Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา
7. Tatuttarisikkhāpadavaṇṇanā
๕๒๒-๔. ปคฺคาหิกสาลํ วาติ ทุสฺสปสารํ วาฯ หเตฺถน ปคฺคเหตฺวา ฐตฺวา สาลายํ ปสาเรตพฺพทุสฺสํ ปสาเรนฺตีติ โจทนาฯ ติจีวริเกเนวาติ วินยติจีวริเกนฯ โส หิ อธิฎฺฐหิตฺวา ฐปิตปริกฺขารโจฬาทีสุ สเนฺตสุปิ ติจีวเร อจฺฉิเนฺน สนฺตรุตฺตรปรมํ วิญฺญาเปตฺวา คเหตุํ ลภติฯ อญฺญถาปีติ ‘‘ปมาณิกํ ติจีวรํ ปริกฺขารโจฬวเสน อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชโต ตสฺมิํ นเฎฺฐ พหูนิปิ คเหตุํ ลภติ, น สนฺตรุตฺตรปรม’’นฺติ จ, ตสฺมา ตํ วิภาคนฺติ ‘‘ติจีวริกสฺส ตํ วิภาคนฺติ อโตฺถ, น ปริกฺขารโจฬิกสฺสา’’ติ จ เกจิ วทนฺติฯ อาจริโย ปน ‘‘อเญฺญนาติ อติจีวริเกน, อญฺญถาติ อิโต วุตฺตคฺคหณปริเจฺฉทโต อเญฺญนา’’ติ เอตฺตกเมว วทติฯ อญฺญถาติ ปน สเจ ตีณิปิ นฎฺฐานิ, สนฺตรุตฺตรปรมํ คณฺหิตพฺพํ, สเจ เทฺว วา เอกํ วา นฎฺฐํ, เตน ‘‘อญฺญถาปี’’ติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เอเกฯ คณฺฐิปเทสุ วิจารณา เอว นตฺถิ, ตสฺมา อุปปริกฺขิตฺวา คเหตพฺพํฯ ปกติยา สนฺตรุตฺตเรน จรติ, สาสงฺกสิกฺขาปทวเสน วา ตํสมฺมุติวเสน วา ตติยสฺส อลาเภน วาฯ
522-4.Paggāhikasālaṃvāti dussapasāraṃ vā. Hatthena paggahetvā ṭhatvā sālāyaṃ pasāretabbadussaṃ pasārentīti codanā. Ticīvarikenevāti vinayaticīvarikena. So hi adhiṭṭhahitvā ṭhapitaparikkhāracoḷādīsu santesupi ticīvare acchinne santaruttaraparamaṃ viññāpetvā gahetuṃ labhati. Aññathāpīti ‘‘pamāṇikaṃ ticīvaraṃ parikkhāracoḷavasena adhiṭṭhahitvā paribhuñjato tasmiṃ naṭṭhe bahūnipi gahetuṃ labhati, na santaruttaraparama’’nti ca, tasmā taṃ vibhāganti ‘‘ticīvarikassa taṃ vibhāganti attho, na parikkhāracoḷikassā’’ti ca keci vadanti. Ācariyo pana ‘‘aññenāti aticīvarikena, aññathāti ito vuttaggahaṇaparicchedato aññenā’’ti ettakameva vadati. Aññathāti pana sace tīṇipi naṭṭhāni, santaruttaraparamaṃ gaṇhitabbaṃ, sace dve vā ekaṃ vā naṭṭhaṃ, tena ‘‘aññathāpī’’ti dassanatthaṃ vuttanti eke. Gaṇṭhipadesu vicāraṇā eva natthi, tasmā upaparikkhitvā gahetabbaṃ. Pakatiyā santaruttarena carati, sāsaṅkasikkhāpadavasena vā taṃsammutivasena vā tatiyassa alābhena vā.
๕๒๖. ‘‘ปมาณเมว วฎฺฎตี’’ติ สเลฺลขทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตํ มิจฺฉา คเหตฺวา ญาตกาทิฎฺฐาเน ตทุตฺตริ คณฺหนฺตสฺส อาปตฺตีติ เจ? ตํ ปาฬิยา น สเมติ, ‘‘อนาปตฺติ ญาตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ หิ ปาฬิฯ เอตฺถ จ ปวาริตา นาม อจฺฉินฺนกาลโต ปุเพฺพ เอว ปวาริตา, น อจฺฉินฺนกาเลฯ ‘‘อภิหฎฺฐุํ ปวาเรยฺยา’’ติ หิ วุตฺตํ, ตสฺมา โย อจฺฉินฺนกาลสฺสตฺถาย ปวาเรติ, อุโภปิ อปฺปวาริตา เอวาติ เวทิตพฺพาฯ เต หิ อจฺฉินฺนการณา นฎฺฐการณาว เทนฺติ นามฯ อปิจ ยถา ปิฎฺฐิสมเย สตุปฺปาทํ กตฺวา ญาตกปวาริตฎฺฐานโต วสฺสิกสาฎิกํ นิปฺผาเทนฺตสฺส เตน สิกฺขาปเทน นิสฺสคฺคิยํ, ตถา อิธาปิ ญาตกปวาริตฎฺฐาเนปิ อจฺฉินฺนนฎฺฐการณา น วฎฺฎติ, ตสฺมา ‘‘อฎฺฐกถาสุ ปมาณเมว วฎฺฎตี’ติ วุตฺตวจนเมว ปมาณ’’นฺติ ธมฺมสิริเตฺถโร อาห, ตํ อยุตฺตํ, กสฺมา? ยสฺมา อิทํ สิกฺขาปทํ ตทุตฺตริ วิญฺญาเปนฺตสฺส ปญฺญตฺตํ, ตสฺมิญฺจ ‘‘อญฺญาตโก คหปติ วา คหปตานี วา’’ติ มาติกาย ปาฬิ, วิภเงฺค จ ‘‘อญฺญาตโก นาม มาติโต วา…เป.… อสมฺพโทฺธ’’ติ ปาฬิ, อนาปตฺติวาเร จ ‘‘ญาตกานํ ปวาริตาน’’นฺติ ปาฬิ, ตสฺมา ติวิธายปิ ปาฬิยา น สเมตีติ อยุตฺตเมว, ตสฺมา เกวลํ สเลฺลขเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ อปเรฯ อุปริ กาณมาตาสิกฺขาปเท อฎฺฐกถาสุ ปน ‘‘เตสมฺปิ ปาเถยฺยปเหณกตฺถาย ปฎิยตฺตโต ปมาณเมว วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน ‘‘ปาฬิยา น สเมตี’’ติ วุตฺตํ, น ตตฺถ จ อิธ จ นานากรณํ ปญฺญายติ , ตสฺมา เถรสฺส ลทฺธิ สุนฺทรา วิย มม ขายติ, วีมํสิตพฺพํฯ ยสฺมา ปนิทํ สิกฺขาปทํ อญฺญสฺสตฺถาย วิญฺญาปนวตฺถุสฺมิํเยว ปญฺญตฺตํ, ตสฺมา อิธ ‘‘อญฺญสฺสตฺถายา’’ติ น วุตฺตํฯ ‘‘เสสํ อุตฺตานตฺถเมวา’’ติ ปาโฐฯ ‘‘อญฺญสฺสตฺถายา’’ติ นิทานวิโรธโต น วุตฺตํฯ ตถาปิ อนนฺตเร วุตฺตนเยน ลพฺภตีติ อาจริโยฯ เอวรูเปสุ คหปติปฎิสํยุตฺตสิกฺขาปเทสุ กิญฺจาปิ ‘‘คหปติ นาม โย โกจิ อคารํ อชฺฌาวสตี’’ติ วุตฺตํ, ตถาปิ ปญฺจ สหธมฺมิเก ฐเปตฺวา อวเสสา จ สิกฺขาปจฺจกฺขาตโก จ ติตฺถิโย จ เวทิตโพฺพฯ
526.‘‘Pamāṇamevavaṭṭatī’’ti sallekhadassanatthaṃ vuttaṃ. Taṃ micchā gahetvā ñātakādiṭṭhāne taduttari gaṇhantassa āpattīti ce? Taṃ pāḷiyā na sameti, ‘‘anāpatti ñātakānaṃ pavāritāna’’nti hi pāḷi. Ettha ca pavāritā nāma acchinnakālato pubbe eva pavāritā, na acchinnakāle. ‘‘Abhihaṭṭhuṃ pavāreyyā’’ti hi vuttaṃ, tasmā yo acchinnakālassatthāya pavāreti, ubhopi appavāritā evāti veditabbā. Te hi acchinnakāraṇā naṭṭhakāraṇāva denti nāma. Apica yathā piṭṭhisamaye satuppādaṃ katvā ñātakapavāritaṭṭhānato vassikasāṭikaṃ nipphādentassa tena sikkhāpadena nissaggiyaṃ, tathā idhāpi ñātakapavāritaṭṭhānepi acchinnanaṭṭhakāraṇā na vaṭṭati, tasmā ‘‘aṭṭhakathāsu pamāṇameva vaṭṭatī’ti vuttavacanameva pamāṇa’’nti dhammasiritthero āha, taṃ ayuttaṃ, kasmā? Yasmā idaṃ sikkhāpadaṃ taduttari viññāpentassa paññattaṃ, tasmiñca ‘‘aññātako gahapati vā gahapatānī vā’’ti mātikāya pāḷi, vibhaṅge ca ‘‘aññātako nāma mātito vā…pe… asambaddho’’ti pāḷi, anāpattivāre ca ‘‘ñātakānaṃ pavāritāna’’nti pāḷi, tasmā tividhāyapi pāḷiyā na sametīti ayuttameva, tasmā kevalaṃ sallekhameva sandhāya vuttanti apare. Upari kāṇamātāsikkhāpade aṭṭhakathāsu pana ‘‘tesampi pātheyyapaheṇakatthāya paṭiyattato pamāṇameva vaṭṭatī’’ti vuttaṃ, na pana ‘‘pāḷiyā na sametī’’ti vuttaṃ, na tattha ca idha ca nānākaraṇaṃ paññāyati , tasmā therassa laddhi sundarā viya mama khāyati, vīmaṃsitabbaṃ. Yasmā panidaṃ sikkhāpadaṃ aññassatthāya viññāpanavatthusmiṃyeva paññattaṃ, tasmā idha ‘‘aññassatthāyā’’ti na vuttaṃ. ‘‘Sesaṃ uttānatthamevā’’ti pāṭho. ‘‘Aññassatthāyā’’ti nidānavirodhato na vuttaṃ. Tathāpi anantare vuttanayena labbhatīti ācariyo. Evarūpesu gahapatipaṭisaṃyuttasikkhāpadesu kiñcāpi ‘‘gahapati nāma yo koci agāraṃ ajjhāvasatī’’ti vuttaṃ, tathāpi pañca sahadhammike ṭhapetvā avasesā ca sikkhāpaccakkhātako ca titthiyo ca veditabbo.
ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tatuttarisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทํ • 7. Tatuttarisikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Tatuttarisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Tatuttarisikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๗. ตตุตฺตริสิกฺขาปทวณฺณนา • 7. Tatuttarisikkhāpadavaṇṇanā