Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๘. ติกณฺณสุตฺตวณฺณนา

    8. Tikaṇṇasuttavaṇṇanā

    ๕๙. อฎฺฐเม ติกโณฺณติ ตสฺส นามํฯ อุปสงฺกมีติ ‘‘สมโณ กิร โคตโม ปณฺฑิโต, คจฺฉิสฺสามิ ตสฺส สนฺติก’’นฺติ จิเนฺตตฺวา ภุตฺตปาตราโส มหาชนปริวุโต อุปสงฺกมิฯ ภควโต สมฺมุขาติ ทสพลสฺส ปุรโต นิสีทิตฺวาฯ วณฺณํ ภาสตีติ กสฺมา ภาสติ? โส กิร อิโต ปุเพฺพ ตถาคตสฺส สนฺติกํ อคตปุโพฺพฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘พุทฺธา นาม ทุราสทา, มยิ ปฐมตรํ อกเถเนฺต กเถยฺย วา น วาฯ สเจ น กเถสฺสติ, อถ มํ สมาคมฎฺฐาเน กเถนฺตํ เอวํ วกฺขนฺติ ‘ตฺวํ อิธ กสฺมา กเถสิ, เยน เต สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วจนมตฺตมฺปิ น ลทฺธ’นฺติฯ ตสฺมา ‘เอวํ เม อยํ ครหา มุจฺจิสฺสตี’’’ติ มญฺญมาโน ภาสติฯ กิญฺจาปิ พฺราหฺมณานํ วณฺณํ ภาสติ, ตถาคตสฺส ปน ญาณํ ฆเฎฺฎสฺสามีติ อธิปฺปาเยเนว ภาสติฯ เอวมฺปิ เตวิชฺชา พฺราหฺมณาติ เตวิชฺชกพฺราหฺมณา เอวํปณฺฑิตา เอวํธีรา เอวํพฺยตฺตา เอวํพหุสฺสุตา เอวํวาทิโน, เอวํสมฺมตาติ อโตฺถฯ อิติปีติ อิมินา เตสํ ปณฺฑิตาทิอาการปริเจฺฉทํ ทเสฺสติฯ เอตฺตเกน การเณน ปณฺฑิตา…เป.… เอตฺตเกน การเณน สมฺมตาติ อยญฺหิ เอตฺถ อโตฺถฯ

    59. Aṭṭhame tikaṇṇoti tassa nāmaṃ. Upasaṅkamīti ‘‘samaṇo kira gotamo paṇḍito, gacchissāmi tassa santika’’nti cintetvā bhuttapātarāso mahājanaparivuto upasaṅkami. Bhagavato sammukhāti dasabalassa purato nisīditvā. Vaṇṇaṃ bhāsatīti kasmā bhāsati? So kira ito pubbe tathāgatassa santikaṃ agatapubbo. Athassa etadahosi – ‘‘buddhā nāma durāsadā, mayi paṭhamataraṃ akathente katheyya vā na vā. Sace na kathessati, atha maṃ samāgamaṭṭhāne kathentaṃ evaṃ vakkhanti ‘tvaṃ idha kasmā kathesi, yena te samaṇassa gotamassa santikaṃ gantvā vacanamattampi na laddha’nti. Tasmā ‘evaṃ me ayaṃ garahā muccissatī’’’ti maññamāno bhāsati. Kiñcāpi brāhmaṇānaṃ vaṇṇaṃ bhāsati, tathāgatassa pana ñāṇaṃ ghaṭṭessāmīti adhippāyeneva bhāsati. Evampi tevijjā brāhmaṇāti tevijjakabrāhmaṇā evaṃpaṇḍitā evaṃdhīrā evaṃbyattā evaṃbahussutā evaṃvādino, evaṃsammatāti attho. Itipīti iminā tesaṃ paṇḍitādiākāraparicchedaṃ dasseti. Ettakena kāraṇena paṇḍitā…pe… ettakena kāraṇena sammatāti ayañhi ettha attho.

    ยถา กถํ ปน พฺราหฺมณาติ เอตฺถ ยถาติ การณวจนํ, กถํ ปนาติ ปุจฺฉาวจนํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – กถํ ปน, พฺราหฺมณ, พฺราหฺมณา เตวิชฺชํ ปญฺญาเปนฺติฯ ยถา เอวํ สกฺกา โหติ ชานิตุํ, ตํ การณํ วเทหีติฯ ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘ชานนฎฺฐาเนเยว มํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ ปุจฺฉิ, โน อชานนฎฺฐาเน’’ติ อตฺตมโน หุตฺวา อิธ, โภ โคตมาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุภโตติ ทฺวีหิปิ ปเกฺขหิฯ มาติโต จ ปิติโต จาติ ยสฺส มาตา พฺราหฺมณี, มาตุ มาตา พฺราหฺมณี, ตสฺสาปิ มาตา พฺราหฺมณีฯ ปิตา พฺราหฺมโณ, ปิตุ ปิตา พฺราหฺมโณ, ตสฺสาปิ ปิตา พฺราหฺมโณ, โส อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จฯ สํสุทฺธคหณิโกติ ยสฺส สํสุทฺธา มาตุ คหณี, กุจฺฉีติ อโตฺถฯ ‘‘สมเวปากินิยา คหณิยา’’ติ ปน เอตฺถ กมฺมชเตโชธาตุ คหณีติ วุจฺจติฯ

    Yathā kathaṃ pana brāhmaṇāti ettha yathāti kāraṇavacanaṃ, kathaṃ panāti pucchāvacanaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – kathaṃ pana, brāhmaṇa, brāhmaṇā tevijjaṃ paññāpenti. Yathā evaṃ sakkā hoti jānituṃ, taṃ kāraṇaṃ vadehīti. Taṃ sutvā brāhmaṇo ‘‘jānanaṭṭhāneyeva maṃ sammāsambuddho pucchi, no ajānanaṭṭhāne’’ti attamano hutvā idha, bho gotamātiādimāha. Tattha ubhatoti dvīhipi pakkhehi. Mātito ca pitito cāti yassa mātā brāhmaṇī, mātu mātā brāhmaṇī, tassāpi mātā brāhmaṇī. Pitā brāhmaṇo, pitu pitā brāhmaṇo, tassāpi pitā brāhmaṇo, so ubhato sujāto mātito ca pitito ca. Saṃsuddhagahaṇikoti yassa saṃsuddhā mātu gahaṇī, kucchīti attho. ‘‘Samavepākiniyā gahaṇiyā’’ti pana ettha kammajatejodhātu gahaṇīti vuccati.

    ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคาติ เอตฺถ ปิตุ ปิตา ปิตามโห, ปิตามหสฺส ยุคํ ปิตามหยุคํฯ ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ วุจฺจติฯ อภิลาปมตฺตเมว เจตํ, อตฺถโต ปน ปิตามโหเยว ปิตามหยุคํฯ ตโต อุทฺธํ สเพฺพปิ ปุพฺพปุริสา ปิตามหคฺคหเณเนว คหิตาฯ เอวํ ยาว สตฺตโม ปุริโส, ตาว สํสุทฺธคหณิโก, อถ วา อกฺขิโตฺต อนุปกฺกุโฎฺฐ ชาติวาเทนาติ ทเสฺสติฯ อกฺขิโตฺตติ ‘‘อปเนถ เอตํ, กิํ อิมินา’’ติ เอวํ อกฺขิโตฺต อนวกฺขิโตฺตฯ อนุปกฺกุโฎฺฐติ น อุปกฺกุโฎฺฐ, น อโกฺกสํ วา นินฺทํ วา ปตฺตปุโพฺพฯ เกน การเณนาติ? ชาติวาเทนฯ ‘‘อิติปิ หีนชาติโก เอโส’’ติ เอวรูเปน วจเนนาติ อโตฺถฯ

    Yāva sattamā pitāmahayugāti ettha pitu pitā pitāmaho, pitāmahassa yugaṃ pitāmahayugaṃ. Yuganti āyuppamāṇaṃ vuccati. Abhilāpamattameva cetaṃ, atthato pana pitāmahoyeva pitāmahayugaṃ. Tato uddhaṃ sabbepi pubbapurisā pitāmahaggahaṇeneva gahitā. Evaṃ yāva sattamo puriso, tāva saṃsuddhagahaṇiko, atha vā akkhitto anupakkuṭṭho jātivādenāti dasseti. Akkhittoti ‘‘apanetha etaṃ, kiṃ iminā’’ti evaṃ akkhitto anavakkhitto. Anupakkuṭṭhoti na upakkuṭṭho, na akkosaṃ vā nindaṃ vā pattapubbo. Kena kāraṇenāti? Jātivādena. ‘‘Itipi hīnajātiko eso’’ti evarūpena vacanenāti attho.

    อชฺฌายโกติ อิทํ ‘‘น ทานิเม ฌายนฺติ, น ทานิเม ฌายนฺตีติ โข, วาเสฎฺฐ, อชฺฌายกา อชฺฌายกาเตว ตติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๓๒) เอวํ ปฐมกปฺปิกกาเล ฌานวิรหิตานํ พฺราหฺมณานํ ครหวจนํ อุปฺปนฺนํฯ อิทานิ ปน ตํ อชฺฌายตีติ อชฺฌายโก, มเนฺต ปริวเตฺตตีติ อิมินา อเตฺถน ปสํสาวจนํ กตฺวา โวหรนฺติฯ มเนฺต ธาเรตีติ มนฺตธโร

    Ajjhāyakoti idaṃ ‘‘na dānime jhāyanti, na dānime jhāyantīti kho, vāseṭṭha, ajjhāyakā ajjhāyakāteva tatiyaṃ akkharaṃ upanibbatta’’nti (dī. ni. 3.132) evaṃ paṭhamakappikakāle jhānavirahitānaṃ brāhmaṇānaṃ garahavacanaṃ uppannaṃ. Idāni pana taṃ ajjhāyatīti ajjhāyako, mante parivattetīti iminā atthena pasaṃsāvacanaṃ katvā voharanti. Mante dhāretīti mantadharo.

    ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเพฺพทยชุเพฺพทสามเพฺพทานํฯ โอฎฺฐปหตกรณวเสน ปารํ คโตติ ปารคูฯ สห นิฆณฺฑุนา จ เกฎุเภน จ สนิฆณฺฑุเกฎุภานํฯ นิฆณฺฑูติ นามนิฆณฺฑุรุกฺขาทีนํ เววจนปกาสกสตฺถํฯ เกฎุภนฺติ กิริยากปฺปวิกโปฺป กวีนํ อุปการาย สตฺถํฯ สห อกฺขรปฺปเภเทน สากฺขรปฺปเภทานํฯ อกฺขรปฺปเภโทติ สิกฺขา จ นิรุตฺติ จฯ อิติหาสปญฺจมานนฺติ อาถพฺพณเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา อิติห อาส, อิติห อาสาติ อีทิสวจนปฎิสํยุโตฺต ปุราณกถาสงฺขาโต ขตฺตวิชฺชาสงฺขาโต วา อิติหาโส ปญฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปญฺจมาฯ เตสํ อิติหาสปญฺจมานํ เวทานํฯ

    Tiṇṇaṃ vedānanti irubbedayajubbedasāmabbedānaṃ. Oṭṭhapahatakaraṇavasena pāraṃ gatoti pāragū. Saha nighaṇḍunā ca keṭubhena ca sanighaṇḍukeṭubhānaṃ. Nighaṇḍūti nāmanighaṇḍurukkhādīnaṃ vevacanapakāsakasatthaṃ. Keṭubhanti kiriyākappavikappo kavīnaṃ upakārāya satthaṃ. Saha akkharappabhedena sākkharappabhedānaṃ. Akkharappabhedoti sikkhā ca nirutti ca. Itihāsapañcamānanti āthabbaṇavedaṃ catutthaṃ katvā itiha āsa, itiha āsāti īdisavacanapaṭisaṃyutto purāṇakathāsaṅkhāto khattavijjāsaṅkhāto vā itihāso pañcamo etesanti itihāsapañcamā. Tesaṃ itihāsapañcamānaṃ vedānaṃ.

    ปทํ ตทวเสสญฺจ พฺยากรณํ อธียติ เวเทติ จาติ ปทโก เวยฺยากรโณฯ โลกายตํ วุจฺจติ วิตณฺฑวาทสตฺถํฯ มหาปุริสลกฺขณนฺติ มหาปุริสานํ พุทฺธาทีนํ ลกฺขณทีปกํ ทฺวาทสสหสฺสคนฺถปมาณํ สตฺถํ, ยตฺถ โสฬสสหสฺสคาถาปทปริมาณา พุทฺธมนฺตา นาม อเหสุํ, เยสํ วเสน ‘‘อิมินา ลกฺขเณน สมนฺนาคตา พุทฺธา นาม โหนฺติ , อิมินา ปเจฺจกพุทฺธา, เทฺว อคฺคสาวกา, อสีติ มหาสาวกา, พุทฺธมาตา, พุทฺธปิตา, อคฺคุปฎฺฐากา, อคฺคุปฎฺฐายิกา, ราชา จกฺกวตฺตี’’ติ อยํ วิเสโส ญายติฯ อนวโยติ อิเมสุ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนูโน ปริปูรการี, อวโย น โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ อวโย นาม โย ตานิ อตฺถโต จ คนฺถโต จ สนฺธาเรตุํ น สโกฺกติฯ อถ วา อนวโยติ อนุ อวโย, สนฺธิวเสน อุการโลโปฯ อนุ อวโย ปริปุณฺณสิโปฺปติ อโตฺถฯ

    Padaṃ tadavasesañca byākaraṇaṃ adhīyati vedeti cāti padako veyyākaraṇo. Lokāyataṃ vuccati vitaṇḍavādasatthaṃ. Mahāpurisalakkhaṇanti mahāpurisānaṃ buddhādīnaṃ lakkhaṇadīpakaṃ dvādasasahassaganthapamāṇaṃ satthaṃ, yattha soḷasasahassagāthāpadaparimāṇā buddhamantā nāma ahesuṃ, yesaṃ vasena ‘‘iminā lakkhaṇena samannāgatā buddhā nāma honti , iminā paccekabuddhā, dve aggasāvakā, asīti mahāsāvakā, buddhamātā, buddhapitā, aggupaṭṭhākā, aggupaṭṭhāyikā, rājā cakkavattī’’ti ayaṃ viseso ñāyati. Anavayoti imesu lokāyatamahāpurisalakkhaṇesu anūno paripūrakārī, avayo na hotīti vuttaṃ hoti. Avayo nāma yo tāni atthato ca ganthato ca sandhāretuṃ na sakkoti. Atha vā anavayoti anu avayo, sandhivasena ukāralopo. Anu avayo paripuṇṇasippoti attho.

    เตน หีติ อิทํ ภควา นํ อายาจนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิทานิสฺส ปญฺหํ กเถตุํ กาโล’’ติ ญตฺวา อาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยสฺมา มํ อายาจสิ, ตสฺมา สุณาหีติฯ วิวิเจฺจว กาเมหีติอาทิ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๗๐) วิตฺถาริตเมวฯ อิธ ปเนตํ ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ ปุพฺพภาคปฎิปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตตฺถ ทฺวินฺนํ วิชฺชานํ อนุปทวณฺณนา เจว ภาวนานโย จ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒ อาทโย) วิตฺถาริโตวฯ

    Tenati idaṃ bhagavā naṃ āyācantaṃ disvā ‘‘idānissa pañhaṃ kathetuṃ kālo’’ti ñatvā āha. Tassattho – yasmā maṃ āyācasi, tasmā suṇāhīti. Vivicceva kāmehītiādi visuddhimagge (visuddhi. 1.70) vitthāritameva. Idha panetaṃ tissannaṃ vijjānaṃ pubbabhāgapaṭipattidassanatthaṃ vuttanti veditabbaṃ. Tattha dvinnaṃ vijjānaṃ anupadavaṇṇanā ceva bhāvanānayo ca visuddhimagge (visuddhi. 2.402 ādayo) vitthāritova.

    ปฐมา วิชฺชาติ ปฐมํ อุปฺปนฺนาติ ปฐมา, วิทิตกรณเฎฺฐน วิชฺชาฯ กิํ วิทิตํ กโรติ? ปุเพฺพนิวาสํฯ อวิชฺชาติ ตเสฺสว ปุเพฺพนิวาสสฺส อวิทิตกรณเฎฺฐน ตปฺปฎิจฺฉาทโก โมโห วุจฺจติฯ ตโมติ เสฺวว โมโห ปฎิจฺฉาทกเฎฺฐน ตโมติ วุจฺจติฯ อาโลโกติ สาเยว วิชฺชา โอภาสกรณเฎฺฐน อาโลโกติ วุจฺจติฯ เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อโตฺถ ฯ เสสํ ปสํสาวจนํฯ โยชนา ปเนตฺถ อยมสฺส วิชฺชา อธิคตา, อถสฺส อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา วินฎฺฐาติ อโตฺถฯ กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาฯ อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเย เอเสว นโยฯ ยถา ตนฺติ เอตฺถ ยถาติ โอปมฺมํ, นฺติ นิปาตมตฺตํฯ สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺสฯ วีริยาตาเปน อาตาปิโนฯ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย ปหิตตฺตสฺสฯ เปสิตตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหเญฺญยฺย, วิชฺชา อุปฺปเชฺชยฺยฯ ตโม วิหเญฺญยฺย, อาโลโก อุปฺปเชฺชยฺย, เอวเมว ตสฺส อวิชฺชา วิหตา , วิชฺชา อุปฺปนฺนาฯ ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปโนฺนฯ เอตสฺส เตน ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลทฺธนฺติฯ

    Paṭhamā vijjāti paṭhamaṃ uppannāti paṭhamā, viditakaraṇaṭṭhena vijjā. Kiṃ viditaṃ karoti? Pubbenivāsaṃ. Avijjāti tasseva pubbenivāsassa aviditakaraṇaṭṭhena tappaṭicchādako moho vuccati. Tamoti sveva moho paṭicchādakaṭṭhena tamoti vuccati. Ālokoti sāyeva vijjā obhāsakaraṇaṭṭhena ālokoti vuccati. Ettha ca vijjā adhigatāti ayaṃ attho . Sesaṃ pasaṃsāvacanaṃ. Yojanā panettha ayamassa vijjā adhigatā, athassa adhigatavijjassa avijjā vihatā vinaṭṭhāti attho. Kasmā? Yasmā vijjā uppannā. Itarasmimpi padadvaye eseva nayo. Yathā tanti ettha yathāti opammaṃ, tanti nipātamattaṃ. Satiyā avippavāsena appamattassa. Vīriyātāpena ātāpino. Kāye ca jīvite ca anapekkhatāya pahitattassa. Pesitattassāti attho. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā appamattassa ātāpino pahitattassa viharato avijjā vihaññeyya, vijjā uppajjeyya. Tamo vihaññeyya, āloko uppajjeyya, evameva tassa avijjā vihatā , vijjā uppannā. Tamo vihato, āloko uppanno. Etassa tena padhānānuyogassa anurūpameva phalaṃ laddhanti.

    จุตูปปาตกถายํ วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุญาณวิชฺชาฯ อวิชฺชาติ สตฺตานํ จุติปฎิสนฺธิปฺปฎิจฺฉาทิกา อวิชฺชาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Cutūpapātakathāyaṃ vijjāti dibbacakkhuñāṇavijjā. Avijjāti sattānaṃ cutipaṭisandhippaṭicchādikā avijjā. Sesaṃ vuttanayameva.

    ตติยวิชฺชาย โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺตติ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํฯ อาสวานํ ขยญาณายาติ อรหตฺตมคฺคญาณตฺถายฯ อรหตฺตมโคฺค หิ อาสววินาสนโต อาสวานํ ขโยติ วุจฺจติ, ตตฺร เจตํ ญาณํ ตตฺถ ปริยาปนฺนตฺตาติฯ จิตฺตํ อภินินฺนาเมตีติ วิปสฺสนาจิตฺตํ อภินีหรติฯ โส อิทํ ทุกฺขนฺติ เอวมาทีสุ เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิโยฺยติ สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจํ สรสลกฺขณปฺปฎิเวเธน ยถาภูตํ ปชานาติ ปฎิวิชฺฌติ, ตสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติกํ ตณฺหํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ, ตทุภยมฺปิ ยํ ฐานํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ , ตํ เตสํ อปวตฺติํ นิพฺพานํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติฯ ตสฺส จ สมฺปาปกํ อริยมคฺคํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’’ติ สรสลกฺขณปฺปฎิเวเธน ยถาภูตํ ปชานาติ ปฎิวิชฺฌตีติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Tatiyavijjāya so evaṃ samāhite citteti vipassanāpādakaṃ catutthajjhānacittaṃ veditabbaṃ. Āsavānaṃ khayañāṇāyāti arahattamaggañāṇatthāya. Arahattamaggo hi āsavavināsanato āsavānaṃ khayoti vuccati, tatra cetaṃ ñāṇaṃ tattha pariyāpannattāti. Cittaṃ abhininnāmetīti vipassanācittaṃ abhinīharati. So idaṃ dukkhanti evamādīsu ettakaṃ dukkhaṃ, na ito bhiyyoti sabbampi dukkhasaccaṃ sarasalakkhaṇappaṭivedhena yathābhūtaṃ pajānāti paṭivijjhati, tassa ca dukkhassa nibbattikaṃ taṇhaṃ ‘‘ayaṃ dukkhasamudayo’’ti, tadubhayampi yaṃ ṭhānaṃ patvā nirujjhati , taṃ tesaṃ apavattiṃ nibbānaṃ ‘‘ayaṃ dukkhanirodho’’ti. Tassa ca sampāpakaṃ ariyamaggaṃ ‘‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’’ti sarasalakkhaṇappaṭivedhena yathābhūtaṃ pajānāti paṭivijjhatīti evamattho veditabbo.

    เอวํ สรูปโต สจฺจานิ ทเสฺสตฺวา อิทานิ กิเลสวเสน ปริยายโต ทเสฺสโนฺต อิเม อาสวาติอาทิมาหฯ ตสฺส เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส ภิกฺขุโน เอวํ ชานนฺตสฺส เอวํ ปสฺสนฺตสฺสฯ สห วิปสฺสนาย โกฎิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถสิฯ กามาสวาติ กามาสวโตฯ วิมุจฺจตีติ อิมินา มคฺคกฺขณํ ทเสฺสติฯ มคฺคกฺขเณ หิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ โหติฯ วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณนฺติ อิมินา ปจฺจเวกฺขณญาณํ ทเสฺสติฯ ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมิํฯ เตน หิ ญาเณน โส ปจฺจเวกฺขโนฺต ขีณา ชาตีติอาทีนิ ปชานาติฯ กตมา ปนสฺส ชาติ ขีณา, กถญฺจ นํ ปชานาตีติ? น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา ปุเพฺพว ขีณตฺตา, น อนาคตา, อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตาฯ ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปเชฺชยฺย เอกจตุปญฺจโวการภเวสุ เอกจตุปญฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณาฯ ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายติอปฺปฎิสนฺธิกํ โหตีติ ชานโนฺต ปชานาติฯ

    Evaṃ sarūpato saccāni dassetvā idāni kilesavasena pariyāyato dassento ime āsavātiādimāha. Tassa evaṃ jānato evaṃ passatoti tassa bhikkhuno evaṃ jānantassa evaṃ passantassa. Saha vipassanāya koṭippattaṃ maggaṃ kathesi. Kāmāsavāti kāmāsavato. Vimuccatīti iminā maggakkhaṇaṃ dasseti. Maggakkhaṇe hi cittaṃ vimuccati, phalakkhaṇe vimuttaṃ hoti. Vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇanti iminā paccavekkhaṇañāṇaṃ dasseti. Khīṇā jātītiādīhi tassa bhūmiṃ. Tena hi ñāṇena so paccavekkhanto khīṇā jātītiādīni pajānāti. Katamā panassa jāti khīṇā, kathañca naṃ pajānātīti? Na tāvassa atītā jāti khīṇā pubbeva khīṇattā, na anāgatā, anāgate vāyāmābhāvato, na paccuppannā, vijjamānattā. Yā pana maggassa abhāvitattā uppajjeyya ekacatupañcavokārabhavesu ekacatupañcakkhandhappabhedā jāti, sā maggassa bhāvitattā anuppādadhammataṃ āpajjanena khīṇā. Taṃ so maggabhāvanāya pahīnakilese paccavekkhitvā kilesābhāve vijjamānampi kammaṃ āyatiappaṭisandhikaṃ hotīti jānanto pajānāti.

    วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฎฺฐิตนฺติ อโตฺถฯ พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํฯ ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธิํ สตฺต เสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโสฯ ตสฺมา โส อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขโนฺต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ ปชานาติฯ กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สเจฺจสุ จตูหิ มเคฺคหิ ปริญฺญาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฎฺฐาปิตนฺติ อโตฺถฯ ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโยฯ ตสฺมา โส อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขโนฺต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ ปชานาติฯ นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปุน อิตฺถภาวาย, เอวํ โสฬสวิธกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ ปชานาติฯ อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต, อิมสฺมา เอวํ ปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ, อิเม ปน ปญฺจกฺขนฺธา ปริญฺญาตา ติฎฺฐนฺติ ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิยฯ เต จริมกวิญฺญาณนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺตีติ ปชานาติฯ อิธ วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคญาณวิชฺชาฯ อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฺปฎิจฺฉาทิกา อวิชฺชาฯ เสสํ วุตฺตนยเมวฯ

    Vusitanti vutthaṃ parivutthaṃ, kataṃ caritaṃ niṭṭhitanti attho. Brahmacariyanti maggabrahmacariyaṃ. Puthujjanakalyāṇakena hi saddhiṃ satta sekkhā brahmacariyavāsaṃ vasanti nāma, khīṇāsavo vutthavāso. Tasmā so attano brahmacariyavāsaṃ paccavekkhanto ‘‘vusitaṃ brahmacariya’’nti pajānāti. Kataṃ karaṇīyanti catūsu saccesu catūhi maggehi pariññāpahānasacchikiriyābhāvanābhisamayavasena soḷasavidhampi kiccaṃ niṭṭhāpitanti attho. Puthujjanakalyāṇakādayo hi taṃ kiccaṃ karonti, khīṇāsavo katakaraṇīyo. Tasmā so attano karaṇīyaṃ paccavekkhanto ‘‘kataṃ karaṇīya’’nti pajānāti. Nāparaṃ itthattāyāti puna itthabhāvāya, evaṃ soḷasavidhakiccabhāvāya kilesakkhayāya vā maggabhāvanākiccaṃ me natthīti pajānāti. Atha vā itthattāyāti itthabhāvato, imasmā evaṃ pakārā idāni vattamānakkhandhasantānā aparaṃ khandhasantānaṃ mayhaṃ natthi, ime pana pañcakkhandhā pariññātā tiṭṭhanti chinnamūlakā rukkhā viya. Te carimakaviññāṇanirodhena anupādāno viya jātavedo nibbāyissantīti pajānāti. Idha vijjāti arahattamaggañāṇavijjā. Avijjāti catusaccappaṭicchādikā avijjā. Sesaṃ vuttanayameva.

    อนุจฺจาวจสีลสฺสาติ ยสฺส สีลํ กาเลน หายติ, กาเลน วฑฺฒติ, โส อุจฺจาวจสีโล นาม โหติฯ ขีณาสวสฺส ปน สีลํ เอกนฺตวฑฺฒิตเมวฯ ตสฺมา โส อนุจฺจาวจสีโล นาม โหติฯ วสีภูตนฺติ วสิปฺปตฺตํฯ สุสมาหิตนฺติ สุฎฺฐุ สมาหิตํ, อารมฺมณมฺหิ สุฎฺฐปิตํฯ ธีรนฺติ ธิติสมฺปนฺนํฯ มจฺจุหายินนฺติ มจฺจุํ ชหิตฺวา ฐิตํฯ สพฺพปฺปหายินนฺติ สเพฺพ ปาปธเมฺม ปชหิตฺวา ฐิตํฯ พุทฺธนฺติ จตุสจฺจพุทฺธํฯ อนฺติมเทหินนฺติ สพฺพปจฺฉิมสรีรธารินํฯ ตํ นมสฺสนฺติ โคตมนฺติ ตํ โคตมโคตฺตํ พุทฺธสาวกา นมสฺสนฺติฯ อถ วา โคตมพุทฺธสฺส สาวโกปิ โคตโม, ตํ โคตมํ เทวมนุสฺสา นมสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ

    Anuccāvacasīlassāti yassa sīlaṃ kālena hāyati, kālena vaḍḍhati, so uccāvacasīlo nāma hoti. Khīṇāsavassa pana sīlaṃ ekantavaḍḍhitameva. Tasmā so anuccāvacasīlo nāma hoti. Vasībhūtanti vasippattaṃ. Susamāhitanti suṭṭhu samāhitaṃ, ārammaṇamhi suṭṭhapitaṃ. Dhīranti dhitisampannaṃ. Maccuhāyinanti maccuṃ jahitvā ṭhitaṃ. Sabbappahāyinanti sabbe pāpadhamme pajahitvā ṭhitaṃ. Buddhanti catusaccabuddhaṃ. Antimadehinanti sabbapacchimasarīradhārinaṃ. Taṃ namassanti gotamanti taṃ gotamagottaṃ buddhasāvakā namassanti. Atha vā gotamabuddhassa sāvakopi gotamo, taṃ gotamaṃ devamanussā namassantīti attho.

    ปุเพฺพนิวาสนฺติ ปุเพฺพนิวุตฺถกฺขนฺธปรมฺปรํฯ โยเวตีติ โย อเวติ อวคจฺฉติฯ โยเวทีติปิ ปาโฐฯ โย อเวทิ, วิทิตํ ปากฎํ กตฺวา ฐิโตติ อโตฺถฯ สคฺคาปายญฺจ ปสฺสตีติ ฉ กามาวจเร นว พฺรหฺมโลเก จตฺตาโร จ อปาเย ปสฺสติฯ ชาติกฺขยํ ปโตฺตติ อรหตฺตํ ปโตฺตฯ อภิญฺญาโวสิโตติ ชานิตฺวา กิจฺจโวสาเนน โวสิโตฯ มุนีติ โมเนเยฺยน สมนฺนาคโต ขีณาสวมุนิฯ เอตาหีติ เหฎฺฐา นิทฺทิฎฺฐาหิ ปุเพฺพนิวาสญาณาทีหิฯ นาญฺญํ ลปิตลาปนนฺติ โย ปนโญฺญ เตวิโชฺชติ อเญฺญหิ ลปิตวจนมตฺตเมว ลปติ, ตมหํ เตวิโชฺชติ น วทามิ, อตฺตปจฺจกฺขโต ญตฺวา ปรสฺสปิ ติโสฺส วิชฺชา กเถนฺตเมวาหํ เตวิโชฺชติ วทามีติ อโตฺถฯ กลนฺติ โกฎฺฐาสํฯ นาคฺฆตีติ น ปาปุณาติฯ อิทานิ พฺราหฺมโณ ภควโต กถาย ปสโนฺน ปสนฺนาการํ กโรโนฺต อภิกฺกนฺตนฺติอาทิมาหฯ

    Pubbenivāsanti pubbenivutthakkhandhaparamparaṃ. Yovetīti yo aveti avagacchati. Yovedītipi pāṭho. Yo avedi, viditaṃ pākaṭaṃ katvā ṭhitoti attho. Saggāpāyañca passatīti cha kāmāvacare nava brahmaloke cattāro ca apāye passati. Jātikkhayaṃ pattoti arahattaṃ patto. Abhiññāvositoti jānitvā kiccavosānena vosito. Munīti moneyyena samannāgato khīṇāsavamuni. Etāhīti heṭṭhā niddiṭṭhāhi pubbenivāsañāṇādīhi. Nāññaṃ lapitalāpananti yo panañño tevijjoti aññehi lapitavacanamattameva lapati, tamahaṃ tevijjoti na vadāmi, attapaccakkhato ñatvā parassapi tisso vijjā kathentamevāhaṃ tevijjoti vadāmīti attho. Kalanti koṭṭhāsaṃ. Nāgghatīti na pāpuṇāti. Idāni brāhmaṇo bhagavato kathāya pasanno pasannākāraṃ karonto abhikkantantiādimāha.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๘. ติกณฺณสุตฺตํ • 8. Tikaṇṇasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๘. ติกณฺณสุตฺตวณฺณนา • 8. Tikaṇṇasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact