Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๖. ถปติสุตฺตวณฺณนา
6. Thapatisuttavaṇṇanā
๑๐๐๒. ฉเฎฺฐ สาธุเก ปฎิวสนฺตีติ สาธุกนามเก อตฺตโน โภคคามเก วสนฺติฯ เตสุ อิสิทโตฺต สกทาคามี, ปุราโณ โสตาปโนฺน สทารสนฺตุโฎฺฐฯ มเคฺค ปุริสํ ฐเปสุนฺติ เตสํ กิร คามทฺวาเรน ภควโต คมนมโคฺคฯ ตสฺมา ‘‘ภควา กาเล วา อกาเล วา อมฺหากํ สุตฺตานํ วา ปมตฺตานํ วา คเจฺฉยฺย, อถ ปสฺสิตุํ น ลเภยฺยามา’’ติ มคฺคมเชฺฌ ปุริสํ ฐเปสุํฯ
1002. Chaṭṭhe sādhuke paṭivasantīti sādhukanāmake attano bhogagāmake vasanti. Tesu isidatto sakadāgāmī, purāṇo sotāpanno sadārasantuṭṭho. Magge purisaṃ ṭhapesunti tesaṃ kira gāmadvārena bhagavato gamanamaggo. Tasmā ‘‘bhagavā kāle vā akāle vā amhākaṃ suttānaṃ vā pamattānaṃ vā gaccheyya, atha passituṃ na labheyyāmā’’ti maggamajjhe purisaṃ ṭhapesuṃ.
อนุพนฺธิํสูติ น ทูรโตว ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต อนุพนฺธิํสุ, ภควา ปน สกฎมคฺคสฺส มเชฺฌ ชงฺฆมเคฺคน อคมาสิ, อิตเร อุโภสุ ปเสฺสสุ อนุคจฺฉนฺตา อคมํสุฯ มคฺคา โอกฺกมฺมาติ พุทฺธานญฺหิ เกนจิ สทฺธิํ คจฺฉนฺตานํเยว ปฎิสนฺถารํ กาตุํ วฎฺฎติ เกนจิ สทฺธิํ ฐิตกานํ , เกนจิ สทฺธิํ ทิวสภาคํ นิสินฺนานํฯ ตสฺมา ภควา จิเนฺตสิ – ‘‘อิเมหิ เม สทฺธิํ คจฺฉนฺตสฺส ปฎิสนฺถารํ กาตุํ อยุตฺตํ, ฐิตเกนปิ กาตุํ น ยุตฺตํ, อิเม หิ มยฺหํ สาสเน สามิโน อาคตผลาฯ อิเมหิ สทฺธิํ นิสีทิตฺวาว ทิวสภาคํ ปฎิสนฺถารํ กริสฺสามี’’ติ มคฺคา โอกฺกมฺม เยน อญฺญตรํ รุกฺขมูลํ เตนุปสงฺกมิฯ
Anubandhiṃsūti na dūratova piṭṭhito piṭṭhito anubandhiṃsu, bhagavā pana sakaṭamaggassa majjhe jaṅghamaggena agamāsi, itare ubhosu passesu anugacchantā agamaṃsu. Maggā okkammāti buddhānañhi kenaci saddhiṃ gacchantānaṃyeva paṭisanthāraṃ kātuṃ vaṭṭati kenaci saddhiṃ ṭhitakānaṃ , kenaci saddhiṃ divasabhāgaṃ nisinnānaṃ. Tasmā bhagavā cintesi – ‘‘imehi me saddhiṃ gacchantassa paṭisanthāraṃ kātuṃ ayuttaṃ, ṭhitakenapi kātuṃ na yuttaṃ, ime hi mayhaṃ sāsane sāmino āgataphalā. Imehi saddhiṃ nisīditvāva divasabhāgaṃ paṭisanthāraṃ karissāmī’’ti maggā okkamma yena aññataraṃ rukkhamūlaṃ tenupasaṅkami.
ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทีติ เต กิร ฉตฺตุปาหนํ กตฺตรทณฺฑํ ปาทพฺภญฺชนเตลาทีนิ เจว อฎฺฐวิธญฺจ ปานกํ สรภปาทปลฺลงฺกญฺจ คาหาเปตฺวา อคมํสุ, อาภตํ ปลฺลงฺกมฺปิ ปญฺญาเปตฺวา อทํสุ , สตฺถา ตสฺมิํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสีทิํสูติ เสสานิ ฉตฺตุปาหนาทีนิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เทถาติ วตฺวา สยมฺปิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ
Paññatte āsane nisīdīti te kira chattupāhanaṃ kattaradaṇḍaṃ pādabbhañjanatelādīni ceva aṭṭhavidhañca pānakaṃ sarabhapādapallaṅkañca gāhāpetvā agamaṃsu, ābhataṃ pallaṅkampi paññāpetvā adaṃsu , satthā tasmiṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisīdiṃsūti sesāni chattupāhanādīni bhikkhusaṅghassa dethāti vatvā sayampi bhagavantaṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdiṃsu.
สาวตฺถิยา โกสเลสุ จาริกํ ปกฺกมิสฺสตีติอาทิ สพฺพํ มชฺฌิมปเทสวเสนว วุตฺตํฯ กสฺมา? นิยตตฺตาฯ ภควโต หิ จาริกาจรณมฺปิ อรุณุฎฺฐาปนมฺปิ นิยตํ, มชฺฌิมปเทเสเยว จาริกํ จรติ, มชฺฌิมเทเส อรุณํ อุฎฺฐเปตีติ นิยตตฺตา มชฺฌิมเทสวเสน วุตฺตํฯ อาสเนฺน โน ภควา ภวิสฺสตีติ เอตฺถ น เกวลํ อาสนฺนตฺตาเยว เตสํ โสมนสฺสํ โหติ, อถ โข ‘‘อิทานิ ทานํ ทาตุํ คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กาตุํ ธมฺมํ โสตุํ ปญฺหํ ปุจฺฉิตุํ ลภิสฺสามา’’ติ เตสํ โสมนสฺสํ โหติฯ
Sāvatthiyākosalesu cārikaṃ pakkamissatītiādi sabbaṃ majjhimapadesavasenava vuttaṃ. Kasmā? Niyatattā. Bhagavato hi cārikācaraṇampi aruṇuṭṭhāpanampi niyataṃ, majjhimapadeseyeva cārikaṃ carati, majjhimadese aruṇaṃ uṭṭhapetīti niyatattā majjhimadesavasena vuttaṃ. Āsanne no bhagavā bhavissatīti ettha na kevalaṃ āsannattāyeva tesaṃ somanassaṃ hoti, atha kho ‘‘idāni dānaṃ dātuṃ gandhamālādīhi pūjaṃ kātuṃ dhammaṃ sotuṃ pañhaṃ pucchituṃ labhissāmā’’ti tesaṃ somanassaṃ hoti.
ตสฺมาติห ถปตโย สมฺพาโธ ฆราวาโสติ ถปตโย ยสฺมา ตุมฺหากํ มยิ ทูรีภูเต อนปฺปกํ โทมนสฺสํ, อาสเนฺน อนปฺปกํ โสมนสฺสํ โหติ, ตสฺมาปิ เวทิตพฺพเมตํ ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส’’ติฯ ฆราวาสสฺส หิ โทเสน ตุมฺหากํ เอวํ โหติฯ สเจ ปน ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชิตา, อถ เอวํ โว มยา สทฺธิํเยว คจฺฉนฺตานญฺจ อาคจฺฉนฺตานญฺจ ตํ น ภเวยฺยาติ อิมมตฺถํ ทีเปโนฺต เอวมาหฯ ตตฺถ สกิญฺจนสปลิโพธเฎฺฐน สมฺพาธตา เวทิตพฺพาฯ มหาวาเส วสนฺตสฺสปิ หิ สกิญฺจนสปลิโพธเฎฺฐน ฆราวาโส สมฺพาโธวฯ รชาปโถติ ราคโทสโมหรชานํ อาปโถ, อาคมนฎฺฐานนฺติ อโตฺถฯ อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชาติ ปพฺพชฺชา ปน อกิญฺจนอปลิโพธเฎฺฐน อโพฺภกาโสฯ จตุรตนิเกปิ หิ คเพฺภ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ ปลฺลเงฺกน ปลฺลงฺกํ ฆเฎตฺวา นิสินฺนานมฺปิ อกิญฺจนอปลิโพธเฎฺฐน ปพฺพชฺชา อโพฺภกาโส นาม โหติฯ อลญฺจ ปน โว ถปตโย อปฺปมาทายาติ เอวํ สมฺพาเธ ฆราวาเส วสนฺตานํ ตุมฺหากํ อปฺปมาทเมว กาตุํ ยุตฺตนฺติ อโตฺถฯ
Tasmātiha thapatayo sambādho gharāvāsoti thapatayo yasmā tumhākaṃ mayi dūrībhūte anappakaṃ domanassaṃ, āsanne anappakaṃ somanassaṃ hoti, tasmāpi veditabbametaṃ ‘‘sambādho gharāvāso’’ti. Gharāvāsassa hi dosena tumhākaṃ evaṃ hoti. Sace pana gharāvāsaṃ pahāya pabbajitā, atha evaṃ vo mayā saddhiṃyeva gacchantānañca āgacchantānañca taṃ na bhaveyyāti imamatthaṃ dīpento evamāha. Tattha sakiñcanasapalibodhaṭṭhena sambādhatā veditabbā. Mahāvāse vasantassapi hi sakiñcanasapalibodhaṭṭhena gharāvāso sambādhova. Rajāpathoti rāgadosamoharajānaṃ āpatho, āgamanaṭṭhānanti attho. Abbhokāsopabbajjāti pabbajjā pana akiñcanaapalibodhaṭṭhena abbhokāso. Caturatanikepi hi gabbhe dvinnaṃ bhikkhūnaṃ pallaṅkena pallaṅkaṃ ghaṭetvā nisinnānampi akiñcanaapalibodhaṭṭhena pabbajjā abbhokāso nāma hoti. Alañca pana vo thapatayo appamādāyāti evaṃ sambādhe gharāvāse vasantānaṃ tumhākaṃ appamādameva kātuṃ yuttanti attho.
เอกํ ปุรโต เอกํ ปจฺฉโต นิสีทาเปมาติ เต กิร เทฺวปิ ชนา สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิเตสุ ทฺวีสุ นาเคสุ ตา อิตฺถิโย เอวํ นิสีทาเปตฺวา รโญฺญ นาคํ มเชฺฌ กตฺวา อุโภสุ ปเสฺสสุ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา เอวมาหํสุฯ นาโคปิ รกฺขิตโพฺพติ ยถา กิญฺจิ วิเสวิตํ น กโรติ, เอวํ รกฺขิตโพฺพ โหติฯ ตาปิ ภคินิโยติ ยถา ปมาทํ นาปชฺชนฺติ, เอวํ รกฺขิตพฺพา โหนฺติฯ อตฺตาปีติ สิตหสิตกถิตวิเปกฺขิตาทีนิ อกโรเนฺตหิ อตฺตาปิ รกฺขิตโพฺพ โหติฯ (เตหิ ตถา กโรเนฺตหิ น อตฺตาปิ รกฺขิตโพฺพ โหติ)ฯ ตถา กโรโนฺต หิ ‘‘สามิทุโพฺภ เอโส’’ติ นิคฺคเหตโพฺพ โหติฯ ตสฺมาติห ถปตโยติ ยสฺมา ตุเมฺห ราชา นิจฺจํ ราชภณฺฑํ ปฎิจฺฉาเปติ, ตสฺมาปิ สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถฯ ยสฺมา ปน ปํสุกูลิกภิกฺขุํ เอวํ ปฎิจฺฉาเปโนฺต นตฺถิ, ตสฺมา อโพฺภกาโส ปพฺพชฺชาฯ เอวํ สพฺพตฺถาปิ อลญฺจ ปน โว ถปตโย อปฺปมาทาย อปฺปมาทเมว กโรถาติ ทเสฺสติฯ
Ekaṃ purato ekaṃ pacchato nisīdāpemāti te kira dvepi janā sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitesu dvīsu nāgesu tā itthiyo evaṃ nisīdāpetvā rañño nāgaṃ majjhe katvā ubhosu passesu gacchanti, tasmā evamāhaṃsu. Nāgopi rakkhitabboti yathā kiñci visevitaṃ na karoti, evaṃ rakkhitabbo hoti. Tāpi bhaginiyoti yathā pamādaṃ nāpajjanti, evaṃ rakkhitabbā honti. Attāpīti sitahasitakathitavipekkhitādīni akarontehi attāpi rakkhitabbo hoti. (Tehi tathā karontehi na attāpi rakkhitabbo hoti). Tathā karonto hi ‘‘sāmidubbho eso’’ti niggahetabbo hoti. Tasmātiha thapatayoti yasmā tumhe rājā niccaṃ rājabhaṇḍaṃ paṭicchāpeti, tasmāpi sambādho gharāvāso rajāpatho. Yasmā pana paṃsukūlikabhikkhuṃ evaṃ paṭicchāpento natthi, tasmā abbhokāso pabbajjā. Evaṃ sabbatthāpi alañca pana vo thapatayo appamādāya appamādameva karothāti dasseti.
มุตฺตจาโคติ วิสฺสฎฺฐจาโคฯ ปยตปาณีติ อาคตาคตานํ ทานตฺถาย โธตหโตฺถฯ โวสฺสคฺครโตติ โวสฺสคฺคสงฺขาเต จาเค รโตฯ ยาจโยโคติ ยาจิตพฺพกยุโตฺตฯ ทานสํวิภาครโตติ ทาเนน เจว อปฺปมตฺตกมฺปิ กิญฺจิ ลทฺธา ตโตปิ สํวิภาเค รโตฯ อปฺปฎิวิภตฺตนฺติ ‘‘อิทํ อมฺหากํ ภวิสฺสติ, อิทํ ภิกฺขูน’’นฺติ เอวํ อกตวิภาคํ, สพฺพํ ทาตพฺพเมว หุตฺวา ฐิตนฺติ อโตฺถฯ
Muttacāgoti vissaṭṭhacāgo. Payatapāṇīti āgatāgatānaṃ dānatthāya dhotahattho. Vossaggaratoti vossaggasaṅkhāte cāge rato. Yācayogoti yācitabbakayutto. Dānasaṃvibhāgaratoti dānena ceva appamattakampi kiñci laddhā tatopi saṃvibhāge rato. Appaṭivibhattanti ‘‘idaṃ amhākaṃ bhavissati, idaṃ bhikkhūna’’nti evaṃ akatavibhāgaṃ, sabbaṃ dātabbameva hutvā ṭhitanti attho.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๖. ถปติสุตฺตํ • 6. Thapatisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖. ถปติสุตฺตวณฺณนา • 6. Thapatisuttavaṇṇanā