Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    ๔. อฎฺฐกถากโณฺฑ

    4. Aṭṭhakathākaṇḍo

    ติกอตฺถุทฺธารวณฺณนา

    Tikaatthuddhāravaṇṇanā

    ๑๓๘๔. อิทานิ นิเกฺขปกณฺฑานนฺตรํ ฐปิตสฺส อฎฺฐกถากณฺฑสฺส วณฺณนากฺกโม อนุปฺปโตฺตฯ กสฺมา ปเนตํ อฎฺฐกถากณฺฑํ นาม ชาตนฺติ? เตปิฎกสฺส พุทฺธวจนสฺส อตฺถํ อุทฺธริตฺวา ฐปิตตฺตาฯ ตีสุปิ หิ ปิฎเกสุ ธมฺมนฺตรํ อาคตํ อฎฺฐกถากเณฺฑเนว ปริจฺฉินฺทิตฺวา วินิจฺฉิตํ สุวินิจฺฉิตํ นาม โหติฯ สกเล อภิธมฺมปิฎเก นยมคฺคํ มหาปกรเณ ปญฺหุทฺธารํ คณนจารํ อสลฺลเกฺขเนฺตนาปิ อฎฺฐกถากณฺฑโตเยว สมาเนตุํ วฎฺฎติฯ

    1384. Idāni nikkhepakaṇḍānantaraṃ ṭhapitassa aṭṭhakathākaṇḍassa vaṇṇanākkamo anuppatto. Kasmā panetaṃ aṭṭhakathākaṇḍaṃ nāma jātanti? Tepiṭakassa buddhavacanassa atthaṃ uddharitvā ṭhapitattā. Tīsupi hi piṭakesu dhammantaraṃ āgataṃ aṭṭhakathākaṇḍeneva paricchinditvā vinicchitaṃ suvinicchitaṃ nāma hoti. Sakale abhidhammapiṭake nayamaggaṃ mahāpakaraṇe pañhuddhāraṃ gaṇanacāraṃ asallakkhentenāpi aṭṭhakathākaṇḍatoyeva samānetuṃ vaṭṭati.

    กุโต ปภวํ ปน เอตนฺติ? สาริปุตฺตเตฺถรปฺปภวํฯ สาริปุตฺตเตฺถโร หิ เอกสฺส อตฺตโน สทฺธิวิหาริกสฺส นิเกฺขปกเณฺฑ อตฺถุทฺธารํ สลฺลเกฺขตุํ อสโกฺกนฺตสฺส อฎฺฐกถากณฺฑํ กเถตฺวา อทาสิฯ อิทํ ปน มหาอฎฺฐกถายํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อิทํ วุตฺตํ – อภิธโมฺม นาม น สาวกวิสโย, น สาวกโคจโร; พุทฺธวิสโย เอส, พุทฺธโคจโรฯ ธมฺมเสนาปติ ปน สทฺธิวิหาริเกน ปุจฺฉิโต ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กเถสิฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ตสฺส ภิกฺขุโน อฎฺฐกถากณฺฑํ กเถตฺวา อทาสิฯ กถํ? ภควา หิ ‘กตเม ธมฺมา กุสลา’ติ ปุจฺฉิฯ ‘กุสลา ธมฺมา นาม กตเม’ติ สลฺลเกฺขสีติ อโตฺถฯ อถสฺส ตุณฺหีภูตสฺส ‘นนุ ยํ มยา กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตีติอาทินา นเยน ภูมิเภทโต กุสลํ ทสฺสิตํ, สพฺพมฺปิ ตํ จตูสุ ภูมีสุ กุสลํ, อิเม ธมฺมา กุสลา’ติ อิมินา นเยน กณฺณิกํ กณฺณิกํ ฆฎํ ฆฎํ โคจฺฉกํ โคจฺฉกํ กตฺวา อตฺถุทฺธารวเสน กุสลาทิธเมฺม ทเสฺสโนฺต กเถตฺวา อทาสิฯ

    Kuto pabhavaṃ pana etanti? Sāriputtattherappabhavaṃ. Sāriputtatthero hi ekassa attano saddhivihārikassa nikkhepakaṇḍe atthuddhāraṃ sallakkhetuṃ asakkontassa aṭṭhakathākaṇḍaṃ kathetvā adāsi. Idaṃ pana mahāaṭṭhakathāyaṃ paṭikkhipitvā idaṃ vuttaṃ – abhidhammo nāma na sāvakavisayo, na sāvakagocaro; buddhavisayo esa, buddhagocaro. Dhammasenāpati pana saddhivihārikena pucchito taṃ ādāya satthu santikaṃ gantvā sammāsambuddhassa kathesi. Sammāsambuddho tassa bhikkhuno aṭṭhakathākaṇḍaṃ kathetvā adāsi. Kathaṃ? Bhagavā hi ‘katame dhammā kusalā’ti pucchi. ‘Kusalā dhammā nāma katame’ti sallakkhesīti attho. Athassa tuṇhībhūtassa ‘nanu yaṃ mayā katame dhammā kusalā? Yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ cittaṃ uppannaṃ hotītiādinā nayena bhūmibhedato kusalaṃ dassitaṃ, sabbampi taṃ catūsu bhūmīsu kusalaṃ, ime dhammā kusalā’ti iminā nayena kaṇṇikaṃ kaṇṇikaṃ ghaṭaṃ ghaṭaṃ gocchakaṃ gocchakaṃ katvā atthuddhāravasena kusalādidhamme dassento kathetvā adāsi.

    ตตฺถ จตูสูติ กามาวจรรูปาวจรารูปาวจรอปริยาปนฺนาสุฯ กุสลนฺติ ผสฺสาทิเภทํ กุสลํฯ อิเม ธมฺมา กุสลาติ อิเม สเพฺพปิ ตาสุ ตาสุ ภูมีสุ วุตฺตา ผสฺสาทโย ธมฺมา กุสลา นามฯ

    Tattha catūsūti kāmāvacararūpāvacarārūpāvacaraapariyāpannāsu. Kusalanti phassādibhedaṃ kusalaṃ. Ime dhammā kusalāti ime sabbepi tāsu tāsu bhūmīsu vuttā phassādayo dhammā kusalā nāma.

    ๑๓๘๕. อกุสลานํ ปน ภูมิวเสน เภทาภาวโต ทฺวาทส อกุสลจิตฺตุปฺปาทาติ อาหฯ ตตฺถ อุปฺปชฺชตีติ อุปฺปาโทฯ จิตฺตเมว อุปฺปาโท จิตฺตุปฺปาโทฯ เทสนาสีสเมว เจตํฯ ยถา ปน ‘ราชา อาคโต’ติ วุเตฺต อมจฺจาทีนมฺปิ อาคมนํ วุตฺตเมว โหติ, เอวํ ‘จิตฺตุปฺปาทา’ติ วุเตฺต เตหิ สมฺปยุตฺตธมฺมาปิ วุตฺตาว โหนฺตีติฯ สพฺพตฺถ จิตฺตุปฺปาทคฺคหเณน สสมฺปยุตฺตธมฺมํ จิตฺตํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ อิโต ปรํ จตูสุ ภูมีสุ วิปาโกติอาทีนํ สเพฺพสมฺปิ ติกทุกภาชนียปทานํ อโตฺถ, เวทนาตฺติกาทีสุ จ สุขาทีนํ นวตฺตพฺพตา เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ปาฬิยตฺถํ วีมํสิตฺวา เวทิตพฺพาฯ วิเสสมตฺตเมว ปน วกฺขามฯ

    1385. Akusalānaṃ pana bhūmivasena bhedābhāvato dvādasa akusalacittuppādāti āha. Tattha uppajjatīti uppādo. Cittameva uppādo cittuppādo. Desanāsīsameva cetaṃ. Yathā pana ‘rājā āgato’ti vutte amaccādīnampi āgamanaṃ vuttameva hoti, evaṃ ‘cittuppādā’ti vutte tehi sampayuttadhammāpi vuttāva hontīti. Sabbattha cittuppādaggahaṇena sasampayuttadhammaṃ cittaṃ gahitanti veditabbaṃ. Ito paraṃ catūsu bhūmīsu vipākotiādīnaṃ sabbesampi tikadukabhājanīyapadānaṃ attho, vedanāttikādīsu ca sukhādīnaṃ navattabbatā heṭṭhā vuttanayeneva pāḷiyatthaṃ vīmaṃsitvā veditabbā. Visesamattameva pana vakkhāma.

    ๑๔๒๐. ตตฺถ ปริตฺตารมฺมณตฺติเก ตาว สโพฺพ กามาวจรสฺส วิปาโกติ เอตฺถ ทฺวิปญฺจวิญฺญาณานิ จกฺขุปสาทาทโย นิสฺสาย นิยเมเนว อิฎฺฐานิฎฺฐาทิเภเท รูปสทฺทคนฺธรสโผฎฺฐพฺพธเมฺม อารพฺภ ปวตฺตนฺตีติ ปริตฺตารมฺมณานิฯ กุสลากุสลวิปากา ปน เทฺว มโนธาตุโย หทยวตฺถุํ นิสฺสาย จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ อนนฺตรา นิยมโต รูปาทีเนว อารพฺภ ปวตฺตนฺตีติ ปริตฺตารมฺมณาฯ กุสลวิปากาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ โสมนสฺสสหคตา ปญฺจทฺวาเร สนฺตีรณวเสน ฉสุ ทฺวาเรสุ ตทารมฺมณวเสนาติ นิยมโต รูปาทีนิ ฉ ปริตฺตารมฺมณาเนว อารพฺภ ปวตฺตตีติ ปริตฺตารมฺมณาฯ กุสลากุสลวิปากาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุทฺวยํ ปญฺจทฺวาเร สนฺตีรณวเสน ฉสุ ทฺวาเรสุ ตทารมฺมณวเสน นิยมโต รูปาทีนิ ฉ ปริตฺตารมฺมณาเนว อารพฺภ ปวตฺตติฯ ปฎิสนฺธิวเสน ปวตฺตมานมฺปิ ปริตฺตํ กมฺมํ กมฺมนิมิตฺตํ คตินิมิตฺตํ วา อารมฺมณํ กโรติ, ปวตฺติยํ ภวงฺควเสน, ปริโยสาเน จุติวเสน ปวตฺตมานมฺปิ ตเทว อารมฺมณํ กโรตีติ ปริตฺตารมฺมณํฯ อฎฺฐ ปน สเหตุกวิปากจิตฺตุปฺปาทา เอตฺถ วุตฺตนเยเนว ตทารมฺมณวเสน ปฎิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน จ ปริตฺตธเมฺมเยว อารพฺภ ปวตฺตนฺติฯ กิริยมโนธาตุ ปญฺจทฺวาเร รูปาทีนิ อารพฺภ ปวตฺตติฯ โสมนสฺสสหคตาเหตุกกิริยมโนวิญฺญาณธาตุ ฉสุ ทฺวาเรสุ ปจฺจุปฺปเนฺน มโนทฺวาเร อตีตานาคเตปิ ปริเตฺต รูปาทิธเมฺมเยว อารพฺภ ขีณาสวานํ ปหฎฺฐาการํ กุรุมานา ปวตฺตตีติ ปริตฺตารมฺมณาฯ เอวมิเม ปญฺจวีสติ จิตฺตุปฺปาทา เอกเนฺตเนว ปริตฺตารมฺมณาติ เวทิตพฺพาฯ

    1420. Tattha parittārammaṇattike tāva sabbo kāmāvacarassa vipākoti ettha dvipañcaviññāṇāni cakkhupasādādayo nissāya niyameneva iṭṭhāniṭṭhādibhede rūpasaddagandharasaphoṭṭhabbadhamme ārabbha pavattantīti parittārammaṇāni. Kusalākusalavipākā pana dve manodhātuyo hadayavatthuṃ nissāya cakkhuviññāṇādīnaṃ anantarā niyamato rūpādīneva ārabbha pavattantīti parittārammaṇā. Kusalavipākāhetukamanoviññāṇadhātu somanassasahagatā pañcadvāre santīraṇavasena chasu dvāresu tadārammaṇavasenāti niyamato rūpādīni cha parittārammaṇāneva ārabbha pavattatīti parittārammaṇā. Kusalākusalavipākāhetukamanoviññāṇadhātudvayaṃ pañcadvāre santīraṇavasena chasu dvāresu tadārammaṇavasena niyamato rūpādīni cha parittārammaṇāneva ārabbha pavattati. Paṭisandhivasena pavattamānampi parittaṃ kammaṃ kammanimittaṃ gatinimittaṃ vā ārammaṇaṃ karoti, pavattiyaṃ bhavaṅgavasena, pariyosāne cutivasena pavattamānampi tadeva ārammaṇaṃ karotīti parittārammaṇaṃ. Aṭṭha pana sahetukavipākacittuppādā ettha vuttanayeneva tadārammaṇavasena paṭisandhibhavaṅgacutivasena ca parittadhammeyeva ārabbha pavattanti. Kiriyamanodhātu pañcadvāre rūpādīni ārabbha pavattati. Somanassasahagatāhetukakiriyamanoviññāṇadhātu chasu dvāresu paccuppanne manodvāre atītānāgatepi paritte rūpādidhammeyeva ārabbha khīṇāsavānaṃ pahaṭṭhākāraṃ kurumānā pavattatīti parittārammaṇā. Evamime pañcavīsati cittuppādā ekanteneva parittārammaṇāti veditabbā.

    ๑๔๒๑. วิญฺญาณญฺจายตนเนวสญฺญานาสญฺญายตนธมฺมา อตฺตโน อตฺตโน เหฎฺฐิมํ สมาปตฺติํ อารพฺภ ปวตฺตนโต มหคฺคตารมฺมณาฯ เอว มคฺคผลธมฺมา นิพฺพานารมฺมณตฺตา อปฺปมาณารมฺมณา

    1421. Viññāṇañcāyatananevasaññānāsaññāyatanadhammā attano attano heṭṭhimaṃ samāpattiṃ ārabbha pavattanato mahaggatārammaṇā. Eva maggaphaladhammā nibbānārammaṇattā appamāṇārammaṇā.

    กุสลโต จตฺตาโร กิริยโต จตฺตาโรติ อฎฺฐ ญาณวิปฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา เสกฺขปุถุชฺชนขีณาสวานํ อสกฺกจฺจทานปจฺจเวกฺขณธมฺมสวนาทีสุ กามาวจรธเมฺม อารพฺภ ปวตฺติกาเล ปริตฺตารมฺมณาฯ อติปคุณานํ ปฐมชฺฌานาทีนํ ปจฺจเวกฺขณกาเล มหคฺคตารมฺมณาฯ กสิณนิมิตฺตาทิปญฺญตฺติปจฺจเวกฺขณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณาฯ อกุสลโต จตฺตาโร ทิฎฺฐิคตสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา ปญฺจปณฺณาสาย กามาวจรธมฺมานํ ‘สโตฺต สโตฺต’ติ ปรามสนอสฺสาทนาภินนฺทนกาเล ปริตฺตารมฺมณาฯ เตเนวากาเรน สตฺตวีสติ มหคฺคตธเมฺม อารพฺภ ปวตฺติกาเล มหคฺคตารมฺมณาฯ ปณฺณตฺติธเมฺม อารพฺภ ปวตฺตนกาเล สิยา นวตฺตพฺพารมฺมณาฯ ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตานํ เตเยว ธเมฺม อารพฺภ เกวลํ อสฺสาทนาภินนฺทนวเสน, ปวตฺติยํ ปฎิฆสมฺปยุตฺตานํ โทมนสฺสวเสน, วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทสฺส อนิฎฺฐงฺคตวเสน, อุทฺธจฺจสหคตสฺส วิเกฺขปวเสน อวูปสมวเสน จ ปวตฺติยํ ปริตฺตมหคฺคตนวตฺตพฺพารมฺมณตา เวทิตพฺพาฯ เอเตสุ ปน เอกธโมฺมปิ อปฺปมาเณ อารพฺภ ปวตฺติตุํ น สโกฺกติ, ตสฺมา น อปฺปมาณารมฺมณาฯ

    Kusalato cattāro kiriyato cattāroti aṭṭha ñāṇavippayuttacittuppādā sekkhaputhujjanakhīṇāsavānaṃ asakkaccadānapaccavekkhaṇadhammasavanādīsu kāmāvacaradhamme ārabbha pavattikāle parittārammaṇā. Atipaguṇānaṃ paṭhamajjhānādīnaṃ paccavekkhaṇakāle mahaggatārammaṇā. Kasiṇanimittādipaññattipaccavekkhaṇakāle navattabbārammaṇā. Akusalato cattāro diṭṭhigatasampayuttacittuppādā pañcapaṇṇāsāya kāmāvacaradhammānaṃ ‘satto satto’ti parāmasanaassādanābhinandanakāle parittārammaṇā. Tenevākārena sattavīsati mahaggatadhamme ārabbha pavattikāle mahaggatārammaṇā. Paṇṇattidhamme ārabbha pavattanakāle siyā navattabbārammaṇā. Diṭṭhivippayuttānaṃ teyeva dhamme ārabbha kevalaṃ assādanābhinandanavasena, pavattiyaṃ paṭighasampayuttānaṃ domanassavasena, vicikicchāsampayuttacittuppādassa aniṭṭhaṅgatavasena, uddhaccasahagatassa vikkhepavasena avūpasamavasena ca pavattiyaṃ parittamahaggatanavattabbārammaṇatā veditabbā. Etesu pana ekadhammopi appamāṇe ārabbha pavattituṃ na sakkoti, tasmā na appamāṇārammaṇā.

    กุสลโต จตฺตาโร กิริยโต จตฺตาโรติ อฎฺฐ ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา เสกฺขปุถุชฺชนขีณาสวานํ สกฺกจฺจทานปจฺจเวกฺขณธมฺมสวนาทีสุ ยถาวุตฺตปฺปกาเร ธเมฺม อารพฺภ ปวตฺติกาเล ปริตฺตมหคฺคตนวตฺตพฺพารมฺมณา โหนฺติฯ โคตฺรภุกาเล โลกุตฺตรธเมฺม ปจฺจเวกฺขณกาเล จ เนสํ อปฺปมาณารมฺมณตา เวทิตพฺพาฯ

    Kusalato cattāro kiriyato cattāroti aṭṭha ñāṇasampayuttacittuppādā sekkhaputhujjanakhīṇāsavānaṃ sakkaccadānapaccavekkhaṇadhammasavanādīsu yathāvuttappakāre dhamme ārabbha pavattikāle parittamahaggatanavattabbārammaṇā honti. Gotrabhukāle lokuttaradhamme paccavekkhaṇakāle ca nesaṃ appamāṇārammaṇatā veditabbā.

    ยํ ปเนตํ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ ตํ สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ อากาสกสิณจตุตฺถํ อาโลกกสิณจตุตฺถํ พฺรหฺมวิหารจตุตฺถํ อานาปานจตุตฺถํ อิทฺธิวิธจตุตฺถํ ทิพฺพโสตจตุตฺถํ เจโตปริยญาณจตุตฺถํ ยถากมฺมุปคญาณจตุตฺถํ ทิพฺพจกฺขุญาณจตุตฺถํ ปุเพฺพนิวาสญาณจตุตฺถํ อนาคตํสญาณจตุตฺถนฺติ กุสลโตปิ กิริยโตปิ ทฺวาทสวิธํ โหติฯ

    Yaṃ panetaṃ rūpāvacaracatutthajjhānaṃ taṃ sabbatthapādakacatutthaṃ ākāsakasiṇacatutthaṃ ālokakasiṇacatutthaṃ brahmavihāracatutthaṃ ānāpānacatutthaṃ iddhividhacatutthaṃ dibbasotacatutthaṃ cetopariyañāṇacatutthaṃ yathākammupagañāṇacatutthaṃ dibbacakkhuñāṇacatutthaṃ pubbenivāsañāṇacatutthaṃ anāgataṃsañāṇacatutthanti kusalatopi kiriyatopi dvādasavidhaṃ hoti.

    ตตฺถ ‘สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ’ นาม อฎฺฐสุ กสิเณสุ จตุตฺถชฺฌานํฯ ตญฺหิ วิปสฺสนายปิ ปาทกํ โหติ, อภิญฺญานมฺปิ, นิโรธสฺสาปิ, วฎฺฎสฺสาปิ ปาทกํ โหติเยวาติ สพฺพตฺถปาทกนฺติ วุตฺตํฯ ‘อากาสกสิณอาโลกกสิณจตุตฺถานิ’ ปน วิปสฺสนายปิ อภิญฺญานมฺปิ วฎฺฎสฺสาปิ ปาทกานิ โหนฺติ, นิโรธปาทกาเนว น โหนฺติฯ ‘พฺรหฺมวิหารอานาปานจตุตฺถานิ’ วิปสฺสนาย เจว วฎฺฎสฺส จ ปาทกานิ โหนฺติ, อภิญฺญานํ ปน นิโรธสฺส จ ปาทกานิ น โหนฺติฯ ตตฺถ ทสวิธมฺปิ กสิณชฺฌานํ กสิณปณฺณตฺติํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา, พฺรหฺมวิหารจตุตฺถํ สตฺตปณฺณตฺติํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา, อานาปานจตุตฺถํ นิมิตฺตํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา ปริตฺตาทิวเสน นวตฺตพฺพธมฺมารมฺมณโต นวตฺตพฺพารมฺมณํ นาม โหติฯ

    Tattha ‘sabbatthapādakacatutthaṃ’ nāma aṭṭhasu kasiṇesu catutthajjhānaṃ. Tañhi vipassanāyapi pādakaṃ hoti, abhiññānampi, nirodhassāpi, vaṭṭassāpi pādakaṃ hotiyevāti sabbatthapādakanti vuttaṃ. ‘Ākāsakasiṇaālokakasiṇacatutthāni’ pana vipassanāyapi abhiññānampi vaṭṭassāpi pādakāni honti, nirodhapādakāneva na honti. ‘Brahmavihāraānāpānacatutthāni’ vipassanāya ceva vaṭṭassa ca pādakāni honti, abhiññānaṃ pana nirodhassa ca pādakāni na honti. Tattha dasavidhampi kasiṇajjhānaṃ kasiṇapaṇṇattiṃ ārabbha pavattattā, brahmavihāracatutthaṃ sattapaṇṇattiṃ ārabbha pavattattā, ānāpānacatutthaṃ nimittaṃ ārabbha pavattattā parittādivasena navattabbadhammārammaṇato navattabbārammaṇaṃ nāma hoti.

    ‘อิทฺธิวิธจตุตฺถํ’ ปริตฺตมหคฺคตารมฺมณํ โหติฯ กถํ? ตญฺหิ ยทา กายํ จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา อทิสฺสมาเนน กาเยน คนฺตุกาโม จิตฺตวเสน กายํ ปริณาเมติ, มหคฺคตจิเตฺต สโมทหติ, สมาโรเปติ, ตทา อุปโยคลทฺธํ อารมฺมณํ โหตีติ กตฺวา รูปกายารมฺมณโต ปริตฺตารมฺมณํ โหติฯ ยทา จิตฺตํ กายสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ทิสฺสมาเนน กาเยน คนฺตุกาโม กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมติ, ปาทกชฺฌานจิตฺตํ รูปกาเย สโมทหติ, สมาโรเปติ, ตทา อุปโยคลทฺธํ อารมฺมณํ โหตีติ กตฺวา มหคฺคตจิตฺตารมฺมณโต มหคฺคตารมฺมณํ โหติฯ

    ‘Iddhividhacatutthaṃ’ parittamahaggatārammaṇaṃ hoti. Kathaṃ? Tañhi yadā kāyaṃ cittasannissitaṃ katvā adissamānena kāyena gantukāmo cittavasena kāyaṃ pariṇāmeti, mahaggatacitte samodahati, samāropeti, tadā upayogaladdhaṃ ārammaṇaṃ hotīti katvā rūpakāyārammaṇato parittārammaṇaṃ hoti. Yadā cittaṃ kāyasannissitaṃ katvā dissamānena kāyena gantukāmo kāyavasena cittaṃ pariṇāmeti, pādakajjhānacittaṃ rūpakāye samodahati, samāropeti, tadā upayogaladdhaṃ ārammaṇaṃ hotīti katvā mahaggatacittārammaṇato mahaggatārammaṇaṃ hoti.

    ‘ทิพฺพโสตจตุตฺถํ’ สทฺทํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา เอกนฺตปริตฺตารมฺมณเมวฯ ‘เจโตปริยญาณจตุตฺถํ’ ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณารมฺมณํ โหติฯ กถํ? ตญฺหิ ปเรสํ กามาวจรจิตฺตชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ โหติ, รูปาวจรารูปาวจรจิตฺตชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํ, มคฺคผลชานนกาเล อปฺปมาณารมฺมณํ โหติฯ เอตฺถ จ ปุถุชฺชโน โสตาปนฺนสฺส จิตฺตํ น ชานาติ, โสตาปโนฺน วา สกทาคามิสฺสาติ เอวํ ยาว อรหโต เนตพฺพํฯ อรหา ปน สเพฺพสํ จิตฺตํ ชานาติฯ อโญฺญปิ จ อุปริโม เหฎฺฐิมสฺสาติ อยํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ ‘ยถากมฺมุปคญาณจตุตฺถํ’ กามาวจรกมฺมชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ โหติ, รูปาวจรารูปาวจรกมฺมชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํฯ

    ‘Dibbasotacatutthaṃ’ saddaṃ ārabbha pavattattā ekantaparittārammaṇameva. ‘Cetopariyañāṇacatutthaṃ’ parittamahaggataappamāṇārammaṇaṃ hoti. Kathaṃ? Tañhi paresaṃ kāmāvacaracittajānanakāle parittārammaṇaṃ hoti, rūpāvacarārūpāvacaracittajānanakāle mahaggatārammaṇaṃ, maggaphalajānanakāle appamāṇārammaṇaṃ hoti. Ettha ca puthujjano sotāpannassa cittaṃ na jānāti, sotāpanno vā sakadāgāmissāti evaṃ yāva arahato netabbaṃ. Arahā pana sabbesaṃ cittaṃ jānāti. Aññopi ca uparimo heṭṭhimassāti ayaṃ viseso veditabbo. ‘Yathākammupagañāṇacatutthaṃ’ kāmāvacarakammajānanakāle parittārammaṇaṃ hoti, rūpāvacarārūpāvacarakammajānanakāle mahaggatārammaṇaṃ.

    ‘ทิพฺพจกฺขุญาณจตุตฺถํ’ รูปารมฺมณตฺตา เอกนฺตปริตฺตารมฺมณเมวฯ ‘ปุเพฺพนิวาสญาณจตุตฺถํ’ ปริตฺตมหคฺคตอปฺปมาณนวตฺตพฺพารมฺมณํ โหติฯ กถํ? ตญฺหิ กามาวจรกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล ปริตฺตารมฺมณํ โหติฯ รูปาวจรารูปาวจรกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล มหคฺคตารมฺมณํฯ อตีเต อตฺตนา วา ปเรหิ วา ภาวิตมคฺคํ สจฺฉิกตผลญฺจ อนุสฺสรณกาเล อปฺปมาณารมฺมณํฯ อตีเต พุทฺธา มคฺคํ ภาวยิํสุ, ผลํ สจฺฉากํสุ, นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิํสูติ ฉินฺนวฎุมกานุสฺสรณวเสน มคฺคผลนิพฺพานปจฺจเวกฺขณโตปิ อปฺปมาณารมฺมณํฯ อตีเต ‘วิปสฺสี นาม ภควา’ อโหสิ ฯ ตสฺส ‘พนฺธุมตี นาม นครํ อโหสิ, พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา, พนฺธุมตี นาม มาตา’ติอาทินา นเยน นามโคตฺตปถวีนิมิตฺตาทิอนุสฺสรณกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํ โหติฯ

    ‘Dibbacakkhuñāṇacatutthaṃ’ rūpārammaṇattā ekantaparittārammaṇameva. ‘Pubbenivāsañāṇacatutthaṃ’ parittamahaggataappamāṇanavattabbārammaṇaṃ hoti. Kathaṃ? Tañhi kāmāvacarakkhandhānussaraṇakāle parittārammaṇaṃ hoti. Rūpāvacarārūpāvacarakkhandhānussaraṇakāle mahaggatārammaṇaṃ. Atīte attanā vā parehi vā bhāvitamaggaṃ sacchikataphalañca anussaraṇakāle appamāṇārammaṇaṃ. Atīte buddhā maggaṃ bhāvayiṃsu, phalaṃ sacchākaṃsu, nibbānadhātuyā parinibbāyiṃsūti chinnavaṭumakānussaraṇavasena maggaphalanibbānapaccavekkhaṇatopi appamāṇārammaṇaṃ. Atīte ‘vipassī nāma bhagavā’ ahosi . Tassa ‘bandhumatī nāma nagaraṃ ahosi, bandhumā nāma rājā pitā, bandhumatī nāma mātā’tiādinā nayena nāmagottapathavīnimittādianussaraṇakāle navattabbārammaṇaṃ hoti.

    ‘อนาคตํสญาณจตุเตฺถ’ปิ เอเสว นโยฯ ตมฺปิ อยํ อนาคเต ‘กามาวจเร นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ ชานนกาเล ปริตฺตารมฺมณํ โหติฯ ‘รูปาวจเร วา อรูปาวจเร วา นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ ชานนกาเล มหคฺคตารมฺมณํฯ ‘มคฺคํ ภาเวสฺสติ ผลํ สจฺฉิกริสฺสติ’ ‘นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติ ชานนกาเล อปฺปมาณารมฺมณํฯ อนาคเต ‘‘เมเตฺตโยฺย นาม ภควา อุปฺปชฺชิสฺสติ, สุพฺรหฺมา นามสฺส พฺราหฺมโณ ปิตา ภวิสฺสติ, พฺรหฺมวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา ภวิสฺสตี’’ติอาทินา นเยน นามโคตฺตชานนกาเล นวตฺตพฺพารมฺมณํ โหติฯ

    ‘Anāgataṃsañāṇacatutthe’pi eseva nayo. Tampi ayaṃ anāgate ‘kāmāvacare nibbattissatī’ti jānanakāle parittārammaṇaṃ hoti. ‘Rūpāvacare vā arūpāvacare vā nibbattissatī’ti jānanakāle mahaggatārammaṇaṃ. ‘Maggaṃ bhāvessati phalaṃ sacchikarissati’ ‘nibbānadhātuyā parinibbāyissatī’ti jānanakāle appamāṇārammaṇaṃ. Anāgate ‘‘metteyyo nāma bhagavā uppajjissati, subrahmā nāmassa brāhmaṇo pitā bhavissati, brahmavatī nāma brāhmaṇī mātā bhavissatī’’tiādinā nayena nāmagottajānanakāle navattabbārammaṇaṃ hoti.

    อรูปาวจรจตุตฺถํ ปน อาสวานํ ขยจตุตฺถญฺจ ปาฬิยํ อาคตฎฺฐาเนเยว กเถสฺสามิฯ กิริยาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ อุเปกฺขาสหคตา สเพฺพสมฺปิ เอเตสํ กุสลากุสลกิริยจิตฺตานํ ปุเรจาริกาฯ ตสฺสา เตสุ วุตฺตนเยเนว อารมฺมณเภโท เวทิตโพฺพฯ ปญฺจทฺวาเร ปน โวฎฺฐพฺพนวเสน ปวตฺติยํ เอกนฺตปริตฺตารมฺมณาว โหติฯ รูปาวจรติกจตุกฺกชฺฌานาทีนิ ปริตฺตาทิภาเวน นวตฺตพฺพธมฺมํ อารพฺภ ปวตฺติโต นวตฺตพฺพารมฺมณานิฯ เอตฺถ หิ รูปาวจรานิ ปถวีกสิณาทีสุ ปวตฺตนฺติ, อากาสานญฺจายตนํ อุคฺฆาฎิมากาเส, อากิญฺจญฺญายตนํ วิญฺญาณาปคเมติฯ

    Arūpāvacaracatutthaṃ pana āsavānaṃ khayacatutthañca pāḷiyaṃ āgataṭṭhāneyeva kathessāmi. Kiriyāhetukamanoviññāṇadhātu upekkhāsahagatā sabbesampi etesaṃ kusalākusalakiriyacittānaṃ purecārikā. Tassā tesu vuttanayeneva ārammaṇabhedo veditabbo. Pañcadvāre pana voṭṭhabbanavasena pavattiyaṃ ekantaparittārammaṇāva hoti. Rūpāvacaratikacatukkajjhānādīni parittādibhāvena navattabbadhammaṃ ārabbha pavattito navattabbārammaṇāni. Ettha hi rūpāvacarāni pathavīkasiṇādīsu pavattanti, ākāsānañcāyatanaṃ ugghāṭimākāse, ākiñcaññāyatanaṃ viññāṇāpagameti.

    ๑๔๒๙. มคฺคารมฺมณตฺติเก อาทิมฺหิ วุตฺตา อฎฺฐ ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา เสกฺขาเสกฺขานํ อตฺตนา ปฎิวิทฺธมคฺคานํ ปจฺจเวกฺขณกาเล มคฺคารมฺมณา, มเคฺคน ปน อสหชาตตฺตา น มคฺคเหตุกา, อตฺตนา ปฎิวิทฺธมคฺคํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขณกาเล อารมฺมณาธิปติวเสน มคฺคาธิปติโน, อญฺญธมฺมารมฺมณกาเล น วตฺตพฺพา มคฺคารมฺมณาติปิ มคฺคาธิปติโนติปิฯ จตฺตาโร อริยมคฺคา มคฺคสงฺขาตสฺส มคฺคสมฺปยุตฺตสฺส วา เหตุโน อตฺถิตาย เอกนฺตโต มคฺคเหตุกาวฯ วีริยํ ปน วีมํสํ วา เชฎฺฐกํ กตฺวา มคฺคภาวนากาเล สหชาตาธิปตินา สิยา มคฺคาธิปติโน, ฉนฺทจิตฺตานํ อญฺญตรเชฎฺฐกกาเล สิยา น วตฺตพฺพา มคฺคาธิปติโนติฯ

    1429. Maggārammaṇattike ādimhi vuttā aṭṭha ñāṇasampayuttacittuppādā sekkhāsekkhānaṃ attanā paṭividdhamaggānaṃ paccavekkhaṇakāle maggārammaṇā, maggena pana asahajātattā na maggahetukā, attanā paṭividdhamaggaṃ garuṃ katvā paccavekkhaṇakāle ārammaṇādhipativasena maggādhipatino, aññadhammārammaṇakāle na vattabbā maggārammaṇātipi maggādhipatinotipi. Cattāro ariyamaggā maggasaṅkhātassa maggasampayuttassa vā hetuno atthitāya ekantato maggahetukāva. Vīriyaṃ pana vīmaṃsaṃ vā jeṭṭhakaṃ katvā maggabhāvanākāle sahajātādhipatinā siyā maggādhipatino, chandacittānaṃ aññatarajeṭṭhakakāle siyā na vattabbā maggādhipatinoti.

    ทฺวาทสวิเธ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเน สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถาทีนิ นว ฌานานิ เนว มคฺคารมฺมณานิ น มคฺคเหตุกานิ น มคฺคาธิปตีนิฯ เจโตปริยญาณปุเพฺพนิวาสญาณอนาคตํสญาณจตุตฺถานิ ปน อริยานํ มคฺคจิตฺตชานนกาเล มคฺคารมฺมณานิ โหนฺติ, มเคฺคน ปน อสหชาตตฺตา น มคฺคเหตุกานิ, มคฺคํ ครุํ กตฺวา อปฺปวตฺติโต น มคฺคาธิปตีนิฯ กสฺมา ปเนตานิ น มคฺคํ ครุํ กโรนฺตีติ? อตฺตโน มหคฺคตตายฯ ยถา หิ ราชานํ สโพฺพ โลโก ครุํ กโรติ, มาตาปิตโร ปน น กโรนฺติฯ น หิ เต ราชานํ ทิสฺวา อาสนา วุฎฺฐหนฺติ, น อญฺชลิกมฺมาทีนิ กโรนฺติ, ทหรกาเล โวหริตนเยเนว โวหรนฺติฯ เอวเมตานิปิ อตฺตโน มหคฺคตตาย น มคฺคํ ครุํ กโรนฺติฯ

    Dvādasavidhe rūpāvacaracatutthajjhāne sabbatthapādakacatutthādīni nava jhānāni neva maggārammaṇāni na maggahetukāni na maggādhipatīni. Cetopariyañāṇapubbenivāsañāṇaanāgataṃsañāṇacatutthāni pana ariyānaṃ maggacittajānanakāle maggārammaṇāni honti, maggena pana asahajātattā na maggahetukāni, maggaṃ garuṃ katvā appavattito na maggādhipatīni. Kasmā panetāni na maggaṃ garuṃ karontīti? Attano mahaggatatāya. Yathā hi rājānaṃ sabbo loko garuṃ karoti, mātāpitaro pana na karonti. Na hi te rājānaṃ disvā āsanā vuṭṭhahanti, na añjalikammādīni karonti, daharakāle voharitanayeneva voharanti. Evametānipi attano mahaggatatāya na maggaṃ garuṃ karonti.

    กิริยาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุปิ อริยานํ มคฺคปจฺจเวกฺขณกาเล ปจฺจเวกฺขณปุเรจาริกตฺตา มคฺคารมฺมณา โหติ, มเคฺคน อสหชาตตฺตา ปน น มคฺคเหตุกา, มคฺคํ ครุํ กตฺวา อปฺปวตฺติโต น มคฺคาธิปติฯ กสฺมา ครุํ น กโรตีติ? อตฺตโน อเหตุกตาย หีนตาย ชฬตายฯ ยถา หิ ราชานํ สโพฺพ โลโก ครุํ กโรติ, อตฺตโน ปริชนา ปน ขุชฺชวามนกเจฎกาทโย อตฺตโน อญฺญาณตาย ปณฺฑิตมนุสฺสา วิย นาติครุํ กโรนฺติ, เอวเมว อิทมฺปิ จิตฺตํ อตฺตโน อเหตุกตาย หีนตาย ชฬตาย มคฺคํ ครุํ น กโรติฯ

    Kiriyāhetukamanoviññāṇadhātupi ariyānaṃ maggapaccavekkhaṇakāle paccavekkhaṇapurecārikattā maggārammaṇā hoti, maggena asahajātattā pana na maggahetukā, maggaṃ garuṃ katvā appavattito na maggādhipati. Kasmā garuṃ na karotīti? Attano ahetukatāya hīnatāya jaḷatāya. Yathā hi rājānaṃ sabbo loko garuṃ karoti, attano parijanā pana khujjavāmanakaceṭakādayo attano aññāṇatāya paṇḍitamanussā viya nātigaruṃ karonti, evameva idampi cittaṃ attano ahetukatāya hīnatāya jaḷatāya maggaṃ garuṃ na karoti.

    ญาณวิปฺปยุตฺตกุสลาทีนิ ญาณาภาเวน เจว โลกิยธมฺมารมฺมณตาย จ มคฺคารมฺมณาทิภาวํ น ลภนฺติ, นวตฺตพฺพารมฺมณาเนว โหนฺตีติ เวทิตพฺพานีติฯ

    Ñāṇavippayuttakusalādīni ñāṇābhāvena ceva lokiyadhammārammaṇatāya ca maggārammaṇādibhāvaṃ na labhanti, navattabbārammaṇāneva hontīti veditabbānīti.

    ๑๔๓๒. อตีตารมฺมณตฺติเก วิญฺญาณญฺจายตนเนวสญฺญานาสญฺญายตนธมฺมา เหฎฺฐา อตีตสมาปตฺติํ อารพฺภ ปวตฺติตา เอกเนฺตน อตีตารมฺมณาวฯ

    1432. Atītārammaṇattike viññāṇañcāyatananevasaññānāsaññāyatanadhammā heṭṭhā atītasamāpattiṃ ārabbha pavattitā ekantena atītārammaṇāva.

    ๑๔๓๓. นิโยคา อนาคตารมฺมณา นตฺถีติ นิยเมน ปาฎิเยกฺกํ จิตฺตํ อนาคตารมฺมณํ นาม นตฺถิฯ นนุ จ อนาคตํสญาณํ เอกเนฺตน อนาคตารมฺมณํ, เจโตปริยญาณมฺปิ อนาคตํ อารพฺภ ปวตฺตตีติ? โน น ปวตฺตติฯ ปาฎิเยกฺกํ ปน เอตํ เอกํ จิตฺตํ นาม นตฺถิฯ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเนน สงฺคหิตตฺตา อเญฺญหิ มหคฺคตจิเตฺตหิ มิสฺสกํ โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘นิโยคา อนาคตารมฺมณา นตฺถี’ติฯ

    1433. Niyogā anāgatārammaṇā natthīti niyamena pāṭiyekkaṃ cittaṃ anāgatārammaṇaṃ nāma natthi. Nanu ca anāgataṃsañāṇaṃ ekantena anāgatārammaṇaṃ, cetopariyañāṇampi anāgataṃ ārabbha pavattatīti? No na pavattati. Pāṭiyekkaṃ pana etaṃ ekaṃ cittaṃ nāma natthi. Rūpāvacaracatutthajjhānena saṅgahitattā aññehi mahaggatacittehi missakaṃ hoti. Tena vuttaṃ ‘niyogā anāgatārammaṇā natthī’ti.

    ๑๔๓๔. ทฺวิปญฺจวิญฺญาณานิ , ติโสฺส มโนธาตุโย จ ปจฺจุปฺปเนฺนสุ รูปาทีสุ ปวตฺติโต ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา นามฯ ทส จิตฺตุปฺปาทาติ เอตฺถ อฎฺฐ ตาว สเหตุกา เทวมนุสฺสานํ ปฎิสนฺธิคฺคหณกาเล กมฺมํ วา กมฺมนิมิตฺตํ วา อารพฺภ ปวตฺติยํ อตีตารมฺมณาฯ ภวงฺคจุติกาเลสุปิ เอเสว นโยฯ คตินิมิตฺตํ ปน อารพฺภ ปฎิสนฺธิคฺคหณกาเล ตโต ปรํ ภวงฺคกาเล จ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาฯ ตถา ปญฺจทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน ปวตฺติยํฯ มโนทฺวาเร ปน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณานํ ชวนานํ อารมฺมณํ คเหตฺวา ปวตฺติโต อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาฯ ‘กุสลวิปากาเหตุกอุเปกฺขาสหคตมโนวิญฺญาณธาตุย’มฺปิ เอเสว นโยฯ เกวลญฺหิ สา มนุเสฺสสุ ชจฺจนฺธาทีนํ ปฎิสนฺธิ โหติฯ ปญฺจทฺวาเร จ สนฺตีรณวเสนาปิ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา โหตีติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ ‘โสมนสฺสสหคตา’ ปน ปญฺจทฺวาเร สนฺตีรณวเสน ตทารมฺมณวเสน จ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา โหติฯ มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสน สเหตุกวิปากา วิย อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาติ เวทิตพฺพาฯ

    1434. Dvipañcaviññāṇāni , tisso manodhātuyo ca paccuppannesu rūpādīsu pavattito paccuppannārammaṇā nāma. Dasa cittuppādāti ettha aṭṭha tāva sahetukā devamanussānaṃ paṭisandhiggahaṇakāle kammaṃ vā kammanimittaṃ vā ārabbha pavattiyaṃ atītārammaṇā. Bhavaṅgacutikālesupi eseva nayo. Gatinimittaṃ pana ārabbha paṭisandhiggahaṇakāle tato paraṃ bhavaṅgakāle ca paccuppannārammaṇā. Tathā pañcadvāre tadārammaṇavasena pavattiyaṃ. Manodvāre pana atītānāgatapaccuppannārammaṇānaṃ javanānaṃ ārammaṇaṃ gahetvā pavattito atītānāgatapaccuppannārammaṇā. ‘Kusalavipākāhetukaupekkhāsahagatamanoviññāṇadhātuya’mpi eseva nayo. Kevalañhi sā manussesu jaccandhādīnaṃ paṭisandhi hoti. Pañcadvāre ca santīraṇavasenāpi paccuppannārammaṇā hotīti ayamettha viseso. ‘Somanassasahagatā’ pana pañcadvāre santīraṇavasena tadārammaṇavasena ca paccuppannārammaṇā hoti. Manodvāre tadārammaṇavasena sahetukavipākā viya atītānāgatapaccuppannārammaṇāti veditabbā.

    ‘อกุสลวิปากาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ’ ปน กุสลวิปากาย อุเปกฺขาสหคตาเหตุกาย สมานคติกา เอวฯ เกวลญฺหิ สา อาปายิกานํ ปฎิสนฺธิภวงฺคจุติวเสน ปวตฺตตีติ อยเมตฺถ วิเสโสฯ ‘กิริยาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ’ โสมนสฺสสหคตา ขีณาสวานํ ปญฺจทฺวาเร ปหฎฺฐาการํ กุรุมานา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา โหติฯ มโนทฺวาเร อตีตาทิเภเท ธเมฺม อารพฺภ หสิตุปฺปาทวเสน ปวตฺติยํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา โหติฯ

    ‘Akusalavipākāhetukamanoviññāṇadhātu’ pana kusalavipākāya upekkhāsahagatāhetukāya samānagatikā eva. Kevalañhi sā āpāyikānaṃ paṭisandhibhavaṅgacutivasena pavattatīti ayamettha viseso. ‘Kiriyāhetukamanoviññāṇadhātu’ somanassasahagatā khīṇāsavānaṃ pañcadvāre pahaṭṭhākāraṃ kurumānā paccuppannārammaṇā hoti. Manodvāre atītādibhede dhamme ārabbha hasituppādavasena pavattiyaṃ atītānāgatapaccuppannārammaṇā hoti.

    กามาวจรกุสลนฺติอาทีสุ กุสลโต ตาว จตฺตาโร ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทาฯ เสกฺขปุถุชฺชนานํ อตีตาทิเภทานิ ขนฺธธาตุอายตนานิ สมฺมสนฺตานํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณา โหนฺติฯ ปณฺณตฺตินิพฺพานปจฺจเวกฺขเณ นวตฺตพฺพารมฺมณาฯ ญาณวิปฺปยุเตฺตสุปิ เอเสว นโย ฯ เกวลญฺหิ เตหิ มคฺคผลนิพฺพานปจฺจเวกฺขณา นตฺถิฯ อยเมเวตฺถ วิเสโสฯ

    Kāmāvacarakusalantiādīsu kusalato tāva cattāro ñāṇasampayuttacittuppādā. Sekkhaputhujjanānaṃ atītādibhedāni khandhadhātuāyatanāni sammasantānaṃ paccavekkhantānaṃ atītānāgatapaccuppannārammaṇā honti. Paṇṇattinibbānapaccavekkhaṇe navattabbārammaṇā. Ñāṇavippayuttesupi eseva nayo . Kevalañhi tehi maggaphalanibbānapaccavekkhaṇā natthi. Ayamevettha viseso.

    อกุสลโต จตฺตาโร ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา อตีตาทิเภทานํ ขนฺธธาตุอายตนานํ อสฺสาทนาภินนฺทนปรามาสกาเล อตีตาทิอารมฺมณา โหนฺติฯ ปณฺณตฺติํ อารพฺภ อสฺสาเทนฺตสฺส อภินนฺทนฺตสฺส ‘สโตฺต สโตฺต’ติ ปรามสิตฺวา คณฺหนฺตสฺส นวตฺตพฺพารมฺมณา โหนฺติฯ ทิฎฺฐิวิปฺปยุเตฺตสุปิ เอเสว นโยฯ เกวลญฺหิ เตหิ ปรามาสคฺคหณํ นตฺถิฯ เทฺว ปฎิฆสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา อตีตาทิเภเท ธเมฺม อารพฺภ โทมนสฺสิตานํ อตีตาทิอารมฺมณา, ปณฺณตฺติํ อารพฺภ โทมนสฺสิตานํ นวตฺตพฺพารมฺมณาฯ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตา เตสุ เอว ธเมฺมสุ อนิฎฺฐงฺคตภาเวน เจว อุทฺธตภาเวน จ ปวตฺติยํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนวตฺตพฺพารมฺมณาฯ กิริยโต อฎฺฐ สเหตุกจิตฺตุปฺปาทา กุสลจิตฺตุปฺปาทคติกา เอวฯ กิริยาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ อุเปกฺขาสหคตา ปญฺจทฺวาเร โวฎฺฐพฺพนวเสน ปวตฺติยํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณาว ฯ มโนทฺวาเร อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณานเญฺจว ปณฺณตฺตินิพฺพานารมฺมณานญฺจ ชวนานํ ปุเรจาริกกาเล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนนวตฺตพฺพารมฺมณาฯ

    Akusalato cattāro diṭṭhisampayuttacittuppādā atītādibhedānaṃ khandhadhātuāyatanānaṃ assādanābhinandanaparāmāsakāle atītādiārammaṇā honti. Paṇṇattiṃ ārabbha assādentassa abhinandantassa ‘satto satto’ti parāmasitvā gaṇhantassa navattabbārammaṇā honti. Diṭṭhivippayuttesupi eseva nayo. Kevalañhi tehi parāmāsaggahaṇaṃ natthi. Dve paṭighasampayuttacittuppādā atītādibhede dhamme ārabbha domanassitānaṃ atītādiārammaṇā, paṇṇattiṃ ārabbha domanassitānaṃ navattabbārammaṇā. Vicikicchuddhaccasampayuttā tesu eva dhammesu aniṭṭhaṅgatabhāvena ceva uddhatabhāvena ca pavattiyaṃ atītānāgatapaccuppannanavattabbārammaṇā. Kiriyato aṭṭha sahetukacittuppādā kusalacittuppādagatikā eva. Kiriyāhetukamanoviññāṇadhātu upekkhāsahagatā pañcadvāre voṭṭhabbanavasena pavattiyaṃ paccuppannārammaṇāva . Manodvāre atītānāgatapaccuppannārammaṇānañceva paṇṇattinibbānārammaṇānañca javanānaṃ purecārikakāle atītānāgatapaccuppannanavattabbārammaṇā.

    ยถาวุตฺตปฺปเภเท รูปาวจรชฺฌาเน สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถํ อากาสกสิณจตุตฺถํ อาโลกกสิณจตุตฺถํ พฺรหฺมวิหารจตุตฺถํ อานาปานจตุตฺถนฺติ อิมานิ ปญฺจ นวตฺตพฺพารมฺมณาเนวฯ ‘อิทฺธิวิธจตุตฺถํ’ กายวเสน จิตฺตํ ปริณาเมนฺตสฺส อตีตปาทกชฺฌานจิตฺตํ อารพฺภ ปวตฺตนโต อตีตารมฺมณํฯ มหาธาตุนิธาเน มหากสฺสปเตฺถราทีนํ วิย อนาคตํ อธิฎฺฐหนฺตานํ อนาคตารมฺมณํ โหติฯ มหากสฺสปเตฺถโร กิร มหาธาตุนิธานํ กโรโนฺต อนาคเต อฎฺฐารสวสฺสาธิกานิ เทฺว วสฺสสตานิ อิเม คนฺธา มา สุสฺสิํสุ, ปุปฺผานิ มา มิลายิํสุ, ทีปา มา นิพฺพายิํสูติ อธิฎฺฐหิฯ สพฺพํ ตเถว อโหสิฯ อสฺสคุตฺตเตฺถโร วตฺตนิยเสนาสเน ภิกฺขุสงฺฆํ สุกฺขภตฺตํ ภุญฺชมานํ ทิสฺวา ‘อุทกโสณฺฑิ ทิวเส ทิวเส, ปุเรภตฺตํ ทธิรสา โหตู’ติ อธิฎฺฐหิฯ ปุเรภตฺตํ คหิตํ ทธิรสํ โหติ ปจฺฉาภเตฺต ปากติกเมวฯ กายํ ปน จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา อทิสฺสมาเนน กาเยน คมนกาเล, อญฺญสฺส วา ปาฎิหาริยสฺส กรณกาเล, กายํ อารพฺภ ปวตฺตตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติฯ

    Yathāvuttappabhede rūpāvacarajjhāne sabbatthapādakacatutthaṃ ākāsakasiṇacatutthaṃ ālokakasiṇacatutthaṃ brahmavihāracatutthaṃ ānāpānacatutthanti imāni pañca navattabbārammaṇāneva. ‘Iddhividhacatutthaṃ’ kāyavasena cittaṃ pariṇāmentassa atītapādakajjhānacittaṃ ārabbha pavattanato atītārammaṇaṃ. Mahādhātunidhāne mahākassapattherādīnaṃ viya anāgataṃ adhiṭṭhahantānaṃ anāgatārammaṇaṃ hoti. Mahākassapatthero kira mahādhātunidhānaṃ karonto anāgate aṭṭhārasavassādhikāni dve vassasatāni ime gandhā mā sussiṃsu, pupphāni mā milāyiṃsu, dīpā mā nibbāyiṃsūti adhiṭṭhahi. Sabbaṃ tatheva ahosi. Assaguttatthero vattaniyasenāsane bhikkhusaṅghaṃ sukkhabhattaṃ bhuñjamānaṃ disvā ‘udakasoṇḍi divase divase, purebhattaṃ dadhirasā hotū’ti adhiṭṭhahi. Purebhattaṃ gahitaṃ dadhirasaṃ hoti pacchābhatte pākatikameva. Kāyaṃ pana cittasannissitaṃ katvā adissamānena kāyena gamanakāle, aññassa vā pāṭihāriyassa karaṇakāle, kāyaṃ ārabbha pavattattā paccuppannārammaṇaṃ hoti.

    ‘ทิพฺพโสตจตุตฺถํ’ วิชฺชมานสทฺทเมว อารพฺภ ปวตฺติโต ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติฯ เจโตปริยญาณจตุตฺถํ อตีเต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร อนาคเต สตฺตทิวสพฺภนฺตเร ปเรสํ จิตฺตํ ชานนฺตสฺส อตีตารมฺมณํ อนาคตารมฺมณญฺจ โหติฯ สตฺตทิวสาติกฺกเม ปน ตํ ชานิตุํ น สโกฺกติฯ อตีตานาคตํสญาณานญฺหิ เอส วิสโยฯ น เอตสฺส ปจฺจุปฺปนฺนชานนกาเล ปน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติฯ

    ‘Dibbasotacatutthaṃ’ vijjamānasaddameva ārabbha pavattito paccuppannārammaṇaṃ hoti. Cetopariyañāṇacatutthaṃ atīte sattadivasabbhantare anāgate sattadivasabbhantare paresaṃ cittaṃ jānantassa atītārammaṇaṃ anāgatārammaṇañca hoti. Sattadivasātikkame pana taṃ jānituṃ na sakkoti. Atītānāgataṃsañāṇānañhi esa visayo. Na etassa paccuppannajānanakāle pana paccuppannārammaṇaṃ hoti.

    ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ นาเมตํ ติวิธํ – ขณปจฺจุปฺปนฺนํ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนญฺจฯ ตตฺถ อุปฺปาทฎฺฐิติภงฺคปฺปตฺตํ ‘ขณปจฺจุปฺปนฺนํ’ฯ เอกทฺวิสนฺตติวารปริยาปนฺนํ ‘สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ’ฯ ตตฺถ อนฺธกาเร นิสีทิตฺวา อาโลกฎฺฐานํ คตสฺส น ตาว อารมฺมณํ ปากฎํ โหติ; ยาว ปน ตํ ปากฎํ โหติ, เอตฺถนฺตเร เอกทฺวิสนฺตติวารา เวทิตพฺพาฯ อาโลกฎฺฐาเน วิจริตฺวา โอวรกํ ปวิฎฺฐสฺสาปิ น ตาว สหสา รูปํ ปากฎํ โหติ; ยาว ตํ ปากฎํ โหติ, เอตฺถนฺตเร เอกทฺวิสนฺตติวารา เวทิตพฺพาฯ ทูเร ฐตฺวา ปน รชกานํ หตฺถวิการํ ฆณฺฑิเภรีอาทิอาโกฎนวิการญฺจ ทิสฺวาปิ น ตาว สทฺทํ สุณาติ; ยาว ปน ตํ สุณาติ, เอตสฺมิมฺปิ อนฺตเร เอกทฺวิสนฺตติวารา เวทิตพฺพาฯ เอวํ ตาว มชฺฌิมภาณกาฯ สํยุตฺตภาณกา ปน ‘รูปสนฺตติ อรูปสนฺตตี’ติ เทฺว สนฺตติโย วตฺวา, ‘อุทกํ อกฺกมิตฺวา คตสฺส ยาว ตีเร อกฺกนฺตอุทกเลขา น วิปฺปสีทติ, อทฺธานโต อาคตสฺส ยาว กาเย อุสุมภาโว น วูปสมฺมติ, อาตปา อาคนฺตฺวา คพฺภํ ปวิฎฺฐสฺส ยาว อนฺธการภาโว น วิคจฺฉติ, อโนฺตคเพฺภ กมฺมฎฺฐานํ มนสิกริตฺวา ทิวา วาตปานํ วิวริตฺวา โอโลเกนฺตสฺส ยาว อกฺขีนํ ผนฺทนภาโว น วูปสมฺมติ, อยํ รูปสนฺตติ นาม; เทฺว ตโย ชวนวารา อรูปสนฺตติ นามา’ติ วตฺวา ‘ตทุภยมฺปิ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ นามา’ติ วทนฺติฯ

    Paccuppannañca nāmetaṃ tividhaṃ – khaṇapaccuppannaṃ santatipaccuppannaṃ addhāpaccuppannañca. Tattha uppādaṭṭhitibhaṅgappattaṃ ‘khaṇapaccuppannaṃ’. Ekadvisantativārapariyāpannaṃ ‘santatipaccuppannaṃ’. Tattha andhakāre nisīditvā ālokaṭṭhānaṃ gatassa na tāva ārammaṇaṃ pākaṭaṃ hoti; yāva pana taṃ pākaṭaṃ hoti, etthantare ekadvisantativārā veditabbā. Ālokaṭṭhāne vicaritvā ovarakaṃ paviṭṭhassāpi na tāva sahasā rūpaṃ pākaṭaṃ hoti; yāva taṃ pākaṭaṃ hoti, etthantare ekadvisantativārā veditabbā. Dūre ṭhatvā pana rajakānaṃ hatthavikāraṃ ghaṇḍibherīādiākoṭanavikārañca disvāpi na tāva saddaṃ suṇāti; yāva pana taṃ suṇāti, etasmimpi antare ekadvisantativārā veditabbā. Evaṃ tāva majjhimabhāṇakā. Saṃyuttabhāṇakā pana ‘rūpasantati arūpasantatī’ti dve santatiyo vatvā, ‘udakaṃ akkamitvā gatassa yāva tīre akkantaudakalekhā na vippasīdati, addhānato āgatassa yāva kāye usumabhāvo na vūpasammati, ātapā āgantvā gabbhaṃ paviṭṭhassa yāva andhakārabhāvo na vigacchati, antogabbhe kammaṭṭhānaṃ manasikaritvā divā vātapānaṃ vivaritvā olokentassa yāva akkhīnaṃ phandanabhāvo na vūpasammati, ayaṃ rūpasantati nāma; dve tayo javanavārā arūpasantati nāmā’ti vatvā ‘tadubhayampi santatipaccuppannaṃ nāmā’ti vadanti.

    เอกภวปริจฺฉินฺนํ ปน อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ นามฯ ยํ สนฺธาย ภเทฺทกรตฺตสุเตฺต ‘‘โย จาวุโส, มโน เย จ ธมฺมา อุภยเมตํ ปจฺจุปฺปนฺนํฯ ตสฺมิํ เจ ปจฺจุปฺปเนฺน ฉนฺทราคปฎิพทฺธํ โหติ วิญฺญาณํ, ฉนฺทราคปฎิพทฺธตฺตา วิญฺญาณสฺส ตทภินนฺทติ, ตทภินนฺทโนฺต ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๘๔) วุตฺตํฯ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนเญฺจตฺถ อฎฺฐกถาสุ อาคตํฯ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ สุเตฺตฯ

    Ekabhavaparicchinnaṃ pana addhāpaccuppannaṃ nāma. Yaṃ sandhāya bhaddekarattasutte ‘‘yo cāvuso, mano ye ca dhammā ubhayametaṃ paccuppannaṃ. Tasmiṃ ce paccuppanne chandarāgapaṭibaddhaṃ hoti viññāṇaṃ, chandarāgapaṭibaddhattā viññāṇassa tadabhinandati, tadabhinandanto paccuppannesu dhammesu saṃhīratī’’ti (ma. ni. 3.284) vuttaṃ. Santatipaccuppannañcettha aṭṭhakathāsu āgataṃ. Addhāpaccuppannaṃ sutte.

    ตตฺถ เกจิ ‘ขณปจฺจุปฺปนฺนํ จิตฺตํ เจโตปริยญาณสฺส อารมฺมณํ โหตี’ติ วทนฺติฯ กิํการณา? ยสฺมา อิทฺธิมสฺส จ ปรสฺส จ เอกกฺขเณ จิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติฯ อิทญฺจ เนสํ โอปมฺมํ – ยถา อากาเส ขิเตฺต ปุปฺผมุฎฺฐิมฺหิ อวสฺสํ เอกํ ปุปฺผํ เอกสฺส วณฺฎํ ปฎิวิชฺฌติ วเณฺฎน วณฺฎํ ปฎิวิชฺฌติ, เอวํ ปรสฺส จิตฺตํ ชานิสฺสามีติ ราสิวเสน มหาชนสฺส จิเตฺต อาวชฺชิเต อวสฺสํ เอกสฺส จิตฺตํ เอเกน จิเตฺตน อุปฺปาทกฺขเณ วา ฐิติกฺขเณ วา ภงฺคกฺขเณ วา ปฎิวิชฺฌตีติฯ ตํ ปน วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ อาวชฺชโนฺต เยน จิเตฺตน อาวเชฺชติ, เยน จ ชานาติ เตสํ ทฺวินฺนํ สหฎฺฐานาภาวโต อาวชฺชนชวนานญฺจ อนิเฎฺฐ ฐาเน นานารมฺมณภาวปฺปตฺติโทสโต อยุตฺตนฺติ อฎฺฐกถาสุ ปฎิกฺขิตฺตํฯ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ ปน อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนญฺจ อารมฺมณํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha keci ‘khaṇapaccuppannaṃ cittaṃ cetopariyañāṇassa ārammaṇaṃ hotī’ti vadanti. Kiṃkāraṇā? Yasmā iddhimassa ca parassa ca ekakkhaṇe cittaṃ uppajjatīti. Idañca nesaṃ opammaṃ – yathā ākāse khitte pupphamuṭṭhimhi avassaṃ ekaṃ pupphaṃ ekassa vaṇṭaṃ paṭivijjhati vaṇṭena vaṇṭaṃ paṭivijjhati, evaṃ parassa cittaṃ jānissāmīti rāsivasena mahājanassa citte āvajjite avassaṃ ekassa cittaṃ ekena cittena uppādakkhaṇe vā ṭhitikkhaṇe vā bhaṅgakkhaṇe vā paṭivijjhatīti. Taṃ pana vassasatampi vassasahassampi āvajjanto yena cittena āvajjeti, yena ca jānāti tesaṃ dvinnaṃ sahaṭṭhānābhāvato āvajjanajavanānañca aniṭṭhe ṭhāne nānārammaṇabhāvappattidosato ayuttanti aṭṭhakathāsu paṭikkhittaṃ. Santatipaccuppannaṃ pana addhāpaccuppannañca ārammaṇaṃ hotīti veditabbaṃ.

    ตตฺถ ยํ วตฺตมานชวนวีถิโต อตีตานาคตวเสน ทฺวิติชวนวีถิปริมาณกาเล ปรสฺส จิตฺตํ, ตํ สพฺพมฺปิ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนํ นามฯ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ ปน ชวนวาเรน ทีเปตพฺพนฺติ ยํ อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ ตํ สุวุตฺตํฯ ตตฺรายํ ทีปนา – อิทฺธิมา ปรสฺส จิตฺตํ ชานิตุกาโม อาวเชฺชติฯ อาวชฺชนํ ขณปจฺจุปฺปนฺนํ อารมฺมณํ กตฺวา เตเนว สห นิรุชฺฌติฯ ตโต จตฺตาริ ปญฺจ ชวนานิ เยสํ ปจฺฉิมํ อิทฺธิจิตฺตํ, เสสานิ กามาวจรานิฯ เตสํ สเพฺพสมฺปิ ตเทว นิรุทฺธํ จิตฺตมารมฺมณํ โหติฯ น จ ตานิ นานารมฺมณานิ โหนฺติฯ อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา เอการมฺมณานิฯ เอการมฺมณเตฺตปิ จ อิทฺธิจิตฺตเมว ปรสฺส จิตฺตํ ปชานาติ, น อิตรานิ; ยถา จกฺขุทฺวาเร จกฺขุวิญฺญาณเมว รูปํ ปสฺสติ, น อิตรานีติฯ อิติ อิทํ สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนสฺส เจว อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนสฺส จ วเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณํ โหติฯ ยสฺมา วา สนฺตติปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ อทฺธาปจฺจุปฺปเนฺนเยว ปตติ, ตสฺมา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนวเสเนตํ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณนฺติ เวทิตพฺพํฯ

    Tattha yaṃ vattamānajavanavīthito atītānāgatavasena dvitijavanavīthiparimāṇakāle parassa cittaṃ, taṃ sabbampi santatipaccuppannaṃ nāma. Addhāpaccuppannaṃ pana javanavārena dīpetabbanti yaṃ aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ taṃ suvuttaṃ. Tatrāyaṃ dīpanā – iddhimā parassa cittaṃ jānitukāmo āvajjeti. Āvajjanaṃ khaṇapaccuppannaṃ ārammaṇaṃ katvā teneva saha nirujjhati. Tato cattāri pañca javanāni yesaṃ pacchimaṃ iddhicittaṃ, sesāni kāmāvacarāni. Tesaṃ sabbesampi tadeva niruddhaṃ cittamārammaṇaṃ hoti. Na ca tāni nānārammaṇāni honti. Addhāpaccuppannavasena paccuppannārammaṇattā ekārammaṇāni. Ekārammaṇattepi ca iddhicittameva parassa cittaṃ pajānāti, na itarāni; yathā cakkhudvāre cakkhuviññāṇameva rūpaṃ passati, na itarānīti. Iti idaṃ santatipaccuppannassa ceva addhāpaccuppannassa ca vasena paccuppannārammaṇaṃ hoti. Yasmā vā santatipaccuppannampi addhāpaccuppanneyeva patati, tasmā addhāpaccuppannavasenetaṃ paccuppannārammaṇanti veditabbaṃ.

    ‘ปุเพฺพนิวาสญาณจตุตฺถํ’ นามโคตฺตานุสฺสรเณ นิพฺพานนิมิตฺตปจฺจเวกฺขเณ จ นวตฺตพฺพารมฺมณํ, เสสกาเล อตีตารมฺมณเมวฯ ยถากมฺมุปคญาณจตุตฺถมฺปิ อตีตารมฺมณเมวฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ ปุเพฺพนิวาสเจโตปริยญาณานิปิ อตีตารมฺมณานิ โหนฺติ, อถ โข เตสํ ปุเพฺพนิวาสญาณสฺส อตีตกฺขนฺธา ขนฺธปฎิพทฺธญฺจ กิญฺจิ อนารมฺมณํ นาม นตฺถิฯ ตญฺหิ อตีตกฺขนฺธขนฺธปฎิพเทฺธสุ ธเมฺมสุ สพฺพญฺญุตญฺญาณสมคติกํ โหติฯ เจโตปริยญาณสฺส จ สตฺตทิวสพฺภนฺตราตีตํ จิตฺตเมว อารมฺมณํฯ ตญฺหิ อญฺญํ ขนฺธํ วา ขนฺธปฎิพทฺธํ วา น ชานาติ, มคฺคสมฺปยุตฺตจิตฺตารมฺมณตฺตา ปน ปริยายโต มคฺคารมฺมณนฺติ วุตฺตํฯ ยถากมฺมุปคญาณสฺส จ อตีตเจตนามตฺตเมวารมฺมณนฺติฯ อยํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ อยเมตฺถ อฎฺฐกถานโยฯ ยสฺมา ปน ‘‘กุสลา ขนฺธา อิทฺธิวิธญาณสฺส เจโตปริยญาณสฺส ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส ยถากมฺมุปคญาณสฺส อนาคตํสญาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๔๐๔) ปฎฺฐาเน วุตฺตํ, ตสฺมา จตฺตาโรปิ ขนฺธา เจโตปริยญาณยถากมฺมุปคญาณานํ อารมฺมณํ โหนฺติฯ ตตฺราปิ ยถากมฺมุปคญาณสฺส กุสลากุสลา เอวาติฯ

    ‘Pubbenivāsañāṇacatutthaṃ’ nāmagottānussaraṇe nibbānanimittapaccavekkhaṇe ca navattabbārammaṇaṃ, sesakāle atītārammaṇameva. Yathākammupagañāṇacatutthampi atītārammaṇameva. Tattha kiñcāpi pubbenivāsacetopariyañāṇānipi atītārammaṇāni honti, atha kho tesaṃ pubbenivāsañāṇassa atītakkhandhā khandhapaṭibaddhañca kiñci anārammaṇaṃ nāma natthi. Tañhi atītakkhandhakhandhapaṭibaddhesu dhammesu sabbaññutaññāṇasamagatikaṃ hoti. Cetopariyañāṇassa ca sattadivasabbhantarātītaṃ cittameva ārammaṇaṃ. Tañhi aññaṃ khandhaṃ vā khandhapaṭibaddhaṃ vā na jānāti, maggasampayuttacittārammaṇattā pana pariyāyato maggārammaṇanti vuttaṃ. Yathākammupagañāṇassa ca atītacetanāmattamevārammaṇanti. Ayaṃ viseso veditabbo. Ayamettha aṭṭhakathānayo. Yasmā pana ‘‘kusalā khandhā iddhividhañāṇassa cetopariyañāṇassa pubbenivāsānussatiñāṇassa yathākammupagañāṇassa anāgataṃsañāṇassa ārammaṇapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.404) paṭṭhāne vuttaṃ, tasmā cattāropi khandhā cetopariyañāṇayathākammupagañāṇānaṃ ārammaṇaṃ honti. Tatrāpi yathākammupagañāṇassa kusalākusalā evāti.

    ‘ทิพฺพจกฺขุญาณจตุตฺถํ’ วิชฺชมานวณฺณารมฺมณตฺตา ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณเมวฯ อนาคตํสญาณจตุตฺถํ อนาคตารมฺมณเมวฯ ตญฺหิ อนาคตกฺขนฺธขนฺธปฎิพเทฺธสุ ธเมฺมสุ ปุเพฺพนิวาสญาณํ วิย สพฺพญฺญุตญฺญาณสมคติกํ โหติฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ เจโตปริยญาณมฺปิ อนาคตารมฺมณํ โหติ, ตํ ปน สตฺตทิวสพฺภนฺตเร อุปฺปชฺชนกจิตฺตเมว อารมฺมณํ กโรติฯ อิทํ อนาคเต กปฺปสตสหเสฺส อุปฺปชฺชนกจิตฺตมฺปิ ขเนฺธปิ ขนฺธปฎิพทฺธมฺปิฯ รูปาวจรติกจตุกฺกชฺฌานาทีนิ อตีตานาคตปจฺจุปฺปเนฺนสุ เอกธมฺมมฺปิ อารพฺภ อปฺปวตฺติโต เอกนฺตนวตฺตพฺพารมฺมณาเนวาติ เวทิตพฺพานิฯ

    ‘Dibbacakkhuñāṇacatutthaṃ’ vijjamānavaṇṇārammaṇattā paccuppannārammaṇameva. Anāgataṃsañāṇacatutthaṃ anāgatārammaṇameva. Tañhi anāgatakkhandhakhandhapaṭibaddhesu dhammesu pubbenivāsañāṇaṃ viya sabbaññutaññāṇasamagatikaṃ hoti. Tattha kiñcāpi cetopariyañāṇampi anāgatārammaṇaṃ hoti, taṃ pana sattadivasabbhantare uppajjanakacittameva ārammaṇaṃ karoti. Idaṃ anāgate kappasatasahasse uppajjanakacittampi khandhepi khandhapaṭibaddhampi. Rūpāvacaratikacatukkajjhānādīni atītānāgatapaccuppannesu ekadhammampi ārabbha appavattito ekantanavattabbārammaṇānevāti veditabbāni.

    ๑๔๓๕. อชฺฌตฺตตฺติเก อนินฺทฺริยพทฺธรูปญฺจ นิพฺพานญฺจ พหิทฺธาติ อิทํ ยถา อินฺทฺริยพทฺธํ ปรปุคฺคลสนฺตาเน พหิทฺธาติ วุจฺจมานมฺปิ ตสฺส อตฺตโน สนฺตานปริยาปนฺนตฺตา นิยกชฺฌตฺตํ โหติ, เอวํ น เกนจิ ปริยาเยน อชฺฌตฺตํ โหตีติ นิยกชฺฌตฺตปริยายสฺส อภาเวน พหิทฺธาติ วุตฺตํ, น นิยกชฺฌตฺตมตฺตสฺส อสมฺภวโตฯ นิยกชฺฌตฺตมตฺตสฺส ปน อสมฺภวมตฺตํ สนฺธาย อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก พหิทฺธารมฺมณตา วุตฺตาฯ อชฺฌตฺตธมฺมาปคมมตฺตโตว อากิญฺจญฺญายตนารมฺมณสฺส อชฺฌตฺตภาวมฺปิ พหิทฺธาภาวมฺปิ อชฺฌตฺตพหิทฺธาภาวมฺปิ อนนุชานิตฺวา อากิญฺจญฺญายตนํ น วตฺตพฺพํ อชฺฌตฺตารมฺมณนฺติปีติอาทิ วุตฺตํฯ

    1435. Ajjhattattike anindriyabaddharūpañca nibbānañca bahiddhāti idaṃ yathā indriyabaddhaṃ parapuggalasantāne bahiddhāti vuccamānampi tassa attano santānapariyāpannattā niyakajjhattaṃ hoti, evaṃ na kenaci pariyāyena ajjhattaṃ hotīti niyakajjhattapariyāyassa abhāvena bahiddhāti vuttaṃ, na niyakajjhattamattassa asambhavato. Niyakajjhattamattassa pana asambhavamattaṃ sandhāya ajjhattārammaṇattike bahiddhārammaṇatā vuttā. Ajjhattadhammāpagamamattatova ākiñcaññāyatanārammaṇassa ajjhattabhāvampi bahiddhābhāvampi ajjhattabahiddhābhāvampi ananujānitvā ākiñcaññāyatanaṃ na vattabbaṃ ajjhattārammaṇantipītiādi vuttaṃ.

    ตตฺถ น เกวลํ ตเทว นวตฺตพฺพารมฺมณํ, ตสฺส ปน อาวชฺชนมฺปิ, อุปจารจิตฺตานิปิ, ตสฺสารมฺมณสฺส ปจฺจเวกฺขณจิตฺตานิปิ, ตเสฺสว อสฺสาทนาทิวเสน ปวตฺตานิ อกุสลจิตฺตานิปิ นวตฺตพฺพารมฺมณาเนวาติฯ ตานิ ปน ตสฺมิํ วุเตฺต วุตฺตาเนว โหนฺตีติ วิสุํ น วุตฺตานิฯ กถํ วุตฺตาเนว โหนฺตีติ? เอตญฺหิ อากิญฺจญฺญายตนํ, ยญฺจ ตสฺส ปุเรจาริกํ อาวชฺชนอุปจาราทิวเสน ปวตฺตํ, เตน สห เอการมฺมณํ ภเวยฺยฯ ตํ สพฺพํ อตีตารมฺมณตฺติเก ‘กามาวจรกุสลํ, อกุสลํ, กิริยโต นว จิตฺตุปฺปาทา, รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาน’นฺติ เอวํ วุตฺตานํ เอเตสํ จิตฺตุปฺปาทานํ ‘สิยา น วตฺตพฺพา อตีตารมฺมณาติปี’ติอาทินา นเยน นวตฺตพฺพารมฺมณภาวสฺส อนุญฺญาตตฺตา, อากิญฺจญฺญายตนสฺส จ ‘อากิญฺจญฺญายตนํ, จตฺตาโร มคฺคา อปริยาปนฺนา, จตฺตาริ จ สามญฺญผลานิ, อิเม ธมฺมา น วตฺตพฺพา อตีตารมฺมณาติปี’ติ เอวํ เอกเนฺตน นวตฺตพฺพารมฺมณตฺตวจนโต นวตฺตพฺพารมฺมณนฺติ วุตฺตํฯ อิทานิ ตํ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก เอกมฺปิ วุจฺจมานํ ยสฺมา เหฎฺฐา เตน สห เอการมฺมณภาวมฺปิ สนฺธาย กามาวจรกุสลาทีนํ นวตฺตพฺพารมฺมณตา วุตฺตา, ตสฺมา อิธาปิ เตสํ นวตฺตพฺพารมฺมณภาวํ ทีเปติฯ โก หิ เตน สห เอการมฺมณานํ นวตฺตพฺพารมฺมณภาเว อนฺตราโยติ ? เอวํ ตสฺมิํ วุเตฺต ‘วุตฺตาเนว โหนฺตี’ติ เวทิตพฺพานิฯ เสสเมตฺถ อชฺฌตฺตารมฺมณตฺติเก ปาฬิโต อุตฺตานเมวฯ

    Tattha na kevalaṃ tadeva navattabbārammaṇaṃ, tassa pana āvajjanampi, upacāracittānipi, tassārammaṇassa paccavekkhaṇacittānipi, tasseva assādanādivasena pavattāni akusalacittānipi navattabbārammaṇānevāti. Tāni pana tasmiṃ vutte vuttāneva hontīti visuṃ na vuttāni. Kathaṃ vuttāneva hontīti? Etañhi ākiñcaññāyatanaṃ, yañca tassa purecārikaṃ āvajjanaupacārādivasena pavattaṃ, tena saha ekārammaṇaṃ bhaveyya. Taṃ sabbaṃ atītārammaṇattike ‘kāmāvacarakusalaṃ, akusalaṃ, kiriyato nava cittuppādā, rūpāvacaracatutthajjhāna’nti evaṃ vuttānaṃ etesaṃ cittuppādānaṃ ‘siyā na vattabbā atītārammaṇātipī’tiādinā nayena navattabbārammaṇabhāvassa anuññātattā, ākiñcaññāyatanassa ca ‘ākiñcaññāyatanaṃ, cattāro maggā apariyāpannā, cattāri ca sāmaññaphalāni, ime dhammā na vattabbā atītārammaṇātipī’ti evaṃ ekantena navattabbārammaṇattavacanato navattabbārammaṇanti vuttaṃ. Idāni taṃ ajjhattārammaṇattike ekampi vuccamānaṃ yasmā heṭṭhā tena saha ekārammaṇabhāvampi sandhāya kāmāvacarakusalādīnaṃ navattabbārammaṇatā vuttā, tasmā idhāpi tesaṃ navattabbārammaṇabhāvaṃ dīpeti. Ko hi tena saha ekārammaṇānaṃ navattabbārammaṇabhāve antarāyoti ? Evaṃ tasmiṃ vutte ‘vuttāneva hontī’ti veditabbāni. Sesamettha ajjhattārammaṇattike pāḷito uttānameva.

    อารมฺมณวิภาเค ปน วิญฺญาณญฺจายตนํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนนฺติ อิเมสํ ตาว กุสลวิปากกิริยวเสน ฉนฺนํ จิตฺตุปฺปาทานํ อตฺตโน สนฺตานสมฺพนฺธํ เหฎฺฐิมสมาปตฺติํ อารพฺภ ปวตฺติโต อชฺฌตฺตารมฺมณตา เวทิตพฺพาฯ เอตฺถ จ กิริยอากาสานญฺจายตนํ กิริยวิญฺญาณญฺจายตนเสฺสว อารมฺมณํ โหติ, น อิตรสฺสฯ กสฺมา? อากาสานญฺจายตนกิริยสมงฺคิโน กุสลสฺส วา วิปากสฺส วา วิญฺญาณญฺจายตนสฺส อภาวโตฯ กุสลํ ปน กุสลวิปากกิริยานํ ติณฺณมฺปิ อารมฺมณํ โหติฯ กสฺมา? อากาสานญฺจายตนกุสลํ นิพฺพเตฺตตฺวา ฐิตสฺส ตโต อุทฺธํ ติวิธสฺสปิ วิญฺญาณญฺจายตนสฺส อุปฺปตฺติสมฺภวโตฯ วิปากํ ปน น กสฺสจิ อารมฺมณํ โหติฯ กสฺมา? วิปากโต วุฎฺฐหิตฺวา จิตฺตสฺส อภินีหาราสมฺภวโตฯ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺส อารมฺมณกรเณปิ เอเสว นโยฯ รูปาวจรตฺติกจตุกฺกชฺฌานาทีนํ สเพฺพสมฺปิ นิยกชฺฌตฺตโต พหิทฺธาภาเวน พหิทฺธาภูตานิ ปถวีกสิณาทีนิ อารพฺภ ปวตฺติโต พหิทฺธารมฺมณตา เวทิตพฺพาฯ

    Ārammaṇavibhāge pana viññāṇañcāyatanaṃ nevasaññānāsaññāyatananti imesaṃ tāva kusalavipākakiriyavasena channaṃ cittuppādānaṃ attano santānasambandhaṃ heṭṭhimasamāpattiṃ ārabbha pavattito ajjhattārammaṇatā veditabbā. Ettha ca kiriyaākāsānañcāyatanaṃ kiriyaviññāṇañcāyatanasseva ārammaṇaṃ hoti, na itarassa. Kasmā? Ākāsānañcāyatanakiriyasamaṅgino kusalassa vā vipākassa vā viññāṇañcāyatanassa abhāvato. Kusalaṃ pana kusalavipākakiriyānaṃ tiṇṇampi ārammaṇaṃ hoti. Kasmā? Ākāsānañcāyatanakusalaṃ nibbattetvā ṭhitassa tato uddhaṃ tividhassapi viññāṇañcāyatanassa uppattisambhavato. Vipākaṃ pana na kassaci ārammaṇaṃ hoti. Kasmā? Vipākato vuṭṭhahitvā cittassa abhinīhārāsambhavato. Nevasaññānāsaññāyatanassa ārammaṇakaraṇepi eseva nayo. Rūpāvacarattikacatukkajjhānādīnaṃ sabbesampi niyakajjhattato bahiddhābhāvena bahiddhābhūtāni pathavīkasiṇādīni ārabbha pavattito bahiddhārammaṇatā veditabbā.

    สเพฺพว กามาวจรา กุสลากุสลาพฺยากตา ธมฺมา, รูปาวจรํ จตุตฺถํ ฌานนฺติ เอตฺถ กุสลโต ตาว จตฺตาโร ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา อตฺตโน ขนฺธาทีนิ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อชฺฌตฺตารมฺมณาฯ ปเรสํ ขนฺธาทิปจฺจเวกฺขเณ ปณฺณตฺตินิพฺพานปจฺจเวกฺขเณ จ พหิทฺธารมฺมณาฯ ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณาฯ ญาณวิปฺปยุเตฺตสุปิ เอเสว นโยฯ เกวลญฺหิ เตสํ นิพฺพานปจฺจเวกฺขณํ นตฺถิฯ อกุสลโต จตฺตาโร ทิฎฺฐิสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา อตฺตโน ขนฺธาทีนํ อสฺสาทนาภินนฺทนปรามาสคหณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปรสฺส ขนฺธาทีสุ เจว อนินฺทฺริยพทฺธรูปกสิณาทีสุ จ ตเถว ปวตฺติกาเล พหิทฺธารมฺมณา, ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณาฯ ทิฎฺฐิวิปฺปยุเตฺตสุปิ เอเสว นโยฯ เกวลญฺหิ เตสํ ปรามาสคหณํ นตฺถิฯ เทฺวปิ ปฎิฆสมฺปยุตฺตา อตฺตโน ขนฺธาทีสุ โทมนสฺสิตสฺส อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปรสฺส ขนฺธาทีสุ เจว อนินฺทฺริยพทฺธรูปปณฺณตฺตีสุ จ พหิทฺธารมฺมณา, ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณาฯ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสมฺปยุตฺตานมฺปิ วุตฺตปกาเรสุ ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉนผนฺทนภาววเสน ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตาทิอารมฺมณตา เวทิตพฺพาฯ

    Sabbeva kāmāvacarā kusalākusalābyākatā dhammā, rūpāvacaraṃ catutthaṃ jhānanti ettha kusalato tāva cattāro ñāṇasampayuttacittuppādā attano khandhādīni paccavekkhantassa ajjhattārammaṇā. Paresaṃ khandhādipaccavekkhaṇe paṇṇattinibbānapaccavekkhaṇe ca bahiddhārammaṇā. Tadubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇā. Ñāṇavippayuttesupi eseva nayo. Kevalañhi tesaṃ nibbānapaccavekkhaṇaṃ natthi. Akusalato cattāro diṭṭhisampayuttacittuppādā attano khandhādīnaṃ assādanābhinandanaparāmāsagahaṇakāle ajjhattārammaṇā, parassa khandhādīsu ceva anindriyabaddharūpakasiṇādīsu ca tatheva pavattikāle bahiddhārammaṇā, tadubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇā. Diṭṭhivippayuttesupi eseva nayo. Kevalañhi tesaṃ parāmāsagahaṇaṃ natthi. Dvepi paṭighasampayuttā attano khandhādīsu domanassitassa ajjhattārammaṇā, parassa khandhādīsu ceva anindriyabaddharūpapaṇṇattīsu ca bahiddhārammaṇā, tadubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇā. Vicikicchuddhaccasampayuttānampi vuttapakāresu dhammesu vicikicchanaphandanabhāvavasena pavattiyaṃ ajjhattādiārammaṇatā veditabbā.

    ทฺวิปญฺจวิญฺญาณานิ , ติโสฺส จ มโนธาตุโยติ, อิเม เตรส จิตฺตุปฺปาทา อตฺตโน รูปาทีนิ อารพฺภ ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปรสฺส รูปาทีสุ ปวตฺตา พหิทฺธารมฺมณา, ตทุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณาฯ โสมนสฺสสหคตอเหตุกวิปากมโนวิญฺญาณธาตุ ปญฺจทฺวาเร สนฺตีรณตทารมฺมณวเสน อตฺตโน ปญฺจ รูปาทิธเมฺม, มโนทฺวาเร ตทารมฺมณวเสเนว อเญฺญปิ อชฺฌตฺติเก กามาวจรธเมฺม อารพฺภ ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปเรสํ ธเมฺมสุ ปวตฺตมานา พหิทฺธารมฺมณา, อุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณาฯ อุเปกฺขาสหคตวิปากาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ เกวลํ ปเนตา สุคติยํ ทุคฺคติยญฺจ ปฎิสนฺธิภวงฺคจุติวเสนาปิ อชฺฌตฺตาทิเภเทสุ กมฺมาทีสุ ปวตฺตนฺติฯ

    Dvipañcaviññāṇāni , tisso ca manodhātuyoti, ime terasa cittuppādā attano rūpādīni ārabbha pavattiyaṃ ajjhattārammaṇā, parassa rūpādīsu pavattā bahiddhārammaṇā, tadubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇā. Somanassasahagataahetukavipākamanoviññāṇadhātu pañcadvāre santīraṇatadārammaṇavasena attano pañca rūpādidhamme, manodvāre tadārammaṇavaseneva aññepi ajjhattike kāmāvacaradhamme ārabbha pavattiyaṃ ajjhattārammaṇā, paresaṃ dhammesu pavattamānā bahiddhārammaṇā, ubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇā. Upekkhāsahagatavipākāhetukamanoviññāṇadhātudvayepi eseva nayo. Kevalaṃ panetā sugatiyaṃ duggatiyañca paṭisandhibhavaṅgacutivasenāpi ajjhattādibhedesu kammādīsu pavattanti.

    อฎฺฐ มหาวิปากจิตฺตานิปิ ตาสํเยว ทฺวินฺนํ สมานคติกานิฯ เกวลํ ปเนตานิ สนฺตีรณวเสน น ปวตฺตนฺติฯ ปฎิสนฺธิภวงฺคจุติวเสเนว เอตานิ สุคติยํเยว ปวตฺตนฺติฯ โสมนสฺสสหคตาเหตุกกิริยา ปญฺจทฺวาเร อตฺตโน รูปาทีนิ อารพฺภ ปหฎฺฐาการกรณวเสน ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตารมฺมณา, ปรสฺส รูปาทีสุ ปวตฺตา พหิทฺธารมฺมณาฯ มโนทฺวาเร ตถาคตสฺส โชติปาลมาณวมฆเทวราชกณฺหตาปสาทิกาเลสุ อตฺตนา กตกิริยํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส หสิตุปฺปาทวเสน ปวตฺตา อชฺฌตฺตารมฺมณา ฯ

    Aṭṭha mahāvipākacittānipi tāsaṃyeva dvinnaṃ samānagatikāni. Kevalaṃ panetāni santīraṇavasena na pavattanti. Paṭisandhibhavaṅgacutivaseneva etāni sugatiyaṃyeva pavattanti. Somanassasahagatāhetukakiriyā pañcadvāre attano rūpādīni ārabbha pahaṭṭhākārakaraṇavasena pavattiyaṃ ajjhattārammaṇā, parassa rūpādīsu pavattā bahiddhārammaṇā. Manodvāre tathāgatassa jotipālamāṇavamaghadevarājakaṇhatāpasādikālesu attanā katakiriyaṃ paccavekkhantassa hasituppādavasena pavattā ajjhattārammaṇā .

    มลฺลิกาย เทวิยา สนฺตติมหามตฺตสฺส สุมนมาลาการสฺสาติ เอวมาทีนํ กิริยากรณํ อารพฺภ ปวตฺติกาเล พหิทฺธารมฺมณาฯ อุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณาฯ อุเปกฺขาสหคตกิริยาเหตุกมโนวิญฺญาณธาตุ ปญฺจทฺวาเร โวฎฺฐพฺพนวเสน มโนทฺวาเร จ อาวชฺชนวเสน ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตาทิอารมฺมณาฯ อฎฺฐ มหากิริยา กุสลจิตฺตคติกา เอวฯ เกวลญฺหิ ตา ขีณาสวานํ อุปฺปชฺชนฺติ, กุสลานิ เสกฺขปุถุชฺชนานนฺติ เอตฺตกเมเวตฺถ นานากรณํฯ

    Mallikāya deviyā santatimahāmattassa sumanamālākārassāti evamādīnaṃ kiriyākaraṇaṃ ārabbha pavattikāle bahiddhārammaṇā. Ubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇā. Upekkhāsahagatakiriyāhetukamanoviññāṇadhātu pañcadvāre voṭṭhabbanavasena manodvāre ca āvajjanavasena pavattiyaṃ ajjhattādiārammaṇā. Aṭṭha mahākiriyā kusalacittagatikā eva. Kevalañhi tā khīṇāsavānaṃ uppajjanti, kusalāni sekkhaputhujjanānanti ettakamevettha nānākaraṇaṃ.

    วุตฺตปฺปกาเร รูปาวจรจตุตฺถชฺฌาเน สพฺพตฺถปาทกจตุตฺถาทีนิ ปญฺจ ฌานานิ อิมสฺมิํ ติเก โอกาสํ ลภนฺติฯ เอตานิ หิ กสิณปณฺณตฺตินิมิตฺตารมฺมณตฺตา พหิทฺธารมฺมณานิฯ

    Vuttappakāre rūpāvacaracatutthajjhāne sabbatthapādakacatutthādīni pañca jhānāni imasmiṃ tike okāsaṃ labhanti. Etāni hi kasiṇapaṇṇattinimittārammaṇattā bahiddhārammaṇāni.

    ‘อิทฺธิวิธจตุตฺถํ’ กายวเสน จิตฺตํ, จิตฺตวเสน วา กายํ ปริณามนกาเล อตฺตโน กุมารกวณฺณาทินิมฺมานกาเล จ สกายจิตฺตานํ อารมฺมณกรณโต อชฺฌตฺตารมฺมณํ, พหิทฺธา หตฺถิอสฺสาทิทสฺสนกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, กาเลน อชฺฌตฺตํ กาเลน พหิทฺธา, ปวตฺติยํ อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ

    ‘Iddhividhacatutthaṃ’ kāyavasena cittaṃ, cittavasena vā kāyaṃ pariṇāmanakāle attano kumārakavaṇṇādinimmānakāle ca sakāyacittānaṃ ārammaṇakaraṇato ajjhattārammaṇaṃ, bahiddhā hatthiassādidassanakāle bahiddhārammaṇaṃ, kālena ajjhattaṃ kālena bahiddhā, pavattiyaṃ ajjhattabahiddhārammaṇaṃ.

    ‘ทิพฺพโสตจตุตฺถํ’ อตฺตโน กุจฺฉิสทฺทสวนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปเรสํ สทฺทสวนกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ ‘เจโตปริยญาณจตุตฺถํ’ ปเรสํ จิตฺตารมฺมณโต พหิทฺธารมฺมณเมวฯ อตฺตโน จิตฺตชานเน ปน เตน ปโยชนํ นตฺถิฯ ‘ปุเพฺพนิวาสจตุตฺถํ’ อตฺตโน ขนฺธานุสฺสรณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส ขเนฺธ, อนิทฺริยพทฺธรูปํ, ติโสฺส จ ปณฺณตฺติโย อนุสฺสรณโต พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ

    ‘Dibbasotacatutthaṃ’ attano kucchisaddasavanakāle ajjhattārammaṇaṃ, paresaṃ saddasavanakāle bahiddhārammaṇaṃ, ubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇaṃ. ‘Cetopariyañāṇacatutthaṃ’ paresaṃ cittārammaṇato bahiddhārammaṇameva. Attano cittajānane pana tena payojanaṃ natthi. ‘Pubbenivāsacatutthaṃ’ attano khandhānussaraṇakāle ajjhattārammaṇaṃ, parassa khandhe, anidriyabaddharūpaṃ, tisso ca paṇṇattiyo anussaraṇato bahiddhārammaṇaṃ, ubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇaṃ.

    ‘ทิพฺพจกฺขุจตุตฺถํ’ อตฺตโน กุจฺฉิคตาทิรูปทสฺสนกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, อวเสสรูปทสฺสนกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ ‘อนาคตํสญาณจตุตฺถํ’ อตฺตโน อนาคตกฺขนฺธานุสฺสรณกาเล อชฺฌตฺตารมฺมณํ, ปรสฺส อนาคตกฺขนฺธานํ วา อนินฺทฺริยพทฺธสฺส วา รูปสฺส อนุสฺสรณกาเล พหิทฺธารมฺมณํ, อุภยวเสน อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณํฯ อากิญฺจญฺญายตนสฺส นวตฺตพฺพารมฺมณตาย การณํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ

    ‘Dibbacakkhucatutthaṃ’ attano kucchigatādirūpadassanakāle ajjhattārammaṇaṃ, avasesarūpadassanakāle bahiddhārammaṇaṃ, ubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇaṃ. ‘Anāgataṃsañāṇacatutthaṃ’ attano anāgatakkhandhānussaraṇakāle ajjhattārammaṇaṃ, parassa anāgatakkhandhānaṃ vā anindriyabaddhassa vā rūpassa anussaraṇakāle bahiddhārammaṇaṃ, ubhayavasena ajjhattabahiddhārammaṇaṃ. Ākiñcaññāyatanassa navattabbārammaṇatāya kāraṇaṃ heṭṭhā vuttameva.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / ติกอตฺถุทฺธาโร • Tikaatthuddhāro

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / ติกอตฺถุทฺธารวณฺณนา • Tikaatthuddhāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / ติกอตฺถุทฺธารวณฺณนา • Tikaatthuddhāravaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact