Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. เตลกานิเตฺถรคาถาวณฺณนา
3. Telakānittheragāthāvaṇṇanā
จิรรตฺตํ วตาตาปีติอาทิกา อายสฺมโต เตลกานิเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สตฺถุ อภิชาติโต ปุเรตรํเยว สาวตฺถิยํ อญฺญตรสฺมิํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา เตลกานีติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต เหตุสมฺปนฺนตาย กาเม ชิคุจฺฉโนฺต ฆราวาสํ ปหาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วิวฎฺฎชฺฌาสโย ‘‘โก โส ปารงฺคโต โลเก’’ติอาทินา วิโมกฺขปริเยสนํ จรมาโน เต เต สมณพฺราหฺมเณ อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉติ, เต น สมฺปายนฺติฯ โส เตน อนาราธิตจิโตฺต วิจรติฯ อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจเกฺก โลกหิตํ กโรเนฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว อรหเตฺต ปติฎฺฐาติฯ โส เอกทิวสํ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ นิสิโนฺน อตฺตนา อธิคตวิเสสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตทนุสาเรน อตฺตโน ปฎิปตฺติํ อนุสฺสริตฺวา ตํ สพฺพํ ภิกฺขูนํ อาจิกฺขโนฺต –
Cirarattaṃ vatātāpītiādikā āyasmato telakānittherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinitvā imasmiṃ buddhuppāde satthu abhijātito puretaraṃyeva sāvatthiyaṃ aññatarasmiṃ brāhmaṇakule nibbattitvā telakānīti laddhanāmo vayappatto hetusampannatāya kāme jigucchanto gharāvāsaṃ pahāya paribbājakapabbajjaṃ pabbajitvā vivaṭṭajjhāsayo ‘‘ko so pāraṅgato loke’’tiādinā vimokkhapariyesanaṃ caramāno te te samaṇabrāhmaṇe upasaṅkamitvā pañhaṃ pucchati, te na sampāyanti. So tena anārādhitacitto vicarati. Atha amhākaṃ bhagavati loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakke lokahitaṃ karonte ekadivasaṃ satthāraṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva arahatte patiṭṭhāti. So ekadivasaṃ bhikkhūhi saddhiṃ nisinno attanā adhigatavisesaṃ paccavekkhitvā tadanusārena attano paṭipattiṃ anussaritvā taṃ sabbaṃ bhikkhūnaṃ ācikkhanto –
๗๔๗.
747.
‘‘จิรรตฺตํ วตาตาปี, ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ;
‘‘Cirarattaṃ vatātāpī, dhammaṃ anuvicintayaṃ;
สมํ จิตฺตสฺส นาลตฺถํ, ปุจฺฉํ สมณพฺราหฺมเณฯ
Samaṃ cittassa nālatthaṃ, pucchaṃ samaṇabrāhmaṇe.
๗๔๘.
748.
‘‘โก โส ปารงฺคโต โลเก, โก ปโตฺต อมโตคธํ;
‘‘Ko so pāraṅgato loke, ko patto amatogadhaṃ;
กสฺส ธมฺมํ ปฎิจฺฉามิ, ปรมตฺถวิชานนํฯ
Kassa dhammaṃ paṭicchāmi, paramatthavijānanaṃ.
๗๔๙.
749.
‘‘อโนฺตวงฺกคโต อาสิ, มโจฺฉว ฆสมามิสํ;
‘‘Antovaṅkagato āsi, macchova ghasamāmisaṃ;
พโทฺธ มหินฺทปาเสน, เวปจิตฺยสุโร ยถาฯ
Baddho mahindapāsena, vepacityasuro yathā.
๗๕๐.
750.
‘‘อญฺฉามิ นํ น มุญฺจามิ, อสฺมา โสกปริทฺทวา;
‘‘Añchāmi naṃ na muñcāmi, asmā sokapariddavā;
โก เม พนฺธํ มุญฺจํ โลเก, สโมฺพธิํ เวทยิสฺสติฯ
Ko me bandhaṃ muñcaṃ loke, sambodhiṃ vedayissati.
๗๕๑.
751.
‘‘สมณํ พฺราหฺมณํ วา กํ, อาทิสนฺตํ ปภงฺคุนํ;
‘‘Samaṇaṃ brāhmaṇaṃ vā kaṃ, ādisantaṃ pabhaṅgunaṃ;
กสฺส ธมฺมํ ปฎิจฺฉามิ, ชรามจฺจุปวาหนํฯ
Kassa dhammaṃ paṭicchāmi, jarāmaccupavāhanaṃ.
๗๕๒.
752.
‘‘วิจิกิจฺฉากงฺขาคนฺถิตํ, สารมฺภพลสญฺญุตํ;
‘‘Vicikicchākaṅkhāganthitaṃ, sārambhabalasaññutaṃ;
โกธปฺปตฺตมนตฺถทฺธํ, อภิชปฺปปฺปทารณํฯ
Kodhappattamanatthaddhaṃ, abhijappappadāraṇaṃ.
๗๕๓.
753.
‘‘ตณฺหาธนุสมุฎฺฐานํ, เทฺว จ ปนฺนรสายุตํ;
‘‘Taṇhādhanusamuṭṭhānaṃ, dve ca pannarasāyutaṃ;
ปสฺส โอรสิกํ พาฬฺหํ, เภตฺวาน ยทิ ติฎฺฐติฯ
Passa orasikaṃ bāḷhaṃ, bhetvāna yadi tiṭṭhati.
๗๕๔.
754.
‘‘อนุทิฎฺฐีนํ อปฺปหานํ, สงฺกปฺปปรเตชิตํ;
‘‘Anudiṭṭhīnaṃ appahānaṃ, saṅkappaparatejitaṃ;
เตน วิโทฺธ ปเวธามิ, ปตฺตํว มาลุเตริตํฯ
Tena viddho pavedhāmi, pattaṃva māluteritaṃ.
๗๕๕.
755.
‘‘อชฺฌตฺตํ เม สมุฎฺฐาย, ขิปฺปํ ปจฺจติ มามกํ;
‘‘Ajjhattaṃ me samuṭṭhāya, khippaṃ paccati māmakaṃ;
ฉผสฺสายตนี กาโย, ยตฺถ สรติ สพฺพทาฯ
Chaphassāyatanī kāyo, yattha sarati sabbadā.
๗๕๖.
756.
‘‘ตํ น ปสฺสามิ เตกิจฺฉํ, โย เมตํ สลฺลมุทฺธเร;
‘‘Taṃ na passāmi tekicchaṃ, yo metaṃ sallamuddhare;
นานารเชฺชน สเตฺถน, นาเญฺญน วิจิกิจฺฉิตํฯ
Nānārajjena satthena, nāññena vicikicchitaṃ.
๗๕๗.
757.
‘‘โก เม อสโตฺถ อวโณ, สลฺลมพฺภนฺตรปสฺสยํ;
‘‘Ko me asattho avaṇo, sallamabbhantarapassayaṃ;
อหิํสํ สพฺพคตฺตานิ, สลฺลํ เม อุทฺธริสฺสติฯ
Ahiṃsaṃ sabbagattāni, sallaṃ me uddharissati.
๗๕๘.
758.
‘‘ธมฺมปฺปติ หิ โส เสโฎฺฐ, วิสโทสปฺปวาหโก;
‘‘Dhammappati hi so seṭṭho, visadosappavāhako;
คมฺภีเร ปติตสฺส เม, ถลํ ปาณิญฺจ ทสฺสเยฯ
Gambhīre patitassa me, thalaṃ pāṇiñca dassaye.
๗๕๙.
759.
‘‘รหเทหมสฺมิ โอคาโฬฺห, อหาริยรชมตฺติเก;
‘‘Rahadehamasmi ogāḷho, ahāriyarajamattike;
มายาอุสูยสารมฺภ, ถินมิทฺธมปตฺถเฎฯ
Māyāusūyasārambha, thinamiddhamapatthaṭe.
๗๖๐.
760.
‘‘อุทฺธจฺจเมฆถนิตํ, สํโยชนวลาหกํ;
‘‘Uddhaccameghathanitaṃ, saṃyojanavalāhakaṃ;
วาหา วหนฺติ กุทฺทิฎฺฐิํ, สงฺกปฺปา ราคนิสฺสิตาฯ
Vāhā vahanti kuddiṭṭhiṃ, saṅkappā rāganissitā.
๗๖๑.
761.
‘‘สวนฺติ สพฺพธิ โสตา, ลตา อุพฺภิชฺช ติฎฺฐติ;
‘‘Savanti sabbadhi sotā, latā ubbhijja tiṭṭhati;
เต โสเต โก นิวาเรยฺย, ตํ ลตํ โก หิ เฉจฺฉติฯ
Te sote ko nivāreyya, taṃ lataṃ ko hi checchati.
๗๖๒.
762.
‘‘เวลํ กโรถ ภทฺทเนฺต, โสตานํ สนฺนิวารณํ;
‘‘Velaṃ karotha bhaddante, sotānaṃ sannivāraṇaṃ;
มา เต มโนมโย โสตา, รุกฺขํว สหสา ลุเวฯ
Mā te manomayo sotā, rukkhaṃva sahasā luve.
๗๖๓.
763.
‘‘เอวํ เม ภยชาตสฺส, อปารา ปารเมสโต;
‘‘Evaṃ me bhayajātassa, apārā pāramesato;
ตาโณ ปญฺญาวุโธ สตฺถา, อิสิสงฺฆนิเสวิโตฯ
Tāṇo paññāvudho satthā, isisaṅghanisevito.
๗๖๔.
764.
‘‘โสปานํ สุคตํ สุทฺธํ, ธมฺมสารมยํ ทฬฺหํ;
‘‘Sopānaṃ sugataṃ suddhaṃ, dhammasāramayaṃ daḷhaṃ;
ปาทาสิ วุยฺหมานสฺส, มา ภายีติ จ มพฺรวิฯ
Pādāsi vuyhamānassa, mā bhāyīti ca mabravi.
๗๖๕.
765.
‘‘สติปฎฺฐานปาสาทํ, อารุยฺห ปจฺจเวกฺขิสํ;
‘‘Satipaṭṭhānapāsādaṃ, āruyha paccavekkhisaṃ;
ยํ ตํ ปุเพฺพ อมญฺญิสฺสํ, สกฺกายาภิรตํ ปชํฯ
Yaṃ taṃ pubbe amaññissaṃ, sakkāyābhirataṃ pajaṃ.
๗๖๖.
766.
‘‘ยทา จ มคฺคมทฺทกฺขิํ, นาวาย อภิรูหนํ;
‘‘Yadā ca maggamaddakkhiṃ, nāvāya abhirūhanaṃ;
อนธิฎฺฐาย อตฺตานํ, ติตฺถมทฺทกฺขิมุตฺตมํฯ
Anadhiṭṭhāya attānaṃ, titthamaddakkhimuttamaṃ.
๗๖๗.
767.
‘‘สลฺลํ อตฺตสมุฎฺฐานํ, ภวเนตฺติปฺปภาวิตํ;
‘‘Sallaṃ attasamuṭṭhānaṃ, bhavanettippabhāvitaṃ;
เอเตสํ อปฺปวตฺตาย, เทเสสิ มคฺคมุตฺตมํฯ
Etesaṃ appavattāya, desesi maggamuttamaṃ.
๗๖๘.
768.
‘‘ทีฆรตฺตานุสยิตํ , จิรรตฺตมธิฎฺฐิตํ;
‘‘Dīgharattānusayitaṃ , cirarattamadhiṭṭhitaṃ;
พุโทฺธ เมปานุที คนฺถํ, วิสโทสปฺปวาหโน’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;
Buddho mepānudī ganthaṃ, visadosappavāhano’’ti. – imā gāthā abhāsi;
ตตฺถ จิรรตฺตํ วตาติ จิรกาลํ วตฯ อาตาปีติ วีริยวา วิโมกฺขธมฺมปริเยสเน อารทฺธวีริโยฯ ธมฺมํ อนุวิจินฺตยนฺติ ‘‘กีทิโส นุ โข วิโมกฺขธโมฺม, กถํ วา อธิคนฺตโพฺพ’’ติ วิมุตฺติธมฺมํ อนุวิจินโนฺต คเวสโนฺตฯ สมํ จิตฺตสฺส นาลตฺถํ, ปุจฺฉํ สมณพฺราหฺมเณติ เต เต นานาติตฺถิเย สมณพฺราหฺมเณ วิมุตฺติธมฺมํ ปุจฺฉโนฺต ปกติยา อนุปสนฺตสภาวสฺส จิตฺตสฺส สมํ วูปสมภูตํ วฎฺฎทุกฺขวิสฺสรณํ อริยธมฺมํ นาลตฺถํ นาธิคจฺฉนฺติ อโตฺถฯ
Tattha cirarattaṃ vatāti cirakālaṃ vata. Ātāpīti vīriyavā vimokkhadhammapariyesane āraddhavīriyo. Dhammaṃ anuvicintayanti ‘‘kīdiso nu kho vimokkhadhammo, kathaṃ vā adhigantabbo’’ti vimuttidhammaṃ anuvicinanto gavesanto. Samaṃ cittassa nālatthaṃ, pucchaṃ samaṇabrāhmaṇeti te te nānātitthiye samaṇabrāhmaṇe vimuttidhammaṃ pucchanto pakatiyā anupasantasabhāvassa cittassa samaṃ vūpasamabhūtaṃ vaṭṭadukkhavissaraṇaṃ ariyadhammaṃ nālatthaṃ nādhigacchanti attho.
โก โส ปารงฺคโตติอาทิ ปุจฺฉิตาการทสฺสนํฯ ตตฺถ โก โส ปารงฺคโต โลเกติ อิมสฺมิํ โลเก ติตฺถการปฎิเญฺญสุ สมณพฺราหฺมเณสุ โก นุ โข โส สํสารสฺส ปารํ นิพฺพานํ อุปคโตฯ โก ปโตฺต อมโตคธนฺติ นิพฺพานปติฎฺฐํ วิโมกฺขมคฺคํ โก ปโตฺต อธิคโตติ อโตฺถฯ กสฺส ธมฺมํ ปฎิจฺฉามีติ กสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา โอวาทธมฺมํ ปฎิคฺคณฺหามิ ปฎิปชฺชามิฯ ปรมตฺถวิชานนนฺติ ปรมตฺถสฺส วิชานนํ, อวิปรีตปฺปวตฺตินิวตฺติโย ปเวเทนฺตนฺติ อโตฺถฯ
Koso pāraṅgatotiādi pucchitākāradassanaṃ. Tattha ko so pāraṅgato loketi imasmiṃ loke titthakārapaṭiññesu samaṇabrāhmaṇesu ko nu kho so saṃsārassa pāraṃ nibbānaṃ upagato. Ko patto amatogadhanti nibbānapatiṭṭhaṃ vimokkhamaggaṃ ko patto adhigatoti attho. Kassa dhammaṃ paṭicchāmīti kassa samaṇassa vā brāhmaṇassa vā ovādadhammaṃ paṭiggaṇhāmi paṭipajjāmi. Paramatthavijānananti paramatthassa vijānanaṃ, aviparītappavattinivattiyo pavedentanti attho.
อโนฺตวงฺกคโต อาสีติ วงฺกํ วุจฺจติ ทิฎฺฐิคตํ มโนวงฺกภาวโต, สเพฺพปิ วา กิเลสา, อโนฺตติ ปน หทยวงฺกสฺส อโนฺต, หทยพฺภนฺตรคตกิเลสวโงฺก วา อโหสีติ อโตฺถฯ มโจฺฉว ฆสมามิสนฺติ อามิสํ ฆสโนฺต ขาทโนฺต มโจฺฉ วิย, คิลพฬิโส มโจฺฉ วิยาติ อธิปฺปาโยฯ พโทฺธ มหินฺทปาเสน, เวปจิตฺยสุโร ยถาติ มหินฺทสฺส สกฺกสฺส ปาเสน พโทฺธ ยถา เวปจิตฺติ อสุริโนฺท อเสริวิหารี มหาทุกฺขปฺปโตฺต, เอวมหํ ปุเพฺพ กิเลสปาเสน พโทฺธ อาสิํ, อเสริวิหารี มหาทุกฺขปฺปโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ
Antovaṅkagato āsīti vaṅkaṃ vuccati diṭṭhigataṃ manovaṅkabhāvato, sabbepi vā kilesā, antoti pana hadayavaṅkassa anto, hadayabbhantaragatakilesavaṅko vā ahosīti attho. Macchova ghasamāmisanti āmisaṃ ghasanto khādanto maccho viya, gilabaḷiso maccho viyāti adhippāyo. Baddho mahindapāsena, vepacityasuro yathāti mahindassa sakkassa pāsena baddho yathā vepacitti asurindo aserivihārī mahādukkhappatto, evamahaṃ pubbe kilesapāsena baddho āsiṃ, aserivihārī mahādukkhappattoti adhippāyo.
อญฺฉามีติ อากฑฺฒามิฯ นนฺติ กิเลสปาสํฯ น มุญฺจามีติ น โมเจมิฯ อสฺมา โสกปริทฺทวาติ อิมสฺมา โสกปริเทววฎฺฎโตฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถาปาเสน พโทฺธ มิโค สูกโร วา โมจนุปายํ อชานโนฺต ปริปฺผนฺทมาโน ตํ อาวิญฺฉโนฺต พนฺธนํ ทฬฺหํ กโรติ, เอวํ อหํ ปุเพฺพ กิเลสปาเสน ปฎิมุโกฺก โมจนุปายํ อชานโนฺต กายสเญฺจตนาทิวเสน ปริปฺผนฺทมาโน ตํ น โมเจสิํ, อญฺญทตฺถุ ตํ ทฬฺหํ กโรโนฺต โสกาทินา ปรํ กิเลสํ เอว ปาปุณินฺติฯ โก เม พนฺธํ มุญฺจํ โลเก, สโมฺพธิํ เวทยิสฺสตีติ อิมสฺมิํ โลเก เอตํ กิเลสพนฺธเนน พนฺธํ มุญฺจโนฺต สมฺพุชฺฌติ เอเตนาติ ‘‘สโมฺพธี’’ติ ลทฺธนามํ วิโมกฺขมคฺคํ โก เม เวทยิสฺสติ อาจิกฺขิสฺสตีติ อโตฺถฯ ‘‘พนฺธมุญฺจ’’นฺติปิ ปฐนฺติ, พนฺธา, พนฺธสฺส วา โมจกํ สโมฺพธินฺติ โยชนาฯ
Añchāmīti ākaḍḍhāmi. Nanti kilesapāsaṃ. Na muñcāmīti na mocemi. Asmā sokapariddavāti imasmā sokaparidevavaṭṭato. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathāpāsena baddho migo sūkaro vā mocanupāyaṃ ajānanto paripphandamāno taṃ āviñchanto bandhanaṃ daḷhaṃ karoti, evaṃ ahaṃ pubbe kilesapāsena paṭimukko mocanupāyaṃ ajānanto kāyasañcetanādivasena paripphandamāno taṃ na mocesiṃ, aññadatthu taṃ daḷhaṃ karonto sokādinā paraṃ kilesaṃ eva pāpuṇinti. Ko me bandhaṃ muñcaṃ loke, sambodhiṃ vedayissatīti imasmiṃ loke etaṃ kilesabandhanena bandhaṃ muñcanto sambujjhati etenāti ‘‘sambodhī’’ti laddhanāmaṃ vimokkhamaggaṃ ko me vedayissati ācikkhissatīti attho. ‘‘Bandhamuñca’’ntipi paṭhanti, bandhā, bandhassa vā mocakaṃ sambodhinti yojanā.
อาทิสนฺตนฺติ เทเสนฺตํฯ ปภงฺคุนนฺติ ปภญฺชนํ กิเลสานํ วิทฺธํสนํ , ปภงฺคุนํ วา ธมฺมปฺปวตฺติํ อาทิสนฺตํ กเถนฺตํ ชราย มจฺจุโน จ ปวาหนํ กสฺส ธมฺมํ ปฎิจฺฉามิฯ ‘‘ปฎิปชฺชามี’’ติ วา ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ วิจิกิจฺฉากงฺขาคนฺถิตนฺติ ‘‘อโหสิํ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตาย (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) วิจิกิจฺฉาย อาสปฺปนปริสปฺปนาการวุตฺติยา กงฺขาย จ คนฺถิตํฯ สารมฺภพลสญฺญุตนฺติ กรณุตฺตริยกรณลกฺขเณน พลปฺปเตฺตน สารเมฺภน ยุตฺตํฯ โกธปฺปตฺตมนตฺถทฺธนฺติ สพฺพตฺถ โกเธน ยุตฺตมนสา ถทฺธภาวํ คตํ อภิชปฺปปฺปทารณํฯ อิจฺฉิตาลาภาทิวเสน หิ ตณฺหา สตฺตานํ จิตฺตํ ปทาเลนฺตี วิย ปวตฺตติฯ ทูเร ฐิตสฺสาปิ วิชฺฌนุปายตาย ตณฺหาว ธนุ สมุปติฎฺฐติ อุปฺปชฺชติ เอตสฺมาติ ตณฺหาธนุสมุฎฺฐานํ, ทิฎฺฐิสลฺลํฯ ตํ ปน ยสฺมา วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฎฺฐิ, ทสวตฺถุกา มิจฺฉาทิฎฺฐีติ ติํสปฺปเภทํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เทฺว จ ปนฺนรสายุต’’นฺติ, ทฺวิกฺขตฺตุํ ปนฺนรสเภทวนฺตนฺติ อโตฺถฯ ปสฺส โอรสิกํ พาฬฺหํ, เภตฺวาน ยทิ ติฎฺฐตีติ ยํ อุรสมฺพนฺธนียตาย โอรสิกํ พาฬฺหํ พลวตรํ เภตฺวาน หทยํ วินิวิชฺฌิตฺวา ตสฺมิํเยว หทเย ติฎฺฐติ, ตํ ปสฺสาติ อตฺตานเมว อาลปติฯ
Ādisantanti desentaṃ. Pabhaṅgunanti pabhañjanaṃ kilesānaṃ viddhaṃsanaṃ , pabhaṅgunaṃ vā dhammappavattiṃ ādisantaṃ kathentaṃ jarāya maccuno ca pavāhanaṃ kassa dhammaṃ paṭicchāmi. ‘‘Paṭipajjāmī’’ti vā pāṭho, so evattho. Vicikicchākaṅkhāganthitanti ‘‘ahosiṃ nu kho ahamatītamaddhāna’’ntiādinayappavattāya (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20) vicikicchāya āsappanaparisappanākāravuttiyā kaṅkhāya ca ganthitaṃ. Sārambhabalasaññutanti karaṇuttariyakaraṇalakkhaṇena balappattena sārambhena yuttaṃ. Kodhappattamanatthaddhanti sabbattha kodhena yuttamanasā thaddhabhāvaṃ gataṃ abhijappappadāraṇaṃ. Icchitālābhādivasena hi taṇhā sattānaṃ cittaṃ padālentī viya pavattati. Dūre ṭhitassāpi vijjhanupāyatāya taṇhāva dhanu samupatiṭṭhati uppajjati etasmāti taṇhādhanusamuṭṭhānaṃ, diṭṭhisallaṃ. Taṃ pana yasmā vīsativatthukā sakkāyadiṭṭhi, dasavatthukā micchādiṭṭhīti tiṃsappabhedaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘dve ca pannarasāyuta’’nti, dvikkhattuṃ pannarasabhedavantanti attho. Passa orasikaṃ bāḷhaṃ, bhetvāna yadi tiṭṭhatīti yaṃ urasambandhanīyatāya orasikaṃ bāḷhaṃ balavataraṃ bhetvāna hadayaṃ vinivijjhitvā tasmiṃyeva hadaye tiṭṭhati, taṃ passāti attānameva ālapati.
อนุทิฎฺฐีนํ อปฺปหานนฺติ อนุทิฎฺฐิภูตานํ เสสทิฎฺฐีนํ อปฺปหานการณํฯ ยาว หิ สกฺกายทิฎฺฐิ สนฺตานโต น วิคจฺฉติ, ตาว สสฺสตทิฎฺฐิอาทีนํ อปฺปหานเมวาติฯ สงฺกปฺปปรเตชิตนฺติ สงฺกเปฺปน มิจฺฉาวิตเกฺกน ปเร ปรชเน นิสฺสยลกฺขณํ ปติปติเต เตชิตํ อุสฺสาหิตํฯ เตน วิโทฺธ ปเวธามีติ เตน ทิฎฺฐิสเลฺลน ยถา หทยํ อาหจฺจ ติฎฺฐติ, เอวํ วิโทฺธ ปเวธามิ สงฺกปฺปามิ สสฺสตุเจฺฉทาทิวเสน อิโต จิโต จ ปริวฎฺฎามิฯ ปตฺตํว มาลุเตริตนฺติ มาลุเตน วายุนา เอริตํ วณฺฎโต มุตฺตํ ทุมปตฺตํ วิยฯ
Anudiṭṭhīnaṃ appahānanti anudiṭṭhibhūtānaṃ sesadiṭṭhīnaṃ appahānakāraṇaṃ. Yāva hi sakkāyadiṭṭhi santānato na vigacchati, tāva sassatadiṭṭhiādīnaṃ appahānamevāti. Saṅkappaparatejitanti saṅkappena micchāvitakkena pare parajane nissayalakkhaṇaṃ patipatite tejitaṃ ussāhitaṃ. Tena viddho pavedhāmīti tena diṭṭhisallena yathā hadayaṃ āhacca tiṭṭhati, evaṃ viddho pavedhāmi saṅkappāmi sassatucchedādivasena ito cito ca parivaṭṭāmi. Pattaṃvamāluteritanti mālutena vāyunā eritaṃ vaṇṭato muttaṃ dumapattaṃ viya.
อชฺฌตฺตํ เม สมุฎฺฐายาติ ยถา โลเก สลฺลํ นาม พาหิรโต อุฎฺฐาย อชฺฌตฺตํ นิมฺมเถตฺวา พาธติ, น เอวมิทํฯ อิทํ ปน อชฺฌตฺตํ เม มม อตฺตภาเว สมุฎฺฐาย โส อตฺตภาวสญฺญิโต ฉผสฺสายตนกาโย ยถา ขิปฺปํ สีฆํ ปจฺจติ, ฑยฺหติฯ ยถา กิํ? อคฺคิ วิย สนิสฺสยฑาหโก ตํเยว มามกํ มม สนฺตกํ อตฺตภาวํ ฑหโนฺต ยตฺถ อุปฺปโนฺน, ตเตฺถว สรติ ปวตฺตติฯ
Ajjhattaṃ me samuṭṭhāyāti yathā loke sallaṃ nāma bāhirato uṭṭhāya ajjhattaṃ nimmathetvā bādhati, na evamidaṃ. Idaṃ pana ajjhattaṃ me mama attabhāve samuṭṭhāya so attabhāvasaññito chaphassāyatanakāyo yathā khippaṃ sīghaṃ paccati, ḍayhati. Yathā kiṃ? Aggi viya sanissayaḍāhako taṃyeva māmakaṃ mama santakaṃ attabhāvaṃ ḍahanto yattha uppanno, tattheva sarati pavattati.
ตํ น ปสฺสามิ เตกิจฺฉนฺติ ตาทิสาย ติกิจฺฉาย นิยุตฺตตาย เตกิจฺฉํ สลฺลกตฺตํ ภิสกฺกํ ตํ น ปสฺสามิฯ โย เมตํ สลฺลมุทฺธเรติ โย ภิสโกฺก เอตํ ทิฎฺฐิสลฺลํ กิเลสสลฺลญฺจ อุทฺธเรยฺย, อุทฺธรโนฺต จ นานารเชฺชน รชฺชุสทิสสงฺขาตาย เอสนิสลากาย ปเวเสตฺวาน สเตฺถน กนฺติตฺวา นาเญฺญน มนฺตาคทปฺปโยเคน วิจิกิจฺฉิตํ สลฺลํ ติกิจฺฉิตุํ สกฺกาติ อาหริตฺวา โยเชตพฺพํฯ วิจิกิจฺฉิตนฺติ, จ นิทสฺสนมตฺตเมตํฯ สพฺพสฺสปิ กิเลสสลฺลสฺส วเสน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Taṃ na passāmi tekicchanti tādisāya tikicchāya niyuttatāya tekicchaṃ sallakattaṃ bhisakkaṃ taṃ na passāmi. Yo metaṃ sallamuddhareti yo bhisakko etaṃ diṭṭhisallaṃ kilesasallañca uddhareyya, uddharanto ca nānārajjena rajjusadisasaṅkhātāya esanisalākāya pavesetvāna satthena kantitvā nāññena mantāgadappayogena vicikicchitaṃ sallaṃ tikicchituṃ sakkāti āharitvā yojetabbaṃ. Vicikicchitanti, ca nidassanamattametaṃ. Sabbassapi kilesasallassa vasena attho veditabbo.
อสโตฺถติ สตฺถรหิโตฯ อวโณติ วเณน วินาฯ อพฺภนฺตรปสฺสยนฺติ อพฺภนฺตรสงฺขาตํ หทยํ นิสฺสาย ฐิตํฯ อหิํสนฺติ อปีเฬโนฺตฯ ‘‘อหิํสา’’ติ จ ปาโฐ, อหิํสาย อปีฬเนนาติ อโตฺถฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – โก นุ โข กิญฺจิ สตฺถํ อคฺคเหตฺวา วณญฺจ อกโรโนฺต ตโต เอว สพฺพคตฺตานิ อพาเธโนฺต มม หทยพฺภนฺตรคตํ ปีฬาชนนโต อโนฺต ตุทนโต อโนฺต รุทฺธนโต จ ปรมเตฺถเนว สลฺลภูตํ กิเลสสลฺลํ อุทฺธริสฺสตีติฯ
Asatthoti sattharahito. Avaṇoti vaṇena vinā. Abbhantarapassayanti abbhantarasaṅkhātaṃ hadayaṃ nissāya ṭhitaṃ. Ahiṃsanti apīḷento. ‘‘Ahiṃsā’’ti ca pāṭho, ahiṃsāya apīḷanenāti attho. Ayañhettha saṅkhepattho – ko nu kho kiñci satthaṃ aggahetvā vaṇañca akaronto tato eva sabbagattāni abādhento mama hadayabbhantaragataṃ pīḷājananato anto tudanato anto ruddhanato ca paramattheneva sallabhūtaṃ kilesasallaṃ uddharissatīti.
เอวํ ทสหิ คาถาหิ ปุเพฺพ อตฺตนา จินฺติตาการํ ทเสฺสตฺวา ปุนปิ ตํ ปการนฺตเรน ทเสฺสตุํ ‘‘ธมฺมปฺปติ หิ โส เสโฎฺฐ’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ธมฺมปฺปตีติ ธมฺมนิมิตฺตํ ธมฺมเหตุฯ หีติ นิปาตมตฺตํฯ โส เสโฎฺฐติ โส ปุคฺคโล อุตฺตโมฯ วิสโทสปฺปวาหโกติ โย มยฺหํ ราคาทิกิเลสสฺส ปวาหโก อุจฺฉินฺนโกฯ คมฺภีเร ปติตสฺส เม, ถลํ ปาณิญฺจ ทสฺสเยติ โก นุ โข อติคมฺภีเร สํสารมโหเฆ ปติตสฺส มยฺหํ ‘‘มา ภายี’’ติ อสฺสาเสโนฺต นิพฺพานถลํ ตํสมฺปาปกํ อริยมคฺคหตฺถญฺจ ทเสฺสยฺยฯ
Evaṃ dasahi gāthāhi pubbe attanā cintitākāraṃ dassetvā punapi taṃ pakārantarena dassetuṃ ‘‘dhammappati hi so seṭṭho’’tiādimāha. Tattha dhammappatīti dhammanimittaṃ dhammahetu. Hīti nipātamattaṃ. So seṭṭhoti so puggalo uttamo. Visadosappavāhakoti yo mayhaṃ rāgādikilesassa pavāhako ucchinnako. Gambhīre patitassa me, thalaṃ pāṇiñca dassayeti ko nu kho atigambhīre saṃsāramahoghe patitassa mayhaṃ ‘‘mā bhāyī’’ti assāsento nibbānathalaṃ taṃsampāpakaṃ ariyamaggahatthañca dasseyya.
รหเทหมสฺมิ โอคาโฬฺหติ มหติ สํสารรหเท อหมสฺมิ สสีสํ นิมุชฺชนวเสน โอติโณฺณ อนุปวิโฎฺฐฯ อหาริยรชมตฺติเกติ อปเนตุํ อสกฺกุเณโยฺย ราคาทิรโช มตฺติกา กทฺทโม เอตสฺสาติ อหาริยรชมตฺติโก, รหโทฯ ตสฺมิํ รหทสฺมิํฯ ‘‘อหาริยรชมนฺติเก’’ติ วา ปาโฐ, อนฺติเก ฐิตราคาทีสุ ทุนฺนีหรณียราคาทิรเชติ อโตฺถฯ สนฺตโทสปฎิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, ปรสมฺปตฺติอสหนลกฺขณา อุสูยา, กรณุตฺตริยกรณลกฺขโณ สารโมฺภ, จิตฺตาลสิยลกฺขณํ ถินํ, กายาลสิยลกฺขณํ มิทฺธนฺติ อิเม ปาปธมฺมา ปตฺถฎา ยํ รหทํ, ตสฺมิํ มายาอุสูยสารมฺภถินมิทฺธมปตฺถเฎ, มกาโร เจตฺถ ปทสนฺธิกโร วุโตฺตฯ ยถาวุเตฺตหิ อิเมหิ ปาปธเมฺมหิ ปตฺถเฎติ อโตฺถฯ
Rahadehamasmiogāḷhoti mahati saṃsārarahade ahamasmi sasīsaṃ nimujjanavasena otiṇṇo anupaviṭṭho. Ahāriyarajamattiketi apanetuṃ asakkuṇeyyo rāgādirajo mattikā kaddamo etassāti ahāriyarajamattiko, rahado. Tasmiṃ rahadasmiṃ. ‘‘Ahāriyarajamantike’’ti vā pāṭho, antike ṭhitarāgādīsu dunnīharaṇīyarāgādirajeti attho. Santadosapaṭicchādanalakkhaṇā māyā, parasampattiasahanalakkhaṇā usūyā, karaṇuttariyakaraṇalakkhaṇo sārambho, cittālasiyalakkhaṇaṃ thinaṃ, kāyālasiyalakkhaṇaṃ middhanti ime pāpadhammā patthaṭā yaṃ rahadaṃ, tasmiṃ māyāusūyasārambhathinamiddhamapatthaṭe, makāro cettha padasandhikaro vutto. Yathāvuttehi imehi pāpadhammehi patthaṭeti attho.
อุทฺธจฺจเมฆถนิตํ, สํโยชนวลาหกนฺติ วจนวิปลฺลาเสน วุตฺตํ, ภนฺตสภาวํ อุทฺธจฺจํ เมฆถนิตํ เมฆคชฺชิตํ เอเตสนฺติ อุทฺธจฺจเมฆถนิตาฯ ทสวิธา สํโยชนา เอว วลาหกา เอเตสนฺติ สํโยชนวลาหกาฯ วาหา มหาอุทกวาหสทิสา ราคนิสฺสิตา มิจฺฉาสงฺกปฺปา อสุภาทีสุ ฐิตา กุทฺทิฎฺฐิํ มํ วหนฺติ อปายสมุทฺทเมว อุทฺทิสฺส กฑฺฒนฺตีติ อโตฺถฯ
Uddhaccameghathanitaṃ, saṃyojanavalāhakanti vacanavipallāsena vuttaṃ, bhantasabhāvaṃ uddhaccaṃ meghathanitaṃ meghagajjitaṃ etesanti uddhaccameghathanitā. Dasavidhā saṃyojanā eva valāhakā etesanti saṃyojanavalāhakā. Vāhā mahāudakavāhasadisā rāganissitā micchāsaṅkappā asubhādīsu ṭhitā kuddiṭṭhiṃ maṃ vahanti apāyasamuddameva uddissa kaḍḍhantīti attho.
สวนฺติ สพฺพธิ โสตาติ ตณฺหาโสโต, ทิฎฺฐิโสโต, มานโสโต, อวิชฺชาโสโต, กิเลสโสโตติ อิเม ปญฺจปิโสตา จกฺขุทฺวาราทีนํ วเสน สเพฺพสุ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ สวนโต ‘‘รูปตณฺหา…เป.… ธมฺมตณฺหา’’ติอาทินา (วิภ. ๒๐๔, ๒๓๒) สพฺพภาเคหิ วา สวนโต สพฺพธิ สวนฺติฯ ลตาติ ปลิเวฐนเฎฺฐน สํสิพฺพนเฎฺฐน ลตา วิยาติ ลตา, ตณฺหาฯ อุพฺภิชฺช ติฎฺฐตีติ ฉหิ ทฺวาเรหิ อุพฺภิชฺชิตฺวา รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ติฎฺฐติฯ เต โสเตติ ตณฺหาทิเก โสเต มม สนฺตาเน สนฺทเนฺต มคฺคเสตุพนฺธเนน โก ปุริสวิเสโส นิวาเรยฺย, ตํ ลตนฺติ ตณฺหาลตํ, มคฺคสเตฺถน โก เฉจฺฉติ ฉินฺทิสฺสติฯ
Savanti sabbadhi sotāti taṇhāsoto, diṭṭhisoto, mānasoto, avijjāsoto, kilesasototi ime pañcapisotā cakkhudvārādīnaṃ vasena sabbesu rūpādīsu ārammaṇesu savanato ‘‘rūpataṇhā…pe… dhammataṇhā’’tiādinā (vibha. 204, 232) sabbabhāgehi vā savanato sabbadhi savanti. Latāti paliveṭhanaṭṭhena saṃsibbanaṭṭhena latā viyāti latā, taṇhā. Ubbhijja tiṭṭhatīti chahi dvārehi ubbhijjitvā rūpādīsu ārammaṇesu tiṭṭhati. Te soteti taṇhādike sote mama santāne sandante maggasetubandhanena ko purisaviseso nivāreyya, taṃ latanti taṇhālataṃ, maggasatthena ko checchati chindissati.
เวลํ กโรถาติ เตสํ โสตานํ เวลํ เสตุํ กโรถ สนฺนิวารณํฯ ภทฺทเนฺตติ อาลปนาการทสฺสนํฯ มา เต มโนมโย โสโตติ อุทกโสโต โอฬาริโก, ตสฺส พาลมหาชเนนปิ เสตุํ กตฺวา นิวารณํ สกฺกาฯ อยํ ปน มโนมโย โสโต สุขุโม ทุนฺนิวารโณฯ โส ยถา อุทกโสโต วฑฺฒโนฺต กูเล ฐิตํ รุกฺขํ ปาเตตฺวาว นาเสติ, เอวํ ตุเมฺห อปายตีเร ฐิเต ตตฺถ สหสา ปาเตตฺวา อปายสมุทฺทํ ปาเปโนฺต มา ลุเว มา วินาเสยฺย มา อนยพฺยสนํ ปาเปยฺยาติ อโตฺถฯ
Velaṃ karothāti tesaṃ sotānaṃ velaṃ setuṃ karotha sannivāraṇaṃ. Bhaddanteti ālapanākāradassanaṃ. Mā te manomayo sototi udakasoto oḷāriko, tassa bālamahājanenapi setuṃ katvā nivāraṇaṃ sakkā. Ayaṃ pana manomayo soto sukhumo dunnivāraṇo. So yathā udakasoto vaḍḍhanto kūle ṭhitaṃ rukkhaṃ pātetvāva nāseti, evaṃ tumhe apāyatīre ṭhite tattha sahasā pātetvā apāyasamuddaṃ pāpento mā luve mā vināseyya mā anayabyasanaṃ pāpeyyāti attho.
เอวํ อยํ เถโร ปุริมตฺตภาเว ปริมทฺทิตสงฺขารตฺตา ญาณปริปากํ คตตฺตา ปวตฺติทุกฺขํ อุปธาเรโนฺต ยถา วิจิกิจฺฉาทิเก สํกิเลสธเมฺม ปริคฺคณฺหิ, ตมาการํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ชาตสํเวโค กิํกุสลคเวสี สตฺถุ สนฺติกํ คโต ยํ วิเสสํ อธิมุจฺจิ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ เม ภยชาตสฺสา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอวํ เม ภยชาตสฺสาติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน สํสาเร ชาตภยสฺส อปารา โอริมตีรโต สปฺปฎิภยโต สํสารวฎฺฎโต ‘‘กถํ นุ โข มุเญฺจยฺย’’นฺติ ปารํ นิพฺพานํ, เอสโต คเวสโต, ตาโณ สเทวกสฺส โลกสฺส ตาณภูโต กิเลสสมุเจฺฉทนี ปญฺญา อาวุโธ เอตสฺสาติ ปญฺญาวุโธฯ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิอเตฺถน สตฺตานํ ยถารหํ อนุสาสนโต สตฺถา, อิสิสเงฺฆน อคฺคสาวกาทิอริยปุคฺคลสมูเหน นิเสวิโต ปยิรุปาสิโต อิสิสงฺฆนิเสวิโต, โสปานนฺติ เทสนาญาเณน สุฎฺฐุ กตตฺตา อภิสงฺขตตฺตา สุกตํ, อุปกฺกิเลสวิรหิตโต สุทฺธํ, สทฺธาปญฺญาทิสารภูตํ ธมฺมสารมยํ ปฎิปเกฺขหิ อจลนียโต ทฬฺหํ, วิปสฺสนาสงฺขาตํ โสปานํ มโหเฆน วุยฺหมานสฺส มยฺหํ สตฺถา ปาทาสิ, ททโนฺต จ ‘‘อิมินา เต โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สมสฺสาเสโนฺต มา ภายีติ จ อพฺรวิ, กเถสิฯ
Evaṃ ayaṃ thero purimattabhāve parimadditasaṅkhārattā ñāṇaparipākaṃ gatattā pavattidukkhaṃ upadhārento yathā vicikicchādike saṃkilesadhamme pariggaṇhi, tamākāraṃ dassetvā idāni jātasaṃvego kiṃkusalagavesī satthu santikaṃ gato yaṃ visesaṃ adhimucci, taṃ dassento ‘‘evaṃ me bhayajātassā’’tiādimāha. Tattha evaṃ me bhayajātassāti evaṃ vuttappakārena saṃsāre jātabhayassa apārā orimatīrato sappaṭibhayato saṃsāravaṭṭato ‘‘kathaṃ nu kho muñceyya’’nti pāraṃ nibbānaṃ, esato gavesato, tāṇo sadevakassa lokassa tāṇabhūto kilesasamucchedanī paññā āvudho etassāti paññāvudho. Diṭṭhadhammikādiatthena sattānaṃ yathārahaṃ anusāsanato satthā, isisaṅghena aggasāvakādiariyapuggalasamūhena nisevito payirupāsito isisaṅghanisevito, sopānanti desanāñāṇena suṭṭhu katattā abhisaṅkhatattā sukataṃ, upakkilesavirahitato suddhaṃ, saddhāpaññādisārabhūtaṃ dhammasāramayaṃ paṭipakkhehi acalanīyato daḷhaṃ, vipassanāsaṅkhātaṃ sopānaṃ mahoghena vuyhamānassa mayhaṃ satthā pādāsi, dadanto ca ‘‘iminā te sotthi bhavissatī’’ti samassāsento mā bhāyīti ca abravi, kathesi.
สติปฎฺฐานปาสาทนฺติ เตน วิปสฺสนาโสปาเนน กายานุปสฺสนาทินา ลทฺธพฺพจตุพฺพิธสามญฺญผลวิเสเสน จตุภูมิสมฺปนฺนํ สติปฎฺฐานปาสาทํ อารุหิตฺวา ปจฺจเวกฺขิสํ จตุสจฺจธมฺมํ มคฺคญาเณน ปติอเวกฺขิํ ปฎิวิชฺฌิํฯ ยํ ตํ ปุเพฺพ อมญฺญิสฺสํ, สกฺกายาภิรตํ ปชนฺติ เอวํ ปฎิวิทฺธสโจฺจ ยํ สกฺกาเย ‘‘อหํ มมา’’ติ อภิรตํ ปชํ ติตฺถิยชนํ เตน ปริกปฺปิตอตฺตานญฺจ ปุเพฺพ สารโต อมญฺญิสฺสํฯ ยทา จ มคฺคมทฺทกฺขิํ, นาวาย อภิรูหนนฺติ อริยมคฺคนาวาย อภิรุหนูปายภูตํ ยทา วิปสฺสนามคฺคํ ยาถาวโต อทฺทกฺขิํฯ ตโต ปฎฺฐาย ตํ ติตฺถิยชนํ อตฺตานญฺจ อนธิฎฺฐาย จิเตฺต อฎฺฐเปตฺวา อคฺคเหตฺวา ติตฺถํ นิพฺพานสงฺขาตสฺส อมตมหาปารสฺส ติตฺถภูตํ อริยมคฺคทสฺสนํ สเพฺพหิ มเคฺคหิ สเพฺพหิ กุสลธเมฺมหิ อุกฺกฎฺฐํ อทฺทกฺขิํ, ยาถาวโต อปสฺสินฺติ อโตฺถฯ
Satipaṭṭhānapāsādanti tena vipassanāsopānena kāyānupassanādinā laddhabbacatubbidhasāmaññaphalavisesena catubhūmisampannaṃ satipaṭṭhānapāsādaṃ āruhitvā paccavekkhisaṃ catusaccadhammaṃ maggañāṇena patiavekkhiṃ paṭivijjhiṃ. Yaṃ taṃ pubbe amaññissaṃ, sakkāyābhirataṃ pajanti evaṃ paṭividdhasacco yaṃ sakkāye ‘‘ahaṃ mamā’’ti abhirataṃ pajaṃ titthiyajanaṃ tena parikappitaattānañca pubbe sārato amaññissaṃ. Yadā ca maggamaddakkhiṃ, nāvāya abhirūhananti ariyamagganāvāya abhiruhanūpāyabhūtaṃ yadā vipassanāmaggaṃ yāthāvato addakkhiṃ. Tato paṭṭhāya taṃ titthiyajanaṃ attānañca anadhiṭṭhāya citte aṭṭhapetvā aggahetvā titthaṃ nibbānasaṅkhātassa amatamahāpārassa titthabhūtaṃ ariyamaggadassanaṃ sabbehi maggehi sabbehi kusaladhammehi ukkaṭṭhaṃ addakkhiṃ, yāthāvato apassinti attho.
เอวํ อตฺตโน อนุตฺตรํ มคฺคาธิคมํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตสฺส เทสกํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ โถเมโนฺต ‘‘สลฺลํ อตฺตสมุฎฺฐาน’’นฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สลฺลนฺติ ทิฎฺฐิมานาทิกิเลสสลฺลํฯ อตฺตสมุฎฺฐานนฺติ ‘‘อห’’นฺติ มานฎฺฐานตาย ‘‘อตฺตา’’ติ จ ลทฺธนาเม อตฺตภาเว สมฺภูตํฯ ภวเนตฺติปฺปภาวิตนฺติ ภวตณฺหาสมุฎฺฐิตํ ภวตณฺหาสนฺนิสฺสยํฯ สา หิ ทิฎฺฐิมานาทีนํ สมฺภโวฯ เอเตสํ อปฺปวตฺตายาติ ยถาวุตฺตานํ ปาปธมฺมานํ อปฺปวตฺติยา อนุปฺปาทายฯ เทเสสิ มคฺคมุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ เสฎฺฐํ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, ตทุปายญฺจ วิปสฺสนามคฺคํ กเถสิฯ
Evaṃ attano anuttaraṃ maggādhigamaṃ pakāsetvā idāni tassa desakaṃ sammāsambuddhaṃ thomento ‘‘sallaṃ attasamuṭṭhāna’’ntiādimāha. Tattha sallanti diṭṭhimānādikilesasallaṃ. Attasamuṭṭhānanti ‘‘aha’’nti mānaṭṭhānatāya ‘‘attā’’ti ca laddhanāme attabhāve sambhūtaṃ. Bhavanettippabhāvitanti bhavataṇhāsamuṭṭhitaṃ bhavataṇhāsannissayaṃ. Sā hi diṭṭhimānādīnaṃ sambhavo. Etesaṃ appavattāyāti yathāvuttānaṃ pāpadhammānaṃ appavattiyā anuppādāya. Desesi maggamuttamanti uttamaṃ seṭṭhaṃ ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ, tadupāyañca vipassanāmaggaṃ kathesi.
ทีฆรตฺตานุสยิตนฺติ อนมตเคฺค สํสาเร จิรกาลํ สนฺตาเน อนุ อนุ สยิตํ การณลาเภน อุปฺปชฺชนารหภาเวน ถามคตํ, ตโต จ จิรรตฺตํ อธิฎฺฐิตํ สนฺตานํ อชฺฌารุยฺห ฐิตํฯ คนฺถนฺติ อภิชฺฌากายคนฺถาทิํ มม สนฺตาเน คนฺถภูตํ กิเลสวิสโทสํ ปวาหโน พุโทฺธ ภควา อตฺตโน เทสนานุภาเวน อปานุที ปริชหาเปสิ, คเนฺถสุ หิ อนวเสสโต ปหีเนสุ อปฺปหีโน นาม กิเลโส นตฺถีติฯ
Dīgharattānusayitanti anamatagge saṃsāre cirakālaṃ santāne anu anu sayitaṃ kāraṇalābhena uppajjanārahabhāvena thāmagataṃ, tato ca cirarattaṃ adhiṭṭhitaṃ santānaṃ ajjhāruyha ṭhitaṃ. Ganthanti abhijjhākāyaganthādiṃ mama santāne ganthabhūtaṃ kilesavisadosaṃ pavāhano buddho bhagavā attano desanānubhāvena apānudī parijahāpesi, ganthesu hi anavasesato pahīnesu appahīno nāma kileso natthīti.
เตลกานิเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Telakānittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. เตลกานิเตฺถรคาถา • 3. Telakānittheragāthā