Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā

    ๓. นิเกฺขปกณฺฑํ

    3. Nikkhepakaṇḍaṃ

    ติกนิเกฺขปกถาวณฺณนา

    Tikanikkhepakathāvaṇṇanā

    ๙๘๕. สเพฺพสนฺติ จิตฺตุปฺปาทวเสน รูปาสงฺขตวเสน จ ภินฺนานํ สเพฺพสํ ผสฺสาทิจกฺขาทิปทภาชนนเยน วิตฺถาริโตฯ ตตฺถ ปน อสงฺขตสฺส เภทาภาวโต อสงฺขตา ธาตูเตฺวว ปทภาชนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เยวาปนกานํ ปน สุขุมุปาทายรูปสฺส จ อินฺทฺริยวิการปริเจฺฉทลกฺขณรูปุปตฺถมฺภกภาวรหิตสฺส หทยวตฺถุสฺส ปทุทฺธาเรน อิธ นิเทฺทสานรหตฺตา นิเทฺทโส น กโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ น หิ ตถาคตสฺส ธเมฺมสุ อาจริยมุฎฺฐิ อตฺถีติฯ นิกฺขิปิตฺวาติ วิตฺถารเทสนํ ฐเปตฺวา, อปเนตฺวาติ อโตฺถ, วิตฺถารเทสนํ อโนฺตคธํ กตฺวาติ วาฯ คาถาโตฺถ นิทาเน วุโตฺต เอวฯ

    985. Sabbesanti cittuppādavasena rūpāsaṅkhatavasena ca bhinnānaṃ sabbesaṃ phassādicakkhādipadabhājananayena vitthārito. Tattha pana asaṅkhatassa bhedābhāvato asaṅkhatā dhātūtveva padabhājanaṃ daṭṭhabbaṃ. Yevāpanakānaṃ pana sukhumupādāyarūpassa ca indriyavikāraparicchedalakkhaṇarūpupatthambhakabhāvarahitassa hadayavatthussa paduddhārena idha niddesānarahattā niddeso na katoti daṭṭhabbo. Na hi tathāgatassa dhammesu ācariyamuṭṭhi atthīti. Nikkhipitvāti vitthāradesanaṃ ṭhapetvā, apanetvāti attho, vitthāradesanaṃ antogadhaṃ katvāti vā. Gāthāttho nidāne vutto eva.

    มูลวเสน ปจฺจยภาโว เหตุปจฺจยโตฺถฯ ปภวติ เอตสฺมาติ ปภโว, โส เอว ‘‘ชนโก’’ติ วิเสสิโตฯ สมุฎฺฐาติ เอเตนาติ สมุฎฺฐานํ, ตสฺส วิเสสนํ นิพฺพตฺตกนฺติฯ สพฺพานิ วา เอตานิ ปริยายวจนานิฯ อตฺถวเสนาติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ กุสลมูลานํ เหตุภาวโต ธมฺมวเสนาติ ยุตฺตนฺติ? สจฺจเมตํ, อโลภาทีนํ ปน ติณฺณํ สมานสฺส มูลฎฺฐสฺส วเสน ทสฺสิตตํ สนฺธาย ‘‘อตฺถวเสนา’’ติ วุตฺตํฯ อิมินา ธโมฺมติ ภาโว, อโตฺถติ ธมฺมกิจฺจํ อธิเปฺปตนฺติ วิญฺญายติฯ ‘‘อโลโภ นิทานํ กมฺมานํ สมุทยายา’’ติอาทิวจนโต (อ. นิ. ๓.๓๔) ตานิ กุสลมูลานิ สมุฎฺฐานํ เอตสฺสาติปิ ตํสมุฎฺฐานํฯ ตํ ปน เตหิ สมุฎฺฐิตํ โหตีติ ‘‘อโลภาทีหิ สมุฎฺฐิต’’นฺติ อาหฯ เต กุสลมูลตํสมฺปยุตฺตา สมุฎฺฐานํ เอตสฺสาติปิ อโตฺถ สมฺภวติฯ เอตฺถ ปน เจตนํ ฐเปตฺวา อเญฺญ ‘‘ตํสมฺปยุตฺตา’’ติ สมุฎฺฐานภาเว วตฺตพฺพาฯ ตตฺถ มูเลหิ อตฺตโน ปจฺจยโต กุสเล ปริยาทิยติ, ขเนฺธหิ สภาวโต , กเมฺมหิ อญฺญสฺส นิพฺพตฺตนกิจฺจโตฯ มูเลหิ จ กุสลานํ อนวชฺชตาย เหตุํ ทเสฺสติ, ขเนฺธหิ ตํสมฺปโยคกตํ อนวชฺชสภาวํ, กเมฺมหิ สุขวิปากตํฯ มูเลหิ วา นิทานสมฺปตฺติยา อาทิกลฺยาณตํ, ขเนฺธหิ สภาวสมฺปตฺติยา มเชฺฌกลฺยาณตํ, กเมฺมหิ นิพฺพตฺติสมฺปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาณตํฯ

    Mūlavasena paccayabhāvo hetupaccayattho. Pabhavati etasmāti pabhavo, so eva ‘‘janako’’ti visesito. Samuṭṭhāti etenāti samuṭṭhānaṃ, tassa visesanaṃ nibbattakanti. Sabbāni vā etāni pariyāyavacanāni. Atthavasenāti kasmā vuttaṃ, nanu kusalamūlānaṃ hetubhāvato dhammavasenāti yuttanti? Saccametaṃ, alobhādīnaṃ pana tiṇṇaṃ samānassa mūlaṭṭhassa vasena dassitataṃ sandhāya ‘‘atthavasenā’’ti vuttaṃ. Iminā dhammoti bhāvo, atthoti dhammakiccaṃ adhippetanti viññāyati. ‘‘Alobho nidānaṃ kammānaṃ samudayāyā’’tiādivacanato (a. ni. 3.34) tāni kusalamūlāni samuṭṭhānaṃ etassātipi taṃsamuṭṭhānaṃ. Taṃ pana tehi samuṭṭhitaṃ hotīti ‘‘alobhādīhi samuṭṭhita’’nti āha. Te kusalamūlataṃsampayuttā samuṭṭhānaṃ etassātipi attho sambhavati. Ettha pana cetanaṃ ṭhapetvā aññe ‘‘taṃsampayuttā’’ti samuṭṭhānabhāve vattabbā. Tattha mūlehi attano paccayato kusale pariyādiyati, khandhehi sabhāvato , kammehi aññassa nibbattanakiccato. Mūlehi ca kusalānaṃ anavajjatāya hetuṃ dasseti, khandhehi taṃsampayogakataṃ anavajjasabhāvaṃ, kammehi sukhavipākataṃ. Mūlehi vā nidānasampattiyā ādikalyāṇataṃ, khandhehi sabhāvasampattiyā majjhekalyāṇataṃ, kammehi nibbattisampattiyā pariyosānakalyāṇataṃ.

    ๙๘๖. ตํ …เป.… อุทฺธํ อกุสลํ นาม นตฺถีติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคตโมโห อตฺถีติ? สจฺจเมตํ, เตน ปน วินา ตํสมฺปยุตฺตตา นตฺถีติ ตํสมฺปยุเตฺตสุ คหิเตสุ โมโห คหิโต เอวาติ กตฺวา ‘‘ตโต อุทฺธํ นตฺถี’’ติ วุตฺตํ อญฺญตฺถ อภาวาฯ เอกสฺมิํ ฐิตํ เอกฎฺฐํ, สหชภาเวน เอกฎฺฐํ สหเชกฎฺฐํฯ ปหาตพฺพนฺติ ปหานํ, ปหานภาเวน เอกฎฺฐํ ปหาเนกฎฺฐํฯ เยน หิ ยํ สห ปหาตพฺพํ, เตน ตํ เอกสฺมิํ ปุคฺคเล ฐิตํ โหติ, เอกสฺมิํ สมุจฺฉิเนฺน อสมุจฺฉิเนฺน จ อิตรสฺส สมุจฺฉินฺนตาย อสมุจฺฉินฺนตาย จ วเสน อญฺญมญฺญาวิรหิตโตฯ

    986. Taṃ…pe… uddhaṃ akusalaṃ nāma natthīti kasmā vuttaṃ, nanu vicikicchuddhaccasahagatamoho atthīti? Saccametaṃ, tena pana vinā taṃsampayuttatā natthīti taṃsampayuttesu gahitesu moho gahito evāti katvā ‘‘tato uddhaṃ natthī’’ti vuttaṃ aññattha abhāvā. Ekasmiṃ ṭhitaṃ ekaṭṭhaṃ, sahajabhāvena ekaṭṭhaṃ sahajekaṭṭhaṃ. Pahātabbanti pahānaṃ, pahānabhāvena ekaṭṭhaṃ pahānekaṭṭhaṃ. Yena hi yaṃ saha pahātabbaṃ, tena taṃ ekasmiṃ puggale ṭhitaṃ hoti, ekasmiṃ samucchinne asamucchinne ca itarassa samucchinnatāya asamucchinnatāya ca vasena aññamaññāvirahitato.

    ๙๘๗. ตีณิ ลกฺขณานีติ อนิจฺจทุกฺขอนตฺตตาฯ นามกสิณสตฺตปญฺญตฺติโย ติโสฺส ปญฺญตฺติโยฯ ปรมเตฺถ อมุญฺจิตฺวา โวหริยมานา วิหารมญฺจาทิกา อุปาทาปญฺญตฺติ สตฺตปญฺญตฺติคฺคหเณน คหิตาติ เวทิตพฺพา, เอตานิ จ ลกฺขณาทีนิ เหฎฺฐา ทฺวีสุ กเณฺฑสุ วิญฺญตฺติอาทีนิ วิย น วุตฺตานิ, น จ สภาวธมฺมาติ กตฺวา น ลพฺภนฺตีติ วุตฺตานิฯ น หิ โกจิ สภาโว กุสลตฺติกาสงฺคหิโตติ วตฺตุํ ยุตฺตนฺติฯ

    987. Tīṇi lakkhaṇānīti aniccadukkhaanattatā. Nāmakasiṇasattapaññattiyo tisso paññattiyo. Paramatthe amuñcitvā vohariyamānā vihāramañcādikā upādāpaññatti sattapaññattiggahaṇena gahitāti veditabbā, etāni ca lakkhaṇādīni heṭṭhā dvīsu kaṇḍesu viññattiādīni viya na vuttāni, na ca sabhāvadhammāti katvā na labbhantīti vuttāni. Na hi koci sabhāvo kusalattikāsaṅgahitoti vattuṃ yuttanti.

    ๙๘๘. สุขภูมีติ กามาวจราทโยปิ ยุชฺชนฺติฯ สุขสหคตา หิ กามาวจราทิภูมิ สุขภูมิฯ กามาวจราทิภูมีติ จ กามาวจราทิตาย ธมฺมา เอว วุจฺจนฺตีติ กามาวจราทิจิตฺตุปฺปาเทสูติ อตฺถโต วิญฺญายติฯ เอวญฺจ กตฺวา ‘‘สุขภูมิย’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา เอว วิภาคทสฺสนตฺถํ ‘‘กามาวจเร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภูมิ-สโทฺท จ อภิธเมฺม กามาวจราทีสุ นิรุโฬฺหติ ‘‘จตูสุ ภูมีสุ กุสล’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๓๘๔) อญฺญภูมิคฺคหณํ น โหตีติฯ ปาฬิโต จาติ ‘‘วิสิฎฺฐานํ ปากาติ วิปากา’’ติอาทิวจนตฺถวิภาวเนน ปาฬิโตฯ ‘‘วิปกฺกภาวมาปนฺนานํ อรูปธมฺมานเมตํ อธิวจน’’นฺติอาทินา ภาสิตตฺถวิภาวเนน อตฺถโต จฯ นามปริเจฺฉทาทีหิ ติกทุกานํ ววตฺถานทสฺสเนน วา ปาฬิโต, ตทตฺถวิญฺญาปเนน อตฺถโต

    988. Sukhabhūmīti kāmāvacarādayopi yujjanti. Sukhasahagatā hi kāmāvacarādibhūmi sukhabhūmi. Kāmāvacarādibhūmīti ca kāmāvacarāditāya dhammā eva vuccantīti kāmāvacarādicittuppādesūti atthato viññāyati. Evañca katvā ‘‘sukhabhūmiya’’nti vatvā tassā eva vibhāgadassanatthaṃ ‘‘kāmāvacare’’tiādi vuttaṃ. Bhūmi-saddo ca abhidhamme kāmāvacarādīsu niruḷhoti ‘‘catūsu bhūmīsu kusala’’ntiādīsu (dha. sa. 1384) aññabhūmiggahaṇaṃ na hotīti. Pāḷito cāti ‘‘visiṭṭhānaṃ pākāti vipākā’’tiādivacanatthavibhāvanena pāḷito. ‘‘Vipakkabhāvamāpannānaṃ arūpadhammānametaṃ adhivacana’’ntiādinā bhāsitatthavibhāvanena atthato ca. Nāmaparicchedādīhi tikadukānaṃ vavatthānadassanena vā pāḷito, tadatthaviññāpanena atthato.

    ๙๙๑. สาลิผลนฺติ สาลิปากมาหฯ

    991. Sāliphalanti sālipākamāha.

    ๙๙๔. อมฺหากํ มาตุลเตฺถโรติ ปุคฺคลารมฺมณสฺสปิ อุปาทานสฺส อุปาทานกฺขนฺธา เอว ปจฺจโย, น โลกุตฺตรา, โก ปน วาโท ขนฺธารมฺมณสฺสฯ เตนาห ‘‘อคฺคหิตานี’’ติฯ

    994. Amhākaṃ mātulattheroti puggalārammaṇassapi upādānassa upādānakkhandhā eva paccayo, na lokuttarā, ko pana vādo khandhārammaṇassa. Tenāha ‘‘aggahitānī’’ti.

    ๙๙๘. ยถา อุปาทาเนหิ อคฺคเหตพฺพา อนุปาทานิยา, เอวํ สํกิเลเสหิ อคฺคเหตพฺพา อสํกิเลสิกาติ กตฺวา ‘‘อสํ…เป.… เอเสว นโย’’ติ อาหฯ

    998. Yathā upādānehi aggahetabbā anupādāniyā, evaṃ saṃkilesehi aggahetabbā asaṃkilesikāti katvā ‘‘asaṃ…pe… eseva nayo’’ti āha.

    ๑๐๐๖. ทิฎฺฐิยา คหิโต อตฺตา น วิชฺชติฯ เยสุ ปน วิปลฺลตฺถคาโห, เต อุปาทานกฺขนฺธาว วิชฺชนฺติฯ ตสฺมา ยสฺมิํ อวิชฺชมานนิจฺจาทิวิปริยาสาการคหณํ อตฺถิ, โสว อุปาทานกฺขนฺธปญฺจกสงฺขาโต กาโยฯ ตตฺถ นิจฺจาทิอาการสฺส อวิชฺชมานตาทสฺสนตฺถํ รุปฺปนาทิสภาวเสฺสว จ วิชฺชมานตาทสฺสนตฺถํ วิชฺชมาโน กาโยติ วิเสเสตฺวา วุโตฺต, โลกุตฺตรา ปน น กทาจิ อวิชฺชมานากาเรน คยฺหนฺตีติ น อิทํ วิเสสนํ อรหนฺติฯ สกฺกาเย ทิฎฺฐิ, สตี วา กาเย ทิฎฺฐิ สกฺกายทิฎฺฐิฯ อตฺตนา คหิตาการสฺส อวิชฺชมานตาย สยเมว สตี, น ตาย คหิโต อตฺตา อตฺตนิยํ วาติ อโตฺถฯ อยํ ปนโตฺถ สมฺภวตีติ กตฺวา วุโตฺต, ปุริโม เอว ปน ปธาโนฯ ทุติเย หิ ทิฎฺฐิยา วตฺถุ อวิเสสิตํ โหติฯ กาโยติ หิ ขนฺธปญฺจเก วุจฺจมาเน โลกุตฺตราปนยนํ นตฺถิฯ น หิ โลกุตฺตเรสุ กาย-สโทฺท น วตฺตติฯ กายปสฺสทฺธิอาทีสุ หิ โลกุตฺตเรสุ กาย-สโทฺทปิ โลกุตฺตรกฺขนฺธวาจโกติฯ สีเลนาติ สุทฺธิยา อเหตุภูเตน สีเลนฯ คหิตสมาทานนฺติ อุปฺปาทิตปรามาโสวฯ โส หิ สมาทิยนฺติ เอเตน กุกฺกุรสีลวตาทีนีติ ‘‘สมาทาน’’นฺติ วุโตฺตฯ ตตฺถ อวีติกฺกมนียตาย สีลํ, ภตฺติวเสน สตตํ จริตพฺพตาย วตํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    1006. Diṭṭhiyā gahito attā na vijjati. Yesu pana vipallatthagāho, te upādānakkhandhāva vijjanti. Tasmā yasmiṃ avijjamānaniccādivipariyāsākāragahaṇaṃ atthi, sova upādānakkhandhapañcakasaṅkhāto kāyo. Tattha niccādiākārassa avijjamānatādassanatthaṃ ruppanādisabhāvasseva ca vijjamānatādassanatthaṃ vijjamāno kāyoti visesetvā vutto, lokuttarā pana na kadāci avijjamānākārena gayhantīti na idaṃ visesanaṃ arahanti. Sakkāye diṭṭhi, satī vā kāye diṭṭhi sakkāyadiṭṭhi. Attanā gahitākārassa avijjamānatāya sayameva satī, na tāya gahito attā attaniyaṃ vāti attho. Ayaṃ panattho sambhavatīti katvā vutto, purimo eva pana padhāno. Dutiye hi diṭṭhiyā vatthu avisesitaṃ hoti. Kāyoti hi khandhapañcake vuccamāne lokuttarāpanayanaṃ natthi. Na hi lokuttaresu kāya-saddo na vattati. Kāyapassaddhiādīsu hi lokuttaresu kāya-saddopi lokuttarakkhandhavācakoti. Sīlenāti suddhiyā ahetubhūtena sīlena. Gahitasamādānanti uppāditaparāmāsova. So hi samādiyanti etena kukkurasīlavatādīnīti ‘‘samādāna’’nti vutto. Tattha avītikkamanīyatāya sīlaṃ, bhattivasena satataṃ caritabbatāya vataṃ daṭṭhabbaṃ.

    ๑๐๐๗. อิเธว ติฎฺฐมานสฺสาติ อิมิสฺสาเยว อินฺทสาลคุหายํ ติฎฺฐมานสฺสฯ วาจุคฺคตกรณํ อุคฺคโหฯ อตฺถปริปุจฺฉนํ ปริปุจฺฉาฯ กุสเลหิ สห โจทนาปริหรณวเสน วินิจฺฉยกรณํ วินิจฺฉโยฯ พหูนํ นานปฺปการานํ สกฺกายทิฎฺฐีนํ อวิหตตฺตา ตา ชเนนฺติ, ตาหิ ชนิตาติ วา ปุถุชฺชนาฯ อวิฆาตเมว วา ชน-สโทฺท วทติฯ ปุถุ สตฺถารานํ มุขุโลฺลกิกาติ เอตฺถ ปุถู ชนา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาติ วจนโตฺถฯ ปุถุ…เป.… อวุฎฺฐิตาติ เอตฺถ ชเนตพฺพา, ชายนฺติ วา เอตฺถาติ ชนา, คติโยฯ ปุถู ชนา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาฯ อิโต ปเร ชายนฺติ เอเตหีติ ชนา, อภิสงฺขาราทโยฯ เต เอเตสํ ปุถู วิชฺชนฺตีติ ปุถุชฺชนาฯ อภิสงฺขรณาทิอโตฺถ เอว วา ชน-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ ราคคฺคิอาทโย สนฺตาปาฯ เต เอว สเพฺพปิ วา กิเลสา ปริฬาหาฯ ปุถุ ปญฺจสุ กามคุเณสูติ เอตฺถ ชายตีติ ชโน, ‘‘ราโค เคโธ’’ติ เอวมาทิโกฯ ปุถุ ชโน เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาฯ ปุถูสุ วา ชนา ชาตา รตฺตาติ เอวํ ราคาทิอโตฺถ เอว ชน-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพฯ ปลิพุทฺธาติ สมฺพทฺธา อุปทฺทุตา วาฯ อสฺสุตวาติ เอเตน อนฺธตา วุตฺตาติ ‘‘อนฺธปุถุชฺชโน วุโตฺต’’ติ อาหฯ

    1007. Idheva tiṭṭhamānassāti imissāyeva indasālaguhāyaṃ tiṭṭhamānassa. Vācuggatakaraṇaṃ uggaho. Atthaparipucchanaṃ paripucchā. Kusalehi saha codanāpariharaṇavasena vinicchayakaraṇaṃ vinicchayo. Bahūnaṃ nānappakārānaṃ sakkāyadiṭṭhīnaṃ avihatattā tā janenti, tāhi janitāti vā puthujjanā. Avighātameva vā jana-saddo vadati. Puthu satthārānaṃ mukhullokikāti ettha puthū janā etesanti puthujjanāti vacanattho. Puthu…pe… avuṭṭhitāti ettha janetabbā, jāyanti vā etthāti janā, gatiyo. Puthū janā etesanti puthujjanā. Ito pare jāyanti etehīti janā, abhisaṅkhārādayo. Te etesaṃ puthū vijjantīti puthujjanā. Abhisaṅkharaṇādiattho eva vā jana-saddo daṭṭhabbo. Rāgaggiādayo santāpā. Te eva sabbepi vā kilesā pariḷāhā. Puthu pañcasukāmaguṇesūti ettha jāyatīti jano, ‘‘rāgo gedho’’ti evamādiko. Puthu jano etesanti puthujjanā. Puthūsu vā janā jātā rattāti evaṃ rāgādiattho eva jana-saddo daṭṭhabbo. Palibuddhāti sambaddhā upaddutā vā. Assutavāti etena andhatā vuttāti ‘‘andhaputhujjano vutto’’ti āha.

    อนเยติ อวฑฺฒิยํฯ สพฺพตฺถ นิรุตฺติลกฺขเณน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ อเนเกสุ จ กปฺปสตสหเสฺสสุ กตํ ชานนฺติ, ปากฎญฺจ กโรนฺติ อุปการํ สติชนนอามิสปฎิคฺคหณาทินา ปเจฺจกสมฺพุทฺธา, ตเถว ทุกฺขิตสฺส สกฺกจฺจํ กาตพฺพํ กโรนฺติฯ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปน อสเงฺขฺยยฺยอปฺปเมเยฺยสุปิ กตํ อุปการํ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยญฺจ ชานาติ, ปากฎญฺจ กโรติ, สีโห วิย จ ชวํ สพฺพตฺถ สกฺกจฺจเมว ธมฺมเทสนํ กโรติฯ อริยภาโวติ เยหิ โยคโต อริยา วุจฺจนฺติ, เต มคฺคผลธมฺมา ทฎฺฐพฺพาฯ อริยกรธมฺมา อนิจฺจทสฺสนาทโย, วิปสฺสิยมานา วา อนิจฺจาทโยฯ

    Anayeti avaḍḍhiyaṃ. Sabbattha niruttilakkhaṇena padasiddhi veditabbā. Anekesu ca kappasatasahassesu kataṃ jānanti, pākaṭañca karonti upakāraṃ satijananaāmisapaṭiggahaṇādinā paccekasambuddhā, tatheva dukkhitassa sakkaccaṃ kātabbaṃ karonti. Sammāsambuddho pana asaṅkhyeyyaappameyyesupi kataṃ upakāraṃ maggaphalānaṃ upanissayañca jānāti, pākaṭañca karoti, sīho viya ca javaṃ sabbattha sakkaccameva dhammadesanaṃ karoti. Ariyabhāvoti yehi yogato ariyā vuccanti, te maggaphaladhammā daṭṭhabbā. Ariyakaradhammā aniccadassanādayo, vipassiyamānā vā aniccādayo.

    โสตานีติ ตณฺหาทิฎฺฐิกิเลสทุจฺจริตอวิชฺชาโสตานิฯ ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมี’’ติ วตฺวา ‘‘ปญฺญาเยเต ปิธียเร’’ติ วจเนน โสตานํ สํวโร ปิทหนํ สมุเจฺฉทญาณนฺติ วิญฺญายติฯ ขนฺตีติ อธิวาสนา, สา จ ตถาปวตฺตา ขนฺธาฯ ปญฺญาติ เอเก, อโทโส เอว วาฯ กายทุจฺจริตาทีนนฺติ ทุสฺสีลฺยสงฺขาตานํ กายวจีทุจฺจริตานํ มุฎฺฐสฺสจฺจสงฺขาตสฺส ปมาทสฺส อภิชฺฌาโทมนสฺสานํ ปาปกานํ อกฺขนฺติอญฺญาณโกสชฺชานญฺจฯ อนุเปกฺขา สงฺขาเรหิ อวิวฎฺฎนํ, สาลยตาติ อโตฺถฯ ธมฺมฎฺฐิติยํ ปฎิจฺจสมุปฺปาเท ปฎิโลมภาโว สสฺสตุเจฺฉทคาโห, ตปฺปฎิจฺฉาทกโมโห วาฯ นิพฺพาเน ปฎิโลมภาโว สงฺขาเรสุ รติ, นิพฺพานปฎิจฺฉาทโก โมโห วาฯ สงฺขารนิมิตฺตคฺคาโหติ ยาทิสสฺส กิเลสสฺส อปฺปหีนตฺตา วิปสฺสนา สงฺขารนิมิตฺตํ น มุญฺจติ, โส กิเลโส ทฎฺฐโพฺพฯ สงฺขารนิมิตฺตคฺคหณสฺส อติกฺกมนํ วา ปหานํ

    Sotānīti taṇhādiṭṭhikilesaduccaritaavijjāsotāni. ‘‘Sotānaṃ saṃvaraṃ brūmī’’ti vatvā ‘‘paññāyete pidhīyare’’ti vacanena sotānaṃ saṃvaro pidahanaṃ samucchedañāṇanti viññāyati. Khantīti adhivāsanā, sā ca tathāpavattā khandhā. Paññāti eke, adoso eva vā. Kāyaduccaritādīnanti dussīlyasaṅkhātānaṃ kāyavacīduccaritānaṃ muṭṭhassaccasaṅkhātassa pamādassa abhijjhādomanassānaṃ pāpakānaṃ akkhantiaññāṇakosajjānañca. Anupekkhā saṅkhārehi avivaṭṭanaṃ, sālayatāti attho. Dhammaṭṭhitiyaṃ paṭiccasamuppāde paṭilomabhāvo sassatucchedagāho, tappaṭicchādakamoho vā. Nibbāne paṭilomabhāvo saṅkhāresu rati, nibbānapaṭicchādako moho vā. Saṅkhāranimittaggāhoti yādisassa kilesassa appahīnattā vipassanā saṅkhāranimittaṃ na muñcati, so kileso daṭṭhabbo. Saṅkhāranimittaggahaṇassa atikkamanaṃ vā pahānaṃ.

    จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน ยํ ปหานนฺติ โยชนา เวทิตพฺพาฯ เกน ปน ปหานนฺติ? อริยมเคฺคเหวาติ วิญฺญายมาโน อยมโตฺถ เตสํ ภาวิตตฺตา อปฺปวตฺติวจเนนฯ สมุทยปกฺขิกสฺสาติ เอตฺถ จตฺตาโรปิ มคฺคา จตุสจฺจาภิสมยาติ กตฺวา เตหิ ปหาตเพฺพน เตน เตน สมุทเยน สห ปหาตพฺพตฺตา สมุทยสภาคตฺตา จ สจฺจวิภเงฺค จ สพฺพกิเลสานํ สมุทยภาวสฺส วุตฺตตฺตา ‘‘สมุทยปกฺขิกา’’ติ ทิฎฺฐิอาทโย วุจฺจนฺติฯ กายวาจาจิตฺตานํ วิรูปปฺปวตฺติยา นยนํ อปยาปนํ, กายทุจฺจริตาทีนํ วินาสนยนํ วา วินโย, เตสํ วา ชิมฺหปฺปวตฺติํ วิจฺฉินฺทิตฺวา อุชุกนยนํ วินยนํเอเสเสติ เอโส โส เอว, อตฺถโต อนโญฺญติ อโตฺถฯ ตชฺชาเตติ อตฺถโต ตํสภาโววฯ สปฺปุริโส อริยสภาโว, อริโย จ สปฺปุริสภาโวติ อโตฺถฯ

    Catunnaṃ ariyamaggānaṃ bhāvitattā accantaṃ appavattibhāvena yaṃ pahānanti yojanā veditabbā. Kena pana pahānanti? Ariyamaggehevāti viññāyamāno ayamattho tesaṃ bhāvitattā appavattivacanena. Samudayapakkhikassāti ettha cattāropi maggā catusaccābhisamayāti katvā tehi pahātabbena tena tena samudayena saha pahātabbattā samudayasabhāgattā ca saccavibhaṅge ca sabbakilesānaṃ samudayabhāvassa vuttattā ‘‘samudayapakkhikā’’ti diṭṭhiādayo vuccanti. Kāyavācācittānaṃ virūpappavattiyā nayanaṃ apayāpanaṃ, kāyaduccaritādīnaṃ vināsanayanaṃ vā vinayo, tesaṃ vā jimhappavattiṃ vicchinditvā ujukanayanaṃ vinayanaṃ. Eseseti eso so eva, atthato anaññoti attho. Tajjāteti atthato taṃsabhāvova. Sappuriso ariyasabhāvo, ariyo ca sappurisabhāvoti attho.

    อทฺวยนฺติ ทฺวยตารหิตํ, วณฺณเมว ‘‘อจฺจี’’ติ คเหตฺวา อจฺจิํ วา ‘‘วโณฺณ เอวา’’ติ เตสํ เอกตฺตํ ปสฺสโนฺต วิย ยถาตกฺกิตํ อตฺตานํ ‘‘รูป’’นฺติ, ยถาทิฎฺฐํ วา รูปํ ‘‘อตฺตา’’ติ คเหตฺวา เตสํ เอกตฺตํ ปสฺสโนฺต ทฎฺฐโพฺพฯ เอตฺถ จ ‘‘รูปํ อตฺตา’’ติ อิมิสฺสา ปวตฺติยา อภาเวปิ รูเป อตฺตคฺคหณํ ปวตฺตมานํ อจฺจิยํ วณฺณคฺคหณํ วิยฯ อุปมาโย จ อนญฺญตฺตาทิคฺคหณนิทสฺสนวเสเนว วุตฺตา, น วณฺณาทีนํ วิย อตฺตโน วิชฺชมานตฺตสฺส, อตฺตโน วิย วา วณฺณาทีนํ อวิชฺชมานตฺตสฺส ทสฺสนตฺถํฯ

    Advayanti dvayatārahitaṃ, vaṇṇameva ‘‘accī’’ti gahetvā acciṃ vā ‘‘vaṇṇo evā’’ti tesaṃ ekattaṃ passanto viya yathātakkitaṃ attānaṃ ‘‘rūpa’’nti, yathādiṭṭhaṃ vā rūpaṃ ‘‘attā’’ti gahetvā tesaṃ ekattaṃ passanto daṭṭhabbo. Ettha ca ‘‘rūpaṃ attā’’ti imissā pavattiyā abhāvepi rūpe attaggahaṇaṃ pavattamānaṃ acciyaṃ vaṇṇaggahaṇaṃ viya. Upamāyo ca anaññattādiggahaṇanidassanavaseneva vuttā, na vaṇṇādīnaṃ viya attano vijjamānattassa, attano viya vā vaṇṇādīnaṃ avijjamānattassa dassanatthaṃ.

    ๑๐๐๘. สรีรนิปฺผตฺติยาติ สรีรปาริปูริยาฯ นิเจฺฉตุํ อสโกฺกโนฺต วิจินโนฺต กิจฺฉตีติ วิจิกิจฺฉาฯ อิทปฺปจฺจยานํ ภาโวติ ชาติอาทิสภาวเมว อาห, ชาติอาทีนํ วา ชรามรณาทิอุปฺปาทนสมตฺถตํฯ สา ปน ชาติอาทิวินิมุตฺตา นตฺถีติ เตสํเยวาธิวจนํ โหติ ‘‘อิทปฺปจฺจยตา’’ติฯ

    1008. Sarīranipphattiyāti sarīrapāripūriyā. Nicchetuṃ asakkonto vicinanto kicchatīti vicikicchā. Idappaccayānaṃ bhāvoti jātiādisabhāvameva āha, jātiādīnaṃ vā jarāmaraṇādiuppādanasamatthataṃ. Sā pana jātiādivinimuttā natthīti tesaṃyevādhivacanaṃ hoti ‘‘idappaccayatā’’ti.

    ๑๐๐๙. อิธ อนาคตกิเลสา ‘‘ตเทกฎฺฐา กิเลสา’’ติ วุจฺจนฺตีติ เต ทเสฺสตุํ ‘‘อิมิสฺสา จ ปาฬิยา’’ติอาทิ อารทฺธํฯ สหเชกฎฺฐวเสนาติ ตตฺถ อุปฺปนฺนทิฎฺฐิยา สหเชกฎฺฐวเสนาติ อตฺถโต วิญฺญายติฯ ตํสมฺปยุโตฺตติ เตหิ สํโยชนกิเลเสหิ สมฺปยุโตฺตติปิ อโตฺถ ยุชฺชติฯ ตถา เต สํโยชนกิเลสา สมุฎฺฐานํ เอตสฺสาติ ตํสมุฎฺฐานนฺติ วาฯ สํโยชนรหิเตหิ จ ปน กิเลเสหิ สมฺปยุตฺตานํ สมุฎฺฐิตานญฺจ สพฺภาวโต กิเลเสเหว โยชนา กตาฯ

    1009. Idha anāgatakilesā ‘‘tadekaṭṭhā kilesā’’ti vuccantīti te dassetuṃ ‘‘imissā ca pāḷiyā’’tiādi āraddhaṃ. Sahajekaṭṭhavasenāti tattha uppannadiṭṭhiyā sahajekaṭṭhavasenāti atthato viññāyati. Taṃsampayuttoti tehi saṃyojanakilesehi sampayuttotipi attho yujjati. Tathā te saṃyojanakilesā samuṭṭhānaṃ etassāti taṃsamuṭṭhānanti vā. Saṃyojanarahitehi ca pana kilesehi sampayuttānaṃ samuṭṭhitānañca sabbhāvato kileseheva yojanā katā.

    ๑๐๑๑. สํโยชนาทีนํ วิยาติ สํโยชนตเทกฎฺฐกิเลสาทีนํ ยถาวุตฺตานํ วิยฯ เตหีติ ทสฺสนภาวนามเคฺคหิฯ อภิสงฺขารวิญฺญาณํ กุสลากุสลํ, นามรูปญฺจ วิปากนฺติ กตฺวา ‘‘กุสลาทีนมฺปิ ปหานํ อนุญฺญาต’’นฺติ อาหฯ

    1011. Saṃyojanādīnaṃ viyāti saṃyojanatadekaṭṭhakilesādīnaṃ yathāvuttānaṃ viya. Tehīti dassanabhāvanāmaggehi. Abhisaṅkhāraviññāṇaṃ kusalākusalaṃ, nāmarūpañca vipākanti katvā ‘‘kusalādīnampi pahānaṃ anuññāta’’nti āha.

    ๑๐๑๓. เหตู เจวาติ ‘‘ปหาตพฺพเหตุกา’’ติ เอตสฺมิํ สมาสปเท เอกเทเสน สมาสปทตฺถํ วทติฯ เอตฺถ จ ปุริมนเยน ‘‘อิเม ธมฺมา ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกา’’ติ อิเมเยว ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกา, น อิโต อเญฺญติ อยํ นิยโม ปญฺญายติ, น อิเม ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกาเยวาติฯ ตสฺมา อิเมสํ ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกภาโว อนิยโต วิจิกิจฺฉาสหคตโมหสฺส อเหตุกตฺตาติ ปุริมนโย วิวรณียตฺถวา โหติฯ ตสฺมา ปุริมนเยน ธมฺมโต ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุเก นิกฺขิปิตฺวา อตฺถโต นิกฺขิปิตุํ ทุติยนโย วุโตฺตฯ

    1013. Hetūcevāti ‘‘pahātabbahetukā’’ti etasmiṃ samāsapade ekadesena samāsapadatthaṃ vadati. Ettha ca purimanayena ‘‘ime dhammā dassanenapahātabbahetukā’’ti imeyeva dassanenapahātabbahetukā, na ito aññeti ayaṃ niyamo paññāyati, na ime dassanenapahātabbahetukāyevāti. Tasmā imesaṃ dassanenapahātabbahetukabhāvo aniyato vicikicchāsahagatamohassa ahetukattāti purimanayo vivaraṇīyatthavā hoti. Tasmā purimanayena dhammato dassanenapahātabbahetuke nikkhipitvā atthato nikkhipituṃ dutiyanayo vutto.

    ๑๐๒๙. มหคฺคตา วา อิทฺธิวิธาทโยฯ อปฺปมาณารมฺมณา มหคฺคตา เจโตปริยปุเพฺพนิวาสานาคตํสญาณสมฺปยุตฺตาฯ

    1029. Mahaggatā vā iddhividhādayo. Appamāṇārammaṇā mahaggatā cetopariyapubbenivāsānāgataṃsañāṇasampayuttā.

    ๑๐๓๕. อนนฺตเร นิยุตฺตานิ, อนนฺตรผลปฺปโยชนานิ, อนนฺตรผลกรณสีลานิ วา อานนฺตริกานิฯ ตานิ ปน ปฎิปเกฺขน อนิวารณียผลตฺตา อนฺตรายรหิตานีติ ‘‘อนนฺตราเยน ผลทายกานี’’ติ วุตฺตํฯ อนนฺตรายานิ วา อานนฺตริกานีติ นิรุตฺติวเสน ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพาฯ เอกสฺมิมฺปีติ ปิ-สเทฺทน อเนกสฺมิมฺปิ อายูหิเต วตฺตพฺพเมวนตฺถีติ ทเสฺสติฯ น จ เตสํ อญฺญมญฺญปฎิพาหกตฺตํ อตฺถิ อปฺปฎิปกฺขตฺตา, อปฺปฎิปกฺขตา จ สมานผลตฺตา อนุพลปฺปทานโต จฯ ‘‘นตฺถิ เหตุ นตฺถิ ปจฺจโย สตฺตานํ สํกิเลสายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘) เอวมาทิโก อเหตุกวาโทฯ ‘‘กโรโต โข การยโต ฉินฺทโต เฉทาปยโต…เป.… กโรโต น กรียติ ปาป’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๖๖) เอวมาทิโก อกิริยวาโทฯ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๒.๙๔; ๓.๙๑) เอวมาทิโก นตฺถิกวาโทฯ เอเตสุ ปุริมวาโท พนฺธโมกฺขานํ เหตุํ ปฎิเสเธติ, ทุติโย กมฺมํ, ตติโย วิปากนฺติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ ตญฺหีติ อเหตุกาทินิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิํ, น ปน นิยตภาวํ อปฺปตฺตํฯ

    1035. Anantare niyuttāni, anantaraphalappayojanāni, anantaraphalakaraṇasīlāni vā ānantarikāni. Tāni pana paṭipakkhena anivāraṇīyaphalattā antarāyarahitānīti ‘‘anantarāyena phaladāyakānī’’ti vuttaṃ. Anantarāyāni vā ānantarikānīti niruttivasena padasiddhi veditabbā. Ekasmimpīti pi-saddena anekasmimpi āyūhite vattabbamevanatthīti dasseti. Na ca tesaṃ aññamaññapaṭibāhakattaṃ atthi appaṭipakkhattā, appaṭipakkhatā ca samānaphalattā anubalappadānato ca. ‘‘Natthi hetu natthi paccayo sattānaṃ saṃkilesāyā’’ti (dī. ni. 1.168) evamādiko ahetukavādo. ‘‘Karoto kho kārayato chindato chedāpayato…pe… karoto na karīyati pāpa’’nti (dī. ni. 1.166) evamādiko akiriyavādo. ‘‘Natthi dinna’’nti (dī. ni. 1.171; ma. ni. 2.94; 3.91) evamādiko natthikavādo. Etesu purimavādo bandhamokkhānaṃ hetuṃ paṭisedheti, dutiyo kammaṃ, tatiyo vipākanti ayametesaṃ viseso. Tañhīti ahetukādiniyatamicchādiṭṭhiṃ, na pana niyatabhāvaṃ appattaṃ.

    ๑๐๓๙. ปจฺจยเฎฺฐนาติ มคฺคปจฺจยสงฺขาเตน สมฺปโยควิสิเฎฺฐน ปจฺจยภาเวนาติ เวทิตพฺพํฯ เอตฺถ จ มคฺคงฺคานํ ฐปนํ มคฺคปจฺจยภาวรหิเต มคฺคเหตุเก ทเสฺสตุํ, เตน มคฺคเหตุเก อสงฺกรโต ววตฺถเปติฯ สเจ ปน โกจิ วเทยฺย ‘‘เอเกกํ องฺคํ ฐเปตฺวา ตํตํสมฺปยุตฺตานํ มคฺคเหตุกภาเวปิ ‘มคฺคงฺคานิ ฐเปตฺวา’ติ อิทํ วจนํ ยุชฺชตี’’ติฯ เอวญฺหิ สติ ตติยนเย วิย อิธาปิ ‘‘ฐเปตฺวา’’ติ น วตฺตพฺพํ สิยา, วุตฺตเญฺจตํ, ตสฺมา วุตฺตนเยเนวโตฺถ เวทิตโพฺพฯ มคฺคงฺคามคฺคงฺคานญฺหิ สมฺปยุตฺตานํ วิเสสทสฺสนโตฺถ อยํ นโยติฯ เสสมคฺคงฺคานํ ปุเพฺพ ฐปิตานนฺติ อธิปฺปาโยฯ ผสฺสาทีนญฺหิ ปุริมนเยปิ มคฺคเหตุกตา สิทฺธาติฯ

    1039. Paccayaṭṭhenāti maggapaccayasaṅkhātena sampayogavisiṭṭhena paccayabhāvenāti veditabbaṃ. Ettha ca maggaṅgānaṃ ṭhapanaṃ maggapaccayabhāvarahite maggahetuke dassetuṃ, tena maggahetuke asaṅkarato vavatthapeti. Sace pana koci vadeyya ‘‘ekekaṃ aṅgaṃ ṭhapetvā taṃtaṃsampayuttānaṃ maggahetukabhāvepi ‘maggaṅgāni ṭhapetvā’ti idaṃ vacanaṃ yujjatī’’ti. Evañhi sati tatiyanaye viya idhāpi ‘‘ṭhapetvā’’ti na vattabbaṃ siyā, vuttañcetaṃ, tasmā vuttanayenevattho veditabbo. Maggaṅgāmaggaṅgānañhi sampayuttānaṃ visesadassanattho ayaṃ nayoti. Sesamaggaṅgānaṃ pubbe ṭhapitānanti adhippāyo. Phassādīnañhi purimanayepi maggahetukatā siddhāti.

    สมฺมาทิฎฺฐิยา ทุติยนเยปิ ฐปิตาย ตติยนเย สเหตุกภาโว ทสฺสิโตฯ กถํ ทสฺสิโต, นนุ อริยมคฺคสมงฺคิสฺส ‘‘อโลโภ อโทโส อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙) อวตฺวา ‘‘อโลโภ อโทโส อโมโห อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติ วิสุํ สมฺมาทิฎฺฐิอาทิเก มคฺคเหตู ทเสฺสตฺวา ‘‘ตํสมฺปยุโตฺต…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙) วิสุํ มคฺคเหตุกานํ ทสฺสิตตฺตา ‘‘มคฺคเหตูสุ อโมโห’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙) วุตฺตาย สมฺมาทิฎฺฐิยา มคฺคเหตุกตา น ทสฺสิตา สิยา? โน น ทสฺสิตาฯ ยถา หิ ตีณิ สํโยชนานิ ทเสฺสตฺวา ‘‘ตเทกโฎฺฐ โลโภ โทโส โมโห, อิเม ธมฺมา ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตู’’ติ (ธ. ส. ๑๐๑๗) วิสุํ ปหาตพฺพเหตู นิยเมตฺวา ‘‘ตเทกฎฺฐา จ กิเลสา’’ติอาทิวจเนน (ธ. ส. ๑๐๑๗) โลภโทสโมหา จ อญฺญมญฺญสหเชกฎฺฐา อญฺญมญฺญสมฺปยุตฺตา สงฺขารกฺขนฺธภูตา จ ทสฺสเนนปหาตพฺพเหตุกาติ ทสฺสิตา โหนฺติ, เอวมิธาปิ ‘‘อโลภาทโย อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติ นิคมิตาปิ อญฺญมญฺญสมฺปยุตฺตสงฺขารกฺขนฺธภาวโต ตํสมฺปยุตฺตสงฺขารกฺขนฺธวจเนน ‘‘มคฺคเหตุกา’’ติ ทสฺสิตา เอวาติ สิทฺธํ โหติ, สมฺมาทิฎฺฐิยาปิ อโมโหติ วุตฺตาย มคฺคเหตุกภาวทสฺสนํฯ สเจ ปน โย ทุติยนเย มโคฺค เจว เหตุ จาติ วุโตฺต, ตโต อญฺญเสฺสว อเญฺญน อสาธารเณน ปริยาเยน มคฺคเหตุภาวํ ทเสฺสตฺวา ตํสมฺปโยคโต สมฺมาทิฎฺฐิยา มคฺคเหตุกภาวทสฺสนโตฺถ ตติยนโย สิยาฯ ‘‘อริยมคฺคสมงฺคิสฺส อโลโภ อโทโส อิเม ธมฺมา มคฺคเหตู’’ติอาทิ วตฺตพฺพํ สิยาฯ ยสฺมา ปน ‘‘มคฺคเหตู’’ติ อิมินา อเญฺญน สาธารเณน ปริยาเยน เยสํ มคฺคเหตุภาโว สมฺภวติ, เต สเพฺพ ‘‘มคฺคเหตู’’ติ ทเสฺสตฺวา ตํสมฺปยุตฺตานํ เตสํ อเญฺญสญฺจ มคฺคเหตุกภาวทสฺสนโตฺถ ตติยนโย, ตสฺมา ตตฺถ ‘‘อโมโห’’ติปิ วุตฺตํฯ น หิ โส มคฺคเหตุ น โหตีติฯ อิเม ปน ตโยปิ นยา อตฺถวิเสสวเสน นิกฺขิตฺตตฺตา อตฺถโต นิเกฺขปา ทฎฺฐพฺพาฯ อถ วา สรูเปน วจนํ ธมฺมโต นิเกฺขโป, อเตฺถน อตฺถโตติ เอวมฺปิ โยชนา สมฺภวติฯ ตตฺถ ทุติยตติยนยา สรูปโต เหตุเหตุมนฺตุทสฺสนวเสน ธมฺมโต นิเกฺขโปฯ ปฐมนโย ตถาอทสฺสนโต อเตฺถน จ มคฺคงฺคตํสมฺปยุตฺตานํ เหตุเหตุมนฺตุภาวาวคมนโต อตฺถโต นิเกฺขโปติฯ

    Sammādiṭṭhiyā dutiyanayepi ṭhapitāya tatiyanaye sahetukabhāvo dassito. Kathaṃ dassito, nanu ariyamaggasamaṅgissa ‘‘alobho adoso ime dhammā maggahetū’’ti (dha. sa. 1039) avatvā ‘‘alobho adoso amoho ime dhammā maggahetū’’ti visuṃ sammādiṭṭhiādike maggahetū dassetvā ‘‘taṃsampayutto…pe… viññāṇakkhandho’’ti (dha. sa. 1039) visuṃ maggahetukānaṃ dassitattā ‘‘maggahetūsu amoho’’ti (dha. sa. 1039) vuttāya sammādiṭṭhiyā maggahetukatā na dassitā siyā? No na dassitā. Yathā hi tīṇi saṃyojanāni dassetvā ‘‘tadekaṭṭho lobho doso moho, ime dhammā dassanena pahātabbahetū’’ti (dha. sa. 1017) visuṃ pahātabbahetū niyametvā ‘‘tadekaṭṭhā ca kilesā’’tiādivacanena (dha. sa. 1017) lobhadosamohā ca aññamaññasahajekaṭṭhā aññamaññasampayuttā saṅkhārakkhandhabhūtā ca dassanenapahātabbahetukāti dassitā honti, evamidhāpi ‘‘alobhādayo ime dhammā maggahetū’’ti nigamitāpi aññamaññasampayuttasaṅkhārakkhandhabhāvato taṃsampayuttasaṅkhārakkhandhavacanena ‘‘maggahetukā’’ti dassitā evāti siddhaṃ hoti, sammādiṭṭhiyāpi amohoti vuttāya maggahetukabhāvadassanaṃ. Sace pana yo dutiyanaye maggo ceva hetu cāti vutto, tato aññasseva aññena asādhāraṇena pariyāyena maggahetubhāvaṃ dassetvā taṃsampayogato sammādiṭṭhiyā maggahetukabhāvadassanattho tatiyanayo siyā. ‘‘Ariyamaggasamaṅgissa alobho adoso ime dhammā maggahetū’’tiādi vattabbaṃ siyā. Yasmā pana ‘‘maggahetū’’ti iminā aññena sādhāraṇena pariyāyena yesaṃ maggahetubhāvo sambhavati, te sabbe ‘‘maggahetū’’ti dassetvā taṃsampayuttānaṃ tesaṃ aññesañca maggahetukabhāvadassanattho tatiyanayo, tasmā tattha ‘‘amoho’’tipi vuttaṃ. Na hi so maggahetu na hotīti. Ime pana tayopi nayā atthavisesavasena nikkhittattā atthato nikkhepā daṭṭhabbā. Atha vā sarūpena vacanaṃ dhammato nikkhepo, atthena atthatoti evampi yojanā sambhavati. Tattha dutiyatatiyanayā sarūpato hetuhetumantudassanavasena dhammato nikkhepo. Paṭhamanayo tathāadassanato atthena ca maggaṅgataṃsampayuttānaṃ hetuhetumantubhāvāvagamanato atthato nikkhepoti.

    ๑๐๔๐. ยสฺมิํ สภาวธเมฺม นินฺนโปณปพฺภารภาเวน จิตฺตํ ปวตฺตติ, โส ตสฺส อารมฺมณาธิปติ เวทิตโพฺพฯ เจโตปริยญาเณน ชานิตฺวา ปจฺจเวกฺขมาโน เตน ปจฺจเวกฺขมาโนติ วุโตฺตฯ เอตฺถาปีติ เอตสฺมิมฺปิ อฎฺฐกถาวจเน, เอตฺถ วา ปฎฺฐาเน มคฺคาทีนิ ฐเปตฺวา อเญฺญสํ อธิปติปจฺจยภาวสฺส อวจเนเนว ปฎิเกฺขปปาฬิยํฯ อยเมวโตฺถติ อตฺตโน มคฺคผลํ ฐเปตฺวาติ อโตฺถฯ วีมํสาธิปเตยฺยนฺติ ปธาเนน อธิปตินา สหชาตาธิปติ นิทสฺสิโต, ตยิทํ นยทสฺสนมตฺตเมว โหตีติ อโญฺญปิ เอวํปกาโร สหชาโต มคฺคาธิปติ นิทสฺสิโต โหติ, ตสฺมา วีริยาธิปเตยฺยนฺติ จ โยเชตพฺพํฯ อิทมฺปิ หิ อตฺถโต วุตฺตเมวาติฯ

    1040. Yasmiṃ sabhāvadhamme ninnapoṇapabbhārabhāvena cittaṃ pavattati, so tassa ārammaṇādhipati veditabbo. Cetopariyañāṇena jānitvā paccavekkhamāno tena paccavekkhamānoti vutto. Etthāpīti etasmimpi aṭṭhakathāvacane, ettha vā paṭṭhāne maggādīni ṭhapetvā aññesaṃ adhipatipaccayabhāvassa avacaneneva paṭikkhepapāḷiyaṃ. Ayamevatthoti attano maggaphalaṃ ṭhapetvāti attho. Vīmaṃsādhipateyyanti padhānena adhipatinā sahajātādhipati nidassito, tayidaṃ nayadassanamattameva hotīti aññopi evaṃpakāro sahajāto maggādhipati nidassito hoti, tasmā vīriyādhipateyyanti ca yojetabbaṃ. Idampi hi atthato vuttamevāti.

    ๑๐๔๑. อตฺตโน สภาโว อตฺตภาโวฯ ลโทฺธกาสสฺส กมฺมสฺส วิปาโก กปฺปสหสฺสาติกฺกเม อุปฺปชฺชติ อเนกกปฺปสหสฺสายุกานํ สตฺตานํ, กปฺปสหสฺสาติกฺกเมปิ วา ลโทฺธกาสํ ยํ ภวิสฺสติ, ตทปิ ลโทฺธกาสเมวาติ อตฺตโน วิปากํ สนฺธาย วุจฺจติฯ นตฺถิ นาม น โหตีติ อนุปฺปโนฺน นาม น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ อุปฺปาทีสุ อโนฺตคธตฺตา ‘‘อุปฺปาทิโน ธมฺมา’’ติ เอเตน วจเนน วุจฺจตีติ กตฺวา อาห ‘‘อุปฺปาทิโน ธมฺมา นาม ชาโต’’ติฯ อรูปสงฺขาโต อตฺตาติ อรูปภวงฺคํ อาหฯ ตตฺถ อากาสานญฺจายตนสญฺญาทิมโย อตฺตาติ หิ อตฺถโต โวหาโร ปวโตฺตติฯ

    1041. Attano sabhāvo attabhāvo. Laddhokāsassa kammassa vipāko kappasahassātikkame uppajjati anekakappasahassāyukānaṃ sattānaṃ, kappasahassātikkamepi vā laddhokāsaṃ yaṃ bhavissati, tadapi laddhokāsamevāti attano vipākaṃ sandhāya vuccati. Natthi nāma na hotīti anuppanno nāma na hotīti adhippāyo. Uppādīsu antogadhattā ‘‘uppādino dhammā’’ti etena vacanena vuccatīti katvā āha ‘‘uppādino dhammā nāma jāto’’ti. Arūpasaṅkhāto attāti arūpabhavaṅgaṃ āha. Tattha ākāsānañcāyatanasaññādimayo attāti hi atthato vohāro pavattoti.

    ยทิ ปน อายู…เป.… สพฺพํ วิปากํ ทเทยฺย, อลโทฺธกาสญฺจ วิปากํ เทตีติ กตฺวา วิปกฺกวิปากญฺจ ทเทยฺย, ตโต เอกเสฺสว กมฺมสฺส สพฺพวิปาเกน ภวิตพฺพนฺติ อญฺญสฺส กมฺมสฺส โอกาโส น ภเวยฺย นิรตฺถกตฺตา , อุปฺปตฺติยาเยว โอกาโส น ภเวยฺย, อุปฺปนฺนสฺส วา ผลทาเนฯ อถ วา อลโทฺธกาสสฺส วิปากทาเน ปจฺจยนฺตรรหิตสฺสปิ วิปากทานํ อาปนฺนนฺติ อวิชฺชาตณฺหาทิปจฺจยนฺตรเขปกสฺส อญฺญสฺส อปจยคามิกมฺมสฺส กมฺมกฺขยกรสฺส โอกาโส น ภเวยฺยฯ ภาวิเตปิ มเคฺค อวิชฺชาทิปจฺจยนฺตรรหิตสฺส จ กมฺมสฺส วิปจฺจนโต สมตฺถตา น สิยาติ อโตฺถฯ สพฺพทา วา วิปากปฺปวตฺติยา เอว ภวิตพฺพตฺตา วิปากโต อญฺญสฺส ปวตฺติโอกาโส น ภเวยฺยฯ ตํ ปนาติ อายูหิตํ กมฺมํฯ อิทํ ปน ธุววิปากสฺส วิปาเกน อธุววิปากสฺสปิ ลโทฺธกาสสฺส วิปากํ อุปฺปาทีติ ทเสฺสตุํ อารทฺธนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อฎฺฐ สมาปตฺติโย จ พลววิรเห อคฺคมคฺคภาวนาวิรเห จ อปฺปหีนสภาวโต ธุวํ วิปจฺจนฺตีติ ธุววิปากาติ วุตฺตาฯ อายูหิตกเมฺม วุจฺจมาเน อนุปฺปนฺนํ กสฺมา วุตฺตนฺติ? ยํ อายูหิตํ ภวิสฺสติ, ตตฺถาปิ อายูหิต-สทฺทปฺปวตฺติสพฺภาวาฯ

    Yadi pana āyū…pe… sabbaṃ vipākaṃ dadeyya, aladdhokāsañca vipākaṃ detīti katvā vipakkavipākañca dadeyya, tato ekasseva kammassa sabbavipākena bhavitabbanti aññassa kammassa okāso na bhaveyya niratthakattā , uppattiyāyeva okāso na bhaveyya, uppannassa vā phaladāne. Atha vā aladdhokāsassa vipākadāne paccayantararahitassapi vipākadānaṃ āpannanti avijjātaṇhādipaccayantarakhepakassa aññassa apacayagāmikammassa kammakkhayakarassa okāso na bhaveyya. Bhāvitepi magge avijjādipaccayantararahitassa ca kammassa vipaccanato samatthatā na siyāti attho. Sabbadā vā vipākappavattiyā eva bhavitabbattā vipākato aññassa pavattiokāso na bhaveyya. Taṃ panāti āyūhitaṃ kammaṃ. Idaṃ pana dhuvavipākassa vipākena adhuvavipākassapi laddhokāsassa vipākaṃ uppādīti dassetuṃ āraddhanti daṭṭhabbaṃ. Aṭṭha samāpattiyo ca balavavirahe aggamaggabhāvanāvirahe ca appahīnasabhāvato dhuvaṃ vipaccantīti dhuvavipākāti vuttā. Āyūhitakamme vuccamāne anuppannaṃ kasmā vuttanti? Yaṃ āyūhitaṃ bhavissati, tatthāpi āyūhita-saddappavattisabbhāvā.

    ๑๐๕๐. อุปาทินฺนาติ เอตฺถ น อุเปเตน อาทินฺนาติ อยมโตฺถ, อุปสโทฺท ปน อุปสคฺคมตฺตเมว, ตสฺมา อุปาทานารมฺมณา อุปาทาเนหิ, อเญฺญ จ อนภินิเวเสน ‘‘อหํ มคฺคํ ภาวยิํ, มม มโคฺค อุปฺปโนฺน’’ติอาทิเกน คหเณน อาทินฺนา อิเจฺจว อุปาทินฺนาฯ อุปาทินฺน-สเทฺทน วา อมคฺคผลธมฺมาเยว วุตฺตา, อิตเรหิ มคฺคผลธมฺมา จาติ เวทิตพฺพํฯ

    1050. Upādinnāti ettha na upetena ādinnāti ayamattho, upasaddo pana upasaggamattameva, tasmā upādānārammaṇā upādānehi, aññe ca anabhinivesena ‘‘ahaṃ maggaṃ bhāvayiṃ, mama maggo uppanno’’tiādikena gahaṇena ādinnā icceva upādinnā. Upādinna-saddena vā amaggaphaladhammāyeva vuttā, itarehi maggaphaladhammā cāti veditabbaṃ.

    ติกนิเกฺขปกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tikanikkhepakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / ติกนิเกฺขปํ • Tikanikkhepaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / ติกนิเกฺขปกถา • Tikanikkhepakathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / ติกนิเกฺขปกถาวณฺณนา • Tikanikkhepakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact