Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    ๔. อฎฺฐกถากณฺฑํ

    4. Aṭṭhakathākaṇḍaṃ

    ติกอตฺถุทฺธารวณฺณนา

    Tikaatthuddhāravaṇṇanā

    ๑๓๘๔. นยคมนนฺติ นียติ, เนติ, นียนฺติ วา เอเตนาติ นโย, คมฺมติ เอเตนาติ คมนํ, นโยว, นยสฺส วา คมนํ นยคมนํฯ คติ เอว วา คมนํฯ ปฐเมน อาทิ-สเทฺทน อภิธมฺมภาชนียาทิสงฺคหาสงฺคหาทิเอกกาทิสุทฺธิกสจฺฉิ กฎฺฐาทิมูลมูลาทิกา ปญฺจปกรณิกา นยคติ สงฺคยฺหติฯ อนุโลมาทีติ ปน ปจฺจนียอนุโลมปจฺจนียปจฺจนียานุโลมปการา เอกมูลาทิปฺปการา จฯ เอตฺถ อเตฺถสุ นิจฺฉิเตสูติ เอตสฺมิํ อฎฺฐกถากเณฺฑ จิตฺตุปฺปาทวเสน ภูมนฺตรวิเสสโยคโต สเพฺพสํ มาติกาปทานํ อเตฺถสุ สเงฺขปโต ววตฺถาปิเตสุฯ

    1384. Nayagamananti nīyati, neti, nīyanti vā etenāti nayo, gammati etenāti gamanaṃ, nayova, nayassa vā gamanaṃ nayagamanaṃ. Gati eva vā gamanaṃ. Paṭhamena ādi-saddena abhidhammabhājanīyādisaṅgahāsaṅgahādiekakādisuddhikasacchi kaṭṭhādimūlamūlādikā pañcapakaraṇikā nayagati saṅgayhati. Anulomādīti pana paccanīyaanulomapaccanīyapaccanīyānulomapakārā ekamūlādippakārā ca. Ettha atthesu nicchitesūti etasmiṃ aṭṭhakathākaṇḍe cittuppādavasena bhūmantaravisesayogato sabbesaṃ mātikāpadānaṃ atthesu saṅkhepato vavatthāpitesu.

    ปญฺหุทฺธารนฺติอาทีสุ ‘‘สิยา กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติอาทินา (ปฎฺฐา. ๑.๑.๒๕) กุสลปทํ อาทิํ กตฺวา กุสลากุสลาพฺยากตนฺตา ติโสฺส กุสลาทิกา, กุสลาพฺยากตอกุสลาพฺยากตกุสลากุสลนฺตา ติโสฺส, กุสลากุสลาพฺยากตนฺตา เอกาติ กุสลาทิกา สตฺต ปุจฺฉา, ตถา อกุสลาทิกา, อพฺยากตาทิกา, กุสลาพฺยากตาทิกา, อกุสลาพฺยากตาทิกา, กุสลากุสลาทิกา, กุสลากุสลาพฺยากตาทิกาติ สตฺตนฺนํ สตฺตกานํ วเสน ธมฺมานุโลเม กุสลตฺติกํ นิสฺสาย เหตุปจฺจเย เอกูนปญฺญาส ปุจฺฉา, ตถา เสสปจฺจเยสุ เสสติเกสุ ธมฺมปจฺจนียาทีสุ จฯ ตํ สนฺธาย ‘‘เอกูนปญฺญาสาย เอกูนปญฺญาสายา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘สิยา เหตุํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ เหตุธโมฺม อุปฺปเชฺชยฺย เหตุปจฺจยา’’ติอาทินา (ปฎฺฐา. ๓.๑.๑) ‘‘เหตุํ ปฎิจฺจ เหตุ, เหตุํ ปฎิจฺจ นเหตุ, เหตุํ ปฎิจฺจ เหตุ จ นเหตุ จฯ นเหตุํ ปฎิจฺจ นเหตุ, นเหตุํ ปฎิจฺจ เหตุ, นเหตุํ ปฎิจฺจ เหตุ จ นเหตุ จฯ เหตุญฺจ นเหตุญฺจ ปฎิจฺจ เหตุ, เหตุญฺจ นเหตุญฺจ ปฎิจฺจ นเหตุ, เหตุญฺจ นเหตุญฺจ ปฎิจฺจ เหตุ จ นเหตุ จา’’ติ เอเกกสฺมิํ ทุเก เหตุปจฺจยาทีสุ เอกเมกสฺมิํ ปจฺจเย นว นว ปุจฺฉา โหนฺติฯ ตา สนฺธาย ‘‘นวสุ นวสุ ปเญฺหสู’’ติ วุตฺตํฯ

    Pañhuddhārantiādīsu ‘‘siyā kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjeyya hetupaccayā’’tiādinā (paṭṭhā. 1.1.25) kusalapadaṃ ādiṃ katvā kusalākusalābyākatantā tisso kusalādikā, kusalābyākataakusalābyākatakusalākusalantā tisso, kusalākusalābyākatantā ekāti kusalādikā satta pucchā, tathā akusalādikā, abyākatādikā, kusalābyākatādikā, akusalābyākatādikā, kusalākusalādikā, kusalākusalābyākatādikāti sattannaṃ sattakānaṃ vasena dhammānulome kusalattikaṃ nissāya hetupaccaye ekūnapaññāsa pucchā, tathā sesapaccayesu sesatikesu dhammapaccanīyādīsu ca. Taṃ sandhāya ‘‘ekūnapaññāsāya ekūnapaññāsāyā’’ti vuttaṃ. ‘‘Siyā hetuṃ dhammaṃ paṭicca hetudhammo uppajjeyya hetupaccayā’’tiādinā (paṭṭhā. 3.1.1) ‘‘hetuṃ paṭicca hetu, hetuṃ paṭicca nahetu, hetuṃ paṭicca hetu ca nahetu ca. Nahetuṃ paṭicca nahetu, nahetuṃ paṭicca hetu, nahetuṃ paṭicca hetu ca nahetu ca. Hetuñca nahetuñca paṭicca hetu, hetuñca nahetuñca paṭicca nahetu, hetuñca nahetuñca paṭicca hetu ca nahetu cā’’ti ekekasmiṃ duke hetupaccayādīsu ekamekasmiṃ paccaye nava nava pucchā honti. Tā sandhāya ‘‘navasu navasu pañhesū’’ti vuttaṃ.

    ลพฺภมานสฺสาติ กุสลตฺติเก ตาว ปฎิจฺจวาเร เหตุปจฺจเย ‘‘กุสลํ ธมฺมํ ปฎิจฺจ กุสโล ธโมฺม อุปฺปชฺชติ เหตุปจฺจยา, กุสลํ เอกํ ขนฺธํ ปฎิจฺจ ตโย ขนฺธา’’ติอาทินา (ปฎฺฐา. ๑.๑.๕๓) กุสเลน กุสลํ, กุสเลน อพฺยากตํ, กุสเลน กุสลาพฺยากตํ, อกุสเลน อกุสลํ, อกุสเลน อพฺยากตํ, อกุสเลน อกุสลาพฺยากตํ, อพฺยากเตน อพฺยากตํ, กุสลาพฺยากเตน อพฺยากตํ, อกุสลาพฺยากเตน อพฺยากตนฺติ นวนฺนํ นวนฺนํ ปญฺหานํ อตฺถโต สมฺภวนฺตสฺส ปญฺหสฺส วิสฺสชฺชนวเสน อุทฺธรณํ, ตถา เสสปจฺจยวารตฺติกาทีสุฯ เตสุเยวาติ ยถาวุเตฺตสุ เอว ปเญฺหสุ อตฺถสมฺภวโต ยถาวิภตฺตานํ ปญฺหวิสฺสชฺชนานํ ‘‘เหตุยา นวา’’ติอาทินา คณนาฐปนํปสเฎ ธเมฺมติ ยถา เหฎฺฐา กณฺฑทฺวเย ‘‘ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺต’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑) วิปฺปกิเณฺณ มุตฺตปุเปฺผ วิย ผสฺสาทโย ธเมฺมฯ อวิสิฎฺฐนิเทฺทโส สามญฺญนิเทฺทโสฯ วิญฺญาตธมฺมสฺส ปุคฺคลสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ

    Labbhamānassāti kusalattike tāva paṭiccavāre hetupaccaye ‘‘kusalaṃ dhammaṃ paṭicca kusalo dhammo uppajjati hetupaccayā, kusalaṃ ekaṃ khandhaṃ paṭicca tayo khandhā’’tiādinā (paṭṭhā. 1.1.53) kusalena kusalaṃ, kusalena abyākataṃ, kusalena kusalābyākataṃ, akusalena akusalaṃ, akusalena abyākataṃ, akusalena akusalābyākataṃ, abyākatena abyākataṃ, kusalābyākatena abyākataṃ, akusalābyākatena abyākatanti navannaṃ navannaṃ pañhānaṃ atthato sambhavantassa pañhassa vissajjanavasena uddharaṇaṃ, tathā sesapaccayavārattikādīsu. Tesuyevāti yathāvuttesu eva pañhesu atthasambhavato yathāvibhattānaṃ pañhavissajjanānaṃ ‘‘hetuyā navā’’tiādinā gaṇanāṭhapanaṃ. Pasaṭe dhammeti yathā heṭṭhā kaṇḍadvaye ‘‘yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ kusalaṃ citta’’ntiādinā (dha. sa. 1) vippakiṇṇe muttapupphe viya phassādayo dhamme. Avisiṭṭhaniddeso sāmaññaniddeso. Viññātadhammassa puggalassāti adhippāyo.

    ยทิ จิตฺตุปฺปาทรูปกเณฺฑสุ จตุภูมิจิตฺตุปฺปาทาทิวเสน วิญฺญาตธมฺมสฺส อตฺถุทฺธารเทสนา อารทฺธา, เอวํ สเนฺต อิธ กสฺมา กุสลตฺติกนิเทฺทโส วุโตฺตติ อาห ‘‘ยทิปิ กุสลตฺติกวิตฺถาโร’’ติอาทิฯ ธมฺมวิเสสนภาวโตติ ‘‘ธมฺมา’’ติ ปทสฺส ปธานภาวํ ทเสฺสติฯ อโต หิ ตทภิเธยฺยา ปุจฺฉิตพฺพา ชาตาฯ วิญฺญาตาหีติ ภูมีนํ วิเสสนลกฺขณโยคมาหฯ เอตฺถ ปธานนฺติ กิญฺจาปิ อุเทฺทเส กุสลปเทน ธมฺมา วิเสสิตพฺพา, ‘‘จตูสุ ภูมีสุ กุสล’’นฺติ อิมสฺมิํ ปน นิเทฺทเส ภูมีหิ วิเสสิตพฺพตฺตา กุสลปทํ ปธานนฺติ วิเสสนภาเวน วจนิจฺฉาย อภาวโต สติปิ วิเสสิตพฺพธมฺมานํ กามาวจราทิผสฺสาทิเภเท ตทนเปกฺขํ อนวชฺชสุขวิปากตาสงฺขาตํ อตฺตโน กุสลาการเมว คเหตฺวา ปวตฺตมานตฺตา ‘‘เอกตฺตเมว อุปาทาย ปวตฺตตี’’ติ วุตฺตํฯ สเพฺพปิ หิ กุสลา ธมฺมา อนวชฺชสุขวิปากตาย เอกสภาวาเยวาติฯ

    Yadi cittuppādarūpakaṇḍesu catubhūmicittuppādādivasena viññātadhammassa atthuddhāradesanā āraddhā, evaṃ sante idha kasmā kusalattikaniddeso vuttoti āha ‘‘yadipi kusalattikavitthāro’’tiādi. Dhammavisesanabhāvatoti ‘‘dhammā’’ti padassa padhānabhāvaṃ dasseti. Ato hi tadabhidheyyā pucchitabbā jātā. Viññātāhīti bhūmīnaṃ visesanalakkhaṇayogamāha. Ettha padhānanti kiñcāpi uddese kusalapadena dhammā visesitabbā, ‘‘catūsu bhūmīsu kusala’’nti imasmiṃ pana niddese bhūmīhi visesitabbattā kusalapadaṃ padhānanti visesanabhāvena vacanicchāya abhāvato satipi visesitabbadhammānaṃ kāmāvacarādiphassādibhede tadanapekkhaṃ anavajjasukhavipākatāsaṅkhātaṃ attano kusalākārameva gahetvā pavattamānattā ‘‘ekattameva upādāya pavattatī’’ti vuttaṃ. Sabbepi hi kusalā dhammā anavajjasukhavipākatāya ekasabhāvāyevāti.

    ๑๓๘๕. ยถาโยคํ โยเชตพฺพนฺติ จตูหิ ภูมีหิ อาธารภูตาหิ วิเสเสตฺวา สมยผสฺสาทิเภทํ อนามสิตฺวา วิปากภาเวน เอกตฺตํ เนตฺวา ‘‘จตูสุ ภูมีสุ วิปาโก’’ติ วุตฺตนฺติ โยเชตพฺพํฯ เอส นโย ‘‘ตีสุ ภูมีสุ กิริยาพฺยากต’’นฺติอาทีสุปิฯ

    1385. Yathāyogaṃ yojetabbanti catūhi bhūmīhi ādhārabhūtāhi visesetvā samayaphassādibhedaṃ anāmasitvā vipākabhāvena ekattaṃ netvā ‘‘catūsu bhūmīsu vipāko’’ti vuttanti yojetabbaṃ. Esa nayo ‘‘tīsu bhūmīsu kiriyābyākata’’ntiādīsupi.

    อุปฺปชฺชติ เอตฺถาติ อุปฺปาโท, เจตสิกาฯ เต หิ จิตฺตสฺส สพฺพถาปิ นิสฺสยาทิปจฺจยภาวโต เอตฺถ จ อุปฺปตฺติยา อาธารภาเวน อเปกฺขิตาฯ ยถา จ เจตสิกา จิตฺตสฺส, เอวํ จิตฺตมฺปิ เจตสิกานํ นิสฺสยาทิปจฺจยภาวโต อาธารภาเวน วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ยถาวุตฺตํ อุปฺปาทสทฺทาภิเธยฺยตํ น วินิวตฺตติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘จิตฺตุปฺปาโท’’ติ เอตฺถ อุปฺปาทสฺส วิเสสนภาเวน ปวตฺตมานมฺปิ จิตฺตํ อตฺตนิ ยถาวุตฺตอุปฺปาทอตฺถสมฺภวโต อปริจฺจตฺตวิเสสิตพฺพภาวเมว หุตฺวา ตสฺส วิเสสนภาวํ ปฎิปชฺชตีติฯ ยทาห ‘‘อวยเวน สมุทาโยปลกฺขณวเสน อโตฺถ สมฺภวตี’’ติฯ จิตฺตสมานคติกสฺส อิธ จิตฺตคฺคหเณน คเหตพฺพตาย ‘‘เทฺวปญฺจวิญฺญาณานี’’ติ นิทสฺสเนน วกฺขมานตฺตา ‘‘จิตฺต…เป.… คหณํ กต’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อญฺญสฺสาติ รูปสฺสฯ

    Uppajjatietthāti uppādo, cetasikā. Te hi cittassa sabbathāpi nissayādipaccayabhāvato ettha ca uppattiyā ādhārabhāvena apekkhitā. Yathā ca cetasikā cittassa, evaṃ cittampi cetasikānaṃ nissayādipaccayabhāvato ādhārabhāvena vattabbataṃ arahatīti yathāvuttaṃ uppādasaddābhidheyyataṃ na vinivattati. Idaṃ vuttaṃ hoti – ‘‘cittuppādo’’ti ettha uppādassa visesanabhāvena pavattamānampi cittaṃ attani yathāvuttauppādaatthasambhavato apariccattavisesitabbabhāvameva hutvā tassa visesanabhāvaṃ paṭipajjatīti. Yadāha ‘‘avayavena samudāyopalakkhaṇavasena attho sambhavatī’’ti. Cittasamānagatikassa idha cittaggahaṇena gahetabbatāya ‘‘dvepañcaviññāṇānī’’ti nidassanena vakkhamānattā ‘‘citta…pe… gahaṇaṃ kata’’nti vuttaṃ. Tattha aññassāti rūpassa.

    ๑๔๒๐. ปญฺจทฺวาเร วตฺตพฺพเมว นตฺถิ เอกนฺตปริตฺตารมฺมณตฺตา ปญฺจทฺวาริกจิตฺตานํฯ อิฎฺฐานิฎฺฐารมฺมณานุภวนนฺติ วิปากสฺส ปกเปฺปตฺวา อารมฺมณคฺคหณาภาวมาหฯ ตโต กมฺมานุรูปํ ปวตฺตมาโน วิปาโก ปริตฺตกมฺมวิปากตาย ปริตฺตารมฺมเณเยว ปวตฺติตุมรหติ, น มหคฺคตปฺปมาณารมฺมเณติ อธิปฺปาโยฯ สมาธิปฺปธานสฺสปิ กสฺสจิ กมฺมสฺส อปฺปนาอปฺปตฺตสฺส เอกเนฺตน สทิสวิปากตาอภาวโต ‘‘อปฺปนาปฺปตฺตสฺสา’’ติ กมฺมํ วิเสสิตํฯ วณฺณลกฺขณาทิํ อคฺคเหตฺวา โลกสญฺญานุโรเธเนว คหิเต ปถวาทิเก ปริกมฺมสญฺญาย สมุปฺปาทิตตฺตา ปฎิภาคนิมิตฺตสงฺขาตํ สญฺญาวสํ อารมฺมณํ อสฺสาติ สญฺญาวสารมฺมณํตาทิเสเนวาติ สมาธิปฺปธานตาย อปฺปนาปฺปตฺตีหิ วิย สญฺญาวสารมฺมณตาย จ นิพฺพิเสเสเนวฯ โสปีติ ปิ-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ เตเนตํ ทเสฺสติ ‘‘อตฺตโน กมฺมสฺส สมานภูมิกธมฺมารมฺมณตาย วิย ตสฺส อารมฺมณารมฺมณตายปิ วิปาโก กมฺมานุรูโปเยว นาม โหตี’’ติฯ

    1420. Pañcadvāre vattabbameva natthi ekantaparittārammaṇattā pañcadvārikacittānaṃ. Iṭṭhāniṭṭhārammaṇānubhavananti vipākassa pakappetvā ārammaṇaggahaṇābhāvamāha. Tato kammānurūpaṃ pavattamāno vipāko parittakammavipākatāya parittārammaṇeyeva pavattitumarahati, na mahaggatappamāṇārammaṇeti adhippāyo. Samādhippadhānassapi kassaci kammassa appanāappattassa ekantena sadisavipākatāabhāvato ‘‘appanāppattassā’’ti kammaṃ visesitaṃ. Vaṇṇalakkhaṇādiṃ aggahetvā lokasaññānurodheneva gahite pathavādike parikammasaññāya samuppāditattā paṭibhāganimittasaṅkhātaṃ saññāvasaṃ ārammaṇaṃ assāti saññāvasārammaṇaṃ. Tādisenevāti samādhippadhānatāya appanāppattīhi viya saññāvasārammaṇatāya ca nibbiseseneva. Sopīti pi-saddo sampiṇḍanattho. Tenetaṃ dasseti ‘‘attano kammassa samānabhūmikadhammārammaṇatāya viya tassa ārammaṇārammaṇatāyapi vipāko kammānurūpoyeva nāma hotī’’ti.

    ยทิ เอวํ กสฺมา มหคฺคตปฺปมาณารมฺมณสฺส ปริตฺตกมฺมสฺส วิปาโก ตทารมฺมณารมฺมโณ น โหตีติ? อปฺปนาปฺปตฺตกมฺมวิปากสฺส วิย ตสฺส กมฺมารมฺมณารมฺมณตาย นิยมาภาวโต กมฺมานุรูปตาย จ อเนกรูปตฺตาฯ ยถา อตฺตโน กมฺมสทิสสฺส มหคฺคตชวนสฺส ปริตฺตารมฺมณสฺสปิ ตทารมฺมณํ นานุพนฺธกํ ปริจยาภาวโต, เอวํ อตฺตโน กมฺมสฺส นิมิตฺตภูเตปิ ตสฺส สหการีการณาหิ อปริยาทิเนฺน มหคฺคตปฺปมาเณ อารมฺมเณ ปริจยาภาวโต ปริตฺตวิปาโก น ปวตฺตติ, กมฺมนิมิตฺตารมฺมโณ ปน ชายมาโน ปริเตฺตเนว เตน โหตีติ อาห ‘‘ปฎิสนฺธิอาทิภูโต’’ติอาทิฯ ยสฺมา ปนาติอาทินา ปาฬิยาว ยถาวุตฺตมตฺถํ นิจฺฉิโนติฯ นานากฺขณิกกมฺมปจฺจโย หิ เอตฺถ อธิเปฺปโต ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนานํ ภินฺนารมฺมณตาย วุตฺตตฺตาฯ น จาติอาทินา ปริตฺตวิปากา เอว อิธ ปจฺจยุปฺปนฺนภาเวน วุตฺตาติ ทเสฺสติฯ อิธาติ อิมสฺมิํ อตฺถุทฺธารกเณฺฑฯ

    Yadi evaṃ kasmā mahaggatappamāṇārammaṇassa parittakammassa vipāko tadārammaṇārammaṇo na hotīti? Appanāppattakammavipākassa viya tassa kammārammaṇārammaṇatāya niyamābhāvato kammānurūpatāya ca anekarūpattā. Yathā attano kammasadisassa mahaggatajavanassa parittārammaṇassapi tadārammaṇaṃ nānubandhakaṃ paricayābhāvato, evaṃ attano kammassa nimittabhūtepi tassa sahakārīkāraṇāhi apariyādinne mahaggatappamāṇe ārammaṇe paricayābhāvato parittavipāko na pavattati, kammanimittārammaṇo pana jāyamāno paritteneva tena hotīti āha ‘‘paṭisandhiādibhūto’’tiādi. Yasmā panātiādinā pāḷiyāva yathāvuttamatthaṃ nicchinoti. Nānākkhaṇikakammapaccayo hi ettha adhippeto paccayapaccayuppannānaṃ bhinnārammaṇatāya vuttattā. Na cātiādinā parittavipākā eva idha paccayuppannabhāvena vuttāti dasseti. Idhāti imasmiṃ atthuddhārakaṇḍe.

    สติเวปุลฺลปฺปตฺตานํ สติวิรหิตสฺส กายกมฺมสฺส สมฺภวํ ทเสฺสตุํ ‘‘วาสนาวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ อวีตราคานํ อปริเตฺตปิ กตฺถจิ อารมฺมเณ สิยา เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตนฺติ ‘‘กิเลสวิรเห’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํฯ อาทรากรณวเสเนวาติ อาทรากรณมตฺตวเสเนวาติ วิเสสนิวตฺติอโตฺถ เอว-สโทฺท ตเมว นิวเตฺตตพฺพํ วิเสสํ ทเสฺสติ, นาญฺญถาฯ โกสชฺชาทีติ อาทิ-สเทฺทน โทสาทโย สงฺคณฺหาติฯ อาทรากรณํ นิรุสฺสุกฺกตา เอวาติ อาทรํ กโรนฺตา นิรุสฺสุกฺกภาเวเนว น โหนฺติ, น ปน อาทรํ น กโรนฺติเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอกเจฺจ ปน ‘‘อกมฺมญฺญสรีรตาย อญฺญวิหิตตาย จ ขีณาสวานํ อสกฺกจฺจทานาทิปวตฺติ น อนาทรวเสนา’’ติ วทนฺติฯ

    Sativepullappattānaṃ sativirahitassa kāyakammassa sambhavaṃ dassetuṃ ‘‘vāsanāvasenā’’ti vuttaṃ. Avītarāgānaṃ aparittepi katthaci ārammaṇe siyā cetaso uppilāvitattanti ‘‘kilesavirahe’’ti visesetvā vuttaṃ. Ādarākaraṇavasenevāti ādarākaraṇamattavasenevāti visesanivattiattho eva-saddo tameva nivattetabbaṃ visesaṃ dasseti, nāññathā. Kosajjādīti ādi-saddena dosādayo saṅgaṇhāti. Ādarākaraṇaṃ nirussukkatā evāti ādaraṃ karontā nirussukkabhāveneva na honti, na pana ādaraṃ na karontiyevāti daṭṭhabbaṃ. Ekacce pana ‘‘akammaññasarīratāya aññavihitatāya ca khīṇāsavānaṃ asakkaccadānādipavatti na anādaravasenā’’ti vadanti.

    ๑๔๒๑. อติปคุณานนฺติ สุภาวิตานํ สุฎฺฐุตรํ วสิปฺปตฺตานํฯ เอวํ ปคุณชฺฌาเนสุปิ ปวตฺติ โหติ ตตฺถ วิจารณุสฺสาหสฺส มนฺทภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ ปุเพฺพ ทสฺสิตนฺติ ‘‘ตีณิ ลกฺขณานีติ อหนฺติ วา’’ติอาทินา ปุเพฺพ ทสฺสิตํฯ ‘‘อวิชฺชมาโน อปรมตฺถภาวโต, วิชฺชมาโน จ โลกสเงฺกตสิทฺธิยา สมฺมุติสจฺจภาวโต อโตฺถ อรียติ จิเตฺตน คมฺมติ ญายตี’’ติ อาจริยา วทนฺติฯ ยโต ตพฺพิสยา จิตฺตุปฺปาทา นวตฺตพฺพํ อารมฺมณํ เอเตสนฺติ นวตฺตพฺพารมฺมณาติ อญฺญปทตฺถสมาสวเสน วุจฺจนฺติฯ อยํ ปน วาโท เหวตฺถิกวาโท วิย โหตีติ ตสฺส อจฺจนฺตํ อวิชฺชมานตํ มญฺญโนฺต อิโต จ อญฺญถา อวิชฺชมานปญฺญตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘สมฺมุติสเจฺจ ปนา’’ติอาทิมาหฯ กถํ ปน ตสฺส อจฺจนฺตมวิชฺชมานเตฺต ตพฺพิสยานํ ธมฺมานํ ปวตฺติ นวตฺตพฺพารมฺมณภาโว จาติ อาห ‘‘อวิชฺชมานมฺปี’’ติอาทิฯ ปริตฺตาทิอารมฺมณาติ น วตฺตพฺพาติ วุตฺตาติ ปริตฺตาทโย วิย ตสฺส วิสุํ ววตฺถิตภาวํ นิเสเธติฯ

    1421. Atipaguṇānanti subhāvitānaṃ suṭṭhutaraṃ vasippattānaṃ. Evaṃ paguṇajjhānesupi pavatti hoti tattha vicāraṇussāhassa mandabhāvatoti adhippāyo. Pubbe dassitanti ‘‘tīṇi lakkhaṇānīti ahanti vā’’tiādinā pubbe dassitaṃ. ‘‘Avijjamāno aparamatthabhāvato, vijjamāno ca lokasaṅketasiddhiyā sammutisaccabhāvato attho arīyati cittena gammati ñāyatī’’ti ācariyā vadanti. Yato tabbisayā cittuppādā navattabbaṃ ārammaṇaṃ etesanti navattabbārammaṇāti aññapadatthasamāsavasena vuccanti. Ayaṃ pana vādo hevatthikavādo viya hotīti tassa accantaṃ avijjamānataṃ maññanto ito ca aññathā avijjamānapaññattiṃ dassetuṃ ‘‘sammutisacce panā’’tiādimāha. Kathaṃ pana tassa accantamavijjamānatte tabbisayānaṃ dhammānaṃ pavatti navattabbārammaṇabhāvo cāti āha ‘‘avijjamānampī’’tiādi. Parittādiārammaṇāti na vattabbāti vuttāti parittādayo viya tassa visuṃ vavatthitabhāvaṃ nisedheti.

    วิกฺขิปนํ นานารมฺมเณสุ จิตฺตสฺส ปวตฺตนํฯ อนวฎฺฐานํ เอกสฺมิํเยว ปวตฺติตุํ อปฺปทานํฯ ทุติยาทิมคฺคปุเรจาริกํ ผลสมาปตฺติปุเรจาริกญฺจ กามาวจรญาณํ นิพฺพานารมฺมณตาย โลกุตฺตรจิตฺตสฺส อาวชฺชนฎฺฐานิยตาย จ ปฐมมคฺคปุเรจาริกญาเณน สมานนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘โคตฺรภุโวทาเน โคตฺรภูติ คเหตฺวา’’ติฯ

    Vikkhipanaṃ nānārammaṇesu cittassa pavattanaṃ. Anavaṭṭhānaṃ ekasmiṃyeva pavattituṃ appadānaṃ. Dutiyādimaggapurecārikaṃ phalasamāpattipurecārikañca kāmāvacarañāṇaṃ nibbānārammaṇatāya lokuttaracittassa āvajjanaṭṭhāniyatāya ca paṭhamamaggapurecārikañāṇena samānanti katvā vuttaṃ ‘‘gotrabhuvodāne gotrabhūti gahetvā’’ti.

    สพฺพตฺถปาทกนฺติ นิปฺผาเทตเพฺพ, ปโยชเน วา ภุมฺมํ ‘‘เจตโส อวูปสเม’’ติอาทีสุ วิยฯ เตน สเพฺพสุ วิปสฺสนาทีสุ นิปฺผาเทตเพฺพสูติ อโตฺถฯ เตเนวาห ‘‘สเพฺพสู’’ติอาทิฯ อตีตํสญาณสฺส กามาวจรตฺตา อิทฺธิวิธาทีสุ ตสฺส อคฺคหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ตสฺส ปน อตีตสตฺตทิวสโต เหฎฺฐา ยาว ปจฺจุปฺปนฺนปฎิสนฺธิ, ตาว วิสโยติ วทนฺติฯ อตีตสตฺตทิวเสสุปิ ขนฺธปฎิพทฺธานํ ตสฺส วิสยภาโว ยุโตฺต วิย ทิสฺสติฯ

    Sabbatthapādakanti nipphādetabbe, payojane vā bhummaṃ ‘‘cetaso avūpasame’’tiādīsu viya. Tena sabbesu vipassanādīsu nipphādetabbesūti attho. Tenevāha ‘‘sabbesū’’tiādi. Atītaṃsañāṇassa kāmāvacarattā iddhividhādīsu tassa aggahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Tassa pana atītasattadivasato heṭṭhā yāva paccuppannapaṭisandhi, tāva visayoti vadanti. Atītasattadivasesupi khandhapaṭibaddhānaṃ tassa visayabhāvo yutto viya dissati.

    ปาทกชฺฌานจิตฺตํ ปริกเมฺมหิ คเหตฺวาติ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ‘‘อิทํ จิตฺตํ วิย อยํ กาโย สีฆคมโน โหตู’’ติ ปุพฺพภาคปริกเมฺมหิ รูปกายสฺส วิย ปาทกชฺฌานจิตฺตสฺสปิ คเหตพฺพตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อิทํ ปน อธิฎฺฐานํ เอวํ ปวตฺตตีติ เวทิตพฺพํฯ อธิเปฺปตฎฺฐานปาปุณนตฺถํ คนฺตุกามตํ ปุรกฺขตฺวา ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ‘‘อิทํ จิตฺตํ วิย อยํ กาโย สีฆคมโน โหตู’’ติ กรชกายารมฺมณํ ปริกมฺมํ กตฺวา ภวงฺคํ โอตริตฺวา วุฎฺฐาย ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปุน ภวเงฺค โอติเณฺณ มโนทฺวาราวชฺชนํ รูปกายํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ อนุโลมานิ จฯ ตโต อธิฎฺฐานจิตฺตมฺปิ ตเมวารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติฯ ตสฺสานุภาเวน ยถาธิเปฺปตฎฺฐานํ คโตเยว โหติฯ เอวํ อทิสฺสมาเนน กาเยน คจฺฉโนฺต ปนายํ กิํ ตสฺส อธิฎฺฐานจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ คจฺฉติ, อุทาหุ ฐิติกฺขเณ ภงฺคกฺขเณ วาติ? ตีสุ ขเณสุ คจฺฉตีติ อิจฺฉนฺติฯ จิเตฺตติ ปาทกชฺฌานจิเตฺตฯ สโมทหตีติ จิตฺตานุคติกํ จิตฺตํ วิย สีฆคมนํ กโรตีติ อโตฺถฯ ยถา หิ จิตฺตํ อิจฺฉิตกฺขเณ อติทูเรปิ วิสยํ อารพฺภ ปวตฺตติ, เอวํ รูปกายสฺสปิ ลหุปริวตฺติภาวาปาทนํ จิตฺตวเสน กายปริณามนํฯ น เจตฺถ รูปธมฺมานํ ทนฺธปริวตฺติภาวโต เอกจิตฺตกฺขเณน เทสนฺตรุปฺปตฺติ น ยุชฺชตีติ วตฺตพฺพา อธิฎฺฐานจิเตฺตน รูปกายสฺส ลหุปริวตฺติภาวสฺส อาปาทิตตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘จิตฺตวเสน กายํ อธิฎฺฐหิตฺวา สุขสญฺญญฺจ ลหุสญฺญญฺจ โอกฺกมิตฺวา อทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉตี’’ติ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๙๗)ฯ อจิเนฺตโยฺย หิ อิทฺธิมนฺตานํ อิทฺธิวิสโยติฯ

    Pādakajjhānacittaṃ parikammehi gahetvāti pādakajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya ‘‘idaṃ cittaṃ viya ayaṃ kāyo sīghagamano hotū’’ti pubbabhāgaparikammehi rūpakāyassa viya pādakajjhānacittassapi gahetabbataṃ sandhāya vuttaṃ. Idaṃ pana adhiṭṭhānaṃ evaṃ pavattatīti veditabbaṃ. Adhippetaṭṭhānapāpuṇanatthaṃ gantukāmataṃ purakkhatvā pādakajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya ‘‘idaṃ cittaṃ viya ayaṃ kāyo sīghagamano hotū’’ti karajakāyārammaṇaṃ parikammaṃ katvā bhavaṅgaṃ otaritvā vuṭṭhāya pādakajjhānaṃ samāpajjitvā puna bhavaṅge otiṇṇe manodvārāvajjanaṃ rūpakāyaṃ ārammaṇaṃ katvā uppajjati anulomāni ca. Tato adhiṭṭhānacittampi tamevārammaṇaṃ katvā uppajjati. Tassānubhāvena yathādhippetaṭṭhānaṃ gatoyeva hoti. Evaṃ adissamānena kāyena gacchanto panāyaṃ kiṃ tassa adhiṭṭhānacittassa uppādakkhaṇe gacchati, udāhu ṭhitikkhaṇe bhaṅgakkhaṇe vāti? Tīsu khaṇesu gacchatīti icchanti. Citteti pādakajjhānacitte. Samodahatīti cittānugatikaṃ cittaṃ viya sīghagamanaṃ karotīti attho. Yathā hi cittaṃ icchitakkhaṇe atidūrepi visayaṃ ārabbha pavattati, evaṃ rūpakāyassapi lahuparivattibhāvāpādanaṃ cittavasena kāyapariṇāmanaṃ. Na cettha rūpadhammānaṃ dandhaparivattibhāvato ekacittakkhaṇena desantaruppatti na yujjatīti vattabbā adhiṭṭhānacittena rūpakāyassa lahuparivattibhāvassa āpāditattā. Tenevāha ‘‘cittavasena kāyaṃ adhiṭṭhahitvā sukhasaññañca lahusaññañca okkamitvā adissamānena kāyena brahmalokaṃ gacchatī’’ti (visuddhi. 2.397). Acinteyyo hi iddhimantānaṃ iddhivisayoti.

    จิตฺตสนฺตานํ รูปกาเย สโมทหิตนฺติ ยตฺตเกหิ จิเตฺตหิ ทิสฺสมาเนน กาเยน ยถาธิเปฺปตฎฺฐานปฺปตฺติ, ตตฺตกานํ จิตฺตานํ ปพนฺธสฺส ทนฺธคมนกรณโต อิมสฺส อธิฎฺฐานสฺส กรชกาเย อาโรปิตํ ตทนุคุณนฺติ อโตฺถฯ อิทมฺปิ อธิฎฺฐานปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย ‘‘อยํ กาโย วิย อิทํ จิตฺตํ ทนฺธคมนํ โหตู’’ติ สมาปชฺชิตฺวา วุฎฺฐิตชฺฌานจิตฺตารมฺมณํ ปริกมฺมํ กตฺวา ภวงฺคํ โอตริตฺวา ภวงฺคโต วุฎฺฐาย ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปุน ภวเงฺค โอติเณฺณ มโนทฺวาราวชฺชนํ ปาทกชฺฌานํ อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ อนุโลมานิ จฯ ตโต อธิฎฺฐานจิตฺตมฺปิ ตเมวารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติฯ ตสฺสานุภาเวน อนฺตรา ปญฺจวิญฺญาณาทีสุ อุปฺปเนฺนสุปิ อปตโนฺต อิจฺฉิตฎฺฐานํ คจฺฉติฯ เอวํ คจฺฉโนฺต จ สเจ อิจฺฉติ, ปถวีกสิณวเสน อากาเส มคฺคํ นิมฺมินิตฺวา ปทสา คจฺฉติฯ สเจ อิจฺฉติ, วาโยกสิณวเสน วายุํ อธิฎฺฐหิตฺวา ตูลปิจุ วิย วายุนา คจฺฉติฯ อปิจ คนฺตุกามตาว เอตฺถ ปมาณํฯ สติ หิ คนฺตุกามตาย เอวํ กตาธิฎฺฐาโน อธิฎฺฐานเวคกฺขิโตฺตเวโส อิสฺสาสปกฺขิโตฺต สโร วิย ทิสฺสมาโน คจฺฉตีติฯ ตตฺถ อากาเส มคฺคํ นิมฺมินิตฺวา คจฺฉโนฺต วินาปิ อภิญฺญาญาเณน ปกติปถวิยํ วิย คจฺฉติฯ เตเนว ‘‘ปทสา คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํฯ วายุํ อธิฎฺฐหิตฺวา คจฺฉโนฺต อภิญฺญาญาณสมุฎฺฐิตวาโยธาตุปรมฺปราย คจฺฉติฯ อุภยตฺถาปิ อนฺตรา วนรามณียกาทีนิ เปกฺขมาโน อาปาถคเต สเทฺท จ สุณมาโน คจฺฉตีติ วทนฺติฯ เกจิ ปน ‘‘อทิสฺสมาเนน กาเยน เอกจิตฺตกฺขเณเนว อิจฺฉิตฎฺฐานคมเน ทิสฺสมาเนน กาเยน ปทสา วายุนา จ คมเน อภิญฺญาจิตฺตสมุฎฺฐิตกายวิญฺญตฺติวิปฺผาเรน คมน’’นฺติ วทนฺติฯ อปเร ‘‘อภิญฺญาจิตฺตสฺส วิญฺญตฺตินิพฺพตฺตนกิจฺจํ นตฺถี’’ติ วทนฺติฯ

    Cittasantānaṃrūpakāye samodahitanti yattakehi cittehi dissamānena kāyena yathādhippetaṭṭhānappatti, tattakānaṃ cittānaṃ pabandhassa dandhagamanakaraṇato imassa adhiṭṭhānassa karajakāye āropitaṃ tadanuguṇanti attho. Idampi adhiṭṭhānapādakajjhānaṃ samāpajjitvā vuṭṭhāya ‘‘ayaṃ kāyo viya idaṃ cittaṃ dandhagamanaṃ hotū’’ti samāpajjitvā vuṭṭhitajjhānacittārammaṇaṃ parikammaṃ katvā bhavaṅgaṃ otaritvā bhavaṅgato vuṭṭhāya pādakajjhānaṃ samāpajjitvā puna bhavaṅge otiṇṇe manodvārāvajjanaṃ pādakajjhānaṃ ārammaṇaṃ katvā uppajjati anulomāni ca. Tato adhiṭṭhānacittampi tamevārammaṇaṃ katvā uppajjati. Tassānubhāvena antarā pañcaviññāṇādīsu uppannesupi apatanto icchitaṭṭhānaṃ gacchati. Evaṃ gacchanto ca sace icchati, pathavīkasiṇavasena ākāse maggaṃ nimminitvā padasā gacchati. Sace icchati, vāyokasiṇavasena vāyuṃ adhiṭṭhahitvā tūlapicu viya vāyunā gacchati. Apica gantukāmatāva ettha pamāṇaṃ. Sati hi gantukāmatāya evaṃ katādhiṭṭhāno adhiṭṭhānavegakkhittoveso issāsapakkhitto saro viya dissamāno gacchatīti. Tattha ākāse maggaṃ nimminitvā gacchanto vināpi abhiññāñāṇena pakatipathaviyaṃ viya gacchati. Teneva ‘‘padasā gacchatī’’ti vuttaṃ. Vāyuṃ adhiṭṭhahitvā gacchanto abhiññāñāṇasamuṭṭhitavāyodhātuparamparāya gacchati. Ubhayatthāpi antarā vanarāmaṇīyakādīni pekkhamāno āpāthagate sadde ca suṇamāno gacchatīti vadanti. Keci pana ‘‘adissamānena kāyena ekacittakkhaṇeneva icchitaṭṭhānagamane dissamānena kāyena padasā vāyunā ca gamane abhiññācittasamuṭṭhitakāyaviññattivipphārena gamana’’nti vadanti. Apare ‘‘abhiññācittassa viññattinibbattanakiccaṃ natthī’’ti vadanti.

    อธิฎฺฐานทฺวยนฺติ จิตฺตกายวเสน กายจิตฺตปริณามนภูตํ รูปกายปาทกชฺฌานจิตฺตารมฺมณํ อุภยํ อธิฎฺฐานํฯ ตํสมฺปยุตฺตายาติ ยถาวุตฺตอธิฎฺฐานทฺวยสมฺปยุตฺตายฯ สุขสญฺญาลหุสญฺญาภาวโตติ สุขสญฺญาลหุสญฺญาสพฺภาวโต, ตพฺภาวํ อาปชฺชนโตติ อโตฺถฯ สุขสญฺญาติ เจตฺถ อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตา สญฺญาฯ อุเปกฺขา หิ ‘‘สนฺตํ สุข’’นฺติ วุตฺตาฯ สาเยว จ สญฺญา นีวรเณหิ เจว วิตกฺกาทีหิ ปจฺจนีเกหิ จ วิมุตฺตตฺตา ‘‘ลหุสญฺญา’’ติปิ เวทิตพฺพาฯ ตาหิ สโมกฺกนฺตาหิ รูปกาโยปิ ตูลปิจุ วิย สลฺลหุโก โหติฯ โส เอวํ วาตกฺขิตฺตตูลปิจุนา วิย สลฺลหุเกน เอกจิตฺตกฺขเณน อทิสฺสมาเนน จ กาเยน ยถารุจิ คจฺฉตีติฯ

    Adhiṭṭhānadvayanti cittakāyavasena kāyacittapariṇāmanabhūtaṃ rūpakāyapādakajjhānacittārammaṇaṃ ubhayaṃ adhiṭṭhānaṃ. Taṃsampayuttāyāti yathāvuttaadhiṭṭhānadvayasampayuttāya. Sukhasaññālahusaññābhāvatoti sukhasaññālahusaññāsabbhāvato, tabbhāvaṃ āpajjanatoti attho. Sukhasaññāti cettha upekkhāsampayuttā saññā. Upekkhā hi ‘‘santaṃ sukha’’nti vuttā. Sāyeva ca saññā nīvaraṇehi ceva vitakkādīhi paccanīkehi ca vimuttattā ‘‘lahusaññā’’tipi veditabbā. Tāhi samokkantāhi rūpakāyopi tūlapicu viya sallahuko hoti. So evaṃ vātakkhittatūlapicunā viya sallahukena ekacittakkhaṇena adissamānena ca kāyena yathāruci gacchatīti.

    ‘‘มุโตฺต วตมฺหิ ตาย อนตฺถสํหิตาย ทุกฺกรการิกาย, สาธุ วตมฺหิ สมฺมาสโมฺพธิํ สมฺพุชฺฌ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๓๗) ปวตฺตํ ภควโต เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย มาโร ‘‘อมุตฺตภาวมสฺส กริสฺสามี’’ติ,

    ‘‘Mutto vatamhi tāya anatthasaṃhitāya dukkarakārikāya, sādhu vatamhi sammāsambodhiṃ sambujjha’’nti (saṃ. ni. 1.137) pavattaṃ bhagavato cetoparivitakkamaññāya māro ‘‘amuttabhāvamassa karissāmī’’ti,

    ‘‘ตโปกมฺมา อปกฺกมฺม, ยํ น สุชฺฌนฺติ มาณวา;

    ‘‘Tapokammā apakkamma, yaṃ na sujjhanti māṇavā;

    อสุโทฺธ มญฺญสิ สุโทฺธ, สุทฺธิมคฺคา อปรโทฺธ’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๓๗) –

    Asuddho maññasi suddho, suddhimaggā aparaddho’’ti. (saṃ. ni. 1.137) –

    อาหาติ เอวมาทิํ สนฺธาย ‘‘มาราทีนมฺปิ ภควโต จิตฺตชานนํ วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ นิพฺพานปจฺจเวกฺขณญฺจ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน นิพฺพานา…เป.… ญาเตสุ ปวตฺตตีติ สมฺพโนฺธฯ นิพฺพานา…เป.… ญาเตสูติ อิทํ อภิญฺญาญาณสฺส ปรโต ปวตฺตมานํ ปจฺจเวกฺขณํ อภิญฺญาญาณสฺส วิสเย วิย อภิญฺญาญาณวิสยวิสเยปิ กทาจิ ปวตฺติตุํ อรหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ อปฺปมาณารมฺมณตนฺติ อปฺปมาณขนฺธารมฺมณตนฺติ อโตฺถฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส นิพฺพานารมฺมณภาวทีปโก โกจิ ปาโฐ นตฺถิ, ตสฺมาฯ ปจฺจเวกฺขณกิเจฺจ วุจฺจมาเนติ รุฬฺหิํ อคฺคเหตฺวา มคฺคาทีนํ อตีตานํ ปติ ปติ อเวกฺขนํ อนุสฺสรณํ ปจฺจเวกฺขณนฺติ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณสฺส กิจฺจํเยว ปจฺจเวกฺขณนฺติ วุจฺจมาเนติ อโตฺถฯ อนุญฺญาตาติ ทิสฺสตีติ ‘‘มคฺคผลนิพฺพานปจฺจเวกฺขณโต’’ติ อิทเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน นิพฺพานารมฺมเณ ขเนฺธ ทิสฺวา ‘‘อิเม ธมฺมา กิํ นุ โข อารพฺภ ปวตฺตา’’ติ อาวเชฺชนฺตสฺส ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณํ นิพฺพานารมฺมเณ ปวตฺตตีติฯ อนาคตํสญาเณปิ เอเสว นโยฯ

    Āhāti evamādiṃ sandhāya ‘‘mārādīnampi bhagavato cittajānanaṃ vutta’’nti vuttaṃ. Nibbānapaccavekkhaṇañca pubbenivāsānussatiñāṇena nibbānā…pe… ñātesu pavattatīti sambandho. Nibbānā…pe… ñātesūti idaṃ abhiññāñāṇassa parato pavattamānaṃ paccavekkhaṇaṃ abhiññāñāṇassa visaye viya abhiññāñāṇavisayavisayepi kadāci pavattituṃ arahatīti katvā vuttaṃ. Appamāṇārammaṇatanti appamāṇakhandhārammaṇatanti attho. Tasmāti yasmā pubbenivāsānussatiñāṇassa nibbānārammaṇabhāvadīpako koci pāṭho natthi, tasmā. Paccavekkhaṇakicce vuccamāneti ruḷhiṃ aggahetvā maggādīnaṃ atītānaṃ pati pati avekkhanaṃ anussaraṇaṃ paccavekkhaṇanti pubbenivāsānussatiñāṇassa kiccaṃyeva paccavekkhaṇanti vuccamāneti attho. Anuññātāti dissatīti ‘‘maggaphalanibbānapaccavekkhaṇato’’ti idameva sandhāya vuttaṃ. Ayañhettha attho – pubbenivāsānussatiñāṇena nibbānārammaṇe khandhe disvā ‘‘ime dhammā kiṃ nu kho ārabbha pavattā’’ti āvajjentassa pubbenivāsānussatiñāṇaṃ nibbānārammaṇe pavattatīti. Anāgataṃsañāṇepi eseva nayo.

    ยทิ เอวํ กสฺมา ปริตฺตตฺติเก ‘‘อปฺปมาโณ ธโมฺม มหคฺคตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๑๒.๕๘) เอตฺถ ‘‘อปฺปมาณา ขนฺธา เจโตปริยญาณสฺส ปุเพฺพนิวาสอนาคตํสญาณสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ อชฺฌตฺตตฺติเก จ ‘‘พหิทฺธาธโมฺม พหิทฺธาธมฺมสฺส, พหิทฺธาธโมฺม อชฺฌตฺตสฺส ธมฺมสฺส อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอเตสํ วิภเงฺคสุ ‘‘พหิทฺธา ขนฺธา อิทฺธิวิธญาณสฺส เจโตปริยปุเพฺพนิวาสยถากมฺมูปคอนาคตํสอาวชฺชนาย อารมฺมณปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๒๐.๒๙) เอตฺตกเมว วุตฺตํ, น วุตฺตํ นิพฺพานนฺติฯ เจโตปริยอิทฺธิวิธาทิญาเณหิ สห วุตฺตตฺตาติ เจ, เอวมฺปิ วิสุํ วิภชิตพฺพํ สิยาฯ น หิ วิสุํ วิภชนารหํ สห วิภชตีติ? น, อวจนสฺส อญฺญการณตฺตาฯ ยานิ หิ ปุถุชฺชนานํ ปุเพฺพนิวาสอนาคตํสญาณานิ, เตสํ อวิสโย เอว นิพฺพานํฯ อริยานํ ปน มคฺคผลปจฺจเวกฺขเณหิ สจฺฉิกตนิพฺพานานํ อิเมหิ ญาเณหิ ปจฺจกฺขกรเณ ปโยชนํ นตฺถีติ สาธารเณน อิทฺธิวิธญาณาทีนํ คหิตตฺตา นิพฺพานํ น วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํ ฯ นิพฺพตฺตกฺขนฺธชานนมาห, น นิพฺพตฺตกกฺขนฺธชานนํฯ ยถากมฺมูปคญาณกิจฺจญฺหิ ตนฺติฯ อโตฺถ สมฺภวตีติ อิทํ อนาคตํสญาณสฺสปิ อนิพฺพานารมฺมณตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    Yadi evaṃ kasmā parittattike ‘‘appamāṇo dhammo mahaggatassa dhammassa ārammaṇapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.12.58) ettha ‘‘appamāṇā khandhā cetopariyañāṇassa pubbenivāsaanāgataṃsañāṇassa ārammaṇapaccayena paccayo’’ti ajjhattattike ca ‘‘bahiddhādhammo bahiddhādhammassa, bahiddhādhammo ajjhattassa dhammassa ārammaṇapaccayena paccayo’’ti etesaṃ vibhaṅgesu ‘‘bahiddhā khandhā iddhividhañāṇassa cetopariyapubbenivāsayathākammūpagaanāgataṃsaāvajjanāya ārammaṇapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.20.29) ettakameva vuttaṃ, na vuttaṃ nibbānanti. Cetopariyaiddhividhādiñāṇehi saha vuttattāti ce, evampi visuṃ vibhajitabbaṃ siyā. Na hi visuṃ vibhajanārahaṃ saha vibhajatīti? Na, avacanassa aññakāraṇattā. Yāni hi puthujjanānaṃ pubbenivāsaanāgataṃsañāṇāni, tesaṃ avisayo eva nibbānaṃ. Ariyānaṃ pana maggaphalapaccavekkhaṇehi sacchikatanibbānānaṃ imehi ñāṇehi paccakkhakaraṇe payojanaṃ natthīti sādhāraṇena iddhividhañāṇādīnaṃ gahitattā nibbānaṃ na vuttanti daṭṭhabbaṃ . Nibbattakkhandhajānanamāha, na nibbattakakkhandhajānanaṃ. Yathākammūpagañāṇakiccañhi tanti. Attho sambhavatīti idaṃ anāgataṃsañāṇassapi anibbānārammaṇataṃ sandhāya vuttaṃ.

    ๑๔๒๙. มคฺคารมฺมณตฺติเก ยสฺมา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ โพธิเตสุ จิตฺตุปฺปาเทสุ เอกนฺตโต มคฺคารมฺมณาเยว เกจิ นตฺถิ, มคฺคารมฺมณาเยว ปน กทาจิ มคฺคาธิปติโน โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘กตเม ธมฺมา มคฺคารมฺมณา’’ติ เอกเมว ปุจฺฉํ กตฺวา ตโยปิ โกฎฺฐาสา ลพฺภมานวเสน วิภตฺตาฯ อิมินา นเยน ปรโตปิ เอวรูเปสุ ฐาเนสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ‘‘จิตฺตุปฺปาทา’’ติ, ‘‘มคฺคารมฺมณา’’ติ จ วุตฺตธมฺมานํเยว มคฺคเหตุกตฺตาภาวํ สาเธตุํ ‘‘อสหชาตตฺตา’’ติ อิทํ เหตุวจนนฺติ ‘‘อสมฺปยุตฺตตฺตาติ อโตฺถ’’ติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘น หิ อรูปธมฺมาน’’นฺติอาทิฯ ‘‘อญฺญธมฺมารมฺมณกาเล เอวา’’ติ อวธารณสฺส อคฺคหิตตฺตา ครุํ อกตฺวา มคฺคารมฺมณกาเลปิ มคฺคาธิปติภาเวน น วตฺตพฺพาติ อยมฺปิ อโตฺถ อฎฺฐกถายํ ปริคฺคหิโตเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขณกาเล’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ครุํ อกตฺวา ปจฺจเวกฺขณกาเลปิ อตฺถิ เอวฯ ตทา จ มคฺคาธิปติภาเวน น วตฺตพฺพา เต ธมฺมาติ ภิโยฺยปิ สิโทฺธวายมโตฺถฯ

    1429. Maggārammaṇattike yasmā cittuppādakaṇḍe bodhitesu cittuppādesu ekantato maggārammaṇāyeva keci natthi, maggārammaṇāyeva pana kadāci maggādhipatino honti, tasmā ‘‘katame dhammā maggārammaṇā’’ti ekameva pucchaṃ katvā tayopi koṭṭhāsā labbhamānavasena vibhattā. Iminā nayena paratopi evarūpesu ṭhānesu attho veditabbo. ‘‘Cittuppādā’’ti, ‘‘maggārammaṇā’’ti ca vuttadhammānaṃyeva maggahetukattābhāvaṃ sādhetuṃ ‘‘asahajātattā’’ti idaṃ hetuvacananti ‘‘asampayuttattāti attho’’ti vuttaṃ. Tenevāha ‘‘na hi arūpadhammāna’’ntiādi. ‘‘Aññadhammārammaṇakāle evā’’ti avadhāraṇassa aggahitattā garuṃ akatvā maggārammaṇakālepi maggādhipatibhāvena na vattabbāti ayampi attho aṭṭhakathāyaṃ pariggahitoyevāti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Garuṃ katvā paccavekkhaṇakāle’’ti hi vuttattā garuṃ akatvā paccavekkhaṇakālepi atthi eva. Tadā ca maggādhipatibhāvena na vattabbā te dhammāti bhiyyopi siddhovāyamattho.

    ๑๔๓๔. อตีตารมฺมณาวาติ อุทฺธฎํ, ‘‘อตีตารมฺมณา’’ติ ปน อฎฺฐกถาปาโฐ พหูสุ โปตฺถเกสุ ทิสฺสติฯ ตสฺมาติ ยสฺมา ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺควณฺณนายํ (วิภ. อ. ๒๒๗) ‘‘มรณสมเย ญาตกา ‘อยํ, ตาต, ตวตฺถาย พุทฺธปูชา กรียติ, จิตฺตํ ปสาเทหี’ติ วตฺวา’’ติอาทินา ปญฺจทฺวาเร รูปาทิอารมฺมณูปสํหรณํ ตตฺถ ตทารมฺมณปริโยสานานํ จุทฺทสนฺนํ จิตฺตานํ ปวตฺติญฺจ วตฺวา ตสฺมิํเยว เอกจิตฺตกฺขณฎฺฐิติเก อารมฺมเณ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ อุปฺปชฺชตีติ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณภาวํ ปฎิสนฺธิยา วกฺขติ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ เทฺว ภวงฺคานิ อาวชฺชนํ มรณสฺสาสนฺนภาเวน มนฺทีภูตเวคตฺตา ปญฺจ ชวนานิ เทฺว ตทารมฺมณานิ จุติจิตฺตนฺติ เอกาทส จิตฺตกฺขณา อตีตาติ อาห ‘‘ปญฺจจิตฺตกฺขณาวสิฎฺฐายุเก’’ติฯ อิตรตฺถาติ อญฺญตทารมฺมณาย จุติยาฯ อิทานิ ตเมว ‘‘อิตรตฺถา’’ติ สเงฺขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘ยทา หี’’ติอาทิมาหฯ จุติยา ตทารมฺมณรหิตตฺตา ปฎิสนฺธิยา จ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตา ‘‘รูปา…เป.… ชฺชนฺตสฺสา’’ติ อุทาหฎํฯ ฉ ภวงฺคานิ ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณานิ โหนฺติ, นว จิตฺตกฺขณา อตีตาติ สตฺตจิตฺตกฺขณาวสิฎฺฐายุเก คตินิมิเตฺต ปฎิสนฺธิยา ปวตฺตตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    1434. Atītārammaṇāvāti uddhaṭaṃ, ‘‘atītārammaṇā’’ti pana aṭṭhakathāpāṭho bahūsu potthakesu dissati. Tasmāti yasmā paṭiccasamuppādavibhaṅgavaṇṇanāyaṃ (vibha. a. 227) ‘‘maraṇasamaye ñātakā ‘ayaṃ, tāta, tavatthāya buddhapūjā karīyati, cittaṃ pasādehī’ti vatvā’’tiādinā pañcadvāre rūpādiārammaṇūpasaṃharaṇaṃ tattha tadārammaṇapariyosānānaṃ cuddasannaṃ cittānaṃ pavattiñca vatvā tasmiṃyeva ekacittakkhaṇaṭṭhitike ārammaṇe paṭisandhicittaṃ uppajjatīti paccuppannārammaṇabhāvaṃ paṭisandhiyā vakkhati, tasmāti attho. Dve bhavaṅgāni āvajjanaṃ maraṇassāsannabhāvena mandībhūtavegattā pañca javanāni dve tadārammaṇāni cuticittanti ekādasa cittakkhaṇā atītāti āha ‘‘pañcacittakkhaṇāvasiṭṭhāyuke’’ti. Itaratthāti aññatadārammaṇāya cutiyā. Idāni tameva ‘‘itaratthā’’ti saṅkhepato vuttamatthaṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘yadā hī’’tiādimāha. Cutiyā tadārammaṇarahitattā paṭisandhiyā ca paccuppannārammaṇattā ‘‘rūpā…pe… jjantassā’’ti udāhaṭaṃ. Cha bhavaṅgāni paccuppannārammaṇāni honti, nava cittakkhaṇā atītāti sattacittakkhaṇāvasiṭṭhāyuke gatinimitte paṭisandhiyā pavattattāti daṭṭhabbaṃ.

    วิชฺชมานเมว กายํ อารมฺมณํ กโรตีติ เอเตน สุขลหุสโญฺญกฺกมเนน ปจฺจุปฺปนฺนเสฺสว ภูตุปาทายรูปสงฺฆาตสฺส ลหุปริวตฺติภาวาปาทนํ, น ภาวิโนติ ทเสฺสติฯ

    Vijjamānamevakāyaṃ ārammaṇaṃ karotīti etena sukhalahusaññokkamanena paccuppannasseva bhūtupādāyarūpasaṅghātassa lahuparivattibhāvāpādanaṃ, na bhāvinoti dasseti.

    เอตฺถนฺตเรติ อปากฎกาลโต ปฎฺฐาย ยาว ปากฎกาโล, เอตสฺมิํ อนฺตเรฯ ยสฺมา ปน กสฺสจิ กิญฺจิ สีฆํ ปากฎํ โหติ, กสฺสจิ ทนฺธํ, ตสฺมา ‘‘เอกเทฺวสนฺตติวารา’’ติ อนิยเมตฺวา วุตฺตํฯ ‘‘วจนสิลิฎฺฐตาวเสน วุตฺต’’นฺติ เอเก, เกจิ ปน ‘‘เอตฺถนฺตเร ปวตฺตา รูปธมฺมา อรูปธมฺมา จ ปจฺจุปฺปนฺนาติ คหิเต เอโก สนฺตติวาโร โหติ, ตํ ปน ทฺวิธา วิภชิตฺวา อปากฎกาลํ อาทิํ กตฺวา เยภุเยฺยน ปากฎกาลโต โอรภาโว เอโก โกฎฺฐาโส เยภุเยฺยน ปากฎกาลํ อาทิํ กตฺวา ยาว สุปากฎกาโล เอโกติ เอเต เทฺว สนฺตติวาราฯ อิมินา นเยน เสสสนฺตติวารเภทาปิ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ กาลวเสน สเพฺพสํ สมานภาวํ อคฺคเหตฺวา ธมฺมานํ สทิสปฺปวตฺติวเสน สนฺตติปริเจฺฉโท ทีปิตโพฺพ’’ติ วทนฺติฯ กิญฺจิ กิญฺจิ กาลํ สทิสํ ปวตฺตมานาปิ หิ อุตุจิตฺตาทิสมุฎฺฐานา รูปธมฺมา สนฺตติวาราติ วุจฺจนฺติฯ ยทาห ‘‘อติปริตฺตา’’ติอาทินา, อรูปสนฺตติปิ เจตฺถ ยถาวุตฺตรูปสนฺตติปริจฺฉินฺนา สงฺคหิตาเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปจฺจุปฺปเนฺนสุ ธเมฺมสุ สํหีรตีติ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อากฑฺฒนียฎฺฐานภาเวน วุตฺตํฯ ‘‘โย จาวุโส, มโน เย จ ธมฺมา’’ติ วิสยิวิสยภูตา เอกภวภูตา จ เอกสนฺตติปริยาปนฺนา ธมฺมา วิภาคํ อกตฺวา คยฺหมานา อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ โหติ, สติ ปน วิภาคกรเณ ขณสนฺตติปจฺจุปฺปนฺนตา ลพฺภตีติ อาห ‘‘อทฺธาปจฺจุปฺปนฺนํ โหนฺตํ เอตํ อุภยํ โหตี’’ติฯ

    Etthantareti apākaṭakālato paṭṭhāya yāva pākaṭakālo, etasmiṃ antare. Yasmā pana kassaci kiñci sīghaṃ pākaṭaṃ hoti, kassaci dandhaṃ, tasmā ‘‘ekadvesantativārā’’ti aniyametvā vuttaṃ. ‘‘Vacanasiliṭṭhatāvasena vutta’’nti eke, keci pana ‘‘etthantare pavattā rūpadhammā arūpadhammā ca paccuppannāti gahite eko santativāro hoti, taṃ pana dvidhā vibhajitvā apākaṭakālaṃ ādiṃ katvā yebhuyyena pākaṭakālato orabhāvo eko koṭṭhāso yebhuyyena pākaṭakālaṃ ādiṃ katvā yāva supākaṭakālo ekoti ete dve santativārā. Iminā nayena sesasantativārabhedāpi veditabbā. Tattha kālavasena sabbesaṃ samānabhāvaṃ aggahetvā dhammānaṃ sadisappavattivasena santatiparicchedo dīpitabbo’’ti vadanti. Kiñci kiñci kālaṃ sadisaṃ pavattamānāpi hi utucittādisamuṭṭhānā rūpadhammā santativārāti vuccanti. Yadāha ‘‘atiparittā’’tiādinā, arūpasantatipi cettha yathāvuttarūpasantatiparicchinnā saṅgahitāyevāti daṭṭhabbaṃ. Paccuppannesu dhammesu saṃhīratīti taṇhādiṭṭhīhi ākaḍḍhanīyaṭṭhānabhāvena vuttaṃ. ‘‘Yo cāvuso, mano ye ca dhammā’’ti visayivisayabhūtā ekabhavabhūtā ca ekasantatipariyāpannā dhammā vibhāgaṃ akatvā gayhamānā addhāpaccuppannaṃ hoti, sati pana vibhāgakaraṇe khaṇasantatipaccuppannatā labbhatīti āha ‘‘addhāpaccuppannaṃ hontaṃ etaṃ ubhayaṃ hotī’’ti.

    ตสฺสาติ มหาชนสฺสฯ อตีตาทิวิภาคํ อกตฺวาติ อาวชฺชนาทีนํ สมานาการปฺปวตฺติยา อุปายํ ทเสฺสติฯ สิทฺธํ โหตีติ ขณปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณเตฺตปิ ปริกมฺมเจโตปริยญาณานํ อยํ ปาฬิ สุฎฺฐุ นีตา โหตีติ อโตฺถฯ อตีตตฺติโก จ เอวํ อภิโนฺน โหตีติ เอวํ ขณปจฺจุปฺปเนฺนเยว ธเมฺม อิธ ปจฺจุปฺปโนฺนติ คยฺหมาเน อญฺญปทสงฺคหิตเสฺสว อนนฺตรปจฺจยภาวํ ปกาเสโนฺต อตีตตฺติโก จ ปฎฺฐาเน อเภทโต สมฺมา อตฺถสฺส อุทฺธฎตฺตา อวินาสิโต โหติฯ อถ วา อตีตตฺติโกติ ปฎฺฐาเน อตีตตฺติกปาฬิ, อิมาย อตีตตฺติกปาฬิยา ยถาวุตฺตการณโตเยว อภิโนฺน อวิสิโฎฺฐ อญฺญทตฺถุ สํสนฺทติ สเมตีติ อโตฺถฯ

    Tassāti mahājanassa. Atītādivibhāgaṃ akatvāti āvajjanādīnaṃ samānākārappavattiyā upāyaṃ dasseti. Siddhaṃ hotīti khaṇapaccuppannārammaṇattepi parikammacetopariyañāṇānaṃ ayaṃ pāḷi suṭṭhu nītā hotīti attho. Atītattiko ca evaṃ abhinno hotīti evaṃ khaṇapaccuppanneyeva dhamme idha paccuppannoti gayhamāne aññapadasaṅgahitasseva anantarapaccayabhāvaṃ pakāsento atītattiko ca paṭṭhāne abhedato sammā atthassa uddhaṭattā avināsito hoti. Atha vā atītattikoti paṭṭhāne atītattikapāḷi, imāya atītattikapāḷiyā yathāvuttakāraṇatoyeva abhinno avisiṭṭho aññadatthu saṃsandati sametīti attho.

    ยถาสมฺภวนฺติ อาวชฺชนาย อนาคตารมฺมณตา, ชวนานํ ปจฺจุปฺปนฺนาตีตารมฺมณตา อนาคตปจฺจุปฺปนฺนาตีตารมฺมณตาติ โยเชตพฺพํฯ นานารมฺมณตา น สิยา อทฺธาวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ อยญฺจ อโตฺถ เอกิสฺสา ชวนวีถิยา เอกสฺมิํเยว จิเตฺต ปวตฺติยํ อาวชฺชนาทีนํ อนาคตาทิอารมฺมณตา สมฺภวตีติ สมฺภวทสฺสนวเสน วุโตฺตติ ยถาธิเปฺปตสฺส อภิญฺญาจิตฺตสฺส ขณปจฺจุปฺปเนฺน ปวตฺติํ โยเชตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘เตนา’’ติอาทิมาหฯ ตีณีติ ‘‘อตีตารมฺมโณ ธโมฺม อตีตารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย, อนาคตารมฺมโณ ธโมฺม อนาคตารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส, ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมโณ ธโมฺม ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณสฺส ธมฺมสฺส อาเสวนปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๑๙.๓๔) ปทนฺตรสงฺคหิตธมฺมานเปกฺขา ธมฺมา ตีณิ ปญฺหวิสฺสชฺชนานีติ อโตฺถฯ อนาเสวนํ นตฺถีติ อาเสวนลาเภ สติ ยถาธมฺมสาสเน อวจนสฺส การณํ นตฺถีติ อวจเนน ตตฺถ อิตเรสํ ปญฺหานํ ปฎิเสโธ วิญฺญายตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Yathāsambhavanti āvajjanāya anāgatārammaṇatā, javanānaṃ paccuppannātītārammaṇatā anāgatapaccuppannātītārammaṇatāti yojetabbaṃ. Nānārammaṇatā na siyā addhāvasena paccuppannārammaṇattāti adhippāyo. Ayañca attho ekissā javanavīthiyā ekasmiṃyeva citte pavattiyaṃ āvajjanādīnaṃ anāgatādiārammaṇatā sambhavatīti sambhavadassanavasena vuttoti yathādhippetassa abhiññācittassa khaṇapaccuppanne pavattiṃ yojetvā dassetuṃ ‘‘tenā’’tiādimāha. Tīṇīti ‘‘atītārammaṇo dhammo atītārammaṇassa dhammassa āsevanapaccayena paccayo, anāgatārammaṇo dhammo anāgatārammaṇassa dhammassa, paccuppannārammaṇo dhammo paccuppannārammaṇassa dhammassa āsevanapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.19.34) padantarasaṅgahitadhammānapekkhā dhammā tīṇi pañhavissajjanānīti attho. Anāsevanaṃ natthīti āsevanalābhe sati yathādhammasāsane avacanassa kāraṇaṃ natthīti avacanena tattha itaresaṃ pañhānaṃ paṭisedho viññāyatīti adhippāyo.

    เอตสฺส วาทสฺสาติ ‘‘อาวชฺชนชวนานํ อนาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณเตฺตปิ เจโตปริยญาณํ สิทฺธ’’นฺติ วาทสฺสฯ นิสฺสยภาโวติ อตฺถสมฺภวโต ยถาวุตฺตนยสฺส โชตกภาโวฯ นฺติ จิตฺตํฯ ตสฺสาติ อาวชฺชนชวนานํ ขณปจฺจุปฺปนฺนนิรุทฺธารมฺมณตาวจนสฺสฯ เอตฺถ จ กาลวิเสสํ อามสติ, อนาคตาเยว จ อาวชฺชนา ปวตฺตตีติ นยิทํ ยุชฺชมานกํฯ อถ ‘‘ยํ อิมสฺส จิตฺตํ ภวิสฺสติ, ตํ ชานามี’’ติ อาโภคํ กโรติ, เอวํ สติ ปริกมฺมาภิญฺญาจิตฺตานมฺปิ อนาคตารมฺมณตฺตเมวาติ สพฺพตฺถ อาวชฺชนชวนานํ อนาคตปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา น สิชฺฌตีติ อาห ‘‘ปวตฺติ…เป.… วุตฺตตฺตา’’ติฯ โทสาปตฺติยาติ โทสาปชฺชเนน, โทสาปตฺติโต วาฯ ราสิเอกเทสาวชฺชนปฎิเวเธติ ยถารุตวเสเนว ปุริมวาทิปกฺขมาห, สมฺปตฺตสมฺปตฺตาวชฺชนชานเนติ อตฺตนา นิทฺธาริตปกฺขํฯ ปุริมวาทิโน นานุชาเนยฺยุนฺติ อทฺธาสนฺตติปจฺจุปฺปนฺนปทตฺถตา อภิธมฺมมาติกายํ อาคตปจฺจุปฺปนฺนปทสฺส นตฺถีติ อธิปฺปาเย ฐตฺวา นานุชาเนยฺยุํฯ เอตฺถ จ สติปิ สภาวเภเท อาการเภทาภาวโต เอกตฺตนยวเสน อาวชฺชนปริกมฺมาภิญฺญาจิตฺตานํ นานารมฺมณตาโทโส นตฺถีติ ขณปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา เจโตปริยญาณสฺส ปุริมวาทีนํ อธิปฺปายวิภาวนมุเขน ทสฺสิตาฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สภาวเภเท สติ นานารมฺมณตาโทสาภาโว นตฺถิ เอวาติ เอกสฺมิํ เอว จิเตฺต อทฺธาสนฺตติวเสน ปจฺจุปฺปนฺนารมฺมณตา วิภาวิตา’’ติ ทฺวีสุปิ วาเทสุ ยํ ยุตฺตํ, ตํ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํฯ

    Etassa vādassāti ‘‘āvajjanajavanānaṃ anāgatapaccuppannārammaṇattepi cetopariyañāṇaṃ siddha’’nti vādassa. Nissayabhāvoti atthasambhavato yathāvuttanayassa jotakabhāvo. Yanti cittaṃ. Tassāti āvajjanajavanānaṃ khaṇapaccuppannaniruddhārammaṇatāvacanassa. Ettha ca kālavisesaṃ āmasati, anāgatāyeva ca āvajjanā pavattatīti nayidaṃ yujjamānakaṃ. Atha ‘‘yaṃ imassa cittaṃ bhavissati, taṃ jānāmī’’ti ābhogaṃ karoti, evaṃ sati parikammābhiññācittānampi anāgatārammaṇattamevāti sabbattha āvajjanajavanānaṃ anāgatapaccuppannārammaṇatā na sijjhatīti āha ‘‘pavatti…pe… vuttattā’’ti. Dosāpattiyāti dosāpajjanena, dosāpattito vā. Rāsiekadesāvajjanapaṭivedheti yathārutavaseneva purimavādipakkhamāha, sampattasampattāvajjanajānaneti attanā niddhāritapakkhaṃ. Purimavādino nānujāneyyunti addhāsantatipaccuppannapadatthatā abhidhammamātikāyaṃ āgatapaccuppannapadassa natthīti adhippāye ṭhatvā nānujāneyyuṃ. Ettha ca satipi sabhāvabhede ākārabhedābhāvato ekattanayavasena āvajjanaparikammābhiññācittānaṃ nānārammaṇatādoso natthīti khaṇapaccuppannārammaṇatā cetopariyañāṇassa purimavādīnaṃ adhippāyavibhāvanamukhena dassitā. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sabhāvabhede sati nānārammaṇatādosābhāvo natthi evāti ekasmiṃ eva citte addhāsantativasena paccuppannārammaṇatā vibhāvitā’’ti dvīsupi vādesu yaṃ yuttaṃ, taṃ vicāretvā gahetabbaṃ.

    เตเนวาติ ยสฺมา อตีตตฺติเก อุปฺปนฺนตฺติเก จ เจโตปริยญาณสฺส วตฺตมานธมฺมารมฺมณภาวโชตโน ปาโฐ น ทิสฺสติ, เตเนว การเณนฯ ทฺวีสุ ญาเณสูติ ปุเพฺพนิวาสเจโตปริยญาเณสุ ฯ กมฺมมุเขน คยฺหนฺตีติ สติปิ อารมฺมณภาเว จตฺตาโร ขนฺธา ยถากมฺมูปคญาเณน กมฺมทฺวาเรน กุสลากุสลา อิเจฺจว คยฺหนฺติ, น ปน วิภาคโสติ ทเสฺสติฯ โลภาทิสมฺปโยควิเสเสน ทุจฺจริตภาโว, อโลภาทิสมฺปโยควิเสเสน จ สุจริตภาโว ลกฺขียตีติ ทุจฺจริตสุจริตานิ วิภาเวนฺตํ โลภาทโยปิ วิภาเวติเยว นาม โหตีติ อาห ‘‘ทุจฺจริต…เป.… ภาวนํ โหตี’’ติฯ

    Tenevāti yasmā atītattike uppannattike ca cetopariyañāṇassa vattamānadhammārammaṇabhāvajotano pāṭho na dissati, teneva kāraṇena. Dvīsu ñāṇesūti pubbenivāsacetopariyañāṇesu . Kammamukhena gayhantīti satipi ārammaṇabhāve cattāro khandhā yathākammūpagañāṇena kammadvārena kusalākusalā icceva gayhanti, na pana vibhāgasoti dasseti. Lobhādisampayogavisesena duccaritabhāvo, alobhādisampayogavisesena ca sucaritabhāvo lakkhīyatīti duccaritasucaritāni vibhāventaṃ lobhādayopi vibhāvetiyeva nāma hotīti āha ‘‘duccarita…pe… bhāvanaṃ hotī’’ti.

    ๑๔๓๕. อสภาวธมฺมสฺส ‘‘อห’’นฺติอาทิปญฺญตฺติยา อชฺฌตฺตธมฺมุปาทานตาย สิยา โกจิ อชฺฌตฺตปริยาโย, น ปน สภาวธมฺมสฺส อสตฺตสนฺตาเนว ตสฺสาติ วุตฺตํ ‘‘สภาว…เป.… อโหนฺต’’นฺติฯ ตถา หิ ‘‘อตฺตโน ขนฺธาทีนิ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺสา’’ติ เอตฺถ ‘‘อชฺฌตฺตารมฺมณา’’ติ ปทสฺส อตฺถวิวรณวเสน ‘‘อชฺฌตฺตํ คยฺหมานํ อหนฺติ ปญฺญตฺติํ อาทิ-สเทฺทน คณฺหาตี’’ติ วกฺขติฯ ยทิ เอวํ ตสฺส อชฺฌตฺตตฺติเกปิ อชฺฌตฺตภาโว วตฺตโพฺพ สิยา? น, พหิทฺธาภาวสฺส วิย อชฺฌตฺตภาวสฺสปิ อชฺฌตฺตตฺติเก นิปฺปริยายวเสน อธิเปฺปตตฺตาติฯ ยทาห ‘‘อสภา…เป.… น วุตฺต’’นฺติฯ อากิญฺจญฺญายตนาทีติ อาทิ-สเทฺทน สาวชฺชนานิ ตสฺส ปุเรจาริกอุปจารจิตฺตานิ ตสฺส อารมฺมเณน ปวตฺตนกปจฺจเวกฺขณอสฺสาทนาทิจิตฺตานิ จ สงฺคณฺหาติฯ

    1435. Asabhāvadhammassa ‘‘aha’’ntiādipaññattiyā ajjhattadhammupādānatāya siyā koci ajjhattapariyāyo, na pana sabhāvadhammassa asattasantāneva tassāti vuttaṃ ‘‘sabhāva…pe… ahonta’’nti. Tathā hi ‘‘attano khandhādīni paccavekkhantassā’’ti ettha ‘‘ajjhattārammaṇā’’ti padassa atthavivaraṇavasena ‘‘ajjhattaṃ gayhamānaṃ ahanti paññattiṃ ādi-saddena gaṇhātī’’ti vakkhati. Yadi evaṃ tassa ajjhattattikepi ajjhattabhāvo vattabbo siyā? Na, bahiddhābhāvassa viya ajjhattabhāvassapi ajjhattattike nippariyāyavasena adhippetattāti. Yadāha ‘‘asabhā…pe… na vutta’’nti. Ākiñcaññāyatanādīti ādi-saddena sāvajjanāni tassa purecārikaupacāracittāni tassa ārammaṇena pavattanakapaccavekkhaṇaassādanādicittāni ca saṅgaṇhāti.

    อากิญฺจญฺญายตนํ ตํ-สเทฺทน อากฑฺฒิตฺวา วทติ, น ปน ตํ สพฺพนฺติ วุตฺตํ, ยญฺจ ตสฺส ปุเรจาริกนฺติ อโตฺถฯ เลสวจนนฺติ เอกเทสสารุเปฺปน สมานารมฺมณภาเวน เอกเทสเสฺสว วจนํฯ ลิสฺสติ สิลิสฺสติ เอกเทเสน อลฺลียตีติ หิ เลโสฯ เยสนฺติ กามาวจรกุสลากุสลมหากิริยาวชฺชนจิตฺตานํ กุสลกิริยาเภทสฺส รูปาวจรจตุตฺถสฺส จฯ เอวํ อุเปกฺขาสหคตนิเทฺทสาทีสูติ เยสํ อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตตา วุตฺตา, เตสุ เอกเมว อุเปกฺขาสหคตนิเทฺทสํ วตฺวา อิตรํ น วตฺตพฺพํ สิยาติ อโตฺถฯ อาทิ-สเทฺทน เหตุสมฺปยุตฺตกามาวจราทินิเทฺทเส สงฺคณฺหาติฯ ตตฺถาปิ หิ ปริตฺตสเหตุกาทิภาเวน วุเตฺตสุ ธเมฺมสุ เอกเมว วตฺวา อิตรํ น วตฺตพฺพํ สิยาติฯ อภาวนานิฎฺฐปฺปวตฺติยาติ อภาวนานิฎฺฐปฺปวตฺติยา อภาวนาการสฺส อุกฺกํสปฺปวตฺติยาติ อโตฺถ, อภาวสฺส วา อุกฺกํสปฺปวตฺติยาฯ นวตฺตพฺพํ ชาตํ อชฺฌตฺตารมฺมณาทิภาเวนาติ อธิปฺปาโยฯ ตานีติ อากิญฺจญฺญายตเนน สมานารมฺมณานิ อาวชฺชนาทีนิฯ ยทิ เอวํ ‘‘อภาวนาสามเญฺญ’’ติ กสฺมา วุตฺตํฯ น หิ อากิญฺจญฺญายตนารมฺมณสฺส ปจฺจเวกฺขณอสฺสาทนาทิวเสน ปวตฺตจิตฺตานํ อภาวนากาเรน ปวตฺติ อตฺถีติ? น, อภาเวตพฺพตาย อธิเปฺปตตฺตาฯ น ภาวียตีติ หิ อภาวนํ, น น ภาเวตีติฯ

    Ākiñcaññāyatanaṃ taṃ-saddena ākaḍḍhitvā vadati, na pana taṃ sabbanti vuttaṃ, yañca tassa purecārikanti attho. Lesavacananti ekadesasāruppena samānārammaṇabhāvena ekadesasseva vacanaṃ. Lissati silissati ekadesena allīyatīti hi leso. Yesanti kāmāvacarakusalākusalamahākiriyāvajjanacittānaṃ kusalakiriyābhedassa rūpāvacaracatutthassa ca. Evaṃ upekkhāsahagataniddesādīsūti yesaṃ adukkhamasukhāya vedanāya sampayuttatā vuttā, tesu ekameva upekkhāsahagataniddesaṃ vatvā itaraṃ na vattabbaṃ siyāti attho. Ādi-saddena hetusampayuttakāmāvacarādiniddese saṅgaṇhāti. Tatthāpi hi parittasahetukādibhāvena vuttesu dhammesu ekameva vatvā itaraṃ na vattabbaṃ siyāti. Abhāvanāniṭṭhappavattiyāti abhāvanāniṭṭhappavattiyā abhāvanākārassa ukkaṃsappavattiyāti attho, abhāvassa vā ukkaṃsappavattiyā. Navattabbaṃ jātaṃ ajjhattārammaṇādibhāvenāti adhippāyo. Tānīti ākiñcaññāyatanena samānārammaṇāni āvajjanādīni. Yadi evaṃ ‘‘abhāvanāsāmaññe’’ti kasmā vuttaṃ. Na hi ākiñcaññāyatanārammaṇassa paccavekkhaṇaassādanādivasena pavattacittānaṃ abhāvanākārena pavatti atthīti? Na, abhāvetabbatāya adhippetattā. Na bhāvīyatīti hi abhāvanaṃ, na na bhāvetīti.

    คหณวิเสสนิมฺมิตานีติอาทีสุ อยมธิปฺปาโย – ยทิปิ ภาวนาญาณนิมฺมิตาการมเตฺตสุ สภาวโต อวิชฺชมาเนสุ วิสเยสุ เยภุเยฺยน มหคฺคตา ธมฺมา ปวตฺตนฺติ, พหิทฺธาการคฺคหณวเสน ปน กสิณาทีนํ พหิทฺธาภาโวติ ตทารมฺมณธมฺมา พหิทฺธารมฺมณาติ วุตฺตํฯ กสิณานญฺหิ สนฺตานํ มุญฺจิตฺวา อุปฎฺฐานํ วิเสสโต วฑฺฒิตกสิณวเสน วิญฺญายติ, ปฐมารุปฺปวิญฺญาณาภาวสฺส ปน น พหิทฺธากาโร, นาปิ อชฺฌตฺตากาโรติ อุภยาการวิธุเร ตสฺมิํ อนญฺญสาธารเณน ปวตฺติยากาเรน ปวตฺตมานํ อากิญฺจญฺญายตนเมว นวตฺตพฺพารมฺมณํ วุตฺตํ, น อิตเร อิตราการปฺปวตฺติโตติฯ กามาวจรกุสลานนฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Gahaṇavisesanimmitānītiādīsu ayamadhippāyo – yadipi bhāvanāñāṇanimmitākāramattesu sabhāvato avijjamānesu visayesu yebhuyyena mahaggatā dhammā pavattanti, bahiddhākāraggahaṇavasena pana kasiṇādīnaṃ bahiddhābhāvoti tadārammaṇadhammā bahiddhārammaṇāti vuttaṃ. Kasiṇānañhi santānaṃ muñcitvā upaṭṭhānaṃ visesato vaḍḍhitakasiṇavasena viññāyati, paṭhamāruppaviññāṇābhāvassa pana na bahiddhākāro, nāpi ajjhattākāroti ubhayākāravidhure tasmiṃ anaññasādhāraṇena pavattiyākārena pavattamānaṃ ākiñcaññāyatanameva navattabbārammaṇaṃ vuttaṃ, na itare itarākārappavattitoti. Kāmāvacarakusalānanti nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ.

    อากิญฺจญฺญายตนวิปากํ เนวสญฺญานาสญฺญายตนสฺส วิปากาทิกสฺสาติ อตฺถวเสน วิภตฺติ ปริณาเมตพฺพาฯ อภินีหาราสมฺภวโตติ สมาปตฺติจิตฺตสฺส อภินีหรณาสมฺภวโตฯ กุสลเมว วิปากสฺส อารมฺมณนฺติ กตฺวา ‘‘วิปากสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Ākiñcaññāyatanavipākaṃ nevasaññānāsaññāyatanassa vipākādikassāti atthavasena vibhatti pariṇāmetabbā. Abhinīhārāsambhavatoti samāpatticittassa abhinīharaṇāsambhavato. Kusalameva vipākassa ārammaṇanti katvā ‘‘vipākassā’’tiādi vuttaṃ.

    อสภาวธมฺมเตฺตปิ พหิทฺธากาเรน คหณียภาวโต กสิณานํ พหิทฺธาภาโว วิย เอกนฺตโต อิธ อชฺฌตฺตธมฺมุปาทานตาย อหนฺติ ปญฺญตฺติยา สิยา อชฺฌตฺตภาโวติ วุตฺตํ ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิฯ ‘‘ขนฺธาทีติ อาทิ-สเทฺทน ธาตุอายตนาทิ สงฺคยฺหตี’’ติ จ วทนฺติฯ เอส นโยติ ‘‘อรูปกฺขเนฺธ ขนฺธาติ คเหตฺวา’’ติอาทิกํ วณฺณนานีติํ อาหฯ ปเรสํ ขนฺธาทิคฺคหเณติ ปเรสํ ขนฺธาทีติ อิมสฺส ปทสฺส กถเน อุจฺจารเณฯ สพฺพํ อุปาทาปญฺญตฺติํ อาห อาทิสเทฺทนาติ สมฺพโนฺธฯ

    Asabhāvadhammattepi bahiddhākārena gahaṇīyabhāvato kasiṇānaṃ bahiddhābhāvo viya ekantato idha ajjhattadhammupādānatāya ahanti paññattiyā siyā ajjhattabhāvoti vuttaṃ ‘‘ajjhatta’’ntiādi. ‘‘Khandhādīti ādi-saddena dhātuāyatanādi saṅgayhatī’’ti ca vadanti. Esa nayoti ‘‘arūpakkhandhe khandhāti gahetvā’’tiādikaṃ vaṇṇanānītiṃ āha. Paresaṃ khandhādiggahaṇeti paresaṃ khandhādīti imassa padassa kathane uccāraṇe. Sabbaṃ upādāpaññattiṃ āha ādisaddenāti sambandho.

    ติกอตฺถุทฺธารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tikaatthuddhāravaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / ติกอตฺถุทฺธาโร • Tikaatthuddhāro

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / ติกอตฺถุทฺธารวณฺณนา • Tikaatthuddhāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / ติกอตฺถุทฺธารวณฺณนา • Tikaatthuddhāravaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact