Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā

    ๓. ติกนิเทฺทสวณฺณนา

    3. Tikaniddesavaṇṇanā

    ๙๑. ติกนิเทฺทเส – ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโลฯ ปาปธโมฺมติ ลามกธโมฺมฯ สีลวิปตฺติยา วา ทุสฺสีโล, ทิฎฺฐิวิปตฺติยา ปาปธโมฺม ฯ กายวจีสํวรเภเทน ทุสฺสีโล, เสสสํวรเภเทน ปาปธโมฺมฯ อสุทฺธปโยคตาย ทุสฺสีโล, อสุทฺธาสยตาย ปาปธโมฺมฯ กุสลสีลวิรเหน ทุสฺสีโล; อกุสลสีลสมนฺนาคเมน ปาปธโมฺมฯ อสุจีติ อสุจีหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคโตฯ สงฺกสฺสรสมาจาโรติ สงฺกาย ปเรหิ สริตพฺพสมาจาโรฯ กิญฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘อิทํ อิมินา กตํ ภวิสฺสตี’ติ เอวํ ปเรหิ อาสงฺกนียสมาจาโร, อตฺตโนเยว วา สงฺกาย สริตพฺพสมาจาโร – สาสงฺกสมาจาโรติ อโตฺถฯ ตสฺส หิ ทิวาฎฺฐานาทีสุ สนฺนิปติตฺวา กิญฺจิเทว มนฺตยเนฺต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘อิเม เอกโต หุตฺวา มเนฺตนฺติ, กจฺจิ นุ โข มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มเนฺตนฺตี’ติ เอวํ สาสงฺกสมาจาโร โหติฯ

    91. Tikaniddese – dussīloti nissīlo. Pāpadhammoti lāmakadhammo. Sīlavipattiyā vā dussīlo, diṭṭhivipattiyā pāpadhammo . Kāyavacīsaṃvarabhedena dussīlo, sesasaṃvarabhedena pāpadhammo. Asuddhapayogatāya dussīlo, asuddhāsayatāya pāpadhammo. Kusalasīlavirahena dussīlo; akusalasīlasamannāgamena pāpadhammo. Asucīti asucīhi kāyakammādīhi samannāgato. Saṅkassarasamācāroti saṅkāya parehi saritabbasamācāro. Kiñcideva asāruppaṃ disvā ‘idaṃ iminā kataṃ bhavissatī’ti evaṃ parehi āsaṅkanīyasamācāro, attanoyeva vā saṅkāya saritabbasamācāro – sāsaṅkasamācāroti attho. Tassa hi divāṭṭhānādīsu sannipatitvā kiñcideva mantayante bhikkhū disvā ‘ime ekato hutvā mantenti, kacci nu kho mayā katakammaṃ jānitvā mantentī’ti evaṃ sāsaṅkasamācāro hoti.

    ปฎิจฺฉนฺนกมฺมโนฺตติ ปฎิจฺฉาเทตพฺพยุตฺตเกน ปาปกเมฺมน สมนฺนาคโตฯ อสฺสมโณ สมณปฎิโญฺญติ อสฺสมโณ หุตฺวาว สมณปติรูปกตาย ‘สมโณ อห’นฺติ เอวํ ปฎิโญฺญฯ อพฺรหฺมจารี พฺรหฺมจาริปฎิโญฺญติ อเญฺญ พฺรหฺมจาริโน สุนิวเตฺถ สุปารุเต สุมฺภกปตฺตธเร คามนิคมชนปทราชธานีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กเปฺปเนฺต ทิสฺวา สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ตถา ปฎิปชฺชนโต ‘อหํ พฺรหฺมจารี’ติ ปฎิญฺญํ เทโนฺต วิย โหติฯ ‘อหํ ภิกฺขู’ติ วตฺวา อุโปสถคฺคาทีนิ ปวิสโนฺต ปน พฺรหฺมจาริปฎิโญฺญ โหติเยว, ตถา สงฺฆิกํ ลาภํ คณฺหโนฺตฯ อโนฺตปูตีติ ปูตินา กเมฺมน อโนฺต อนุปวิโฎฺฐ, นิคฺคุณตาย วา คุณสารวิรหิตตฺตา อโนฺตปูติฯ อวสฺสุโตติ ราคาทีหิ ติโนฺตฯ กสมฺพุชาโตติ สญฺชาตราคาทิกจวโรฯ อถ วา กสมฺพุ วุจฺจติ ตินฺตกุณปคตํ กสฎอุทกํฯ อิมสฺมิญฺจ สาสเน ทุสฺสีโล นาม ชิคุจฺฉนียตฺตา ตินฺตกุณปกสฎอุทกสทิโสฯ ตสฺมา กสมฺพุ วิย ชาโตติ กสมฺพุชาโตฯ

    Paṭicchannakammantoti paṭicchādetabbayuttakena pāpakammena samannāgato. Assamaṇo samaṇapaṭiññoti assamaṇo hutvāva samaṇapatirūpakatāya ‘samaṇo aha’nti evaṃ paṭiñño. Abrahmacārī brahmacāripaṭiññoti aññe brahmacārino sunivatthe supārute sumbhakapattadhare gāmanigamajanapadarājadhānīsu piṇḍāya caritvā jīvikaṃ kappente disvā sayampi tādisena ākārena tathā paṭipajjanato ‘ahaṃ brahmacārī’ti paṭiññaṃ dento viya hoti. ‘Ahaṃ bhikkhū’ti vatvā uposathaggādīni pavisanto pana brahmacāripaṭiñño hotiyeva, tathā saṅghikaṃ lābhaṃ gaṇhanto. Antopūtīti pūtinā kammena anto anupaviṭṭho, nigguṇatāya vā guṇasāravirahitattā antopūti. Avassutoti rāgādīhi tinto. Kasambujātoti sañjātarāgādikacavaro. Atha vā kasambu vuccati tintakuṇapagataṃ kasaṭaudakaṃ. Imasmiñca sāsane dussīlo nāma jigucchanīyattā tintakuṇapakasaṭaudakasadiso. Tasmā kasambu viya jātoti kasambujāto.

    ตสฺส น เอวํ โหตีติ กสฺมา น โหติ? ยตฺถ ปติฎฺฐิเตน สกฺกา ภเวยฺย อรหตฺตํ ลทฺธุํ, ตสฺสา ปติฎฺฐาย ภินฺนตฺตาฯ ยถา หิ จณฺฑาลกุมารกสฺส ‘อสุโก นาม ขตฺติยกุมาโร รเชฺช อภิสิโตฺต’ติ สุตฺวาปิ, ยสฺมิํ กุเล ปจฺจาชาตา อภิเสกํ ปาปุณนฺติ, ตสฺมิํ กุเล อปจฺจาชาตตฺตา น เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ โส ขตฺติยกุมาโร วิย อภิเสกํ ปาปุเณยฺย’นฺติ; เอวเมว ทุสฺสีลสฺส ‘อสุโก นาม ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปโตฺต’ติ สุตฺวาปิ, ยสฺมิํ สีเล ปติฎฺฐิเตน อรหตฺตํ ปตฺตพฺพํ, ตสฺส อภาวโต ‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ โส สีลวา วิย อรหตฺตํ ปาปุเณย’นฺติ น เอวํ โหติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล อรหตฺตาสาย อภาวา นิราโสติ วุจฺจติฯ

    Tassa na evaṃ hotīti kasmā na hoti? Yattha patiṭṭhitena sakkā bhaveyya arahattaṃ laddhuṃ, tassā patiṭṭhāya bhinnattā. Yathā hi caṇḍālakumārakassa ‘asuko nāma khattiyakumāro rajje abhisitto’ti sutvāpi, yasmiṃ kule paccājātā abhisekaṃ pāpuṇanti, tasmiṃ kule apaccājātattā na evaṃ hoti – ‘kudāssu nāmāhampi so khattiyakumāro viya abhisekaṃ pāpuṇeyya’nti; evameva dussīlassa ‘asuko nāma bhikkhu arahattaṃ patto’ti sutvāpi, yasmiṃ sīle patiṭṭhitena arahattaṃ pattabbaṃ, tassa abhāvato ‘kudāssu nāmāhampi so sīlavā viya arahattaṃ pāpuṇeya’nti na evaṃ hoti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo arahattāsāya abhāvā nirāsoti vuccati.

    ๙๒. ตสฺส เอวํ โหตีติ กสฺมา โหติ? ยสฺมิํ ปติฎฺฐิเตน สกฺกา ภเวยฺย อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ, ตสฺสา ปติฎฺฐาย ถิรตฺตาฯ ยถา หิ สุชาตสฺส ขตฺติยกุมารสฺส ‘อสุโก นาม ขตฺติยกุมาโร รเชฺช อภิสิโตฺต’ติ สุตฺวาว ยสฺมิํ กุเล ปจฺจาชาตา อภิเสกํ ปาปุณนฺติ, ตสฺมิํ ปจฺจาชาตสฺส เอวํ โหติ – ‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ, โส กุมาโร วิย อภิเสกํ ปาปุเณยฺย’นฺติ เอวเมว สีลวโต ‘อสุโก นาม ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปโตฺต’ติ สุตฺวาว ยสฺมิํ สีเล ปติฎฺฐิเตน อรหตฺตํ ปตฺตพฺพํ, ตสฺสา ปติฎฺฐาย ถิรตฺตา – ‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ โส ภิกฺขุ วิย อรหตฺตํ ปาปุเณยฺย’นฺติ เอวํ โหติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล อาสํโส นาม วุจฺจติฯ โส หิ อรหตฺตํ อาสํสติ ปเตฺถตีติ อาสํโสฯ

    92. Tassa evaṃ hotīti kasmā hoti? Yasmiṃ patiṭṭhitena sakkā bhaveyya arahattaṃ pāpuṇituṃ, tassā patiṭṭhāya thirattā. Yathā hi sujātassa khattiyakumārassa ‘asuko nāma khattiyakumāro rajje abhisitto’ti sutvāva yasmiṃ kule paccājātā abhisekaṃ pāpuṇanti, tasmiṃ paccājātassa evaṃ hoti – ‘kudāssu nāmāhampi, so kumāro viya abhisekaṃ pāpuṇeyya’nti evameva sīlavato ‘asuko nāma bhikkhu arahattaṃ patto’ti sutvāva yasmiṃ sīle patiṭṭhitena arahattaṃ pattabbaṃ, tassā patiṭṭhāya thirattā – ‘kudāssu nāmāhampi so bhikkhu viya arahattaṃ pāpuṇeyya’nti evaṃ hoti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo āsaṃso nāma vuccati. So hi arahattaṃ āsaṃsati patthetīti āsaṃso.

    ๙๓. ยา หิสฺส ปุเพฺพ อวิมุตฺตสฺสาติ ยา ตสฺส ขีณาสวสฺส ปุเพฺพ อรหตฺตวิมุตฺติยา อวิมุตฺตสฺส วิมุตฺตาสา อโหสิ, สา ปฎิปฺปสฺสทฺธา, ตสฺมา น เอวํ โหติฯ ยถา หิ อภิสิตฺตสฺส ขตฺติยสฺส ‘อสุโก นาม ขตฺติยกุมาโร รเชฺช อภิสิโตฺต’ติ สุตฺวา เอกสฺส รโญฺญ ทฺวินฺนํ รชฺชาภิเสกานํ ทฺวินฺนํ เสตจฺฉตฺตานํ อภาวา น เอวํ โหติ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ โส กุมาโร วิย อภิเสกํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ; เอวเมว ขีณาสวสฺส ‘อสุโก นาม ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปโตฺต’ติ สุตฺวา, ทฺวินฺนํ อรหตฺตานํ อภาวา – ‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ โส ภิกฺขุ วิย อรหตฺตํ ปาปุเณยฺย’นฺติ น เอวํ โหติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล อรหตฺตาสาย วิคตตฺตา วิคตาโสติ วุจฺจติฯ

    93. Yā hissa pubbe avimuttassāti yā tassa khīṇāsavassa pubbe arahattavimuttiyā avimuttassa vimuttāsā ahosi, sā paṭippassaddhā, tasmā na evaṃ hoti. Yathā hi abhisittassa khattiyassa ‘asuko nāma khattiyakumāro rajje abhisitto’ti sutvā ekassa rañño dvinnaṃ rajjābhisekānaṃ dvinnaṃ setacchattānaṃ abhāvā na evaṃ hoti – ‘‘kudāssu nāmāhampi so kumāro viya abhisekaṃ pāpuṇeyya’’nti; evameva khīṇāsavassa ‘asuko nāma bhikkhu arahattaṃ patto’ti sutvā, dvinnaṃ arahattānaṃ abhāvā – ‘kudāssu nāmāhampi so bhikkhu viya arahattaṃ pāpuṇeyya’nti na evaṃ hoti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo arahattāsāya vigatattā vigatāsoti vuccati.

    ๙๔. คิลานูปมนิเทฺทเส – ยาย อุปมาย เต คิลานูปมาติ วุจฺจนฺติ, ตํ ตาว อุปมํ ทเสฺสตุํ ตโย คิลานาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สปฺปายานีติ หิตานิ วุทฺธิกรานิฯ ปติรูปนฺติ อนุจฺฉวิกํฯ เนว วุฎฺฐาติ ตมฺหา อาพาธาติ อิมินา อเตกิเจฺฉน วาตาปมาราทินา โรเคน สมนฺนาคโต นิฎฺฐปฺปโตฺต คิลาโน กถิโตฯ วุฎฺฐาติ ตมฺหา อาพาธาติ อิมินา ขิปิตกจฺฉุติณปุปฺผกชราทิปฺปเภโท อปฺปมตฺตกาพาโธ กถิโตฯ

    94. Gilānūpamaniddese – yāya upamāya te gilānūpamāti vuccanti, taṃ tāva upamaṃ dassetuṃ tayo gilānātiādi vuttaṃ. Tattha sappāyānīti hitāni vuddhikarāni. Patirūpanti anucchavikaṃ. Neva vuṭṭhāti tamhā ābādhāti iminā atekicchena vātāpamārādinā rogena samannāgato niṭṭhappatto gilāno kathito. Vuṭṭhāti tamhā ābādhāti iminā khipitakacchutiṇapupphakajarādippabhedo appamattakābādho kathito.

    ลภโนฺต สปฺปายานิ โภชนานิ โน อลภโนฺตติ อิมินา ปน เยสํ ปฎิชคฺคเนน ผาสุกํ โหติ, สเพฺพปิ เต อาพาธา กถิตาฯ เอตฺถ จ ปติรูโป อุปฎฺฐาโก นาม คิลานุปฎฺฐากอเงฺคหิ สมนฺนาคโต ปณฺฑิโต ทโกฺข อนลโส เวทิตโพฺพฯ

    Labhantosappāyāni bhojanāni no alabhantoti iminā pana yesaṃ paṭijagganena phāsukaṃ hoti, sabbepi te ābādhā kathitā. Ettha ca patirūpo upaṭṭhāko nāma gilānupaṭṭhākaaṅgehi samannāgato paṇḍito dakkho analaso veditabbo.

    คิลานุปฎฺฐาโก อนุญฺญาโตติ ‘ภิกฺขุสเงฺฆน ทาตโพฺพ’ติ อนุญฺญาโตฯ ตสฺมิญฺหิ คิลาเน อตฺตโน ธมฺมตาย ยาเปตุํ อสโกฺกเนฺต ภิกฺขุสเงฺฆน ตสฺส ภิกฺขุโน ‘เอโก ภิกฺขุ จ สามเณโร จ อิมํ ปฎิชคฺคถา’ติ อปโลเกตฺวา ทาตพฺพาฯ ยาว ปน เต ตํ ปฎิชคฺคนฺติ, ตาว คิลานสฺส จ เตสญฺจ ทฺวินฺนํ เยนโตฺถ สพฺพํ ภิกฺขุสงฺฆเสฺสว ภาโรฯ อเญฺญปิ คิลานา อุปฎฺฐาตพฺพาติ อิตเรปิ เทฺว คิลานา อุปฎฺฐาตพฺพาฯ กิํ การณา? โยปิ หิ นิฎฺฐปฺปตฺตคิลาโน, โส อนุปฎฺฐิยมาโน ‘สเจ มํ ปฎิชเคฺคยฺยุํ, ผาสุกํ เม ภเวยฺย, น โข ปน มํ ปฎิชคฺคนฺตี’ติ มโนปโทสํ กตฺวา อปาเย นิพฺพเตฺตยฺยฯ ปฎิชคฺคิยมานสฺส ปน เอวํ โหติ – ‘ภิกฺขุสเงฺฆน ยํ กตฺตพฺพํ ตํ สพฺพํ กตํ, มยฺหํ ปน กมฺมวิปาโก อีทิโส’ติ โส ภิกฺขุสเงฺฆ เมตฺตํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตติฯ โย ปน อปฺปมตฺตเกน พฺยาธินา สมนฺนาคโต ลภโนฺตปิ อลภโนฺตปิ วุฎฺฐาติเยว, ตสฺส วินาปิ เภสเชฺชน วูปสมนกพฺยาธิ เภสเชฺช กเต ขิปฺปตรํ วูปสมฺมติฯ ตโต โส พุทฺธวจนํ วา อุคฺคณฺหิตุํ สมณธมฺมํ วา กาตุํ สกฺขิสฺสติฯ อิมินา การเณน อเญฺญปิ คิลานา อุปฎฺฐาตพฺพาติ วุตฺตํฯ

    Gilānupaṭṭhāko anuññātoti ‘bhikkhusaṅghena dātabbo’ti anuññāto. Tasmiñhi gilāne attano dhammatāya yāpetuṃ asakkonte bhikkhusaṅghena tassa bhikkhuno ‘eko bhikkhu ca sāmaṇero ca imaṃ paṭijaggathā’ti apaloketvā dātabbā. Yāva pana te taṃ paṭijagganti, tāva gilānassa ca tesañca dvinnaṃ yenattho sabbaṃ bhikkhusaṅghasseva bhāro. Aññepi gilānā upaṭṭhātabbāti itarepi dve gilānā upaṭṭhātabbā. Kiṃ kāraṇā? Yopi hi niṭṭhappattagilāno, so anupaṭṭhiyamāno ‘sace maṃ paṭijaggeyyuṃ, phāsukaṃ me bhaveyya, na kho pana maṃ paṭijaggantī’ti manopadosaṃ katvā apāye nibbatteyya. Paṭijaggiyamānassa pana evaṃ hoti – ‘bhikkhusaṅghena yaṃ kattabbaṃ taṃ sabbaṃ kataṃ, mayhaṃ pana kammavipāko īdiso’ti so bhikkhusaṅghe mettaṃ paccupaṭṭhapetvā sagge nibbattati. Yo pana appamattakena byādhinā samannāgato labhantopi alabhantopi vuṭṭhātiyeva, tassa vināpi bhesajjena vūpasamanakabyādhi bhesajje kate khippataraṃ vūpasammati. Tato so buddhavacanaṃ vā uggaṇhituṃ samaṇadhammaṃ vā kātuṃ sakkhissati. Iminā kāraṇena aññepi gilānā upaṭṭhātabbāti vuttaṃ.

    เนว โอกฺกมตีติ เนว ปวิสติฯ นิยามํ กุสเลสุ ธเมฺมสุ สมฺมตฺตนฺติ กุสเลสุ ธเมฺมสุ มคฺคนิยามสงฺขาตํ สมฺมตฺตํฯ อิมินา ปทปรโม ปุคฺคโล กถิโตฯ ทุติยวาเรน อุคฺฆฎิตญฺญู คหิโต สาสเน นาฬกเตฺถรสทิโส ฯ พุทฺธนฺตเร เอกวารํ ปเจฺจกพุทฺธานํ สนฺติเก โอวาทํ ลภิตฺวา ปฎิวิทฺธปเจฺจกโพธิญาโณ จฯ ตติยวาเรน วิปญฺจิตญฺญู ปุคฺคโล กถิโตฯ เนโยฺย ปน ตนฺนิสฺสิโตว โหติฯ

    Neva okkamatīti neva pavisati. Niyāmaṃ kusalesu dhammesu sammattanti kusalesu dhammesu magganiyāmasaṅkhātaṃ sammattaṃ. Iminā padaparamo puggalo kathito. Dutiyavārena ugghaṭitaññū gahito sāsane nāḷakattherasadiso . Buddhantare ekavāraṃ paccekabuddhānaṃ santike ovādaṃ labhitvā paṭividdhapaccekabodhiñāṇo ca. Tatiyavārena vipañcitaññū puggalo kathito. Neyyo pana tannissitova hoti.

    ธมฺมเทสนา อนุญฺญาตาติ มาสสฺส อฎฺฐ วาเร ธมฺมกถา อนุญฺญาตาฯ อเญฺญสมฺปิ ธโมฺม เทเสตโพฺพติ อิตเรสมฺปิ ธโมฺม กเถตโพฺพฯ กิํ การณา? ปทปรมสฺส หิ อิมสฺมิํ อตฺตภาเว ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิตุํ อสโกฺกนฺตสฺสาปิ อนาคเต ปจฺจโย ภวิสฺสติฯ โย ปน ตถาคตสฺส รูปทสฺสนํ ลภโนฺตปิ อลภโนฺตปิ ธมฺมวินยญฺจ สวนาย ลภโนฺตปิ อลภโนฺตปิ ธมฺมํ อภิสเมติ; โส อลภโนฺต น ตาว อภิสเมติ, ลภโนฺต ปน ขิปฺปเมว อภิสเมสฺสตีติ อิมินา การเณน เตสํ ธโมฺม เทเสตโพฺพฯ ตติยสฺส ปน ปุนปฺปุนํ เทเสตโพฺพวฯ กายสกฺขิทิฎฺฐปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตา เหฎฺฐา กถิตาเยวฯ

    Dhammadesanā anuññātāti māsassa aṭṭha vāre dhammakathā anuññātā. Aññesampi dhammo desetabboti itaresampi dhammo kathetabbo. Kiṃ kāraṇā? Padaparamassa hi imasmiṃ attabhāve dhammaṃ paṭivijjhituṃ asakkontassāpi anāgate paccayo bhavissati. Yo pana tathāgatassa rūpadassanaṃ labhantopi alabhantopi dhammavinayañca savanāya labhantopi alabhantopi dhammaṃ abhisameti; so alabhanto na tāva abhisameti, labhanto pana khippameva abhisamessatīti iminā kāraṇena tesaṃ dhammo desetabbo. Tatiyassa pana punappunaṃ desetabbova. Kāyasakkhidiṭṭhappattasaddhāvimuttā heṭṭhā kathitāyeva.

    ๙๘. คูถภาณีอาทีสุ – สภคฺคโตติ สภายํ ฐิโตฯ ปริสคฺคโตติ คามปริสาย ฐิโตฯ ญาติมชฺฌคโตติ ทายาทานํ มเชฺฌ ฐิโตฯ ปูคมชฺฌคโตติ เสณีนํ มเชฺฌ ฐิโตฯ ราชกุลมชฺฌคโตติ ราชกุลสฺส มเชฺฌ มหาวินิจฺฉเย ฐิโตฯ อภินีโตติ ปุจฺฉนตฺถาย นีโตฯ สกฺขิปุโฎฺฐติ สกฺขิํ กตฺวา ปุจฺฉิโตฯ เอหโมฺภ ปุริสาติ อาลปนเมตํฯ อตฺตเหตุ วา ปรเหตุ วาติ อตฺตโน วา ปรสฺส วา หตฺถปาทาทิเหตุ วา ธนเหตุ วาฯ อามิสกิญฺจิกฺขเหตุ วาติ เอตฺถ อามิสนฺติ ลาโภ อธิเปฺปโตฯ กิญฺจิกฺขนฺติ ยํ วา ตํ วา อปฺปมตฺตกํฯ อนฺตมโส ติตฺติรวฎฺฎกสปฺปิปิณฺฑนวนีตปิณฺฑาทิอปฺปมตฺตกสฺสาปิ ลญฺชสฺส เหตูติ อโตฺถฯ สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหตีติ ชานโนฺตเยว มุสาวาทํ กตฺตา โหติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล คูถสทิสวจนตฺตา คูถภาณีติ วุจฺจติฯ ยถา หิ คูถํ นาม มหาชนสฺส อนิฎฺฐํ โหติ อกนฺตํ; เอวเมว อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วจนํ เทวมนุสฺสานํ อนิฎฺฐํ โหติ อกนฺตํฯ

    98. Gūthabhāṇīādīsu – sabhaggatoti sabhāyaṃ ṭhito. Parisaggatoti gāmaparisāya ṭhito. Ñātimajjhagatoti dāyādānaṃ majjhe ṭhito. Pūgamajjhagatoti seṇīnaṃ majjhe ṭhito. Rājakulamajjhagatoti rājakulassa majjhe mahāvinicchaye ṭhito. Abhinītoti pucchanatthāya nīto. Sakkhipuṭṭhoti sakkhiṃ katvā pucchito. Ehambho purisāti ālapanametaṃ. Attahetu vā parahetu vāti attano vā parassa vā hatthapādādihetu vā dhanahetu vā. Āmisakiñcikkhahetu vāti ettha āmisanti lābho adhippeto. Kiñcikkhanti yaṃ vā taṃ vā appamattakaṃ. Antamaso tittiravaṭṭakasappipiṇḍanavanītapiṇḍādiappamattakassāpi lañjassa hetūti attho. Sampajānamusā bhāsitā hotīti jānantoyeva musāvādaṃ kattā hoti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo gūthasadisavacanattā gūthabhāṇīti vuccati. Yathā hi gūthaṃ nāma mahājanassa aniṭṭhaṃ hoti akantaṃ; evameva imassa puggalassa vacanaṃ devamanussānaṃ aniṭṭhaṃ hoti akantaṃ.

    ๙๙. อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ปุปฺผสทิสวจนตฺตา ปุปฺผภาณีติ วุจฺจติฯ ยถา หิ ผุลฺลานิ วสฺสิกานิ วา อธิมุตฺตกานิ วา มหาชนสฺส อิฎฺฐานิ กนฺตานิ โหนฺติ; เอวเมว อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วจนํ เทวมนุสฺสานํ อิฎฺฐํ โหติ กนฺตํฯ

    99. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo pupphasadisavacanattā pupphabhāṇīti vuccati. Yathā hi phullāni vassikāni vā adhimuttakāni vā mahājanassa iṭṭhāni kantāni honti; evameva imassa puggalassa vacanaṃ devamanussānaṃ iṭṭhaṃ hoti kantaṃ.

    ๑๐๐. เนลาติ เอลํ วุจฺจติ โทโสฯ นาสฺสา เอลนฺติ เนลาฯ นิโทฺทสาติ อโตฺถ, ‘‘เนลโงฺค เสตปจฺฉาโท’’ติ (อุทา. ๖๕) เอตฺถ วุตฺตเนลํ วิยฯ กณฺณสุขาติ พฺยญฺชนมธุรตาย กณฺณานํ สุขาฯ สูจิวิชฺฌนํ วิย กณฺณสูลํ น ชเนติฯ อตฺถมธุรตาย สกลสรีเร โกปํ อชเนตฺวา เปมํ ชเนตีติ เปมนียาฯ หทยํ คจฺฉติ อปฺปฎิหญฺญมานา สุเขน จิตฺตํ ปวิสตีติ หทยงฺคมาฯ คุณปริปุณฺณตาย ปุเร ภวาติ โปรีฯ ปุเร สํวฑฺฒนารี วิย สุกุมาราติปิ โปรีฯ ปุรสฺส เอสาติปิ โปรีฯ นครวาสีนํ กถาติ อโตฺถฯ นครวาสิโน หิ ยุตฺตกถา โหนฺติฯ ปิติมตฺตํ ปิตาติ, มาติมตฺตํ มาตาติ, ภาติมตฺตํ ภาตาติ วทนฺติฯ เอวรูปี กถา พหุโน ชนสฺส กนฺตา โหตีติ พหุชนกนฺตาฯ พหุชนสฺส กนฺตภาเวเนว พหุโน ชนสฺส มนาปา จิตฺตวุทฺธิกราติ พหุชนมนาปาฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล มธุภาณีติ วุจฺจติฯ มุทุภาณีติปิ ปาโฐฯ อุภยตฺถาปิ มธุรวจโนติ อโตฺถฯ ยถา หิ จตุมธุรํ นาม มธุรํ ปณีตํ; เอวเมว อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วจนํ เทวมนุสฺสานํ มธุรํ โหติฯ

    100. Nelāti elaṃ vuccati doso. Nāssā elanti nelā. Niddosāti attho, ‘‘nelaṅgo setapacchādo’’ti (udā. 65) ettha vuttanelaṃ viya. Kaṇṇasukhāti byañjanamadhuratāya kaṇṇānaṃ sukhā. Sūcivijjhanaṃ viya kaṇṇasūlaṃ na janeti. Atthamadhuratāya sakalasarīre kopaṃ ajanetvā pemaṃ janetīti pemanīyā. Hadayaṃ gacchati appaṭihaññamānā sukhena cittaṃ pavisatīti hadayaṅgamā. Guṇaparipuṇṇatāya pure bhavāti porī. Pure saṃvaḍḍhanārī viya sukumārātipi porī. Purassa esātipi porī. Nagaravāsīnaṃ kathāti attho. Nagaravāsino hi yuttakathā honti. Pitimattaṃ pitāti, mātimattaṃ mātāti, bhātimattaṃ bhātāti vadanti. Evarūpī kathā bahuno janassa kantā hotīti bahujanakantā. Bahujanassa kantabhāveneva bahuno janassa manāpā cittavuddhikarāti bahujanamanāpā. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo madhubhāṇīti vuccati. Mudubhāṇītipi pāṭho. Ubhayatthāpi madhuravacanoti attho. Yathā hi catumadhuraṃ nāma madhuraṃ paṇītaṃ; evameva imassa puggalassa vacanaṃ devamanussānaṃ madhuraṃ hoti.

    ๑๐๑. อรุกูปมจิตฺตาทีสุ – อภิสชฺชตีติ ลคฺคติฯ กุปฺปตีติ โกปวเสน กุปฺปติฯ พฺยาปชฺชตีติ ปกติภาวํ ปชหติ, ปูติโก โหติฯ ปติตฺถียตีติ ถินภาวํ ถทฺธภาวญฺจ อาปชฺชติฯ โกปนฺติ ทุพฺพลโกธํฯ โทสนฺติ ทุสฺสนวเสน ตโต พลวตรํฯ อปฺปจฺจยนฺติ อตุฎฺฐาการํ โทมนสฺสํฯ ทุฎฺฐารุโกติ ปุราณวโณฯ กเฎฺฐนาติ ทณฺฑกโกฎิยาฯ กฐลายาติ กปาเลนฯ อาสวํ เทตีติ อปราปรํ สวติฯ ปุราณวโณ หิ อตฺตโน ธมฺมตาย เอว ปุพฺพํ โลหิตํ ยูสนฺติ อิมานิ ตีณิ สวติ , ฆฎฺฎิโต ปน ตานิ อธิกตรํ สวติฯ เอวเมวํ โขติ เอตฺถ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ, ทุฎฺฐารุโก วิย หิ โกธโน ปุคฺคโลฯ ตสฺส อตฺตโน ธมฺมตาย สวนํ วิย โกธนสฺสปิ อตฺตโน ธมฺมตาย อุทฺธุมาตกสฺส วิย จณฺฑิกตสฺส จรณํฯ กเฎฺฐน วา กฐลาย วา ฆฎฺฎนํ วิย อปฺปมตฺตกมฺปิ วจนํ ภิโยฺยโส มตฺตาย สวนํ วิย ‘มาทิสํ นาม เอส เอวํ วทตี’ติ ภิโยฺยโส มตฺตาย อุทฺธุมายนภาโว ทฎฺฐโพฺพฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล อรุกูปมจิโตฺตติ วุจฺจติฯ ปุราณวณสทิสจิโตฺตติ อโตฺถฯ

    101. Arukūpamacittādīsu – abhisajjatīti laggati. Kuppatīti kopavasena kuppati. Byāpajjatīti pakatibhāvaṃ pajahati, pūtiko hoti. Patitthīyatīti thinabhāvaṃ thaddhabhāvañca āpajjati. Kopanti dubbalakodhaṃ. Dosanti dussanavasena tato balavataraṃ. Appaccayanti atuṭṭhākāraṃ domanassaṃ. Duṭṭhārukoti purāṇavaṇo. Kaṭṭhenāti daṇḍakakoṭiyā. Kaṭhalāyāti kapālena. Āsavaṃ detīti aparāparaṃ savati. Purāṇavaṇo hi attano dhammatāya eva pubbaṃ lohitaṃ yūsanti imāni tīṇi savati , ghaṭṭito pana tāni adhikataraṃ savati. Evamevaṃ khoti ettha idaṃ opammasaṃsandanaṃ, duṭṭhāruko viya hi kodhano puggalo. Tassa attano dhammatāya savanaṃ viya kodhanassapi attano dhammatāya uddhumātakassa viya caṇḍikatassa caraṇaṃ. Kaṭṭhena vā kaṭhalāya vā ghaṭṭanaṃ viya appamattakampi vacanaṃ bhiyyoso mattāya savanaṃ viya ‘mādisaṃ nāma esa evaṃ vadatī’ti bhiyyoso mattāya uddhumāyanabhāvo daṭṭhabbo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo arukūpamacittoti vuccati. Purāṇavaṇasadisacittoti attho.

    ๑๐๒. รตฺตนฺธการติมิสายาติ รตฺติํ จกฺขุวิญฺญาณุปฺปตฺตินิวารเณน อนฺธภาวกรเณ พหลตเมฯ วิชฺชนฺตริกายาติ วิชฺชุปฺปตฺติกฺขเณฯ อิธาปิ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – จกฺขุมา ปุริโส วิย หิ โยคาวจโร ทฎฺฐโพฺพฯ อนฺธการํ วิย โสตาปตฺติมคฺควชฺฌา กิเลสาฯ วิชฺชุสญฺจรณํ วิย โสตาปตฺติมคฺคญาณสฺส อุปฺปตฺติกาโลฯ วิชฺชนฺตริกาย จกฺขุมโต ปุริสสฺส สามนฺตา รูปทสฺสนํ วิย โสตาปตฺติมคฺคกฺขเณ นิพฺพานทสฺสนํฯ ปุน อนฺธการาวตฺถรณํ วิย สกทาคามิมคฺควชฺฌา กิเลสาฯ ปุน วิชฺชุสญฺจรณํ วิย สกทาคามิมคฺคญาณสฺส อุปฺปาโทฯ วิชฺชนฺตริกาย จกฺขุมโต ปุริสสฺส สามนฺตา รูปทสฺสนํ วิย สกทาคามิมคฺคกฺขเณ นิพฺพานทสฺสนํฯ ปุน อนฺธการาวตฺถรณํ วิย อนาคามิมคฺควชฺฌา กิเลสาฯ ปุน วิชฺชุสญฺจรณํ วิย อนาคามิมคฺคญาณสฺส อุปฺปาโทฯ วิชฺชนฺตริกาย จกฺขุมโต ปุริสสฺส สามนฺตา รูปทสฺสนํ วิย อนาคามิมคฺคกฺขเณ นิพฺพานทสฺสนํ เวทิตพฺพํฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล วิชฺชูปมจิโตฺตติ วุจฺจติฯ อิตฺตรกาโลภาเสน วิชฺชุสทิสจิโตฺตติ อโตฺถฯ

    102. Rattandhakāratimisāyāti rattiṃ cakkhuviññāṇuppattinivāraṇena andhabhāvakaraṇe bahalatame. Vijjantarikāyāti vijjuppattikkhaṇe. Idhāpi idaṃ opammasaṃsandanaṃ – cakkhumā puriso viya hi yogāvacaro daṭṭhabbo. Andhakāraṃ viya sotāpattimaggavajjhā kilesā. Vijjusañcaraṇaṃ viya sotāpattimaggañāṇassa uppattikālo. Vijjantarikāya cakkhumato purisassa sāmantā rūpadassanaṃ viya sotāpattimaggakkhaṇe nibbānadassanaṃ. Puna andhakārāvattharaṇaṃ viya sakadāgāmimaggavajjhā kilesā. Puna vijjusañcaraṇaṃ viya sakadāgāmimaggañāṇassa uppādo. Vijjantarikāya cakkhumato purisassa sāmantā rūpadassanaṃ viya sakadāgāmimaggakkhaṇe nibbānadassanaṃ. Puna andhakārāvattharaṇaṃ viya anāgāmimaggavajjhā kilesā. Puna vijjusañcaraṇaṃ viya anāgāmimaggañāṇassa uppādo. Vijjantarikāya cakkhumato purisassa sāmantā rūpadassanaṃ viya anāgāmimaggakkhaṇe nibbānadassanaṃ veditabbaṃ. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo vijjūpamacittoti vuccati. Ittarakālobhāsena vijjusadisacittoti attho.

    ๑๐๓. วชิรูปมจิตฺตตายปิ อิทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – วชิรํ วิย หิ อรหตฺตมคฺคญาณํ ทฎฺฐพฺพํฯ มณิคณฺฐิปาสาณคณฺฐิ วิย อรหตฺตมคฺควชฺฌา กิเลสาฯ วชิรสฺส มณิคณฺฐิํ วา ปาสาณคณฺฐิํ วา วินิวิชฺฌิตฺวา อคมนภาวสฺส นตฺถิภาโว วิย อรหตฺตมคฺคญาเณน อเจฺฉชฺชานํ กิเลสานํ นตฺถิภาโวฯ วชิเรน นิพฺพิทฺธเวธสฺส ปุน อปฎิปูรณํ วิย อรหตฺตมเคฺคน ฉินฺนานํ กิเลสานํ ปุน อนุปฺปาโท ทฎฺฐโพฺพฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล วชิรูปมจิโตฺตติ วุจฺจติฯ กิเลสานํ มูลฆาตกรณสมตฺถตาย วชิเรน สทิสจิโตฺตติ อโตฺถฯ

    103. Vajirūpamacittatāyapi idaṃ opammasaṃsandanaṃ – vajiraṃ viya hi arahattamaggañāṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Maṇigaṇṭhipāsāṇagaṇṭhi viya arahattamaggavajjhā kilesā. Vajirassa maṇigaṇṭhiṃ vā pāsāṇagaṇṭhiṃ vā vinivijjhitvā agamanabhāvassa natthibhāvo viya arahattamaggañāṇena acchejjānaṃ kilesānaṃ natthibhāvo. Vajirena nibbiddhavedhassa puna apaṭipūraṇaṃ viya arahattamaggena chinnānaṃ kilesānaṃ puna anuppādo daṭṭhabbo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo vajirūpamacittoti vuccati. Kilesānaṃ mūlaghātakaraṇasamatthatāya vajirena sadisacittoti attho.

    ๑๐๔. อนฺธาทีสุ ตถารูปํ จกฺขุ น โหตีติ ตถาชาติกํ ตถาสภาวํ ปญฺญาจกฺขุ น โหติฯ ผาติํ กเรยฺยาติ ผีตํ วฑฺฒิตํ กเรยฺยฯ สาวชฺชานวเชฺชติ สโทสนิโทฺทเสฯ หีนปฺปณีเตติ อธมุตฺตเมฯ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาเคติ กณฺหสุกฺกาเยว อญฺญมญฺญปฎิพาหนโต ปฎิปกฺขวเสน สปฺปฎิภาคาติ วุจฺจนฺติฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขโป – กุสเล ธเมฺม ‘กุสลา ธมฺมา’ติ เยน ปญฺญาจกฺขุนา ชาเนยฺย, อกุสเล ธเมฺม ‘อกุสลา ธมฺมา’ติ, สาวชฺชาทีสุปิ เอเสว นโยฯ กณฺหสุกฺกสปฺปฎิภาเคสุ ปน กณฺหธเมฺม ‘สุกฺกสุปฺปฎิภาคา’ติ, สุกฺกธเมฺม ‘กณฺหสปฺปฎิภาคา’ติ เยน ปญฺญาจกฺขุนา ชาเนยฺยฯ ตถารูปมฺปิสฺส จกฺขุ น โหตีติ อิมินา นเยน เสสฎฺฐาเนสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ทิฎฺฐธมฺมิกโภคสํหรณปญฺญาจกฺขุโน จ สมฺปรายิกตฺถโสธนปญฺญาจกฺขุโน จ อภาวา อโนฺธติ วุจฺจติฯ ทุติโย ทิฎฺฐธมฺมิกโภคสํหรณปญฺญาจกฺขุโน ภาวา, สมฺปรายิกตฺถโสธนปญฺญาจกฺขุโน ปน อภาวา เอกจกฺขูติ วุจฺจติฯ ตติโย ทฺวินฺนมฺปิ ภาวา ทฺวิจกฺขูติ วุจฺจติฯ

    104. Andhādīsu tathārūpaṃ cakkhu na hotīti tathājātikaṃ tathāsabhāvaṃ paññācakkhu na hoti. Phātiṃ kareyyāti phītaṃ vaḍḍhitaṃ kareyya. Sāvajjānavajjeti sadosaniddose. Hīnappaṇīteti adhamuttame. Kaṇhasukkasappaṭibhāgeti kaṇhasukkāyeva aññamaññapaṭibāhanato paṭipakkhavasena sappaṭibhāgāti vuccanti. Ayaṃ panettha saṅkhepo – kusale dhamme ‘kusalā dhammā’ti yena paññācakkhunā jāneyya, akusale dhamme ‘akusalā dhammā’ti, sāvajjādīsupi eseva nayo. Kaṇhasukkasappaṭibhāgesu pana kaṇhadhamme ‘sukkasuppaṭibhāgā’ti, sukkadhamme ‘kaṇhasappaṭibhāgā’ti yena paññācakkhunā jāneyya. Tathārūpampissa cakkhu na hotīti iminā nayena sesaṭṭhānesupi attho veditabbo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo diṭṭhadhammikabhogasaṃharaṇapaññācakkhuno ca samparāyikatthasodhanapaññācakkhuno ca abhāvā andhoti vuccati. Dutiyo diṭṭhadhammikabhogasaṃharaṇapaññācakkhuno bhāvā, samparāyikatthasodhanapaññācakkhuno pana abhāvā ekacakkhūti vuccati. Tatiyo dvinnampi bhāvā dvicakkhūti vuccati.

    ๑๐๗. อวกุชฺชปญฺญาทีสุ ธมฺมํ เทเสนฺตีติ อุปาสโก ธมฺมสฺสวนตฺถาย อาคโตติ อตฺตโน กมฺมํ ปหาย ธมฺมํ เทเสนฺติฯ อาทิกลฺยาณนฺติ อาทิมฺหิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชํ นิโทฺทสํ กตฺวา เทเสนฺติฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ เอตฺถ ปน อาทีติ ปุพฺพปฎฺฐปนาฯ มชฺฌนฺติ กถาเวมชฺฌํฯ ปริโยสานนฺติ สนฺนิฎฺฐานํฯ อิติสฺส ธมฺมํ กเถนฺตา ปุพฺพปฎฺฐปเนปิ กลฺยาณํ ภทฺทกํ อนวชฺชเมว กตฺวา กเถนฺติ, เวมเชฺฌปิ, ปริโยสาเนปิฯ เอตฺถ จ อตฺถิ เทสนาย อาทิมชฺฌปริโยสานานิ, อตฺถิ สาสนสฺสฯ ตตฺถ เทสนาย ตาว – จตุปฺปทิกคาถาย ปฐมปทํ อาทิ, เทฺว ปทานิ มชฺฌํ, อวสานปทํ ปริโยสานํฯ เอกานุสนฺธิกสุตฺตสฺส – นิทานํ อาทิ, อนุสนฺธิ มชฺฌํ, อิทมโวจาติ อปฺปนา ปริโยสานํฯ อเนกานุสนฺธิกสฺส – ปฐโม อนุสนฺธิ อาทิ , ตโต ปรํ เอโก วา อเนกา วา มชฺฌํ, ปจฺฉิโม ปริโยสานํฯ อยํ ตาว เทสนาย นโยฯ

    107. Avakujjapaññādīsu dhammaṃ desentīti upāsako dhammassavanatthāya āgatoti attano kammaṃ pahāya dhammaṃ desenti. Ādikalyāṇanti ādimhi kalyāṇaṃ bhaddakaṃ anavajjaṃ niddosaṃ katvā desenti. Sesapadesupi eseva nayo. Ettha pana ādīti pubbapaṭṭhapanā. Majjhanti kathāvemajjhaṃ. Pariyosānanti sanniṭṭhānaṃ. Itissa dhammaṃ kathentā pubbapaṭṭhapanepi kalyāṇaṃ bhaddakaṃ anavajjameva katvā kathenti, vemajjhepi, pariyosānepi. Ettha ca atthi desanāya ādimajjhapariyosānāni, atthi sāsanassa. Tattha desanāya tāva – catuppadikagāthāya paṭhamapadaṃ ādi, dve padāni majjhaṃ, avasānapadaṃ pariyosānaṃ. Ekānusandhikasuttassa – nidānaṃ ādi, anusandhi majjhaṃ, idamavocāti appanā pariyosānaṃ. Anekānusandhikassa – paṭhamo anusandhi ādi , tato paraṃ eko vā anekā vā majjhaṃ, pacchimo pariyosānaṃ. Ayaṃ tāva desanāya nayo.

    สาสนสฺส ปน สีลํ อาทิ, สมาธิ มชฺฌํ, วิปสฺสนา ปริโยสานํฯ สมาธิ วา อาทิ, วิปสฺสนา มชฺฌํ, มโคฺค ปริโยสานํฯ วิปสฺสนา วา อาทิ, มโคฺค มชฺฌํ, ผลํ ปริโยสานํฯ มโคฺค วา อาทิ, ผลํ มชฺฌํ, นิพฺพานํ ปริโยสานํ ฯ เทฺว เทฺว วา กริยมาเน สีลสมาธโย อาทิ, วิปสฺสนามคฺคา มชฺฌํ, ผลนิพฺพานานิ ปริโยสานํฯ สาตฺถนฺติ สาตฺถกํ กตฺวา เทเสนฺติฯ สพฺยญฺชนนฺติ อกฺขรปาริปูริํ กตฺวา เทเสนฺติฯ เกวลปริปุณฺณนฺติ สกลปริปุณฺณํ อนูนํ กตฺวา เทเสนฺติฯ ปริสุทฺธนฺติ ปริสุทฺธํ นิชฺชฎํ นิคฺคณฺฐิํ กตฺวา เทเสนฺติฯ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺตีติ เอวํ เทเสนฺตา จ เสฎฺฐจริยภูตํ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ อริยํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ปกาเสนฺติฯ เนว อาทิํ มนสิ กโรตีติ เนว ปุพฺพปฎฺฐปนํ มนสิ กโรติฯ กุโมฺภติ ฆโฎฯ นิกฺกุโชฺชติ อโธมุโข ฐปิโตฯ เอวเมวนฺติ เอตฺถ กุโมฺภ นิกฺกุโชฺช วิย อวกุชฺชปโญฺญ ปุคฺคโล ทฎฺฐโพฺพฯ อุทกาสิญฺจนกาโล วิย ธมฺมเทสนาย ลทฺธกาโลฯ อุทกสฺส วิวฎฺฎนกาโล วิย ตสฺมิํ อาสเน นิสินฺนสฺส อุคฺคเหตุํ อสมตฺถกาโลฯ อุทกสฺส อสณฺฐานกาโล วิย อุฎฺฐหิตฺวา อสลฺลกฺขณกาโล เวทิตโพฺพฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล อวกุชฺชปโญฺญติ วุจฺจติฯ อโธมุขปโญฺญติ อโตฺถฯ

    Sāsanassa pana sīlaṃ ādi, samādhi majjhaṃ, vipassanā pariyosānaṃ. Samādhi vā ādi, vipassanā majjhaṃ, maggo pariyosānaṃ. Vipassanā vā ādi, maggo majjhaṃ, phalaṃ pariyosānaṃ. Maggo vā ādi, phalaṃ majjhaṃ, nibbānaṃ pariyosānaṃ . Dve dve vā kariyamāne sīlasamādhayo ādi, vipassanāmaggā majjhaṃ, phalanibbānāni pariyosānaṃ. Sātthanti sātthakaṃ katvā desenti. Sabyañjananti akkharapāripūriṃ katvā desenti. Kevalaparipuṇṇanti sakalaparipuṇṇaṃ anūnaṃ katvā desenti. Parisuddhanti parisuddhaṃ nijjaṭaṃ niggaṇṭhiṃ katvā desenti. Brahmacariyaṃ pakāsentīti evaṃ desentā ca seṭṭhacariyabhūtaṃ sikkhattayasaṅgahitaṃ ariyaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ pakāsenti. Neva ādiṃ manasi karotīti neva pubbapaṭṭhapanaṃ manasi karoti. Kumbhoti ghaṭo. Nikkujjoti adhomukho ṭhapito. Evamevanti ettha kumbho nikkujjo viya avakujjapañño puggalo daṭṭhabbo. Udakāsiñcanakālo viya dhammadesanāya laddhakālo. Udakassa vivaṭṭanakālo viya tasmiṃ āsane nisinnassa uggahetuṃ asamatthakālo. Udakassa asaṇṭhānakālo viya uṭṭhahitvā asallakkhaṇakālo veditabbo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo avakujjapaññoti vuccati. Adhomukhapaññoti attho.

    ๑๐๘. อากิณฺณานีติ ปกฺขิตฺตานิฯ สติสโมฺมสา ปกิเรยฺยาติ มุฎฺฐสฺสติตาย วิกิเรยฺยฯ เอวเมวนฺติ เอตฺถ อุจฺฉโงฺค วิย อุจฺฉงฺคปโญฺญ ปุคฺคโล ทฎฺฐโพฺพฯ นานาขชฺชกานิ วิย นานปฺปการํ พุทฺธวจนํฯ อุจฺฉเงฺค นานาขชฺชกานิ ขาทนฺตสฺส นิสินฺนกาโล วิย ตสฺมิํ อาสเน นิสินฺนสฺส อุคฺคหณกาโลฯ วุฎฺฐหนฺตสฺส สติสโมฺมสา วิกิรณกาโล วิย ตสฺมา อาสนา วุฎฺฐาย คจฺฉนฺตสฺส อสลฺลกฺขณกาโล เวทิตโพฺพฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล อุจฺฉงฺคปโญฺญติ วุจฺจติฯ อุจฺฉงฺคสทิสปโญฺญติ อโตฺถฯ

    108. Ākiṇṇānīti pakkhittāni. Satisammosā pakireyyāti muṭṭhassatitāya vikireyya. Evamevanti ettha ucchaṅgo viya ucchaṅgapañño puggalo daṭṭhabbo. Nānākhajjakāni viya nānappakāraṃ buddhavacanaṃ. Ucchaṅge nānākhajjakāni khādantassa nisinnakālo viya tasmiṃ āsane nisinnassa uggahaṇakālo. Vuṭṭhahantassa satisammosā vikiraṇakālo viya tasmā āsanā vuṭṭhāya gacchantassa asallakkhaṇakālo veditabbo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo ucchaṅgapaññoti vuccati. Ucchaṅgasadisapaññoti attho.

    ๑๐๙. อุกฺกุโชฺชติ อุปริมุโข ฐปิโตฯ สณฺฐาตีติ ปติฎฺฐหติฯ เอวเมว โขติ เอตฺถ อุปริมุโข ฐปิโต กุโมฺภ วิย ปุถุปโญฺญ ปุคฺคโล ทฎฺฐโพฺพฯ อุทกสฺส อาสิตฺตกาโล วิย เทสนาย ลทฺธกาโลฯ อุทกสฺส สณฺฐานกาโล วิย ตตฺถ นิสินฺนสฺส อุคฺคหณกาโลฯ โน วิวฎฺฎนกาโล วิย อุฎฺฐาย คจฺฉนฺตสฺส สลฺลกฺขณกาโล เวทิตโพฺพฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ปุถุปโญฺญติ วุจฺจติฯ วิตฺถาริกปโญฺญติ อโตฺถฯ

    109. Ukkujjoti uparimukho ṭhapito. Saṇṭhātīti patiṭṭhahati. Evameva khoti ettha uparimukho ṭhapito kumbho viya puthupañño puggalo daṭṭhabbo. Udakassa āsittakālo viya desanāya laddhakālo. Udakassa saṇṭhānakālo viya tattha nisinnassa uggahaṇakālo. No vivaṭṭanakālo viya uṭṭhāya gacchantassa sallakkhaṇakālo veditabbo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo puthupaññoti vuccati. Vitthārikapaññoti attho.

    ๑๑๐. อวีตราคาทีสุ – ยถา โสตาปนฺนสกทาคามิโน, เอวํ ปุถุชฺชโนปิ ปญฺจสุ กามคุเณสุ, ตีสุ จ ภเวสุ อวีตราโคฯ อทพฺพตาย ปน น คหิโตฯ ยถา หิ เฉโก วฑฺฒกี ทพฺพสมฺภารตฺถํ วนํ ปวิโฎฺฐ น อาทิโต ปฎฺฐาย สมฺปตฺตสมฺปตฺตรุเกฺข ฉินฺทติ, เย ปนสฺส ทพฺพสมฺภารูปคา โหนฺติ, เตเยว ฉินฺทติ; เอวมิธาปิ ภควตา ทพฺพชาติกา อริยาว คหิตา, ปุถุชฺชนา ปน อทพฺพตาย น คหิตาติ เวทิตพฺพาฯ กาเมสุ วีตราโคติ ปญฺจสุ กามคุเณสุ วีตราโคฯ ภเวสุ อวีตราโคติ รูปารูปภเวสุ อวีตราโคฯ

    110. Avītarāgādīsu – yathā sotāpannasakadāgāmino, evaṃ puthujjanopi pañcasu kāmaguṇesu, tīsu ca bhavesu avītarāgo. Adabbatāya pana na gahito. Yathā hi cheko vaḍḍhakī dabbasambhāratthaṃ vanaṃ paviṭṭho na ādito paṭṭhāya sampattasampattarukkhe chindati, ye panassa dabbasambhārūpagā honti, teyeva chindati; evamidhāpi bhagavatā dabbajātikā ariyāva gahitā, puthujjanā pana adabbatāya na gahitāti veditabbā. Kāmesu vītarāgoti pañcasu kāmaguṇesu vītarāgo. Bhavesu avītarāgoti rūpārūpabhavesu avītarāgo.

    ๑๑๓. ปาสาณเลขูปมาทีสุ – อนุเสตีติ อปฺปหีนตาย อนุเสติฯ น ขิปฺปํ ลุชฺชตีติ น อนฺตรา นสฺสติ, กปฺปุฎฺฐาเนเนว นสฺสติฯ เอวเมวนฺติ เอวํ ตสฺสาปิ ปุคฺคลสฺส โกโธ น อนฺตรา ปุนทิวเส วา อปรทิวเส วา นิพฺพาติ, อทฺธนิโย ปน โหติฯ มรเณเนว นิพฺพาตีติ อโตฺถฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ปาสาณเลขา วิย กุชฺฌนภาเวน จิรฎฺฐิติกโต ปาสาณเลขูปโมติ วุจฺจติฯ

    113. Pāsāṇalekhūpamādīsu – anusetīti appahīnatāya anuseti. Na khippaṃ lujjatīti na antarā nassati, kappuṭṭhāneneva nassati. Evamevanti evaṃ tassāpi puggalassa kodho na antarā punadivase vā aparadivase vā nibbāti, addhaniyo pana hoti. Maraṇeneva nibbātīti attho. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo pāsāṇalekhā viya kujjhanabhāvena ciraṭṭhitikato pāsāṇalekhūpamoti vuccati.

    ๑๑๔. โส จ ขฺวสฺส โกโธติ โส อปฺปมตฺตเกปิ การเณ สหสา กุทฺธสฺส โกโธฯ น จิรนฺติ อจิรํ อปฺปหีนตาย นานุเสติฯ ยถา ปน ปถวิยํ อากฑฺฒิตฺวา กตเลขา วาตาทีหิ ขิปฺปํ นสฺสติ, เอวมสฺส สหสา อุปฺปโนฺนปิ โกโธ ขิปฺปเมว นิพฺพาตีติ อโตฺถฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ปถวิยํ เลขา วิย กุชฺฌนภาเวน อจิรฎฺฐิติกโต ปถวีเลขูปโมติ วุจฺจติฯ

    114. So ca khvassa kodhoti so appamattakepi kāraṇe sahasā kuddhassa kodho. Na ciranti aciraṃ appahīnatāya nānuseti. Yathā pana pathaviyaṃ ākaḍḍhitvā katalekhā vātādīhi khippaṃ nassati, evamassa sahasā uppannopi kodho khippameva nibbātīti attho. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo pathaviyaṃ lekhā viya kujjhanabhāvena aciraṭṭhitikato pathavīlekhūpamoti vuccati.

    ๑๑๕. อาคาเฬฺหนาติ อติคาเฬฺหน มมฺมเจฺฉทเกน ถทฺธวจเนนฯ ผรุเสนาติ น โสตสุเขนฯ อมนาเปนาติ น จิตฺตสุเขนฯ สํสนฺทตีติ เอกีภวติฯ สนฺธิยตีติ ฆฎยติฯ สโมฺมทตีติ นิรนฺตโร โหติฯ อถ วา – สํสนฺทตีติ จิตฺตกิริยาทีสุ จิเตฺตน สโมธานํ คจฺฉติฯ ขีโรทกํ วิย เอกีภาวํ อุเปตีติ อโตฺถฯ สนฺธิยตีติ ฐานคมนาทีสุ กายกิริยาทีสุ กาเยน สโมธานํ คจฺฉติฯ ติลตณฺฑุลา วิย มิสฺสีภาวํ อุเปตีติ อโตฺถฯ สโมฺมทตีติ อุเทฺทสปริปุจฺฉาทีสุ วจีกิริยาสุ วาจาย สโมธานํ คจฺฉติฯ วิปฺปวาสคโตปิ ปิยสหายโก วิย ปิยตรภาวํ อุเปตีติ อโตฺถฯ อปิจ – กิจฺจกรณีเยสุ เตหิ สทฺธิํ อาทิโตว เอกกิริยภาวํ อุปคจฺฉโนฺต สํสนฺทติฯ ยาว มชฺฌา ปวตฺตโนฺต สนฺธิยติ, ยาว ปริโยสานา อนิวตฺตโนฺต สโมฺมทตีติปิ เวทิตโพฺพฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล อุทกเลขา วิย ขิปฺปํ สํสนฺทนโต อุทกเลขูปโมติ วุจฺจติฯ

    115. Āgāḷhenāti atigāḷhena mammacchedakena thaddhavacanena. Pharusenāti na sotasukhena. Amanāpenāti na cittasukhena. Saṃsandatīti ekībhavati. Sandhiyatīti ghaṭayati. Sammodatīti nirantaro hoti. Atha vā – saṃsandatīti cittakiriyādīsu cittena samodhānaṃ gacchati. Khīrodakaṃ viya ekībhāvaṃ upetīti attho. Sandhiyatīti ṭhānagamanādīsu kāyakiriyādīsu kāyena samodhānaṃ gacchati. Tilataṇḍulā viya missībhāvaṃ upetīti attho. Sammodatīti uddesaparipucchādīsu vacīkiriyāsu vācāya samodhānaṃ gacchati. Vippavāsagatopi piyasahāyako viya piyatarabhāvaṃ upetīti attho. Apica – kiccakaraṇīyesu tehi saddhiṃ āditova ekakiriyabhāvaṃ upagacchanto saṃsandati. Yāva majjhā pavattanto sandhiyati, yāva pariyosānā anivattanto sammodatītipi veditabbo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo udakalekhā viya khippaṃ saṃsandanato udakalekhūpamoti vuccati.

    ๑๑๖. โปตฺถกูปเมสุ – ยาย อุปมาย เต โปตฺถกูปมาติ วุจฺจนฺติ, ตํ ตาว อุปมํ ทเสฺสตุํ ตโย โปตฺถกาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นโวติ นววายิโมฯ โปตฺถโกติ สาณวากสาฎโกฯ ทุพฺพโณฺณติ วิวโณฺณฯ ทุกฺขสมฺผโสฺสติ ขรสมฺผโสฺสฯ อปฺปโคฺฆติ อติพหุํ อคฺฆโนฺต กหาปณคฺฆนโก โหติฯ มชฺฌิโมติ ปริโภคมชฺฌิโมฯ โส หิ นวภาวํ อติกฺกมิตฺวา ชิณฺณภาวํ อปฺปโตฺต มเชฺฌ ปริโภคกาเลปิ ทุพฺพโณฺณ จ ทุกฺขสมฺผโสฺส จ อปฺปโคฺฆเยว จ โหติฯ อติพหุํ อคฺฆโนฺต อฑฺฒํ อคฺฆติฯ ชิณฺณกาเล ปน อฑฺฒมาสกํ วา กากณิกํ วา อคฺฆติฯ อุกฺขลิปริมชฺชนนฺติ กาฬุกฺขลิปริปุญฺฉนํฯ

    116. Potthakūpamesu – yāya upamāya te potthakūpamāti vuccanti, taṃ tāva upamaṃ dassetuṃ tayo potthakātiādi vuttaṃ. Tattha navoti navavāyimo. Potthakoti sāṇavākasāṭako. Dubbaṇṇoti vivaṇṇo. Dukkhasamphassoti kharasamphasso. Appagghoti atibahuṃ agghanto kahāpaṇagghanako hoti. Majjhimoti paribhogamajjhimo. So hi navabhāvaṃ atikkamitvā jiṇṇabhāvaṃ appatto majjhe paribhogakālepi dubbaṇṇo ca dukkhasamphasso ca appagghoyeva ca hoti. Atibahuṃ agghanto aḍḍhaṃ agghati. Jiṇṇakāle pana aḍḍhamāsakaṃ vā kākaṇikaṃ vā agghati. Ukkhaliparimajjananti kāḷukkhaliparipuñchanaṃ.

    นโวติ อุปสมฺปทาย ปญฺจวสฺสกาลโต เหฎฺฐา ชาติยา สฎฺฐิวโสฺสปิ นโวเยวฯ ทุพฺพณฺณตายาติ สรีรวเณฺณนปิ คุณวเณฺณนปิ ทุพฺพณฺณตายฯ ทุสฺสีลสฺส หิ ปริสมเชฺฌ นิสินฺนสฺส นิเตฺตชตาย สรีรวโณฺณปิ น สมฺปชฺชติ, คุณวเณฺณ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ เย โข ปนสฺสาติ เย โข ปน ตสฺส อุปฎฺฐากา วา ญาติมิตฺตาทโย วา เอตํ ปุคฺคลํ เสวนฺติฯ เตสํ ตนฺติ เตสํ ปุคฺคลานํ ฉ สตฺถาเร เสวนฺตานํ มิจฺฉาทิฎฺฐิกานํ วิย, เทวทตฺตํ เสวนฺตานํ โกกาลิกาทีนํ วิย จ ตํ เสวนํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย โหติฯ มชฺฌิโมติ ปญฺจวสฺสกาลโต ปฎฺฐาย ยาว นววสฺสกาลา มชฺฌิโม นามฯ เถโรติ ทสวสฺสกาลโต ปฎฺฐาย เถโร นามฯ เอวมาหํสูติ เอวํ วทนฺติฯ กิํ นุ โข ตุยฺหนฺติ ตุยฺหํ พาลสฺส ภณิเตน โก อโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ ตถารูปนฺติ ตถาชาติกํ ตถาสภาวํ อุเกฺขปนียกมฺมสฺส การณภูตํฯ

    Navoti upasampadāya pañcavassakālato heṭṭhā jātiyā saṭṭhivassopi navoyeva. Dubbaṇṇatāyāti sarīravaṇṇenapi guṇavaṇṇenapi dubbaṇṇatāya. Dussīlassa hi parisamajjhe nisinnassa nittejatāya sarīravaṇṇopi na sampajjati, guṇavaṇṇe vattabbameva natthi. Ye kho panassāti ye kho pana tassa upaṭṭhākā vā ñātimittādayo vā etaṃ puggalaṃ sevanti. Tesaṃ tanti tesaṃ puggalānaṃ cha satthāre sevantānaṃ micchādiṭṭhikānaṃ viya, devadattaṃ sevantānaṃ kokālikādīnaṃ viya ca taṃ sevanaṃ dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya hoti. Majjhimoti pañcavassakālato paṭṭhāya yāva navavassakālā majjhimo nāma. Theroti dasavassakālato paṭṭhāya thero nāma. Evamāhaṃsūti evaṃ vadanti. Kiṃ nu kho tuyhanti tuyhaṃ bālassa bhaṇitena ko atthoti vuttaṃ hoti. Tathārūpanti tathājātikaṃ tathāsabhāvaṃ ukkhepanīyakammassa kāraṇabhūtaṃ.

    ๑๑๗. กาสิกวตฺถูปเมสุ – กาสิกวตฺถํ นาม ตโย กปฺปาสํสู คเหตฺวา กนฺติตสุเตฺตน วายิตํ สุขุมวตฺถํฯ ตํ นววายิมํ อนคฺฆํ โหติฯ ปริโภคมชฺฌิมํ วีสมฺปิ ติํสมฺปิ สหสฺสานิ อคฺฆติฯ ชิณฺณกาเล ปน อฎฺฐปิ ทสปิ สหสฺสานิ อคฺฆติฯ

    117. Kāsikavatthūpamesu – kāsikavatthaṃ nāma tayo kappāsaṃsū gahetvā kantitasuttena vāyitaṃ sukhumavatthaṃ. Taṃ navavāyimaṃ anagghaṃ hoti. Paribhogamajjhimaṃ vīsampi tiṃsampi sahassāni agghati. Jiṇṇakāle pana aṭṭhapi dasapi sahassāni agghati.

    เตสํ ตํ โหตีติ เตสํ สมฺมาสมฺพุทฺธาทโย เสวนฺตานํ วิย ตํ เสวนํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติฯ สมฺมาสมฺพุทฺธญฺหิ เอกํ นิสฺสาย ยาวชฺชกาลา มุจฺจนกสตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิฯ ตถา สาริปุตฺตเตฺถรมหาโมคฺคลฺลานเตฺถเร อวเสเส จ อสีติมหาสาวเก นิสฺสาย สคฺคํ คตสตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิฯ ยาวชฺชกาลา เตสํ ทิฎฺฐานุคติํ ปฎิปนฺนสตฺตานมฺปิ ปมาณํ นตฺถิเยวฯ อาเธยฺยํ คจฺฉตีติ ตสฺส มหาเถรสฺส ตํ อตฺถนิสฺสิตํ วจนํ ยถา คนฺธกรณฺฑเก กาสิกวตฺถํ อาธาตพฺพตํ ฐเปตพฺพตํ คจฺฉติ, เอวํ อุตฺตมเงฺค สิรสฺมิํ หทเย จ อาธาตพฺพตํ ฐเปตพฺพตมฺปิ คจฺฉติฯ เสสเมตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํฯ

    Tesaṃtaṃ hotīti tesaṃ sammāsambuddhādayo sevantānaṃ viya taṃ sevanaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya hoti. Sammāsambuddhañhi ekaṃ nissāya yāvajjakālā muccanakasattānaṃ pamāṇaṃ natthi. Tathā sāriputtattheramahāmoggallānatthere avasese ca asītimahāsāvake nissāya saggaṃ gatasattānaṃ pamāṇaṃ natthi. Yāvajjakālā tesaṃ diṭṭhānugatiṃ paṭipannasattānampi pamāṇaṃ natthiyeva. Ādheyyaṃ gacchatīti tassa mahātherassa taṃ atthanissitaṃ vacanaṃ yathā gandhakaraṇḍake kāsikavatthaṃ ādhātabbataṃ ṭhapetabbataṃ gacchati, evaṃ uttamaṅge sirasmiṃ hadaye ca ādhātabbataṃ ṭhapetabbatampi gacchati. Sesamettha heṭṭhā vuttānusāreneva veditabbaṃ.

    ๑๑๘. สุปฺปเมยฺยาทีสุ – สุเขน ปเมตโพฺพติ สุปฺปเมโยฺยฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สตฺตโลเกฯ อุทฺธโตติ อุทฺธเจฺจน สมนฺนาคโตฯ อุนฺนโฬติ อุคฺคตนโฬ; ตุจฺฉมานํ อุกฺขิปิตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ จปโลติ ปตฺตมณฺฑนาทินา จาปเลฺลน สมนฺนาคโตฯ มุขโรติ มุขขโรฯ วิกิณฺณวาโจติ อสํยตวจโนฯ อสมาหิโตติ จิเตฺตกคฺคตารหิโตฯ วิพฺภนฺตจิโตฺตติ ภนฺตจิโตฺต, ภนฺตคาวีภนฺตมิคีสปฺปฎิภาโคฯ ปากฎินฺทฺริโยติ วิวฎินฺทฺริโยฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ‘สุปฺปเมโยฺย’ติ วุจฺจติฯ ยถา หิ ปริตฺตสฺส อุทกสฺส สุเขน ปมาณํ คยฺหติ; เอวเมว อิเมหิ อคุณเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส สุเขน ปมาณํ คยฺหติฯ เตเนส ‘สุปฺปเมโยฺย’ติ วุโตฺตฯ

    118. Suppameyyādīsu – sukhena pametabboti suppameyyo. Idhāti imasmiṃ sattaloke. Uddhatoti uddhaccena samannāgato. Unnaḷoti uggatanaḷo; tucchamānaṃ ukkhipitvā ṭhitoti attho. Capaloti pattamaṇḍanādinā cāpallena samannāgato. Mukharoti mukhakharo. Vikiṇṇavācoti asaṃyatavacano. Asamāhitoti cittekaggatārahito. Vibbhantacittoti bhantacitto, bhantagāvībhantamigīsappaṭibhāgo. Pākaṭindriyoti vivaṭindriyo. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo ‘suppameyyo’ti vuccati. Yathā hi parittassa udakassa sukhena pamāṇaṃ gayhati; evameva imehi aguṇaṅgehi samannāgatassa sukhena pamāṇaṃ gayhati. Tenesa ‘suppameyyo’ti vutto.

    ๑๑๙. ทุเกฺขน ปเมตโพฺพติ ทุปฺปเมโยฺยฯ อนุทฺธตาทีนิ วุตฺตปฎิปกฺขวเสน เวทิตพฺพานิฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล ‘ทุปฺปเมโยฺย’ติ วุจฺจติฯ ยถา หิ มหาสมุทฺทสฺส ทุเกฺขน ปมาณํ คยฺหติ; เอวเมว อิเมหิ คุณเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ทุเกฺขน ปมาณํ คยฺหติฯ ตาทิโส ‘อนาคามี นุ โข, ขีณาสโว นุ โข’ติ วตฺตพฺพตํ คจฺฉติ, เตเนส ‘ทุปฺปเมโยฺย’ติ วุโตฺตฯ

    119. Dukkhena pametabboti duppameyyo. Anuddhatādīni vuttapaṭipakkhavasena veditabbāni. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ evarūpo puggalo ‘duppameyyo’ti vuccati. Yathā hi mahāsamuddassa dukkhena pamāṇaṃ gayhati; evameva imehi guṇaṅgehi samannāgatassa dukkhena pamāṇaṃ gayhati. Tādiso ‘anāgāmī nu kho, khīṇāsavo nu kho’ti vattabbataṃ gacchati, tenesa ‘duppameyyo’ti vutto.

    ๑๒๐. น สกฺกา ปเมตุนฺติ อปฺปเมโยฺยฯ ยถา หิ อากาสสฺส น สกฺกา ปมาณํ คเหตุํ, เอวํ ขีณาสวสฺสฯ เตเนส ‘อปฺปเมโยฺย’ติ วุโตฺตฯ

    120. Na sakkā pametunti appameyyo. Yathā hi ākāsassa na sakkā pamāṇaṃ gahetuṃ, evaṃ khīṇāsavassa. Tenesa ‘appameyyo’ti vutto.

    ๑๒๑. น เสวิตพฺพาทีสุ – น เสวิตโพฺพติ น อุปสงฺกมิตโพฺพฯ น ภชิตโพฺพติ น อลฺลียิตโพฺพฯ น ปยิรุปาสิตโพฺพติ น สนฺติเก นิสีทนวเสน ปุนปฺปุนํ อุปาสิตโพฺพฯ หีโน โหติ สีเลนาติอาทีสุ อุปาทายุปาทาย หีนตา เวทิตพฺพา ฯ โย หิ ปญฺจ สีลานิ รกฺขติ, โส ทส สีลานิ รกฺขเนฺตน น เสวิตโพฺพฯ โย ปน ทส สีลานิ รกฺขติ, โส จตุปาริสุทฺธิสีลํ รกฺขเนฺตน น เสวิตโพฺพฯ อญฺญตฺร อนุทฺทยา อญฺญตฺร อนุกมฺปาติ ฐเปตฺวา อนุทฺทยญฺจ อนุกมฺปญฺจฯ อตฺตโน อตฺถาย เอว หิ เอวรูโป ปุคฺคโล น เสวิตโพฺพฯ อนุทฺทยานุกมฺปาวเสน ปน ตํ อุปสงฺกมิตุํ วฎฺฎติฯ

    121. Na sevitabbādīsu – na sevitabboti na upasaṅkamitabbo. Na bhajitabboti na allīyitabbo. Na payirupāsitabboti na santike nisīdanavasena punappunaṃ upāsitabbo. Hīnohoti sīlenātiādīsu upādāyupādāya hīnatā veditabbā . Yo hi pañca sīlāni rakkhati, so dasa sīlāni rakkhantena na sevitabbo. Yo pana dasa sīlāni rakkhati, so catupārisuddhisīlaṃ rakkhantena na sevitabbo. Aññatra anuddayā aññatra anukampāti ṭhapetvā anuddayañca anukampañca. Attano atthāya eva hi evarūpo puggalo na sevitabbo. Anuddayānukampāvasena pana taṃ upasaṅkamituṃ vaṭṭati.

    ๑๒๒. สทิโส โหตีติ สมาโน โหติฯ สีลสามญฺญคตานํ สตนฺติ สีเลน สมานภาวํ คตานํ สนฺตานํฯ สีลกถา จ โน ภวิสฺสตีติ เอวํ สมานสีลานํ อมฺหากํ สีลเมว อารพฺภ กถา ภวิสฺสติฯ สา จ โน ผาสุ ภวิสฺสตีติ สา จ สีลกถา อมฺหากํ ผาสุวิหาโร สุขวิหาโร ภวิสฺสติฯ สา จ โน ปวตฺตินี ภวิสฺสตีติ สา จ อมฺหากํ กถา ทิวสมฺปิ กเถนฺตานํ ปวตฺตินี ภวิสฺสติ, น ปฎิหญฺญิสฺสติฯ ทฺวีสุ หิ สีลวเนฺตสุ เอเกน สีลสฺส วเณฺณ กถิเต อิตโร อนุโมทติ; เตน เตสํ กถา ผาสุ เจว โหติ, ปวตฺตินี จฯ เอกสฺมิํ ปน ทุสฺสีเล สติ ทุสฺสีลสฺส สีลกถา ทุกฺกถาติ เนว สีลกถา โหติ, น ผาสุ โหติ, น ปวตฺตินีฯ สมาธิปญฺญากถาสุปิ เอเสว นโยฯ เทฺว หิ สมาธิลาภิโน สมาธิกถํ, สปฺปญฺญา จ ปญฺญากถํ กเถนฺตา, รตฺติํ วา ทิวสํ วา อติกฺกนฺตมฺปิ น ชานนฺติฯ

    122. Sadiso hotīti samāno hoti. Sīlasāmaññagatānaṃ satanti sīlena samānabhāvaṃ gatānaṃ santānaṃ. Sīlakathā ca no bhavissatīti evaṃ samānasīlānaṃ amhākaṃ sīlameva ārabbha kathā bhavissati. Sā ca no phāsu bhavissatīti sā ca sīlakathā amhākaṃ phāsuvihāro sukhavihāro bhavissati. Sā ca no pavattinī bhavissatīti sā ca amhākaṃ kathā divasampi kathentānaṃ pavattinī bhavissati, na paṭihaññissati. Dvīsu hi sīlavantesu ekena sīlassa vaṇṇe kathite itaro anumodati; tena tesaṃ kathā phāsu ceva hoti, pavattinī ca. Ekasmiṃ pana dussīle sati dussīlassa sīlakathā dukkathāti neva sīlakathā hoti, na phāsu hoti, na pavattinī. Samādhipaññākathāsupi eseva nayo. Dve hi samādhilābhino samādhikathaṃ, sappaññā ca paññākathaṃ kathentā, rattiṃ vā divasaṃ vā atikkantampi na jānanti.

    ๑๒๓. สกฺกตฺวา ครุํ กตฺวาติ สกฺการเญฺจว ครุการญฺจ กริตฺวาฯ อธิโก โหตีติ อติเรโก โหติฯ สีลกฺขนฺธนฺติ สีลราสิํฯ ปริปูเรสฺสามีติ ตํ อติเรกสีลํ ปุคฺคลํ นิสฺสาย อตฺตโน อปริปูรํ สีลราสิํ ปริปูรํ กริสฺสามิฯ ตตฺถ ตตฺถ ปญฺญาย อนุคฺคเหสฺสามีติ เอตฺถ สีลสฺส อสปฺปาเย อนุปการธเมฺม วเชฺชตฺวา สปฺปาเย อุปการธเมฺม เสวโนฺต ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน สีลกฺขนฺธํ ปญฺญาย อนุคฺคณฺหาติ นามฯ สมาธิปญฺญากฺขเนฺธสุปิ เอเสว นโยฯ

    123. Sakkatvā garuṃ katvāti sakkārañceva garukārañca karitvā. Adhiko hotīti atireko hoti. Sīlakkhandhanti sīlarāsiṃ. Paripūressāmīti taṃ atirekasīlaṃ puggalaṃ nissāya attano aparipūraṃ sīlarāsiṃ paripūraṃ karissāmi. Tattha tattha paññāya anuggahessāmīti ettha sīlassa asappāye anupakāradhamme vajjetvā sappāye upakāradhamme sevanto tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne sīlakkhandhaṃ paññāya anuggaṇhāti nāma. Samādhipaññākkhandhesupi eseva nayo.

    ๑๒๔. ชิคุจฺฉิตพฺพาทีสุ – ชิคุจฺฉิตโพฺพติ คูถํ วิย ชิคุจฺฉิตโพฺพฯ อถ โข นนฺติ อถ โข อสฺสฯ กิตฺติสโทฺทติ กถาสโทฺทฯ เอวเมวนฺติ เอตฺถ คูถกูโป วิย ทุสฺสีลฺยํ ทฎฺฐพฺพํฯ คูถกูเป ปติตฺวา ฐิโต ธมนีอหิ วิย ทุสฺสีลปุคฺคโลฯ คุถกูปโต อุทฺธริยมาเนน เตน อหินา ปุริสสฺส สรีรํ อารุเฬฺหนาปิ อทฎฺฐภาโว วิย ทุสฺสีลํ เสวมานสฺสาปิ ตสฺส กิริยาย การณภาโว สรีรํ คูเถน มเกฺขตฺวา อหิโน คตกาโล วิย ทุสฺสีลํ เสวมานสฺส ปาปกิตฺติสทฺทสฺส อพฺภุคฺคมนกาโล เวทิตโพฺพฯ

    124. Jigucchitabbādīsu – jigucchitabboti gūthaṃ viya jigucchitabbo. Atha kho nanti atha kho assa. Kittisaddoti kathāsaddo. Evamevanti ettha gūthakūpo viya dussīlyaṃ daṭṭhabbaṃ. Gūthakūpe patitvā ṭhito dhamanīahi viya dussīlapuggalo. Guthakūpato uddhariyamānena tena ahinā purisassa sarīraṃ āruḷhenāpi adaṭṭhabhāvo viya dussīlaṃ sevamānassāpi tassa kiriyāya kāraṇabhāvo sarīraṃ gūthena makkhetvā ahino gatakālo viya dussīlaṃ sevamānassa pāpakittisaddassa abbhuggamanakālo veditabbo.

    ๑๒๕. ตินฺทุกาลาตนฺติ ตินฺทุกรุกฺขอลาตํฯ ภิโยฺยโส มตฺตาย จิจฺจิฎายตีติ ตญฺหิ ฌายมานํ ปกติยาปิ ปปฎิกาโย มุญฺจนฺตํ จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎาติ สทฺทํ กโรติฯ ฆฎฺฎิตํ ปน อธิมตฺตํ กโรตีติ อโตฺถฯ เอวเมวนฺติ เอวเมวํ โกธโน อตฺตโน ธมฺมตายปิ อุทฺธโต จณฺฑิกโต หุตฺวา จรติฯ อปฺปมตฺตกํ ปน วจนํ วุตฺตกาเล ‘มาทิสํ นาม เอวํ วทตี’ติ อติเรกตรํ อุทฺธโต จณฺฑิกโต หุตฺวา จรติฯ คูถกูโปติ คูถปุณฺณกูโป, คูถราสิเยว วาฯ โอปมฺมสํสนฺทนํ ปเนตฺถ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ ตสฺมา เอวรูโป ปุคฺคโล อชฺฌุเปกฺขิตโพฺพ, น เสวิตโพฺพติ ยสฺมา โกธโน อติเสวิยมาโนปิ อติอุปสงฺกมิยมาโนปิ กุชฺฌติเยว, ‘กิํ อิมินา’ติ ปฎิกฺกมโนฺตปิ กุชฺฌติเยว, ตสฺมา ปลาลคฺคิ วิย อชฺฌุเปกฺขิตโพฺพ, น เสวิตโพฺพฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? โย หิ ปลาลคฺคิํ อติอุปสงฺกมิตฺวา ตปฺปติ, ตสฺส สรีรํ ฌายติฯ โย อติปฎิกฺกมิตฺวา ตปฺปติ, ตสฺส สีตํ น วูปสมฺมติฯ อนุปสงฺกมิตฺวา อปฎิกฺกมิตฺวา ปน มชฺฌตฺตภาเวน ตเปฺปนฺตสฺส สีตํ วูปสมฺมติ, กาโยปิ น ฑยฺหติฯ ตสฺมา ปลาลคฺคิ วิย โกธโน ปุคฺคโล มชฺฌตฺตภาเวน อชฺฌุเปกฺขิตโพฺพ, น เสวิตโพฺพ, น ภชิตโพฺพ, น ปยิรุปาสิตโพฺพฯ

    125. Tindukālātanti tindukarukkhaalātaṃ. Bhiyyoso mattāya cicciṭāyatīti tañhi jhāyamānaṃ pakatiyāpi papaṭikāyo muñcantaṃ cicciṭāyati ciṭiciṭāti saddaṃ karoti. Ghaṭṭitaṃ pana adhimattaṃ karotīti attho. Evamevanti evamevaṃ kodhano attano dhammatāyapi uddhato caṇḍikato hutvā carati. Appamattakaṃ pana vacanaṃ vuttakāle ‘mādisaṃ nāma evaṃ vadatī’ti atirekataraṃ uddhato caṇḍikato hutvā carati. Gūthakūpoti gūthapuṇṇakūpo, gūtharāsiyeva vā. Opammasaṃsandanaṃ panettha purimanayeneva veditabbaṃ. Tasmā evarūpo puggalo ajjhupekkhitabbo, na sevitabboti yasmā kodhano atiseviyamānopi atiupasaṅkamiyamānopi kujjhatiyeva, ‘kiṃ iminā’ti paṭikkamantopi kujjhatiyeva, tasmā palālaggi viya ajjhupekkhitabbo, na sevitabbo. Kiṃ vuttaṃ hoti? Yo hi palālaggiṃ atiupasaṅkamitvā tappati, tassa sarīraṃ jhāyati. Yo atipaṭikkamitvā tappati, tassa sītaṃ na vūpasammati. Anupasaṅkamitvā apaṭikkamitvā pana majjhattabhāvena tappentassa sītaṃ vūpasammati, kāyopi na ḍayhati. Tasmā palālaggi viya kodhano puggalo majjhattabhāvena ajjhupekkhitabbo, na sevitabbo, na bhajitabbo, na payirupāsitabbo.

    ๑๒๖. กลฺยาณมิโตฺตติ สุจิมิโตฺตฯ กลฺยาณสหาโยติ สุจิสหาโยฯ สหาโยติ สหคามี สทฺธิํจโรฯ กลฺยาณสมฺปวโงฺกติ กลฺยาเณสุ สุจิปุคฺคเลสุ สมฺปวโงฺก, ตนฺนินฺนตโปฺปณตปฺปพฺภารมานโสติ อโตฺถฯ

    126. Kalyāṇamittoti sucimitto. Kalyāṇasahāyoti sucisahāyo. Sahāyoti sahagāmī saddhiṃcaro. Kalyāṇasampavaṅkoti kalyāṇesu sucipuggalesu sampavaṅko, tanninnatappoṇatappabbhāramānasoti attho.

    ๑๒๗. สีเลสุ ปริปูรการีติอาทีสุ – สีเลสุ ปริปูรการิโนติ เอเต อริยสาวกา ยานิ ตานิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส อาทิภูตานิ, อาทิพฺรหฺมจริยกานิ, ปาราชิกสงฺขาตานิ จตฺตาริ มหาสีลสิกฺขาปทานิ, เตสํ อวีติกฺกมนโต ยานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ อาปชฺชนฺติ, เตหิ จ วุฎฺฐานโต สีเลสุ ยํ กตฺตพฺพํ, ตํ ปริปูรํ สมตฺตํ กโรนฺตีติ ‘สีเลสุ ปริปูรการิโน’ติ วุจฺจนฺติฯ สมาธิปาริพนฺธกานํ ปน กามราคพฺยาปาทานํ, ปญฺญาปาริพนฺธกสฺส จ สจฺจปฎิจฺฉาทกสฺส โมหสฺส อสมูหตตฺตา, สมาธิํ ปญฺญญฺจ ภาเวนฺตาปิ สมาธิปญฺญาสุ ยํ กตฺตพฺพํ ตํ มตฺตโส ปมาเณน ปเทสมตฺตเมว กโรนฺตีติ สมาธิสฺมิํ ปญฺญาย จ มตฺตโส การิโนติ วุจฺจนฺติฯ อิมินา อุปาเยน อิตเรสุปิ ทฺวีสุ นเยสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    127. Sīlesu paripūrakārītiādīsu – sīlesu paripūrakārinoti ete ariyasāvakā yāni tāni maggabrahmacariyassa ādibhūtāni, ādibrahmacariyakāni, pārājikasaṅkhātāni cattāri mahāsīlasikkhāpadāni, tesaṃ avītikkamanato yāni khuddānukhuddakāni āpajjanti, tehi ca vuṭṭhānato sīlesu yaṃ kattabbaṃ, taṃ paripūraṃ samattaṃ karontīti ‘sīlesu paripūrakārino’ti vuccanti. Samādhipāribandhakānaṃ pana kāmarāgabyāpādānaṃ, paññāpāribandhakassa ca saccapaṭicchādakassa mohassa asamūhatattā, samādhiṃ paññañca bhāventāpi samādhipaññāsu yaṃ kattabbaṃ taṃ mattaso pamāṇena padesamattameva karontīti samādhismiṃ paññāya ca mattaso kārinoti vuccanti. Iminā upāyena itaresupi dvīsu nayesu attho veditabbo.

    ตตฺรายํ อปโรปิ สุตฺตนฺตนโย –

    Tatrāyaṃ aparopi suttantanayo –

    ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมิํ มตฺตโส การี, ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ตานิ อาปชฺชติปิ, วุฎฺฐาติปิฯ ตํ กิสฺส เหตุ? น หิ เมตฺถ, ภิกฺขเว, อภพฺพตา วุตฺตาฯ ยานิ จ โข ตานิ สิกฺขาปทานิ อาทิพฺรหฺมจริยกานิ พฺรหฺมจริยสารุปฺปานิ, ตตฺถ ธุวสีโล จ โหติ, ฐิตสีโล จ, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปโนฺน โหติ, อวินิปาตธโมฺม นิยโต สโมฺพธิปรายโณฯ อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ…เป.… โส ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา, ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตา, สกทาคามี โหติ; สกิเทว อิมํ โลกํ อาคนฺตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติฯ อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี โหติ, สมาธิสฺมิํ ปริปูรการี, ปญฺญาย มตฺตโส การีฯ โส ยานิ ตานิ…เป.… สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส ปญฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ…เป.… อนาวตฺติธโมฺม ตสฺมา โลกาฯ อิธ ปน, ภิกฺขเว , ภิกฺขุ สีเลสุ ปริปูรการี, สมาธิสฺมิํ ปริปูรการี, ปญฺญาย ปริปูรการีฯ โส ยานิ ตานิ ขุทฺทานุขุทฺทกานิ…เป.… สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุฯ โส อาสวานํ ขยา…เป.… อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๗)ฯ

    ‘‘Idha, bhikkhave, bhikkhu sīlesu paripūrakārī hoti, samādhismiṃ mattaso kārī, paññāya mattaso kārī. So yāni tāni khuddānukhuddakāni sikkhāpadāni tāni āpajjatipi, vuṭṭhātipi. Taṃ kissa hetu? Na hi mettha, bhikkhave, abhabbatā vuttā. Yāni ca kho tāni sikkhāpadāni ādibrahmacariyakāni brahmacariyasāruppāni, tattha dhuvasīlo ca hoti, ṭhitasīlo ca, samādāya sikkhati sikkhāpadesu. So tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā sotāpanno hoti, avinipātadhammo niyato sambodhiparāyaṇo. Idha pana, bhikkhave, bhikkhu sīlesu…pe… so tiṇṇaṃ saṃyojanānaṃ parikkhayā, rāgadosamohānaṃ tanuttā, sakadāgāmī hoti; sakideva imaṃ lokaṃ āgantvā dukkhassantaṃ karoti. Idha pana, bhikkhave, bhikkhu sīlesu paripūrakārī hoti, samādhismiṃ paripūrakārī, paññāya mattaso kārī. So yāni tāni…pe… sikkhati sikkhāpadesu. So pañcannaṃ orambhāgiyānaṃ…pe… anāvattidhammo tasmā lokā. Idha pana, bhikkhave , bhikkhu sīlesu paripūrakārī, samādhismiṃ paripūrakārī, paññāya paripūrakārī. So yāni tāni khuddānukhuddakāni…pe… sikkhati sikkhāpadesu. So āsavānaṃ khayā…pe… upasampajja viharatī’’ti (a. ni. 3.87).

    ๑๓๐. สตฺถารนิเทฺทเส – ปริญฺญํ ปญฺญเปตีติ ปหานํ สมติกฺกมํ ปญฺญเปติฯ ตตฺราติ เตสุ ตีสุ ชเนสุฯ เตน ทฎฺฐโพฺพติ เตน ปญฺญาปเนน โส สตฺถา รูปาวจรสมาปตฺติยา ลาภีติ ทฎฺฐโพฺพติ อโตฺถฯ ทุติยวาเรปิ เอเสว นโยฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ สตฺถา เตน ทฎฺฐโพฺพติ เตน ติตฺถิเยหิ อสาธารเณน ปญฺญาปเนน อยํ ตติโย สตฺถา สพฺพญฺญุพุโทฺธ ทฎฺฐโพฺพฯ ติตฺถิยา หิ กามานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปนฺตา รูปภวํ วกฺขนฺติฯ รูปานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปนฺตา อรูปภวํ วกฺขนฺติฯ เวทนานํ ปริญฺญํ ปญฺญเปนฺตา อสญฺญภวํ วกฺขนฺติฯ สมฺมา ปญฺญเปนฺตา ‘เอวํ ปญฺญเปยฺยุํ’, โน จ สมฺมา ปญฺญเปตุํ สโกฺกนฺติฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปน กามานํ ปริญฺญํ ปหานํ อนาคามิมเคฺคน ปญฺญเปติ ฯ รูปเวทนานํ ปริญฺญํ ปหานํ อรหตฺตมเคฺคน ปญฺญเปติฯ อิเม ตโย สตฺถาโรติ อิเม เทฺว ชนา พาหิรกา, เอโก สมฺมาสมฺพุโทฺธติ – อิมสฺมิํ โลเก ตโย สตฺถาโร นามฯ

    130. Satthāraniddese – pariññaṃ paññapetīti pahānaṃ samatikkamaṃ paññapeti. Tatrāti tesu tīsu janesu. Tena daṭṭhabboti tena paññāpanena so satthā rūpāvacarasamāpattiyā lābhīti daṭṭhabboti attho. Dutiyavārepi eseva nayo. Sammāsambuddho satthā tena daṭṭhabboti tena titthiyehi asādhāraṇena paññāpanena ayaṃ tatiyo satthā sabbaññubuddho daṭṭhabbo. Titthiyā hi kāmānaṃ pariññaṃ paññapentā rūpabhavaṃ vakkhanti. Rūpānaṃ pariññaṃ paññapentā arūpabhavaṃ vakkhanti. Vedanānaṃ pariññaṃ paññapentā asaññabhavaṃ vakkhanti. Sammā paññapentā ‘evaṃ paññapeyyuṃ’, no ca sammā paññapetuṃ sakkonti. Sammāsambuddho pana kāmānaṃ pariññaṃ pahānaṃ anāgāmimaggena paññapeti . Rūpavedanānaṃ pariññaṃ pahānaṃ arahattamaggena paññapeti. Ime tayo satthāroti ime dve janā bāhirakā, eko sammāsambuddhoti – imasmiṃ loke tayo satthāro nāma.

    ๑๓๑. ทุติเย สตฺถารนิเทฺทเส – ทิเฎฺฐ เจว ธเมฺมติ อิมสฺมิํ อตฺตภาเวฯ อตฺตานํ สจฺจโต เถตโต ปญฺญเปตีติ ‘‘อตฺตา นาเมโก อตฺถิ นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต’’ติ ภูตโต ถิรโต ปญฺญเปติฯ อภิสมฺปรายญฺจาติ อปรสฺมิํ อตฺตภาเว เอวเมว ปญฺญเปติฯ เสสเมตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติฯ

    131. Dutiye satthāraniddese – diṭṭhe ceva dhammeti imasmiṃ attabhāve. Attānaṃ saccato thetato paññapetīti ‘‘attā nāmeko atthi nicco dhuvo sassato’’ti bhūtato thirato paññapeti. Abhisamparāyañcāti aparasmiṃ attabhāve evameva paññapeti. Sesamettha vuttanayeneva veditabbanti.

    ติกนิเทฺทสวณฺณนาฯ

    Tikaniddesavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ปุคฺคลปญฺญตฺติปาฬิ • Puggalapaññattipāḷi / ๓. ติกปุคฺคลปญฺญตฺติ • 3. Tikapuggalapaññatti

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๓. ติกนิเทฺทสวณฺณนา • 3. Tikaniddesavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๓. ติกนิเทฺทสวณฺณนา • 3. Tikaniddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact