A World of Knowledge
    Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๓. เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนา

    13. Tevijjasuttavaṇṇanā

    ๕๑๘. เอวํ เม สุตํ…เป.… โกสเลสูติ เตวิชฺชสุตฺตํฯ ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนาฯ มนสากฎนฺติ ตสฺส คามสฺส นามํฯ อุตฺตเรน มนสากฎสฺสาติ มนสากฎโต อวิทูเร อุตฺตรปเสฺสฯ อมฺพวเนติ ตรุณอมฺพรุกฺขสเณฺฑ, รมณีโย กิร โส ภูมิภาโค, เหฎฺฐา รชตปฎฺฎสทิสา วาลิกา วิปฺปกิณฺณา, อุปริ มณิวิตานํ วิย ฆนสาขาปตฺตํ อมฺพวนํฯ ตสฺมิํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิเก ปวิเวกสุเข อมฺพวเน วิหรตีติ อโตฺถฯ

    518.Evaṃme sutaṃ…pe… kosalesūti tevijjasuttaṃ. Tatrāyaṃ anuttānapadavaṇṇanā. Manasākaṭanti tassa gāmassa nāmaṃ. Uttarena manasākaṭassāti manasākaṭato avidūre uttarapasse. Ambavaneti taruṇaambarukkhasaṇḍe, ramaṇīyo kira so bhūmibhāgo, heṭṭhā rajatapaṭṭasadisā vālikā vippakiṇṇā, upari maṇivitānaṃ viya ghanasākhāpattaṃ ambavanaṃ. Tasmiṃ buddhānaṃ anucchavike pavivekasukhe ambavane viharatīti attho.

    ๕๑๙. อภิญฺญาตา อภิญฺญาตาติ กุลจาริตฺตาทิสมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ ปญฺญาตาฯ จงฺกีติอาทีนิ เตสํ นามานิฯ ตตฺถ จงฺกี โอปาสาทวาสิโกฯ ตารุโกฺข อิจฺฉานงฺคลวาสิโกฯ โปกฺขรสาตี อุกฺกฎฺฐวาสิโกฯ ชาณุโสณี สาวตฺถิวาสิโกฯ โตเทโยฺย ตุทิคามวาสิโกฯ อเญฺญ จาติ อเญฺญ จ พหุชนาฯ อตฺตโน อตฺตโน นิวาสฎฺฐาเนหิ อาคนฺตฺวา มนฺตสชฺฌายกรณตฺถํ ตตฺถ ปฎิวสนฺติฯ มนสากฎสฺส กิร รมณียตาย เต พฺราหฺมณา ตตฺถ นทีตีเร เคหานิ กาเรตฺวา ปริกฺขิปาเปตฺวา อเญฺญสํ พหูนํ ปเวสนํ นิวาเรตฺวา อนฺตรนฺตรา ตตฺถ คนฺตฺวา วสนฺติฯ

    519.Abhiññātā abhiññātāti kulacārittādisampattiyā tattha tattha paññātā. Caṅkītiādīni tesaṃ nāmāni. Tattha caṅkī opāsādavāsiko. Tārukkho icchānaṅgalavāsiko. Pokkharasātī ukkaṭṭhavāsiko. Jāṇusoṇī sāvatthivāsiko. Todeyyo tudigāmavāsiko. Aññe cāti aññe ca bahujanā. Attano attano nivāsaṭṭhānehi āgantvā mantasajjhāyakaraṇatthaṃ tattha paṭivasanti. Manasākaṭassa kira ramaṇīyatāya te brāhmaṇā tattha nadītīre gehāni kāretvā parikkhipāpetvā aññesaṃ bahūnaṃ pavesanaṃ nivāretvā antarantarā tattha gantvā vasanti.

    ๕๒๐-๕๒๑. วาเสฎฺฐภารทฺวาชานนฺติ วาเสฎฺฐสฺส จ โปกฺขรสาติโน อเนฺตวาสิกสฺส, ภารทฺวาชสฺส จ ตารุกฺขเนฺตวาสิกสฺสฯ เอเต กิร เทฺว ชาติสมฺปนฺนา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อเหสุํฯ ชงฺฆวิหารนฺติ อติจิรนิสชฺชปจฺจยา กิลมถวิโนทนตฺถาย ชงฺฆจารํฯ เต กิร ทิวสํ สชฺฌายํ กตฺวา สายเนฺห วุฎฺฐาย นฺหานียสมฺภารคนฺธมาลเตลโธตวตฺถานิ คาหาเปตฺวา อตฺตโน ปริชนปริวุตา นฺหายิตุกามา นทีตีรํ คนฺตฺวา รชตปฎฺฎวเณฺณ วาลิกาสเณฺฑ อปราปรํ จงฺกมิํสุฯ เอกํ จงฺกมนฺตํ อิตโร อนุจงฺกมิ, ปุน อิตรํ อิตโรติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อนุจงฺกมนฺตานํ อนุวิจรนฺตาน’’นฺติฯ มคฺคามเคฺคติ มเคฺค จ อมเคฺค จฯ กตมํ นุ โข ปฎิปทํ ปูเรตฺวา กตเมน มเคฺคน สกฺกา สุขํ พฺรหฺมโลกํ คนฺตุนฺติ เอวํ มคฺคามคฺคํ อารพฺภ กถํ สมุฎฺฐาเปสุนฺติ อโตฺถฯ อญฺชสายโนติ อุชุมคฺคเสฺสตํ เววจนํ, อญฺชสา วา อุชุกเมว เอเตน อายนฺติ อาคจฺฉนฺตีติ อญฺชสายโน นิยฺยานิโก นิยฺยาตีติ นิยฺยายโนฺต นิยฺยาติ, คจฺฉโนฺต คจฺฉตีติ อโตฺถฯ

    520-521.Vāseṭṭhabhāradvājānanti vāseṭṭhassa ca pokkharasātino antevāsikassa, bhāradvājassa ca tārukkhantevāsikassa. Ete kira dve jātisampannā tiṇṇaṃ vedānaṃ pāragū ahesuṃ. Jaṅghavihāranti aticiranisajjapaccayā kilamathavinodanatthāya jaṅghacāraṃ. Te kira divasaṃ sajjhāyaṃ katvā sāyanhe vuṭṭhāya nhānīyasambhāragandhamālateladhotavatthāni gāhāpetvā attano parijanaparivutā nhāyitukāmā nadītīraṃ gantvā rajatapaṭṭavaṇṇe vālikāsaṇḍe aparāparaṃ caṅkamiṃsu. Ekaṃ caṅkamantaṃ itaro anucaṅkami, puna itaraṃ itaroti. Tena vuttaṃ ‘‘anucaṅkamantānaṃ anuvicarantāna’’nti. Maggāmaggeti magge ca amagge ca. Katamaṃ nu kho paṭipadaṃ pūretvā katamena maggena sakkā sukhaṃ brahmalokaṃ gantunti evaṃ maggāmaggaṃ ārabbha kathaṃ samuṭṭhāpesunti attho. Añjasāyanoti ujumaggassetaṃ vevacanaṃ, añjasā vā ujukameva etena āyanti āgacchantīti añjasāyano niyyāniko niyyātīti niyyāyanto niyyāti, gacchanto gacchatīti attho.

    ตกฺกรสฺส พฺรหฺมสหพฺยตายาติ โย ตํ มคฺคํ กโรติ ปฎิปชฺชติ, ตสฺส พฺรหฺมุนา สทฺธิํ สหภาวาย, เอกฎฺฐาเน ปาตุภาวาย คจฺฉตีติ อโตฺถฯ ยฺวายนฺติ โย อยํฯ อกฺขาโตติ กถิโต ทีปิโตฯ พฺราหฺมเณน โปกฺขรสาตินาติ อตฺตโน อาจริยํ อปทิสติฯ อิติ วาเสโฎฺฐ สกเมว อาจริยวาทํ โถเมตฺวา ปคฺคณฺหิตฺวา วิจรติฯ ภารทฺวาโชปิ สกเมวาติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘เนว โข อสกฺขิ วาเสโฎฺฐ’’ติอาทิฯ

    Takkarassa brahmasahabyatāyāti yo taṃ maggaṃ karoti paṭipajjati, tassa brahmunā saddhiṃ sahabhāvāya, ekaṭṭhāne pātubhāvāya gacchatīti attho. Yvāyanti yo ayaṃ. Akkhātoti kathito dīpito. Brāhmaṇena pokkharasātināti attano ācariyaṃ apadisati. Iti vāseṭṭho sakameva ācariyavādaṃ thometvā paggaṇhitvā vicarati. Bhāradvājopi sakamevāti. Tena vuttaṃ ‘‘neva kho asakkhi vāseṭṭho’’tiādi.

    ตโต วาเสโฎฺฐ ‘‘อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ กถา อนิยฺยานิกาว, อิมสฺมิญฺจ โลเก มคฺคกุสโล นาม โภตา โคตเมน สทิโส นตฺถิ, ภวญฺจ โคตโม อวิทูเร วสติ, โส โน ตุลํ คเหตฺวา นิสินฺนวาณิโช วิย กงฺขํ ฉินฺทิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตมตฺถํ ภารทฺวาชสฺส อาโรเจตฺวา อุโภปิ คนฺตฺวา อตฺตโน กถํ ภควโต อาโรเจสุํฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข วาเสโฎฺฐ…เป.… ยฺวายํ อกฺขาโต พฺราหฺมเณน ตารุเกฺขนา’’ติฯ

    Tato vāseṭṭho ‘‘ubhinnampi amhākaṃ kathā aniyyānikāva, imasmiñca loke maggakusalo nāma bhotā gotamena sadiso natthi, bhavañca gotamo avidūre vasati, so no tulaṃ gahetvā nisinnavāṇijo viya kaṅkhaṃ chindissatī’’ti cintetvā tamatthaṃ bhāradvājassa ārocetvā ubhopi gantvā attano kathaṃ bhagavato ārocesuṃ. Tena vuttaṃ ‘‘atha kho vāseṭṭho…pe… yvāyaṃ akkhāto brāhmaṇena tārukkhenā’’ti.

    ๕๒๒. เอตฺถ โภ โคตมาติ เอตสฺมิํ มคฺคามเคฺคฯ วิคฺคโห วิวาโทติอาทีสุ ปุพฺพุปฺปตฺติโก วิคฺคโหฯ อปรภาเค วิวาโทฯ ทุวิโธปิ เอโส นานาอาจริยานํ วาทโต นานาวาโทฯ

    522.Ettha bho gotamāti etasmiṃ maggāmagge. Viggaho vivādotiādīsu pubbuppattiko viggaho. Aparabhāge vivādo. Duvidhopi eso nānāācariyānaṃ vādato nānāvādo.

    ๕๒๓. อถ กิสฺมิํ ปน โวติ ตฺวมฺปิ อยเมว มโคฺคติ อตฺตโน อาจริยวาทเมว ปคฺคยฺห ติฎฺฐสิ, ภารทฺวาโชปิ อตฺตโน อาจริยวาทเมว, เอกสฺสาปิ เอกสฺมิํ สํสโย นตฺถิฯ เอวํ สติ กิสฺมิํ โว วิคฺคโหติ ปุจฺฉติฯ

    523.Atha kismiṃ pana voti tvampi ayameva maggoti attano ācariyavādameva paggayha tiṭṭhasi, bhāradvājopi attano ācariyavādameva, ekassāpi ekasmiṃ saṃsayo natthi. Evaṃ sati kismiṃ vo viggahoti pucchati.

    ๕๒๔. มคฺคามเคฺค , โภ โคตมาติ มเคฺค โภ โคตม อมเคฺค จ, อุชุมเคฺค จ อนุชุมเคฺค จาติ อโตฺถฯ เอส กิร เอกพฺราหฺมณสฺสาปิ มคฺคํ ‘‘น มโคฺค’’ติ น วทติฯ ยถา ปน อตฺตโน อาจริยสฺส มโคฺค อุชุมโคฺค, น เอวํ อเญฺญสํ อนุชานาติ, ตสฺมา ตเมวตฺถํ ทีเปโนฺต ‘‘กิญฺจาปิ โภ โคตมา’’ติอาทิมาหฯ

    524.Maggāmagge, bho gotamāti magge bho gotama amagge ca, ujumagge ca anujumagge cāti attho. Esa kira ekabrāhmaṇassāpi maggaṃ ‘‘na maggo’’ti na vadati. Yathā pana attano ācariyassa maggo ujumaggo, na evaṃ aññesaṃ anujānāti, tasmā tamevatthaṃ dīpento ‘‘kiñcāpi bho gotamā’’tiādimāha.

    สพฺพานิ ตานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วทติ, สเพฺพ เตติ วุตฺตํ โหติฯ พหูนีติ อฎฺฐ วา ทส วาฯ นานามคฺคานีติ มหนฺตามหนฺตชงฺฆมคฺคสกฎมคฺคาทิวเสน นานาวิธานิ สามนฺตา คามนทีตฬากเขตฺตาทีหิ อาคนฺตฺวา คามํ ปวิสนมคฺคานิฯ

    Sabbāni tānīti liṅgavipallāsena vadati, sabbe teti vuttaṃ hoti. Bahūnīti aṭṭha vā dasa vā. Nānāmaggānīti mahantāmahantajaṅghamaggasakaṭamaggādivasena nānāvidhāni sāmantā gāmanadītaḷākakhettādīhi āgantvā gāmaṃ pavisanamaggāni.

    ๕๒๕-๕๒๖. ‘‘นิยฺยนฺตีติ วาเสฎฺฐ วเทสี’’ติ ภควา ติกฺขตฺตุํ วจีเภทํ กตฺวา ปฎิญฺญํ การาเปสิฯ กสฺมา? ติตฺถิยา หิ ปฎิชานิตฺวา ปจฺฉา นิคฺคยฺหมานา อวชานนฺติฯ โส ตถา กาตุํ น สกฺขิสฺสตีติฯ

    525-526.‘‘Niyyantīti vāseṭṭha vadesī’’ti bhagavā tikkhattuṃ vacībhedaṃ katvā paṭiññaṃ kārāpesi. Kasmā? Titthiyā hi paṭijānitvā pacchā niggayhamānā avajānanti. So tathā kātuṃ na sakkhissatīti.

    ๕๒๗-๕๒๙. เตว เตวิชฺชาติ เต เตวิชฺชาฯ วกาโร อาคมสนฺธิมตฺตํฯ อนฺธเวณีติ อนฺธปเวณี, เอเกน จกฺขุมตา คหิตยฎฺฐิยา โกฎิํ เอโก อโนฺธ คณฺหติ, ตํ อนฺธํ อโญฺญ ตํ อโญฺญติ เอวํ ปณฺณาสสฎฺฐิ อนฺธา ปฎิปาฎิยา ฆฎิตา อนฺธเวณีติ วุจฺจติฯ ปรมฺปรสํสตฺตาติ อญฺญมญฺญํ ลคฺคา, ยฎฺฐิคาหเกนปิ จกฺขุมตา วิรหิตาติ อโตฺถฯ เอโก กิร ธุโตฺต อนฺธคณํ ทิสฺวา ‘‘อสุกสฺมิํ นาม คาเม ขชฺชโภชฺชํ สุลภ’’นฺติ อุสฺสาเหตฺวา ‘‘เตน หิ ตตฺถ โน สามิ เนหิ, อิทํ นาม เต เทมา’’ติ วุเตฺต, ลญฺชํ คเหตฺวา อนฺตรามเคฺค มคฺคา โอกฺกมฺม มหนฺตํ คจฺฉํ อนุปริคนฺตฺวา ปุริมสฺส หเตฺถน ปจฺฉิมสฺส กจฺฉํ คณฺหาเปตฺวา ‘‘กิญฺจิ กมฺมํ อตฺถิ, คจฺฉถ ตาว ตุเมฺห’’ติ วตฺวา ปลายิ, เต ทิวสมฺปิ คนฺตฺวา มคฺคํ อวินฺทมานา ‘‘กุหิํ โน จกฺขุมา, กุหิํ มโคฺค’’ติ ปริเทวิตฺวา มคฺคํ อวินฺทมานา ตเตฺถว มริํสุฯ เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปรมฺปรสํสตฺตา’’ติฯ ปุริโมปีติ ปุริเมสุ ทสสุ พฺราหฺมเณสุ เอโกปิฯ มชฺฌิโมปีติ มชฺฌิเมสุ อาจริยปาจริเยสุ เอโกปิฯ ปจฺฉิโมปีติ อิทานิ เตวิเชฺชสุ พฺราหฺมเณสุ เอโกปิฯ หสฺสกเญฺญวาติ หสิตพฺพเมวฯ นามกเญฺญวาติ ลามกํเยวฯ ตเทตํ อตฺถาภาเวน ริตฺตกํ, ริตฺตกตฺตาเยว ตุจฺฉกํฯ อิทานิ พฺรหฺมโลโก ตาว ติฎฺฐตุ, โย เตวิเชฺชหิ น ทิฎฺฐปุโพฺพวฯ เยปิ จนฺทิมสูริเย เตวิชฺชา ปสฺสนฺติ, เตสมฺปิ สหพฺยตาย มคฺคํ เทเสตุํ นปฺปโหนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสี’’ติอาทิมาหฯ

    527-529.Teva tevijjāti te tevijjā. Vakāro āgamasandhimattaṃ. Andhaveṇīti andhapaveṇī, ekena cakkhumatā gahitayaṭṭhiyā koṭiṃ eko andho gaṇhati, taṃ andhaṃ añño taṃ aññoti evaṃ paṇṇāsasaṭṭhi andhā paṭipāṭiyā ghaṭitā andhaveṇīti vuccati. Paramparasaṃsattāti aññamaññaṃ laggā, yaṭṭhigāhakenapi cakkhumatā virahitāti attho. Eko kira dhutto andhagaṇaṃ disvā ‘‘asukasmiṃ nāma gāme khajjabhojjaṃ sulabha’’nti ussāhetvā ‘‘tena hi tattha no sāmi nehi, idaṃ nāma te demā’’ti vutte, lañjaṃ gahetvā antarāmagge maggā okkamma mahantaṃ gacchaṃ anuparigantvā purimassa hatthena pacchimassa kacchaṃ gaṇhāpetvā ‘‘kiñci kammaṃ atthi, gacchatha tāva tumhe’’ti vatvā palāyi, te divasampi gantvā maggaṃ avindamānā ‘‘kuhiṃ no cakkhumā, kuhiṃ maggo’’ti paridevitvā maggaṃ avindamānā tattheva mariṃsu. Te sandhāya vuttaṃ ‘‘paramparasaṃsattā’’ti. Purimopīti purimesu dasasu brāhmaṇesu ekopi. Majjhimopīti majjhimesu ācariyapācariyesu ekopi. Pacchimopīti idāni tevijjesu brāhmaṇesu ekopi. Hassakaññevāti hasitabbameva. Nāmakaññevāti lāmakaṃyeva. Tadetaṃ atthābhāvena rittakaṃ, rittakattāyeva tucchakaṃ. Idāni brahmaloko tāva tiṭṭhatu, yo tevijjehi na diṭṭhapubbova. Yepi candimasūriye tevijjā passanti, tesampi sahabyatāya maggaṃ desetuṃ nappahontīti dassanatthaṃ ‘‘taṃ kiṃ maññasī’’tiādimāha.

    ๕๓๐. ตตฺถ ยโต จนฺทิมสูริยา อุคฺคจฺฉนฺตีติ ยสฺมิํ กาเล อุคฺคจฺฉนฺติฯ ยตฺถ จ โอคฺคจฺฉนฺตีติ ยสฺมิํ กาเล อตฺถเมนฺติ, อุคฺคมนกาเล จ อตฺถงฺคมนกาเล จ ปสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ อายาจนฺตีติ ‘‘อุเทหิ ภวํ จนฺท, อุเทหิ ภวํ สูริยา’’ติ เอวํ อายาจนฺติฯ โถมยนฺตีติ ‘‘โสโมฺม จโนฺท, ปริมณฺฑโล จโนฺท, สปฺปโภ จโนฺท’’ติอาทีนิ วทนฺตา ปสํสนฺติฯ ปญฺชลิกาติ ปคฺคหิตอญฺชลิกาฯ นมสฺสมานาติ ‘‘นโม นโม’’ติ วทมานาฯ

    530. Tattha yato candimasūriyā uggacchantīti yasmiṃ kāle uggacchanti. Yattha ca oggacchantīti yasmiṃ kāle atthamenti, uggamanakāle ca atthaṅgamanakāle ca passantīti attho. Āyācantīti ‘‘udehi bhavaṃ canda, udehi bhavaṃ sūriyā’’ti evaṃ āyācanti. Thomayantīti ‘‘sommo cando, parimaṇḍalo cando, sappabho cando’’tiādīni vadantā pasaṃsanti. Pañjalikāti paggahitaañjalikā. Namassamānāti ‘‘namo namo’’ti vadamānā.

    ๕๓๑-๕๓๒. ยํ ปสฺสนฺตีติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํฯ กิํ ปน น กิราติ เอตฺถ อิธ ปน กิํ วตฺตพฺพํฯ ยตฺถ กิร เตวิเชฺชหิ พฺราหฺมเณหิ น พฺรหฺมา สกฺขิทิโฎฺฐติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    531-532.Yaṃ passantīti ettha yanti nipātamattaṃ. Kiṃ pana na kirāti ettha idha pana kiṃ vattabbaṃ. Yattha kira tevijjehi brāhmaṇehi na brahmā sakkhidiṭṭhoti evamattho daṭṭhabbo.

    อจิรวตีนทีอุปมากถา

    Aciravatīnadīupamākathā

    ๕๔๒. สมติตฺติกาติ สมภริตาฯ กากเปยฺยาติ ยตฺถ กตฺถจิ ตีเร ฐิเตน กาเกน สกฺกา ปาตุนฺติ กากเปยฺยาฯ ปารํ ตริตุกาโมติ นทิํ อติกฺกมิตฺวา ปรตีรํ คนฺตุกาโมฯ อเวฺหยฺยาติ ปโกฺกเสยฺยฯ เอหิ ปาราปารนฺติ อโมฺภ ปาร อปารํ เอหิ, อถ มํ สหสาว คเหตฺวา คมิสฺสสิ, อตฺถิ เม อจฺจายิกกมฺมนฺติ อโตฺถฯ

    542.Samatittikāti samabharitā. Kākapeyyāti yattha katthaci tīre ṭhitena kākena sakkā pātunti kākapeyyā. Pāraṃ taritukāmoti nadiṃ atikkamitvā paratīraṃ gantukāmo. Avheyyāti pakkoseyya. Ehi pārāpāranti ambho pāra apāraṃ ehi, atha maṃ sahasāva gahetvā gamissasi, atthi me accāyikakammanti attho.

    ๕๔๔. เย ธมฺมา พฺราหฺมณการกาติ เอตฺถ ปญฺจสีลทสกุสลกมฺมปถเภทา ธมฺมา พฺราหฺมณการกาติ เวทิตพฺพา , ตพฺพิปรีตา อพฺราหฺมณการกาฯ อินฺทมวฺหายามาติ อินฺทํ อวฺหายาม ปโกฺกสามฯ เอวํ พฺราหฺมณานํ อวฺหายนสฺส นิรตฺถกตํ ทเสฺสตฺวา ปุนปิ ภควา อณฺณวกุจฺฉิยํ สูริโย วิย ชลมาโน ปญฺจสตภิกฺขุปริวุโต อจิรวติยา ตีเร นิสิโนฺน อปรมฺปิ นทีอุปมํเยว อาหรโนฺต ‘‘เสยฺยถาปี’’ติอาทิมาหฯ

    544.Ye dhammā brāhmaṇakārakāti ettha pañcasīladasakusalakammapathabhedā dhammā brāhmaṇakārakāti veditabbā , tabbiparītā abrāhmaṇakārakā. Indamavhāyāmāti indaṃ avhāyāma pakkosāma. Evaṃ brāhmaṇānaṃ avhāyanassa niratthakataṃ dassetvā punapi bhagavā aṇṇavakucchiyaṃ sūriyo viya jalamāno pañcasatabhikkhuparivuto aciravatiyā tīre nisinno aparampi nadīupamaṃyeva āharanto ‘‘seyyathāpī’’tiādimāha.

    ๕๔๖. กามคุณาติ กามยิตพฺพเฎฺฐน กามา, พนฺธนเฎฺฐน คุณาฯ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว, อหตานํ วตฺถานํ ทิคุณํ สงฺฆาฎิ’’นฺติ (มหาว. ๓๔๘) เอตฺถ หิ ปฎลโฎฺฐ คุณโฎฺฐฯ ‘‘อเจฺจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย, วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติ เอตฺถ ราสโฎฺฐ คุณโฎฺฐฯ ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฎิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) เอตฺถ อานิสํสโฎฺฐ คุณโฎฺฐฯ ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณํ (ขุ. ปา. ๓.๑) กยิรา มาลาคุเณ พหู’’ติ (ธ. ป. ๕๓) จ เอตฺถ พนฺธนโฎฺฐ คุณโฎฺฐฯ อิธาปิ เอเสว อธิเปฺปโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘พนฺธนเฎฺฐน คุณา’’ติฯ จกฺขุวิเญฺญยฺยาติ จกฺขุวิญฺญาเณน ปสฺสิตพฺพาฯ เอเตนุปาเยน โสตวิเญฺญยฺยาทีสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อิฎฺฐาติ ปริยิฎฺฐา วา โหนฺตุ, มา วา, อิฎฺฐารมฺมณภูตาติ อโตฺถฯ กนฺตาติ กามนียาฯ มนาปาติ มนวฑฺฒนกาฯ ปิยรูปาติ ปิยชาติกาฯ กามูปสญฺหิตาติ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชมาเนน กาเมน อุปสญฺหิตาฯ รชนียาติ รญฺชนียา, ราคุปฺปตฺติการณภูตาติ อโตฺถฯ

    546.Kāmaguṇāti kāmayitabbaṭṭhena kāmā, bandhanaṭṭhena guṇā. ‘‘Anujānāmi bhikkhave, ahatānaṃ vatthānaṃ diguṇaṃ saṅghāṭi’’nti (mahāva. 348) ettha hi paṭalaṭṭho guṇaṭṭho. ‘‘Accenti kālā tarayanti rattiyo, vayoguṇā anupubbaṃ jahantī’’ti ettha rāsaṭṭho guṇaṭṭho. ‘‘Sataguṇā dakkhiṇā pāṭikaṅkhitabbā’’ti (ma. ni. 3.379) ettha ānisaṃsaṭṭho guṇaṭṭho. ‘‘Antaṃ antaguṇaṃ (khu. pā. 3.1) kayirā mālāguṇe bahū’’ti (dha. pa. 53) ca ettha bandhanaṭṭho guṇaṭṭho. Idhāpi eseva adhippeto. Tena vuttaṃ ‘‘bandhanaṭṭhena guṇā’’ti. Cakkhuviññeyyāti cakkhuviññāṇena passitabbā. Etenupāyena sotaviññeyyādīsupi attho veditabbo. Iṭṭhāti pariyiṭṭhā vā hontu, mā vā, iṭṭhārammaṇabhūtāti attho. Kantāti kāmanīyā. Manāpāti manavaḍḍhanakā. Piyarūpāti piyajātikā. Kāmūpasañhitāti ārammaṇaṃ katvā uppajjamānena kāmena upasañhitā. Rajanīyāti rañjanīyā, rāguppattikāraṇabhūtāti attho.

    คธิตาติ เคเธน อภิภูตา หุตฺวาฯ มุจฺฉิตาติ มุจฺฉาการปฺปตฺตาย อธิมตฺตกาย ตณฺหาย อภิภูตาฯ อโชฺฌปนฺนาติ อธิโอปนฺนา โอคาฬฺหา ‘‘อิทํ สาร’’นฺติ ปรินิฎฺฐานปฺปตฺตา หุตฺวาฯ อนาทีนวทสฺสาวิโนติ อาทีนวํ อปสฺสนฺตาฯ อนิสฺสรณปญฺญาติ อิทเมตฺถ นิสฺสรณนฺติ, เอวํ ปริชานนปญฺญาวิรหิตา, ปจฺจเวกฺขณปริโภควิรหิตาติ อโตฺถฯ

    Gadhitāti gedhena abhibhūtā hutvā. Mucchitāti mucchākārappattāya adhimattakāya taṇhāya abhibhūtā. Ajjhopannāti adhiopannā ogāḷhā ‘‘idaṃ sāra’’nti pariniṭṭhānappattā hutvā. Anādīnavadassāvinoti ādīnavaṃ apassantā. Anissaraṇapaññāti idamettha nissaraṇanti, evaṃ parijānanapaññāvirahitā, paccavekkhaṇaparibhogavirahitāti attho.

    ๕๔๘. อาวรณาติอาทีสุ อาวรนฺตีติ อาวรณาฯ นิวาเรนฺตีติ นีวรณาฯ โอนนฺธนฺตีติ โอนาหนาฯ ปริโยนนฺธนฺตีติ ปริโยนาหนาฯ กามจฺฉนฺทาทีนํ วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺคโต คเหตพฺพาฯ

    548.Āvaraṇātiādīsu āvarantīti āvaraṇā. Nivārentīti nīvaraṇā. Onandhantīti onāhanā. Pariyonandhantīti pariyonāhanā. Kāmacchandādīnaṃ vitthārakathā visuddhimaggato gahetabbā.

    ๕๔๙-๕๕๐. อาวุตา นิวุตา โอนทฺธา ปริโยนทฺธาติ ปทานิ อาวรณาทีนํ วเสน วุตฺตานิฯ สปริคฺคโหติ อิตฺถิปริคฺคเหน สปริคฺคโหติ ปุจฺฉติฯ อปริคฺคโห โภ โคตมาติอาทีสุปิ กามจฺฉนฺทสฺส อภาวโต อิตฺถิปริคฺคเหน อปริคฺคโหฯ พฺยาปาทสฺส อภาวโต เกนจิ สทฺธิํ เวรจิเตฺตน อเวโรฯ ถินมิทฺธสฺส อภาวโต จิตฺตเคลญฺญสงฺขาเตน พฺยาปเชฺชน อพฺยาปโชฺชฯ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาภาวโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจาทีหิ สํกิเลเสหิ อสํกิลิฎฺฐจิโตฺต สุปริสุทฺธมานโสฯ วิจิกิจฺฉาย อภาวโต จิตฺตํ วเส วเตฺตติฯ ยถา จ พฺราหฺมณา จิตฺตคติกา โหนฺตีติ, จิตฺตสฺส วเสน วตฺตนฺติ, น ตาทิโสติ วสวตฺตีฯ

    549-550.Āvutā nivutā onaddhā pariyonaddhāti padāni āvaraṇādīnaṃ vasena vuttāni. Sapariggahoti itthipariggahena sapariggahoti pucchati. Apariggaho bho gotamātiādīsupi kāmacchandassa abhāvato itthipariggahena apariggaho. Byāpādassa abhāvato kenaci saddhiṃ veracittena avero. Thinamiddhassa abhāvato cittagelaññasaṅkhātena byāpajjena abyāpajjo. Uddhaccakukkuccābhāvato uddhaccakukkuccādīhi saṃkilesehi asaṃkiliṭṭhacitto suparisuddhamānaso. Vicikicchāya abhāvato cittaṃ vase vatteti. Yathā ca brāhmaṇā cittagatikā hontīti, cittassa vasena vattanti, na tādisoti vasavattī.

    ๕๕๒. อิธ โข ปนาติ อิธ พฺรหฺมโลกมเคฺคฯ อาสีทิตฺวาติ อมคฺคเมว ‘‘มโคฺค’’ติ อุปคนฺตฺวาฯ สํสีทนฺตีติ ‘‘สมตล’’นฺติ สญฺญาย ปงฺกํ โอติณฺณา วิย อนุปฺปวิสนฺติฯ สํสีทิตฺวา วิสารํ ปาปุณนฺตีติ เอวํ ปเงฺก วิย สํสีทิตฺวา วิสารํ องฺคมงฺคสํภญฺชนํ ปาปุณนฺติฯ สุกฺขตรํ มเญฺญ ตรนฺตีติ มรีจิกาย วเญฺจตฺวา ‘‘กากเปยฺยา นที’’ติ สญฺญาย ‘‘ตริสฺสามา’’ติ หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ วายมมานา สุกฺขตรณํ มเญฺญ ตรนฺติฯ ตสฺมา ยถา หตฺถปาทาทีนํ สํภญฺชนํ ปริภญฺชนํ, เอวํ อปาเยสุ สํภญฺชนํ ปริภญฺชนํ ปาปุณนฺติฯ อิเธว จ สุขํ วา สาตํ วา น ลภนฺติฯ ตสฺมา อิทํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานนฺติ ตสฺมา อิทํ พฺรหฺมสหพฺยตาย มคฺคทีปกํ เตวิชฺชกํ ปาวจนํ เตวิชฺชานํ พฺราหฺมณานํฯ เตวิชฺชาอิริณนฺติ เตวิชฺชาอรญฺญํ อิริณนฺติ หิ อคามกํ มหาอรญฺญํ วุจฺจติฯ เตวิชฺชาวิวนนฺติ ปุปฺผผเลหิ อปริโภครุเกฺขหิ สญฺฉนฺนํ นิรุทกํ อรญฺญํ ฯ ยตฺถ มคฺคโต อุกฺกมิตฺวา ปริวตฺติตุมฺปิ น สกฺกา โหนฺติ, ตํ สนฺธายาห ‘‘เตวิชฺชาวิวนนฺติปิ วุจฺจตี’’ติฯ เตวิชฺชาพฺยสนนฺติ เตวิชฺชานํ ปญฺจวิธพฺยสนสทิสเมตํฯ ยถา หิ ญาติโรคโภค ทิฎฺฐิ สีลพฺยสนปฺปตฺตสฺส สุขํ นาม นตฺถิ, เอวํ เตวิชฺชานํ เตวิชฺชกํ ปาวจนํ อาคมฺม สุขํ นาม นตฺถีติ ทเสฺสติฯ

    552.Idhakho panāti idha brahmalokamagge. Āsīditvāti amaggameva ‘‘maggo’’ti upagantvā. Saṃsīdantīti ‘‘samatala’’nti saññāya paṅkaṃ otiṇṇā viya anuppavisanti. Saṃsīditvā visāraṃ pāpuṇantīti evaṃ paṅke viya saṃsīditvā visāraṃ aṅgamaṅgasaṃbhañjanaṃ pāpuṇanti. Sukkhataraṃ maññe tarantīti marīcikāya vañcetvā ‘‘kākapeyyā nadī’’ti saññāya ‘‘tarissāmā’’ti hatthehi ca pādehi ca vāyamamānā sukkhataraṇaṃ maññe taranti. Tasmā yathā hatthapādādīnaṃ saṃbhañjanaṃ paribhañjanaṃ, evaṃ apāyesu saṃbhañjanaṃ paribhañjanaṃ pāpuṇanti. Idheva ca sukhaṃ vā sātaṃ vā na labhanti. Tasmā idaṃ tevijjānaṃ brāhmaṇānanti tasmā idaṃ brahmasahabyatāya maggadīpakaṃ tevijjakaṃ pāvacanaṃ tevijjānaṃ brāhmaṇānaṃ. Tevijjāiriṇanti tevijjāaraññaṃ iriṇanti hi agāmakaṃ mahāaraññaṃ vuccati. Tevijjāvivananti pupphaphalehi aparibhogarukkhehi sañchannaṃ nirudakaṃ araññaṃ . Yattha maggato ukkamitvā parivattitumpi na sakkā honti, taṃ sandhāyāha ‘‘tevijjāvivanantipi vuccatī’’ti. Tevijjābyasananti tevijjānaṃ pañcavidhabyasanasadisametaṃ. Yathā hi ñātirogabhoga diṭṭhi sīlabyasanappattassa sukhaṃ nāma natthi, evaṃ tevijjānaṃ tevijjakaṃ pāvacanaṃ āgamma sukhaṃ nāma natthīti dasseti.

    ๕๕๔. ชาตสํวโฑฺฒติ ชาโต จ วฑฺฒิโต จ, โย หิ เกวลํ ตตฺถ ชาโตว โหติ, อญฺญตฺถ วฑฺฒิโต, ตสฺส สมนฺตา คามมคฺคา น สพฺพโส ปจฺจกฺขา โหนฺติ, ตสฺมา ชาตสํวโฑฺฒติ อาหฯ ชาตสํวโฑฺฒปิ โย จิรนิกฺขโนฺต, ตสฺส น สพฺพโส ปจฺจกฺขา โหนฺติฯ ตสฺมา ‘‘ตาวเทว อวสฎ’’นฺติ อาห, ตงฺขณเมว นิกฺขนฺตนฺติ อโตฺถฯ ทนฺธายิตตฺตนฺติ อยํ นุ โข มโคฺค, อยํ น นุโขติ กงฺขาวเสน จิรายิตตฺตํฯ วิตฺถายิตตฺตนฺติ ยถา สุขุมํ อตฺถชาตํ สหสา ปุจฺฉิตสฺส กสฺสจิ สรีรํ ถทฺธภาวํ คณฺหาติ, เอวํ ถทฺธภาวคฺคหณํฯ น เตฺววาติ อิมินา สพฺพญฺญุตญฺญาณสฺส อปฺปฎิหตภาวํ ทเสฺสติฯ ตสฺส หิ ปุริสสฺส มาราวฎฺฎนาทิวเสน สิยา ญาณสฺส ปฎิฆาโตฯ เตน โส ทนฺธาเยยฺย วา วิตฺถาเยยฺย วาฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปน อปฺปฎิหตํ, น สกฺกา ตสฺส เกนจิ อนฺตราโย กาตุนฺติ ทีเปติฯ

    554.Jātasaṃvaḍḍhoti jāto ca vaḍḍhito ca, yo hi kevalaṃ tattha jātova hoti, aññattha vaḍḍhito, tassa samantā gāmamaggā na sabbaso paccakkhā honti, tasmā jātasaṃvaḍḍhoti āha. Jātasaṃvaḍḍhopi yo ciranikkhanto, tassa na sabbaso paccakkhā honti. Tasmā ‘‘tāvadeva avasaṭa’’nti āha, taṅkhaṇameva nikkhantanti attho. Dandhāyitattanti ayaṃ nu kho maggo, ayaṃ na nukhoti kaṅkhāvasena cirāyitattaṃ. Vitthāyitattanti yathā sukhumaṃ atthajātaṃ sahasā pucchitassa kassaci sarīraṃ thaddhabhāvaṃ gaṇhāti, evaṃ thaddhabhāvaggahaṇaṃ. Na tvevāti iminā sabbaññutaññāṇassa appaṭihatabhāvaṃ dasseti. Tassa hi purisassa mārāvaṭṭanādivasena siyā ñāṇassa paṭighāto. Tena so dandhāyeyya vā vitthāyeyya vā. Sabbaññutaññāṇaṃ pana appaṭihataṃ, na sakkā tassa kenaci antarāyo kātunti dīpeti.

    ๕๕๕. อุลฺลุมฺปตุ ภวํ โคตโมติ อุทฺธรตุ ภวํ โคตโมฯ พฺราหฺมณิํ ปชนฺติ พฺราหฺมณทารกํ, ภวํ โคตโม มม พฺราหฺมณปุตฺตํ อปายมคฺคโต อุทฺธริตฺวา พฺรหฺมโลกมเคฺค ปติฎฺฐเปตูติ อโตฺถฯ อถสฺส ภควา พุทฺธุปฺปาทํ ทเสฺสตฺวา สทฺธิํ ปุพฺพภาคปฎิปทาย เมตฺตาวิหาราทิพฺรหฺมโลกคามิมคฺคํ เทเสตุกาโม ‘‘เตน หิ วาเสฎฺฐา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘‘อิธ ตถาคโต’’ติอาทิ สามญฺญผเล วิตฺถาริตํฯ เมตฺตาสหคเตนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ วิสุทฺธิมเคฺค พฺรหฺมวิหารกมฺมฎฺฐานกถายํ วุตฺตํฯ เสยฺยถาปิ วาเสฎฺฐ พลวา สงฺขธโมติอาทิ ปน อิธ อปุพฺพํฯ ตตฺถ พลวาติ พลสมฺปโนฺนฯ สงฺขธโมติ สงฺขธมโกฯ อปฺปกสิเรนาติ อกิเจฺฉน อทุเกฺขนฯ ทุพฺพโล หิ สงฺขธโม สงฺขํ ธมโนฺตปิ น สโกฺกติ จตโสฺส ทิสา สเรน วิญฺญาเปตุํ, นาสฺส สงฺขสโทฺท สพฺพโต ผรติฯ พลวโต ปน วิปฺผาริโก โหติ, ตสฺมา ‘‘พลวา’’ติอาทิมาหฯ เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ เอตฺถ เมตฺตาติ วุเตฺต อุปจาโรปิ อปฺปนาปิ วฎฺฎติ, ‘‘เจโตฺตวิมุตฺตี’’ติ วุเตฺต ปน อปฺปนาว วฎฺฎติฯ ยํ ปมาณกตํ กมฺมนฺติ ปมาณกตํ กมฺมํ นาม กามาวจรํ วุจฺจติฯ อปฺปมาณกตํ กมฺมํ นาม รูปารูปาวจรํฯ ตญฺหิ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา โอทิสฺสกอโนทิสฺสกทิสาผรณวเสน วเฑฺฒตฺวา กตตฺตา อปฺปมาณกตนฺติ วุจฺจติฯ น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ น ตํ ตตฺราวติฎฺฐตีติ ตํ กามาวจรกมฺมํ ตสฺมิํ รูปาวจรารูปาวจรกเมฺม น โอหียติ, น ติฎฺฐติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ – ตํ กามาวจรกมฺมํ ตสฺส รูปารูปาวจรกมฺมสฺส อนฺตรา ลคฺคิตุํ วา ฐาตุํ วา รูปารูปาวจรกมฺมํ ผริตฺวา ปริยาทิยิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกติฯ อถ โข รูปาวจรารูปาวจรกมฺมเมว กามาวจรํ มโหโฆ วิย ปริตฺตํ อุทกํ ผริตฺวา ปริยาทิยิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฎฺฐติฯ ตสฺส วิปากํ ปฎิพาหิตฺวา สยเมว พฺรหฺมสหพฺยตํ อุปเนตีติฯ เอวํวิหารีติ เอวํ เมตฺตาทิวิหารีฯ

    555.Ullumpatu bhavaṃ gotamoti uddharatu bhavaṃ gotamo. Brāhmaṇiṃ pajanti brāhmaṇadārakaṃ, bhavaṃ gotamo mama brāhmaṇaputtaṃ apāyamaggato uddharitvā brahmalokamagge patiṭṭhapetūti attho. Athassa bhagavā buddhuppādaṃ dassetvā saddhiṃ pubbabhāgapaṭipadāya mettāvihārādibrahmalokagāmimaggaṃ desetukāmo ‘‘tena hi vāseṭṭhā’’tiādimāha. Tattha ‘‘idha tathāgato’’tiādi sāmaññaphale vitthāritaṃ. Mettāsahagatenātiādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ sabbaṃ visuddhimagge brahmavihārakammaṭṭhānakathāyaṃ vuttaṃ. Seyyathāpi vāseṭṭha balavā saṅkhadhamotiādi pana idha apubbaṃ. Tattha balavāti balasampanno. Saṅkhadhamoti saṅkhadhamako. Appakasirenāti akicchena adukkhena. Dubbalo hi saṅkhadhamo saṅkhaṃ dhamantopi na sakkoti catasso disā sarena viññāpetuṃ, nāssa saṅkhasaddo sabbato pharati. Balavato pana vipphāriko hoti, tasmā ‘‘balavā’’tiādimāha. Mettāya cetovimuttiyāti ettha mettāti vutte upacāropi appanāpi vaṭṭati, ‘‘cettovimuttī’’ti vutte pana appanāva vaṭṭati. Yaṃ pamāṇakataṃ kammanti pamāṇakataṃ kammaṃ nāma kāmāvacaraṃ vuccati. Appamāṇakataṃ kammaṃ nāma rūpārūpāvacaraṃ. Tañhi pamāṇaṃ atikkamitvā odissakaanodissakadisāpharaṇavasena vaḍḍhetvā katattā appamāṇakatanti vuccati. Na taṃ tatrāvasissati na taṃ tatrāvatiṭṭhatīti taṃ kāmāvacarakammaṃ tasmiṃ rūpāvacarārūpāvacarakamme na ohīyati, na tiṭṭhati. Kiṃ vuttaṃ hoti – taṃ kāmāvacarakammaṃ tassa rūpārūpāvacarakammassa antarā laggituṃ vā ṭhātuṃ vā rūpārūpāvacarakammaṃ pharitvā pariyādiyitvā attano okāsaṃ gahetvā patiṭṭhātuṃ na sakkoti. Atha kho rūpāvacarārūpāvacarakammameva kāmāvacaraṃ mahogho viya parittaṃ udakaṃ pharitvā pariyādiyitvā attano okāsaṃ gahetvā tiṭṭhati. Tassa vipākaṃ paṭibāhitvā sayameva brahmasahabyataṃ upanetīti. Evaṃvihārīti evaṃ mettādivihārī.

    ๕๕๙. เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมนฺติ อิทํ เตสํ ทุติยํ สรณคมนํฯ ปฐมเมว เหเต มชฺฌิมปณฺณาสเก วาเสฎฺฐสุตฺตํ สุตฺวา สรณํ คตา, อิมํ ปน เตวิชฺชสุตฺตํ สุตฺวา ทุติยมฺปิ สรณํ คตาฯ กติปาหจฺจเยน ปพฺพชิตฺวา อคฺคญฺญสุเตฺต อุปสมฺปทเญฺจว อรหตฺตญฺจ อลตฺถุํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    559.Etemayaṃ bhavantaṃ gotamanti idaṃ tesaṃ dutiyaṃ saraṇagamanaṃ. Paṭhamameva hete majjhimapaṇṇāsake vāseṭṭhasuttaṃ sutvā saraṇaṃ gatā, imaṃ pana tevijjasuttaṃ sutvā dutiyampi saraṇaṃ gatā. Katipāhaccayena pabbajitvā aggaññasutte upasampadañceva arahattañca alatthuṃ. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    อิติ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ

    Iti sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ

    เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tevijjasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.

    นิฎฺฐิตา จ เตรสสุตฺตปฎิมณฺฑิตสฺส สีลกฺขนฺธวคฺคสฺส

    Niṭṭhitā ca terasasuttapaṭimaṇḍitassa sīlakkhandhavaggassa

    อตฺถวณฺณนาติฯ

    Atthavaṇṇanāti.

    สีลกฺขนฺธวคฺคฎฺฐกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Sīlakkhandhavaggaṭṭhakathā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๑๓. เตวิชฺชสุตฺตํ • 13. Tevijjasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๑๓. เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนา • 13. Tevijjasuttavaṇṇanā


    © 1991-2024 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact