Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Tatuttarisikkhāpadavaṇṇanā
ตํ-สโทฺท เจตฺถ ปกตตฺถวจโนฯ เจติ นิปาตมตฺตํฯ เจติ วา ยทีติ อโตฺถ, ตสฺส ‘‘ปวาเรยฺยา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพฯ ปวาเรยฺย เจติ ยทิ ปวาเรยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘อภีติ อุปสโคฺค’’ติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๕๒๓-๕๒๔) อิมินา ตสฺส อตฺถวิเสสาภาวํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘หริตุนฺติ อโตฺถ’’ติฯ ปวารสทฺทสฺส อิจฺฉายํ วตฺตมานตฺตา ‘‘อิจฺฉาเปยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ อิจฺฉํ อุปฺปาเทยฺยาติ ปจฺจเย อิจฺฉํ อุปฺปาเทยฺยฯ อุปนิมนฺตนาเยตํ อธิวจนํฯ เตนาห ‘‘ยาวตฺตก’’นฺติอาทิฯ เนกฺขมฺมนฺติ ปพฺพชฺชํฯ ทฎฺฐูติ ทฎฺฐุํฯ ฉนฺทานุรกฺขณตฺถเญฺหตฺถ อนุนาสิกโลโปฯ เขมโตติ นิพฺภยโตฯ กาเยน วา วาจาย วา อภิหริตฺวา นิมเนฺตยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ ยถา จ กาเยน อภิหเรยฺย, วาจาย จ, ตํ วิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘อุปเนตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ สอนฺตรนฺติ อนฺตรวาสกสหิตํฯ อุตฺตรนฺติ อุตฺตราสงฺคํฯ ปรมนฺติ อวสานํฯ อสฺส จีวรสฺสาติ อสฺส สมุทายภูตสฺส หริตพฺพสฺส จีวรสฺสฯ ตคฺคุณสํวิญฺญาโณ หิ อยํ พาหิรตฺถสมาโส ยถา ‘‘ลมฺพกโณฺณ’’ติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตนาห ‘‘นิวาสเนนา’’ติอาทิฯ อุกฺกฎฺฐปริเจฺฉเทน หิ สเพฺพ ตํปรมํเยว คเหตุํ ลภนฺติฯ
Taṃ-saddo cettha pakatatthavacano. Ceti nipātamattaṃ. Ceti vā yadīti attho, tassa ‘‘pavāreyyā’’ti iminā sambandho veditabbo. Pavāreyya ceti yadi pavāreyyāti attho. ‘‘Abhīti upasaggo’’ti (sārattha. ṭī. 2.523-524) iminā tassa atthavisesābhāvaṃ dasseti. Tenāha ‘‘haritunti attho’’ti. Pavārasaddassa icchāyaṃ vattamānattā ‘‘icchāpeyyā’’ti vuttaṃ. Icchaṃ uppādeyyāti paccaye icchaṃ uppādeyya. Upanimantanāyetaṃ adhivacanaṃ. Tenāha ‘‘yāvattaka’’ntiādi. Nekkhammanti pabbajjaṃ. Daṭṭhūti daṭṭhuṃ. Chandānurakkhaṇatthañhettha anunāsikalopo. Khematoti nibbhayato. Kāyena vā vācāya vā abhiharitvā nimanteyyāti sambandho. Yathā ca kāyena abhihareyya, vācāya ca, taṃ vidhiṃ dassetuṃ ‘‘upanetvā’’tiādi vuttaṃ saantaranti antaravāsakasahitaṃ. Uttaranti uttarāsaṅgaṃ. Paramanti avasānaṃ. Assa cīvarassāti assa samudāyabhūtassa haritabbassa cīvarassa. Tagguṇasaṃviññāṇo hi ayaṃ bāhiratthasamāso yathā ‘‘lambakaṇṇo’’ti daṭṭhabbaṃ. Tenāha ‘‘nivāsanenā’’tiādi. Ukkaṭṭhaparicchedena hi sabbe taṃparamaṃyeva gahetuṃ labhanti.
ยสฺมา อจฺฉินฺนสพฺพจีวเรน ติจีวรมตฺตเกเนว ภิกฺขุนา เอวํ ปฎิปชฺชิตพฺพํ, อเญฺญน ปน อญฺญถาปิ, ตสฺมา ตํ วิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺรายํ วินิจฺฉโย’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อธิฎฺฐิตจีวรสฺสาติ ติจีวราธิฎฺฐานนเยน วา ปริกฺขารโจฬวเสน วา เยน เกนจิ อธิฎฺฐิตจีวรสฺส, อิทญฺจ เยภุเยฺยน อธิฎฺฐหิตฺวา จีวรํ ปริภุญฺชโต วุตฺตํ, น ปน อนธิฎฺฐิตจีวรสฺส จีวเร อจฺฉิเนฺน อยํ วิธิ น สมฺภวตีติฯ ยสฺส วา ติจีวรโต อธิกมฺปิ จีวรํ อญฺญตฺถ อตฺถิ, ตตฺถ นตฺถิ, เตนาปิ ตทา ตตฺถ อภาวโต เทฺว สาทิตุํ วฎฺฎติฯ ปกติยาว สนฺตรุตฺตเรน จรตีติ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๕๒๓-๕๒๔) อตฺถตกถินตฺตา วา สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา อวิปฺปวาสสมฺมุติวเสน วา ตติยสฺส อลาเภน วา จรติฯ ‘‘เทฺว นฎฺฐานี’’ติ อธิการตฺตา วุตฺตํ ‘‘เทฺว สาทิตพฺพานี’’ติฯ เอกํ สาทิยเนฺตเนว สโม ภวิสฺสตีติ ติณฺณํ จีวรานํ ทฺวีสุ นเฎฺฐน เอกํ สาทิยเนฺตน สโม ภวิสฺสติ อุภินฺนมฺปิ สนฺตรุตฺตรปรมตาย อวฎฺฐานโตฯ ยสฺส เอกํเยว โหติ อเญฺญน เกนจิ การเณน วินฎฺฐเสสจีวรตฺตาฯ
Yasmā acchinnasabbacīvarena ticīvaramattakeneva bhikkhunā evaṃ paṭipajjitabbaṃ, aññena pana aññathāpi, tasmā taṃ vibhāgaṃ dassetuṃ ‘‘tatrāyaṃ vinicchayo’’tiādi vuttaṃ. Adhiṭṭhitacīvarassāti ticīvarādhiṭṭhānanayena vā parikkhāracoḷavasena vā yena kenaci adhiṭṭhitacīvarassa, idañca yebhuyyena adhiṭṭhahitvā cīvaraṃ paribhuñjato vuttaṃ, na pana anadhiṭṭhitacīvarassa cīvare acchinne ayaṃ vidhi na sambhavatīti. Yassa vā ticīvarato adhikampi cīvaraṃ aññattha atthi, tattha natthi, tenāpi tadā tattha abhāvato dve sādituṃ vaṭṭati. Pakatiyāva santaruttarena caratīti (sārattha. ṭī. 2.523-524) atthatakathinattā vā sāsaṅkasikkhāpadavasena vā avippavāsasammutivasena vā tatiyassa alābhena vā carati. ‘‘Dve naṭṭhānī’’ti adhikārattā vuttaṃ ‘‘dve sāditabbānī’’ti. Ekaṃ sādiyanteneva samo bhavissatīti tiṇṇaṃ cīvarānaṃ dvīsu naṭṭhena ekaṃ sādiyantena samo bhavissati ubhinnampi santaruttaraparamatāya avaṭṭhānato. Yassa ekaṃyeva hoti aññena kenaci kāraṇena vinaṭṭhasesacīvarattā.
ปญฺจสุ นเฎฺฐสูติ ติจีวรํ อุทกสาฎิกา สํกจฺจิกาติ อิเมสุ ปญฺจสุ จีวเรสุ นเฎฺฐสุฯ ‘‘เอกสฺมิํ วา นเฎฺฐ’’ติ วจนวิปริณามํ กตฺวา โยเชตพฺพํฯ ตโต อุตฺตรีติ สนฺตรุตฺตรปรมโต อุตฺตริฯ
Pañcasu naṭṭhesūti ticīvaraṃ udakasāṭikā saṃkaccikāti imesu pañcasu cīvaresu naṭṭhesu. ‘‘Ekasmiṃ vā naṭṭhe’’ti vacanavipariṇāmaṃ katvā yojetabbaṃ. Tato uttarīti santaruttaraparamato uttari.
เสสกํ อาหริสฺสามีติ เทฺว จีวรานิ กตฺวา ‘‘เสสกํ ปุน อาหริสฺสามี’’ติ อโตฺถฯ เสสกํ ตุยฺหํเยว โหตูติ วุตฺตสฺสาติ ทานสมเย เอวํ วุตฺตสฺสฯ สเจ ปน ‘‘เสสกํ อาหริสฺสามี’’ติ วตฺวา คเหตฺวา คมนสมเยปิ ‘‘เสสกํ ตุยฺหํเยว โหตู’’ติ วทนฺติ, ลทฺธกปฺปิยเมวฯ น อจฺฉินฺนนฎฺฐการณา ทินฺนนฺติ พาหุสจฺจาทิคุณวเสน ทินฺนํฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘ญาตกปฺปวาริเต วา วิญฺญาเปนฺตสฺส, สมเย จ อญฺญสฺส วา ญาตกปฺปวาริเต ตเสฺสวตฺถาย วิญฺญาเปนฺตสฺส’’ติ วุตฺตนเยนฯ
Sesakaṃ āharissāmīti dve cīvarāni katvā ‘‘sesakaṃ puna āharissāmī’’ti attho. Sesakaṃ tuyhaṃyeva hotūti vuttassāti dānasamaye evaṃ vuttassa. Sace pana ‘‘sesakaṃ āharissāmī’’ti vatvā gahetvā gamanasamayepi ‘‘sesakaṃ tuyhaṃyeva hotū’’ti vadanti, laddhakappiyameva. Na acchinnanaṭṭhakāraṇā dinnanti bāhusaccādiguṇavasena dinnaṃ. Vuttanayenāti ‘‘ñātakappavārite vā viññāpentassa, samaye ca aññassa vā ñātakappavārite tassevatthāya viññāpentassa’’ti vuttanayena.
ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatuttarisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.