Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    ๘. ติกณฺณสุตฺตวณฺณนา

    8. Tikaṇṇasuttavaṇṇanā

    ๕๙. อฎฺฐเม ทุราสทาติ ทุรุปสงฺกมนาฯ ครหา มุจฺจิสฺสตีติ มยิ เอวํ กเถเนฺต สมโณ โคตโม กิญฺจิ กเถสฺสติ, เอวํ เม วจนมตฺตมฺปิ น ลทฺธนฺติ อยํ ครหา มุจฺจิสฺสตีติฯ ปณฺฑิตาติ ปณฺฑิเจฺจน สมนฺนาคตาฯ ธีราติ ธิติสมฺปนฺนาฯ พฺยตฺตาติ ปรวาทมทฺทนสมเตฺถน เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคตาฯ พหุสฺสุตาติ พาหุสจฺจวโนฺตฯ วาทิโนติ วาทิมคฺคกุสลาฯ สมฺมตาติ พหุโน ชนสฺส สาธุสมฺมตาฯ ปณฺฑิตาทิอาการปริเจฺฉทนฺติ เตสํ เตวิชฺชานํ ปณฺฑิตาการาทิอาการปริเจฺฉทํฯ อาการสโทฺท การณปริยาโย, ปริเจฺฉทสโทฺท ปริมาณโตฺถติ อาห ‘‘เอตฺตเกน การเณนา’’ติฯ

    59. Aṭṭhame durāsadāti durupasaṅkamanā. Garahā muccissatīti mayi evaṃ kathente samaṇo gotamo kiñci kathessati, evaṃ me vacanamattampi na laddhanti ayaṃ garahā muccissatīti. Paṇḍitāti paṇḍiccena samannāgatā. Dhīrāti dhitisampannā. Byattāti paravādamaddanasamatthena veyyattiyena samannāgatā. Bahussutāti bāhusaccavanto. Vādinoti vādimaggakusalā. Sammatāti bahuno janassa sādhusammatā. Paṇḍitādiākāraparicchedanti tesaṃ tevijjānaṃ paṇḍitākārādiākāraparicchedaṃ. Ākārasaddo kāraṇapariyāyo, paricchedasaddo parimāṇatthoti āha ‘‘ettakena kāraṇenā’’ti.

    ยถาติ เยนากาเรน, เยน การเณนาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ยถาติ การณวจน’’นฺติฯ ‘‘ทฺวีหิปิ ปเกฺขหี’’ติ วตฺวา เต ปเกฺข สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘มาติโต จ ปิติโต จา’’ติ อาหฯ เตสํ ปกฺขานํ วเสนสฺส สุชาตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺส มาตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ชนกชนิกาภาเวน วินาปิ โลเก มาตาปิตุสมญฺญา ทิสฺสติ, อิธ ปน สา โอรสปุตฺตวเสเนว อิจฺฉิตาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ วุตฺตํฯ คพฺภํ คณฺหาติ ธาเรตีติ คหณี, คพฺภาสยสญฺญิโต มาตุกุจฺฉิปฺปเทโสฯ ยถาภุตฺตสฺส อาหารสฺส วิปาจนวเสน คณฺหนโต อฉฑฺฑนโต คหณี, กมฺมชเตโชธาตุฯ

    Yathāti yenākārena, yena kāraṇenāti attho. Tenāha ‘‘yathāti kāraṇavacana’’nti. ‘‘Dvīhipi pakkhehī’’ti vatvā te pakkhe sarūpato dassento ‘‘mātito ca pitito cā’’ti āha. Tesaṃ pakkhānaṃ vasenassa sujātataṃ dassetuṃ ‘‘yassa mātā’’tiādi vuttaṃ. Janakajanikābhāvena vināpi loke mātāpitusamaññā dissati, idha pana sā orasaputtavaseneva icchitāti dassetuṃ ‘‘saṃsuddhagahaṇiko’’ti vuttaṃ. Gabbhaṃ gaṇhāti dhāretīti gahaṇī, gabbhāsayasaññito mātukucchippadeso. Yathābhuttassa āhārassa vipācanavasena gaṇhanato achaḍḍanato gahaṇī, kammajatejodhātu.

    ปิตา จ มาตา จ ปิตโร, ปิตูนํ ปิตโร ปิตามหา, เตสํ ยุโค ปิตามหยุโค, ตสฺมา ‘‘ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา ปิตามหทฺวนฺทา’’ติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อฎฺฐกถายํ ปน ทฺวนฺทํ อคฺคเหตฺวา ‘‘ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ วุจฺจตี’’ติ วุตฺตํฯ ยุค-สทฺทสฺส จ อตฺถกถา ทสฺสิตา ‘‘ปิตามโหเยว ปิตามหยุค’’นฺติฯ ปุพฺพปุริสาติ ปุริสคฺคหณเญฺจตฺถ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทสวเสน กตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอวญฺหิ ‘‘มาติโต’’ติ ปาฬิวจนํ สมตฺถิตํ โหติฯ อกฺขิโตฺตติ อเกฺขโปฯ อนวกฺขิโตฺตติ สทฺธถาลิปากาทีสุ อนวกฺขิโตฺต น ฉฑฺฑิโตฯ ชาติวาเทนาติ เหตุมฺหิ กรณวจนนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘เกน การเณนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ ‘‘อุภโต…เป.… ปิตามหยุคา’’ติ เอเตน พฺราหฺมณสฺส โยนิโทสาภาโว ทสฺสิโต สํสุทฺธคหณิกตากิตฺตนโตฯ ‘‘อกฺขิโตฺต’’ติ อิมินา กิริยาปราธาภาโวฯ สํสุทฺธชาติกาปิ หิ สตฺตา กิริยาปราเธน เขปํ ปาปุณนฺติฯ ‘‘อนุปกฺกุโฎฺฐ’’ติ อิมินา อยุตฺตสํสคฺคาภาโวฯ อยุตฺตสํสคฺคญฺหิ ปฎิจฺจ สตฺตา สุทฺธชาติกา กิริยาปราธรหิตาปิ อโกฺกสํ ลภนฺติฯ

    Pitā ca mātā ca pitaro, pitūnaṃ pitaro pitāmahā, tesaṃ yugo pitāmahayugo, tasmā ‘‘yāva sattamā pitāmahayugā pitāmahadvandā’’ti evamettha attho daṭṭhabbo. Aṭṭhakathāyaṃ pana dvandaṃ aggahetvā ‘‘yuganti āyuppamāṇaṃ vuccatī’’ti vuttaṃ. Yuga-saddassa ca atthakathā dassitā ‘‘pitāmahoyevapitāmahayuga’’nti. Pubbapurisāti purisaggahaṇañcettha ukkaṭṭhaniddesavasena katanti daṭṭhabbaṃ. Evañhi ‘‘mātito’’ti pāḷivacanaṃ samatthitaṃ hoti. Akkhittoti akkhepo. Anavakkhittoti saddhathālipākādīsu anavakkhitto na chaḍḍito. Jātivādenāti hetumhi karaṇavacananti dassetuṃ ‘‘kena kāraṇenā’’tiādi vuttaṃ. Ettha ca ‘‘ubhato…pe… pitāmahayugā’’ti etena brāhmaṇassa yonidosābhāvo dassito saṃsuddhagahaṇikatākittanato. ‘‘Akkhitto’’ti iminā kiriyāparādhābhāvo. Saṃsuddhajātikāpi hi sattā kiriyāparādhena khepaṃ pāpuṇanti. ‘‘Anupakkuṭṭho’’ti iminā ayuttasaṃsaggābhāvo. Ayuttasaṃsaggañhi paṭicca sattā suddhajātikā kiriyāparādharahitāpi akkosaṃ labhanti.

    นฺติ ครหาวจนํฯ มเนฺต ปริวเตฺตตีติ เวเท สชฺฌายติ, ปริยาปุณาตีติ อโตฺถฯ มเนฺต ธาเรตีติ ยถาอธีเต มเนฺต อสมฺมุเฎฺฐ กตฺวา หทเย ฐเปติฯ

    Tanti garahāvacanaṃ. Mante parivattetīti vede sajjhāyati, pariyāpuṇātīti attho. Mante dhāretīti yathāadhīte mante asammuṭṭhe katvā hadaye ṭhapeti.

    โอฎฺฐปหตกรณวเสนาติ อตฺถาวธารณวเสนฯ สนิฆณฺฑุเกฎุภานนฺติ เอตฺถ วจนียวาจกภาเวน อตฺถํ สทฺทญฺจ ขณฺฑติ ภินฺทติ วิภชฺช ทเสฺสตีติ นิขณฺฑุ, โส เอว อิธ ข-การสฺส ฆ-การํ กตฺวา ‘‘นิฆณฺฑู’’ติ วุโตฺตฯ กิฎติ คเมติ กิริยาทิวิภาคํ, ตํ วา อนวเสสปริยาทานโต คเมโนฺต ปูเรตีติ เกฎุภํฯ เววจนปฺปกาสกนฺติ ปริยายสทฺททีปกํ, เอเกกสฺส อตฺถสฺส อเนกปริยายวจนวิภาวกนฺติ อโตฺถฯ นิทสฺสนมตฺตเญฺจตํ อเนเกสมฺปิ อตฺถานํ เอกสทฺทวจนียตาวิภาวนวเสนปิ ตสฺส คนฺถสฺส ปวตฺตตฺตาฯ วจีเภทาทิลกฺขณา กิริยา กปฺปียติ วิกปฺปียติ เอเตนาติ กิริยากโปฺป, โส ปน วณฺณปทสมฺพนฺธปทตฺถาทิวิภาคโต พหุกโปฺปติ อาห ‘‘กิริยากปฺปวิกโปฺป’’ติฯ อิทญฺจ มูลกิริยากปฺปคนฺถํ สนฺธาย วุตฺตํฯ โส หิ มหาวิสโย สตสหสฺสปริมาโณ นมาจริยาทิปฺปกรณํฯ ฐานกรณาทิวิภาคโต นิพฺพจนวิภาคโต จ อกฺขรา ปเภทียนฺติ เอเตหีติ อกฺขรปฺปเภทา, สิกฺขานิรุตฺติโยฯ เอเตสนฺติ จตุนฺนํ เวทานํฯ

