Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā |
๓. นิเกฺขปกณฺฑํ
3. Nikkhepakaṇḍaṃ
ติกนิเกฺขปกถาวณฺณนา
Tikanikkhepakathāvaṇṇanā
๙๘๕. ยถาวุตฺตผสฺสปญฺจมกาทิราสิกิจฺจรหิตตฺตา เกจิ ธเมฺม วิสุํ ฐเปตฺวา โสวจสฺสตาทิอวุตฺตวิเสสสงฺคณฺหนตฺถญฺจ, เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วา ฉนฺทาทโย ‘‘เยวาปนา’’ติ วุตฺตาติ เยวาปนกานํ ปทุทฺธาเรน นิเทฺทสานรหตาย การณํ วุตฺตนฺติ หทยวตฺถุสฺส ตถา นิเทฺทสานรหตาย การณํ วทโนฺต ‘‘สุขุมุปา…เป.… หิตสฺสา’’ติ อาหฯ สุขุมภาเวปิ อินฺทฺริยาทิสภาวานิ อุปาทายรูปานิ อาธิปจฺจาทิวเสน ปากฎานิ โหนฺติ, น อตํสภาวํ สุขุมุปาทายรูปนฺติ หทยวตฺถุสฺส ปทุทฺธาเรน กุสลตฺติกปทภาชเน นิเทฺทสานรหตา วุตฺตาฯ สุขุมภาวโตเยว หิ ตํ มหาปกรเณปิ ‘‘ยํ รูปํ นิสฺสาย มโนธาตุ จ มโนวิญฺญาณธาตุ จ วตฺตนฺตี’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๘) นิสฺสิตธมฺมมุเขน ทสฺสิตนฺติฯ เวเนยฺยชฺฌาสยวเสน วา หทยวตฺถุ ปทุทฺธาเรน น ทสฺสิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เยน ปน อธิปฺปาเยน รูปกเณฺฑ หทยวตฺถุ ทุวิเธน รูปสงฺคหาทีสุ น วุตฺตํ, โส รูปกณฺฑวณฺณนาย วิภาวิโต เอวาติฯ นิกฺขิปิตฺวาติ ปทสฺส ปกฺขิปิตฺวาติ อโตฺถติ อธิปฺปาเยน ‘‘วิตฺถารเทสนํ อโนฺตคธํ กตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ มูลาทิวเสน หิ เทสิตา กุสลาทิธมฺมา ตํตํจิตฺตุปฺปาทาทิวเสนปิ เทสิตา เอว นาม โหนฺติ ตํสภาวานติวตฺตนโตติฯ
985. Yathāvuttaphassapañcamakādirāsikiccarahitattā keci dhamme visuṃ ṭhapetvā sovacassatādiavuttavisesasaṅgaṇhanatthañca, veneyyajjhāsayavasena vā chandādayo ‘‘yevāpanā’’ti vuttāti yevāpanakānaṃ paduddhārena niddesānarahatāya kāraṇaṃ vuttanti hadayavatthussa tathā niddesānarahatāya kāraṇaṃ vadanto ‘‘sukhumupā…pe… hitassā’’ti āha. Sukhumabhāvepi indriyādisabhāvāni upādāyarūpāni ādhipaccādivasena pākaṭāni honti, na ataṃsabhāvaṃ sukhumupādāyarūpanti hadayavatthussa paduddhārena kusalattikapadabhājane niddesānarahatā vuttā. Sukhumabhāvatoyeva hi taṃ mahāpakaraṇepi ‘‘yaṃ rūpaṃ nissāya manodhātu ca manoviññāṇadhātu ca vattantī’’ti (paṭṭhā. 1.1.8) nissitadhammamukhena dassitanti. Veneyyajjhāsayavasena vā hadayavatthu paduddhārena na dassitanti daṭṭhabbaṃ. Yena pana adhippāyena rūpakaṇḍe hadayavatthu duvidhena rūpasaṅgahādīsu na vuttaṃ, so rūpakaṇḍavaṇṇanāya vibhāvito evāti. Nikkhipitvāti padassa pakkhipitvāti atthoti adhippāyena ‘‘vitthāradesanaṃ antogadhaṃ katvā’’ti vuttaṃ. Mūlādivasena hi desitā kusalādidhammā taṃtaṃcittuppādādivasenapi desitā eva nāma honti taṃsabhāvānativattanatoti.
มูลวเสนาติ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนวเสนฯ เอตานิ เหตุปทาทีนิ หิโนติ ผลํ เอตสฺมา ปวตฺตตีติ เหตุ, ปฎิจฺจ เอตสฺมา เอตีติ ปจฺจโย, ชเนตีติ ชนโก, นิพฺพเตฺตตีติ นิพฺพตฺตโกติ เสสานํ วจนโตฺถฯ ‘‘มูลฎฺฐสฺส…เป.… วุตฺต’’นฺติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ ‘‘ปีฬนโฎฺฐ’’ติอาทีสุ วิย มูลภาโว มูลโฎฺฐ, ตีณิ กุสลมูลานีติ อยญฺจ มูลโต นิเกฺขโปติ? น, มูลสฺส อโตฺถ มูลโฎฺฐ , โส เอว มูลโฎฺฐติ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนเฎฺฐน มูลสภาวานํ อโลภาทิธมฺมานํ กุสลธเมฺมสุ กิจฺจวิเสสสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘อโตฺถติ ธมฺมกิจฺจ’’นฺติฯ อถ วา อตฺถวเสนาติ ‘‘ตีณิ กุสลมูลานี’’ติ วุตฺตานํ เตสํ มูลานํ สภาวสงฺขาตอตฺถวเสน, น คาถาย วุตฺตอตฺถวเสนฯ ยสฺมา ปน โส มูลโฎฺฐเยว จ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อโลภาทีน’’นฺติอาทิฯ อโลภาทโย วิย เวทนากฺขนฺธาทโยปิ อธิกตตฺตา ตํ-สเทฺทน ปฎินิทฺทิสิตพฺพาติ วุตฺตํ ‘‘เต กุสลมูลา ตํสมฺปยุตฺตา’’ติฯ เตหิ อโลภาทีหีติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน วา เวทนากฺขนฺธาทโยปิ สงฺคหิตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เต กุสลมูลา ตํสมฺปยุตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ
Mūlavasenāti suppatiṭṭhitabhāvasādhanavasena. Etāni hetupadādīni hinoti phalaṃ etasmā pavattatīti hetu, paṭicca etasmā etīti paccayo, janetīti janako, nibbattetīti nibbattakoti sesānaṃ vacanattho. ‘‘Mūlaṭṭhassa…pe… vutta’’nti kasmā vuttaṃ, nanu ‘‘pīḷanaṭṭho’’tiādīsu viya mūlabhāvo mūlaṭṭho, tīṇi kusalamūlānīti ayañca mūlato nikkhepoti? Na, mūlassa attho mūlaṭṭho , so eva mūlaṭṭhoti suppatiṭṭhitabhāvasādhanaṭṭhena mūlasabhāvānaṃ alobhādidhammānaṃ kusaladhammesu kiccavisesassa adhippetattā. Tenevāha ‘‘atthoti dhammakicca’’nti. Atha vā atthavasenāti ‘‘tīṇi kusalamūlānī’’ti vuttānaṃ tesaṃ mūlānaṃ sabhāvasaṅkhātaatthavasena, na gāthāya vuttaatthavasena. Yasmā pana so mūlaṭṭhoyeva ca hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘alobhādīna’’ntiādi. Alobhādayo viya vedanākkhandhādayopi adhikatattā taṃ-saddena paṭiniddisitabbāti vuttaṃ ‘‘te kusalamūlā taṃsampayuttā’’ti. Tehi alobhādīhīti ettha ādi-saddena vā vedanākkhandhādayopi saṅgahitāti dassetuṃ ‘‘te kusalamūlā taṃsampayuttā’’ti vuttaṃ.
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ผสฺสาทิเภทโต จตฺตาโร ขเนฺธ ทเสฺสตฺวา ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา’’ติ (ธ. ส. ๑) วุตฺตตา ขนฺธา จ กุสลนฺติ วุตฺตํ ‘‘ขเนฺธหิ สภาวโต กุสเล ปริยาทิยตี’’ติฯ เวทนากฺขโนฺธ วาติ กุสลํ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธ วาติฯ อญฺญสฺส อตฺตโน ผลสฺสฯ มูเลหิ กุสลานํ อนวชฺชตาย เหตุํ ทเสฺสตีติ อิทํ น มูลานํ กุสลสฺส อนวชฺชภาวสาธกตฺตา วุตฺตํ, อถ โข ตสฺส อนวชฺชตาย สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธกตฺตาฯ ยทิ หิ มูเลหิ กโต กุสลานํ อนวชฺชภาโว ภเวยฺย, ตํสมุฎฺฐานรูปสฺสปิ โส ภเวยฺย, มูลานํ วา เตสํ ปจฺจยภาโว น สิยา, โหติ จ โสฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘เหตู เหตุ…เป.… ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๑.)ฯ กิญฺจ ภิโยฺย กุสลานํ วิย อกุสลาพฺยากตานมฺปิ ตพฺภาโว มูลปฎิพโทฺธ ภเวยฺย, ตถา สติ อเหตุกานํ อกุสลาพฺยากตานํ ตพฺภาโว น สิยา, ตสฺมา กุสลาทีนํ โยนิโสมนสิการาทิปฎิพโทฺธ กุสลาทิภาโว, น มูลปฎิพโทฺธ, มูลานิ ปน กุสลาทีนํ สุปฺปติฎฺฐิตภาวสาธนานีติ เวทิตพฺพํฯ สเหตุกา หิ ธมฺมา วิรุฬฺหมูลา วิย ปาทปา สุปฺปติฎฺฐิตา ถิรา โหนฺติ, น ตถา อเหตุกาติฯ ตํสมฺปโยคกตํ อนวชฺชสภาวนฺติ อิทมฺปิ น อนวชฺชสภาวสฺส ตํสมฺปโยเคน นิปฺผาทิตตฺตา วุตฺตํ, อนวชฺชสภาวํ ปน วิเสเสตฺวา ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ อโลภาทิสมฺปโยคโต หิ กุสลาทีนํ ขนฺธานํ อนวชฺชภาโว สุปฺปติฎฺฐิโต ชายติ, น อเหตุกาพฺยากตานํ วิย น สุปฺปติฎฺฐิโตติฯ ยทิ เอวํ น เตสํ ขนฺธานํ กุสลาทิภาโว ทสฺสิโต สิยา? น, อธิการโต กุสลภาวสฺส วิญฺญายมานตฺตาฯ กมฺม-สโทฺท วิย วิปากธมฺมตาวาจิโน น มูลกฺขนฺธสทฺทา, โส จ อิธ อวิเสสโต วุโตฺตติ อาห ‘‘กเมฺมหิ สุขวิปากตํ ทเสฺสตี’’ติฯ อาทิกลฺยาณตํ กุสลานํ ทเสฺสตีติ โยชนาฯ อนวชฺชเหตุสภาวสุขวิปากภาวนิทานาทิสมฺปตฺติโย ทฎฺฐพฺพา, โยนิโสมนสิการอวชฺชปฎิปกฺขตาอิฎฺฐวิปากตาวเสนปิ นิทานาทิสมฺปตฺติโย โยเชตพฺพาฯ โยนิโสมนสิการโต หิ กุสลา อโลภาทิมูลกา, อโลภาทิสมฺปโยคโต จ โลภาทิปฎิปกฺขสุขวิปากาว ชาตาติฯ
‘‘Katame dhammā kusalā’’ti pucchitvā phassādibhedato cattāro khandhe dassetvā ‘‘ime dhammā kusalā’’ti (dha. sa. 1) vuttatā khandhā ca kusalanti vuttaṃ ‘‘khandhehi sabhāvato kusale pariyādiyatī’’ti. Vedanākkhandho vāti kusalaṃ…pe… viññāṇakkhandho vāti. Aññassa attano phalassa. Mūlehi kusalānaṃ anavajjatāya hetuṃ dassetīti idaṃ na mūlānaṃ kusalassa anavajjabhāvasādhakattā vuttaṃ, atha kho tassa anavajjatāya suppatiṭṭhitabhāvasādhakattā. Yadi hi mūlehi kato kusalānaṃ anavajjabhāvo bhaveyya, taṃsamuṭṭhānarūpassapi so bhaveyya, mūlānaṃ vā tesaṃ paccayabhāvo na siyā, hoti ca so. Vuttañhetaṃ ‘‘hetū hetu…pe… paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.1.). Kiñca bhiyyo kusalānaṃ viya akusalābyākatānampi tabbhāvo mūlapaṭibaddho bhaveyya, tathā sati ahetukānaṃ akusalābyākatānaṃ tabbhāvo na siyā, tasmā kusalādīnaṃ yonisomanasikārādipaṭibaddho kusalādibhāvo, na mūlapaṭibaddho, mūlāni pana kusalādīnaṃ suppatiṭṭhitabhāvasādhanānīti veditabbaṃ. Sahetukā hi dhammā viruḷhamūlā viya pādapā suppatiṭṭhitā thirā honti, na tathā ahetukāti. Taṃsampayogakataṃ anavajjasabhāvanti idampi na anavajjasabhāvassa taṃsampayogena nipphāditattā vuttaṃ, anavajjasabhāvaṃ pana visesetvā dassetuṃ vuttaṃ. Alobhādisampayogato hi kusalādīnaṃ khandhānaṃ anavajjabhāvo suppatiṭṭhito jāyati, na ahetukābyākatānaṃ viya na suppatiṭṭhitoti. Yadi evaṃ na tesaṃ khandhānaṃ kusalādibhāvo dassito siyā? Na, adhikārato kusalabhāvassa viññāyamānattā. Kamma-saddo viya vipākadhammatāvācino na mūlakkhandhasaddā, so ca idha avisesato vuttoti āha ‘‘kammehi sukhavipākataṃ dassetī’’ti. Ādikalyāṇataṃ kusalānaṃ dassetīti yojanā. Anavajjahetusabhāvasukhavipākabhāvanidānādisampattiyo daṭṭhabbā, yonisomanasikāraavajjapaṭipakkhatāiṭṭhavipākatāvasenapi nidānādisampattiyo yojetabbā. Yonisomanasikārato hi kusalā alobhādimūlakā, alobhādisampayogato ca lobhādipaṭipakkhasukhavipākāva jātāti.
๙๘๖. ‘‘กสฺมา วุตฺต’’นฺติ อนุยุญฺชิตฺวา โจทโก ‘‘นนู’’ติอาทินา อตฺตโน อธิปฺปายํ วิวรติฯ อิตโร ยถาวุตฺตโมหสฺส อิธ สมฺปยุตฺต-สเทฺทน อวุจฺจมานตํ ‘‘สจฺจเมต’’นฺติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ‘‘เตนา’’ติอาทินา ปริหารมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ‘‘ตํสมฺปยุตฺตา’’ติปเทน กิญฺจาปิ ยถาวุตฺตโมโห ปธานภาเวน น คหิโต, นานนฺตริยกตาย ปน คุณภาเวน คหิโตติฯ อญฺญตฺถ อภาวาติ ยถาวุตฺตสมฺปยุตฺตโต อญฺญตฺถ อภาวาฯ น หิ วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจสหคโต โมโห วิจิกิจฺฉุทฺธจฺจาทิธเมฺมหิ วินา โหตีติฯ
986. ‘‘Kasmā vutta’’nti anuyuñjitvā codako ‘‘nanū’’tiādinā attano adhippāyaṃ vivarati. Itaro yathāvuttamohassa idha sampayutta-saddena avuccamānataṃ ‘‘saccameta’’nti sampaṭicchitvā ‘‘tenā’’tiādinā parihāramāha. Tassattho – ‘‘taṃsampayuttā’’tipadena kiñcāpi yathāvuttamoho padhānabhāvena na gahito, nānantariyakatāya pana guṇabhāvena gahitoti. Aññattha abhāvāti yathāvuttasampayuttato aññattha abhāvā. Na hi vicikicchuddhaccasahagato moho vicikicchuddhaccādidhammehi vinā hotīti.
๙๘๗. อุปฺปาทาทิสงฺขตลกฺขณวินิวตฺตนตฺถํ ‘‘อนิจฺจทุกฺขอนตฺตตา’’ติ วุตฺตํฯ อุปฺปาทาทโย ปน ตทวตฺถธมฺมวิการภาวโต ตํตํธมฺมคฺคหเณน คหิตาเยวฯ ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ชรามรณํ ทฺวีหิ ขเนฺธหิ สงฺคหิต’’นฺติ (ธาตุ. ๗๑), ‘‘รูปสฺส อุปจโย’’ติ จ อาทิฯ เกสกุมฺภาทิ สพฺพํ นามํ นามปญฺญตฺติ, รูปเวทนาทิอุปาทานา พฺรหฺมวิหาราทิโคจรา อุปาทาปญฺญตฺติ สตฺตปญฺญตฺติ, ตํตํภูตนิมิตฺตํ ภาวนาวิเสสญฺจ อุปาทาย คเหตโพฺพ ฌานโคจรวิเสโส กสิณปญฺญตฺติฯ ปรมเตฺถ อมุญฺจิตฺวา โวหริยมานาติ อิมินา วิหารมญฺจาทิปญฺญตฺตีนํ สตฺตปญฺญตฺติสทิสตํ ทเสฺสติ, ยโต ตา สตฺตปญฺญตฺติคฺคหเณน คยฺหนฺติฯ หุตฺวา อภาวปฎิปีฬนอวสวตฺตนาการภาวโต สงฺขตธมฺมานํ อาการภาวโต สงฺขตธมฺมานํ อาการวิเสสภูตานิ ลกฺขณานิ วิญฺญตฺติอาทโย วิย วตฺตพฺพานิ สิยุํ, ตานิ ปน นิสฺสยานเปกฺขํ น ลพฺภนฺตีติ ปญฺญตฺติสภาวาเนว ตชฺชาปญฺญตฺติภาวโตติ น วุตฺตานิ, สตฺตฆฎาทิโต วิเสสทสฺสนตฺถํ ปน อฎฺฐกถายํ วิสุํ วุตฺตานีติฯ น หิ โก…เป.… วตฺตุํ ยุตฺตํ กุสลตฺติกสฺส นิปฺปเทสตฺตาฯ
987. Uppādādisaṅkhatalakkhaṇavinivattanatthaṃ ‘‘aniccadukkhaanattatā’’ti vuttaṃ. Uppādādayo pana tadavatthadhammavikārabhāvato taṃtaṃdhammaggahaṇena gahitāyeva. Tathā hi vuttaṃ ‘‘jarāmaraṇaṃ dvīhi khandhehi saṅgahita’’nti (dhātu. 71), ‘‘rūpassa upacayo’’ti ca ādi. Kesakumbhādi sabbaṃ nāmaṃ nāmapaññatti, rūpavedanādiupādānā brahmavihārādigocarā upādāpaññatti sattapaññatti, taṃtaṃbhūtanimittaṃ bhāvanāvisesañca upādāya gahetabbo jhānagocaraviseso kasiṇapaññatti. Paramatthe amuñcitvā vohariyamānāti iminā vihāramañcādipaññattīnaṃ sattapaññattisadisataṃ dasseti, yato tā sattapaññattiggahaṇena gayhanti. Hutvā abhāvapaṭipīḷanaavasavattanākārabhāvato saṅkhatadhammānaṃ ākārabhāvato saṅkhatadhammānaṃ ākāravisesabhūtāni lakkhaṇāni viññattiādayo viya vattabbāni siyuṃ, tāni pana nissayānapekkhaṃ na labbhantīti paññattisabhāvāneva tajjāpaññattibhāvatoti na vuttāni, sattaghaṭādito visesadassanatthaṃ pana aṭṭhakathāyaṃ visuṃ vuttānīti. Na hi ko…pe… vattuṃ yuttaṃ kusalattikassa nippadesattā.
๙๘๘. ภวติ เอตฺถาติ ภูมิ, นิสฺสยปจฺจยภาวโต สุขสฺส ภูมิ สุขภูมิฯ สุขเวทนาสหิตํ จิตฺตํฯ ตสฺส ภูมิเภเทน นิทฺธารณตฺถํ ตํนิสฺสยภูตา สมฺปยุตฺตธมฺมา ‘‘กามาวจเร’’ติ วุตฺตาฯ ตสฺส วา เอกเทสภูตสฺส สมุทายภาวโต อาธารณภาเวน อเปกฺขิตฺวา ตํสมานภูมิ ‘‘กามาวจเร’’ติ วุตฺตาฯ ตตฺถ ‘‘สุขภูมิยํ กามาวจเร’’ติ เทฺวปิ ภุมฺมวจนานิ ภินฺนาธิกรณภาเวน อฎฺฐกถายํ วุตฺตานีติ อุภเยสมฺปิ สมานาธิกรณภาเวน อตฺถโยคํ ทเสฺสตุํ ‘‘สุขภูมีติ กามาวจราทโยปิ ยุชฺชนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ ยเถว หิ จิตฺตํ, เอวํ สเพฺพปิ ปริตฺตสุเขน สมฺปยุตฺตา ธมฺมา ตสฺส นิสฺสยภาวโต ภูมิ กามาวจราติฯ อฎฺฐกถายมฺปิ วา อยมโตฺถ วุโตฺตเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘จิตฺต’’นฺติ หิ จิตฺตุปฺปาโทปิ วุจฺจติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จิตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ เอตฺถ จิตฺตเมว อคฺคเหตฺวา ปโรปณฺณาสกุสลธเมฺมหิ สทฺธิํเยว จิตฺตํ คหิต’’นฺติฯ เอวญฺจ กตฺวาติ สุขภูมิยนฺติ จิตฺตุปฺปาทสฺส วิญฺญายมานตฺตาฯ วิภาคทสฺสนํ วิเสสทสฺสนํฯ ภาสิตพฺพํ ภาสิตํ, ตเทว อโตฺถติ ภาสิตโตฺถฯ อภิเธยฺยโตฺถฯ ตทตฺถวิญฺญาปเนนาติ ติกทุกานํ กุจฺฉิตานํ สลนาทิอตฺถทีปเกนฯ
988. Bhavati etthāti bhūmi, nissayapaccayabhāvato sukhassa bhūmi sukhabhūmi. Sukhavedanāsahitaṃ cittaṃ. Tassa bhūmibhedena niddhāraṇatthaṃ taṃnissayabhūtā sampayuttadhammā ‘‘kāmāvacare’’ti vuttā. Tassa vā ekadesabhūtassa samudāyabhāvato ādhāraṇabhāvena apekkhitvā taṃsamānabhūmi ‘‘kāmāvacare’’ti vuttā. Tattha ‘‘sukhabhūmiyaṃ kāmāvacare’’ti dvepi bhummavacanāni bhinnādhikaraṇabhāvena aṭṭhakathāyaṃ vuttānīti ubhayesampi samānādhikaraṇabhāvena atthayogaṃ dassetuṃ ‘‘sukhabhūmīti kāmāvacarādayopi yujjantī’’ti vuttaṃ. Yatheva hi cittaṃ, evaṃ sabbepi parittasukhena sampayuttā dhammā tassa nissayabhāvato bhūmi kāmāvacarāti. Aṭṭhakathāyampi vā ayamattho vuttoyevāti daṭṭhabbaṃ. ‘‘Citta’’nti hi cittuppādopi vuccati. Tena vuttaṃ ‘‘cittaṃ uppannanti ettha cittameva aggahetvā paropaṇṇāsakusaladhammehi saddhiṃyeva cittaṃ gahita’’nti. Evañca katvāti sukhabhūmiyanti cittuppādassa viññāyamānattā. Vibhāgadassanaṃ visesadassanaṃ. Bhāsitabbaṃ bhāsitaṃ, tadeva atthoti bhāsitattho. Abhidheyyattho. Tadatthaviññāpanenāti tikadukānaṃ kucchitānaṃ salanādiatthadīpakena.
๙๙๔. โก ปน วาโท ขนฺธารมฺมณสฺสาติ ปุพฺพาปรภาเวน วตฺตมาเน อรหโต ขเนฺธ เอกตฺตนยวเสน สนฺตานโต ‘‘อมฺหากํ มาตุลเตฺถโร’’ติอาทินา อาลมฺพิตฺวา ปวตฺตมานํ อุปาทานํ ตสฺส อุปาทานกฺขเนฺธเยว คณฺหาติฯ สติปิ ตํสนฺตติปริยาปเนฺน โลกุตฺตรกฺขเนฺธ ตตฺถ ปวตฺติตุํ อสมตฺถภาวโต กา ปน กถา ขเนฺธ อารพฺภ ปวตฺตมาเนฯ เอเตน นตฺถิ มโคฺค วิสุทฺธิยา, นตฺถิ นิพฺพานนฺติ เอวมาทิวเสน ปวตฺตา มิจฺฉาทิฎฺฐิอาทโย น มคฺคาทิวิสยา ตํตํปญฺญตฺติวิสยาติ ทีปิตํ โหติฯ
994. Ko pana vādo khandhārammaṇassāti pubbāparabhāvena vattamāne arahato khandhe ekattanayavasena santānato ‘‘amhākaṃ mātulatthero’’tiādinā ālambitvā pavattamānaṃ upādānaṃ tassa upādānakkhandheyeva gaṇhāti. Satipi taṃsantatipariyāpanne lokuttarakkhandhe tattha pavattituṃ asamatthabhāvato kā pana kathā khandhe ārabbha pavattamāne. Etena natthi maggo visuddhiyā, natthi nibbānanti evamādivasena pavattā micchādiṭṭhiādayo na maggādivisayā taṃtaṃpaññattivisayāti dīpitaṃ hoti.
๙๙๘. เอวํ สํ…เป.… เลสิกาติ อนุปาทานิเยหิ อสํกิเลสิกานํ เภทาภาวมาหฯ
998. Evaṃ saṃ…pe… lesikāti anupādāniyehi asaṃkilesikānaṃ bhedābhāvamāha.
๑๐๐๖. อวิชฺชมาโน จ โส นิจฺจาทิวิปริยาสากาโร จาติ อวิ…เป.… สากาโรติ ปทเจฺฉโทฯ ทิฎฺฐิยา นิจฺจาทิอวิชฺชมานากาเรน คยฺหมานเตฺตปิ น ตทากาโร วิย ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโน, อถ โข วิชฺชมาโน กาโย สกฺกาโยติ อวิชฺชมานนิจฺจาทิวิปริยาสาการโต วิเสสนนฺติ โลกุตฺตรา น อิทํ วิเสสนํ อรหนฺติ ‘‘สโนฺต วิชฺชมาโน กาโย สกฺกาโย’’ติฯ วตฺถุ อวิเสสิตํ โหตีติ อิทํ ‘‘สตี กาเย’’ติ เอตฺถ กาย-สโทฺท สมูหตฺถตาย อนามสิตวิเสสํ ขนฺธปญฺจกํ วทตีติ อธิปฺปาเยน วุตฺตํฯ ปสาทกาโย วิย กุจฺฉิตานํ ราคาทีนํ อุปฺปตฺติฎฺฐานตาย กาโยติ วุจฺจตีติ เอวํ ปน อเตฺถ สติ ทิฎฺฐิยา วตฺถุ วิเสสิตเมว โหตีติ โลกุตฺตราปิ อปนีตาฯ น หิ โลกุตฺตรา ขนฺธา อุปฺปตฺติฎฺฐานตาย ‘‘กาโย’’ติ วุจฺจนฺตีติฯ สุทฺธิยา อเหตุภูเตนาติ โคสีลาทินา, โลกิยสีเลน วา โลกุตฺตรสีลสฺส อปทฎฺฐาเนนฯ ‘‘อวีติกฺกมนียตาสตตํจริตพฺพตาหิ วา สีลํ, ตโปจรณภาเวน สมาทินฺนตาย วตํฯ อตฺตโน ควาทิภาวาธิฎฺฐานํ สีลํ, คจฺฉโนฺตเยว ภกฺขนาทิควาทิกิริยากรณํ วตํฯ อกตฺตพฺพาภิมตโต นิวตฺตนํ วา สีลํ, ตํสมาทานวโต เวสโภชนกิจฺจจรณาทิวิเสสปฎิปตฺติ วต’’นฺติ จ สีลพฺพตานํ วิเสสํ วทนฺติฯ
1006. Avijjamāno ca so niccādivipariyāsākāro cāti avi…pe… sākāroti padacchedo. Diṭṭhiyā niccādiavijjamānākārena gayhamānattepi na tadākāro viya paramatthato avijjamāno, atha kho vijjamāno kāyo sakkāyoti avijjamānaniccādivipariyāsākārato visesananti lokuttarā na idaṃ visesanaṃ arahanti ‘‘santo vijjamāno kāyo sakkāyo’’ti. Vatthu avisesitaṃ hotīti idaṃ ‘‘satī kāye’’ti ettha kāya-saddo samūhatthatāya anāmasitavisesaṃ khandhapañcakaṃ vadatīti adhippāyena vuttaṃ. Pasādakāyo viya kucchitānaṃ rāgādīnaṃ uppattiṭṭhānatāya kāyoti vuccatīti evaṃ pana atthe sati diṭṭhiyā vatthu visesitameva hotīti lokuttarāpi apanītā. Na hi lokuttarā khandhā uppattiṭṭhānatāya ‘‘kāyo’’ti vuccantīti. Suddhiyā ahetubhūtenāti gosīlādinā, lokiyasīlena vā lokuttarasīlassa apadaṭṭhānena. ‘‘Avītikkamanīyatāsatataṃcaritabbatāhi vā sīlaṃ, tapocaraṇabhāvena samādinnatāya vataṃ. Attano gavādibhāvādhiṭṭhānaṃ sīlaṃ, gacchantoyeva bhakkhanādigavādikiriyākaraṇaṃ vataṃ. Akattabbābhimatato nivattanaṃ vā sīlaṃ, taṃsamādānavato vesabhojanakiccacaraṇādivisesapaṭipatti vata’’nti ca sīlabbatānaṃ visesaṃ vadanti.
๑๐๐๗. อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อุปฺปาโทติ น ชนนมตฺตํ อธิเปฺปตํ, อถ โข อนิโรโธปีติ ‘‘อวิฆาตํ ชนสโทฺท วทตี’’ติ อาหฯ ตตฺถายํ ชน-สเทฺท นโย, ชนิตาติ ชนา, อวิหตาติ อโตฺถฯ ปุถู ชนา เอเตสนฺติ ปุถุชฺชนาติ ปุถุสตฺถุมานิโน สตฺตาฯ อภิสงฺขรณาทิอโตฺถ วา ชน-สโทฺท อเนกตฺถตฺตา ธาตูนํฯ ขนฺธายตนาทีนํ สวนาธีนตฺตา ปญฺญาจกฺขุปฎิลาภสฺส เตสํ สวนาภาวทีปกํ ‘‘อสฺสุตวา’’ติ อิทํ ปทํ อนฺธตํ วทติฯ
1007. Imassuppādā idaṃ uppajjatīti uppādoti na jananamattaṃ adhippetaṃ, atha kho anirodhopīti ‘‘avighātaṃ janasaddo vadatī’’ti āha. Tatthāyaṃ jana-sadde nayo, janitāti janā, avihatāti attho. Puthū janā etesanti puthujjanāti puthusatthumānino sattā. Abhisaṅkharaṇādiattho vā jana-saddo anekatthattā dhātūnaṃ. Khandhāyatanādīnaṃ savanādhīnattā paññācakkhupaṭilābhassa tesaṃ savanābhāvadīpakaṃ ‘‘assutavā’’ti idaṃ padaṃ andhataṃ vadati.
กตํ ชานนฺตีติ อตฺตนา ปเรหิ จ กตํ กุสลากุสลํ เตหิ นิปฺผาทิตํ สุขทุกฺขํ ยาถาวโต ชานนฺติฯ ปเรสํ อตฺตนา, อตฺตโน จ ปเรหิ กตํ อุปการํ ยถาวุตฺตากาเรน ปากฎํ กโรนฺติฯ พฺยาธิอาทีหิ ทุกฺขิตสฺส อุปฎฺฐานาทิกาตพฺพํ, สํสารทุกฺขทุกฺขิตเสฺสว วา ยถาวุตฺตากาเรน กาตพฺพํ กโรนฺติฯ อริยกรธมฺมา อริยสจฺจานีติ ปุริมสจฺจทฺวยวเสน วุตฺตํ ‘‘วิปสฺสิยมานา อนิจฺจาทโย’’ติฯ ปริญฺญาทิวิเสเสน วา ปสฺสิยมานาติ อเตฺถ สติ อนิจฺจาทโยติ อาทิ-สเทฺทน นิจฺจมฺปิ นิพฺพานํ คหิตนฺติ จตุสจฺจวเสนปิ โยเชตพฺพํ, อนิจฺจตฺตาทโย วา ‘‘อนิจฺจาทโย’’ติ วุตฺตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
Kataṃ jānantīti attanā parehi ca kataṃ kusalākusalaṃ tehi nipphāditaṃ sukhadukkhaṃ yāthāvato jānanti. Paresaṃ attanā, attano ca parehi kataṃ upakāraṃ yathāvuttākārena pākaṭaṃ karonti. Byādhiādīhi dukkhitassa upaṭṭhānādikātabbaṃ, saṃsāradukkhadukkhitasseva vā yathāvuttākārena kātabbaṃ karonti. Ariyakaradhammā ariyasaccānīti purimasaccadvayavasena vuttaṃ ‘‘vipassiyamānā aniccādayo’’ti. Pariññādivisesena vā passiyamānāti atthe sati aniccādayoti ādi-saddena niccampi nibbānaṃ gahitanti catusaccavasenapi yojetabbaṃ, aniccattādayo vā ‘‘aniccādayo’’ti vuttāti daṭṭhabbaṃ.
อวเสสกิเลสา กิเลสโสตํฯ ญาณนฺติ ยาถาวโต ชานนํฯ ยถาภูตาวโพเธน หิ ตสฺส ตานิ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิตตาย สนฺตาเน อปฺปเวสารหานิ ‘‘สํวุตานิ ปิหิตานี’’ติ จ วุจฺจนฺติฯ ตถาติ สพฺพสงฺขารานํ วิปฺปการสฺส ขมนากาเรนฯ อวิปรีตธมฺมา เอตาย นิชฺฌายํ ขมนฺตีติ ปญฺญา ขนฺตีติฯ อทุฎฺฐเสฺสว ติติกฺขาภาวโต ตถาปวตฺตา ขนฺธาติ อโทสปฺปธานา ขนฺธา วุตฺตาติ ‘‘อโทโส เอว วา’’ติ ตติโย วิกโปฺป วุโตฺตฯ สติปฎิปกฺขตฺตา อภิชฺฌาโทมนสฺสานํ ‘‘มุฎฺฐสฺสจฺจ’’นฺติ วุตฺตาฯ อกฺขนฺติ โทโสฯ สสฺสตาทิอนฺตวินิมุตฺตา ธมฺมฎฺฐิตีติ สสฺสตุเจฺฉทาทิคาโห ตปฺปฎิโลมภาโว วุโตฺตฯ ทิฎฺฐธมฺมนิพฺพานวาโท นิพฺพาเน ปฎิโลมภาโวฯ จริมานุโลมญาณวชฺฌตณฺหาทิโก กิเลโสติ วุโตฺต, ปฎิปทาญาณทสฺสนญาณทสฺสนานิ วิย โคตฺรภุญาณํ กิเลสานํ อปฺปวตฺติกรณภาเวน วตฺตติ, กิเลสวิสยาติลงฺฆนภาเวน ปน ปวตฺตตีติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สงฺขาร…เป.… ปหาน’’นฺติฯ
Avasesakilesā kilesasotaṃ. Ñāṇanti yāthāvato jānanaṃ. Yathābhūtāvabodhena hi tassa tāni anuppattidhammataṃ āpāditatāya santāne appavesārahāni ‘‘saṃvutāni pihitānī’’ti ca vuccanti. Tathāti sabbasaṅkhārānaṃ vippakārassa khamanākārena. Aviparītadhammā etāya nijjhāyaṃ khamantīti paññā khantīti. Aduṭṭhasseva titikkhābhāvato tathāpavattā khandhāti adosappadhānā khandhā vuttāti ‘‘adoso eva vā’’ti tatiyo vikappo vutto. Satipaṭipakkhattā abhijjhādomanassānaṃ ‘‘muṭṭhassacca’’nti vuttā. Akkhanti doso. Sassatādiantavinimuttā dhammaṭṭhitīti sassatucchedādigāho tappaṭilomabhāvo vutto. Diṭṭhadhammanibbānavādo nibbāne paṭilomabhāvo. Carimānulomañāṇavajjhataṇhādiko kilesoti vutto, paṭipadāñāṇadassanañāṇadassanāni viya gotrabhuñāṇaṃ kilesānaṃ appavattikaraṇabhāvena vattati, kilesavisayātilaṅghanabhāvena pana pavattatīti katvā vuttaṃ ‘‘saṅkhāra…pe… pahāna’’nti.
ทิฎฺฐิยาทีนํ สมุทยสภาคตา กมฺมสฺส วิกุปฺปาทเน สหการีการณภาโว, ทสฺสนาทิพฺยาปารํ วา อตฺตานญฺจ ทสฺสนาทิกิจฺจํ จกฺขาทีนนฺติ เอวญฺหิ ยถาตกฺกิตํ อตฺตานํ รูปนฺติ คณฺหาติฯ ยถาทิฎฺฐนฺติ ตกฺกทสฺสเนน ยโถปลทฺธนฺติ อธิปฺปาโยฯ น หิ ทิฎฺฐิคติโก รูปายตนเมว อตฺตาติ คณฺหาตีติฯ อิมิสฺสาปวตฺติยาติ สามเญฺญน รูปํ อตฺตาติ สพฺพสงฺคาหกภูตาย ปวตฺติยาฯ รูเป…เป.… มานนฺติ จกฺขาทีสุ ตํสภาโว อตฺตาติ ปวตฺตมานํ อตฺตคฺคหณํฯ อนญฺญตฺตาทิคฺคหณนฺติ อนญฺญตฺตํ อตฺตนิยอตฺตนิสฺสิตอตฺตาธารตาคหณํฯ วณฺณาทีนนฺติ วณฺณรุกฺขปุปฺผมณีนํฯ นนุ จ รุกฺขปุปฺผมณิโย ปรมตฺถโต น วิชฺชนฺติ? สจฺจํ น วิชฺชนฺติ, ตทุปาทานํ ปน วิชฺชตีติ ตํ สมุทิตาทิปฺปการํ อิธ รุกฺขาทิปริยาเยน วุตฺตนฺติ รุกฺขาทินิทสฺสเนปิ น โทโส ฉายารุกฺขาทีนํ วิย รูปสฺส อตฺตโน จ สํสามิภาวาทิมตฺตสฺส อธิเปฺปตตฺตาฯ
Diṭṭhiyādīnaṃ samudayasabhāgatā kammassa vikuppādane sahakārīkāraṇabhāvo, dassanādibyāpāraṃ vā attānañca dassanādikiccaṃ cakkhādīnanti evañhi yathātakkitaṃ attānaṃ rūpanti gaṇhāti. Yathādiṭṭhanti takkadassanena yathopaladdhanti adhippāyo. Na hi diṭṭhigatiko rūpāyatanameva attāti gaṇhātīti. Imissāpavattiyāti sāmaññena rūpaṃ attāti sabbasaṅgāhakabhūtāya pavattiyā. Rūpe…pe… mānanti cakkhādīsu taṃsabhāvo attāti pavattamānaṃ attaggahaṇaṃ. Anaññattādiggahaṇanti anaññattaṃ attaniyaattanissitaattādhāratāgahaṇaṃ. Vaṇṇādīnanti vaṇṇarukkhapupphamaṇīnaṃ. Nanu ca rukkhapupphamaṇiyo paramatthato na vijjanti? Saccaṃ na vijjanti, tadupādānaṃ pana vijjatīti taṃ samuditādippakāraṃ idha rukkhādipariyāyena vuttanti rukkhādinidassanepi na doso chāyārukkhādīnaṃ viya rūpassa attano ca saṃsāmibhāvādimattassa adhippetattā.
๑๐๐๘. ชาติอาทิสภาวนฺติ ชาติภวาทีนํ นิพฺพตฺตินิพฺพตฺตนาทิสภาวํ, อุปฺปาทนสมตฺถตา ปจฺจยภาโวฯ
1008. Jātiādisabhāvanti jātibhavādīnaṃ nibbattinibbattanādisabhāvaṃ, uppādanasamatthatā paccayabhāvo.
๑๐๐๙. สามเญฺญน ‘‘ตเทกฎฺฐา กิเลสา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๑๐), ปรโต ‘‘อวเสโส โลโภ’’ติอาทิวจนโต (ธ. ส. ๑๐๑๑) ปาริเสสโต สามตฺถิยโต วา ลพฺภมานตาย สติปิ อาคตเตฺต สรูเปน ปเภเทน วา ทิฎฺฐิอาทโย วิย อนาคตตฺตา โลภาทโย ‘‘อนาคตา’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อิธ …เป.… เสฺสตุ’’นฺติฯ อตฺถโต วิญฺญายติ โลภาทีหิ สหชาตา หุตฺวา ทิฎฺฐิยา เอว ปาฬิยํ วุตฺตกิเลสภาวโตฯ อิติปิ อโตฺถ ยุชฺชติ สํโยชนกิเลสานมฺปิ ปฎินิเทฺทสารหตฺตา สมฺปยุตฺตสมุฎฺฐานภาวโต จฯ สํโยชนรหิเตหีติ สํโยชนภาวรหิเตหิ ถินอุทฺธจฺจอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ, ถินอหิริกาโนตฺตเปฺปหิ วาฯ
1009. Sāmaññena ‘‘tadekaṭṭhā kilesā’’ti (dha. sa. 1010), parato ‘‘avaseso lobho’’tiādivacanato (dha. sa. 1011) pārisesato sāmatthiyato vā labbhamānatāya satipi āgatatte sarūpena pabhedena vā diṭṭhiādayo viya anāgatattā lobhādayo ‘‘anāgatā’’ti vuttāti āha ‘‘idha…pe… ssetu’’nti. Atthato viññāyati lobhādīhi sahajātā hutvā diṭṭhiyā eva pāḷiyaṃ vuttakilesabhāvato. Itipi attho yujjati saṃyojanakilesānampi paṭiniddesārahattā sampayuttasamuṭṭhānabhāvato ca. Saṃyojanarahitehīti saṃyojanabhāvarahitehi thinauddhaccaahirikānottappehi, thinaahirikānottappehi vā.
๑๐๑๓. เอกเท…เป.… วทติ อวยเวนปิ สมุทาโย วุจฺจตีติฯ เหตุ เอเตสํ อตฺถีติ วา เหตุกาฯ อนิยโตติ น อวธาริโตฯ ปุริมปทาวธารณวเสน คเหตพฺพตฺถตฺตา วิวรณียตฺถวาฯ อตฺถโต นิกฺขิปิตุนฺติ ‘‘ตโย กุสลเหตู อโลโภ อโทโส อโมโห’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๐๖๐) วิย ปุริมนเยน ทสฺสิตธเมฺมเยว เหตุปหาตพฺพเหตุกเภทโต อตฺถทสฺสนวเสน นิทฺทิสิตุนฺติ อโตฺถฯ
1013. Ekade…pe… vadati avayavenapi samudāyo vuccatīti. Hetu etesaṃ atthīti vā hetukā. Aniyatoti na avadhārito. Purimapadāvadhāraṇavasena gahetabbatthattā vivaraṇīyatthavā. Atthato nikkhipitunti ‘‘tayo kusalahetū alobho adoso amoho’’tiādīsu (dha. sa. 1060) viya purimanayena dassitadhammeyeva hetupahātabbahetukabhedato atthadassanavasena niddisitunti attho.
๑๐๒๙. อภิญฺญายุตฺตวชฺชานํ มหคฺคตานํ ปริตฺตารมฺมณตฺตาภาวา ‘‘มหคฺคตา วา อิทฺธิวิธาทโย’’ติ วุตฺตํฯ อตีตํสญาณสฺส กามาวจรตฺตา ‘‘เจโต…เป.… ญาณสมฺปยุตฺตา’’ติ อาหฯ
1029. Abhiññāyuttavajjānaṃ mahaggatānaṃ parittārammaṇattābhāvā ‘‘mahaggatā vā iddhividhādayo’’ti vuttaṃ. Atītaṃsañāṇassa kāmāvacarattā ‘‘ceto…pe… ñāṇasampayuttā’’ti āha.
๑๐๓๕. อนนฺตเร นิยุตฺตานีติ จุติอนนฺตรํ ผลํ อนนฺตรํ, ตสฺมิํ นิยุตฺตานิ ตํ เอกเนฺตน นิปฺผาทนโต อนติกฺกมนกานีติ อโตฺถฯ วุตฺตปฺปการสฺส อนนฺตรสฺส กรณํ อนนฺตรํ, ตํ สีลานีติ โยเชตพฺพํฯ อเนเกสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ กิญฺจาปิ พลวโตเยว ปฎิสนฺธิทานํ, น อิตเรสํ, อตฺตนา ปน กาตพฺพกิจฺจสฺส เตเนว กตตฺตา ตสฺส วิปากสฺส อุปตฺถมฺภนวเสน ปวตฺตนโต น อิตรานิ เตน นิวาริตผลานิ นาม โหนฺติ, โก ปน วาโท ปฎิปเกฺขสุ กุสเลสูติ วุตฺตํ ‘‘ปฎิปเกฺขน อนิวารณียผลตฺตา’’ติฯ ‘‘อเนกสฺมิมฺปิ…เป.… นตฺถี’’ติ กสฺมา วุตฺตํ, นนุ อเนเกสุ อานนฺตริเยสุ กเตสุ พลวํเยว ปฎิสนฺธิทายกนฺติ เตน อิตเรสํ วิปาโก ปฎิพาหิโต โหตีติ อาห ‘‘น จ เตส’’นฺติอาทิฯ ตญฺจ เตสํ อญฺญมญฺญํ อปฺปฎิพาหกตฺตํ มาติกาวณฺณนายํ วิตฺถาเรน วิจาริตเมวฯ
1035. Anantare niyuttānīti cutianantaraṃ phalaṃ anantaraṃ, tasmiṃ niyuttāni taṃ ekantena nipphādanato anatikkamanakānīti attho. Vuttappakārassa anantarassa karaṇaṃ anantaraṃ, taṃ sīlānīti yojetabbaṃ. Anekesu ānantariyesu katesu kiñcāpi balavatoyeva paṭisandhidānaṃ, na itaresaṃ, attanā pana kātabbakiccassa teneva katattā tassa vipākassa upatthambhanavasena pavattanato na itarāni tena nivāritaphalāni nāma honti, ko pana vādo paṭipakkhesu kusalesūti vuttaṃ ‘‘paṭipakkhena anivāraṇīyaphalattā’’ti. ‘‘Anekasmimpi…pe… natthī’’ti kasmā vuttaṃ, nanu anekesu ānantariyesu katesu balavaṃyeva paṭisandhidāyakanti tena itaresaṃ vipāko paṭibāhito hotīti āha ‘‘na ca tesa’’ntiādi. Tañca tesaṃ aññamaññaṃ appaṭibāhakattaṃ mātikāvaṇṇanāyaṃ vitthārena vicāritameva.
อตฺถโต อาปนฺนํ อคฺคเหตฺวา ยถารุตวเสเนว ปาฬิยา อตฺถํ คเหตฺวา เตสํ วาทานํ ตปฺปรภาเวน ปวตฺติํ สนฺธาย อเหตุกวาทาทีนํ วิเสสํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุริมวาโท’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อนิยฺยานิกนิยฺยานิกเภทํ ปน สมฺภารกมฺมํ พนฺธโมกฺขเหตูติ พนฺธโมกฺขเหตุํ ปฎิเสเธโนฺตปิ กมฺมํ ปฎิเสเธติฯ สุมงฺคลวิลาสินิยํ ปน วิปากสฺส กมฺมกิเลสสมาธิปญฺญานํ เหตุภาวโต วิปาโกปิ พนฺธโมกฺขเหตูติ ‘‘นตฺถิ เหตูติ วทโนฺต อุภยํ ปฎิพาหตี’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๗๐-๑๗๒) วุตฺตํฯ ตตฺถ กมฺมํ ปฎิเสเธเนฺตนปิ วิปาโก ปฎิเสธิโต โหติ, วิปากํ ปฎิเสเธเนฺตนปิ กมฺมนฺติ ตโยปิ เอเต วาทา อตฺถโต อุภยปฎิเสธกาติ เวทิตพฺพาฯ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐินฺติ อเหตุกวาทาทิปฎิสํยุเตฺต อสทฺธเมฺม อุคฺคหปริปุจฺฉาวินิจฺฉยปสุตสฺส ‘‘นตฺถิ เหตู’’ติอาทินา รโห นิสีทิตฺวา จิเนฺตนฺตสฺส ตสฺมิํ อารมฺมเณ มิจฺฉาสติ สนฺติฎฺฐติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ, ชวนานิ ชวนฺติฯ ปฐมชวเน สเตกิโจฺฉ โหติ, ตถา ทุติยาทีสุฯ สตฺตเม อเตกิจฺฉภาวํ ปโตฺต นาม โหติฯ ยา เอวํ ปวตฺตา ทิฎฺฐิ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิ’’นฺติฯ ตโต ปุริมภาวา อนิยตาฯ
Atthato āpannaṃ aggahetvā yathārutavaseneva pāḷiyā atthaṃ gahetvā tesaṃ vādānaṃ tapparabhāvena pavattiṃ sandhāya ahetukavādādīnaṃ visesaṃ dassetuṃ ‘‘purimavādo’’tiādi vuttaṃ. Aniyyānikaniyyānikabhedaṃ pana sambhārakammaṃ bandhamokkhahetūti bandhamokkhahetuṃ paṭisedhentopi kammaṃ paṭisedheti. Sumaṅgalavilāsiniyaṃ pana vipākassa kammakilesasamādhipaññānaṃ hetubhāvato vipākopi bandhamokkhahetūti ‘‘natthi hetūti vadanto ubhayaṃ paṭibāhatī’’ti (dī. ni. aṭṭha. 1.170-172) vuttaṃ. Tattha kammaṃ paṭisedhentenapi vipāko paṭisedhito hoti, vipākaṃ paṭisedhentenapi kammanti tayopi ete vādā atthato ubhayapaṭisedhakāti veditabbā. Niyatamicchādiṭṭhinti ahetukavādādipaṭisaṃyutte asaddhamme uggahaparipucchāvinicchayapasutassa ‘‘natthi hetū’’tiādinā raho nisīditvā cintentassa tasmiṃ ārammaṇe micchāsati santiṭṭhati, cittaṃ ekaggaṃ hoti, javanāni javanti. Paṭhamajavane satekiccho hoti, tathā dutiyādīsu. Sattame atekicchabhāvaṃ patto nāma hoti. Yā evaṃ pavattā diṭṭhi, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘niyatamicchādiṭṭhi’’nti. Tato purimabhāvā aniyatā.
๑๐๓๙. สหชาต อญฺญมญฺญ นิสฺสย อตฺถิ อวิคตาทิวิสิฎฺฐภาเวปิ มคฺคปจฺจยสฺส สมฺปโยควิสิฎฺฐตาทีปเนเนว สหชาตาทิวิสิฎฺฐตาปิ วิญฺญายตีติ ปาฬิยํ ‘‘สมฺปยุโตฺต’’ติ วุตฺตนฺติ ‘‘สมฺปโยควิสิเฎฺฐนา’’ติ วุตฺตํฯ มคฺค…เป.… ทเสฺสตุํ, น ปน มคฺคงฺคานํ อญฺญมญฺญํ มคฺคปจฺจยภาวาภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ เอวํ สตีติ ยทิ มคฺคงฺคานํ มคฺคปจฺจยลาภิตาย ปกาสโน ปฐมนโย, เอวํ สเนฺตฯ มคฺคงฺคานิปิ เวทนาทโย วิย มคฺคเหตุกภาเวน วตฺตพฺพตฺตา อมคฺคสภาวานํ อโลภาทีนํ ตทเญฺญสํ ตทุภยสภาวานํ ธมฺมานํ ปจฺจยภาวทีปเน ตติยนเย วิย น ฐเปตพฺพานีติ อาห ‘‘ฐเปตฺวาติ น วตฺตพฺพํ สิยา’’ติฯ ปุเพฺพติ ปุริมนเยฯ
1039. Sahajāta aññamañña nissaya atthi avigatādivisiṭṭhabhāvepi maggapaccayassa sampayogavisiṭṭhatādīpaneneva sahajātādivisiṭṭhatāpi viññāyatīti pāḷiyaṃ ‘‘sampayutto’’ti vuttanti ‘‘sampayogavisiṭṭhenā’’ti vuttaṃ. Magga…pe… dassetuṃ, na pana maggaṅgānaṃ aññamaññaṃ maggapaccayabhāvābhāvatoti adhippāyo. Evaṃ satīti yadi maggaṅgānaṃ maggapaccayalābhitāya pakāsano paṭhamanayo, evaṃ sante. Maggaṅgānipi vedanādayo viya maggahetukabhāvena vattabbattā amaggasabhāvānaṃ alobhādīnaṃ tadaññesaṃ tadubhayasabhāvānaṃ dhammānaṃ paccayabhāvadīpane tatiyanaye viya na ṭhapetabbānīti āha ‘‘ṭhapetvāti na vattabbaṃ siyā’’ti. Pubbeti purimanaye.
ทุติยนเยปีติ ปิ-สเทฺทน ปฐมนยํ สมฺปิเณฺฑติฯ เตน สมฺมาทิฎฺฐิยา ปุริมสฺมิํ นยทฺวเย ฐปิตตฺตา ตสฺส สเหตุกภาวทสฺสโน ตติยนโย อารโทฺธติ ทเสฺสติฯ ตติยนเย สมฺมาทิฎฺฐิยา สเหตุกภาวทสฺสนํ อนิจฺฉโนฺต โจทโก ‘‘กถํ ทสฺสิโต’’ติ โจเทตฺวา ‘‘นนู’’ติอาทินา อตฺตโน อธิปฺปายํ วิวรติฯ อิตโร ‘‘ยถา หี’’ติอาทินา ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุภาเวน วุตฺตานมฺปิ โลภาทีนํ อญฺญมญฺญํ สหเชกฎฺฐสมฺปยุตฺตสงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนโต ทสฺสเนน ปหาตพฺพเหตุกสงฺคโห วิย มคฺคเหตุภาเวน วุตฺตายปิ สมฺมาทิฎฺฐิยา มคฺคเหตุกภาโวปิ ยุชฺชติ มคฺคเหตุสมฺปยุตฺตสงฺขารกฺขนฺธปริยาปนฺนภาวโตติ ทเสฺสติฯ
Dutiyanayepīti pi-saddena paṭhamanayaṃ sampiṇḍeti. Tena sammādiṭṭhiyā purimasmiṃ nayadvaye ṭhapitattā tassa sahetukabhāvadassano tatiyanayo āraddhoti dasseti. Tatiyanaye sammādiṭṭhiyā sahetukabhāvadassanaṃ anicchanto codako ‘‘kathaṃ dassito’’ti codetvā ‘‘nanū’’tiādinā attano adhippāyaṃ vivarati. Itaro ‘‘yathā hī’’tiādinā dassanena pahātabbahetubhāvena vuttānampi lobhādīnaṃ aññamaññaṃ sahajekaṭṭhasampayuttasaṅkhārakkhandhapariyāpannato dassanena pahātabbahetukasaṅgaho viya maggahetubhāvena vuttāyapi sammādiṭṭhiyā maggahetukabhāvopi yujjati maggahetusampayuttasaṅkhārakkhandhapariyāpannabhāvatoti dasseti.
ตโต อญฺญเสฺสวาติ ตโต สมฺมาทิฎฺฐิสงฺขาตเหตุโต อญฺญสฺส อโลภาโทสเสฺสวฯ อเญฺญนาติ ‘‘มโคฺค เหตู’’ติ อิโต อเญฺญนฯ อโลภาโทสานํเยว อธิเปฺปตตฺตา เตสํเยว อาเวณิเกน มคฺคเหตูติ อิมินา ปริยาเยนฯ สาธารเณน ปริยาเยนาติ ติณฺณมฺปิ เหตูนํ อธิเปฺปตตฺตา มคฺคามคฺคสภาวานํ สาธารเณน มคฺคเหตุมคฺคเหตูติ อิมินา ปริยาเยนฯ เตสนฺติ เหตูนํฯ อเญฺญสนฺติ เหตุสมฺปยุตฺตานํฯ อตฺถวิเสสวเสนาติ ‘‘มคฺคเหตุกา’’ติ ปาฬิยา อตฺถวิเสสวเสนฯ อโมเหน อโลภาโทสาโมเหหิ จ เสสธมฺมานํ สเหตุกภาวทสฺสนวเสน ปวตฺตา ทุติยตติยนยา ‘‘สรูปโต เหตุเหตุมนฺตทสฺสน’’นฺติ วุตฺตาฯ ตถาอทสฺสนโตติ สรูเปน อทสฺสนโตฯ อเตฺถน…เป.… คมนโตติ ‘‘มคฺคงฺคานิ ฐเปตฺวา ตํสมฺปยุโตฺต’’ติ (ธ. ส. ๑๐๓๙) วจนโต มคฺคสภาวานํ ธมฺมานํ มคฺคปจฺจยตาสงฺขาโต สมฺปยุตฺตานํ เหตุภาโว สรูปโต ทสฺสิโตฯ มคฺคเหตุภูตาย ปน สมฺมาทิฎฺฐิยา สมฺปยุตฺตานํ เหตุเหตุภาโว อตฺถโต ญาปิโต โหตีติ อโตฺถฯ
Tato aññassevāti tato sammādiṭṭhisaṅkhātahetuto aññassa alobhādosasseva. Aññenāti ‘‘maggo hetū’’ti ito aññena. Alobhādosānaṃyeva adhippetattā tesaṃyeva āveṇikena maggahetūti iminā pariyāyena. Sādhāraṇena pariyāyenāti tiṇṇampi hetūnaṃ adhippetattā maggāmaggasabhāvānaṃ sādhāraṇena maggahetumaggahetūti iminā pariyāyena. Tesanti hetūnaṃ. Aññesanti hetusampayuttānaṃ. Atthavisesavasenāti ‘‘maggahetukā’’ti pāḷiyā atthavisesavasena. Amohena alobhādosāmohehi ca sesadhammānaṃ sahetukabhāvadassanavasena pavattā dutiyatatiyanayā ‘‘sarūpato hetuhetumantadassana’’nti vuttā. Tathāadassanatoti sarūpena adassanato. Atthena…pe… gamanatoti ‘‘maggaṅgāni ṭhapetvā taṃsampayutto’’ti (dha. sa. 1039) vacanato maggasabhāvānaṃ dhammānaṃ maggapaccayatāsaṅkhāto sampayuttānaṃ hetubhāvo sarūpato dassito. Maggahetubhūtāya pana sammādiṭṭhiyā sampayuttānaṃ hetuhetubhāvo atthato ñāpito hotīti attho.
๑๐๔๐. อสภาวธโมฺม ครุกาตโพฺพ น โหตีติ ‘‘สภาวธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ เตเนว ปฎฺฐานวณฺณนายํ (ปฎฺฐา. อฎฺฐ. ๑.๓) ‘‘อารมฺมณาธิปติ ชาติเภทโต กุสลากุสลวิปากกิริยรูปนิพฺพานวเสน ฉพฺพิโธ’’ติ วกฺขติฯ มคฺคาทีนิ ฐเปตฺวาติ มคฺคาทีนิ ปหายฯ อเญฺญสนฺติ มคฺคาทิโต อเญฺญสํฯ อธิ…เป.… วสฺสาติ อารมฺมณาธิปติปจฺจยภาวสฺสฯ ปญฺญุตฺตรตฺตา กุสลานํ โลกุตฺตรกถาย จ ปญฺญาธุรตฺตา วีมํสาธิปติสฺส เสสาธิปตีนํ ปธานตา เวทิตพฺพาฯ
1040. Asabhāvadhammo garukātabbo na hotīti ‘‘sabhāvadhammo’’ti vuttaṃ. Teneva paṭṭhānavaṇṇanāyaṃ (paṭṭhā. aṭṭha. 1.3) ‘‘ārammaṇādhipati jātibhedato kusalākusalavipākakiriyarūpanibbānavasena chabbidho’’ti vakkhati. Maggādīni ṭhapetvāti maggādīni pahāya. Aññesanti maggādito aññesaṃ. Adhi…pe… vassāti ārammaṇādhipatipaccayabhāvassa. Paññuttarattā kusalānaṃ lokuttarakathāya ca paññādhurattā vīmaṃsādhipatissa sesādhipatīnaṃ padhānatā veditabbā.
๑๐๔๑. ปเทสสตฺตวิสยตฺตา ปฐมวิกปฺปสฺส สกลสตฺตวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘กปฺปสหสฺสาติกฺกเมปิ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ลโทฺธกาสํ ยํ ภวิสฺสตีติ ลโทฺธกาสํ ยํ กมฺมํ ปาปุณิสฺสติฯ กปฺปสหสฺสาติกฺกเม อวสฺสํ อุปฺปชฺชนวิปากตฺตา ตทปิ…เป.… วุจฺจตีติฯ อลทฺธตฺตลาภตาย อุปฺปาทาทิกฺขณํ อปฺปตฺตสฺส วิปากสฺส อนุปฺปนฺนภาโว นตฺถิภาโว ปากฎภาวาภาวโตติ วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ นาม น โหตีติ อนุปฺปโนฺน นาม น โหตี’’ติฯ ตตฺถาติ อรูปภวเงฺคฯ
1041. Padesasattavisayattā paṭhamavikappassa sakalasattavasena dassetuṃ ‘‘kappasahassātikkamepi vā’’tiādi vuttaṃ. Laddhokāsaṃ yaṃ bhavissatīti laddhokāsaṃ yaṃ kammaṃ pāpuṇissati. Kappasahassātikkame avassaṃ uppajjanavipākattā tadapi…pe… vuccatīti. Aladdhattalābhatāya uppādādikkhaṇaṃ appattassa vipākassa anuppannabhāvo natthibhāvo pākaṭabhāvābhāvatoti vuttaṃ ‘‘natthi nāma na hotīti anuppanno nāma na hotī’’ti. Tatthāti arūpabhavaṅge.
อวิปกฺกวิปากํ กมฺมํ สหการีการณสมวายาลาเภน อกโตกาสํ วิปากาภิมุขภาวาภาวโต วิปกฺกวิปากกมฺมสริกฺขกนฺติ วุตฺตํ ‘‘อลโทฺธ…เป.… เทยฺยา’’ติฯ กิจฺจนิปฺผตฺติยา อสติ อุปฺปนฺนมฺปิ กมฺมํ อนุปฺปนฺนสมานนฺติ ‘‘โอกาโส น ภเวยฺยา’’ติ เอตสฺส สมตฺถตา น สิยาติ อตฺถมาหฯ เตน อปจยคามิกมฺมกิจฺจสฺส โอกาสาภาโว ทสฺสิโตฯ ปุเพฺพ นิรตฺถกตฺตา อุปฺปตฺติยา โอกาโส น ภเวยฺยาติ ปโยชนาภาวโต กมฺมุปฺปตฺติยา โอกาสาภาโว วุโตฺตฯ ‘‘วิปากโต อญฺญสฺส ปวตฺติโอกาโส น ภเวยฺยา’’ติ อิมินา อสมฺภวโตติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ ธุววิปากสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน นิทสฺสนมตฺตภูเตนาติ อธิปฺปาโยฯ อริยมคฺคอานนฺตริยกมฺมานํ วิย มหคฺคตกมฺมานํ นิยตสภาวตาภาวา อฎฺฐสมาปตฺตีนํ ‘‘พลววิรเห’’ติอาทินา สวิเสสนธุววิปากตา วุตฺตาฯ เอตฺถ จ ‘‘ปญฺจ อานนฺตริยกมฺมานี’’ติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฎฺฐพฺพํ นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิยาปิ ธุววิปากตฺตาฯ ยสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา โย วิปาโก นิโยคโต อุปฺปชฺชิสฺสติ, โส ตสฺส อนาคตกาเลปิ อุปฺปาทิโวหารํ ลภติฯ โส จ อุปฺปาทิโวหาโร อายูหิตกมฺมวเสน วุจฺจมาโน ภาวินา อายูหิตภาเวน มโคฺค อนุปฺปโนฺนติ เอตฺถ วุโตฺตติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ อายูหิตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Avipakkavipākaṃ kammaṃ sahakārīkāraṇasamavāyālābhena akatokāsaṃ vipākābhimukhabhāvābhāvato vipakkavipākakammasarikkhakanti vuttaṃ ‘‘aladdho…pe… deyyā’’ti. Kiccanipphattiyā asati uppannampi kammaṃ anuppannasamānanti ‘‘okāso na bhaveyyā’’ti etassa samatthatā na siyāti atthamāha. Tena apacayagāmikammakiccassa okāsābhāvo dassito. Pubbe niratthakattā uppattiyā okāso na bhaveyyāti payojanābhāvato kammuppattiyā okāsābhāvo vutto. ‘‘Vipākato aññassa pavattiokāso na bhaveyyā’’ti iminā asambhavatoti ayametesaṃ viseso. Dhuvavipākassa kammassa vipākena nidassanamattabhūtenāti adhippāyo. Ariyamaggaānantariyakammānaṃ viya mahaggatakammānaṃ niyatasabhāvatābhāvā aṭṭhasamāpattīnaṃ ‘‘balavavirahe’’tiādinā savisesanadhuvavipākatā vuttā. Ettha ca ‘‘pañca ānantariyakammānī’’ti nidassanamattaṃ daṭṭhabbaṃ niyatamicchādiṭṭhiyāpi dhuvavipākattā. Yassa kammassa katattā yo vipāko niyogato uppajjissati, so tassa anāgatakālepi uppādivohāraṃ labhati. So ca uppādivohāro āyūhitakammavasena vuccamāno bhāvinā āyūhitabhāvena maggo anuppannoti ettha vuttoti dassetuṃ ‘‘yaṃ āyūhitaṃ bhavissatī’’tiādi vuttaṃ.
๑๐๕๐. อุปาทาเนหิ อาทินฺนาติ สมฺพโนฺธฯ อเญฺญติ อุปาทานารมฺมเณหิ อเญฺญ อนุปาทานิยาติ อโตฺถฯ อาทิเกน คหเณนาติ ‘‘อหํ ผลํ สจฺฉากาสิ’’นฺติ เอวํ ปจฺจเวกฺขณญาณสงฺขาเตน คหเณนฯ อิทานิ อุเปตตฺถทีปกสฺส อุป-สทฺทสฺส วเสน อุปาทินฺน-สทฺทสฺส อตฺถํ วตฺตุํ ‘‘อุปาทินฺนสเทฺทน วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นิพฺพานสฺส อนชฺฌตฺตภาวโต ‘‘อมคฺคผลธมฺมาเยว วุตฺตา’’ติ อาหฯ อิตเรหีติ อชฺฌตฺตปทาทีหิฯ
1050. Upādānehi ādinnāti sambandho. Aññeti upādānārammaṇehi aññe anupādāniyāti attho. Ādikena gahaṇenāti ‘‘ahaṃ phalaṃ sacchākāsi’’nti evaṃ paccavekkhaṇañāṇasaṅkhātena gahaṇena. Idāni upetatthadīpakassa upa-saddassa vasena upādinna-saddassa atthaṃ vattuṃ ‘‘upādinnasaddena vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha nibbānassa anajjhattabhāvato ‘‘amaggaphaladhammāyeva vuttā’’ti āha. Itarehīti ajjhattapadādīhi.
ติกนิเกฺขปกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tikanikkhepakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / ติกนิเกฺขปํ • Tikanikkhepaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / ติกนิเกฺขปกถา • Tikanikkhepakathā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / ติกนิเกฺขปกถาวณฺณนา • Tikanikkhepakathāvaṇṇanā