Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๖. ถปติสุตฺตํ

    6. Thapatisuttaṃ

    ๑๐๐๒. สาวตฺถินิทานํฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – ‘‘นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’ติฯ เตน โข ปน สมเยน อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย สาธุเก ปฎิวสนฺติ เกนจิเทว กรณีเยนฯ อโสฺสสุํ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย – ‘‘สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู ภควโต จีวรกมฺมํ กโรนฺติ – ‘นิฎฺฐิตจีวโร ภควา เตมาสจฺจเยน จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’’’ติฯ

    1002. Sāvatthinidānaṃ. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti – ‘‘niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’’ti. Tena kho pana samayena isidattapurāṇā thapatayo sādhuke paṭivasanti kenacideva karaṇīyena. Assosuṃ kho isidattapurāṇā thapatayo – ‘‘sambahulā kira bhikkhū bhagavato cīvarakammaṃ karonti – ‘niṭṭhitacīvaro bhagavā temāsaccayena cārikaṃ pakkamissatī’’’ti.

    อถ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย มเคฺค ปุริสํ ฐเปสุํ – ‘‘ยทา ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, ปเสฺสยฺยาสิ ภควนฺตํ อาคจฺฉนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ, อถ อมฺหากํ อาโรเจยฺยาสี’’ติฯ ทฺวีหตีหํ ฐิโต โข โส ปุริโส อทฺทส ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน เยน อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อิสิทตฺตปุราเณ ถปตโย เอตทโวจ – ‘‘อยํ โส, ภเนฺต, ภควา อาคจฺฉติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ยสฺส ทานิ กาลํ มญฺญถา’’ติฯ

    Atha kho isidattapurāṇā thapatayo magge purisaṃ ṭhapesuṃ – ‘‘yadā tvaṃ, ambho purisa, passeyyāsi bhagavantaṃ āgacchantaṃ arahantaṃ sammāsambuddhaṃ, atha amhākaṃ āroceyyāsī’’ti. Dvīhatīhaṃ ṭhito kho so puriso addasa bhagavantaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna yena isidattapurāṇā thapatayo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā isidattapurāṇe thapatayo etadavoca – ‘‘ayaṃ so, bhante, bhagavā āgacchati arahaṃ sammāsambuddho. Yassa dāni kālaṃ maññathā’’ti.

    อถ โข อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ภควนฺตํ ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธิํสุฯ อถ โข ภควา มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อญฺญตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต อิสิทตฺตปุราณา ถปตโย ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –

    Atha kho isidattapurāṇā thapatayo yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā bhagavantaṃ piṭṭhito piṭṭhito anubandhiṃsu. Atha kho bhagavā maggā okkamma yena aññataraṃ rukkhamūlaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Isidattapurāṇā thapatayo bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te isidattapurāṇā thapatayo bhagavantaṃ etadavocuṃ –

    ‘‘ยทา มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘สาวตฺถิยา โกสเลสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘สาวตฺถิยา โกสเลสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ , โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘sāvatthiyā kosalesu cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘sāvatthiyā kosalesu cārikaṃ pakkanto’ti , hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘โกสเลหิ มเลฺลสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต , ภควนฺตํ สุณาม – ‘โกสเลหิ มเลฺลสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘kosalehi mallesu cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante , bhagavantaṃ suṇāma – ‘kosalehi mallesu cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘มเลฺลหิ วชฺชีสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘มเลฺลหิ วชฺชีสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘mallehi vajjīsu cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘mallehi vajjīsu cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘วชฺชีหิ กาสีสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต ภควนฺตํ สุณาม – ‘วชฺชีหิ กาสีสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘vajjīhi kāsīsu cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante bhagavantaṃ suṇāma – ‘vajjīhi kāsīsu cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘กาสีหิ มาคเธ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘กาสีหิ มาคเธ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ อนปฺปกา โน ตสฺมิํ สมเย อนตฺตมนตา โหติ อนปฺปกํ โทมนสฺสํ – ‘ทูเร โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘kāsīhi māgadhe cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘kāsīhi māgadhe cārikaṃ pakkanto’ti, hoti anappakā no tasmiṃ samaye anattamanatā hoti anappakaṃ domanassaṃ – ‘dūre no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘มาคเธหิ กาสีสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ , โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘มาคเธหิ กาสีสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘māgadhehi kāsīsu cārikaṃ pakkamissatī’ti , hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘māgadhehi kāsīsu cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘กาสีหิ วชฺชีสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘กาสีหิ วชฺชีสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘kāsīhi vajjīsu cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘kāsīhi vajjīsu cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘วชฺชีหิ มเลฺลสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘วชฺชีหิ มเลฺลสุ จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘vajjīhi mallesu cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘vajjīhi mallesu cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘มเลฺลหิ โกสเล จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘มเลฺลหิ โกสเล จาริกํ ปกฺกโนฺต’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘mallehi kosale cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘mallehi kosale cārikaṃ pakkanto’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘โกสเลหิ สาวตฺถิํ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตี’ติ, โหติ โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา ภวิสฺสตี’ติฯ ยทา ปน มยํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สุณาม – ‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’ติ, โหติ อนปฺปกา โน ตสฺมิํ สมเย อตฺตมนตา โหติ อนปฺปกํ โสมนสฺสํ – ‘อาสเนฺน โน ภควา’’’ติฯ

    ‘‘Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘kosalehi sāvatthiṃ cārikaṃ pakkamissatī’ti, hoti no tasmiṃ samaye attamanatā hoti somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā bhavissatī’ti. Yadā pana mayaṃ, bhante, bhagavantaṃ suṇāma – ‘sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme’ti, hoti anappakā no tasmiṃ samaye attamanatā hoti anappakaṃ somanassaṃ – ‘āsanne no bhagavā’’’ti.

    ‘‘ตสฺมาติห, ถปตโย, สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชาฯ อลญฺจ ปน โว, ถปตโย, อปฺปมาทายา’’ติฯ ‘‘อตฺถิ โข โน, ภเนฺต, เอตมฺหา สมฺพาธา อโญฺญ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺขาตตโร จา’’ติฯ ‘‘กตโม ปน โว, ถปตโย, เอตมฺหา สมฺพาธา อโญฺญ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺขาตตโร จา’’ติ?

    ‘‘Tasmātiha, thapatayo, sambādho gharāvāso rajāpatho, abbhokāso pabbajjā. Alañca pana vo, thapatayo, appamādāyā’’ti. ‘‘Atthi kho no, bhante, etamhā sambādhā añño sambādho sambādhataro ceva sambādhasaṅkhātataro cā’’ti. ‘‘Katamo pana vo, thapatayo, etamhā sambādhā añño sambādho sambādhataro ceva sambādhasaṅkhātataro cā’’ti?

    ‘‘อิธ มยํ, ภเนฺต, ยทา ราชา ปเสนทิ โกสโล อุยฺยานภูมิํ นิยฺยาตุกาโม โหติ, เย เต รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส นาคา โอปวยฺหา เต กเปฺปตฺวา, ยา ตา รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปชาปติโย ปิยา มนาปา ตา เอกํ ปุรโต เอกํ ปจฺฉโต นิสีทาเปมฯ ตาสํ โข ปน, ภเนฺต, ภคินีนํ เอวรูโป คโนฺธ โหติ, เสยฺยถาปิ นาม คนฺธกรณฺฑกสฺส ตาวเทว วิวริยมานสฺส, ยถา ตํ ราชกญฺญานํ คเนฺธน วิภูสิตานํฯ ตาสํ โข ปน, ภเนฺต, ภคินีนํ เอวรูโป กายสมฺผโสฺส โหติ, เสยฺยถาปิ นาม ตูลปิจุโน วา กปฺปาสปิจุโน วา, ยถา ตํ ราชกญฺญานํ สุเขธิตานํฯ ตสฺมิํ โข ปน, ภเนฺต, สมเย นาโคปิ รกฺขิตโพฺพ โหติ, ตาปิ ภคินิโย รกฺขิตพฺพา โหนฺติ, อตฺตาปิ รกฺขิตโพฺพ โหติฯ น โข ปน มยํ, ภเนฺต, อภิชานาม ตาสุ ภคินีสุ ปาปกํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตาฯ อยํ โข โน, ภเนฺต, เอตมฺหา สมฺพาธา อโญฺญ สมฺพาโธ สมฺพาธตโร เจว สมฺพาธสงฺขาตตโร จา’’ติฯ

    ‘‘Idha mayaṃ, bhante, yadā rājā pasenadi kosalo uyyānabhūmiṃ niyyātukāmo hoti, ye te rañño pasenadissa kosalassa nāgā opavayhā te kappetvā, yā tā rañño pasenadissa kosalassa pajāpatiyo piyā manāpā tā ekaṃ purato ekaṃ pacchato nisīdāpema. Tāsaṃ kho pana, bhante, bhaginīnaṃ evarūpo gandho hoti, seyyathāpi nāma gandhakaraṇḍakassa tāvadeva vivariyamānassa, yathā taṃ rājakaññānaṃ gandhena vibhūsitānaṃ. Tāsaṃ kho pana, bhante, bhaginīnaṃ evarūpo kāyasamphasso hoti, seyyathāpi nāma tūlapicuno vā kappāsapicuno vā, yathā taṃ rājakaññānaṃ sukhedhitānaṃ. Tasmiṃ kho pana, bhante, samaye nāgopi rakkhitabbo hoti, tāpi bhaginiyo rakkhitabbā honti, attāpi rakkhitabbo hoti. Na kho pana mayaṃ, bhante, abhijānāma tāsu bhaginīsu pāpakaṃ cittaṃ uppādetā. Ayaṃ kho no, bhante, etamhā sambādhā añño sambādho sambādhataro ceva sambādhasaṅkhātataro cā’’ti.

    ‘‘ตสฺมาติห, ถปตโย, สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ, อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชาฯ อลญฺจ ปน โว, ถปตโย, อปฺปมาทายฯ จตูหิ โข, ถปตโย, ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก โสตาปโนฺน โหติ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณฯ

    ‘‘Tasmātiha, thapatayo, sambādho gharāvāso rajāpatho, abbhokāso pabbajjā. Alañca pana vo, thapatayo, appamādāya. Catūhi kho, thapatayo, dhammehi samannāgato ariyasāvako sotāpanno hoti avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo.

    ‘‘กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ถปตโย, อริยสาวโก พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ – อิติปิ โส ภควา…เป.… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาติฯ ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ…เป.… วิคตมลมเจฺฉเรน เจตสา อชฺฌาคารํ วสติ มุตฺตจาโค ปยตปาณิ โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโตฯ อิเมหิ โข, ถปตโย, จตูหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต อริยสาวโก โสตาปโนฺน โหติ อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณฯ

    ‘‘Katamehi catūhi? Idha, thapatayo, ariyasāvako buddhe aveccappasādena samannāgato hoti – itipi so bhagavā…pe… satthā devamanussānaṃ buddho bhagavāti. Dhamme…pe… saṅghe…pe… vigatamalamaccherena cetasā ajjhāgāraṃ vasati muttacāgo payatapāṇi vossaggarato yācayogo dānasaṃvibhāgarato. Imehi kho, thapatayo, catūhi dhammehi samannāgato ariyasāvako sotāpanno hoti avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo.

    ‘‘ตุเมฺห โข, ถปตโย, พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา – อิติปิ โส ภควา…เป.… สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควาติฯ ธเมฺม…เป.… สเงฺฆ…เป.… ยํ โข ปน กิญฺจิ กุเล เทยฺยธมฺมํ สพฺพํ ตํ อปฺปฎิวิภตฺตํ สีลวเนฺตหิ กลฺยาณธเมฺมหิฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ถปตโย, กติวิธา เต โกสเลสุ มนุสฺสา เย ตุมฺหากํ สมสมา, ยทิทํ – ทานสํวิภาเค’’ติ? ‘‘ลาภา โน, ภเนฺต, สุลทฺธํ โน, ภเนฺต! เยสํ โน ภควา เอวํ ปชานาตี’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ

    ‘‘Tumhe kho, thapatayo, buddhe aveccappasādena samannāgatā – itipi so bhagavā…pe… satthā devamanussānaṃ buddho bhagavāti. Dhamme…pe… saṅghe…pe… yaṃ kho pana kiñci kule deyyadhammaṃ sabbaṃ taṃ appaṭivibhattaṃ sīlavantehi kalyāṇadhammehi. Taṃ kiṃ maññatha, thapatayo, katividhā te kosalesu manussā ye tumhākaṃ samasamā, yadidaṃ – dānasaṃvibhāge’’ti? ‘‘Lābhā no, bhante, suladdhaṃ no, bhante! Yesaṃ no bhagavā evaṃ pajānātī’’ti. Chaṭṭhaṃ.







    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. ถปติสุตฺตวณฺณนา • 6. Thapatisuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖. ถปติสุตฺตวณฺณนา • 6. Thapatisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact