Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๘] ๘. ตโยธมฺมชาตกวณฺณนา
[58] 8. Tayodhammajātakavaṇṇanā
ยสฺส เอเต ตโย ธมฺมาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนเมวารพฺภ กเถสิฯ
Yassa ete tayo dhammāti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattassa vadhāya parisakkanamevārabbha kathesi.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต เทวทโตฺต วานรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ยูถํ ปริหรโนฺต อตฺตานํ ปฎิจฺจ ชาตานํ วานรโปตกานํ ‘‘วุฑฺฒิปฺปตฺตา อิเม ยูถํ ปริหเรยฺยุ’’นฺติ ภเยน ทเนฺตหิ ฑํสิตฺวา เตสํ พีชานิ อุปฺปาเฎติฯ ตทา โพธิสโตฺตปิ ตเญฺญว ปฎิจฺจ เอกิสฺสา วานริยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ อถ สา วานรี คพฺภสฺส ปติฎฺฐิตภาวํ ญตฺวา อตฺตโน คพฺภํ อนุรกฺขมานา อญฺญํ ปพฺพตปาทํ อคมาสิฯ สา ปริปกฺกคพฺภา โพธิสตฺตํ วิชายิฯ โส วุฑฺฒิมนฺวาย วิญฺญุตํ ปโตฺต ถามสมฺปโนฺน อโหสิฯ โส เอกทิวสํ มาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, มยฺหํ ปิตา กห’’นฺติ? ‘‘ตาต, อสุกสฺมิํ นาม ปพฺพตปาเท ยูถํ ปริหรโนฺต วสตี’’ติฯ ‘‘อมฺม, ตสฺส มํ สนฺติกํ เนหี’’ติฯ ‘‘ตาต, น สกฺกา ตยา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตุํฯ ปิตา หิ เต อตฺตานํ ปฎิจฺจ ชาตานํ วานรโปตกานํ ยูถปริหรณภเยน ทเนฺตหิ ฑํสิตฺวา พีชานิ อุปฺปาเฎตี’’ติฯ ‘‘อมฺม, เนหิ มํ ตตฺถ, อหํ ชานิสฺสามี’’ติฯ สา ปุตฺตํ อาทาย ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente devadatto vānarayoniyaṃ nibbattitvā himavantappadese yūthaṃ pariharanto attānaṃ paṭicca jātānaṃ vānarapotakānaṃ ‘‘vuḍḍhippattā ime yūthaṃ parihareyyu’’nti bhayena dantehi ḍaṃsitvā tesaṃ bījāni uppāṭeti. Tadā bodhisattopi taññeva paṭicca ekissā vānariyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gaṇhi. Atha sā vānarī gabbhassa patiṭṭhitabhāvaṃ ñatvā attano gabbhaṃ anurakkhamānā aññaṃ pabbatapādaṃ agamāsi. Sā paripakkagabbhā bodhisattaṃ vijāyi. So vuḍḍhimanvāya viññutaṃ patto thāmasampanno ahosi. So ekadivasaṃ mātaraṃ pucchi ‘‘amma, mayhaṃ pitā kaha’’nti? ‘‘Tāta, asukasmiṃ nāma pabbatapāde yūthaṃ pariharanto vasatī’’ti. ‘‘Amma, tassa maṃ santikaṃ nehī’’ti. ‘‘Tāta, na sakkā tayā pitu santikaṃ gantuṃ. Pitā hi te attānaṃ paṭicca jātānaṃ vānarapotakānaṃ yūthapariharaṇabhayena dantehi ḍaṃsitvā bījāni uppāṭetī’’ti. ‘‘Amma, nehi maṃ tattha, ahaṃ jānissāmī’’ti. Sā puttaṃ ādāya tassa santikaṃ agamāsi.
โส วานโร อตฺตโน ปุตฺตํ ทิสฺวาว ‘‘อยํ วฑฺฒโนฺต มยฺหํ ยูถํ ปริหริตุํ น ทสฺสติ, อิทาเนว มาเรตโพฺพ’’ติ ‘‘เอตํ อาลิงฺคโนฺต วิย คาฬฺหํ ปีเฬตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘เอหิ, ตาต, เอตฺตกํ กาลํ กหํ คโตสี’’ติ โพธิสตฺตํ อาลิงฺคโนฺต วิย นิปฺปีเฬสิฯ โพธิสโตฺต ปน นาคพโล ถามสมฺปโนฺน, โสปิ นํ นิปฺปีเฬสิ, อถสฺส อฎฺฐีนิ ภิชฺชนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํฯ อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อยํ วฑฺฒโนฺต มํ มาเรสฺสติ, เกน นุ โข อุปาเยน ปุเรตรเญฺญว มาเรยฺย’’นฺติฯ ตโต จิเนฺตสิ ‘‘อยํ อวิทูเร รกฺขสปริคฺคหิโต สโร อตฺถิ, ตตฺถ นํ รกฺขเสน ขาทาเปสฺสามี’’ติฯ อถ นํ เอวมาห ‘‘ตาต, อหํ มหลฺลโก, อิมํ ยูถํ ตุยฺหํ นิยฺยาเทมิ, อเชฺชว ตํ ราชานํ กโรมิ, อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน สโร อตฺถิ, ตตฺถ เทฺว กุมุทินิโย, ติโสฺส อุปฺปลินิโย, ปญฺจ ปทุมินิโย จ ปุปฺผนฺติ, คจฺฉ, ตโต ปุปฺผานิ อาหรา’’ติฯ โส ‘‘สาธุ, ตาต, อาหริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา สหสา อโนตริตฺวา สมนฺตา ปทํ ปริจฺฉินฺทโนฺต โอติณฺณปทเญฺญว อทฺทส, น อุตฺติณฺณปทํฯ โส ‘‘อิมินา สเรน รกฺขสปริคฺคหิเตน ภวิตพฺพํ, มยฺหํ ปิตา อตฺตนา มาเรตุํ อสโกฺกโนฺต รกฺขเสน มํ ขาทาเปตุกาโม ภวิสฺสติ , อหํ อิมญฺจ สรํ น โอตริสฺสามิ, ปุปฺผานิ จ คเหสฺสามี’’ติ นิรุทกฎฺฐานํ คนฺตฺวา เวคํ คเหตฺวา อุปฺปติตฺวา ปรโต คจฺฉโนฺต นิรุทเก โอกาเส ฐิตาเนว เทฺว ปุปฺผานิ คเหตฺวา ปรตีเร ปติฯ ปรตีรโตปิ โอริมตีรํ อาคจฺฉโนฺต เตเนวุปาเยน เทฺว คณฺหิฯ เอวํ อุโภสุ ปเสฺสสุ ราสิํ กโรโนฺต ปุปฺผานิ จ คณฺหิ, รกฺขสสฺส จ อาณฎฺฐานํ น โอตริฯ
So vānaro attano puttaṃ disvāva ‘‘ayaṃ vaḍḍhanto mayhaṃ yūthaṃ pariharituṃ na dassati, idāneva māretabbo’’ti ‘‘etaṃ āliṅganto viya gāḷhaṃ pīḷetvā jīvitakkhayaṃ pāpessāmī’’ti cintetvā ‘‘ehi, tāta, ettakaṃ kālaṃ kahaṃ gatosī’’ti bodhisattaṃ āliṅganto viya nippīḷesi. Bodhisatto pana nāgabalo thāmasampanno, sopi naṃ nippīḷesi, athassa aṭṭhīni bhijjanākārappattāni ahesuṃ. Athassa etadahosi ‘‘ayaṃ vaḍḍhanto maṃ māressati, kena nu kho upāyena puretaraññeva māreyya’’nti. Tato cintesi ‘‘ayaṃ avidūre rakkhasapariggahito saro atthi, tattha naṃ rakkhasena khādāpessāmī’’ti. Atha naṃ evamāha ‘‘tāta, ahaṃ mahallako, imaṃ yūthaṃ tuyhaṃ niyyādemi, ajjeva taṃ rājānaṃ karomi, asukasmiṃ nāma ṭhāne saro atthi, tattha dve kumudiniyo, tisso uppaliniyo, pañca paduminiyo ca pupphanti, gaccha, tato pupphāni āharā’’ti. So ‘‘sādhu, tāta, āharissāmī’’ti gantvā sahasā anotaritvā samantā padaṃ paricchindanto otiṇṇapadaññeva addasa, na uttiṇṇapadaṃ. So ‘‘iminā sarena rakkhasapariggahitena bhavitabbaṃ, mayhaṃ pitā attanā māretuṃ asakkonto rakkhasena maṃ khādāpetukāmo bhavissati , ahaṃ imañca saraṃ na otarissāmi, pupphāni ca gahessāmī’’ti nirudakaṭṭhānaṃ gantvā vegaṃ gahetvā uppatitvā parato gacchanto nirudake okāse ṭhitāneva dve pupphāni gahetvā paratīre pati. Paratīratopi orimatīraṃ āgacchanto tenevupāyena dve gaṇhi. Evaṃ ubhosu passesu rāsiṃ karonto pupphāni ca gaṇhi, rakkhasassa ca āṇaṭṭhānaṃ na otari.
อถสฺส ‘‘อิโต อุตฺตริ อุกฺขิปิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ ตานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา เอกสฺมิํ ฐาเน ราสิํ กโรนฺตสฺส โส รกฺขโส ‘‘มยา เอตฺตกํ กาลํ เอวรูโป ปญฺญวา อจฺฉริยปุริโส น ทิฎฺฐปุโพฺพ, ปุปฺผานิ จ นาม ยาวทิจฺฉกํ คหิตานิ, มยฺหญฺจ อาณฎฺฐานํ น โอตรี’’ติ อุทกํ ทฺวิธา ภินฺทโนฺต อุทกโต อุฎฺฐาย โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘วานรินฺท, อิมสฺมิํ โลเก ยสฺส ตโย ธมฺมา อตฺถิ, โส ปจฺจามิตฺตํ อภิภวติ, เต สเพฺพปิ ตว อพฺภนฺตเร อตฺถิ มเญฺญ’’ติ วตฺวา โพธิสตฺตสฺส ถุติํ กโรโนฺต อิมํ คาถมาห –
Athassa ‘‘ito uttari ukkhipituṃ na sakkhissāmī’’ti tāni pupphāni gahetvā ekasmiṃ ṭhāne rāsiṃ karontassa so rakkhaso ‘‘mayā ettakaṃ kālaṃ evarūpo paññavā acchariyapuriso na diṭṭhapubbo, pupphāni ca nāma yāvadicchakaṃ gahitāni, mayhañca āṇaṭṭhānaṃ na otarī’’ti udakaṃ dvidhā bhindanto udakato uṭṭhāya bodhisattaṃ upasaṅkamitvā ‘‘vānarinda, imasmiṃ loke yassa tayo dhammā atthi, so paccāmittaṃ abhibhavati, te sabbepi tava abbhantare atthi maññe’’ti vatvā bodhisattassa thutiṃ karonto imaṃ gāthamāha –
๕๘.
58.
‘‘ยสฺส เอเต ตโย ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว;
‘‘Yassa ete tayo dhammā, vānarinda yathā tava;
ทกฺขิยํ สูริยํ ปญฺญา, ทิฎฺฐํ โส อติวตฺตตี’’ติฯ
Dakkhiyaṃ sūriyaṃ paññā, diṭṭhaṃ so ativattatī’’ti.
ตตฺถ ทกฺขิยนฺติ ทกฺขภาโว, สมฺปตฺตภยํ วิธมิตุํ ชานนปญฺญาย สมฺปยุตฺตอุตฺตมวีริยเสฺสตํ นามํฯ สูริยนฺติ สูรภาโว, นิพฺภยภาวเสฺสตํ นามํฯ ปญฺญาติ ปญฺญาปทฎฺฐานาย อุปายปญฺญาเยตํ นามํฯ
Tattha dakkhiyanti dakkhabhāvo, sampattabhayaṃ vidhamituṃ jānanapaññāya sampayuttauttamavīriyassetaṃ nāmaṃ. Sūriyanti sūrabhāvo, nibbhayabhāvassetaṃ nāmaṃ. Paññāti paññāpadaṭṭhānāya upāyapaññāyetaṃ nāmaṃ.
เอวํ โส ทกรกฺขโส อิมาย คาถาย โพธิสตฺตสฺส ถุติํ กตฺวา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ กิมตฺถํ หรสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘ปิตา มํ ราชานํ กาตุกาโม, เตน การเณน หรามี’’ติฯ ‘‘น สกฺกา ตาทิเสน อุตฺตมปุริเสน ปุปฺผานิ วหิตุํ อหํ วหิสฺสามี’’ติ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิฯ อถสฺส ปิตา ทูรโตว ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ อิมํ ‘รกฺขสภตฺตํ ภวิสฺสตี’ติ ปหิณิํ, โส ทาเนส รกฺขสํ ปุปฺผานิ คาหาเปโนฺต อาคจฺฉติ, อิทานิมฺหิ นโฎฺฐ’’ติ จิเนฺตโนฺต สตฺตธา หทยผาลนํ ปตฺวา ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปโตฺตฯ เสสวานรา สนฺนิปติตฺวา โพธิสตฺตํ ราชานํ อกํสุฯ
Evaṃ so dakarakkhaso imāya gāthāya bodhisattassa thutiṃ katvā ‘‘imāni pupphāni kimatthaṃ harasī’’ti pucchi. ‘‘Pitā maṃ rājānaṃ kātukāmo, tena kāraṇena harāmī’’ti. ‘‘Na sakkā tādisena uttamapurisena pupphāni vahituṃ ahaṃ vahissāmī’’ti ukkhipitvā tassa pacchato pacchato agamāsi. Athassa pitā dūratova taṃ disvā ‘‘ahaṃ imaṃ ‘rakkhasabhattaṃ bhavissatī’ti pahiṇiṃ, so dānesa rakkhasaṃ pupphāni gāhāpento āgacchati, idānimhi naṭṭho’’ti cintento sattadhā hadayaphālanaṃ patvā tattheva jīvitakkhayaṃ patto. Sesavānarā sannipatitvā bodhisattaṃ rājānaṃ akaṃsu.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ยูถปติ เทวทโตฺต อโหสิ, ยูถปติปุโตฺต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā yūthapati devadatto ahosi, yūthapatiputto pana ahameva ahosi’’nti.
ตโยธมฺมชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Tayodhammajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๘. ตโยธมฺมชาตกํ • 58. Tayodhammajātakaṃ