Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
เตจตฺตาลีสวตฺตํ
Tecattālīsavattaṃ
๖๐. ‘‘อาปตฺติยา อปฺปฎิกเมฺม อุเกฺขปนียกมฺมกเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา สมฺมา วตฺติตพฺพํฯ ตตฺรายํ สมฺมาวตฺตนา – น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตโพฺพ, น สามเณโร อุปฎฺฐาเปตโพฺพ, น ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติ สาทิตพฺพา, สมฺมเตนปิ ภิกฺขุนิโย น โอวทิตพฺพาฯ ยาย อาปตฺติยา สเงฺฆน, อาปตฺติยา อปฺปฎิกเมฺม, อุเกฺขปนียกมฺมํ กตํ โหติ สา อาปตฺติ น อาปชฺชิตพฺพา, อญฺญา วา ตาทิสิกา, ตโต วา ปาปิฎฺฐตรา; กมฺมํ น ครหิตพฺพํ, กมฺมิกา น ครหิตพฺพาฯ น ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน อภิวาทนํ, ปจฺจุฎฺฐานํ, อญฺชลิกมฺมํ, สามีจิกมฺมํ, อาสนาภิหาโร, เสยฺยาภิหาโร, ปาโททกํ ปาทปีฐํ, ปาทกถลิกํ, ปตฺตจีวรปฺปฎิคฺคหณํ, นหาเน ปิฎฺฐิปริกมฺมํ สาทิตพฺพํฯ น ปกตโตฺต ภิกฺขุ สีลวิปตฺติยา อนุทฺธํเสตโพฺพ , น อาจารวิปตฺติยา อนุทฺธํเสตโพฺพ, น ทิฎฺฐิวิปตฺติยา อนุทฺธํเสตโพฺพ, น อาชีววิปตฺติยา อนุทฺธํเสตโพฺพ, น ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เภเทตโพฺพฯ น คิหิทฺธโช ธาเรตโพฺพ, น ติตฺถิยทฺธโช ธาเรตโพฺพ, น ติตฺถิยา เสวิตพฺพา; ภิกฺขู เสวิตพฺพา, ภิกฺขุสิกฺขาย สิกฺขิตพฺพํฯ น ปกตเตฺตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ เอกจฺฉเนฺน อาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉเนฺน อนาวาเส วตฺถพฺพํ, น เอกจฺฉเนฺน อาวาเส วา อนาวาเส วา วตฺถพฺพํ, ปกตตฺตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา อาสนา วุฎฺฐาตพฺพํ, น ปกตโตฺต ภิกฺขุ อาสาเทตโพฺพ อโนฺต วา พหิ วาฯ น ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน อุโปสโถ ฐเปตโพฺพ, น ปวารณา ฐเปตพฺพา, น สวจนียํ กาตพฺพํ, น อนุวาโท ปฎฺฐเปตโพฺพ, น โอกาโส กาเรตโพฺพ, น โจเทตโพฺพ, น สาเรตโพฺพ, น ภิกฺขูหิ สมฺปโยเชตพฺพ’’นฺติฯ
60. ‘‘Āpattiyā appaṭikamme ukkhepanīyakammakatena, bhikkhave, bhikkhunā sammā vattitabbaṃ. Tatrāyaṃ sammāvattanā – na upasampādetabbaṃ, na nissayo dātabbo, na sāmaṇero upaṭṭhāpetabbo, na bhikkhunovādakasammuti sāditabbā, sammatenapi bhikkhuniyo na ovaditabbā. Yāya āpattiyā saṅghena, āpattiyā appaṭikamme, ukkhepanīyakammaṃ kataṃ hoti sā āpatti na āpajjitabbā, aññā vā tādisikā, tato vā pāpiṭṭhatarā; kammaṃ na garahitabbaṃ, kammikā na garahitabbā. Na pakatattassa bhikkhuno abhivādanaṃ, paccuṭṭhānaṃ, añjalikammaṃ, sāmīcikammaṃ, āsanābhihāro, seyyābhihāro, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ, pādakathalikaṃ, pattacīvarappaṭiggahaṇaṃ, nahāne piṭṭhiparikammaṃ sāditabbaṃ. Na pakatatto bhikkhu sīlavipattiyā anuddhaṃsetabbo , na ācāravipattiyā anuddhaṃsetabbo, na diṭṭhivipattiyā anuddhaṃsetabbo, na ājīvavipattiyā anuddhaṃsetabbo, na bhikkhu bhikkhūhi bhedetabbo. Na gihiddhajo dhāretabbo, na titthiyaddhajo dhāretabbo, na titthiyā sevitabbā; bhikkhū sevitabbā, bhikkhusikkhāya sikkhitabbaṃ. Na pakatattena bhikkhunā saddhiṃ ekacchanne āvāse vatthabbaṃ, na ekacchanne anāvāse vatthabbaṃ, na ekacchanne āvāse vā anāvāse vā vatthabbaṃ, pakatattaṃ bhikkhuṃ disvā āsanā vuṭṭhātabbaṃ, na pakatatto bhikkhu āsādetabbo anto vā bahi vā. Na pakatattassa bhikkhuno uposatho ṭhapetabbo, na pavāraṇā ṭhapetabbā, na savacanīyaṃ kātabbaṃ, na anuvādo paṭṭhapetabbo, na okāso kāretabbo, na codetabbo, na sāretabbo, na bhikkhūhi sampayojetabba’’nti.
อาปตฺติยา อปฺปฎิกเมฺม อุเกฺขปนียกเมฺม
Āpattiyā appaṭikamme ukkhepanīyakamme
เตจตฺตาลีสวตฺตํ นิฎฺฐิตํฯ
Tecattālīsavattaṃ niṭṭhitaṃ.
๖๑. อถ โข สโงฺฆ ฉนฺนสฺส ภิกฺขุโน, อาปตฺติยา อปฺปฎิกเมฺม, อุเกฺขปนียกมฺมํ อกาสิ – อสโมฺภคํ สเงฺฆนฯ โส สเงฺฆน, อาปตฺติยา อปฺปฎิกเมฺม, อุเกฺขปนียกมฺมกโต ตมฺหา อาวาสา อญฺญํ อาวาสํ อคมาสิฯ ตตฺถ ภิกฺขู เนว อภิวาเทสุํ, น ปจฺจุเฎฺฐสุํ, น อญฺชลิกมฺมํ น สามีจิกมฺมํ อกํสุ, น สกฺกริํสุ, น ครุํ กริํสุ, น มาเนสุํ, น ปูเชสุํฯ โส ภิกฺขูหิ อสกฺกริยมาโน อครุกริยมาโน อมานิยมาโน อปูชิยมาโน อสกฺการปกโต ตมฺหาปิ อาวาสา อญฺญํ อาวาสํ อคมาสิฯ ตตฺถปิ ภิกฺขู เนว อภิวาเทสุํ, น ปจฺจุเฎฺฐสุํ, น อญฺชลิกมฺมํ น สามีจิกมฺมํ อกํสุ, น สกฺกริํสุ, น ครุํ กริํสุ, น มาเนสุํ, น ปูเชสุํฯ โส ภิกฺขูหิ อสกฺกริยมาโน อครุกริยมาโน อมานิยมาโน อปูชิยมาโน อสกฺการปกโต ตมฺหาปิ อาวาสา อญฺญํ อาวาสํ อคมาสิฯ ตตฺถปิ ภิกฺขู เนว อภิวาเทสุํ, น ปจฺจุเฎฺฐสุํ, น อญฺชลิกมฺมํ น สามีจิกมฺมํ อกํสุ, น สกฺกริํสุ, น ครุํ กริํสุ, น มาเนสุํ, น ปูเชสุํฯ โส ภิกฺขูหิ อสกฺกริยมาโน อครุกริยมาโน อมานิยมาโน อปูชิยมาโน อสกฺการปกโต ปุนเทว โกสมฺพิํ ปจฺจาคญฺฉิฯ โส สมฺมา วตฺตติ, โลมํ ปาเตติ, เนตฺถารํ วตฺตติ, ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทติ – ‘‘อหํ, อาวุโส, สเงฺฆน, อาปตฺติยา อปฺปฎิกเมฺม, อุเกฺขปนียกมฺมกโต สมฺมา วตฺตามิ, โลมํ ปาเตมิ, เนตฺถารํ วตฺตามิฯ กถํ นุ โข มยา ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.…ฯ ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สโงฺฆ ฉนฺนสฺส ภิกฺขุโน, อาปตฺติยา อปฺปฎิกเมฺม, อุเกฺขปนียกมฺมํ ปฎิปฺปสฺสเมฺภตุฯ
61. Atha kho saṅgho channassa bhikkhuno, āpattiyā appaṭikamme, ukkhepanīyakammaṃ akāsi – asambhogaṃ saṅghena. So saṅghena, āpattiyā appaṭikamme, ukkhepanīyakammakato tamhā āvāsā aññaṃ āvāsaṃ agamāsi. Tattha bhikkhū neva abhivādesuṃ, na paccuṭṭhesuṃ, na añjalikammaṃ na sāmīcikammaṃ akaṃsu, na sakkariṃsu, na garuṃ kariṃsu, na mānesuṃ, na pūjesuṃ. So bhikkhūhi asakkariyamāno agarukariyamāno amāniyamāno apūjiyamāno asakkārapakato tamhāpi āvāsā aññaṃ āvāsaṃ agamāsi. Tatthapi bhikkhū neva abhivādesuṃ, na paccuṭṭhesuṃ, na añjalikammaṃ na sāmīcikammaṃ akaṃsu, na sakkariṃsu, na garuṃ kariṃsu, na mānesuṃ, na pūjesuṃ. So bhikkhūhi asakkariyamāno agarukariyamāno amāniyamāno apūjiyamāno asakkārapakato tamhāpi āvāsā aññaṃ āvāsaṃ agamāsi. Tatthapi bhikkhū neva abhivādesuṃ, na paccuṭṭhesuṃ, na añjalikammaṃ na sāmīcikammaṃ akaṃsu, na sakkariṃsu, na garuṃ kariṃsu, na mānesuṃ, na pūjesuṃ. So bhikkhūhi asakkariyamāno agarukariyamāno amāniyamāno apūjiyamāno asakkārapakato punadeva kosambiṃ paccāgañchi. So sammā vattati, lomaṃ pāteti, netthāraṃ vattati, bhikkhū upasaṅkamitvā evaṃ vadeti – ‘‘ahaṃ, āvuso, saṅghena, āpattiyā appaṭikamme, ukkhepanīyakammakato sammā vattāmi, lomaṃ pātemi, netthāraṃ vattāmi. Kathaṃ nu kho mayā paṭipajjitabba’’nti? Bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe…. ‘‘Tena hi, bhikkhave, saṅgho channassa bhikkhuno, āpattiyā appaṭikamme, ukkhepanīyakammaṃ paṭippassambhetu.