Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    ๑๗. จตฺตาลีสนิปาโต

    17. Cattālīsanipāto

    [๕๒๑] ๑. เตสกุณชาตกวณฺณนา

    [521] 1. Tesakuṇajātakavaṇṇanā

    เวสฺสนฺตรํ ตํ ปุจฺฉามีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกสลรโญฺญ โอวาทวเสน กเถสิฯ ตญฺหิ ราชานํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย อาคตํ สตฺถา อามเนฺตตฺวา ‘‘มหาราช, รญฺญา นาม ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตพฺพํ, ยสฺมิญฺหิ สมเย ราชาโน อธมฺมิกา โหนฺติ, ราชยุตฺตาปิ ตสฺมิํ สมเย อธมฺมิกา โหนฺตี’’ติ จตุกฺกนิปาเต (อ. นิ. ๔.๗๐) อาคตสุตฺตนเยน โอวทิตฺวา อคติคมเน อคติอคมเน จ อาทีนวญฺจ อานิสํสญฺจ กเถตฺวา ‘‘สุปินกูปมา กามา’’ติอาทินา นเยน กาเมสุ อาทีนวํ วิตฺถาเรตฺวา, ‘‘มหาราช, อิเมสญฺหิ สตฺตานํ –

    Vessantaraṃtaṃ pucchāmīti idaṃ satthā jetavane viharanto kosalarañño ovādavasena kathesi. Tañhi rājānaṃ dhammassavanatthāya āgataṃ satthā āmantetvā ‘‘mahārāja, raññā nāma dhammena rajjaṃ kāretabbaṃ, yasmiñhi samaye rājāno adhammikā honti, rājayuttāpi tasmiṃ samaye adhammikā hontī’’ti catukkanipāte (a. ni. 4.70) āgatasuttanayena ovaditvā agatigamane agatiagamane ca ādīnavañca ānisaṃsañca kathetvā ‘‘supinakūpamā kāmā’’tiādinā nayena kāmesu ādīnavaṃ vitthāretvā, ‘‘mahārāja, imesañhi sattānaṃ –

    ‘มจฺจุนา สงฺคโร นตฺถิ, ลญฺชคฺคาโห น วิชฺชติ;

    ‘Maccunā saṅgaro natthi, lañjaggāho na vijjati;

    ยุทฺธํ นตฺถิ ชโย นตฺถิ, สเพฺพ มจฺจุปรายณา’ฯ

    Yuddhaṃ natthi jayo natthi, sabbe maccuparāyaṇā’.

    เตสํ ปรโลกํ คจฺฉนฺตานํ ฐเปตฺวา อตฺตนา กตํ กลฺยาณกมฺมํ อญฺญา ปติฎฺฐา นาม นตฺถิฯ เอวํ อิตฺตรปจฺจุปฎฺฐานํ อวสฺสํ ปหาตพฺพํ, น ยสํ นิสฺสาย ปมาทํ กาตุํ วฎฺฎติ, อปฺปมเตฺตเนว หุตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตุํ วฎฺฎติฯ โปราณกราชาโน อนุปฺปเนฺนปิ พุเทฺธ ปณฺฑิตานํ โอวาเท ฐตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตฺวา เทวนครํ ปูรยมานา คมิํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Tesaṃ paralokaṃ gacchantānaṃ ṭhapetvā attanā kataṃ kalyāṇakammaṃ aññā patiṭṭhā nāma natthi. Evaṃ ittarapaccupaṭṭhānaṃ avassaṃ pahātabbaṃ, na yasaṃ nissāya pamādaṃ kātuṃ vaṭṭati, appamatteneva hutvā dhammena rajjaṃ kāretuṃ vaṭṭati. Porāṇakarājāno anuppannepi buddhe paṇḍitānaṃ ovāde ṭhatvā dhammena rajjaṃ kāretvā devanagaraṃ pūrayamānā gamiṃsū’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทโตฺต รชฺชํ กาเรโนฺต อปุตฺตโก อโหสิ, ปเตฺถโนฺตปิ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา น ลภิฯ โส เอกทิวสํ มหเนฺตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ทิวสภาคํ อุยฺยาเน กีฬิตฺวา มงฺคลสาลรุกฺขมูเล สยนํ อตฺถราเปตฺวา โถกํ นิทฺทายิตฺวา ปพุโทฺธ สาลรุกฺขํ โอโลเกตฺวา ตตฺถ สกุณกุลาวกํ ปสฺสิ, สห ทสฺสเนเนวสฺส สิเนโห อุปฺปชฺชิฯ โส เอกํ ปุริสํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘อิมํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา เอตสฺมิํ กุลาวเก กสฺสจิ อตฺถิตํ วา นตฺถิตํ วา ชานาหี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วตฺวา อภิรุหิตฺวา ตตฺถ ตีณิ อณฺฑกานิ ทิสฺวา รโญฺญ อาโรเจสิฯ ราชา ‘‘เตน หิ เอเตสํ อุปริ นาสวาตํ มา วิสฺสเชฺชสี’’ติ วตฺวา ‘‘จโงฺกฎเก กปฺปาสปิจุํ อตฺถริตฺวา ตเตฺถว ตานิ อณฺฑกานิ ฐเปตฺวา สณิกํ โอตราหี’’ติ โอตาราเปตฺวา จโงฺกฎกํ หเตฺถน คเหตฺวา ‘‘กตรสกุณณฺฑกานิ นาเมตานี’’ติ อมเจฺจ ปุจฺฉิฯ เต ‘‘มยํ น ชานาม, เนสาทา ชานิสฺสนฺตี’’ติ วทิํสุฯ ราชา เนสาเท ปโกฺกสาเปตฺวา ปุจฺฉิฯ เนสาทา, ‘‘มหาราช, เตสุ เอกํ อุลูกอณฺฑํ, เอกํ สาลิกาอณฺฑํ, เอกํ สุวกอณฺฑ’’นฺติ กถยิํสุฯ กิํ ปน เอกสฺมิํ กุลาวเก ติณฺณํ สกุณิกานํ อณฺฑานิ โหนฺตีติฯ อาม, เทว, ปริปเนฺถ อสติ สุนิกฺขิตฺตานิ น นสฺสนฺตีติฯ ราชา ตุสฺสิตฺวา ‘‘อิเม มม ปุตฺตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ตานิ ตีณิ อณฺฑานิ ตโย อมเจฺจ ปฎิจฺฉาเปตฺวา ‘‘อิเม มยฺหํ ปุตฺตา ภวิสฺสนฺติ, ตุเมฺห สาธุกํ ปฎิชคฺคิตฺวา อณฺฑโกสโต นิกฺขนฺตกาเล มมาโรเจยฺยาถา’’ติ อาหฯ เต ตานิ สาธุกํ รกฺขิํสุฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatto rajjaṃ kārento aputtako ahosi, patthentopi puttaṃ vā dhītaraṃ vā na labhi. So ekadivasaṃ mahantena parivārena uyyānaṃ gantvā divasabhāgaṃ uyyāne kīḷitvā maṅgalasālarukkhamūle sayanaṃ attharāpetvā thokaṃ niddāyitvā pabuddho sālarukkhaṃ oloketvā tattha sakuṇakulāvakaṃ passi, saha dassanenevassa sineho uppajji. So ekaṃ purisaṃ pakkosāpetvā ‘‘imaṃ rukkhaṃ abhiruhitvā etasmiṃ kulāvake kassaci atthitaṃ vā natthitaṃ vā jānāhī’’ti āha. So ‘‘sādhu, devā’’ti vatvā abhiruhitvā tattha tīṇi aṇḍakāni disvā rañño ārocesi. Rājā ‘‘tena hi etesaṃ upari nāsavātaṃ mā vissajjesī’’ti vatvā ‘‘caṅkoṭake kappāsapicuṃ attharitvā tattheva tāni aṇḍakāni ṭhapetvā saṇikaṃ otarāhī’’ti otārāpetvā caṅkoṭakaṃ hatthena gahetvā ‘‘katarasakuṇaṇḍakāni nāmetānī’’ti amacce pucchi. Te ‘‘mayaṃ na jānāma, nesādā jānissantī’’ti vadiṃsu. Rājā nesāde pakkosāpetvā pucchi. Nesādā, ‘‘mahārāja, tesu ekaṃ ulūkaaṇḍaṃ, ekaṃ sālikāaṇḍaṃ, ekaṃ suvakaaṇḍa’’nti kathayiṃsu. Kiṃ pana ekasmiṃ kulāvake tiṇṇaṃ sakuṇikānaṃ aṇḍāni hontīti. Āma, deva, paripanthe asati sunikkhittāni na nassantīti. Rājā tussitvā ‘‘ime mama puttā bhavissantī’’ti tāni tīṇi aṇḍāni tayo amacce paṭicchāpetvā ‘‘ime mayhaṃ puttā bhavissanti, tumhe sādhukaṃ paṭijaggitvā aṇḍakosato nikkhantakāle mamāroceyyāthā’’ti āha. Te tāni sādhukaṃ rakkhiṃsu.

    เตสุ ปฐมํ อุลูกอณฺฑํ ภิชฺชิฯ อมโจฺจ เอกํ เนสาทํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตฺวํ อิตฺถิภาวํ วา ปุริสภาวํ วา ชานาหี’’ติ วตฺวา เตน ตํ วีมํสิตฺวา ‘‘ปุริโส’’ติ วุเตฺต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปุโตฺต เต, เทว, ชาโต’’ติ อาหฯ ราชา ตุโฎฺฐ ตสฺส พหุํ ธนํ ทตฺวา ‘‘ปุตฺตกํ เม สาธุกํ ปฎิชคฺค, ‘เวสฺสนฺตโร’ติ จสฺส นามํ กโรหี’’ติ วตฺวา อุโยฺยเชสิฯ โส ตถา อกาสิฯ ตโต กติปาหจฺจเยน สาลิกาอณฺฑํ ภิชฺชิฯ โสปิ อมโจฺจ ตํ เนสาเทน วีมํสาเปตฺวา ‘‘อิตฺถี’’ติ สุตฺวา รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ธีตา เต, เทว, ชาตา’’ติ อาหฯ ราชา ตุโฎฺฐ ตสฺสปิ พหุํ ธนํ ทตฺวา ‘‘ธีตรํ เม สาธุกํ ปฎิชคฺค, ‘กุณฺฑลินี’ติ จสฺสา นามํ กโรหี’’ติ วตฺวา อุโยฺยเชสิฯ โสปิ ตถา อกาสิฯ ปุน กติปาหจฺจเยน สุวกอณฺฑํ ภิชฺชิฯ โสปิ อมโจฺจ เนสาเทน ตํ วีมํสิตฺวา ‘‘ปุริโส’’ติ วุเตฺต รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุโตฺต เต, เทว, ชาโต’’ติ อาหฯ ราชา ตุโฎฺฐ ตสฺสปิ พหุํ ธนํ ทตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม มหเนฺตน ปริวาเรน มงฺคลํ กตฺวา ‘ชมฺพุโก’ติสฺส นามํ กโรหี’’ติ วตฺวา อุโยฺยเชสิฯ โสปิ ตถา อกาสิฯ เต ตโยปิ สกุณา ติณฺณํ อมจฺจานํ เคเหสุ ราชกุมารปริหาเรเนว วฑฺฒนฺติฯ ราชา ‘‘มม ปุโตฺต, มม ธีตา’’ติ โวหรติฯ อถสฺส อมจฺจา อญฺญมญฺญํ อวหสนฺติ ‘‘ปสฺสถ, โภ, รโญฺญ กิริยํ, ติรจฺฉานคเตปิ ‘ปุโตฺต เม, ธีตา เม’ติ วทโนฺต วิจรตี’’ติฯ

    Tesu paṭhamaṃ ulūkaaṇḍaṃ bhijji. Amacco ekaṃ nesādaṃ pakkosāpetvā ‘‘tvaṃ itthibhāvaṃ vā purisabhāvaṃ vā jānāhī’’ti vatvā tena taṃ vīmaṃsitvā ‘‘puriso’’ti vutte rājānaṃ upasaṅkamitvā ‘‘putto te, deva, jāto’’ti āha. Rājā tuṭṭho tassa bahuṃ dhanaṃ datvā ‘‘puttakaṃ me sādhukaṃ paṭijagga, ‘vessantaro’ti cassa nāmaṃ karohī’’ti vatvā uyyojesi. So tathā akāsi. Tato katipāhaccayena sālikāaṇḍaṃ bhijji. Sopi amacco taṃ nesādena vīmaṃsāpetvā ‘‘itthī’’ti sutvā rañño santikaṃ gantvā ‘‘dhītā te, deva, jātā’’ti āha. Rājā tuṭṭho tassapi bahuṃ dhanaṃ datvā ‘‘dhītaraṃ me sādhukaṃ paṭijagga, ‘kuṇḍalinī’ti cassā nāmaṃ karohī’’ti vatvā uyyojesi. Sopi tathā akāsi. Puna katipāhaccayena suvakaaṇḍaṃ bhijji. Sopi amacco nesādena taṃ vīmaṃsitvā ‘‘puriso’’ti vutte rañño santikaṃ gantvā ‘‘putto te, deva, jāto’’ti āha. Rājā tuṭṭho tassapi bahuṃ dhanaṃ datvā ‘‘puttassa me mahantena parivārena maṅgalaṃ katvā ‘jambuko’tissa nāmaṃ karohī’’ti vatvā uyyojesi. Sopi tathā akāsi. Te tayopi sakuṇā tiṇṇaṃ amaccānaṃ gehesu rājakumāraparihāreneva vaḍḍhanti. Rājā ‘‘mama putto, mama dhītā’’ti voharati. Athassa amaccā aññamaññaṃ avahasanti ‘‘passatha, bho, rañño kiriyaṃ, tiracchānagatepi ‘putto me, dhītā me’ti vadanto vicaratī’’ti.

    ตํ สุตฺวา ราชา จิเนฺตสิ – ‘‘อิเม อมจฺจา เอเตสํ มม ปุตฺตานํ ปญฺญาสมฺปทํ น ชานนฺติ, ปากฎํ เนสํ กริสฺสามี’’ติฯ อเถกํ อมจฺจํ เวสฺสนฺตรสฺส สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘ตุมฺหากํ ปิตา ปญฺหํ ปุจฺฉิตุกาโม, กทา กิร อาคนฺตฺวา ปุจฺฉตู’’ติฯ โส อมโจฺจ คนฺตฺวา เวสฺสนฺตรํ วนฺทิตฺวา ตํ สาสนํ อาโรเจสิฯ ตํ สุตฺวา เวสฺสนฺตโร อตฺตโน ปฎิชคฺคกํ อมจฺจํ ปโกฺกสิตฺวา ‘‘มยฺหํ กิร ปิตา มํ ปญฺหํ ปุจฺฉิตุกาโม, ตสฺส อิธาคตสฺส สกฺการํ กาตุํ วฎฺฎติ, กทา อาคจฺฉตู’’ติ ปุจฺฉิฯ อมโจฺจ ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส ตว ปิตา อาคจฺฉตู’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา เวสฺสนฺตโร ‘‘ปิตา เม อิโต สตฺตเม ทิวเส อาคจฺฉตู’’ติ วตฺวา อุโยฺยเชสิฯ โส อาคนฺตฺวา รโญฺญ อาจิกฺขิฯ ราชา สตฺตเม ทิวเส นคเร เภริํ จราเปตฺวา ปุตฺตสฺส นิเวสนํ อคมาสิฯ เวสฺสนฺตโร รโญฺญ มหนฺตํ สกฺการํ กาเรสิ, อนฺตมโส ทาสกมฺมการานมฺปิ สกฺการํ กาเรสิฯ ราชา เวสฺสนฺตรสกุณสฺส เคเห ภุญฺชิตฺวา มหนฺตํ ยสํ อนุภวิตฺวา สกํ นิเวสนํ อาคนฺตฺวา ราชงฺคเณ มหนฺตํ มณฺฑปํ การาเปตฺวา นคเร เภริํ จราเปตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมเชฺฌ มหาชนปริวาโร นิสีทิตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตรํ อาเนตู’’ติ อมจฺจสฺส สนฺติกํ เปเสสิฯ อมโจฺจ เวสฺสนฺตรํ สุวณฺณปีเฐ นิสีทาเปตฺวา อาเนสิฯ เวสฺสนฺตรสกุโณ ปิตุ อเงฺก นิสีทิตฺวา ปิตรา สห กีฬิตฺวา คนฺตฺวา ตเตฺถว สุวณฺณปีเฐ นิสีทิฯ อถ นํ ราชา มหาชนมเชฺฌ ราชธมฺมํ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā rājā cintesi – ‘‘ime amaccā etesaṃ mama puttānaṃ paññāsampadaṃ na jānanti, pākaṭaṃ nesaṃ karissāmī’’ti. Athekaṃ amaccaṃ vessantarassa santikaṃ pesesi – ‘‘tumhākaṃ pitā pañhaṃ pucchitukāmo, kadā kira āgantvā pucchatū’’ti. So amacco gantvā vessantaraṃ vanditvā taṃ sāsanaṃ ārocesi. Taṃ sutvā vessantaro attano paṭijaggakaṃ amaccaṃ pakkositvā ‘‘mayhaṃ kira pitā maṃ pañhaṃ pucchitukāmo, tassa idhāgatassa sakkāraṃ kātuṃ vaṭṭati, kadā āgacchatū’’ti pucchi. Amacco ‘‘ito sattame divase tava pitā āgacchatū’’ti āha. Taṃ sutvā vessantaro ‘‘pitā me ito sattame divase āgacchatū’’ti vatvā uyyojesi. So āgantvā rañño ācikkhi. Rājā sattame divase nagare bheriṃ carāpetvā puttassa nivesanaṃ agamāsi. Vessantaro rañño mahantaṃ sakkāraṃ kāresi, antamaso dāsakammakārānampi sakkāraṃ kāresi. Rājā vessantarasakuṇassa gehe bhuñjitvā mahantaṃ yasaṃ anubhavitvā sakaṃ nivesanaṃ āgantvā rājaṅgaṇe mahantaṃ maṇḍapaṃ kārāpetvā nagare bheriṃ carāpetvā alaṅkatamaṇḍapamajjhe mahājanaparivāro nisīditvā ‘‘vessantaraṃ ānetū’’ti amaccassa santikaṃ pesesi. Amacco vessantaraṃ suvaṇṇapīṭhe nisīdāpetvā ānesi. Vessantarasakuṇo pitu aṅke nisīditvā pitarā saha kīḷitvā gantvā tattheva suvaṇṇapīṭhe nisīdi. Atha naṃ rājā mahājanamajjhe rājadhammaṃ pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    .

    1.

    ‘‘เวสฺสนฺตรํ ตํ ปุจฺฉามิ, สกุณ ภทฺทมตฺถุ เต;

    ‘‘Vessantaraṃ taṃ pucchāmi, sakuṇa bhaddamatthu te;

    รชฺชํ กาเรตุกาเมน, กิํ สุ กิจฺจํ กตํ วร’’นฺติฯ

    Rajjaṃ kāretukāmena, kiṃ su kiccaṃ kataṃ vara’’nti.

    ตตฺถ สกุณาติ ตํ อาลปติฯ กิํ สูติ กตรํ กิจฺจํ กตํ วรํ อุตฺตมํ โหติ, กเถหิ เม, ตาต, สกลํ ราชธมฺมนฺติ เอวํ กิร ตํ โส ปุจฺฉิฯ

    Tattha sakuṇāti taṃ ālapati. Kiṃ sūti kataraṃ kiccaṃ kataṃ varaṃ uttamaṃ hoti, kathehi me, tāta, sakalaṃ rājadhammanti evaṃ kira taṃ so pucchi.

    ตํ สุตฺวา เวสฺสนฺตโร ปญฺหํ อกเถตฺวาว ราชานํ ตาว ปมาเทน โจเทโนฺต ทุติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā vessantaro pañhaṃ akathetvāva rājānaṃ tāva pamādena codento dutiyaṃ gāthamāha –

    .

    2.

    ‘‘จิรสฺสํ วต มํ ตาโต, กํโส พาราณสิคฺคโห;

    ‘‘Cirassaṃ vata maṃ tāto, kaṃso bārāṇasiggaho;

    ปมโตฺต อปฺปมตฺตํ มํ, ปิตา ปุตฺตํ อโจทยี’’ติฯ

    Pamatto appamattaṃ maṃ, pitā puttaṃ acodayī’’ti.

    ตตฺถ ตาโตติ ปิตาฯ กํโสติ อิทํ ตสฺส นามํฯ พาราณสิคฺคโหติ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ พาราณสิํ สงฺคเหตฺวา วตฺตโนฺตฯ ปมโตฺตติ เอวรูปานํ ปณฺฑิตานํ สนฺติเก วสโนฺต ปญฺหสฺส อปุจฺฉเนน ปมโตฺตฯ อปฺปมตฺตํ มนฺติ สีลาทิคุณโยเคน มํ อปฺปมตฺตํฯ ปิตาติ โปสกปิตาฯ อโจทยีติ อมเจฺจหิ ‘‘ติรจฺฉานคเต ปุเตฺต กตฺวา โวหรตี’’ติ อวหสิยมาโน ปมาทํ อาปชฺชิตฺวา จิรสฺสํ อชฺช โจเทสิ, ปญฺหํ ปุจฺฉีติ วทติฯ

    Tattha tātoti pitā. Kaṃsoti idaṃ tassa nāmaṃ. Bārāṇasiggahoti catūhi saṅgahavatthūhi bārāṇasiṃ saṅgahetvā vattanto. Pamattoti evarūpānaṃ paṇḍitānaṃ santike vasanto pañhassa apucchanena pamatto. Appamattaṃ manti sīlādiguṇayogena maṃ appamattaṃ. Pitāti posakapitā. Acodayīti amaccehi ‘‘tiracchānagate putte katvā voharatī’’ti avahasiyamāno pamādaṃ āpajjitvā cirassaṃ ajja codesi, pañhaṃ pucchīti vadati.

    เอวํ โส อิมาย คาถาย โจเทตฺวา ‘‘มหาราช, รญฺญา นาม ตีสุ ธเมฺมสุ ฐตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ราชธมฺมํ กเถโนฺต อิมา คาถาโย อาห –

    Evaṃ so imāya gāthāya codetvā ‘‘mahārāja, raññā nāma tīsu dhammesu ṭhatvā dhammena rajjaṃ kāretabba’’nti vatvā rājadhammaṃ kathento imā gāthāyo āha –

    .

    3.

    ‘‘ปฐเมเนว วิตถํ, โกธํ หาสํ นิวารเย;

    ‘‘Paṭhameneva vitathaṃ, kodhaṃ hāsaṃ nivāraye;

    ตโต กิจฺจานิ กาเรยฺย, ตํ วตํ อาหุ ขตฺติยฯ

    Tato kiccāni kāreyya, taṃ vataṃ āhu khattiya.

    .

    4.

    ‘‘ยํ ตฺวํ ตาต ตโปกมฺมํ, ปุเพฺพ กตมสํสยํ;

    ‘‘Yaṃ tvaṃ tāta tapokammaṃ, pubbe katamasaṃsayaṃ;

    รโตฺต ทุโฎฺฐ จ ยํ กยิรา, น ตํ กยิรา ตโต ปุนฯ

    Ratto duṭṭho ca yaṃ kayirā, na taṃ kayirā tato puna.

    .

    5.

    ‘‘ขตฺติยสฺส ปมตฺตสฺส, รฎฺฐสฺมิํ รฎฺฐวฑฺฒน;

    ‘‘Khattiyassa pamattassa, raṭṭhasmiṃ raṭṭhavaḍḍhana;

    สเพฺพ โภคา วินสฺสนฺติ, รโญฺญ ตํ วุจฺจเต อฆํฯ

    Sabbe bhogā vinassanti, rañño taṃ vuccate aghaṃ.

    .

    6.

    ‘‘สิรี ตาต อลกฺขี จ, ปุจฺฉิตา เอตทพฺรวุํ;

    ‘‘Sirī tāta alakkhī ca, pucchitā etadabravuṃ;

    อุฎฺฐานวีริเย โปเส, รมาหํ อนุสูยเกฯ

    Uṭṭhānavīriye pose, ramāhaṃ anusūyake.

    .

    7.

    ‘‘อุสูยเก ทุหทเย, ปุริเส กมฺมทุสฺสเก;

    ‘‘Usūyake duhadaye, purise kammadussake;

    กาฬกณฺณี มหาราช, รมติ จกฺกภญฺชนีฯ

    Kāḷakaṇṇī mahārāja, ramati cakkabhañjanī.

    .

    8.

    ‘‘โส ตฺวํ สเพฺพ สุหทโย, สเพฺพสํ รกฺขิโต ภว;

    ‘‘So tvaṃ sabbe suhadayo, sabbesaṃ rakkhito bhava;

    อลกฺขิํ นุท มหาราช, ลกฺขฺยา ภว นิเวสนํฯ

    Alakkhiṃ nuda mahārāja, lakkhyā bhava nivesanaṃ.

    .

    9.

    ‘‘ส ลกฺขีธิติสมฺปโนฺน, ปุริโส หิ มหคฺคโต;

    ‘‘Sa lakkhīdhitisampanno, puriso hi mahaggato;

    อมิตฺตานํ กาสิปติ, มูลํ อคฺคญฺจ ฉินฺทติฯ

    Amittānaṃ kāsipati, mūlaṃ aggañca chindati.

    ๑๐.

    10.

    ‘‘สโกฺกปิ หิ ภูตปติ, อุฎฺฐาเน นปฺปมชฺชติ;

    ‘‘Sakkopi hi bhūtapati, uṭṭhāne nappamajjati;

    ส กลฺยาเณ ธิติํ กตฺวา, อุฎฺฐาเน กุรุเต มโนฯ

    Sa kalyāṇe dhitiṃ katvā, uṭṭhāne kurute mano.

    ๑๑.

    11.

    ‘‘คนฺธพฺพา ปิตโร เทวา, สาชีวา โหนฺติ ตาทิโน;

    ‘‘Gandhabbā pitaro devā, sājīvā honti tādino;

    อุฎฺฐาหโต อปฺปมชฺชโต, อนุติฎฺฐนฺติ เทวตาฯ

    Uṭṭhāhato appamajjato, anutiṭṭhanti devatā.

    ๑๒.

    12.

    ‘‘โส อปฺปมโตฺต อกฺกุโทฺธ, ตาต กิจฺจานิ การย;

    ‘‘So appamatto akkuddho, tāta kiccāni kāraya;

    วายมสฺสุ จ กิเจฺจสุ, นาลโส วินฺทเต สุขํฯ

    Vāyamassu ca kiccesu, nālaso vindate sukhaṃ.

    ๑๓.

    13.

    ‘‘ตเตฺถว เต วตฺตปทา, เอสาว อนุสาสนี;

    ‘‘Tattheva te vattapadā, esāva anusāsanī;

    อลํ มิเตฺต สุขาเปตุํ, อมิตฺตานํ ทุขาย จา’’ติฯ

    Alaṃ mitte sukhāpetuṃ, amittānaṃ dukhāya cā’’ti.

    ตตฺถ ปฐเมเนว วิตถนฺติ, ตาต, ราชา นาม อาทิโตว มุสาวาทํ นิวารเยฯ มุสาวาทิโน หิ รโญฺญ รฎฺฐํ นิโรชํ โหติ, ปถวิยา โอชา กมฺมกรณฎฺฐานโต สตฺตรตนมตฺตํ เหฎฺฐา ภสฺสติ, ตโต อาหาเร วา เตลมธุผาณิตาทีสุ วา โอสเธสุ โอชา น โหติฯ นิโรชาหารโภชนา มนุสฺสา พหฺวาพาธา โหนฺติ, รเฎฺฐ ถลชลปเถสุ อาโย นุปฺปชฺชติ, ตสฺมิํ อนุปฺปชฺชเนฺต ราชาโน ทุคฺคตา โหนฺติฯ เต เสวเก สงฺคณฺหิตุํ น สโกฺกนฺติ, อสงฺคหิตา เสวกา ราชานํ ครุจิเตฺตน น โอโลเกนฺติฯ เอวํ, ตาต, มุสาวาโท นาเมส นิโรโช, น โส ชีวิตเหตุปิ กาตโพฺพ, สจฺจํ ปน สาทุตรํ รสานนฺติ ตเทว ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ อปิจ มุสาวาโท นาม คุณปริธํสโก วิปตฺติปริโยสาโน, ทุติยจิตฺตวาเร อวีจิปรายณํ กโรติฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ ‘‘ธโมฺม หเว หโต หนฺตี’’ติ เจติยชาตกํ (ชา. ๑.๘.๔๕ อาทโย) กเถตพฺพํฯ

    Tattha paṭhameneva vitathanti, tāta, rājā nāma āditova musāvādaṃ nivāraye. Musāvādino hi rañño raṭṭhaṃ nirojaṃ hoti, pathaviyā ojā kammakaraṇaṭṭhānato sattaratanamattaṃ heṭṭhā bhassati, tato āhāre vā telamadhuphāṇitādīsu vā osadhesu ojā na hoti. Nirojāhārabhojanā manussā bahvābādhā honti, raṭṭhe thalajalapathesu āyo nuppajjati, tasmiṃ anuppajjante rājāno duggatā honti. Te sevake saṅgaṇhituṃ na sakkonti, asaṅgahitā sevakā rājānaṃ garucittena na olokenti. Evaṃ, tāta, musāvādo nāmesa nirojo, na so jīvitahetupi kātabbo, saccaṃ pana sādutaraṃ rasānanti tadeva paṭiggahetabbaṃ. Apica musāvādo nāma guṇaparidhaṃsako vipattipariyosāno, dutiyacittavāre avīciparāyaṇaṃ karoti. Imasmiṃ panatthe ‘‘dhammo have hato hantī’’ti cetiyajātakaṃ (jā. 1.8.45 ādayo) kathetabbaṃ.

    โกธนฺติ, ตาต, ราชา นาม ปฐมเมว กุชฺฌนลกฺขณํ โกธมฺปิ นิวาเรยฺยฯ ตาต, อเญฺญสญฺหิ โกโธ ขิปฺปํ มตฺถกํ น ปาปุณาติ, ราชูนํ ปาปุณาติฯ ราชาโน นาม วาจาวุธา กุชฺฌิตฺวา โอโลกิตมเตฺตนาปิ ปรํ วินาเสนฺติ, ตสฺมา รญฺญา อเญฺญหิ มนุเสฺสหิ อติเรกตรํ นิโกฺกเธน ภวิตพฺพํ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยาสมฺปเนฺนน อตฺตโน ปิยปุตฺตํ วิย โลกํ โวโลเกเนฺตน ภวิตพฺพํฯ ตาต, อติโกธโน นาม ราชา อุปฺปนฺนํ ยสํ รกฺขิตุํ น สโกฺกติฯ อิมสฺส ปนตฺถสฺส ทีปนตฺถํ ขนฺติวาทิชาตก- (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย) จูฬธมฺมปาลชาตกานิ (ชา. ๑.๕.๔๔ อาทโย) กเถตพฺพานิฯ จูฬธมฺมปาลชาตกสฺมิญฺหิ มหาปตาปโน นาม ราชา ปุตฺตํ ฆาเตตฺวา ปุตฺตโสเกน หทเยน ผลิเตน มตาย เทวิยา สยมฺปิ เทวิํ อนุโสจโนฺต หทเยน ผลิเตเนว มริฯ อถ เต ตโยปิ เอกอาฬาหเนว ฌาเปสุํฯ ตสฺมา รญฺญา ปฐมเมว มุสาวาทํ วเชฺชตฺวา ทุติยํ โกโธ วเชฺชตโพฺพฯ

    Kodhanti, tāta, rājā nāma paṭhamameva kujjhanalakkhaṇaṃ kodhampi nivāreyya. Tāta, aññesañhi kodho khippaṃ matthakaṃ na pāpuṇāti, rājūnaṃ pāpuṇāti. Rājāno nāma vācāvudhā kujjhitvā olokitamattenāpi paraṃ vināsenti, tasmā raññā aññehi manussehi atirekataraṃ nikkodhena bhavitabbaṃ, khantimettānuddayāsampannena attano piyaputtaṃ viya lokaṃ volokentena bhavitabbaṃ. Tāta, atikodhano nāma rājā uppannaṃ yasaṃ rakkhituṃ na sakkoti. Imassa panatthassa dīpanatthaṃ khantivādijātaka- (jā. 1.4.49 ādayo) cūḷadhammapālajātakāni (jā. 1.5.44 ādayo) kathetabbāni. Cūḷadhammapālajātakasmiñhi mahāpatāpano nāma rājā puttaṃ ghātetvā puttasokena hadayena phalitena matāya deviyā sayampi deviṃ anusocanto hadayena phaliteneva mari. Atha te tayopi ekaāḷāhaneva jhāpesuṃ. Tasmā raññā paṭhamameva musāvādaṃ vajjetvā dutiyaṃ kodho vajjetabbo.

    หาสนฺติ หสฺสํ, อยเมว วา ปาโฐฯ เตสุ เตสุ กิเจฺจสุ อุปฺปิลาวิตจิตฺตตาย เกฬิสีลตํ ปริหาสํ นิวาเรยฺยฯ ตาต, รญฺญา นาม เกฬิสีเลน น ภวิตพฺพํ, อปรปตฺติเยน หุตฺวา สพฺพานิ กิจฺจานิ อตฺตปจฺจเกฺขเนว กาตพฺพานิฯ อุปฺปิลาวิตจิโตฺต หิ ราชา อตุเลตฺวา กมฺมานิ กโรโนฺต ลทฺธํ ยสํ วินาเสติฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ สรภงฺคชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๕๐ อาทโย) ปุโรหิตสฺส วจนํ คเหตฺวา ทณฺฑกิรโญฺญ กิสวเจฺฉ อปรชฺฌิตฺวา สห รเฎฺฐน อุจฺฉิชฺชิตฺวา กุกฺกุฬนิรเย นิพฺพตฺตภาโว จ มาตงฺคชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๑ อาทโย) มชฺฌรโญฺญ พฺราหฺมณานํ กถํ คเหตฺวา มาตงฺคตาปเส อปรชฺฌิตฺวา สห รเฎฺฐน อุจฺฉิชฺชิตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตภาโว จ ฆฎปณฺฑิตชาตเก (ชา. ๑.๑๐.๑๖๕ อาทโย) ทสภาติกราชทารกานํ โมหมูฬฺหานํ วจนํ คเหตฺวา กณฺหทีปายเน อปรชฺฌิตฺวา วาสุเทวกุลสฺส นาสิตภาโว จ กเถตโพฺพฯ

    Hāsanti hassaṃ, ayameva vā pāṭho. Tesu tesu kiccesu uppilāvitacittatāya keḷisīlataṃ parihāsaṃ nivāreyya. Tāta, raññā nāma keḷisīlena na bhavitabbaṃ, aparapattiyena hutvā sabbāni kiccāni attapaccakkheneva kātabbāni. Uppilāvitacitto hi rājā atuletvā kammāni karonto laddhaṃ yasaṃ vināseti. Imasmiṃ panatthe sarabhaṅgajātake (jā. 2.17.50 ādayo) purohitassa vacanaṃ gahetvā daṇḍakirañño kisavacche aparajjhitvā saha raṭṭhena ucchijjitvā kukkuḷaniraye nibbattabhāvo ca mātaṅgajātake (jā. 1.15.1 ādayo) majjharañño brāhmaṇānaṃ kathaṃ gahetvā mātaṅgatāpase aparajjhitvā saha raṭṭhena ucchijjitvā niraye nibbattabhāvo ca ghaṭapaṇḍitajātake (jā. 1.10.165 ādayo) dasabhātikarājadārakānaṃ mohamūḷhānaṃ vacanaṃ gahetvā kaṇhadīpāyane aparajjhitvā vāsudevakulassa nāsitabhāvo ca kathetabbo.

    ตโต กิจฺจานิ กาเรยฺยาติ เอวํ, ตาต, ปฐมํ มุสาวาทํ ทุติยํ โกธํ ตติยํ อธมฺมหาสํ วเชฺชตฺวา ตโต ปจฺฉา ราชา รฎฺฐวาสีนํ กตฺตพฺพกิจฺจานิ กาเรยฺยฯ ตํ วตํ อาหุ ขตฺติยาติ, ขตฺติยมหาราช, ยํ มยา วุตฺตํ, เอตํ รโญฺญ วตสมาทานนฺติ โปราณกปณฺฑิตา กถยิํสุฯ

    Tato kiccāni kāreyyāti evaṃ, tāta, paṭhamaṃ musāvādaṃ dutiyaṃ kodhaṃ tatiyaṃ adhammahāsaṃ vajjetvā tato pacchā rājā raṭṭhavāsīnaṃ kattabbakiccāni kāreyya. Taṃ vataṃ āhu khattiyāti, khattiyamahārāja, yaṃ mayā vuttaṃ, etaṃ rañño vatasamādānanti porāṇakapaṇḍitā kathayiṃsu.

    น ตํ กยิราติ ยํ ตยา ราคาทิวเสน ปจฺฉา ตาปกรํ กมฺมํ กตํ โหติ, ตโต ปุเพฺพ กตโต ปุน ตาทิสํ กมฺมํ น กยิรา, มา กเรยฺยาสิ, ตาตาติฯ วุจฺจเตติ ตํ รโญฺญ อฆนฺติ วุจฺจติ, เอวํ โปราณกปณฺฑิตา กถยิํสุฯ สิรีติ อิทํ เวสฺสนฺตรสกุโณ ปุเพฺพ พาราณสิยํ ปวตฺติตการณํ อาหริตฺวา ทเสฺสโนฺต อาหฯ ตตฺถ อพฺรวุนฺติ สุจิปริวารเสฎฺฐินา ปุจฺฉิตา กถยิํสุฯ อุฎฺฐานวีริเยติ โย โปโส อุฎฺฐาเน วีริเย จ ปติฎฺฐิโต, น จ ปเรสํ สมฺปตฺติํ ทิสฺวา อุสูยติ, ตสฺมิํ อหํ อภิรมามีติ อาหฯ เอวํ ตาว ตาต สิรี กเถสิฯ อุสูยเกติ อลกฺขี ปน, ตาต, ปุจฺฉิตา อหํ ปรสมฺปตฺติอุสูยเก ทุหทเย ทุจิเตฺต กลฺยาณกมฺมทูสเก โย กลฺยาณกมฺมํ ทุสฺสโนฺต อปฺปิยายโนฺต อฎฺฎียโนฺต น กโรติ, ตสฺมิํ อภิรมามีติ อาหฯ เอวํ สา กาฬกณฺณี, มหาราช, รมติ ปติรูปเทสวาสาทิโน กุสลจกฺกสฺส ภญฺชนีฯ

    Na taṃ kayirāti yaṃ tayā rāgādivasena pacchā tāpakaraṃ kammaṃ kataṃ hoti, tato pubbe katato puna tādisaṃ kammaṃ na kayirā, mā kareyyāsi, tātāti. Vuccateti taṃ rañño aghanti vuccati, evaṃ porāṇakapaṇḍitā kathayiṃsu. Sirīti idaṃ vessantarasakuṇo pubbe bārāṇasiyaṃ pavattitakāraṇaṃ āharitvā dassento āha. Tattha abravunti suciparivāraseṭṭhinā pucchitā kathayiṃsu. Uṭṭhānavīriyeti yo poso uṭṭhāne vīriye ca patiṭṭhito, na ca paresaṃ sampattiṃ disvā usūyati, tasmiṃ ahaṃ abhiramāmīti āha. Evaṃ tāva tāta sirī kathesi. Usūyaketi alakkhī pana, tāta, pucchitā ahaṃ parasampattiusūyake duhadaye ducitte kalyāṇakammadūsake yo kalyāṇakammaṃ dussanto appiyāyanto aṭṭīyanto na karoti, tasmiṃ abhiramāmīti āha. Evaṃ sā kāḷakaṇṇī, mahārāja, ramati patirūpadesavāsādino kusalacakkassa bhañjanī.

    สุหทโยติ สุนฺทรจิโตฺต หิตจิตฺตโกฯ นุทาติ นีหรฯ นิเวสนนฺติ ลกฺขิยา ปน นิเวสนํ ภว ปติฎฺฐา โหหิฯ ส ลกฺขีธิติสมฺปโนฺนติ, มหาราช, กาสิปติ โส ปุริโส ปญฺญาย เจว วีริเยน จ สมฺปโนฺนฯ มหคฺคโตติ มหชฺฌาสโย โจรานํ ปจฺจยภูเต คณฺหโนฺต อมิตฺตานํ มูลํ โจเร คณฺหโนฺต อมิตฺตานํ อคฺคํ ฉินฺทตีติ วทติฯ สโกฺกติ อิโนฺทฯ ภูตปตีติ ราชานํ อาลปติฯ อุฎฺฐาเนติ อุฎฺฐานวีริเยฯ นปฺปมชฺชตีติ น ปมชฺชติ, สพฺพกิจฺจานิ กโรติฯ ส กลฺยาเณติ โส เทวราชา อุฎฺฐานวีริเย มนํ กโรโนฺต ปาปกมฺมํ อกตฺวา กลฺยาเณ ปุญฺญกมฺมสฺมิเญฺญว ธิติํ กตฺวา อปฺปมโตฺต อุฎฺฐาเน มนํ กโรติ, ตสฺส ปน กลฺยาณกเมฺม วีริยกรณภาวทสฺสนตฺถํ สรภงฺคชาตเก ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตาหิ สทฺธิํ กปิฎฺฐารามํ อาคนฺตฺวา ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ธมฺมสฺส สุตภาโว, มหากณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๖๑ อาทโย) อตฺตโน อานุภาเวน ชนํ ตาเสตฺวา โอสกฺกนฺตสฺส สาสนสฺส ปวตฺติตภาโว จาติ เอวมาทีนิ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิฯ

    Suhadayoti sundaracitto hitacittako. Nudāti nīhara. Nivesananti lakkhiyā pana nivesanaṃ bhava patiṭṭhā hohi. Sa lakkhīdhitisampannoti, mahārāja, kāsipati so puriso paññāya ceva vīriyena ca sampanno. Mahaggatoti mahajjhāsayo corānaṃ paccayabhūte gaṇhanto amittānaṃ mūlaṃ core gaṇhanto amittānaṃ aggaṃ chindatīti vadati. Sakkoti indo. Bhūtapatīti rājānaṃ ālapati. Uṭṭhāneti uṭṭhānavīriye. Nappamajjatīti na pamajjati, sabbakiccāni karoti. Sa kalyāṇeti so devarājā uṭṭhānavīriye manaṃ karonto pāpakammaṃ akatvā kalyāṇe puññakammasmiññeva dhitiṃ katvā appamatto uṭṭhāne manaṃ karoti, tassa pana kalyāṇakamme vīriyakaraṇabhāvadassanatthaṃ sarabhaṅgajātake dvīsu devalokesu devatāhi saddhiṃ kapiṭṭhārāmaṃ āgantvā pañhaṃ pucchitvā dhammassa sutabhāvo, mahākaṇhajātake (jā. 1.12.61 ādayo) attano ānubhāvena janaṃ tāsetvā osakkantassa sāsanassa pavattitabhāvo cāti evamādīni vatthūni kathetabbāni.

    คนฺธพฺพาติ จาตุมหาราชิกานํ เหฎฺฐา จตุโยนิกา เทวา, จตุโยนิกตฺตาเยว กิร เต คนฺธพฺพา นาม ชาตาฯ ปิตโรติ พฺรหฺมาโนฯ เทวาติ อุปปตฺติเทววเสน ฉ กามาวจรเทวาฯ ตาทิโนติ ตถาวิธสฺส กุสลาภิรตสฺส รโญฺญฯ สาชีวา โหนฺตีติ สมานชีวิกา อุปชีวิตพฺพาฯ ตาทิสา หิ ราชาโน ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กโรนฺตา เทวตานํ ปตฺติํ เทนฺติ, ตา ตํ ปตฺติํ อนุโมทิตฺวา สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ทิพฺพยเสน วฑฺฒนฺติฯ อนุติฎฺฐนฺตีติ ตาทิสสฺส รโญฺญ วีริยํ กโรนฺตสฺส อปฺปมาทํ อาปชฺชนฺตสฺส เทวตา อนุติฎฺฐนฺติ อนุคจฺฉนฺติ, ธมฺมิกํ รกฺขํ สํวิทหนฺตีติ อโตฺถฯ

    Gandhabbāti cātumahārājikānaṃ heṭṭhā catuyonikā devā, catuyonikattāyeva kira te gandhabbā nāma jātā. Pitaroti brahmāno. Devāti upapattidevavasena cha kāmāvacaradevā. Tādinoti tathāvidhassa kusalābhiratassa rañño. Sājīvā hontīti samānajīvikā upajīvitabbā. Tādisā hi rājāno dānādīni puññāni karontā devatānaṃ pattiṃ denti, tā taṃ pattiṃ anumoditvā sampaṭicchitvā dibbayasena vaḍḍhanti. Anutiṭṭhantīti tādisassa rañño vīriyaṃ karontassa appamādaṃ āpajjantassa devatā anutiṭṭhanti anugacchanti, dhammikaṃ rakkhaṃ saṃvidahantīti attho.

    โสติ โส ตฺวํฯ วายมสฺสูติ ตานิ รฎฺฐกิจฺจานิ กโรโนฺต ตุลนวเสน ตีรณวเสน ปจฺจกฺขกมฺมวเสน เตสุ เตสุ กิเจฺจสุ วีริยํ กรสฺสุฯ ตเตฺถว เต วตฺตปทาติ, ตาต, ยํ มํ ตฺวํ กิํสุ กิจฺจํ กตํ วรนฺติ ปุจฺฉิ, ตตฺถ ตว ปเญฺหเยว เอเต มยา ‘‘ปฐเมเนว วิตถ’’นฺติอาทโย วุตฺตา, เอเต วตฺตปทา วตฺตโกฎฺฐาสา, เอวํ ตตฺถ วตฺตสฺสุฯ เอสาติ ยา เต มยา กถิตา, เอสาว ตว อนุสาสนีฯ อลนฺติ เอวํ วตฺตมาโน หิ ราชา อตฺตโน มิเตฺต สุขาเปตุํ, อมิตฺตานญฺจ ทุกฺขาย อลํ ปริยโตฺต สมโตฺถติฯ

    Soti so tvaṃ. Vāyamassūti tāni raṭṭhakiccāni karonto tulanavasena tīraṇavasena paccakkhakammavasena tesu tesu kiccesu vīriyaṃ karassu. Tattheva te vattapadāti, tāta, yaṃ maṃ tvaṃ kiṃsu kiccaṃ kataṃ varanti pucchi, tattha tava pañheyeva ete mayā ‘‘paṭhameneva vitatha’’ntiādayo vuttā, ete vattapadā vattakoṭṭhāsā, evaṃ tattha vattassu. Esāti yā te mayā kathitā, esāva tava anusāsanī. Alanti evaṃ vattamāno hi rājā attano mitte sukhāpetuṃ, amittānañca dukkhāya alaṃ pariyatto samatthoti.

    เอวํ เวสฺสนฺตรสกุเณน เอกาย คาถาย รโญฺญ ปมาทํ โจเทตฺวา เอกาทสหิ คาถาหิ ธเมฺม กถิเต ‘‘พุทฺธลีฬาย ปโญฺห กถิโต’’ติ มหาชโน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต สาธุการสตานิ ปวเตฺตสิฯ ราชา โสมนสฺสปฺปโตฺต อมเจฺจ อามเนฺตตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘โภโนฺต! อมจฺจา มม ปุเตฺตน เวสฺสนฺตเรน เอวํ กเถเนฺตน เกน กตฺตพฺพํ กิจฺจํ กต’’นฺติฯ มหาเสนคุเตฺตน, เทวาติฯ ‘‘เตน หิสฺส มหาเสนคุตฺตฎฺฐานํ ทมฺมี’’ติ เวสฺสนฺตรํ ฐานนฺตเร ฐเปสิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย มหาเสนคุตฺตฎฺฐาเน ฐิโต ปิตุ กมฺมํ อกาสีติฯ

    Evaṃ vessantarasakuṇena ekāya gāthāya rañño pamādaṃ codetvā ekādasahi gāthāhi dhamme kathite ‘‘buddhalīḷāya pañho kathito’’ti mahājano acchariyabbhutacittajāto sādhukārasatāni pavattesi. Rājā somanassappatto amacce āmantetvā pucchi – ‘‘bhonto! Amaccā mama puttena vessantarena evaṃ kathentena kena kattabbaṃ kiccaṃ kata’’nti. Mahāsenaguttena, devāti. ‘‘Tena hissa mahāsenaguttaṭṭhānaṃ dammī’’ti vessantaraṃ ṭhānantare ṭhapesi. So tato paṭṭhāya mahāsenaguttaṭṭhāne ṭhito pitu kammaṃ akāsīti.

    เวสฺสนฺตรปโญฺห นิฎฺฐิโตฯ

    Vessantarapañho niṭṭhito.

    ปุน ราชา กติปาหจฺจเยน ปุริมนเยเนว กุณฺฑลินิยา สนฺติกํ ทูตํ เปเสตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ คนฺตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา ตเตฺถว มณฺฑปมเชฺฌ นิสีทิตฺวา กุณฺฑลินิํ อาหราเปตฺวา สุวณฺณปีเฐ นิสินฺนํ ราชธมฺมํ ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –

    Puna rājā katipāhaccayena purimanayeneva kuṇḍaliniyā santikaṃ dūtaṃ pesetvā sattame divase tattha gantvā paccāgantvā tattheva maṇḍapamajjhe nisīditvā kuṇḍaliniṃ āharāpetvā suvaṇṇapīṭhe nisinnaṃ rājadhammaṃ pucchanto gāthamāha –

    ๑๔.

    14.

    ‘‘สกฺขิสิ ตฺวํ กุณฺฑลินิ, มญฺญสิ ขตฺตพนฺธุนิ;

    ‘‘Sakkhisi tvaṃ kuṇḍalini, maññasi khattabandhuni;

    รชฺชํ กาเรตุกาเมน, กิํ สุ กิจฺจํ กตํ วร’’นฺติฯ

    Rajjaṃ kāretukāmena, kiṃ su kiccaṃ kataṃ vara’’nti.

    ตตฺถ สกฺขิสีติ มยา ปุฎฺฐปญฺหํ กเถตุํ สกฺขิสฺสสีติ ปุจฺฉติฯ กุณฺฑลินีติ ตสฺสา สลิงฺคโต อาคตนาเมนาลปติฯ ตสฺสา กิร ทฺวีสุ กณฺณปิเฎฺฐสุ กุณฺฑลสณฺฐานา เทฺว เลขา อเหสุํ, เตนสฺสา ‘‘กุณฺฑลินี’’ติ นามํ กาเรสิฯ มญฺญสีติ ชานิสฺสสิ มยา ปุฎฺฐปญฺหสฺส อตฺถนฺติฯ ขตฺตพนฺธุนีติ ขตฺตสฺส มหาเสนคุตฺตสฺส ภคินิภาเวน นํ เอวํ อาลปติฯ กสฺมา ปเนส เวสฺสนฺตรสกุณํ เอวํ อปุจฺฉิตฺวา อิมเมว ปุจฺฉตีติ? อิตฺถิภาเวนฯ อิตฺถิโย หิ ปริตฺตปญฺญา, ตสฺมา ‘‘สเจ สโกฺกติ, ปุจฺฉิสฺสามิ, โน เจ, น ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ วีมํสนวเสน เอวํ ปุจฺฉิตฺวา ตเญฺญว ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ

    Tattha sakkhisīti mayā puṭṭhapañhaṃ kathetuṃ sakkhissasīti pucchati. Kuṇḍalinīti tassā saliṅgato āgatanāmenālapati. Tassā kira dvīsu kaṇṇapiṭṭhesu kuṇḍalasaṇṭhānā dve lekhā ahesuṃ, tenassā ‘‘kuṇḍalinī’’ti nāmaṃ kāresi. Maññasīti jānissasi mayā puṭṭhapañhassa atthanti. Khattabandhunīti khattassa mahāsenaguttassa bhaginibhāvena naṃ evaṃ ālapati. Kasmā panesa vessantarasakuṇaṃ evaṃ apucchitvā imameva pucchatīti? Itthibhāvena. Itthiyo hi parittapaññā, tasmā ‘‘sace sakkoti, pucchissāmi, no ce, na pucchissāmī’’ti vīmaṃsanavasena evaṃ pucchitvā taññeva pañhaṃ pucchi.

    สา เอวํ รญฺญา ราชธเมฺม ปุจฺฉิเต, ‘‘ตาต, ตฺวํ มํ ‘อิตฺถิกา นาม กิํ กเถสฺสตี’ติ วีมํสสิ มเญฺญ, สกลํ เต ราชธมฺมํ ทฺวีสุเยว ปเทสุ ปกฺขิปิตฺวา กเถสฺสามี’’ติ วตฺวา อาห –

    Sā evaṃ raññā rājadhamme pucchite, ‘‘tāta, tvaṃ maṃ ‘itthikā nāma kiṃ kathessatī’ti vīmaṃsasi maññe, sakalaṃ te rājadhammaṃ dvīsuyeva padesu pakkhipitvā kathessāmī’’ti vatvā āha –

    ๑๕.

    15.

    ‘‘เทฺวว ตาต ปทกานิ, ยตฺถ สพฺพํ ปติฎฺฐิตํ;

    ‘‘Dveva tāta padakāni, yattha sabbaṃ patiṭṭhitaṃ;

    อลทฺธสฺส จ โย ลาโภ, ลทฺธสฺส จานุรกฺขณาฯ

    Aladdhassa ca yo lābho, laddhassa cānurakkhaṇā.

    ๑๖.

    16.

    ‘‘อมเจฺจ ตาต ชานาหิ, ธีเร อตฺถสฺส โกวิเท;

    ‘‘Amacce tāta jānāhi, dhīre atthassa kovide;

    อนกฺขากิตเว ตาต, อโสเณฺฑ อวินาสเกฯ

    Anakkhākitave tāta, asoṇḍe avināsake.

    ๑๗.

    17.

    ‘‘โย จ ตํ ตาต รเกฺขยฺย, ธนํ ยเญฺจว เต สิยา;

    ‘‘Yo ca taṃ tāta rakkheyya, dhanaṃ yañceva te siyā;

    สูโตว รถํ สงฺคเณฺห, โส เต กิจฺจานิ การเยฯ

    Sūtova rathaṃ saṅgaṇhe, so te kiccāni kāraye.

    ๑๘.

    18.

    ‘‘สุสงฺคหิตนฺตชโน, สยํ วิตฺตํ อเวกฺขิย;

    ‘‘Susaṅgahitantajano, sayaṃ vittaṃ avekkhiya;

    นิธิญฺจ อิณทานญฺจ, น กเร ปรปตฺติยาฯ

    Nidhiñca iṇadānañca, na kare parapattiyā.

    ๑๙.

    19.

    ‘‘สยํ อายํ วยํ ชญฺญา, สยํ ชญฺญา กตากตํ;

    ‘‘Sayaṃ āyaṃ vayaṃ jaññā, sayaṃ jaññā katākataṃ;

    นิคฺคเณฺห นิคฺคหารหํ, ปคฺคเณฺห ปคฺคหารหํฯ

    Niggaṇhe niggahārahaṃ, paggaṇhe paggahārahaṃ.

    ๒๐.

    20.

    ‘‘สยํ ชานปทํ อตฺถํ, อนุสาส รเถสภ;

    ‘‘Sayaṃ jānapadaṃ atthaṃ, anusāsa rathesabha;

    มา เต อธมฺมิกา ยุตฺตา, ธนํ รฎฺฐญฺจ นาสยุํฯ

    Mā te adhammikā yuttā, dhanaṃ raṭṭhañca nāsayuṃ.

    ๒๑.

    21.

    ‘‘มา จ เวเคน กิจฺจานิ, กโรสิ การเยสิ วา;

    ‘‘Mā ca vegena kiccāni, karosi kārayesi vā;

    เวคสา หิ กตํ กมฺมํ, มโนฺท ปจฺฉานุตปฺปติฯ

    Vegasā hi kataṃ kammaṃ, mando pacchānutappati.

    ๒๒.

    22.

    ‘‘มา เต อธิสเร มุญฺจ, สุพาฬฺหมธิโกปิตํ;

    ‘‘Mā te adhisare muñca, subāḷhamadhikopitaṃ;

    โกธสา หิ พหู ผีตา, กุลา อกุลตํ คตาฯ

    Kodhasā hi bahū phītā, kulā akulataṃ gatā.

    ๒๓.

    23.

    ‘‘‘มา ตาต อิสฺสโรมฺหี’ติ, อนตฺถาย ปตารยิ;

    ‘‘‘Mā tāta issaromhī’ti, anatthāya patārayi;

    อิตฺถีนํ ปุริสานญฺจ, มา เต อาสิ ทุขุทฺรโยฯ

    Itthīnaṃ purisānañca, mā te āsi dukhudrayo.

    ๒๔.

    24.

    ‘‘อเปตโลมหํสสฺส, รโญฺญ กามานุสาริโน;

    ‘‘Apetalomahaṃsassa, rañño kāmānusārino;

    สเพฺพ โภคา วินสฺสนฺติ, รโญฺญ ตํ วุจฺจเต อฆํฯ

    Sabbe bhogā vinassanti, rañño taṃ vuccate aghaṃ.

    ๒๕.

    25.

    ‘‘ตเตฺถว เต วตฺตปทา, เอสาว อนุสาสนี;

    ‘‘Tattheva te vattapadā, esāva anusāsanī;

    ทกฺขสฺสุทานิ ปุญฺญกโร, อโสโณฺฑ อวินาสโก;

    Dakkhassudāni puññakaro, asoṇḍo avināsako;

    สีลวาสฺสุ มหาราช, ทุสฺสีโล วินิปาติโก’’ติฯ

    Sīlavāssu mahārāja, dussīlo vinipātiko’’ti.

    ตตฺถ ปทกานีติ การณปทานิฯ ยตฺถาติ เยสุ ทฺวีสุ ปเทสุ สพฺพํ อตฺถชาตํ หิตสุขํ ปติฎฺฐิตํฯ อลทฺธสฺสาติ โย จ ปุเพฺพ อลทฺธสฺส ลาภสฺส ลาโภ, ยา จ ลทฺธสฺส อนุรกฺขณาฯ ตาต, อนุปฺปนฺนสฺส หิ ลาภสฺส อุปฺปาทนํ นาม น ภาโร, อุปฺปนฺนสฺส ปน อนุรกฺขณเมว ภาโรฯ เอกโจฺจ หิ ยสํ อุปฺปาเทตฺวาปิ ยเส ปมโตฺต ปมาทํ อุปฺปาเทตฺวา ปาณาติปาตาทีนิ กโรติ, มหาโจโร หุตฺวา รฎฺฐํ วิลุมฺปมาโน จรติฯ อถ นํ ราชาโน คาหาเปตฺวา มหาวินาสํ ปาเปนฺติฯ อถ วา อุปฺปนฺนรูปาทีสุ กามคุเณสุ ปมโตฺต อโยนิโส ธนํ นาเสโนฺต สพฺพสาปเตเยฺย ขีเณ กปโณ หุตฺวา จีรกวสโน กปาลมาทาย จรติฯ ปพฺพชิโต วา ปน คนฺถธุราทิวเสน ลาภสกฺการํ นิพฺพเตฺตตฺวา ปมโตฺต หีนายาวตฺตติฯ อปโร ปฐมฌานาทีนิ นิพฺพเตฺตตฺวาปิ มุฎฺฐสฺสติตาย ตถารูเป อารมฺมเณ พชฺฌิตฺวา ฌานา ปริหายติฯ เอวํ อุปฺปนฺนสฺส ยสสฺส วา ฌานาทิลาภสฺส วา รกฺขณเมว ทุกฺกรํฯ ตทตฺถทีปนตฺถํ ปน เทวทตฺตสฺส วตฺถุ จ, มุทุลกฺขณ- (ชา. ๑.๑.๖๖) โลมสกสฺสป- (ชา. ๑.๙.๖๐ อาทโย) หริตจชาตก- (ชา. ๑.๙.๔๐ อาทโย) สงฺกปฺปชาตกาทีนิ (ชา. ๑.๓.๑ อาทโย) จ กเถตพฺพานิฯ เอโก ปน ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทตฺวา อปฺปมาเท ฐตฺวา กลฺยาณกมฺมํ กโรติ, ตสฺส โส ยโส สุกฺกปเกฺข จโนฺท วิย วฑฺฒติ, ตสฺมา ตฺวํ, มหาราช, อปฺปมโตฺต ปโยคสมฺปตฺติยา ฐตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรโนฺต ตว อุปฺปนฺนํ ยสํ อนุรกฺขาหีติฯ

    Tattha padakānīti kāraṇapadāni. Yatthāti yesu dvīsu padesu sabbaṃ atthajātaṃ hitasukhaṃ patiṭṭhitaṃ. Aladdhassāti yo ca pubbe aladdhassa lābhassa lābho, yā ca laddhassa anurakkhaṇā. Tāta, anuppannassa hi lābhassa uppādanaṃ nāma na bhāro, uppannassa pana anurakkhaṇameva bhāro. Ekacco hi yasaṃ uppādetvāpi yase pamatto pamādaṃ uppādetvā pāṇātipātādīni karoti, mahācoro hutvā raṭṭhaṃ vilumpamāno carati. Atha naṃ rājāno gāhāpetvā mahāvināsaṃ pāpenti. Atha vā uppannarūpādīsu kāmaguṇesu pamatto ayoniso dhanaṃ nāsento sabbasāpateyye khīṇe kapaṇo hutvā cīrakavasano kapālamādāya carati. Pabbajito vā pana ganthadhurādivasena lābhasakkāraṃ nibbattetvā pamatto hīnāyāvattati. Aparo paṭhamajhānādīni nibbattetvāpi muṭṭhassatitāya tathārūpe ārammaṇe bajjhitvā jhānā parihāyati. Evaṃ uppannassa yasassa vā jhānādilābhassa vā rakkhaṇameva dukkaraṃ. Tadatthadīpanatthaṃ pana devadattassa vatthu ca, mudulakkhaṇa- (jā. 1.1.66) lomasakassapa- (jā. 1.9.60 ādayo) haritacajātaka- (jā. 1.9.40 ādayo) saṅkappajātakādīni (jā. 1.3.1 ādayo) ca kathetabbāni. Eko pana lābhasakkāraṃ uppādetvā appamāde ṭhatvā kalyāṇakammaṃ karoti, tassa so yaso sukkapakkhe cando viya vaḍḍhati, tasmā tvaṃ, mahārāja, appamatto payogasampattiyā ṭhatvā dhammena rajjaṃ kārento tava uppannaṃ yasaṃ anurakkhāhīti.

    ชานาหีติ ภณฺฑาคาริกกมฺมาทีนํ กรณตฺถํ อุปธาเรหิฯ อนกฺขากิตเวติ อนเกฺข อกิตเว อชุตกเร เจว อเกราฎิเก จ ฯ อโสเณฺฑติ ปูวสุราคนฺธมาลาโสณฺฑภาวรหิเตฯ อวินาสเกติ ตว สนฺตกานํ ธนธญฺญาทีนํ อวินาสเกฯ โยติ โย อมโจฺจฯ ยเญฺจวาติ ยญฺจ เต ฆเร ธนํ สิยา, ตํ รเกฺขยฺยฯ สูโตวาติ รถสารถิ วิยฯ ยถา สารถิ วิสมมคฺคนิวารณตฺถํ อเสฺส สงฺคณฺหโนฺต รถํ สงฺคเณฺหยฺย, เอวํ โย สห โภเคหิ ตํ รกฺขิตุํ สโกฺกติ, โส เต อมโจฺจ นาม ตาทิสํ สงฺคเหตฺวา ภณฺฑาคาริกาทิกิจฺจานิ การเยฯ

    Jānāhīti bhaṇḍāgārikakammādīnaṃ karaṇatthaṃ upadhārehi. Anakkhākitaveti anakkhe akitave ajutakare ceva akerāṭike ca . Asoṇḍeti pūvasurāgandhamālāsoṇḍabhāvarahite. Avināsaketi tava santakānaṃ dhanadhaññādīnaṃ avināsake. Yoti yo amacco. Yañcevāti yañca te ghare dhanaṃ siyā, taṃ rakkheyya. Sūtovāti rathasārathi viya. Yathā sārathi visamamagganivāraṇatthaṃ asse saṅgaṇhanto rathaṃ saṅgaṇheyya, evaṃ yo saha bhogehi taṃ rakkhituṃ sakkoti, so te amacco nāma tādisaṃ saṅgahetvā bhaṇḍāgārikādikiccāni kāraye.

    สุสงฺคหิตนฺตชโนติ, ตาต, ยสฺส หิ รโญฺญ อตฺตโน อโนฺตชโน อตฺตโน วลญฺชนกปริชโน จ ทานาทีหิ อสงฺคหิโต โหติ, ตสฺส อโนฺตนิเวสเน สุวณฺณหิรญฺญาทีนิ เตสํ อสงฺคหิตมนุสฺสานํ วเสน นสฺสนฺติ, อโนฺตชนา พหิ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตฺวํ สุฎฺฐุสงฺคหิตอโนฺตชโน หุตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม เม วิตฺต’’นฺติ สยํ อตฺตโน ธนํ อเวกฺขิตฺวา ‘‘อสุกฎฺฐาเน นาม นิธิํ นิเธม, อสุกสฺส อิณํ เทมา’’ติ อิทํ อุภยมฺปิ น กเร ปรปตฺติยา, ปรปตฺติยาปิ ตฺวํ มา กริ, สพฺพํ อตฺตปจฺจกฺขเมว กเรยฺยาสีติ วทติฯ

    Susaṅgahitantajanoti, tāta, yassa hi rañño attano antojano attano valañjanakaparijano ca dānādīhi asaṅgahito hoti, tassa antonivesane suvaṇṇahiraññādīni tesaṃ asaṅgahitamanussānaṃ vasena nassanti, antojanā bahi gacchanti, tasmā tvaṃ suṭṭhusaṅgahitaantojano hutvā ‘‘ettakaṃ nāma me vitta’’nti sayaṃ attano dhanaṃ avekkhitvā ‘‘asukaṭṭhāne nāma nidhiṃ nidhema, asukassa iṇaṃ demā’’ti idaṃ ubhayampi na kare parapattiyā, parapattiyāpi tvaṃ mā kari, sabbaṃ attapaccakkhameva kareyyāsīti vadati.

    อายํ วยนฺติ ตโต อุปฺปชฺชนกํ อายญฺจ เตสํ เตสํ ทาตพฺพํ วยญฺจ สยเมว ชาเนยฺยาสีติฯ กตากตนฺติ สงฺคาเม วา นวกเมฺม วา อเญฺญสุ วา กิเจฺจสุ ‘‘อิมินา อิทํ นาม มยฺหํ กตํ, อิมินา น กต’’นฺติ เอตมฺปิ สยเมว ชาเนยฺยาสิ, มา ปรปตฺติโย โหหิฯ นิคฺคเณฺหติ, ตาต, ราชา นาม สนฺธิเจฺฉทาทิการกํ นิคฺคหารหํ อาเนตฺวา ทสฺสิตํ อุปปริกฺขิตฺวา โสเธตฺวา โปราณกราชูหิ ฐปิตทณฺฑํ โอโลเกตฺวา โทสานุรูปํ นิคฺคเณฺหยฺยฯ ปคฺคเณฺหติ โย ปน ปคฺคหารโห โหติ, อภินฺนสฺส วา ปรพลสฺส เภเทตา, ภินฺนสฺส วา สกพลสฺส อาราธโก, อลทฺธสฺส วา รชฺชสฺส อาหรโก, ลทฺธสฺส วา ถาวรการโก, เยน วา ปน ชีวิตํ ทินฺนํ โหติ, เอวรูปํ ปคฺคหารหํ ปคฺคเหตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ กเรยฺยฯ เอวํ หิสฺส กิเจฺจสุ อเญฺญปิ อุรํ ทตฺวา กตฺตพฺพํ กริสฺสนฺติฯ

    Āyaṃ vayanti tato uppajjanakaṃ āyañca tesaṃ tesaṃ dātabbaṃ vayañca sayameva jāneyyāsīti. Katākatanti saṅgāme vā navakamme vā aññesu vā kiccesu ‘‘iminā idaṃ nāma mayhaṃ kataṃ, iminā na kata’’nti etampi sayameva jāneyyāsi, mā parapattiyo hohi. Niggaṇheti, tāta, rājā nāma sandhicchedādikārakaṃ niggahārahaṃ ānetvā dassitaṃ upaparikkhitvā sodhetvā porāṇakarājūhi ṭhapitadaṇḍaṃ oloketvā dosānurūpaṃ niggaṇheyya. Paggaṇheti yo pana paggahāraho hoti, abhinnassa vā parabalassa bhedetā, bhinnassa vā sakabalassa ārādhako, aladdhassa vā rajjassa āharako, laddhassa vā thāvarakārako, yena vā pana jīvitaṃ dinnaṃ hoti, evarūpaṃ paggahārahaṃ paggahetvā mahantaṃ sakkārasammānaṃ kareyya. Evaṃ hissa kiccesu aññepi uraṃ datvā kattabbaṃ karissanti.

    ชานปทนฺติ ชนปทวาสีนํ อตฺถํ สยํ อตฺตปจฺจเกฺขเนว อนุสาสฯ อธมฺมิกา ยุตฺตาติ อธมฺมิกา ตตฺถ ตตฺถ นิยุตฺตา อายุตฺตกา ลญฺชํ คเหตฺวา วินิจฺฉยํ ภินฺทนฺตา ตว ธนญฺจ รฎฺฐญฺจ มา นาสยุํฯ อิมินา การเณน อปฺปมโตฺต หุตฺวา สยเมว อนุสาสฯ เวเคนาติ สหสา อตุเลตฺวา อตีเรตฺวาฯ เวคสาติ อตุเลตฺวา อตีเรตฺวา ฉนฺทาทิวเสน สหสา กตํ กมฺมญฺหิ น สาธุ น สุนฺทรํฯ กิํการณา? ตาทิสญฺหิ กตฺวา มโนฺท ปจฺฉา วิปฺปฎิสารวเสน อิธ โลเก อปายทุกฺขํ อนุภวโนฺต ปรโลเก จ อนุตปฺปติฯ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถ ‘‘อิสีนมนฺตรํ กตฺวา, ภรุราชาติ เม สุต’’นฺติ ภรุชาตเกน (ชา. ๑.๒.๑๒๕-๑๒๖) ทีเปตโพฺพ ฯ

    Jānapadanti janapadavāsīnaṃ atthaṃ sayaṃ attapaccakkheneva anusāsa. Adhammikā yuttāti adhammikā tattha tattha niyuttā āyuttakā lañjaṃ gahetvā vinicchayaṃ bhindantā tava dhanañca raṭṭhañca mā nāsayuṃ. Iminā kāraṇena appamatto hutvā sayameva anusāsa. Vegenāti sahasā atuletvā atīretvā. Vegasāti atuletvā atīretvā chandādivasena sahasā kataṃ kammañhi na sādhu na sundaraṃ. Kiṃkāraṇā? Tādisañhi katvā mando pacchā vippaṭisāravasena idha loke apāyadukkhaṃ anubhavanto paraloke ca anutappati. Ayaṃ panettha attho ‘‘isīnamantaraṃ katvā, bharurājāti me suta’’nti bharujātakena (jā. 1.2.125-126) dīpetabbo .

    มา เต อธิสเร มุญฺจ, สุพาฬฺหมธิโกปิตนฺติ, ตาต, ตว หทยํ กุสลํ อธิสริตฺวา อติกฺกมิตฺวา ปวเตฺต ปเรสํ อกุสลกเมฺม สุฎฺฐุ พาฬฺหํ อธิโกปิตํ กุชฺฌาปิตํ หุตฺวา มา มุญฺจ, มา ปติฎฺฐายตูติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, ยทา เต วินิจฺฉเย ฐิตสฺส อิมินา ปุริโส วา หโต สนฺธิ วา ฉิโนฺนติ โจรํ ทเสฺสนฺติ, ตทา เต ปเรสํ วจเนหิ สุฎฺฐุ โกปิตมฺปิ หทยํ โกธวเสน มา มุญฺจ, อปริคฺคเหตฺวา มา ทณฺฑํ ปเณหิฯ กิํการณา? อโจรมฺปิ หิ ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา อาเนนฺติ, ตสฺมา อกุชฺฌิตฺวา อุภินฺนํ อตฺตปจฺจตฺถิกานํ กถํ สุตฺวา สุฎฺฐุ โสเธตฺวา อตฺตปจฺจเกฺขน ตสฺส โจรภาวํ ญตฺวา ปเวณิยา ฐปิตทณฺฑวเสน กตฺตพฺพํ กโรหิฯ รญฺญา หิ อุปฺปเนฺนปิ โกเธ หทยํ สีตลํ อกตฺวา กมฺมํ น กาตพฺพํฯ ยทา ปนสฺส หทยํ นิพฺพุตํ โหติ มุทุกํ, ตทา วินิจฺฉยกมฺมํ กาตพฺพํฯ ผรุเส หิ จิเตฺต ปกฺกุถิเต อุทเก มุขนิมิตฺตํ วิย การณํ น ปญฺญายติฯ โกธสา หีติ, ตาต, โกเธน หิ พหูนิ ผีตานิ ราชกุลานิ อกุลภาวํ คตานิ มหาวินาสเมว ปตฺตานีติฯ อิมสฺส ปนตฺถสฺส ทีปนตฺถํ ขนฺติวาทิชาตก- (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย) นาฬิเกรราชวตฺถุสหสฺสพาหุอชฺชุนวตฺถุอาทีนิ กเถตพฺพานิฯ

    Mā te adhisare muñca, subāḷhamadhikopitanti, tāta, tava hadayaṃ kusalaṃ adhisaritvā atikkamitvā pavatte paresaṃ akusalakamme suṭṭhu bāḷhaṃ adhikopitaṃ kujjhāpitaṃ hutvā mā muñca, mā patiṭṭhāyatūti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – tāta, yadā te vinicchaye ṭhitassa iminā puriso vā hato sandhi vā chinnoti coraṃ dassenti, tadā te paresaṃ vacanehi suṭṭhu kopitampi hadayaṃ kodhavasena mā muñca, apariggahetvā mā daṇḍaṃ paṇehi. Kiṃkāraṇā? Acorampi hi ‘‘coro’’ti gahetvā ānenti, tasmā akujjhitvā ubhinnaṃ attapaccatthikānaṃ kathaṃ sutvā suṭṭhu sodhetvā attapaccakkhena tassa corabhāvaṃ ñatvā paveṇiyā ṭhapitadaṇḍavasena kattabbaṃ karohi. Raññā hi uppannepi kodhe hadayaṃ sītalaṃ akatvā kammaṃ na kātabbaṃ. Yadā panassa hadayaṃ nibbutaṃ hoti mudukaṃ, tadā vinicchayakammaṃ kātabbaṃ. Pharuse hi citte pakkuthite udake mukhanimittaṃ viya kāraṇaṃ na paññāyati. Kodhasā hīti, tāta, kodhena hi bahūni phītāni rājakulāni akulabhāvaṃ gatāni mahāvināsameva pattānīti. Imassa panatthassa dīpanatthaṃ khantivādijātaka- (jā. 1.4.49 ādayo) nāḷikerarājavatthusahassabāhuajjunavatthuādīni kathetabbāni.

    มา, ตาต, อิสฺสโรมฺหีติ, อนตฺถาย ปตารยีติ, ตาต, ‘‘อหํ ปถวิสฺสโร’’ติ มา มหาชนํ กายทุจฺจริตาทิอนตฺถาย ปตารยิ มา โอตารยิ, ยถา ตํ อนตฺถํ สมาทาย วตฺตติ, มา เอวมกาสีติ อโตฺถฯ มา เต อาสีติ, ตาต, ตว วิชิเต มนุสฺสชาติกานํ วา ติรจฺฉานชาติกานํ วา อิตฺถิปุริสานํ ทุขุทฺรโย ทุกฺขุปฺปตฺติ มา อาสิฯ ยถา หิ อธมฺมิกราชูนํ วิชิเต มนุสฺสา กายทุจฺจริตาทีนิ กตฺวา นิรเย อุปฺปชฺชนฺติ, ตว รฎฺฐวาสีนํ ตํ ทุกฺขํ ยถา น โหติ, ตถา กโรหีติ อโตฺถฯ

    Mā, tāta, issaromhīti, anatthāya patārayīti, tāta, ‘‘ahaṃ pathavissaro’’ti mā mahājanaṃ kāyaduccaritādianatthāya patārayi mā otārayi, yathā taṃ anatthaṃ samādāya vattati, mā evamakāsīti attho. Mā te āsīti, tāta, tava vijite manussajātikānaṃ vā tiracchānajātikānaṃ vā itthipurisānaṃ dukhudrayo dukkhuppatti mā āsi. Yathā hi adhammikarājūnaṃ vijite manussā kāyaduccaritādīni katvā niraye uppajjanti, tava raṭṭhavāsīnaṃ taṃ dukkhaṃ yathā na hoti, tathā karohīti attho.

    อเปตโลมหํสสฺสาติ อตฺตานุวาทาทิภเยหิ นิพฺภยสฺสฯ อิมินา อิมํ ทเสฺสติ – ตาต, โย ราชา กิสฺมิญฺจิ อาสงฺกํ อกตฺวา อตฺตโน กามเมว อนุสฺสรติ, ฉนฺทวเสน ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ กโรติ, วิสฺสฎฺฐยฎฺฐิ วิย อโนฺธ นิรงฺกุโส วิย จ จณฺฑหตฺถี โหติ, ตสฺส สเพฺพ โภคา วินสฺสนฺติ, ตสฺส ตํ โภคพฺยสนํ อฆํ ทุกฺขนฺติ วุจฺจติฯ

    Apetalomahaṃsassāti attānuvādādibhayehi nibbhayassa. Iminā imaṃ dasseti – tāta, yo rājā kismiñci āsaṅkaṃ akatvā attano kāmameva anussarati, chandavasena yaṃ yaṃ icchati, taṃ taṃ karoti, vissaṭṭhayaṭṭhi viya andho niraṅkuso viya ca caṇḍahatthī hoti, tassa sabbe bhogā vinassanti, tassa taṃ bhogabyasanaṃ aghaṃ dukkhanti vuccati.

    ตเตฺถว เต วตฺตปทาติ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ ทกฺขสฺสุทานีติ, ตาต, ตฺวํ อิมํ อนุสาสนิํ สุตฺวา อิทานิ ทโกฺข อนลโส ปุญฺญานํ กรเณน ปุญฺญกโร สุราทิปริหรเณนฯ อโสโณฺฑ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกสฺส อตฺถสฺส อวินาสเนน อวินาสโก ภเวยฺยาสีติฯ สีลวาสฺสูติ สีลวา อาจารสมฺปโนฺน ภว, ทสสุ ราชธเมฺมสุ ปติฎฺฐาย รชฺชํ กาเรหิฯ ทุสฺสีโล วินิปาติโกติ ทุสฺสีโล หิ, มหาราช, อตฺตานํ นิรเย วินิปาเตโนฺต วินิปาติโก นาม โหตีติฯ

    Tattheva te vattapadāti purimanayeneva yojetabbaṃ. Dakkhassudānīti, tāta, tvaṃ imaṃ anusāsaniṃ sutvā idāni dakkho analaso puññānaṃ karaṇena puññakaro surādipariharaṇena. Asoṇḍo diṭṭhadhammikasamparāyikassa atthassa avināsanena avināsako bhaveyyāsīti. Sīlavāssūti sīlavā ācārasampanno bhava, dasasu rājadhammesu patiṭṭhāya rajjaṃ kārehi. Dussīlo vinipātikoti dussīlo hi, mahārāja, attānaṃ niraye vinipātento vinipātiko nāma hotīti.

    เอวํ กุณฺฑลินีปิ เอกาทสหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิฯ ราชา ตุโฎฺฐ อมเจฺจ อามเนฺตตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘โภโนฺต! อมจฺจา มม ธีตาย กุณฺฑลินิยา เอวํ กถยมานาย เกน กตฺตพฺพํ กิจฺจํ กต’’นฺติฯ ภณฺฑาคาริเกน, เทวาติฯ ‘‘เตน หิสฺสา ภณฺฑาคาริกฎฺฐานํ ทมฺมี’’ติ กุณฺฑลินิํ ฐานนฺตเร ฐเปสิฯ สา ตโต ปฎฺฐาย ภณฺฑาคาริกฎฺฐาเน ฐตฺวา ปิตุ กมฺมํ อกาสีติฯ

    Evaṃ kuṇḍalinīpi ekādasahi gāthāhi dhammaṃ desesi. Rājā tuṭṭho amacce āmantetvā pucchi – ‘‘bhonto! Amaccā mama dhītāya kuṇḍaliniyā evaṃ kathayamānāya kena kattabbaṃ kiccaṃ kata’’nti. Bhaṇḍāgārikena, devāti. ‘‘Tena hissā bhaṇḍāgārikaṭṭhānaṃ dammī’’ti kuṇḍaliniṃ ṭhānantare ṭhapesi. Sā tato paṭṭhāya bhaṇḍāgārikaṭṭhāne ṭhatvā pitu kammaṃ akāsīti.

    กุณฺฑลินิปโญฺห นิฎฺฐิโตฯ

    Kuṇḍalinipañho niṭṭhito.

    ปุน ราชา กติปาหจฺจเยน ปุริมนเยเนว ชมฺพุกปณฺฑิตสฺส สนฺติกํ ทูตํ เปเสตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ คนฺตฺวา สมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา ปจฺจาคโต ตเตฺถว มณฺฑปมเชฺฌ นิสีทิฯ อมโจฺจ ชมฺพุกปณฺฑิตํ กญฺจนภทฺทปีเฐ นิสีทาเปตฺวา ปีฐํ สีเสนาทาย อาคจฺฉิฯ ปณฺฑิโต ปิตุ อเงฺก นิสีทิตฺวา กีฬิตฺวา คนฺตฺวา กญฺจนปีเฐเยว นิสีทิฯ อถ นํ ราชา ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต คาถมาห –

    Puna rājā katipāhaccayena purimanayeneva jambukapaṇḍitassa santikaṃ dūtaṃ pesetvā sattame divase tattha gantvā sampattiṃ anubhavitvā paccāgato tattheva maṇḍapamajjhe nisīdi. Amacco jambukapaṇḍitaṃ kañcanabhaddapīṭhe nisīdāpetvā pīṭhaṃ sīsenādāya āgacchi. Paṇḍito pitu aṅke nisīditvā kīḷitvā gantvā kañcanapīṭheyeva nisīdi. Atha naṃ rājā pañhaṃ pucchanto gāthamāha –

    ๒๖.

    26.

    ‘‘อปุจฺฉิมฺห โกสิยโคตฺตํ, กุณฺฑลินิํ ตเถว จ;

    ‘‘Apucchimha kosiyagottaṃ, kuṇḍaliniṃ tatheva ca;

    ตฺวํ ทานิ วเทหิ ชมฺพุก, พลานํ พลมุตฺตม’’นฺติฯ

    Tvaṃ dāni vadehi jambuka, balānaṃ balamuttama’’nti.

    ตสฺสโตฺถ – ตาต, ชมฺพุก, อหํ ตว ภาตรํ โกสิยโคตฺตํ เวสฺสนฺตรํ ภคินิญฺจ เต กุณฺฑลินิํ ราชธมฺมํ อปุจฺฉิํ, เต อตฺตโน พเลน กเถสุํ, ยถา ปน เต ปุจฺฉิํ, ตเถว อิทานิ, ปุตฺต ชมฺพุก, ตํ ปุจฺฉามิ, ตฺวํ เม ราชธมฺมญฺจ พลานํ อุตฺตมํ พลญฺจ กเถหีติฯ

    Tassattho – tāta, jambuka, ahaṃ tava bhātaraṃ kosiyagottaṃ vessantaraṃ bhaginiñca te kuṇḍaliniṃ rājadhammaṃ apucchiṃ, te attano balena kathesuṃ, yathā pana te pucchiṃ, tatheva idāni, putta jambuka, taṃ pucchāmi, tvaṃ me rājadhammañca balānaṃ uttamaṃ balañca kathehīti.

    เอวํ ราชา มหาสตฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉโนฺต อเญฺญสํ ปุจฺฉิตนิยาเมน อปุจฺฉิตฺวา วิเสเสตฺวา ปุจฺฉิฯ อถสฺส ปณฺฑิโต ‘‘เตน หิ, มหาราช, โอหิตโสโต สุณาหิ, สพฺพํ เต กเถสฺสามี’’ติ ปสาริตหเตฺถ สหสฺสตฺถวิกํ ฐเปโนฺต วิย ธมฺมเทสนํ อารภิ –

    Evaṃ rājā mahāsattaṃ pañhaṃ pucchanto aññesaṃ pucchitaniyāmena apucchitvā visesetvā pucchi. Athassa paṇḍito ‘‘tena hi, mahārāja, ohitasoto suṇāhi, sabbaṃ te kathessāmī’’ti pasāritahatthe sahassatthavikaṃ ṭhapento viya dhammadesanaṃ ārabhi –

    ๒๗.

    27.

    ‘‘พลํ ปญฺจวิธํ โลเก, ปุริสสฺมิํ มหคฺคเต;

    ‘‘Balaṃ pañcavidhaṃ loke, purisasmiṃ mahaggate;

    ตตฺถ พาหุพลํ นาม, จริมํ วุจฺจเต พลํฯ

    Tattha bāhubalaṃ nāma, carimaṃ vuccate balaṃ.

    ๒๘.

    28.

    ‘‘โภคพลญฺจ ทีฆาวุ, ทุติยํ วุจฺจเต พลํ;

    ‘‘Bhogabalañca dīghāvu, dutiyaṃ vuccate balaṃ;

    อมจฺจพลญฺจ ทีฆาวุ, ตติยํ วุจฺจเต พลํฯ

    Amaccabalañca dīghāvu, tatiyaṃ vuccate balaṃ.

    ๒๙.

    29.

    ‘‘อภิชจฺจพลเญฺจว, ตํ จตุตฺถํ อสํสยํ;

    ‘‘Abhijaccabalañceva, taṃ catutthaṃ asaṃsayaṃ;

    ยานิ เจตานิ สพฺพานิ, อธิคณฺหาติ ปณฺฑิโตฯ

    Yāni cetāni sabbāni, adhigaṇhāti paṇḍito.

    ๓๐.

    30.

    ‘‘ตํ พลานํ พลํ เสฎฺฐํ, อคฺคํ ปญฺญาพลํ พลํ;

    ‘‘Taṃ balānaṃ balaṃ seṭṭhaṃ, aggaṃ paññābalaṃ balaṃ;

    ปญฺญาพเลนุปตฺถโทฺธ, อตฺถํ วินฺทติ ปณฺฑิโตฯ

    Paññābalenupatthaddho, atthaṃ vindati paṇḍito.

    ๓๑.

    31.

    ‘‘อปิ เจ ลภติ มโนฺท, ผีตํ ธรณิมุตฺตมํ;

    ‘‘Api ce labhati mando, phītaṃ dharaṇimuttamaṃ;

    อกามสฺส ปสยฺหํ วา, อโญฺญ ตํ ปฎิปชฺชติฯ

    Akāmassa pasayhaṃ vā, añño taṃ paṭipajjati.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘อภิชาโตปิ เจ โหติ, รชฺชํ ลทฺธาน ขตฺติโย;

    ‘‘Abhijātopi ce hoti, rajjaṃ laddhāna khattiyo;

    ทุปฺปโญฺญ หิ กาสิปติ, สเพฺพนปิ น ชีวติฯ

    Duppañño hi kāsipati, sabbenapi na jīvati.

    ๓๓.

    33.

    ‘‘ปญฺญาว สุตํ วินิจฺฉินี, ปญฺญา กิตฺติสิโลกวฑฺฒนี;

    ‘‘Paññāva sutaṃ vinicchinī, paññā kittisilokavaḍḍhanī;

    ปญฺญาสหิโต นโร อิธ, อปิ ทุเกฺข สุขานิ วินฺทติฯ

    Paññāsahito naro idha, api dukkhe sukhāni vindati.

    ๓๔.

    34.

    ‘‘ปญฺญญฺจ โข อสุสฺสูสํ, น โกจิ อธิคจฺฉติ;

    ‘‘Paññañca kho asussūsaṃ, na koci adhigacchati;

    พหุสฺสุตํ อนาคมฺม, ธมฺมฎฺฐํ อวินิพฺภุชํฯ

    Bahussutaṃ anāgamma, dhammaṭṭhaṃ avinibbhujaṃ.

    ๓๕.

    35.

    ‘‘โย จ ธมฺมวิภงฺคญฺญู, กาลุฎฺฐายี อตนฺทิโต;

    ‘‘Yo ca dhammavibhaṅgaññū, kāluṭṭhāyī atandito;

    อนุฎฺฐหติ กาเลน, กมฺมผลํ ตสฺสิชฺฌติฯ

    Anuṭṭhahati kālena, kammaphalaṃ tassijjhati.

    ๓๖.

    36.

    ‘‘อนายตนสีลสฺส, อนายตนเสวิโน;

    ‘‘Anāyatanasīlassa, anāyatanasevino;

    น นิพฺพินฺทิยการิสฺส, สมฺมทโตฺถ วิปจฺจติฯ

    Na nibbindiyakārissa, sammadattho vipaccati.

    ๓๗.

    37.

    ‘‘อชฺฌตฺตญฺจ ปยุตฺตสฺส, ตถายตนเสวิโน;

    ‘‘Ajjhattañca payuttassa, tathāyatanasevino;

    อนิพฺพินฺทิยการิสฺส, สมฺมทโตฺถ วิปจฺจติฯ

    Anibbindiyakārissa, sammadattho vipaccati.

    ๓๘.

    38.

    ‘‘โยคปฺปโยคสงฺขาตํ, สมฺภตสฺสานุรกฺขณํ;

    ‘‘Yogappayogasaṅkhātaṃ, sambhatassānurakkhaṇaṃ;

    ตานิ ตฺวํ ตาต เสวสฺสุ, มา อกมฺมาย รนฺธยิ;

    Tāni tvaṃ tāta sevassu, mā akammāya randhayi;

    อกมฺมุนา หิ ทุเมฺมโธ, นฬาคารํว สีทตี’’ติฯ

    Akammunā hi dummedho, naḷāgāraṃva sīdatī’’ti.

    ตตฺถ มหคฺคเตติ, มหาราช, อิมสฺมิํ สตฺตโลเก มหชฺฌาสเย ปุริเส ปญฺจวิธํ พลํ โหติฯ พาหุพลนฺติ กายพลํฯ จริมนฺติ ตํ อติมหนฺตมฺปิ สมานํ ลามกเมวฯ กิํการณา? อนฺธพาลภาเวนฯ สเจ หิ กายพลํ มหนฺตํ นาม ภเวยฺย, วารณพลโต ลฎุกิกาย พลํ ขุทฺทกํ ภเวยฺย, วารณพลํ ปน อนฺธพาลภาเวน มรณสฺส ปจฺจยํ ชาตํ, ลฎุกิกา อตฺตโน ญาณกุสลตาย วารณํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิฯ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ ‘‘น เหว สพฺพตฺถ พเลน กิจฺจํ, พลญฺหิ พาลสฺส วธาย โหตี’’ติ สุตฺตํ (ชา. ๑.๕.๔๒) อาหริตพฺพํฯ

    Tattha mahaggateti, mahārāja, imasmiṃ sattaloke mahajjhāsaye purise pañcavidhaṃ balaṃ hoti. Bāhubalanti kāyabalaṃ. Carimanti taṃ atimahantampi samānaṃ lāmakameva. Kiṃkāraṇā? Andhabālabhāvena. Sace hi kāyabalaṃ mahantaṃ nāma bhaveyya, vāraṇabalato laṭukikāya balaṃ khuddakaṃ bhaveyya, vāraṇabalaṃ pana andhabālabhāvena maraṇassa paccayaṃ jātaṃ, laṭukikā attano ñāṇakusalatāya vāraṇaṃ jīvitakkhayaṃ pāpesi. Imasmiṃ panatthe ‘‘na heva sabbattha balena kiccaṃ, balañhi bālassa vadhāya hotī’’ti suttaṃ (jā. 1.5.42) āharitabbaṃ.

    โภคพลนฺติ อุปตฺถมฺภนวเสน สพฺพํ หิรญฺญสุวณฺณาทิ อุปโภคชาตํ โภคพลํ นาม, ตํ กายพลโต มหนฺตตรํฯ อมจฺจพลนฺติ อเภชฺชมนฺตสฺส สูรสฺส สุหทยสฺส อมจฺจมณฺฑลสฺส อตฺถิตา, ตํ พลํ สงฺคามสูรตาย ปุริเมหิ พเลหิ มหนฺตตรํฯ อภิชจฺจพลนฺติ ตีณิ กุลานิ อติกฺกมิตฺวา ขตฺติยกุลวเสน ชาติสมฺปตฺติ , ตํ อิตเรหิ พเลหิ มหนฺตตรํฯ ชาติสมฺปนฺนา เอว หิ สุชฺฌนฺติ, น อิตเรติฯ ยานิ เจตานีติ ยานิ จ เอตานิ จตฺตาริปิ พลานิ ปณฺฑิโต ปญฺญานุภาเวน อธิคณฺหาติ อภิภวติ, ตํ สพฺพพลานํ ปญฺญาพลํ เสฎฺฐนฺติ จ อคฺคนฺติ จ วุจฺจติฯ กิํการณา? เตน หิ พเลน อุปตฺถโทฺธ ปณฺฑิโต อตฺถํ วินฺทติ, วุฑฺฒิํ ปาปุณาติ ฯ ตทตฺถโชตนตฺถํ ‘‘ปุณฺณํ นทิํ เยน จ เปยฺยมาหู’’ติ ปุณฺณนทีชาตกญฺจ (ชา. ๑.๒.๑๒๗ อาทโย) สิรีกาฬกณฺณิปญฺหํ ปญฺจปณฺฑิตปญฺหญฺจ สตฺตุภสฺตชาตก- (ชา. ๑.๗.๔๖ อาทโย) สมฺภวชาตก- (ชา. ๑.๑๖.๑๓๘ อาทโย) สรภงฺคชาตกาทีนิ (ชา. ๒.๑๗.๕๐ อาทโย) จ กเถตพฺพานิฯ

    Bhogabalanti upatthambhanavasena sabbaṃ hiraññasuvaṇṇādi upabhogajātaṃ bhogabalaṃ nāma, taṃ kāyabalato mahantataraṃ. Amaccabalanti abhejjamantassa sūrassa suhadayassa amaccamaṇḍalassa atthitā, taṃ balaṃ saṅgāmasūratāya purimehi balehi mahantataraṃ. Abhijaccabalanti tīṇi kulāni atikkamitvā khattiyakulavasena jātisampatti , taṃ itarehi balehi mahantataraṃ. Jātisampannā eva hi sujjhanti, na itareti. Yāni cetānīti yāni ca etāni cattāripi balāni paṇḍito paññānubhāvena adhigaṇhāti abhibhavati, taṃ sabbabalānaṃ paññābalaṃ seṭṭhanti ca agganti ca vuccati. Kiṃkāraṇā? Tena hi balena upatthaddho paṇḍito atthaṃ vindati, vuḍḍhiṃ pāpuṇāti . Tadatthajotanatthaṃ ‘‘puṇṇaṃ nadiṃ yena ca peyyamāhū’’ti puṇṇanadījātakañca (jā. 1.2.127 ādayo) sirīkāḷakaṇṇipañhaṃ pañcapaṇḍitapañhañca sattubhastajātaka- (jā. 1.7.46 ādayo) sambhavajātaka- (jā. 1.16.138 ādayo) sarabhaṅgajātakādīni (jā. 2.17.50 ādayo) ca kathetabbāni.

    มโนฺทติ มนฺทปโญฺญ พาโลฯ ผีตนฺติ, ตาต, มนฺทปโญฺญ ปุคฺคโล สตฺตรตนปุณฺณํ เจปิ อุตฺตมํ ธรณิํ ลภติ, ตสฺส อนิจฺฉมานเสฺสว ปสยฺหการํ วา ปน กตฺวา อโญฺญ ปญฺญาสมฺปโนฺน ตํ ปฎิปชฺชติฯ มโนฺท หิ ลทฺธํ ยสํ รกฺขิตุํ กุลสนฺตกํ วา ปน ปเวณิอาคตมฺปิ รชฺชํ อธิคนฺตุํ น สโกฺกติฯ ตทตฺถโชตนตฺถํ ‘‘อทฺธา ปาทญฺชลี สเพฺพ, ปญฺญาย อติโรจตี’’ติ ปาทญฺชลีชาตกํ (ชา. ๑.๒.๑๙๔-๑๙๕) กเถตพฺพํฯ ลทฺธานาติ ชาติสมฺปตฺติํ นิสฺสาย กุลสนฺตกํ รชฺชํ ลภิตฺวาปิฯ สเพฺพนปีติ เตน สกเลนปิ รเชฺชน น ชีวติ, อนุปายกุสลตาย ทุคฺคโตว โหตีติฯ

    Mandoti mandapañño bālo. Phītanti, tāta, mandapañño puggalo sattaratanapuṇṇaṃ cepi uttamaṃ dharaṇiṃ labhati, tassa anicchamānasseva pasayhakāraṃ vā pana katvā añño paññāsampanno taṃ paṭipajjati. Mando hi laddhaṃ yasaṃ rakkhituṃ kulasantakaṃ vā pana paveṇiāgatampi rajjaṃ adhigantuṃ na sakkoti. Tadatthajotanatthaṃ ‘‘addhā pādañjalī sabbe, paññāya atirocatī’’ti pādañjalījātakaṃ (jā. 1.2.194-195) kathetabbaṃ. Laddhānāti jātisampattiṃ nissāya kulasantakaṃ rajjaṃ labhitvāpi. Sabbenapīti tena sakalenapi rajjena na jīvati, anupāyakusalatāya duggatova hotīti.

    เอวํ มหาสโตฺต เอตฺตเกน ฐาเนน อปณฺฑิตสฺส อคุณํ กเถตฺวา อิทานิ ปญฺญํ ปสํสโนฺต ‘‘ปญฺญา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สุตนฺติ สุตปริยตฺติฯ ตญฺหิ ปญฺญาว วินิจฺฉินติฯ กิตฺติสิโลกวฑฺฒนีติ กิตฺติโฆสสฺส จ ลาภสกฺการสฺส จ วฑฺฒนีฯ ทุเกฺข สุขานิ วินฺทตีติ ทุเกฺข อุปฺปเนฺนปิ นิพฺภโย หุตฺวา อุปายกุสลตาย สุขํ ปฎิลภติฯ ตทตฺถทีปนตฺถํ –

    Evaṃ mahāsatto ettakena ṭhānena apaṇḍitassa aguṇaṃ kathetvā idāni paññaṃ pasaṃsanto ‘‘paññā’’tiādimāha. Tattha sutanti sutapariyatti. Tañhi paññāva vinicchinati. Kittisilokavaḍḍhanīti kittighosassa ca lābhasakkārassa ca vaḍḍhanī. Dukkhe sukhāni vindatīti dukkhe uppannepi nibbhayo hutvā upāyakusalatāya sukhaṃ paṭilabhati. Tadatthadīpanatthaṃ –

    ‘‘ยเสฺสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว’’ฯ (ชา. ๑.๑.๕๗);

    ‘‘Yassete caturo dhammā, vānarinda yathā tava’’. (jā. 1.1.57);

    อลเมเตหิ อเมฺพหิ, ชมฺพูหิ ปนเสหิ จา’’ติฯ (ชา. ๑.๒.๑๑๕) –

    Alametehi ambehi, jambūhi panasehi cā’’ti. (jā. 1.2.115) –

    อาทีนิ ชาตกานิ กเถตพฺพานิฯ

    Ādīni jātakāni kathetabbāni.

    อสุสฺสูสนฺติ ปณฺฑิตปุคฺคเล อปยิรุปาสโนฺต อสฺสุณโนฺตฯ ธมฺมฎฺฐนฺติ สภาวการเณ ฐิตํ พหุสฺสุตํ อนาคมฺม ตํ อสทฺทหโนฺตฯ อวินิพฺภุชนฺติ อตฺถานตฺถํ การณาการณํ อโนคาหโนฺต อตีเรโนฺต น โกจิ ปญฺญํ อธิคจฺฉติ, ตาตาติฯ

    Asussūsanti paṇḍitapuggale apayirupāsanto assuṇanto. Dhammaṭṭhanti sabhāvakāraṇe ṭhitaṃ bahussutaṃ anāgamma taṃ asaddahanto. Avinibbhujanti atthānatthaṃ kāraṇākāraṇaṃ anogāhanto atīrento na koci paññaṃ adhigacchati, tātāti.

    ธมฺมวิภงฺคญฺญูติ ทสกุสลกมฺมปถวิภงฺคกุสโลฯ กาลุฎฺฐายีติ วีริยํ กาตุํ ยุตฺตกาเล วีริยสฺส การโกฯ อนุฎฺฐหตีติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ กาเล ตํ ตํ กิจฺจํ กโรติฯ ตสฺสาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส กมฺมผลํ สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชติฯ อนายตนสีลสฺสาติ อนายตนํ วุจฺจติ ลาภยสสุขานํ อนากโร ทุสฺสีลฺยกมฺมํ, ตํสีลสฺส เตน ทุสฺสีลฺยกเมฺมน สมนฺนาคตสฺส, อนายตนภูตเมว ทุสฺสีลปุคฺคลํ เสวนฺตสฺส, กุสลสฺส กมฺมสฺส กรณกาเล นิพฺพินฺทิยการิสฺส นิพฺพินฺทิตฺวา อุกฺกณฺฐิตฺวา กโรนฺตสฺส เอวรูปสฺส, ตาต, ปุคฺคลสฺส กมฺมานํ อโตฺถ สมฺมา น วิปจฺจติ น สมฺปชฺชติ, ตีณิ กุลคฺคานิ จ ฉ กามสคฺคานิ จ น อุปเนตีติ อโตฺถฯ อชฺฌตฺตญฺจาติ อตฺตโน นิยกชฺฌตฺตํ อนิจฺจภาวนาทิวเสน ปยุตฺตสฺสฯ ตถายตนเสวิโนติ ตเถว สีลวเนฺต ปุคฺคเล เสวมานสฺสฯ วิปจฺจตีติ สมฺปชฺชติ มหนฺตํ ยสํ เทติฯ

    Dhammavibhaṅgaññūti dasakusalakammapathavibhaṅgakusalo. Kāluṭṭhāyīti vīriyaṃ kātuṃ yuttakāle vīriyassa kārako. Anuṭṭhahatīti tasmiṃ tasmiṃ kāle taṃ taṃ kiccaṃ karoti. Tassāti tassa puggalassa kammaphalaṃ samijjhati nipphajjati. Anāyatanasīlassāti anāyatanaṃ vuccati lābhayasasukhānaṃ anākaro dussīlyakammaṃ, taṃsīlassa tena dussīlyakammena samannāgatassa, anāyatanabhūtameva dussīlapuggalaṃ sevantassa, kusalassa kammassa karaṇakāle nibbindiyakārissa nibbinditvā ukkaṇṭhitvā karontassa evarūpassa, tāta, puggalassa kammānaṃ attho sammā na vipaccati na sampajjati, tīṇi kulaggāni ca cha kāmasaggāni ca na upanetīti attho. Ajjhattañcāti attano niyakajjhattaṃ aniccabhāvanādivasena payuttassa. Tathāyatanasevinoti tatheva sīlavante puggale sevamānassa. Vipaccatīti sampajjati mahantaṃ yasaṃ deti.

    โยคปฺปโยคสงฺขาตนฺติ โยเค ยุญฺชิตพฺพยุตฺตเก การเณ ปโยคโกฎฺฐาสภูตํ ปญฺญํฯ สมฺภตสฺสาติ ราสิกตสฺส ธนสฺส อนุรกฺขณํฯ ตานิ ตฺวนฺติ เอตานิ จ เทฺว ปุริมานิ จ มยา วุตฺตการณานิ สพฺพานิ, ตาต, ตฺวํ เสวสฺสุ, มยา วุตฺตํ โอวาทํ หทเย กตฺวา อตฺตโน ฆเร ธนํ รกฺขฯ มา อกมฺมาย รนฺธยีติ อยุเตฺตน อการเณน มา รนฺธยิ, ตํ ธนํ มา ฌาปยิ มา นาสยิฯ กิํการณา? อกมฺมุนา หีติ อยุตฺตกมฺมกรเณน ทุเมฺมโธ ปุคฺคโล สกํ ธนํ นาเสตฺวา ปจฺฉา ทุคฺคโตฯ นฬาคารํว สีทตีติ ยถา นฬาคารํ มูลโต ปฎฺฐาย ชีรมานํ อปฺปติฎฺฐํ ปตติ, เอวํ อการเณน ธนํ นาเสตฺวา อปาเยสุ นิพฺพตฺตตีติฯ

    Yogappayogasaṅkhātanti yoge yuñjitabbayuttake kāraṇe payogakoṭṭhāsabhūtaṃ paññaṃ. Sambhatassāti rāsikatassa dhanassa anurakkhaṇaṃ. Tāni tvanti etāni ca dve purimāni ca mayā vuttakāraṇāni sabbāni, tāta, tvaṃ sevassu, mayā vuttaṃ ovādaṃ hadaye katvā attano ghare dhanaṃ rakkha. Mā akammāya randhayīti ayuttena akāraṇena mā randhayi, taṃ dhanaṃ mā jhāpayi mā nāsayi. Kiṃkāraṇā? Akammunā hīti ayuttakammakaraṇena dummedho puggalo sakaṃ dhanaṃ nāsetvā pacchā duggato. Naḷāgāraṃva sīdatīti yathā naḷāgāraṃ mūlato paṭṭhāya jīramānaṃ appatiṭṭhaṃ patati, evaṃ akāraṇena dhanaṃ nāsetvā apāyesu nibbattatīti.

    เอวมฺปิ โพธิสโตฺต เอตฺตเกน ฐาเนน ปญฺจ พลานิ วเณฺณตฺวา ปญฺญาพลํ อุกฺขิปิตฺวา จนฺทมณฺฑลํ นีหรโนฺต วิย กเถตฺวา อิทานิ ทสหิ คาถาหิ รโญฺญ โอวาทํ เทโนฺต อาห –

    Evampi bodhisatto ettakena ṭhānena pañca balāni vaṇṇetvā paññābalaṃ ukkhipitvā candamaṇḍalaṃ nīharanto viya kathetvā idāni dasahi gāthāhi rañño ovādaṃ dento āha –

    ๓๙.

    39.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มาตาปิตูสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, mātāpitūsu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๐.

    40.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, ปุตฺตทาเรสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, puttadāresu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๑.

    41.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มิตฺตามเจฺจสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, mittāmaccesu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๒.

    42.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, วาหเนสุ พเลสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, vāhanesu balesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๓.

    43.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, คาเมสุ นิคเมสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, gāmesu nigamesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๔.

    44.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, รเฎฺฐ ชนปเทสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, raṭṭhe janapadesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๕.

    45.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, สมเณ พฺราหฺมเณสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, samaṇe brāhmaṇesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๖.

    46.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มิคปกฺขีสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, migapakkhīsu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๗.

    47.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, ธโมฺม จิโณฺณ สุขาวโห;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, dhammo ciṇṇo sukhāvaho;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๔๘.

    48.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, saindā devā sabrahmakā;

    สุจิเณฺณน ทิวํ ปตฺตา, มา ธมฺมํ ราช ปามโท’’ติฯ

    Suciṇṇena divaṃ pattā, mā dhammaṃ rāja pāmado’’ti.

    ตตฺถ ปฐมคาถาย ตาว อิธ ธมฺมนฺติ มาตาปิตุปฎฺฐานธมฺมํฯ ตํ กาลเสฺสว วุฎฺฐาย มาตาปิตูนํ มุโขทกทนฺตกฎฺฐทานมาทิํ กตฺวา สพฺพสรีรกิจฺจปริหรณํ กโรโนฺตว ปูเรหีติ วทติฯ ปุตฺตทาเรสูติ ปุตฺตธีตโร ตาว ปาปา นิวาเรตฺวา กลฺยาเณ นิเวเสโนฺต สิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปโนฺต วยปฺปตฺตกาเล ปติรูปกุลวํเสน อาวาหวิวาหํ กโรโนฺต สมเย ธนํ เทโนฺต ปุเตฺตสุ ธมฺมํ จรติ นาม, ภริยํ สมฺมาเนโนฺต อนวมาเนโนฺต อนติจรโนฺต อิสฺสริยํ โวสฺสเชฺชโนฺต อลงฺการํ อนุปฺปเทโนฺต ทาเรสุ ธมฺมํ จรติ นามฯ มิตฺตามเจฺจสูติ มิตฺตามเจฺจ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคณฺหโนฺต อวิสํวาเทโนฺต เอเตสุ ธมฺมํ จรติ นามฯ วาหเนสุ พเลสุ จาติ หตฺถิอสฺสาทีนํ วาหนานํ พลกายสฺส จ ทาตพฺพยุตฺตกํ เทโนฺต สกฺการํ กโรโนฺต หตฺถิอสฺสาทโย มหลฺลกกาเล กเมฺมสุ อโยเชโนฺต เตสุ ธมฺมํ จรติ นามฯ

    Tattha paṭhamagāthāya tāva idha dhammanti mātāpitupaṭṭhānadhammaṃ. Taṃ kālasseva vuṭṭhāya mātāpitūnaṃ mukhodakadantakaṭṭhadānamādiṃ katvā sabbasarīrakiccapariharaṇaṃ karontova pūrehīti vadati. Puttadāresūti puttadhītaro tāva pāpā nivāretvā kalyāṇe nivesento sippaṃ uggaṇhāpento vayappattakāle patirūpakulavaṃsena āvāhavivāhaṃ karonto samaye dhanaṃ dento puttesu dhammaṃ carati nāma, bhariyaṃ sammānento anavamānento anaticaranto issariyaṃ vossajjento alaṅkāraṃ anuppadento dāresu dhammaṃ carati nāma. Mittāmaccesūti mittāmacce catūhi saṅgahavatthūhi saṅgaṇhanto avisaṃvādento etesu dhammaṃ carati nāma. Vāhanesu balesu cāti hatthiassādīnaṃ vāhanānaṃ balakāyassa ca dātabbayuttakaṃ dento sakkāraṃ karonto hatthiassādayo mahallakakāle kammesu ayojento tesu dhammaṃ carati nāma.

    คาเมสุ นิคเมสุ จาติ คามนิคมวาสิโน ทณฺฑพลีหิ อปีเฬโนฺตว เตสุ ธมฺมํ จรติ นามฯ รเฎฺฐ ชนปเทสุ จาติ รฎฺฐญฺจ ชนปทญฺจ อการเณน กิลเมโนฺต หิตจิตฺตํ อปจฺจุปฎฺฐเปโนฺต ตตฺถ อธมฺมํ จรติ นาม, อปีเฬโนฺต ปน หิตจิเตฺตน ผรโนฺต ตตฺถ ธมฺมํ จรติ นามฯ สมเณ พฺราหฺมเณสุ จาติ เตสํ จตฺตาโร ปจฺจเย เทโนฺตว เตสุ ธมฺมํ จรติ นามฯ มิคปกฺขีสูติ สพฺพจตุปฺปทสกุณานํ อภยํ เทโนฺต เตสุ ธมฺมํ จรติ นามฯ ธโมฺม จิโณฺณติ สุจริตธโมฺม จิโณฺณฯ สุขาวโหติ ตีสุ กุลสมฺปทาสุ ฉสุ กามสเคฺคสุ สุขํ อาวหติฯ สุจิเณฺณนาติ อิธ จิเณฺณน กายสุจริตาทินา สุจิเณฺณนฯ ทิวํ ปตฺตาติ เทวโลกพฺรหฺมโลกสงฺขาตํ ทิวํ คตา, ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺติลาภิโน ชาตาฯ มา ธมฺมํ ราช ปามโทติ ตสฺมา ตฺวํ, มหาราช, ชีวิตํ ชหโนฺตปิ ธมฺมํ มา ปมชฺชีติฯ

    Gāmesu nigamesu cāti gāmanigamavāsino daṇḍabalīhi apīḷentova tesu dhammaṃ carati nāma. Raṭṭhe janapadesu cāti raṭṭhañca janapadañca akāraṇena kilamento hitacittaṃ apaccupaṭṭhapento tattha adhammaṃ carati nāma, apīḷento pana hitacittena pharanto tattha dhammaṃ carati nāma. Samaṇe brāhmaṇesu cāti tesaṃ cattāro paccaye dentova tesu dhammaṃ carati nāma. Migapakkhīsūti sabbacatuppadasakuṇānaṃ abhayaṃ dento tesu dhammaṃ carati nāma. Dhammo ciṇṇoti sucaritadhammo ciṇṇo. Sukhāvahoti tīsu kulasampadāsu chasu kāmasaggesu sukhaṃ āvahati. Suciṇṇenāti idha ciṇṇena kāyasucaritādinā suciṇṇena. Divaṃ pattāti devalokabrahmalokasaṅkhātaṃ divaṃ gatā, tattha dibbasampattilābhino jātā. Mā dhammaṃ rāja pāmadoti tasmā tvaṃ, mahārāja, jīvitaṃ jahantopi dhammaṃ mā pamajjīti.

    เอวํ ทส ธมฺมจริยคาถาโย วตฺวา อุตฺตริปิ โอวทโนฺต โอสานคาถมาห –

    Evaṃ dasa dhammacariyagāthāyo vatvā uttaripi ovadanto osānagāthamāha –

    ๔๙.

    49.

    ‘‘ตเตฺถว เต วตฺตปทา, เอสาว อนุสาสนี;

    ‘‘Tattheva te vattapadā, esāva anusāsanī;

    สปฺปญฺญเสวี กลฺยาณี, สมตฺตํ สาม ตํ วิทู’’ติฯ

    Sappaññasevī kalyāṇī, samattaṃ sāma taṃ vidū’’ti.

    ตตฺถ ตเตฺถว เต วตฺตปทาติ อิทํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํฯ สปฺปญฺญเสวี กลฺยาณี, สมตฺตํ สาม ตํ วิทูติ, มหาราช, ตํ มยา วุตฺตํ โอวาทํ ตฺวํ นิจฺจกาลํ สปฺปญฺญปุคฺคลเสวี กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต หุตฺวา สมตฺตํ ปริปุณฺณํ สามํ วิทู อตฺตปจฺจกฺขโตว ชานิตฺวา ยถานุสิฎฺฐํ ปฎิปชฺชาติฯ

    Tattha tattheva te vattapadāti idaṃ purimanayeneva yojetabbaṃ. Sappaññasevī kalyāṇī, samattaṃ sāma taṃ vidūti, mahārāja, taṃ mayā vuttaṃ ovādaṃ tvaṃ niccakālaṃ sappaññapuggalasevī kalyāṇaguṇasamannāgato hutvā samattaṃ paripuṇṇaṃ sāmaṃ vidū attapaccakkhatova jānitvā yathānusiṭṭhaṃ paṭipajjāti.

    เอวํ มหาสโตฺต อากาสคงฺคํ โอตาเรโนฺต วิย พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสิฯ มหาชโน มหาสกฺการํ อกาสิ, สาธุการสหสฺสานิ อทาสิฯ ราชา ตุโฎฺฐ อมเจฺจ อามเนฺตตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘โภโนฺต! อมจฺจา มม ปุเตฺตน ตรุณชมฺพุผลสมานตุเณฺฑน ชมฺพุกปณฺฑิเตน เอวํ กเถเนฺตน เกน กตฺตพฺพํ กิจฺจํ กต’’นฺติฯ เสนาปตินา, เทวาติฯ ‘‘เตน หิสฺส เสนาปติฎฺฐานํ ทมฺมี’’ติ ชมฺพุกํ ฐานนฺตเร ฐเปสิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย เสนาปติฎฺฐาเน ฐตฺวา ปิตุ กมฺมานิ อกาสิฯ ติณฺณํ สกุณานํ มหโนฺต สกฺกาโร อโหสิฯ ตโยปิ ชนา รโญฺญ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ อนุสาสิํสุฯ มหาสตฺตโสฺสวาเท ฐตฺวา ราชา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิฯ อมจฺจา รโญฺญ สรีรกิจฺจํ กตฺวา สกุณานํ อาโรเจตฺวา ‘‘สามิ, ชมฺพุกสกุณ ราชา ตุมฺหากํ ฉตฺตํ อุสฺสาเปตพฺพํ อกาสี’’ติ วทิํสุฯ มหาสโตฺต ‘‘น มยฺหํ รเชฺชนโตฺถ, ตุเมฺห อปฺปมตฺตา รชฺชํ กาเรถา’’ติ มหาชนํ สีเลสุ ปติฎฺฐาเปตฺวา ‘‘เอวํ วินิจฺฉยํ ปวเตฺตยฺยาถา’’ติ วินิจฺฉยธมฺมํ สุวณฺณปเฎฺฎ ลิขาเปตฺวา อรญฺญํ ปาวิสิฯ ตโสฺสวาโท จตฺตาลีส วสฺสสหสฺสานิ ปวตฺตติฯ

    Evaṃ mahāsatto ākāsagaṅgaṃ otārento viya buddhalīḷāya dhammaṃ desesi. Mahājano mahāsakkāraṃ akāsi, sādhukārasahassāni adāsi. Rājā tuṭṭho amacce āmantetvā pucchi – ‘‘bhonto! Amaccā mama puttena taruṇajambuphalasamānatuṇḍena jambukapaṇḍitena evaṃ kathentena kena kattabbaṃ kiccaṃ kata’’nti. Senāpatinā, devāti. ‘‘Tena hissa senāpatiṭṭhānaṃ dammī’’ti jambukaṃ ṭhānantare ṭhapesi. So tato paṭṭhāya senāpatiṭṭhāne ṭhatvā pitu kammāni akāsi. Tiṇṇaṃ sakuṇānaṃ mahanto sakkāro ahosi. Tayopi janā rañño atthañca dhammañca anusāsiṃsu. Mahāsattassovāde ṭhatvā rājā dānādīni puññāni katvā saggaparāyaṇo ahosi. Amaccā rañño sarīrakiccaṃ katvā sakuṇānaṃ ārocetvā ‘‘sāmi, jambukasakuṇa rājā tumhākaṃ chattaṃ ussāpetabbaṃ akāsī’’ti vadiṃsu. Mahāsatto ‘‘na mayhaṃ rajjenattho, tumhe appamattā rajjaṃ kārethā’’ti mahājanaṃ sīlesu patiṭṭhāpetvā ‘‘evaṃ vinicchayaṃ pavatteyyāthā’’ti vinicchayadhammaṃ suvaṇṇapaṭṭe likhāpetvā araññaṃ pāvisi. Tassovādo cattālīsa vassasahassāni pavattati.

    สตฺถา รโญฺญ โอวาทวเสน อิมํ ธมฺมเทสนํ เทเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, กุณฺฑลินี อุปฺปลวณฺณา, เวสฺสนฺตโร สาริปุโตฺต, ชมฺพุกสกุโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā rañño ovādavasena imaṃ dhammadesanaṃ desetvā jātakaṃ samodhānesi ‘‘tadā rājā ānando ahosi, kuṇḍalinī uppalavaṇṇā, vessantaro sāriputto, jambukasakuṇo pana ahameva ahosi’’nti.

    เตสกุณชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ

    Tesakuṇajātakavaṇṇanā paṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๒๑. เตสกุณชาตกํ • 521. Tesakuṇajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact