Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๓. ปริพฺพาชกวโคฺค
3. Paribbājakavaggo
๑. เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตวณฺณนา
1. Tevijjavacchasuttavaṇṇanā
๑๘๕. ตตฺถาติ เอกปุณฺฑรีกสญฺญิเต ปริพฺพาชการาเมฯ อนาคตปุโพฺพ โลกิยสมุทาหารวเสน ‘‘จิรสฺสํ โข, ภเนฺต’’ติอาทินา วุจฺจติ, อยํ ปเนตฺถ อาคตปุพฺพตํ อุปาทาย ตถา วุโตฺตฯ ภควา หิ เกสญฺจิ วิมุตฺติชนนตฺถํ, เกสญฺจิ อินฺทฺริยปริปากตฺถํ, เกสญฺจิ วิเสสาธิคมตฺถํ กทาจิ ติตฺถิยารามํ อุปคจฺฉติฯ อนนุญฺญาย ฐตฺวาติ อนนุชานิตเพฺพ ฐตฺวาฯ อนุชานิตพฺพํ สิยา อนญฺญาตสฺส เญยฺยสฺส อภาวโตฯ ยาวตกญฺหิ เญยฺยํ, ตาวตกํ ภควโต ญาณํ, ยาวตกญฺจ ภควโต ญาณํ ตาวตกํ เญยฺยํฯ เตเนวาห – ‘‘น ตสฺส อทิฎฺฐมิธตฺถิ กิญฺจิ, อโถ อวิญฺญาตมชานิตพฺพ’’นฺติอาทิ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๓๒; ปฎิ. ม. ๑.๑๒๑)ฯ สพฺพญฺญุตญฺญาเณน หิ ภควา อาวเชฺชตฺวา ปชานาติฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อาวชฺชนปฎิพทฺธํ พุทฺธสฺส ภควโต ญาณ’’นฺติ (มิ. ป. ๔.๑.๒)ฯ ยทิ เอวํ ‘‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฎฺฐํ นาโค สมาหิโต’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๓) อิทํ สุตฺตปทํ กถนฺติ? วิเกฺขปาภาวทีปนปทเมตํ, น อนาวชฺชเนนปิ ญาณานํ ปวตฺติปริทีปนํฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา วิตฺถารโต วุตฺตเมวฯ
185.Tatthāti ekapuṇḍarīkasaññite paribbājakārāme. Anāgatapubbo lokiyasamudāhāravasena ‘‘cirassaṃ kho, bhante’’tiādinā vuccati, ayaṃ panettha āgatapubbataṃ upādāya tathā vutto. Bhagavā hi kesañci vimuttijananatthaṃ, kesañci indriyaparipākatthaṃ, kesañci visesādhigamatthaṃ kadāci titthiyārāmaṃ upagacchati. Ananuññāya ṭhatvāti ananujānitabbe ṭhatvā. Anujānitabbaṃ siyā anaññātassa ñeyyassa abhāvato. Yāvatakañhi ñeyyaṃ, tāvatakaṃ bhagavato ñāṇaṃ, yāvatakañca bhagavato ñāṇaṃ tāvatakaṃ ñeyyaṃ. Tenevāha – ‘‘na tassa adiṭṭhamidhatthi kiñci, atho aviññātamajānitabba’’ntiādi (mahāni. 156; cūḷani. dhotakamāṇavapucchāniddesa 32; paṭi. ma. 1.121). Sabbaññutaññāṇena hi bhagavā āvajjetvā pajānāti. Vuttañhetaṃ ‘‘āvajjanapaṭibaddhaṃ buddhassa bhagavato ñāṇa’’nti (mi. pa. 4.1.2). Yadi evaṃ ‘‘caraṃ samāhito nāgo, tiṭṭhaṃ nāgo samāhito’’ti (a. ni. 6.43) idaṃ suttapadaṃ kathanti? Vikkhepābhāvadīpanapadametaṃ, na anāvajjanenapi ñāṇānaṃ pavattiparidīpanaṃ. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā vitthārato vuttameva.
๑๘๖. ยาวเทวาติ อิทํ ยถารุจิ ปวตฺติ วิย อปราปรุปฺปตฺติปิ อิจฺฉิตพฺพาติ ตทภาวํ ทเสฺสโนฺต อาห – ‘‘สกิํ ขีณานํ อาสวานํ ปุน เขเปตพฺพาภาวา’’ติฯ ปจฺจุปฺปนฺนชานนคุณนฺติ อิทํ ทิพฺพจกฺขุญาณสฺส ปริภณฺฑญาณํ อนาคตํสญาณํ อนาทิยิตฺวา วุตฺตํ, ตสฺส ปน วเสน อนาคตํสญาณคุณํ ทเสฺสตีติ วตฺตพฺพํ สิยาฯ
186.Yāvadevāti idaṃ yathāruci pavatti viya aparāparuppattipi icchitabbāti tadabhāvaṃ dassento āha – ‘‘sakiṃ khīṇānaṃ āsavānaṃ puna khepetabbābhāvā’’ti. Paccuppannajānanaguṇanti idaṃ dibbacakkhuñāṇassa paribhaṇḍañāṇaṃ anāgataṃsañāṇaṃ anādiyitvā vuttaṃ, tassa pana vasena anāgataṃsañāṇaguṇaṃ dassetīti vattabbaṃ siyā.
คิหิปริกฺขาเรสูติ วตฺถาภรณาทิธนธญฺญาทิคิหิปริกฺขาเรสุฯ คิหิลิงฺคํ ปน อปฺปมาณํ, ตสฺมา คิหิพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกรา โหนฺติเยวฯ สติ ปน ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย คิหิลิเงฺค เต น ติฎฺฐนฺติเยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เยปี’’ติอาทิมาหฯ สุกฺขาเปตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวาฯ อรหตฺตํ ปตฺตทิวเสเยว ปพฺพชนํ วา ปรินิพฺพานํ วาติ อยํ นโย น สพฺพสาธารโณติ อาห ‘‘ภูมเทวตา ปน ติฎฺฐนฺตี’’ติฯ ตตฺถ การณวจนํ ‘‘นิลียโนกาสสฺส อตฺถิตายา’’ติฯ อรญฺญปพฺพตาทิปวิเวกฎฺฐานํ นิลียโนกาโสฯ เสสกามภเวติ กามโลเกฯ ลฬิตชนสฺสาติ อาภรณาลงฺการนจฺจคีตาทิวเสน วิลาสยุตฺตชนสฺสฯ
Gihiparikkhāresūti vatthābharaṇādidhanadhaññādigihiparikkhāresu. Gihiliṅgaṃ pana appamāṇaṃ, tasmā gihibandhanaṃ chinditvā dukkhassantakarā hontiyeva. Sati pana dukkhassantakiriyāya gihiliṅge te na tiṭṭhantiyevāti dassento ‘‘yepī’’tiādimāha. Sukkhāpetvā samucchinditvā. Arahattaṃ pattadivaseyeva pabbajanaṃ vā parinibbānaṃ vāti ayaṃ nayo na sabbasādhāraṇoti āha ‘‘bhūmadevatā pana tiṭṭhantī’’ti. Tattha kāraṇavacanaṃ ‘‘nilīyanokāsassa atthitāyā’’ti. Araññapabbatādipavivekaṭṭhānaṃ nilīyanokāso. Sesakāmabhaveti kāmaloke. Laḷitajanassāti ābharaṇālaṅkāranaccagītādivasena vilāsayuttajanassa.
โสปีติ ‘‘โส อญฺญตฺร เอเกนา’’ติ วุโตฺต โสปิฯ กรโต น กรียติ ปาปนฺติ เอวํ น กิริยํ ปฎิพาหติฯ ยทิ อตฺตานํเยว คเหตฺวา กเถติ, อถ กสฺมา มหาสโตฺต ตทา อาชีวกปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉีติ อาห ‘‘ตทา กิรา’’ติอาทิฯ ตสฺสปีติ น เกวลํ อเญฺญสํ เอว ปาสณฺฑานํ, ตสฺสปิฯ วีริยํ น หาเปสีติ ตโปชิคุจฺฉวาทํ สมาทิยิตฺวา ฐิโต วิราคตฺถาย ตํ สมาทิณฺณวตฺตํ น ปริจฺจชิ, สตฺถุสาสนํ น ฉเฑฺฑสิฯ เตนาห – ‘‘กิริยวาที หุตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตตี’’ติฯ
Sopīti ‘‘so aññatra ekenā’’ti vutto sopi. Karato na karīyati pāpanti evaṃ na kiriyaṃ paṭibāhati. Yadi attānaṃyeva gahetvā katheti, atha kasmā mahāsatto tadā ājīvakapabbajjaṃ upagacchīti āha ‘‘tadā kirā’’tiādi. Tassapīti na kevalaṃ aññesaṃ eva pāsaṇḍānaṃ, tassapi. Vīriyaṃ na hāpesīti tapojigucchavādaṃ samādiyitvā ṭhito virāgatthāya taṃ samādiṇṇavattaṃ na pariccaji, satthusāsanaṃ na chaḍḍesi. Tenāha – ‘‘kiriyavādī hutvā sagge nibbattatī’’ti.
เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Tevijjavacchasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑. เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตํ • 1. Tevijjavacchasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑. เตวิชฺชวจฺฉสุตฺตวณฺณนา • 1. Tevijjavacchasuttavaṇṇanā