, ‘‘idaṃ me puññaṃ āyatiṃ sovaṇṇapīṭhapaṭilābhāya hotū’’ti patthanañca paṭṭhapesi. Atha there tattha nisīditvā bhattakiccaṃ katvā pattaṃ dhovitvā uṭṭhāya gacchante ‘‘bhante, idamāsanaṃ tumhākaṃyeva pariccattaṃ, mayhaṃ anuggahatthaṃ paribhuñjathā’’ti āha. Thero tassā anukampāya taṃ pīṭhaṃ sampaṭicchitvā saṅghassa dāpesi. Sā aparena samayena aññatarena rogena phuṭṭhā kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane nibbattītiādi sabbaṃ paṭhamavimānavaṇṇanāyaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Tena vuttaṃ –

    ๑๕.

    15.

    ‘‘ปีฐํ เต โสวณฺณมยํ อุฬารํ, มโนชวํ คจฺฉติ เยนกามํ;

    ‘‘Pīṭhaṃ te sovaṇṇamayaṃ uḷāraṃ, manojavaṃ gacchati yenakāmaṃ;

    อลงฺกเต มลฺยธเร สุวเตฺถ,โอภาสสิ วิชฺชุริวพฺภกูฎํฯ

    Alaṅkate malyadhare suvatthe,obhāsasi vijjurivabbhakūṭaṃ.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

    ‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;

    อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ

    Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;

    ‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;

    เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ

    Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.

    ๑๘.

    18.

    ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

    ‘‘Sā devatā attamanā, moggallānena pucchitā;

    ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ

    Pañhaṃ puṭṭhā viyākāsi, yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.

    ๑๙.

    19.

    ‘‘อปฺปสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ, เยนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา;

    ‘‘Appassa kammassa phalaṃ mamedaṃ, yenamhi evaṃ jalitānubhāvā;

    อหํ มนุเสฺสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเกฯ

    Ahaṃ manussesu manussabhūtā, purimāya jātiyā manussaloke.

    ๒๐.

    20.

    ‘‘อทฺทสํ วิรชํ ภิกฺขุํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

    ‘‘Addasaṃ virajaṃ bhikkhuṃ, vippasannamanāvilaṃ;

    ตสฺส อทาสหํ ปีฐํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิฯ

    Tassa adāsahaṃ pīṭhaṃ, pasannā sehi pāṇibhi.

    ๒๑.

    21.

    ‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

    ‘‘Tena metādiso vaṇṇo, tena me idha mijjhati;

    อุปฺปชฺชนฺตี จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ

    Uppajjantī ca me bhogā, ye keci manaso piyā.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุญฺญํ;

    ‘‘Akkhāmi te bhikkhu mahānubhāva, manussabhūtā yamakāsi puññaṃ;

    เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ

    Tenamhi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti.

    ๑๙. ยญฺจ ปน ปญฺจมคาถายํ ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเกติอาทิ, เอตฺถ ชาติ-สโทฺท อเตฺถว สงฺขตลกฺขเณ ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิตา’’ติอาทีสุ (ธาตุ. ๗๑)ฯ อตฺถิ นิกาเย ‘‘นิคณฺฐา นาม สมณชาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑)ฯ อตฺถิ ปฎิสนฺธิยํ ‘‘ยํ มาตุกุจฺฉิสฺมิํ ปฐมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ปฐมํ วิญฺญาณํ ปาตุภูตํ, ตทุปาทาย สาวสฺส ชาตี’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๒๔)ฯ อตฺถิ กุเล ‘‘อกฺขิโตฺต อนุปกุโฎฺฐ ชาติวาเทนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๐๓)ฯ อตฺถิ ปสุติยํ ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสโตฺต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗)ฯ อตฺถิ ภเว ‘‘เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๔๔; ม. นิ. ๑.๕๓)ฯ อิธาปิ ภเว เอว ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺมา ปุริมาย ชาติยา ปุริมสฺมิํ ภเว อนนฺตราตีเต ปุริเม อตฺตภาเวติ อโตฺถฯ ภุมฺมเตฺถ หิทํ กรณวจนํฯ มนุสฺสโลเกติ มนุสฺสโลกภเว, ราชคหํ สนฺธาย วทติฯ โอกาสโลโก หิ อิธ อธิเปฺปโต, สตฺตโลโก ปน ‘‘มนุเสฺสสู’’ติ อิมินา วุโตฺตเยวฯ

    19. Yañca pana pañcamagāthāyaṃ purimāya jātiyā manussaloketiādi, ettha jāti-saddo attheva saṅkhatalakkhaṇe ‘‘jāti dvīhi khandhehi saṅgahitā’’tiādīsu (dhātu. 71). Atthi nikāye ‘‘nigaṇṭhā nāma samaṇajātī’’tiādīsu (a. ni. 3.71). Atthi paṭisandhiyaṃ ‘‘yaṃ mātukucchismiṃ paṭhamaṃ cittaṃ uppannaṃ, paṭhamaṃ viññāṇaṃ pātubhūtaṃ, tadupādāya sāvassa jātī’’tiādīsu (mahāva. 124). Atthi kule ‘‘akkhitto anupakuṭṭho jātivādenā’’tiādīsu (dī. ni. 1.303). Atthi pasutiyaṃ ‘‘sampatijāto, ānanda, bodhisatto’’tiādīsu (dī. ni. 2.31; ma. ni. 3.207). Atthi bhave ‘‘ekampi jātiṃ dvepi jātiyo’’tiādīsu (dī. ni. 1.244; ma. ni. 1.53). Idhāpi bhave eva daṭṭhabbo. Tasmā purimāya jātiyā purimasmiṃ bhave anantarātīte purime attabhāveti attho. Bhummatthe hidaṃ karaṇavacanaṃ. Manussaloketi manussalokabhave, rājagahaṃ sandhāya vadati. Okāsaloko hi idha adhippeto, sattaloko pana ‘‘manussesū’’ti iminā vuttoyeva.

    ๒๐. อทฺทสนฺติ อทฺทกฺขิํฯ วิรชนฺติ วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํฯ ภิกฺขุนฺติ ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขุํ, สพฺพโส กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน วิปฺปสนฺนจิตฺตตาย วิปฺปสนฺนํ, อนาวิลสงฺกปฺปตาย อนาวิลํฯ ปุริมํ ปุริมเญฺจตฺถ ปทํ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส การณวจนํ, วิคตราคาทิรชตฺตา ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุํ, ภินฺนกิเลสตฺตา กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน วิปฺปสนฺนํ, วิปฺปสนฺนมนตฺตา อนาวิลนฺติฯ ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ วา ปทํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส การณวจนํ, วิรชํ ภิกฺขุคุณโยคโตฯ ภินฺนกิเลโส หิ ภิกฺขุฯ ภิกฺขุํ วิปฺปสนฺนภาวโตฯ กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน วิปฺปสนฺนมานโส หิ ภิกฺขุฯ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลสงฺกปฺปภาวโตติ ฯ ราครชาภาเวน วา ‘‘วิรช’’นฺติ วุตฺตํ, โทสกาลุสฺสิยาภาเวน ‘‘วิปฺปสนฺน’’นฺติ, โมหพฺยากุลาภาเวน ‘‘อนาวิล’’นฺติฯ เอวํภูโต ปรมตฺถโต ภิกฺขุ นาม โหตีติ ‘‘ภิกฺขุ’’นฺติ วุตฺตํฯ อทาสหนฺติ อทาสิํ อหํฯ ปีฐนฺติ ตทา มม สนฺติเก วิชฺชมานํ ภทฺทปีฐํฯ ปสนฺนาติ กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ ปสนฺนจิตฺตาฯ เสหิ ปาณิภีติ อญฺญํ อนาณาเปตฺวา อตฺตโน หเตฺถหิ อุปนีย ปีฐํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสินฺติ อโตฺถฯ

    20.Addasanti addakkhiṃ. Virajanti vigatarāgādirajattā virajaṃ. Bhikkhunti bhinnakilesattā bhikkhuṃ, sabbaso kilesakālussiyābhāvena vippasannacittatāya vippasannaṃ, anāvilasaṅkappatāya anāvilaṃ. Purimaṃ purimañcettha padaṃ pacchimassa pacchimassa kāraṇavacanaṃ, vigatarāgādirajattā bhinnakilesatāya bhikkhuṃ, bhinnakilesattā kilesakālussiyābhāvena vippasannaṃ, vippasannamanattā anāvilanti. Pacchimaṃ pacchimaṃ vā padaṃ purimassa purimassa kāraṇavacanaṃ, virajaṃ bhikkhuguṇayogato. Bhinnakileso hi bhikkhu. Bhikkhuṃ vippasannabhāvato. Kilesakālussiyābhāvena vippasannamānaso hi bhikkhu. Vippasannaṃ anāvilasaṅkappabhāvatoti . Rāgarajābhāvena vā ‘‘viraja’’nti vuttaṃ, dosakālussiyābhāvena ‘‘vippasanna’’nti, mohabyākulābhāvena ‘‘anāvila’’nti. Evaṃbhūto paramatthato bhikkhu nāma hotīti ‘‘bhikkhu’’nti vuttaṃ. Adāsahanti adāsiṃ ahaṃ. Pīṭhanti tadā mama santike vijjamānaṃ bhaddapīṭhaṃ. Pasannāti kammaphalasaddhāya ratanattayasaddhāya ca pasannacittā. Sehi pāṇibhīti aññaṃ anāṇāpetvā attano hatthehi upanīya pīṭhaṃ paññāpetvā adāsinti attho.

    เอตฺถ จ ‘‘วิรชํ ภิกฺขุํ วิปฺปสนฺนมนาวิล’’นฺติ อิมินา เขตฺตสมฺปตฺติํ ทเสฺสติ, ‘‘ปสนฺนา’’ติ อิมินา จิตฺตสมฺปตฺติํ, ‘‘เสหิ ปาณิภี’’ติ อิมินา ปโยคสมฺปตฺติํฯ ตถา ‘‘ปสนฺนา’’ติ อิมินา สกฺกจฺจทานํ อนุปหจฺจทานนฺติ จ อิเม เทฺว ทานคุณา ทสฺสิตา, ‘‘เสหิ ปาณิภี’’ติ อิมินา สหเตฺถน ทานํ อนุปวิทฺธทานนฺติ อิเม เทฺว ทานคุณา ทสฺสิตา, ปีตวตฺถสฺส อตฺถรเณน นิสีทนกาลญฺญุตาย จิตฺติํ กตฺวา ทานํ กาเลน ทานนฺติ อิเม เทฺว ทานคุณา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    Ettha ca ‘‘virajaṃ bhikkhuṃ vippasannamanāvila’’nti iminā khettasampattiṃ dasseti, ‘‘pasannā’’ti iminā cittasampattiṃ, ‘‘sehi pāṇibhī’’ti iminā payogasampattiṃ. Tathā ‘‘pasannā’’ti iminā sakkaccadānaṃ anupahaccadānanti ca ime dve dānaguṇā dassitā, ‘‘sehi pāṇibhī’’ti iminā sahatthena dānaṃ anupaviddhadānanti ime dve dānaguṇā dassitā, pītavatthassa attharaṇena nisīdanakālaññutāya cittiṃ katvā dānaṃ kālena dānanti ime dve dānaguṇā dassitāti veditabbā. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    ตติยปีฐวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tatiyapīṭhavimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๓. ตติยปีฐวิมานวตฺถุ • 3. Tatiyapīṭhavimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact