Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Dīgha Nikāya, English translation

    ทีฆ นิกาย ๑๓

    Long Discourses 13

    เตวิชฺชสุตฺต

    Experts in the Three Vedas

    เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปญฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ เยน มนสากฏํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริฯ ตตฺร สุทํ ภควา มนสากเฏ วิหรติ อุตฺตเรน มนสากฏสฺส อจิรวติยา นทิยา ตีเร อมฺพวเนฯ

    So I have heard. At one time the Buddha was wandering in the land of the Kosalans together with a large Saṅgha of five hundred bhikkhus when he arrived at a village of the Kosalan brahmins named Manasākaṭa. He stayed in a mango grove on a bank of the river Aciravatī to the north of Manasākaṭa.

    เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา พฺราหฺมณมหาสาลา มนสากเฏ ปฏิวสนฺติ, เสยฺยถิทํ—จงฺกี พฺราหฺมโณ ตารุกฺโข พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ พฺราหฺมโณ ชาณุโสณิ พฺราหฺมโณ โตเทโยฺย พฺราหฺมโณ อญฺเญ จ อภิญฺญาตา อภิญฺญาตา พฺราหฺมณมหาสาลาฯ

    Now at that time several very well-known well-to-do brahmins were residing in Manasākaṭa. They included the brahmins Caṅkī, Tārukkha, Pokkharasādi, Jānussoṇi, Todeyya, and others.

    อถ โข วาเสฏฺฐภารทฺวาชานํ มาณวานํ ชงฺฆวิหารํ อนุจงฺกมนฺตานํ อนุวิจรนฺตานํ มคฺคามคฺเค กถา อุทปาทิฯ

    Then as the students Vāseṭṭha and Bhāradvāja were going for a walk they began a discussion regarding the variety of paths.

    อถ โข วาเสฏฺโฐ มาณโว เอวมาห: “อยเมว อุชุมคฺโค, อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตาย, ยฺวายํ อกฺขาโต พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินา”ติฯ

    Vāseṭṭha said this: “This is the only straight path, the direct route that leads someone who practices it to the company of Brahmā; namely, that explained by the brahmin Pokkharasādi.”

    ภารทฺวาโชปิ มาณโว เอวมาห: “อยเมว อุชุมคฺโค, อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตาย, ยฺวายํ อกฺขาโต พฺราหฺมเณน ตารุกฺเขนา”ติฯ

    Bhāradvāja said this: “This is the only straight path, the direct route that leads someone who practices it to the company of Brahmā; namely, that explained by the brahmin Tārukkha.”

    เนว โข อสกฺขิ วาเสฏฺโฐ มาณโว ภารทฺวาชํ มาณวํ สญฺญาเปตุํ, น ปน อสกฺขิ ภารทฺวาโช มาณโว วาเสฏฺฐํ มาณวํ สญฺญาเปตุํฯ อถ โข วาเสฏฺโฐ มาณโว ภารทฺวาชํ มาณวํ อามนฺเตสิ: “อยํ โข, ภารทฺวาช, สมโณ โคตโม สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต มนสากเฏ วิหรติ อุตฺตเรน มนสากฏสฺส อจิรวติยา นทิยา ตีเร อมฺพวเนฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต: ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา'ติฯ อายาม, โภ ภารทฺวาช, เยน สมโณ โคตโม เตนุปสงฺกมิสฺสาม; อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ สมณํ โคตมํ ปุจฺฉิสฺสามฯ ยถา โน สมโณ โคตโม พฺยากริสฺสติ, ตถา นํ ธาเรสฺสามา”ติฯ

    But neither was able to persuade the other. So Vāseṭṭha said to Bhāradvāja, “Bhāradvāja, the ascetic Gotama—a Sakyan, gone forth from a Sakyan family—is staying in a mango grove on a bank of the river Aciravatī to the north of Manasākaṭa. He has this good reputation: ‘That Blessed One is perfected, a fully awakened Buddha, accomplished in knowledge and conduct, holy, knower of the world, supreme guide for those who wish to train, teacher of gods and humans, awakened, blessed.’ Come, let’s go to see him and ask him about this matter. As he answers, so we’ll remember it.”

    “เอวํ, โภ”ติ โข ภารทฺวาโช มาณโว วาเสฏฺฐสฺส มาณวสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ

    “Yes, sir,” replied Bhāradvāja.

    ๑ฯ มคฺคามคฺคกถา

    1. The Variety of Paths

    อถ โข วาเสฏฺฐภารทฺวาชา มาณวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข วาเสฏฺโฐ มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อิธ, โภ โคตม, อมฺหากํ ชงฺฆวิหารํ อนุจงฺกมนฺตานํ อนุวิจรนฺตานํ มคฺคามคฺเค กถา อุทปาทิฯ อหํ เอวํ วทามิ: ‘อยเมว อุชุมคฺโค, อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตาย, ยฺวายํ อกฺขาโต พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินา'ติฯ ภารทฺวาโช มาณโว เอวมาห: ‘อยเมว อุชุมคฺโค อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตาย, ยฺวายํ อกฺขาโต พฺราหฺมเณน ตารุกฺเขนา'ติฯ เอตฺถ, โภ โคตม, อตฺเถว วิคฺคโห, อตฺถิ วิวาโท, อตฺถิ นานาวาโท”ติฯ

    So they went to the Buddha and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, they sat down to one side and Vāseṭṭha told him of their conversation, adding: “In this matter we have a dispute, a disagreement, a difference of opinion.”

    “อิติ กิร, วาเสฏฺฐ, ตฺวํ เอวํ วเทสิ: ‘อยเมว อุชุมคฺโค, อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตาย, ยฺวายํ อกฺขาโต พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินา'ติฯ ภารทฺวาโช มาณโว เอวมาห: ‘อยเมว อุชุมคฺโค อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตาย, ยฺวายํ อกฺขาโต พฺราหฺมเณน ตารุกฺเขนา'ติฯ อถ กิสฺมึ ปน โว, วาเสฏฺฐ, วิคฺคโห, กิสฺมึ วิวาโท, กิสฺมึ นานาวาโท”ติ?

    “So, Vāseṭṭha, it seems that you say that the straight path is that explained by Pokkharasādi, while Bhāradvāja says that the straight path is that explained by Tārukkha. But what exactly is your disagreement about?”

    “มคฺคามคฺเค, โภ โคตมฯ กิญฺจาปิ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นานามคฺเค ปญฺญาเปนฺติ, อทฺธริยา พฺราหฺมณา ติตฺติริยา พฺราหฺมณา ฉนฺโทกา พฺราหฺมณา พวฺหาริชฺฌา พฺราหฺมณา, อถ โข สพฺพานิ ตานิ นิยฺยานิกา นิยฺยนฺติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายฯ

    “About the variety of paths, Master Gotama. Even though brahmins describe different paths—the Addhariya brahmins, the Tittiriya brahmins, the Chandoka brahmins, and the Bavhadija brahmins—all of them lead someone who practices them to the company of Brahmā.

    เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, คามสฺส วา นิคมสฺส วา อวิทูเร พหูนิ เจปิ นานามคฺคานิ ภวนฺติ, อถ โข สพฺพานิ ตานิ คามสโมสรณานิ ภวนฺติ; เอวเมว โข, โภ โคตม, กิญฺจาปิ พฺราหฺมณา นานามคฺเค ปญฺญาเปนฺติ, อทฺธริยา พฺราหฺมณา ติตฺติริยา พฺราหฺมณา ฉนฺโทกา พฺราหฺมณา พวฺหาริชฺฌา พฺราหฺมณา, อถ โข สพฺพานิ ตานิ นิยฺยานิกา นิยฺยนฺติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายา”ติฯ

    It’s like a village or town that has many different roads nearby, yet all of them meet at that village. In the same way, even though brahmins describe different paths—the Addhariya brahmins, the Tittiriya brahmins, the Chandoka brahmins, and the Bavhadija brahmins—all of them lead someone who practices them to the company of Brahmā.”

    ๒ฯ วาเสฏฺฐมาณวานุโยค

    2. Questioning Vāseṭṭha

    “นิยฺยนฺตีติ, วาเสฏฺฐ วเทสิ”?

    “Do you say, ‘they lead someone’, Vāseṭṭha?”

    “นิยฺยนฺตีติ, โภ โคตม, วทามิ”ฯ

    “I do, Master Gotama.”

    “นิยฺยนฺตีติ, วาเสฏฺฐ, วเทสิ”?

    “Do you say, ‘they lead someone’, Vāseṭṭha?”

    “นิยฺยนฺตีติ, โภ โคตม, วทามิ”ฯ

    “I do, Master Gotama.”

    “นิยฺยนฺตีติ, วาเสฏฺฐ, วเทสิ”?

    “Do you say, ‘they lead someone’, Vāseṭṭha?”

    “นิยฺยนฺตีติ, โภ โคตม, วทามิ”ฯ

    “I do, Master Gotama.”

    “กึ ปน, วาเสฏฺฐ, อตฺถิ โกจิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ, เยน พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ”ติ?

    “Well, of the brahmins who are proficient in the three Vedas, Vāseṭṭha, is there even a single one who has seen Brahmā with their own eyes?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “กึ ปน, วาเสฏฺฐ, อตฺถิ โกจิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ, เยน พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ”ติ?

    “Well, has even a single one of their teachers seen Brahmā with their own eyes?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “กึ ปน, วาเสฏฺฐ, อตฺถิ โกจิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ เอกาจริยปาจริโยปิ, เยน พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ”ติ?

    “Well, has even a single one of their teachers’ teachers seen Brahmā with their own eyes?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “กึ ปน, วาเสฏฺฐ, อตฺถิ โกจิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ยาว สตฺตมา อาจริยามหยุคา เยน พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ”ติ?

    “Well, has anyone back to the seventh generation of teachers seen Brahmā with their own eyes?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “กึ ปน, วาเสฏฺฐ, เยปิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ, ตทนุภาสนฺติ, ภาสิตมนุภาสนฺติ, วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ—อฏฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโฐ กสฺสโป ภคุฯ เตปิ เอวมาหํสุ: ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม, ยตฺถ วา พฺรหฺมา, เยน วา พฺรหฺมา, ยหึ วา พฺรหฺมา'”ติ?

    “Well, what of the ancient seers of the brahmins proficient in the three Vedas, namely Aṭṭhaka, Vāmaka, Vāmadeva, Vessāmitta, Yamadaggi, Aṅgīrasa, Bhāradvāja, Vāseṭṭha, Kassapa, and Bhagu? They were the authors and propagators of the hymns. Their hymnal was sung and propagated and compiled in ancient times; and these days, brahmins continue to sing and chant it, chanting what was chanted and teaching what was taught. Did they say: ‘We know and see where Brahmā is or what way he lies’?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “อิติ กิร, วาเสฏฺฐ, นตฺถิ โกจิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ เอกพฺราหฺมโณปิ, เยน พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ นตฺถิ โกจิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ เอกาจริโยปิ, เยน พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ นตฺถิ โกจิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ เอกาจริยปาจริโยปิ, เยน พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ นตฺถิ โกจิ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ยาว สตฺตมา อาจริยามหยุคา เยน พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ เยปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ, ตทนุภาสนฺติ, ภาสิตมนุภาสนฺติ, วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ—อฏฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโฐ กสฺสโป ภคุ, เตปิ น เอวมาหํสุ: ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม, ยตฺถ วา พฺรหฺมา, เยน วา พฺรหฺมา, ยหึ วา พฺรหฺมา'ติฯ เตว เตวิชฺชา พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘ยํ น ชานาม, ยํ น ปสฺสาม, ตสฺส สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสมฯ อยเมว อุชุมคฺโค อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายา'ติฯ

    “So it seems that none of those brahmins have seen Brahmā with their own eyes, and not even the ancient seers claimed to know where he is. Yet the brahmins proficient in the three Vedas say: ‘We teach the path to the company of that which we neither know nor see. This is the only straight path, the direct route that leads someone who practices it to the company of Brahmā.’

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, นนุ เอวํ สนฺเต เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? This being so, doesn’t their statement turn out to have no demonstrable basis?”

    “อทฺธา โข, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติฯ

    “Clearly that’s the case, Master Gotama.”

    “สาธุ, วาเสฏฺฐ, เต วต, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา ยํ น ชานนฺติ, ยํ น ปสฺสนฺติ, ตสฺส สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสฺสนฺติฯ ‘อยเมว อุชุมคฺโค, อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายา'ติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    “Good, Vāseṭṭha. For it is impossible that they should teach the path to that which they neither know nor see.

    เสยฺยถาปิ, วาเสฏฺฐ, อนฺธเวณิ ปรมฺปรสํสตฺตา ปุริโมปิ น ปสฺสติ, มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ, ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติ; เอวเมว โข, วาเสฏฺฐ, อนฺธเวณูปมํ มญฺเญ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ภาสิตํ, ปุริโมปิ น ปสฺสติ, มชฺฌิโมปิ น ปสฺสติ, ปจฺฉิโมปิ น ปสฺสติฯ เตสมิทํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ภาสิตํ หสฺสกญฺเญว สมฺปชฺชติ, นามกญฺเญว สมฺปชฺชติ, ริตฺตกญฺเญว สมฺปชฺชติ, ตุจฺฉกญฺเญว สมฺปชฺชติฯ

    Suppose there was a queue of blind men, each holding the one in front: the first one does not see, the middle one does not see, and the last one does not see. In the same way, it seems to me that the brahmins’ statement turns out to be comparable to a queue of blind men: the first one does not see, the middle one does not see, and the last one does not see. Their statement turns out to be a joke—mere words, void and hollow.

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, ปสฺสนฺติ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา จนฺทิมสูริเย, อญฺเญ จาปิ พหุชนา, ยโต จ จนฺทิมสูริยา อุคฺคจฺฉนฺติ, ยตฺถ จ โอคจฺฉนฺติ, อายาจนฺติ โถมยนฺติ ปญฺชลิกา นมสฺสมานา อนุปริวตฺตนฺตี”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? Do the brahmins proficient in the three Vedas see the sun and moon just as other folk do? And do they pray to them and exalt them, following their course from where they rise to where they set with joined palms held in worship?”

    “เอวํ, โภ โคตม, ปสฺสนฺติ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา จนฺทิมสูริเย, อญฺเญ จาปิ พหุชนา, ยโต จ จนฺทิมสูริยา อุคฺคจฺฉนฺติ, ยตฺถ จ โอคจฺฉนฺติ, อายาจนฺติ โถมยนฺติ ปญฺชลิกา นมสฺสมานา อนุปริวตฺตนฺตี”ติฯ

    “Yes, Master Gotama.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, ยํ ปสฺสนฺติ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา จนฺทิมสูริเย, อญฺเญ จาปิ พหุชนา, ยโต จ จนฺทิมสูริยา อุคฺคจฺฉนฺติ, ยตฺถ จ โอคจฺฉนฺติ, อายาจนฺติ โถมยนฺติ ปญฺชลิกา นมสฺสมานา อนุปริวตฺตนฺติ, ปโหนฺติ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา จนฺทิมสูริยานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตุํ: ‘อยเมว อุชุมคฺโค, อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส จนฺทิมสูริยานํ สหพฺยตายา'”ติ?

    “What do you think, Vāseṭṭha? Though this is so, are the brahmins proficient in the three Vedas able to teach the path to the company of the sun and moon, saying: ‘This is the only straight path, the direct route that leads someone who practices it to the company of the sun and moon’?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “อิติ กิร, วาเสฏฺฐ, ยํ ปสฺสนฺติ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา จนฺทิมสูริเย, อญฺเญ จาปิ พหุชนา, ยโต จ จนฺทิมสูริยา อุคฺคจฺฉนฺติ, ยตฺถ จ โอคจฺฉนฺติ, อายาจนฺติ โถมยนฺติ ปญฺชลิกา นมสฺสมานา อนุปริวตฺตนฺติ, เตสมฺปิ นปฺปโหนฺติ จนฺทิมสูริยานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตุํ: ‘อยเมว อุชุมคฺโค, อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส จนฺทิมสูริยานํ สหพฺยตายา'ติฯ

    “So it seems that even though the brahmins proficient in the three Vedas see the sun and moon, they are not able to teach the path to the company of the sun and moon.

    อิติ ปน น กิร เตวิชฺเชหิ พฺราหฺมเณหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อาจริเยหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อาจริยปาจริเยหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ยาว สตฺตมา อาจริยามหยุเคหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ เยปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ, ตทนุภาสนฺติ, ภาสิตมนุภาสนฺติ, วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ—อฏฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโฐ กสฺสโป ภคุ, เตปิ น เอวมาหํสุ: ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม, ยตฺถ วา พฺรหฺมา, เยน วา พฺรหฺมา, ยหึ วา พฺรหฺมา'ติฯ เตว เตวิชฺชา พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘ยํ น ชานาม, ยํ น ปสฺสาม, ตสฺส สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสม—อยเมว อุชุมคฺโค อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายา'ติฯ

    But it seems that even though they have not seen Brahmā with their own eyes, they still claim to teach the path to the company of that which they neither know nor see.

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, นนุ เอวํ สนฺเต เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? This being so, doesn’t their statement turn out to have no demonstrable basis?”

    “อทฺธา โข, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติฯ

    “Clearly that’s the case, Master Gotama.”

    “สาธุ, วาเสฏฺฐ, เต วต, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา ยํ น ชานนฺติ, ยํ น ปสฺสนฺติ, ตสฺส สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสฺสนฺติ: ‘อยเมว อุชุมคฺโค, อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก, นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายา'ติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    “Good, Vāseṭṭha. For it is impossible that they should teach the path to that which they neither know nor see.

    ๒ฯ๑ฯ ชนปทกลฺยาณีอุปมา

    2.1. The Simile of the Finest Lady in the Land

    เสยฺยถาปิ, วาเสฏฺฐ, ปุริโส เอวํ วเทยฺย: ‘อหํ ยา อิมสฺมึ ชนปเท ชนปทกลฺยาณี, ตํ อิจฺฉามิ, ตํ กาเมมี'ติฯ

    Suppose a man were to say, ‘Whoever the finest lady in the land is, it is her that I want, her that I desire!’

    ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ: ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณึ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณึ—ขตฺติยี วา พฺราหฺมณี วา เวสฺสี วา สุทฺที วา'ติ? อิติ ปุฏฺโฐ ‘โน'ติ วเทยฺยฯ

    They’d say to him, ‘Mister, that finest lady in the land who you desire—do you know whether she’s an aristocrat, a brahmin, a peasant, or a menial?’ Asked this, he’d say, ‘No.’

    ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ: ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ ชนปทกลฺยาณึ อิจฺฉสิ กาเมสิ, ชานาสิ ตํ ชนปทกลฺยาณึ—เอวํนามา เอวงฺโคตฺตาติ วา, ทีฆา วา รสฺสา วา มชฺฌิมา วา กาฬี วา สามา วา มงฺคุรจฺฉวี วาติ, อมุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา นคเร วา'ติ?

    They’d say to him, ‘Mister, that finest lady in the land who you desire—do you know her name or clan? Whether she’s tall or short or medium? Whether her skin is black, brown, or tawny? What village, town, or city she comes from?’

    อิติ ปุฏฺโฐ ‘โน'ติ วเทยฺยฯ

    Asked this, he’d say, ‘No.’

    ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ: ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ น ชานาสิ น ปสฺสสิ, ตํ ตฺวํ อิจฺฉสิ กาเมสี'ติ?

    They’d say to him, ‘Mister, do you desire someone who you’ve never even known or seen?’

    อิติ ปุฏฺโฐ ‘อามา'ติ วเทยฺยฯ

    Asked this, he’d say, ‘Yes.’

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, นนุ เอวํ สนฺเต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? This being so, doesn’t that man’s statement turn out to have no demonstrable basis?”

    “อทฺธา โข, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติฯ

    “Clearly that’s the case, Master Gotama.”

    “เอวเมว โข, วาเสฏฺฐ, น กิร เตวิชฺเชหิ พฺราหฺมเณหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ, นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อาจริเยหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ, นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อาจริยปาจริเยหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ยาว สตฺตมา อาจริยามหยุเคหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ เยปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ, ตทนุภาสนฺติ, ภาสิตมนุภาสนฺติ, วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ—อฏฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโฐ กสฺสโป ภคุ, เตปิ น เอวมาหํสุ: ‘มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม, ยตฺถ วา พฺรหฺมา, เยน วา พฺรหฺมา, ยหึ วา พฺรหฺมา'ติฯ เตว เตวิชฺชา พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘ยํ น ชานาม, ยํ น ปสฺสาม, ตสฺส สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสม—อยเมว อุชุมคฺโค อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายา'ติฯ ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, นนุ เอวํ สนฺเต เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติ?

    “In the same way, doesn’t the statement of those brahmins turn out to have no demonstrable basis?”

    “อทฺธา โข, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติฯ

    “Clearly that’s the case, Master Gotama.”

    “สาธุ, วาเสฏฺฐ, เต วต, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา ยํ น ชานนฺติ, ยํ น ปสฺสนฺติ, ตสฺส สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสฺสนฺติ—อยเมว อุชุมคฺโค อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายาติ เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    “Good, Vāseṭṭha. For it is impossible that they should teach the path to that which they neither know nor see.

    ๒ฯ๒ฯ นิเสฺสณีอุปมา

    2.2. The Simile of the Ladder

    เสยฺยถาปิ, วาเสฏฺฐ, ปุริโส จาตุมหาปเถ นิเสฺสณึ กเรยฺย ปาสาทสฺส อาโรหณายฯ

    Suppose a man was to build a ladder at the crossroads for climbing up to a stilt longhouse.

    ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ: ‘อมฺโภ ปุริส, ยสฺส ตฺวํ ปาสาทสฺส อาโรหณาย นิเสฺสณึ กโรสิ, ชานาสิ ตํ ปาสาทํ—ปุรตฺถิมาย วา ทิสาย ทกฺขิณาย วา ทิสาย ปจฺฉิมาย วา ทิสาย อุตฺตราย วา ทิสาย อุจฺโจ วา นีโจ วา มชฺฌิโม วา'ติ?

    They’d say to him, ‘Mister, that stilt longhouse that you’re building a ladder for—do you know whether it’s to the north, south, east, or west? Or whether it’s tall or short or medium?’

    อิติ ปุฏฺโฐ ‘โน'ติ วเทยฺยฯ

    Asked this, he’d say, ‘No.’

    ตเมนํ เอวํ วเทยฺยุํ: ‘อมฺโภ ปุริส, ยํ ตฺวํ น ชานาสิ, น ปสฺสสิ, ตสฺส ตฺวํ ปาสาทสฺส อาโรหณาย นิเสฺสณึ กโรสี'ติ?

    They’d say to him, ‘Mister, are you building a ladder for a longhouse that you’ve never even known or seen?’

    อิติ ปุฏฺโฐ ‘อามา'ติ วเทยฺยฯ

    Asked this, he’d say, ‘Yes.’

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, นนุ เอวํ สนฺเต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? This being so, doesn’t that man’s statement turn out to have no demonstrable basis?”

    “อทฺธา โข, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต ตสฺส ปุริสสฺส อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติฯ

    “Clearly that’s the case, Master Gotama.”

    “เอวเมว โข, วาเสฏฺฐ, น กิร เตวิชฺเชหิ พฺราหฺมเณหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ, นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อาจริเยหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ, นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อาจริยปาจริเยหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐ, นปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ยาว สตฺตมา อาจริยามหยุเคหิ พฺรหฺมา สกฺขิทิฏฺโฐฯ เยปิ กิร เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ ปุพฺพกา อิสโย มนฺตานํ กตฺตาโร มนฺตานํ ปวตฺตาโร, เยสมิทํ เอตรหิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิตํ, ตทนุคายนฺติ, ตทนุภาสนฺติ, ภาสิตมนุภาสนฺติ, วาจิตมนุวาเจนฺติ, เสยฺยถิทํ—อฏฺฐโก วามโก วามเทโว เวสฺสามิตฺโต ยมตคฺคิ องฺคีรโส ภารทฺวาโช วาเสฏฺโฐ กสฺสโป ภคุ, เตปิ น เอวมาหํสุ—มยเมตํ ชานาม, มยเมตํ ปสฺสาม, ยตฺถ วา พฺรหฺมา, เยน วา พฺรหฺมา, ยหึ วา พฺรหฺมาติฯ เตว เตวิชฺชา พฺราหฺมณา เอวมาหํสุ: ‘ยํ น ชานาม, ยํ น ปสฺสาม, ตสฺส สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสม, อยเมว อุชุมคฺโค อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายา'ติฯ ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, นนุ เอวํ สนฺเต เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติ?

    “In the same way, doesn’t the statement of those brahmins turn out to have no demonstrable basis?”

    “อทฺธา โข, โภ โคตม, เอวํ สนฺเต เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปฺปาฏิหีรกตํ ภาสิตํ สมฺปชฺชตี”ติฯ

    “Clearly that’s the case, Master Gotama.”

    “สาธุ, วาเสฏฺฐ, เต วต, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา ยํ น ชานนฺติ, ยํ น ปสฺสนฺติ, ตสฺส สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสสฺสนฺติฯ อยเมว อุชุมคฺโค อยมญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายาติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    “Good, Vāseṭṭha. For it is impossible that they should teach the path to that which they neither know nor see.

    ๒ฯ๓ฯ อจิรวตีนทีอุปมา

    2.3. The Simile of the River Aciravatī

    เสยฺยถาปิ, วาเสฏฺฐ, อยํ อจิรวตี นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปารตฺถิโก ปารคเวสี ปารคามี ปารํ ตริตุกาโมฯ โส โอริเม ตีเร ฐิโต ปาริมํ ตีรํ อเวฺหยฺย: ‘เอหิ ปาราปารํ, เอหิ ปาราปารนฺ'ติฯ

    Suppose the river Aciravatī was full to the brim so a crow could drink from it. Then along comes a person who wants to cross over to the far shore. Standing on the near shore, they’d call out to the far shore, ‘Come here, far shore! Come here, far shore!’

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, อปิ นุ ตสฺส ปุริสสฺส อวฺหายนเหตุ วา อายาจนเหตุ วา ปตฺถนเหตุ วา อภินนฺทนเหตุ วา อจิรวติยา นทิยา ปาริมํ ตีรํ โอริมํ ตีรํ อาคจฺเฉยฺยา”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? Would the far shore of the Aciravatī river come over to the near shore because of that man’s call, request, desire, or expectation?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “เอวเมว โข, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา เย ธมฺมา พฺราหฺมณการกา เต ธมฺเม ปหาย วตฺตมานา, เย ธมฺมา อพฺราหฺมณการกา เต ธมฺเม สมาทาย วตฺตมานา เอวมาหํสุ: ‘อินฺทมวฺหยาม, โสมมวฺหยาม, วรุณมวฺหยาม, อีสานมวฺหยาม, ปชาปติมวฺหยาม, พฺรหฺมมวฺหยาม, มหิทฺธิมวฺหยาม, ยมมวฺหยามา'ติฯ

    “In the same way, Vāseṭṭha, the brahmins proficient in the three Vedas proceed having given up those things that make one a true brahmin, and having undertaken those things that make one not a true brahmin. Yet they say: ‘We call upon Indra! We call upon Soma! We call upon Varuṇa! We call upon Īsāna! We call upon the Progenitor! We call upon Brahmā! We call upon Mahinda! We call upon Yama!’

    เต วต, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา เย ธมฺมา พฺราหฺมณการกา เต ธมฺเม ปหาย วตฺตมานา, เย ธมฺมา อพฺราหฺมณการกา เต ธมฺเม สมาทาย วตฺตมานา อวฺหายนเหตุ วา อายาจนเหตุ วา ปตฺถนเหตุ วา อภินนฺทนเหตุ วา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมานํ สหพฺยูปคา ภวิสฺสนฺตีติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    So long as they proceed in this way it’s impossible that they will, when the body breaks up, after death, be reborn in the company of Brahmā.

    เสยฺยถาปิ, วาเสฏฺฐ, อยํ อจิรวตี นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปารตฺถิโก ปารคเวสี ปารคามี ปารํ ตริตุกาโมฯ โส โอริเม ตีเร ทฬฺหาย อนฺทุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พทฺโธฯ

    Suppose the river Aciravatī was full to the brim so a crow could drink from it. Then along comes a person who wants to cross over to the far shore. But while still on the near shore, their arms are tied tightly behind their back with a strong chain.

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, อปิ นุ โส ปุริโส อจิรวติยา นทิยา โอริมา ตีรา ปาริมํ ตีรํ คจฺเฉยฺยา”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? Could that person cross over to the far shore?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “เอวเมว โข, วาเสฏฺฐ, ปญฺจิเม กามคุณา อริยสฺส วินเย อนฺทูติปิ วุจฺจนฺติ, พนฺธนนฺติปิ วุจฺจนฺติฯ กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิญฺเญยฺยา รูปา อิฏฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ โสตวิญฺเญยฺยา สทฺทา …เป… ฆานวิญฺเญยฺยา คนฺธา … ชิวฺหาวิญฺเญยฺยา รสา … กายวิญฺเญยฺยา โผฏฺฐพฺพา อิฏฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ

    “In the same way, the five kinds of sensual stimulation are called ‘chains’ and ‘fetters’ in the training of the Noble One. What five? Sights known by the eye that are likable, desirable, agreeable, pleasant, sensual, and arousing. Sounds known by the ear … Smells known by the nose … Tastes known by the tongue … Touches known by the body that are likable, desirable, agreeable, pleasant, sensual, and arousing.

    อิเม โข, วาเสฏฺฐ, ปญฺจ กามคุณา อริยสฺส วินเย อนฺทูติปิ วุจฺจนฺติ, พนฺธนนฺติปิ วุจฺจนฺติฯ อิเม โข, วาเสฏฺฐ, ปญฺจ กามคุเณ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา อนาทีนวทสฺสาวิโน อนิสฺสรณปญฺญา ปริภุญฺชนฺติฯ เต วต, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา เย ธมฺมา พฺราหฺมณการกา, เต ธมฺเม ปหาย วตฺตมานา, เย ธมฺมา อพฺราหฺมณการกา, เต ธมฺเม สมาทาย วตฺตมานา ปญฺจ กามคุเณ คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา อนาทีนวทสฺสาวิโน อนิสฺสรณปญฺญา ปริภุญฺชนฺตา กามนฺทุพนฺธนพทฺธา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมานํ สหพฺยูปคา ภวิสฺสนฺตีติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    These are the five kinds of sensual stimulation that are called ‘chains’ and ‘fetters’ in the training of the Noble One. The brahmins proficient in the three Vedas enjoy these five kinds of sensual stimulation tied, infatuated, attached, blind to the drawbacks, and not understanding the escape. So long as they enjoy them it’s impossible that they will, when the body breaks up, after death, be reborn in the company of Brahmā.

    เสยฺยถาปิ, วาเสฏฺฐ, อยํ อจิรวตี นที ปูรา อุทกสฺส สมติตฺติกา กากเปยฺยาฯ อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ปารตฺถิโก ปารคเวสี ปารคามี ปารํ ตริตุกาโมฯ โส โอริเม ตีเร สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปชฺเชยฺยฯ

    Suppose the river Aciravatī was full to the brim so a crow could drink from it. Then along comes a person who wants to cross over to the far shore. But they’d lie down wrapped in cloth from head to foot.

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, อปิ นุ โส ปุริโส อจิรวติยา นทิยา โอริมา ตีรา ปาริมํ ตีรํ คจฺเฉยฺยา”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? Could that person cross over to the far shore?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “เอวเมว โข, วาเสฏฺฐ, ปญฺจิเม นีวรณา อริยสฺส วินเย อาวรณาติปิ วุจฺจนฺติ, นีวรณาติปิ วุจฺจนฺติ, โอนาหนาติปิ วุจฺจนฺติ, ปริโยนาหนาติปิ วุจฺจนฺติฯ กตเม ปญฺจ? กามจฺฉนฺทนีวรณํ, พฺยาปาทนีวรณํ, ถินมิทฺธนีวรณํ, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนีวรณํ, วิจิกิจฺฉานีวรณํฯ อิเม โข, วาเสฏฺฐ, ปญฺจ นีวรณา อริยสฺส วินเย อาวรณาติปิ วุจฺจนฺติ, นีวรณาติปิ วุจฺจนฺติ, โอนาหนาติปิ วุจฺจนฺติ, ปริโยนาหนาติปิ วุจฺจนฺติฯ

    “In the same way, the five hindrances are called ‘obstacles’ and ‘hindrances’ and ‘encasings’ and ‘shrouds’ in the training of the Noble One. What five? The hindrances of sensual desire, ill will, dullness and drowsiness, restlessness and remorse, and doubt. These five hindrances are called ‘obstacles’ and ‘hindrances’ and ‘encasings’ and ‘shrouds’ in the training of the Noble One.

    อิเมหิ โข, วาเสฏฺฐ, ปญฺจหิ นีวรเณหิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณา อาวุฏา นิวุตา โอนทฺธา ปริโยนทฺธาฯ เต วต, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา เย ธมฺมา พฺราหฺมณการกา เต ธมฺเม ปหาย วตฺตมานา, เย ธมฺมา อพฺราหฺมณการกา เต ธมฺเม สมาทาย วตฺตมานา ปญฺจหิ นีวรเณหิ อาวุฏา นิวุตา โอนทฺธา ปริโยนทฺธา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา พฺรหฺมานํ สหพฺยูปคา ภวิสฺสนฺตีติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    The brahmins proficient in the three Vedas are obstructed, hindered, encased, and shrouded by these five hindrances. So long as they are so obstructed it’s impossible that they will, when the body breaks up, after death, be reborn in the company of Brahmā.

    ๓ฯ สํสนฺทนกถา

    3. Converging

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, กินฺติ เต สุตํ พฺราหฺมณานํ วุทฺธานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ, สปริคฺคโห วา พฺรหฺมา อปริคฺคโห วา”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? Have you heard that the brahmins who are elderly and senior, the teachers of teachers, say whether Brahmā is encumbered with possessions or not?”

    “อปริคฺคโห, โภ โคตม”ฯ

    “That he is not, Master Gotama.”

    “สเวรจิตฺโต วา อเวรจิตฺโต วา”ติ?

    “Is his heart full of enmity or not?”

    “อเวรจิตฺโต, โภ โคตม”ฯ

    “It is not.”

    “สพฺยาปชฺชจิตฺโต วา อพฺยาปชฺชจิตฺโต วา”ติ?

    “Is his heart full of ill will or not?”

    “อพฺยาปชฺชจิตฺโต, โภ โคตม”ฯ

    “It is not.”

    “สงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต วา อสงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต วา”ติ?

    “Is his heart corrupted or not?”

    “อสงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต, โภ โคตม”ฯ

    “It is not.”

    “วสวตฺตี วา อวสวตฺตี วา”ติ?

    “Does he wield power or not?”

    “วสวตฺตี, โภ โคตม”ฯ

    “He does.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, สปริคฺคหา วา เตวิชฺชา พฺราหฺมณา อปริคฺคหา วา”ติ?

    “What do you think, Vāseṭṭha? Are the brahmins proficient in the three Vedas encumbered with possessions or not?”

    “สปริคฺคหา, โภ โคตม”ฯ

    “They are.”

    “สเวรจิตฺตา วา อเวรจิตฺตา วา”ติ?

    “Are their hearts full of enmity or not?”

    “สเวรจิตฺตา, โภ โคตม”ฯ

    “They are.”

    “สพฺยาปชฺชจิตฺตา วา อพฺยาปชฺชจิตฺตา วา”ติ?

    “Are their hearts full of ill will or not?”

    “สพฺยาปชฺชจิตฺตา, โภ โคตม”ฯ

    “They are.”

    “สงฺกิลิฏฺฐจิตฺตา วา อสงฺกิลิฏฺฐจิตฺตา วา”ติ?

    “Are their hearts corrupted or not?”

    “สงฺกิลิฏฺฐจิตฺตา, โภ โคตม”ฯ

    “They are.”

    “วสวตฺตี วา อวสวตฺตี วา”ติ?

    “Do they wield power or not?”

    “อวสวตฺตี, โภ โคตม”ฯ

    “They do not.”

    “อิติ กิร, วาเสฏฺฐ, สปริคฺคหา เตวิชฺชา พฺราหฺมณา อปริคฺคโห พฺรหฺมาฯ อปิ นุ โข สปริคฺคหานํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ อปริคฺคเหน พฺรหฺมุนา สทฺธึ สํสนฺทติ สเมตี”ติ?

    “So it seems that the brahmins proficient in the three Vedas are encumbered with possessions, but Brahmā is not. But would brahmins who are encumbered with possessions come together and converge with Brahmā, who isn’t encumbered with possessions?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “สาธุ, วาเสฏฺฐ, เต วต, วาเสฏฺฐ, สปริคฺคหา เตวิชฺชา พฺราหฺมณา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปริคฺคหสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยูปคา ภวิสฺสนฺตีติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    “Good, Vāseṭṭha! It’s impossible that the brahmins who are encumbered with possessions will, when the body breaks up, after death, be reborn in the company of Brahmā, who isn’t encumbered with possessions.

    อิติ กิร, วาเสฏฺฐ, สเวรจิตฺตา เตวิชฺชา พฺราหฺมณา, อเวรจิตฺโต พฺรหฺมา …เป… สพฺยาปชฺชจิตฺตา เตวิชฺชา พฺราหฺมณา อพฺยาปชฺชจิตฺโต พฺรหฺมา … สงฺกิลิฏฺฐจิตฺตา เตวิชฺชา พฺราหฺมณา อสงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต พฺรหฺมา … อวสวตฺตี เตวิชฺชา พฺราหฺมณา วสวตฺตี พฺรหฺมา, อปิ นุ โข อวสวตฺตีนํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ วสวตฺตินา พฺรหฺมุนา สทฺธึ สํสนฺทติ สเมตี”ติ?

    And it seems that the brahmins have enmity, ill will, corruption, and do not wield power, while Brahmā is the opposite in all these things. But would brahmins who are opposite to Brahmā in all things come together and converge with him?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ

    “No, Master Gotama.”

    “สาธุ, วาเสฏฺฐ, เต วต, วาเสฏฺฐ, อวสวตฺตี เตวิชฺชา พฺราหฺมณา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา วสวตฺติสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยูปคา ภวิสฺสนฺตีติ, เนตํ ฐานํ วิชฺชติฯ

    “Good, Vāseṭṭha! It’s impossible that such brahmins will, when the body breaks up, after death, be reborn in the company of Brahmā.

    อิธ โข ปน เต, วาเสฏฺฐ, เตวิชฺชา พฺราหฺมณา อาสีทิตฺวา สํสีทนฺติ, สํสีทิตฺวา วิสารํ ปาปุณนฺติ, สุกฺขตรํ มญฺเญ ตรนฺติฯ ตสฺมา อิทํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํ เตวิชฺชาอิริณนฺติปิ วุจฺจติ, เตวิชฺชาวิวนนฺติปิ วุจฺจติ, เตวิชฺชาพฺยสนนฺติปิ วุจฺจตี”ติฯ

    But here the brahmins proficient in the three Vedas sink down where they have sat, only to drift apart, while imagining they’re crossing over to drier ground. That’s why the three Vedas of the brahmins are called a ‘salted land’ and a ‘barren land’ and a ‘disaster’.”

    เอวํ วุตฺเต, วาเสฏฺโฐ มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ: “สุตํ เมตํ, โภ โคตม, สมโณ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ ชานาตี”ติฯ

    When he said this, Vāseṭṭha said to the Buddha, “I have heard, Master Gotama, that you know the path to company with Brahmā.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐฯ อาสนฺเน อิโต มนสากฏํ, น อิโต ทูเร มนสากฏนฺ”ติ?

    “What do you think, Vāseṭṭha? Is the village of Manasākaṭa nearby?”

    “เอวํ, โภ โคตม, อาสนฺเน อิโต มนสากฏํ, น อิโต ทูเร มนสากฏนฺ”ติฯ

    “Yes it is.”

    “ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, อิธสฺส ปุริโส มนสากเฏ ชาตสํวทฺโธฯ ตเมนํ มนสากฏโต ตาวเทว อวสฏํ มนสากฏสฺส มคฺคํ ปุจฺเฉยฺยุํฯ สิยา นุ โข, วาเสฏฺฐ, ตสฺส ปุริสสฺส มนสากเฏ ชาตสํวทฺธสฺส มนสากฏสฺส มคฺคํ ปุฏฺฐสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วา”ติ?

    “What do you think, Vāseṭṭha? Suppose a person was born and raised in Manasākaṭa. And as soon as they left the town some people asked them for the road to Manasākaṭa. Would they be slow or hesitant to answer?”

    “โน หิทํ, โภ โคตม”ฯ “ตํ กิสฺส เหตุ”? “อมุ หิ, โภ โคตม, ปุริโส มนสากเฏ ชาตสํวทฺโธ, ตสฺส สพฺพาเนว มนสากฏสฺส มคฺคานิ สุวิทิตานี”ติฯ

    “No, Master Gotama. Why is that? Because they were born and raised in Manasākaṭa. They’re well acquainted with all the roads to the village.”

    “สิยา โข, วาเสฏฺฐ, ตสฺส ปุริสสฺส มนสากเฏ ชาตสํวทฺธสฺส มนสากฏสฺส มคฺคํ ปุฏฺฐสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วา, น เตฺวว ตถาคตสฺส พฺรหฺมโลเก วา พฺรหฺมโลกคามินิยา วา ปฏิปทาย ปุฏฺฐสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา วิตฺถายิตตฺตํ วาฯ พฺรหฺมานญฺจาหํ, วาเสฏฺฐ, ปชานามิ พฺรหฺมโลกญฺจ พฺรหฺมโลกคามินิญฺจ ปฏิปทํ, ยถา ปฏิปนฺโน จ พฺรหฺมโลกํ อุปปนฺโน, ตญฺจ ปชานามี”ติฯ

    “Still, it’s possible they might be slow or hesitant to answer. But the Realized One is never slow or hesitant when questioned about the Brahmā realm or the practice that leads to the Brahmā realm. I understand Brahmā, the Brahmā realm, and the practice that leads to the Brahmā realm, practicing in accordance with which one is reborn in the Brahmā realm.”

    เอวํ วุตฺเต, วาเสฏฺโฐ มาณโว ภควนฺตํ เอตทโวจ: “สุตํ เมตํ, โภ โคตม, สมโณ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตี”ติฯ “สาธุ โน ภวํ โคตโม พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตุ อุลฺลุมฺปตุ ภวํ โคตโม พฺราหฺมณึ ปชนฺ”ติฯ

    When he said this, Vāseṭṭha said to the Buddha, “I have heard, Master Gotama, that you teach the path to company with Brahmā. Please teach us that path and elevate this generation of brahmins.”

    “เตน หิ, วาเสฏฺฐ, สุณาหิ; สาธุกํ มนสิ กโรหิ; ภาสิสฺสามี”ติฯ

    “Well then, Vāseṭṭha, listen and apply your mind well, I will speak.”

    “เอวํ, โภ”ติ โข วาเสฏฺโฐ มาณโว ภควโต ปจฺจโสฺสสิฯ

    “Yes, sir,” replied Vāseṭṭha.

    ๔ฯ พฺรหฺมโลกมคฺคเทสนา

    4. Teaching the Path to Brahmā

    ภควา เอตทโวจ:

    The Buddha said this:

    “อิธ, วาเสฏฺฐ, ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ อรหํ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ …เป… เอวํ โข, วาเสฏฺฐ, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน โหติ …เป… ตสฺสิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหีเน อตฺตนิ สมนุปสฺสโต ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติฯ

    “It’s when a Realized One arises in the world, perfected, a fully awakened Buddha … That’s how a bhikkhu is accomplished in ethics. … Seeing that the hindrances have been given up in them, joy springs up. Being joyful, rapture springs up. When the mind is full of rapture, the body becomes tranquil. When the body is tranquil, they feel bliss. And when blissful, the mind becomes immersed.

    โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติฯ ตถา ทุติยํฯ ตถา ตติยํฯ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ

    They meditate spreading a heart full of love to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of love to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.

    เสยฺยถาปิ, วาเสฏฺฐ, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จตุทฺทิสา วิญฺญาเปยฺย; เอวเมว โข, วาเสฏฺฐ, เอวํ ภาวิตาย เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺฐติฯ อยมฺปิ โข, วาเสฏฺฐ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโคฯ

    Suppose there was a powerful horn blower. They’d easily make themselves heard in the four quarters. In the same way, when the heart’s release by love has been developed like this, any limited deeds they’ve done don’t remain or persist there. This is a path to company with Brahmā.

    ปุน จปรํ, วาเสฏฺฐ, ภิกฺขุ กรุณาสหคเตน เจตสา …เป…

    Furthermore, a bhikkhu meditates spreading a heart full of compassion …

    มุทิตาสหคเตน เจตสา …เป…

    They meditate spreading a heart full of rejoicing …

    อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติฯ ตถา ทุติยํฯ ตถา ตติยํฯ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปชฺเชน ผริตฺวา วิหรติฯ

    They meditate spreading a heart full of equanimity to one direction, and to the second, and to the third, and to the fourth. In the same way above, below, across, everywhere, all around, they spread a heart full of equanimity to the whole world—abundant, expansive, limitless, free of enmity and ill will.

    เสยฺยถาปิ, วาเสฏฺฐ, พลวา สงฺขธโม อปฺปกสิเรเนว จตุทฺทิสา วิญฺญาเปยฺย; เอวเมว โข, วาเสฏฺฐ, เอวํ ภาวิตาย อุเปกฺขาย เจโตวิมุตฺติยา ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺฐติฯ อยมฺปิ โข, วาเสฏฺฐ, พฺรหฺมานํ สหพฺยตาย มคฺโคฯ

    Suppose there was a powerful horn blower. They’d easily make themselves heard in the four quarters. In the same way, when the heart’s release by equanimity has been developed and cultivated like this, any limited deeds they’ve done don’t remain or persist there. This too is a path to company with Brahmā.

    ตํ กึ มญฺญสิ, วาเสฏฺฐ, เอวํวิหารี ภิกฺขุ สปริคฺคโห วา อปริคฺคโห วา”ติ?

    What do you think, Vāseṭṭha? When a bhikkhu meditates like this, are they encumbered with possessions or not?”

    “อปริคฺคโห, โภ โคตม”ฯ

    “They are not.”

    “สเวรจิตฺโต วา อเวรจิตฺโต วา”ติ?

    “Is their heart full of enmity or not?”

    “อเวรจิตฺโต, โภ โคตม”ฯ

    “It is not.”

    “สพฺยาปชฺชจิตฺโต วา อพฺยาปชฺชจิตฺโต วา”ติ?

    “Is their heart full of ill will or not?”

    “อพฺยาปชฺชจิตฺโต, โภ โคตม”ฯ

    “It is not.”

    “สงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต วา อสงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต วา”ติ?

    “Is their heart corrupted or not?”

    “อสงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต, โภ โคตม”ฯ

    “It is not.”

    “วสวตฺตี วา อวสวตฺตี วา”ติ?

    “Do they wield power or not?”

    “วสวตฺตี, โภ โคตม”ฯ

    “They do.”

    “อิติ กิร, วาเสฏฺฐ, อปริคฺคโห ภิกฺขุ, อปริคฺคโห พฺรหฺมาฯ อปิ นุ โข อปริคฺคหสฺส ภิกฺขุโน อปริคฺคเหน พฺรหฺมุนา สทฺธึ สํสนฺทติ สเมตี”ติ?

    “So it seems that that bhikkhu is not encumbered with possessions, and neither is Brahmā. Would a bhikkhu who is not encumbered with possessions come together and converge with Brahmā, who isn’t encumbered with possessions?”

    “เอวํ, โภ โคตม”ฯ

    “Yes, Master Gotama.”

    “สาธุ, วาเสฏฺฐ, โส วต วาเสฏฺฐ อปริคฺคโห ภิกฺขุ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปริคฺคหสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยูปโค ภวิสฺสตีติ, ฐานเมตํ วิชฺชติฯ

    “Good, Vāseṭṭha! It’s quite possible that a bhikkhu who is not encumbered with possessions will, when the body breaks up, after death, be reborn in the company of Brahmā, who isn’t encumbered with possessions.

    อิติ กิร, วาเสฏฺฐ, อเวรจิตฺโต ภิกฺขุ, อเวรจิตฺโต พฺรหฺมา …เป… อพฺยาปชฺชจิตฺโต ภิกฺขุ, อพฺยาปชฺชจิตฺโต พฺรหฺมา … อสงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต ภิกฺขุ, อสงฺกิลิฏฺฐจิตฺโต พฺรหฺมา … วสวตฺตี ภิกฺขุ, วสวตฺตี พฺรหฺมา, อปิ นุ โข วสวตฺติสฺส ภิกฺขุโน วสวตฺตินา พฺรหฺมุนา สทฺธึ สํสนฺทติ สเมตี”ติ?

    And it seems that that bhikkhu has no enmity, ill will, corruption, and does wield power, while Brahmā is the same in all these things. Would a bhikkhu who is the same as Brahmā in all things come together and converge with him?”

    “เอวํ, โภ โคตม”ฯ

    “Yes, Master Gotama.”

    “สาธุ, วาเสฏฺฐ, โส วต, วาเสฏฺฐ, วสวตฺตี ภิกฺขุ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา วสวตฺติสฺส พฺรหฺมุโน สหพฺยูปโค ภวิสฺสตีติ, ฐานเมตํ วิชฺชตี”ติฯ

    “Good, Vāseṭṭha! It’s quite possible that that bhikkhu will, when the body breaks up, after death, be reborn in the company of Brahmā.”

    เอวํ วุตฺเต, วาเสฏฺฐภารทฺวาชา มาณวา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ: “อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมฯ เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, ปฏิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย: ‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี'ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตฯ เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม, ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปเต สรณํ คเต”ติฯ

    When he had spoken, Vāseṭṭha and Bhāradvāja said to him, “Excellent, Master Gotama! Excellent! As if he were righting the overturned, or revealing the hidden, or pointing out the path to the lost, or lighting a lamp in the dark so people with clear eyes can see what’s there, Master Gotama has made the teaching clear in many ways. We go for refuge to Master Gotama, to the teaching, and to the bhikkhu Saṅgha. From this day forth, may Master Gotama remember us as lay followers who have gone for refuge for life.”

    เตวิชฺชสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ เตรสมํฯ

    สีลกฺขนฺธวคฺโค นิฏฺฐิโตฯ

    ตสฺสุทฺทานํ

    พฺรหฺมาสามญฺญอมฺพฏฺฐ, โสณกูฏมหาลิชาลินี; สีหโปฏฺฐปาทสุโภ เกวฏฺโฏ, โลหิจฺจเตวิชฺชา เตรสาติฯ

    สีลกฺขนฺธวคฺคปาฬิ นิฏฺฐิตาฯ





    The authoritative text of the Dīgha Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact