Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สโมฺมหวิโนทนี-อฎฺฐกถา • Sammohavinodanī-aṭṭhakathā

    (๓.) ติกนิเทฺทสวณฺณนา

    (3.) Tikaniddesavaṇṇanā

    ๙๐๙. ติกนิเทฺทเส ตีหิ อกุสลมูเลหิ วฎฺฎมูลสมุทาจาโร กถิโตฯ อกุสลวิตกฺกาทีสุ วิตกฺกนวเสน วิตโกฺก, สญฺชานนวเสน สญฺญา, สภาวเฎฺฐน ธาตูติ เวทิตพฺพาฯ ทุจฺจริตนิเทฺทเส ปฐมนโย กมฺมปถวเสน วิภโตฺต, ทุติโย สพฺพสงฺคาหิกกมฺมวเสน, ตติโย นิพฺพตฺติตเจตนาวเสเนวฯ

    909. Tikaniddese tīhi akusalamūlehi vaṭṭamūlasamudācāro kathito. Akusalavitakkādīsu vitakkanavasena vitakko, sañjānanavasena saññā, sabhāvaṭṭhena dhātūti veditabbā. Duccaritaniddese paṭhamanayo kammapathavasena vibhatto, dutiyo sabbasaṅgāhikakammavasena, tatiyo nibbattitacetanāvaseneva.

    ๙๑๔. อาสวนิเทฺทเส สุตฺตนฺตปริยาเยน ตโยว อาสวา กถิตาฯ

    914. Āsavaniddese suttantapariyāyena tayova āsavā kathitā.

    ๙๑๙. เอสนานิเทฺทเส สเงฺขปโต ตตฺถ กตมา กาเมสนาติ อาทินา นเยน วุโตฺต กามคเวสนราโค กาเมสนาฯ โย ภเวสุ ภวจฺฉโนฺทติอาทินา นเยน วุโตฺต ภวคเวสนราโค ภเวสนาฯ สสฺสโต โลโกติอาทินา นเยน วุตฺตา ทิฎฺฐิคติกสมฺมตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส คเวสนา ทิฎฺฐิ พฺรหฺมจริเยสนาติ เวทิตพฺพาฯ ยสฺมา จ น เกวลํ ราคทิฎฺฐิโย เอว เอสนา, ตเทกฎฺฐํ ปน กมฺมมฺปิ เอสนา เอว, ตสฺมา ตํ ทเสฺสตุํ ทุติยนโย วิภโตฺตฯ ตตฺถ ตเทกฎฺฐนฺติ สมฺปยุเตฺตกฎฺฐํ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ กามราเคกฎฺฐํ กามาวจรสตฺตานเมว ปวตฺตติ; ภวราเคกฎฺฐํ ปน มหาพฺรหฺมานํฯ สมาปตฺติโต วุฎฺฐาย จงฺกมนฺตานํ ฌานงฺคานํ อสฺสาทนกาเล อกุสลกายกมฺมํ โหติ, ‘อโห สุขํ อโห สุข’นฺติ วาจํ ภินฺทิตฺวา อสฺสาทนกาเล วจีกมฺมํ, กายงฺควาจงฺคานิ อโจเปตฺวา มนสาว อสฺสาทนกาเล มโนกมฺมํฯ อนฺตคฺคาหิกทิฎฺฐิวเสน สเพฺพสมฺปิ ทิฎฺฐิคติกานํ จงฺกมนาทิวเสน ตานิ โหนฺติเยวฯ

    919. Esanāniddese saṅkhepato tattha katamā kāmesanāti ādinā nayena vutto kāmagavesanarāgo kāmesanā. Yo bhavesu bhavacchandotiādinā nayena vutto bhavagavesanarāgo bhavesanā. Sassato lokotiādinā nayena vuttā diṭṭhigatikasammatassa brahmacariyassa gavesanā diṭṭhi brahmacariyesanāti veditabbā. Yasmā ca na kevalaṃ rāgadiṭṭhiyo eva esanā, tadekaṭṭhaṃ pana kammampi esanā eva, tasmā taṃ dassetuṃ dutiyanayo vibhatto. Tattha tadekaṭṭhanti sampayuttekaṭṭhaṃ veditabbaṃ. Tattha kāmarāgekaṭṭhaṃ kāmāvacarasattānameva pavattati; bhavarāgekaṭṭhaṃ pana mahābrahmānaṃ. Samāpattito vuṭṭhāya caṅkamantānaṃ jhānaṅgānaṃ assādanakāle akusalakāyakammaṃ hoti, ‘aho sukhaṃ aho sukha’nti vācaṃ bhinditvā assādanakāle vacīkammaṃ, kāyaṅgavācaṅgāni acopetvā manasāva assādanakāle manokammaṃ. Antaggāhikadiṭṭhivasena sabbesampi diṭṭhigatikānaṃ caṅkamanādivasena tāni hontiyeva.

    ๙๒๐. วิธานิเทฺทเส ‘‘กถํวิธํ สีลวนฺตํ วทนฺติ, กถํวิธํ ปญฺญวนฺตํ วทนฺตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๕) อาการสณฺฐานํ วิธา นามฯ ‘‘เอกวิเธน ญาณวตฺถู’’ติอาทีสุ (วิภ. ๗๕๑) โกฎฺฐาโสฯ ‘‘วิธาสุ น วิกมฺปตี’’ติอาทีสุ (เถรคา. ๑๐๗๙) มาโนฯ อิธาปิ มาโนว วิธา นามฯ โส หิ เสยฺยาทิวเสน วิทหนโต วิธาติ วุจฺจติฯ ฐปนเฎฺฐน วา วิธาฯ ตสฺมา ‘เสโยฺยหมสฺมี’ติ เอวํ อุปฺปนฺนา มานวิธา มานฐปนา เสโยฺยหมสฺมีติ วิธาติ เวทิตพฺพาฯ เสสปททฺวเยสุปิ เอเสว นโยฯ

    920. Vidhāniddese ‘‘kathaṃvidhaṃ sīlavantaṃ vadanti, kathaṃvidhaṃ paññavantaṃ vadantī’’tiādīsu (saṃ. ni. 1.95) ākārasaṇṭhānaṃ vidhā nāma. ‘‘Ekavidhena ñāṇavatthū’’tiādīsu (vibha. 751) koṭṭhāso. ‘‘Vidhāsu na vikampatī’’tiādīsu (theragā. 1079) māno. Idhāpi mānova vidhā nāma. So hi seyyādivasena vidahanato vidhāti vuccati. Ṭhapanaṭṭhena vā vidhā. Tasmā ‘seyyohamasmī’ti evaṃ uppannā mānavidhā mānaṭhapanā seyyohamasmīti vidhāti veditabbā. Sesapadadvayesupi eseva nayo.

    ๙๒๑. ภยนิเทฺทเส ชาติํ ปฎิจฺจ ภยนฺติ ชาติปจฺจยา อุปฺปนฺนภยํฯ ภยานกนฺติ อาการนิเทฺทโสฯ ฉมฺภิตตฺตนฺติ ภยวเสน คตฺตจลนํฯ โลมหํโสติ โลมานํ หํสนํ, อุทฺธคฺคภาโวฯ อิมินา ปททฺวเยน กิจฺจโต ภยํ ทเสฺสตฺวา ปุน เจตโส อุตฺราโสติ สภาวโต ทสฺสิตํฯ

    921. Bhayaniddese jātiṃ paṭicca bhayanti jātipaccayā uppannabhayaṃ. Bhayānakanti ākāraniddeso. Chambhitattanti bhayavasena gattacalanaṃ. Lomahaṃsoti lomānaṃ haṃsanaṃ, uddhaggabhāvo. Iminā padadvayena kiccato bhayaṃ dassetvā puna cetaso utrāsoti sabhāvato dassitaṃ.

    ๙๒๒. ตมนิเทฺทเส วิจิกิจฺฉาสีเสน อวิชฺชา กถิตาฯ ‘‘ตมนฺธกาโร สโมฺมโห, อวิโชฺชโฆ มหพฺภโย’’ติ วจนโต หิ อวิชฺชา ตโม นามฯ ติณฺณํ ปน อทฺธานํ วเสน เทสนาสุขตาย วิจิกิจฺฉาสีเสน เทสนา กตาฯ ตตฺถ ‘กิํ นุ โข อหํ อตีเต ขตฺติโย อโหสิํ อุทาหุ พฺราหฺมโณ เวโสฺส สุโทฺท กาโฬ โอทาโต รโสฺส ทีโฆ’ติ กงฺขโนฺต อตีตํ อทฺธานํ อารพฺภ กงฺขติ นามฯ ‘กิํ นุ โข อหํ อนาคเต ขตฺติโย ภวิสฺสามิ อุทาหุ พฺราหฺมโณ เวโสฺส…เป.… ทีโฆ’ติ กงฺขโนฺต อนาคตํ อทฺธานํ อารพฺภ กงฺขติ นามฯ ‘กิํ นุ โข อหํ เอตรหิ ขตฺติโย อุทาหุ พฺราหฺมโณ เวโสฺส สุโทฺท; กิํ วา อหํ รูปํ อุทาหุ เวทนา สญฺญา สงฺขารา วิญฺญาณ’นฺติ กงฺขโนฺต ปจฺจุปฺปนฺนํ อทฺธานํ อารพฺภ กงฺขติ นามฯ

    922. Tamaniddese vicikicchāsīsena avijjā kathitā. ‘‘Tamandhakāro sammoho, avijjogho mahabbhayo’’ti vacanato hi avijjā tamo nāma. Tiṇṇaṃ pana addhānaṃ vasena desanāsukhatāya vicikicchāsīsena desanā katā. Tattha ‘kiṃ nu kho ahaṃ atīte khattiyo ahosiṃ udāhu brāhmaṇo vesso suddo kāḷo odāto rasso dīgho’ti kaṅkhanto atītaṃ addhānaṃ ārabbha kaṅkhati nāma. ‘Kiṃ nu kho ahaṃ anāgate khattiyo bhavissāmi udāhu brāhmaṇo vesso…pe… dīgho’ti kaṅkhanto anāgataṃ addhānaṃ ārabbha kaṅkhati nāma. ‘Kiṃ nu kho ahaṃ etarahi khattiyo udāhu brāhmaṇo vesso suddo; kiṃ vā ahaṃ rūpaṃ udāhu vedanā saññā saṅkhārā viññāṇa’nti kaṅkhanto paccuppannaṃ addhānaṃ ārabbha kaṅkhati nāma.

    ตตฺถ กิญฺจาปิ ขตฺติโย วา อตฺตโน ขตฺติยภาวํ, พฺราหฺมโณ วา พฺราหฺมณภาวํ, เวโสฺส วา เวสฺสภาวํ, สุโทฺท วา สุทฺทภาวํ อชานนโก นาม นตฺถิ, ชีวลทฺธิโก ปน สโตฺต ขตฺติยชีวาทีนํ วณฺณาทิเภทํ สุตฺวา ‘กีทิโส นุ โข อมฺหากํ อพฺภนฺตเร ชีโว – กิํ นุ โข นีลโก อุทาหุ ปีตโก โลหิตโก โอทาโต จตุรํโส ฉฬํโส อฎฺฐํโส’ติ กงฺขโนฺต เอวํ กงฺขติ นามฯ

    Tattha kiñcāpi khattiyo vā attano khattiyabhāvaṃ, brāhmaṇo vā brāhmaṇabhāvaṃ, vesso vā vessabhāvaṃ, suddo vā suddabhāvaṃ ajānanako nāma natthi, jīvaladdhiko pana satto khattiyajīvādīnaṃ vaṇṇādibhedaṃ sutvā ‘kīdiso nu kho amhākaṃ abbhantare jīvo – kiṃ nu kho nīlako udāhu pītako lohitako odāto caturaṃso chaḷaṃso aṭṭhaṃso’ti kaṅkhanto evaṃ kaṅkhati nāma.

    ๙๒๓. ติตฺถายตนานีติ ติตฺถภูตานิ อายตนานิ, ติตฺถิยานํ วา อายตนานิฯ ตตฺถ ติตฺถํ นาม ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโยฯ ติตฺถิยา นาม เยสํ ตา ทิฎฺฐิโย รุจฺจนฺติ ขมนฺติฯ อายตนโฎฺฐ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ ตตฺถ ยสฺมา สเพฺพปิ ทิฎฺฐิคติกา สญฺชายมานา อิเมสุเยว ตีสุ ฐาเนสุ สญฺชายนฺติ, สโมสรมานาปิ เอเตสุเยว สโมสรนฺติ สนฺนิปตนฺติ, ทิฎฺฐิคติกภาเว จ เนสํ เอตานิเยว การณานิ, ตสฺมา ติตฺถานิ จ ตานิ สญฺชาตานีติอาทินา อเตฺถน อายตนานิ จาติ ติตฺถายตนานิ; เตเนวเตฺถน ติตฺถิยานํ อายตนานีติปิ ติตฺถายตนานิฯ ปุริสปุคฺคโลติ สโตฺตฯ กามญฺจ ปุริโสติปิ ปุคฺคโลติปิ วุเตฺต สโตฺตเยว วุโตฺต, อยํ ปน สมฺมุติกถา นาม โย ยถา ชานาติ ตสฺส ตถา วุจฺจติฯ ปฎิสํเวเทตีติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปนฺนํ ชานาติ, ปฎิสํวิทิตํ กโรติ อนุภวติ วาฯ ปุเพฺพกตเหตูติ ปุเพฺพ กตการณา, ปุเพฺพ กตกมฺมปจฺจเยเนว ปฎิสํเวเทตีติ อโตฺถฯ อยํ นิคณฺฐสมโยฯ เอวํวาทิโน ปน เต กมฺมเวทนญฺจ กิริยเวทนญฺจ ปฎิกฺขิปิตฺวา เอกํ วิปากเวทนเมว สมฺปฎิจฺฉนฺติฯ ปิตฺตสมุฎฺฐานาทีสุ (มหานิ. ๕) จ อฎฺฐสุ อาพาเธสุ สตฺต ปฎิกฺขิปิตฺวา อฎฺฐมํเยว สมฺปฎิจฺฉนฺติ, ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทีสุ จ ตีสุ กเมฺมสุ เทฺว ปฎิกฺขิปิตฺวา เอกํ อปราปริยเวทนียเมว สมฺปฎิจฺฉนฺติ, กุสลากุสลวิปากกิริยสงฺขาตาสุ จ จตูสุ เจตนาสุ วิปากเจตนํเยว สมฺปฎิจฺฉนฺติฯ

    923. Titthāyatanānīti titthabhūtāni āyatanāni, titthiyānaṃ vā āyatanāni. Tattha titthaṃ nāma dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo. Titthiyā nāma yesaṃ tā diṭṭhiyo ruccanti khamanti. Āyatanaṭṭho heṭṭhā vuttoyeva. Tattha yasmā sabbepi diṭṭhigatikā sañjāyamānā imesuyeva tīsu ṭhānesu sañjāyanti, samosaramānāpi etesuyeva samosaranti sannipatanti, diṭṭhigatikabhāve ca nesaṃ etāniyeva kāraṇāni, tasmā titthāni ca tāni sañjātānītiādinā atthena āyatanāni cāti titthāyatanāni; tenevatthena titthiyānaṃ āyatanānītipi titthāyatanāni. Purisapuggaloti satto. Kāmañca purisotipi puggalotipi vutte sattoyeva vutto, ayaṃ pana sammutikathā nāma yo yathā jānāti tassa tathā vuccati. Paṭisaṃvedetīti attano santāne uppannaṃ jānāti, paṭisaṃviditaṃ karoti anubhavati vā. Pubbekatahetūti pubbe katakāraṇā, pubbe katakammapaccayeneva paṭisaṃvedetīti attho. Ayaṃ nigaṇṭhasamayo. Evaṃvādino pana te kammavedanañca kiriyavedanañca paṭikkhipitvā ekaṃ vipākavedanameva sampaṭicchanti. Pittasamuṭṭhānādīsu (mahāni. 5) ca aṭṭhasu ābādhesu satta paṭikkhipitvā aṭṭhamaṃyeva sampaṭicchanti, diṭṭhadhammavedanīyādīsu ca tīsu kammesu dve paṭikkhipitvā ekaṃ aparāpariyavedanīyameva sampaṭicchanti, kusalākusalavipākakiriyasaṅkhātāsu ca catūsu cetanāsu vipākacetanaṃyeva sampaṭicchanti.

    อิสฺสรนิมฺมานเหตูติ อิสฺสรนิมฺมานการณา; พฺรหฺมุนา วา ปชาปตินา วา อิสฺสเรน นิมฺมิตตฺตา ปฎิสํเวเทตีติ อโตฺถฯ อยํ พฺราหฺมณสมโยฯ อยญฺหิ เนสํ อธิปฺปาโย – อิมา ติโสฺส เวทนา ปจฺจุปฺปเนฺน อตฺตนา กตมูลเกน วา อาณตฺติมูลเกน วา ปุเพฺพ กเตน วา อเหตุอปฺปจฺจยา วา ปฎิสํเวเทตุํ นาม น สกฺกา; อิสฺสรนิมฺมานการณา เอว ปน อิมา ปฎิสํเวเทตีติฯ เอวํวาทิโน ปเนเต เหฎฺฐา วุเตฺตสุ อฎฺฐสุ อาพาเธสุ เอกมฺปิ อสมฺปฎิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปฎิพาหนฺติฯ ตถา ทิฎฺฐธมฺมเวทนียาทีสุปิ สพฺพโกฎฺฐาเสสุ เอกมฺปิ อสมฺปฎิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปฎิพาหนฺติฯ

    Issaranimmānahetūti issaranimmānakāraṇā; brahmunā vā pajāpatinā vā issarena nimmitattā paṭisaṃvedetīti attho. Ayaṃ brāhmaṇasamayo. Ayañhi nesaṃ adhippāyo – imā tisso vedanā paccuppanne attanā katamūlakena vā āṇattimūlakena vā pubbe katena vā ahetuappaccayā vā paṭisaṃvedetuṃ nāma na sakkā; issaranimmānakāraṇā eva pana imā paṭisaṃvedetīti. Evaṃvādino panete heṭṭhā vuttesu aṭṭhasu ābādhesu ekampi asampaṭicchitvā sabbaṃ paṭibāhanti. Tathā diṭṭhadhammavedanīyādīsupi sabbakoṭṭhāsesu ekampi asampaṭicchitvā sabbaṃ paṭibāhanti.

    อเหตุ อปฺปจฺจยาติ เหตุญฺจ ปจฺจยญฺจ วินา อการเณเนว ปฎิสํเวเทตีติ อโตฺถฯ อยํ อาชีวกสมโยฯ เอวํ วาทิโน เอเตปิ เหฎฺฐา วุเตฺตสุ การเณสุ จ พฺยาธีสุ จ เอกมฺปิ อสมฺปฎิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปฎิกฺขิปนฺติฯ

    Ahetu appaccayāti hetuñca paccayañca vinā akāraṇeneva paṭisaṃvedetīti attho. Ayaṃ ājīvakasamayo. Evaṃ vādino etepi heṭṭhā vuttesu kāraṇesu ca byādhīsu ca ekampi asampaṭicchitvā sabbaṃ paṭikkhipanti.

    ๙๒๔. กิญฺจนาติ ปลิโพธาฯ ราโค กิญฺจนนฺติ ราโค อุปฺปชฺชมาโน สเตฺต พนฺธติ ปลิพุเนฺธติ, ตสฺมา กิญฺจนนฺติ วุจฺจติฯ โทสโมเหสุปิ เอเสว นโยฯ องฺคณานีติ ‘‘อุทงฺคเณ ตตฺถ ปปํ อวินฺทุ’’นฺติ (ชา. ๑.๑.๒) อาคตฎฺฐาเน ภูมิปฺปเทโส องฺคณํฯ ‘‘ตเสฺสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๔; อ. นิ. ๑๐.๕๑) อาคตฎฺฐาเน ยํ กิญฺจิ มลํ วา ปโงฺก วาฯ ‘‘สางฺคโณว สมาโน’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๗) อาคตฎฺฐาเน นานปฺปกาโร ติพฺพกิเลโสฯ อิธาปิ ตเทว กิเลสงฺคณํ อธิเปฺปตํฯ เตเนว ราโค องฺคณนฺติอาทิมาหฯ

    924. Kiñcanāti palibodhā. Rāgo kiñcananti rāgo uppajjamāno satte bandhati palibundheti, tasmā kiñcananti vuccati. Dosamohesupi eseva nayo. Aṅgaṇānīti ‘‘udaṅgaṇe tattha papaṃ avindu’’nti (jā. 1.1.2) āgataṭṭhāne bhūmippadeso aṅgaṇaṃ. ‘‘Tasseva rajassa vā aṅgaṇassa vā pahānāya vāyamatī’’ti (ma. ni. 1.184; a. ni. 10.51) āgataṭṭhāne yaṃ kiñci malaṃ vā paṅko vā. ‘‘Sāṅgaṇova samāno’’ti (ma. ni. 1.57) āgataṭṭhāne nānappakāro tibbakileso. Idhāpi tadeva kilesaṅgaṇaṃ adhippetaṃ. Teneva rāgo aṅgaṇantiādimāha.

    มลานีติ มลินภาวกรณานิฯ ราโค มลนฺติ ราโค อุปฺปชฺชมาโน จิตฺตํ มลินํ กโรติ, มลํ คาหาเปติ, ตสฺมา มลนฺติ วุจฺจติฯ อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโยฯ

    Malānīti malinabhāvakaraṇāni. Rāgo malanti rāgo uppajjamāno cittaṃ malinaṃ karoti, malaṃ gāhāpeti, tasmā malanti vuccati. Itaresupi dvīsu eseva nayo.

    วิสมนิเทฺทเส ยสฺมา ราคาทีสุ เจว กายทุจฺจริตาทีสุ จ สตฺตา ปกฺขลนฺติ, ปกฺขลิตา จ ปน สาสนโตปิ สุคติโตปิ ปตนฺติ, ตสฺมา ปกฺขลนปาตเหตุโต ราโค วิสมนฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Visamaniddese yasmā rāgādīsu ceva kāyaduccaritādīsu ca sattā pakkhalanti, pakkhalitā ca pana sāsanatopi sugatitopi patanti, tasmā pakkhalanapātahetuto rāgo visamantiādi vuttaṃ.

    อคฺคีติ อนุทหนเฎฺฐน อคฺคิฯ ราคคฺคีติ ราโค อุปฺปชฺชมาโน สเตฺต อนุทหติ ฌาเปติ, ตสฺมา อคฺคีติ วุจฺจติฯ โทสโมเหสุปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถ วตฺถูนิ – เอกา กิร ทหรภิกฺขุนี จิตฺตลปพฺพตวิหาเร อุโปสถาคารํ คนฺตฺวา ทฺวารปาลกรูปํ โอโลกยมานา ฐิตาฯ อถสฺสา อโนฺต ราโค อุปฺปโนฺนฯ สา เตเนว ฌายิตฺวา กาลมกาสิฯ ภิกฺขุนิโย คจฺฉมานา ‘อยํ ทหรา ฐิตา, ปโกฺกสถ น’นฺติ อาหํสุฯ เอกา คนฺตฺวา ‘กสฺมา ฐิตาสี’ติ หเตฺถ คณฺหิฯ คหิตมตฺตา ปริวตฺติตฺวา ปติตาฯ อิทํ ตาว ราคสฺส อนุทหนตาย วตฺถุฯ โทสสฺส ปน อนุทหนตาย มโนปโทสิกา เทวา ทฎฺฐพฺพาฯ โมหสฺส อนุทหนตาย ขิฑฺฑาปโทสิกา เทวา ทฎฺฐพฺพาฯ โมหนวเสน หิ เตสํ สติสโมฺมโส โหติฯ ตสฺมา ขิฑฺฑาวเสน อาหารกาลํ อติวตฺติตฺวา กาลํ กโรนฺติฯ กสาวาติ กสฎา นิโรชาฯ ราคาทีสุ จ กายทุจฺจริตาทีสุ จ เอกมฺปิ ปณีตํ โอชวนฺตํ นตฺถิ, ตสฺมา ราโค กสาโวติอาทิ วุตฺตํฯ

    Aggīti anudahanaṭṭhena aggi. Rāgaggīti rāgo uppajjamāno satte anudahati jhāpeti, tasmā aggīti vuccati. Dosamohesupi eseva nayo. Tattha vatthūni – ekā kira daharabhikkhunī cittalapabbatavihāre uposathāgāraṃ gantvā dvārapālakarūpaṃ olokayamānā ṭhitā. Athassā anto rāgo uppanno. Sā teneva jhāyitvā kālamakāsi. Bhikkhuniyo gacchamānā ‘ayaṃ daharā ṭhitā, pakkosatha na’nti āhaṃsu. Ekā gantvā ‘kasmā ṭhitāsī’ti hatthe gaṇhi. Gahitamattā parivattitvā patitā. Idaṃ tāva rāgassa anudahanatāya vatthu. Dosassa pana anudahanatāya manopadosikā devā daṭṭhabbā. Mohassa anudahanatāya khiḍḍāpadosikā devā daṭṭhabbā. Mohanavasena hi tesaṃ satisammoso hoti. Tasmā khiḍḍāvasena āhārakālaṃ ativattitvā kālaṃ karonti. Kasāvāti kasaṭā nirojā. Rāgādīsu ca kāyaduccaritādīsu ca ekampi paṇītaṃ ojavantaṃ natthi, tasmā rāgo kasāvotiādi vuttaṃ.

    ๙๒๕. อสฺสาททิฎฺฐีติ อสฺสาทสมฺปยุตฺตา ทิฎฺฐิฯ นตฺถิ กาเมสุ โทโสติ กิเลสกาเมน วตฺถุกามปฎิเสวนโทโส นตฺถีติ วทติฯ ปาตพฺยตนฺติ ปาตพฺพภาวํ ปริภุญฺชนํ อโชฺฌหรณํฯ เอวํวาที หิ โส วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามํ ปิวโนฺต วิย อโชฺฌหรโนฺต วิย ปริภุญฺชติฯ อตฺตานุทิฎฺฐีติ อตฺตานํ อนุคตา ทิฎฺฐิฯ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ ลามกา ทิฎฺฐิฯ อิทานิ ยสฺมา เอตฺถ ปฐมา สสฺสตทิฎฺฐิ โหติ, ทุติยา สกฺกายทิฎฺฐิ, ตติยา อุเจฺฉททิฎฺฐิ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ สสฺสตทิฎฺฐิ อสฺสาททิฎฺฐีติอาทิมาหฯ

    925. Assādadiṭṭhīti assādasampayuttā diṭṭhi. Natthi kāmesu dosoti kilesakāmena vatthukāmapaṭisevanadoso natthīti vadati. Pātabyatanti pātabbabhāvaṃ paribhuñjanaṃ ajjhoharaṇaṃ. Evaṃvādī hi so vatthukāmesu kilesakāmaṃ pivanto viya ajjhoharanto viya paribhuñjati. Attānudiṭṭhīti attānaṃ anugatā diṭṭhi. Micchādiṭṭhīti lāmakā diṭṭhi. Idāni yasmā ettha paṭhamā sassatadiṭṭhi hoti, dutiyā sakkāyadiṭṭhi, tatiyā ucchedadiṭṭhi, tasmā tamatthaṃ dassetuṃ sassatadiṭṭhi assādadiṭṭhītiādimāha.

    ๙๒๖. อรตินิเทฺทโส จ วิเหสานิเทฺทโส จ วุตฺตโตฺถเยวฯ อธมฺมสฺส จริยา อธมฺมจริยา, อธมฺมกรณนฺติ อโตฺถฯ วิสมา จริยา, วิสมสฺส วา กมฺมสฺส จริยาติ วิสมจริยาฯ โทวจสฺสตาปาปมิตฺตตา นิเทฺทสา วุตฺตตฺถา เอวฯ ปุถุนิมิตฺตารมฺมเณสุ ปวตฺติโต นานเตฺตสุ สญฺญา นานตฺตสญฺญาฯ ยสฺมา วา อญฺญาว กามสญฺญา, อญฺญา พฺยาปาทาทิสญฺญา, ตสฺมา นานตฺตา สญฺญาติปิ นานตฺตสญฺญาฯ โกสชฺชปมาทนิเทฺทเสสุ ปญฺจสุ กามคุเณสุ วิสฺสฎฺฐจิตฺตสฺส กุสลธมฺมภาวนาย อนนุโยควเสน ลีนวุตฺติตา โกสชฺชํ, ปมชฺชนวเสน ปมตฺตภาโว ปมาโทติ เวทิตโพฺพฯ อสนฺตุฎฺฐิตาทินิเทฺทสา วุตฺตตฺถา เอวฯ

    926. Aratiniddeso ca vihesāniddeso ca vuttatthoyeva. Adhammassa cariyā adhammacariyā, adhammakaraṇanti attho. Visamā cariyā, visamassa vā kammassa cariyāti visamacariyā. Dovacassatāpāpamittatā niddesā vuttatthā eva. Puthunimittārammaṇesu pavattito nānattesu saññā nānattasaññā. Yasmā vā aññāva kāmasaññā, aññā byāpādādisaññā, tasmā nānattā saññātipi nānattasaññā. Kosajjapamādaniddesesu pañcasu kāmaguṇesu vissaṭṭhacittassa kusaladhammabhāvanāya ananuyogavasena līnavuttitā kosajjaṃ, pamajjanavasena pamattabhāvo pamādoti veditabbo. Asantuṭṭhitādiniddesā vuttatthā eva.

    ๙๓๑. อนาทริยนิเทฺทเส โอวาทสฺส อนาทิยนวเสน อนาทรภาโว อนาทริยํฯ อนาทริยนากาโร อนาทรตาฯ สครุวาสํ อวสนเฎฺฐน อคารวภาโว อคารวตาฯ สเชฎฺฐกวาสํ อวสนเฎฺฐน อปฺปติสฺสวตาอนทฺทาติ อนาทิยนาฯ อนทฺทายนาติ อนาทิยนากาโรฯ อนทฺทาย อยิตสฺส ภาโว อนทฺทายิตตฺตํฯ อสีลสฺส ภาโว อสีลฺยํฯ อจิตฺตีกาโรติ ครุจิตฺตีการสฺส อกรณํฯ

    931. Anādariyaniddese ovādassa anādiyanavasena anādarabhāvo anādariyaṃ. Anādariyanākāro anādaratā. Sagaruvāsaṃ avasanaṭṭhena agāravabhāvo agāravatā. Sajeṭṭhakavāsaṃ avasanaṭṭhena appatissavatā. Anaddāti anādiyanā. Anaddāyanāti anādiyanākāro. Anaddāya ayitassa bhāvo anaddāyitattaṃ. Asīlassa bhāvo asīlyaṃ. Acittīkāroti garucittīkārassa akaraṇaṃ.

    ๙๓๒. อสฺสทฺธภาโว อสฺสทฺธิยํฯ อสทฺทหนากาโร อสทฺทหนาฯ โอกเปฺปตฺวา อนุปวิสิตฺวา อคฺคหณํ อโนกปฺปนาฯ อปฺปสีทนเฎฺฐน อนภิปฺปสาโท

    932. Assaddhabhāvo assaddhiyaṃ. Asaddahanākāro asaddahanā. Okappetvā anupavisitvā aggahaṇaṃ anokappanā. Appasīdanaṭṭhena anabhippasādo.

    อวทญฺญุตาติ ถทฺธมจฺฉริยวเสน ‘เทหิ, กโรหี’ติ วจนสฺส อชานตาฯ

    Avadaññutāti thaddhamacchariyavasena ‘dehi, karohī’ti vacanassa ajānatā.

    ๙๓๔. พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จาติ เอตฺถ พุทฺธคฺคหเณน ปเจฺจกพุทฺธาปิ คหิตาวฯ อสเมตุกมฺยตาติ เตสํ สมีปํ อคนฺตุกามตาฯ สทฺธมฺมํ อโสตุกมฺยตาติ สตฺตติํส โพธิปกฺขิยธมฺมา สทฺธโมฺม นาม, ตํ อสุณิตุกามตาฯ อนุคฺคเหตุกมฺยตาติ น อุคฺคเหตุกามตาฯ

    934. Buddhāca buddhasāvakā cāti ettha buddhaggahaṇena paccekabuddhāpi gahitāva. Asametukamyatāti tesaṃ samīpaṃ agantukāmatā. Saddhammaṃ asotukamyatāti sattatiṃsa bodhipakkhiyadhammā saddhammo nāma, taṃ asuṇitukāmatā. Anuggahetukamyatāti na uggahetukāmatā.

    อุปารมฺภจิตฺตตาติ อุปารมฺภจิตฺตภาโวฯ ยสฺมา ปน โส อตฺถโต อุปารโมฺภว โหติ, ตสฺมา ตํ ทเสฺสตุํ ตตฺถ กตโม อุปารโมฺภติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุปารมฺภนวเสน อุปารโมฺภฯ ปุนปฺปุนํ อุปารโมฺภ อนุปารโมฺภ อุปารมฺภนากาโร อุปารมฺภนาฯ ปุนปฺปุนํ อุปารมฺภนา อนุปารมฺภนาฯ อนุปารมฺภิตสฺส ภาโว อนุปารมฺภิตตฺตํฯ อุญฺญาติ เหฎฺฐา กตฺวา ชานนาฯ อวญฺญาติ อวชานนาฯ ปริภวนํ ปริภโวฯ รนฺธสฺส คเวสิตา รนฺธคเวสิตาฯ รนฺธํ วา คเวสตีติ รนฺธคเวสี, ตสฺส ภาโว รนฺธคเวสิตาฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ ปรวชฺชานุปสฺสนลกฺขโณ อุปารโมฺภ นาม วุจฺจติ, เยน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล, ยถา นาม ตุนฺนกาโร สาฎกํ ปสาเรตฺวา ฉิทฺทเมว โอโลเกติ, เอวเมว ปรสฺส สเพฺพปิ คุเณ มเกฺขตฺวา อคุเณสุเยว ปติฎฺฐาติฯ

    Upārambhacittatāti upārambhacittabhāvo. Yasmā pana so atthato upārambhova hoti, tasmā taṃ dassetuṃ tattha katamo upārambhotiādi vuttaṃ. Tattha upārambhanavasena upārambho. Punappunaṃ upārambho anupārambho upārambhanākāro upārambhanā. Punappunaṃ upārambhanā anupārambhanā. Anupārambhitassa bhāvo anupārambhitattaṃ. Uññāti heṭṭhā katvā jānanā. Avaññāti avajānanā. Paribhavanaṃ paribhavo. Randhassa gavesitā randhagavesitā. Randhaṃ vā gavesatīti randhagavesī, tassa bhāvo randhagavesitā. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ paravajjānupassanalakkhaṇo upārambho nāma vuccati, yena samannāgato puggalo, yathā nāma tunnakāro sāṭakaṃ pasāretvā chiddameva oloketi, evameva parassa sabbepi guṇe makkhetvā aguṇesuyeva patiṭṭhāti.

    ๙๓๖. อโยนิโส มนสิกาโรติ อนุปายมนสิกาโรฯ อนิเจฺจ นิจฺจนฺติ อนิเจฺจเยว วตฺถุสฺมิํ ‘อิทํ นิจฺจ’นฺติ เอวํ ปวโตฺตฯ ทุเกฺข สุขนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ สจฺจวิปฺปฎิกุเลน จาติ จตุนฺนํ สจฺจานํ อนนุโลมวเสนฯ จิตฺตสฺส อาวฎฺฎนาติอาทีนิ สพฺพานิปิ อาวชฺชนเสฺสว เววจนาเนวฯ อาวชฺชนญฺหิ ภวงฺคจิตฺตํ อาวเฎฺฎตีติ จิตฺตสฺส อาวฎฺฎนาฯ อนุอนุ อาวเฎฺฎตีติ อนาวฎฺฎนาฯ อาภุชตีติ อาโภโคฯ ภวงฺคารมฺมณโต อญฺญํ อารมฺมณํ สมนฺนาหรตีติ สมนฺนาหาโรฯ ตเทวารมฺมณํ อตฺตานํ อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปชฺชมาเน มนสิกโรตีติ มนสิกาโรกโรตีติ ฐเปติฯ อยํ วุจฺจตีติ อยํ อนุปายมนสิกาโร อุปฺปถมนสิการลกฺขโณ อโยนิโสมนสิกาโร นาม วุจฺจติฯ ตสฺส วเสน ปุคฺคโล ทุกฺขาทีนิ สจฺจานิ ยาถาวโต อาวชฺชิตุํ น สโกฺกติฯ

    936. Ayoniso manasikāroti anupāyamanasikāro. Anicce niccanti anicceyeva vatthusmiṃ ‘idaṃ nicca’nti evaṃ pavatto. Dukkhe sukhantiādīsupi eseva nayo. Saccavippaṭikulena cāti catunnaṃ saccānaṃ ananulomavasena. Cittassa āvaṭṭanātiādīni sabbānipi āvajjanasseva vevacanāneva. Āvajjanañhi bhavaṅgacittaṃ āvaṭṭetīti cittassa āvaṭṭanā. Anuanu āvaṭṭetīti anāvaṭṭanā. Ābhujatīti ābhogo. Bhavaṅgārammaṇato aññaṃ ārammaṇaṃ samannāharatīti samannāhāro. Tadevārammaṇaṃ attānaṃ anubandhitvā uppajjamāne manasikarotīti manasikāro. Karotīti ṭhapeti. Ayaṃ vuccatīti ayaṃ anupāyamanasikāro uppathamanasikāralakkhaṇo ayonisomanasikāro nāma vuccati. Tassa vasena puggalo dukkhādīni saccāni yāthāvato āvajjituṃ na sakkoti.

    กุมฺมคฺคเสวนานิเทฺทเส ยํ กุมฺมคฺคํ เสวโต เสวนา กุมฺมคฺคเสวนาติ วุจฺจติ, ตํ ทเสฺสตุํ ตตฺถ กตโม กุมฺมโคฺคติ ทุติยปุจฺฉา กตาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    Kummaggasevanāniddese yaṃ kummaggaṃ sevato sevanā kummaggasevanāti vuccati, taṃ dassetuṃ tattha katamo kummaggoti dutiyapucchā katā. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    ติกนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tikaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / วิภงฺคปาฬิ • Vibhaṅgapāḷi / ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค • 17. Khuddakavatthuvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-มูลฎีกา • Vibhaṅga-mūlaṭīkā / ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค • 17. Khuddakavatthuvibhaṅgo

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / วิภงฺค-อนุฎีกา • Vibhaṅga-anuṭīkā / ๑๗. ขุทฺทกวตฺถุวิภโงฺค • 17. Khuddakavatthuvibhaṅgo


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact