Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-ปุราณ-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-purāṇa-ṭīkā |
ตตฺริทํ ปกิณฺณกํ
Tatridaṃ pakiṇṇakaṃ
อฎฺฐมสิกฺขาปทํ ปเรน อตฺตโน อตฺถาย ทิยฺยมานสฺส วา ปาริวตฺตกภาเวน ทิยฺยมานสฺส วา ปํสุกูลสฺส วา รูปิยสฺส อุคฺคณฺหนอุคฺคณฺหาปนสาทิยนานิ ปฎิกฺขิปติฯ
Aṭṭhamasikkhāpadaṃ parena attano atthāya diyyamānassa vā pārivattakabhāvena diyyamānassa vā paṃsukūlassa vā rūpiyassa uggaṇhanauggaṇhāpanasādiyanāni paṭikkhipati.
นวมํ ปรสฺส วา อตฺตโน วา รูปิยปริวตฺตนํ ปฎิกฺขิปติฯ
Navamaṃ parassa vā attano vā rūpiyaparivattanaṃ paṭikkhipati.
ทสมํ อรูปิยปริวตฺตนํฯ ‘‘อรูปิเย อรูปิยสญฺญี ปญฺจนฺนํ สห อนาปตฺตี’’ติ (ปารา. ๕๙๑; วิ. วิ. ฎี. ๑.๕๙๑; วชิร. ฎี. ปาราชิก ๕๘๗) จ วจนํ อิตเรหิ สห อาปตฺตีติ ทีเปติฯ อรูปิยญฺจ ทุกฺกฎวตฺถุฯ ตสฺมา ตสฺส ปริวตฺตเน สติ นิสฺสคฺคิยนฺติ เอกเนฺตน วุตฺตํฯ ปญฺจนฺนํ สห ทุกฺกฎวตฺถูนํ ปริวตฺตเน อนาปตฺติปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ โปราณาติ เจ? น, กปฺปิยวตฺถูนํเยว ตตฺถ อาคตตฺตาฯ ยทิ กปฺปิยวตฺถุ นิสฺสคฺคิยํ, ปเคว ทุกฺกฎวตฺถูติ เจ? น, อาปตฺติครุกลหุกภาเวน วตฺถุครุกลหุกนิยมาภาวโตฯ
Dasamaṃ arūpiyaparivattanaṃ. ‘‘Arūpiye arūpiyasaññī pañcannaṃ saha anāpattī’’ti (pārā. 591; vi. vi. ṭī. 1.591; vajira. ṭī. pārājika 587) ca vacanaṃ itarehi saha āpattīti dīpeti. Arūpiyañca dukkaṭavatthu. Tasmā tassa parivattane sati nissaggiyanti ekantena vuttaṃ. Pañcannaṃ saha dukkaṭavatthūnaṃ parivattane anāpattippasaṅgato anāpatti evāti porāṇāti ce? Na, kappiyavatthūnaṃyeva tattha āgatattā. Yadi kappiyavatthu nissaggiyaṃ, pageva dukkaṭavatthūti ce? Na, āpattigarukalahukabhāvena vatthugarukalahukaniyamābhāvato.
นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต หิ มุตฺตามณิเวฬุริยาทิ มหคฺฆปฺปโหนกมฺปิ ทุกฺกฎวตฺถูติ กตฺวา นิสฺสคฺคิยวตฺถุโต มุตฺตาทิ ลหุกํ โหติฯ ลหุเกปิ วตฺถุสฺมิํ ยเถว ทุกฺกฎวตฺถุโน ปฎิคฺคหเณ ทุกฺกฎํ, ตเถว ตสฺส วา เตน วา เจตาปเนปิ ทุกฺกฎํ ยุตฺตนฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๘๙) อฎฺฐกถาจริยาฯ
Nissaggiyavatthuto hi muttāmaṇiveḷuriyādi mahagghappahonakampi dukkaṭavatthūti katvā nissaggiyavatthuto muttādi lahukaṃ hoti. Lahukepi vatthusmiṃ yatheva dukkaṭavatthuno paṭiggahaṇe dukkaṭaṃ, tatheva tassa vā tena vā cetāpanepi dukkaṭaṃ yuttanti (pārā. aṭṭha. 2.589) aṭṭhakathācariyā.
อถ วา ยํ วุตฺตํ ‘‘กปฺปิยวตฺถูนํเยว ตตฺถ อาคตตฺตา’’ติ, ตตฺถ กิญฺจาปิ ทุกฺกฎวตฺถูนิปิ อธิเปฺปตานิ, น ปน ปาฬิยํ วุตฺตานิ อนาปตฺติวารปฺปสงฺคภยาติ วุตฺตํ โหติฯ มุตฺตาทีสุปิ วุเตฺตสุ อนาปตฺติยํ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขติ, ‘‘อิทํ มุตฺตาทิ อมฺหากํ อตฺถิ, อมฺหากญฺจ อิมินา จ อิมินา จ เวฬุริยาทินา อโตฺถ’’ติ ภณติ, ทสเมน อาปชฺชตีติ อธิปฺปาโย สิยาฯ ยสฺมา จ อิทํ กปฺปิยการกสฺส อาจิกฺขนาทิสํโวหาโร จ, ตสฺมา ตํ นวเมน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ กิญฺจาปิ กยวิกฺกเยว โหติ กปฺปิยวตฺถูหิ อนุญฺญาตํ, อิมินาว นเยน กิญฺจาปิ ทุกฺกฎวตฺถุปิ ทสเม อธิเปฺปตํ อาปชฺชติ, อฎฺฐกถาวิโรธโต ปน นาธิเปฺปตมิเจฺจว คเหตโพฺพฯ
Atha vā yaṃ vuttaṃ ‘‘kappiyavatthūnaṃyeva tattha āgatattā’’ti, tattha kiñcāpi dukkaṭavatthūnipi adhippetāni, na pana pāḷiyaṃ vuttāni anāpattivārappasaṅgabhayāti vuttaṃ hoti. Muttādīsupi vuttesu anāpattiyaṃ kappiyakārakassa ācikkhati, ‘‘idaṃ muttādi amhākaṃ atthi, amhākañca iminā ca iminā ca veḷuriyādinā attho’’ti bhaṇati, dasamena āpajjatīti adhippāyo siyā. Yasmā ca idaṃ kappiyakārakassa ācikkhanādisaṃvohāro ca, tasmā taṃ navamena vuttanti veditabbaṃ. Kiñcāpi kayavikkayeva hoti kappiyavatthūhi anuññātaṃ, imināva nayena kiñcāpi dukkaṭavatthupi dasame adhippetaṃ āpajjati, aṭṭhakathāvirodhato pana nādhippetamicceva gahetabbo.
กา ปเนตฺถ การณจฺฉายาติ, ปญฺจนฺนํ สห ตตฺถ อนาปตฺติปฺปสงฺคโต อนาปตฺติ เอวาติ เจ? น, ตตฺถ อนาคตตฺตาฯ อนาคตการณา วุตฺตนฺติ เจ? น, ปญฺจนฺนํ สห อาปตฺติวตฺถุกสฺส อนาปตฺติวารลาเภ วิเสสการณาภาวา, อกปฺปิยตฺตา ปญฺจนฺนํ สหาปิ อาปตฺติยา ภวิตพฺพนฺติ สิโทฺธ อฎฺฐกถาวาโทฯ
Kā panettha kāraṇacchāyāti, pañcannaṃ saha tattha anāpattippasaṅgato anāpatti evāti ce? Na, tattha anāgatattā. Anāgatakāraṇā vuttanti ce? Na, pañcannaṃ saha āpattivatthukassa anāpattivāralābhe visesakāraṇābhāvā, akappiyattā pañcannaṃ sahāpi āpattiyā bhavitabbanti siddho aṭṭhakathāvādo.
อปโร นโย – ยทิ ทุกฺกฎวตฺถุนา กยวิกฺกเย นิสฺสคฺคิยํ, กปฺปิยวตฺถุมฺหิ วุตฺตปริยาโย ตตฺถ ลเพฺภยฺย, น ปน ลพฺภตีติ นวเม เอว ตานิ วตฺตพฺพานิฯ ตสฺมา สํโวหาโร นาม กยวิกฺกโยปิ อญฺญถา ปริวตฺตนํ ปริยาทิยิตฺวา ปวโตฺต, กยวิกฺกยญฺจ โมเจตฺวา ‘‘อิมินา อิมํ เทหี’ติ เจตาเปติ, วฎฺฎตี’’ติ อวตฺวา ทสมสฺส อนาปตฺติวาเร วุตฺตนเยเนว เตสํ ปริวตฺตเน นิสฺสคฺคิยานุมติวิโรธโต อฎฺฐกถายํ วุตฺตนเยเนว ทุกฺกฎวตฺถุนา เจตาปเน ทุกฺกฎเมวฯ เนสํ กยวิกฺกเยน นิสฺสคฺคิยนฺติ เจ? น, สพฺพสฺสปิ กยวิกฺกยตฺตาฯ เตเนว วุตฺตํ ‘‘อนฺธกฎฺฐกถายํ ปน ‘สเจ กยวิกฺกยํ สมาปเชฺชยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติย’นฺติ ภาสิตํ, ตํ ทุพฺภาสิตํฯ กสฺมา? น หิ ทานคฺคหณโต อโญฺญ กยวิกฺกโย นาม อตฺถี’’ติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๘๙), อตฺตโน มติยา กยวิกฺกยลกฺขณสมฺมเต ทสมสฺส อนาปตฺติวาเร วุตฺตนเยเนว เตสํ ปริวตฺตเน นิสฺสคฺคิยานุมติวิโรธโต จฯ ภวตุ วา อตฺตโน ปฎิสิทฺธมิทํ การณํ, ทสเม อวสฺสเมว ชานิตพฺพานีติ ตานิ กยวิกฺกยาเนวาติ เตสํ นิสฺสคฺคิยภาวญฺจ คตานีติ เอวมฺปิ สิโทฺธ อฎฺฐกถาวาโทฯ
Aparo nayo – yadi dukkaṭavatthunā kayavikkaye nissaggiyaṃ, kappiyavatthumhi vuttapariyāyo tattha labbheyya, na pana labbhatīti navame eva tāni vattabbāni. Tasmā saṃvohāro nāma kayavikkayopi aññathā parivattanaṃ pariyādiyitvā pavatto, kayavikkayañca mocetvā ‘‘iminā imaṃ dehī’ti cetāpeti, vaṭṭatī’’ti avatvā dasamassa anāpattivāre vuttanayeneva tesaṃ parivattane nissaggiyānumativirodhato aṭṭhakathāyaṃ vuttanayeneva dukkaṭavatthunā cetāpane dukkaṭameva. Nesaṃ kayavikkayena nissaggiyanti ce? Na, sabbassapi kayavikkayattā. Teneva vuttaṃ ‘‘andhakaṭṭhakathāyaṃ pana ‘sace kayavikkayaṃ samāpajjeyya, nissaggiyaṃ pācittiya’nti bhāsitaṃ, taṃ dubbhāsitaṃ. Kasmā? Na hi dānaggahaṇato añño kayavikkayo nāma atthī’’ti (pārā. aṭṭha. 2.589), attano matiyā kayavikkayalakkhaṇasammate dasamassa anāpattivāre vuttanayeneva tesaṃ parivattane nissaggiyānumativirodhato ca. Bhavatu vā attano paṭisiddhamidaṃ kāraṇaṃ, dasame avassameva jānitabbānīti tāni kayavikkayānevāti tesaṃ nissaggiyabhāvañca gatānīti evampi siddho aṭṭhakathāvādo.
เอตฺถาหุ โปราณา – ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ รูปิยํ ปรหตฺถคตํ กโรติ อชฺฌาจรติ, ทุกฺกฎํฯ ปรสฺส รูปิยํ อตฺตโน หตฺถคตํ กโรติ, อฎฺฐเมน นิสฺสคฺคิยํฯ อุคฺคหิตวตฺถุปริวตฺตเน กถํ ชาตํ? อโพฺพหาริกํ ชาตํฯ อถ ปรสฺส รูปิยํ อตฺตโน หตฺถคตํ ปฐมํ กโรติ, รูปิยปฺปฎิคฺคหณสฺส กตตฺตา อฎฺฐเมน นิสฺสคฺคิยํฯ อตฺตโน สนฺตกํ รูปิยํ ปรสฺส หตฺถคตํ ปจฺฉา กโรติ, สํโวหาเรน นิสฺสคฺคิย’’นฺติฯ ‘‘รูปิยสฺส คหณมเตฺตน อฎฺฐเมน อาปตฺติ, ปจฺฉา ปริวตฺตเน นวเมนา’’ติ หิ ตตฺถ วุตฺตํ, ตํ ปน ยุตฺตํฯ ‘‘อชฺฌาจรติ, ทุกฺกฎ’’นฺติ ทุวุตฺตํฯ ทุกฺกฎสฺส อนิยมปฺปสงฺคโต นิสฺสชฺชนวิธาเนสุ ทสฺสิโตวฯ กิํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ทฺวีหิ นิสฺสคฺคิเยหิ ภวิตพฺพํ, นิสฺสชฺชนวิธาเน ‘‘อหํ, ภเนฺต, รูปิยํ ปฎิคฺคเหสิํ, นานาปฺปการกญฺจ รูปิยสํโวหารํ สมาปชฺชิ’’นฺติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺย ‘‘รูปิยํ เจตาเปตี’’ติ สพฺพตฺถ ปาฬิยํ รูปิยปฺปฎิคฺคหณสฺส วุตฺตตฺตาฯ
Etthāhu porāṇā – ‘‘attano santakaṃ rūpiyaṃ parahatthagataṃ karoti ajjhācarati, dukkaṭaṃ. Parassa rūpiyaṃ attano hatthagataṃ karoti, aṭṭhamena nissaggiyaṃ. Uggahitavatthuparivattane kathaṃ jātaṃ? Abbohārikaṃ jātaṃ. Atha parassa rūpiyaṃ attano hatthagataṃ paṭhamaṃ karoti, rūpiyappaṭiggahaṇassa katattā aṭṭhamena nissaggiyaṃ. Attano santakaṃ rūpiyaṃ parassa hatthagataṃ pacchā karoti, saṃvohārena nissaggiya’’nti. ‘‘Rūpiyassa gahaṇamattena aṭṭhamena āpatti, pacchā parivattane navamenā’’ti hi tattha vuttaṃ, taṃ pana yuttaṃ. ‘‘Ajjhācarati, dukkaṭa’’nti duvuttaṃ. Dukkaṭassa aniyamappasaṅgato nissajjanavidhānesu dassitova. Kiṃ vuttaṃ hoti – yadi dvīhi nissaggiyehi bhavitabbaṃ, nissajjanavidhāne ‘‘ahaṃ, bhante, rūpiyaṃ paṭiggahesiṃ, nānāppakārakañca rūpiyasaṃvohāraṃ samāpajji’’nti vattabbaṃ bhaveyya ‘‘rūpiyaṃ cetāpetī’’ti sabbattha pāḷiyaṃ rūpiyappaṭiggahaṇassa vuttattā.
เอตฺตาวตา ยํ โปราณคณฺฐิปเท วุตฺตํ ‘‘ทุกฺกฎวตฺถุนา กยวิกฺกยํ ปริหรเนฺตน จตูสุ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุ เอเกกสฺมิํ คหิเต อฎฺฐเมน นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ ทุกฺกฎวตฺถุนา ทุกฺกฎวตฺถุนฺติ ‘‘อิมินา อิทํ เทหี’’ติ คหิเต เตเนว นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ ‘‘กยวิกฺกยมฺปิ นีหริตฺวา คหิเต ทุกฺกฎํ, เจตาปิตรูปิยคฺคหเณ อฎฺฐเมน, ปริวตฺตเน นวเมนาติอาทินา อตฺตนา อนุคฺคเหตฺวา กปฺปิยวเสน นีหริตฺวา ปญฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สทฺธิํ ปริวเตฺตตุํ วฎฺฎตี’’ติ, ตํ วิโสธิตํ โหติฯ อปรมฺปิ ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘นิสฺสชฺชิตเพฺพ อสติ กถํ ปาจิตฺติยํ, ทุนฺนิสฺสฎฺฐรูปิยมฺปิ ‘น ฉเฑฺฑตี’ติ วทนฺตสฺส วิสฺสโฎฺฐ อุปาสโก ตํ คเหตฺวา อญฺญํ เจ ภิกฺขุโน เทติ, กปฺปตี’’ติ, ตญฺจ ทุวุตฺตํฯ น หิ คหิตตฺตา ตโต อญฺญํ วตฺถุ โหติฯ ปุน อปรญฺจ ตตฺถ วุตฺตํ ‘‘อิมํ ‘คณฺหาหี’ติ วทนฺตสฺส สทฺธาเทยฺยวินิปาตทุกฺกฎํ, ‘เอตํ เทหี’ติ วทนฺตสฺส วิญฺญตฺติทุกฺกฎ’’นฺติ, ตญฺจ ทุวุตฺตํฯ ตตฺถ หิ ปโยคทุกฺกฎํ ยุตฺตํ วิย ปญฺญายติฯ
Ettāvatā yaṃ porāṇagaṇṭhipade vuttaṃ ‘‘dukkaṭavatthunā kayavikkayaṃ pariharantena catūsu nissaggiyavatthūsu ekekasmiṃ gahite aṭṭhamena nissaggiyaṃ hoti. Dukkaṭavatthunā dukkaṭavatthunti ‘‘iminā idaṃ dehī’’ti gahite teneva nissaggiyaṃ hoti. ‘‘Kayavikkayampi nīharitvā gahite dukkaṭaṃ, cetāpitarūpiyaggahaṇe aṭṭhamena, parivattane navamenātiādinā attanā anuggahetvā kappiyavasena nīharitvā pañcahi sahadhammikehi saddhiṃ parivattetuṃ vaṭṭatī’’ti, taṃ visodhitaṃ hoti. Aparampi tattha vuttaṃ ‘‘nissajjitabbe asati kathaṃ pācittiyaṃ, dunnissaṭṭharūpiyampi ‘na chaḍḍetī’ti vadantassa vissaṭṭho upāsako taṃ gahetvā aññaṃ ce bhikkhuno deti, kappatī’’ti, tañca duvuttaṃ. Na hi gahitattā tato aññaṃ vatthu hoti. Puna aparañca tattha vuttaṃ ‘‘imaṃ ‘gaṇhāhī’ti vadantassa saddhādeyyavinipātadukkaṭaṃ, ‘etaṃ dehī’ti vadantassa viññattidukkaṭa’’nti, tañca duvuttaṃ. Tattha hi payogadukkaṭaṃ yuttaṃ viya paññāyati.
ปกิณฺณกํ นิฎฺฐิตํฯ
Pakiṇṇakaṃ niṭṭhitaṃ.
เอฬกโลมวโคฺค ทุติโยฯ
Eḷakalomavaggo dutiyo.