    Oṭṭhapahatakaraṇavasenāti atthāvadhāraṇavasena. Sanighaṇḍukeṭubhānanti ettha vacanīyavācakabhāvena atthaṃ saddañca khaṇḍati bhindati vibhajja dassetīti nikhaṇḍu, so eva idha kha-kārassa gha-kāraṃ katvā ‘‘nighaṇḍū’’ti vutto. Kiṭati gameti kiriyādivibhāgaṃ, taṃ vā anavasesapariyādānato gamento pūretīti keṭubhaṃ. Vevacanappakāsakanti pariyāyasaddadīpakaṃ, ekekassa atthassa anekapariyāyavacanavibhāvakanti attho. Nidassanamattañcetaṃ anekesampi atthānaṃ ekasaddavacanīyatāvibhāvanavasenapi tassa ganthassa pavattattā. Vacībhedādilakkhaṇā kiriyā kappīyati vikappīyati etenāti kiriyākappo, so pana vaṇṇapadasambandhapadatthādivibhāgato bahukappoti āha ‘‘kiriyākappavikappo’’ti. Idañca mūlakiriyākappaganthaṃ sandhāya vuttaṃ. So hi mahāvisayo satasahassaparimāṇo namācariyādippakaraṇaṃ. Ṭhānakaraṇādivibhāgato nibbacanavibhāgato ca akkharā pabhedīyanti etehīti akkharappabhedā, sikkhāniruttiyo. Etesanti catunnaṃ vedānaṃ.

    ปทนฺติ จตุพฺพิธํ, ปญฺจวิธํ วา ปทํ, ตํ ปทํ กายตีติ ปทโก, เตเยว วา เวเท ปทโส กายตีติ ปทโกฯ ตทวเสสนฺติ วุตฺตาวเสสํ วากฺยํฯ เอตฺตาวตา สทฺทพฺยากรณํ วตฺวา ปุน ‘‘พฺยากรณ’’นฺติ อตฺถพฺยากรณมาหฯ ตํ ตํ สทฺทํ ตทตฺถญฺจ พฺยากโรติ พฺยาจิกฺขติ เอเตนาติ พฺยากรณํ, สทฺทสตฺถํฯ อายติํ หิตํ เตน โลโก น ยตติ น อีหตีติ โลกายตํฯ ตญฺหิ คนฺถํ นิสฺสาย สตฺตา ปุญฺญกิริยาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทนฺติฯ

    Padanti catubbidhaṃ, pañcavidhaṃ vā padaṃ, taṃ padaṃ kāyatīti padako, teyeva vā vede padaso kāyatīti padako. Tadavasesanti vuttāvasesaṃ vākyaṃ. Ettāvatā saddabyākaraṇaṃ vatvā puna ‘‘byākaraṇa’’nti atthabyākaraṇamāha. Taṃ taṃ saddaṃ tadatthañca byākaroti byācikkhati etenāti byākaraṇaṃ, saddasatthaṃ. Āyatiṃ hitaṃ tena loko na yatati na īhatīti lokāyataṃ. Tañhi ganthaṃ nissāya sattā puññakiriyāya cittampi na uppādenti.

    อสีติ มหาสาวกาติ อญฺญาสิโกณฺฑโญฺญ, วโปฺป, ภทฺทิโย, มหานาโม, อสฺสชิ, นาฬโก, ยโส, วิมโล, สุพาหุ, ปุณฺณชิ, ควมฺปติ, อุรุเวลกสฺสโป, นทีกสฺสโป, คยากสฺสโป, สาริปุโตฺต, มหาโมคฺคลฺลาโน, มหากสฺสโป, มหากจฺจาโน, มหาโกฎฺฐิโก, มหากปฺปิโน, มหาจุโนฺท, อนุรุโทฺธ, กงฺขาเรวโต, อานโนฺท, นนฺทโก, ภคุ, นนฺทิโย, กิมิโล, ภทฺทิโย, ราหุโล, สีวลิ, อุปาลิ, ทโพฺพ, อุปเสโน, ขทิรวนิยเรวโต, ปุโณฺณ มนฺตานิปุโตฺต, ปุโณฺณ สุนาปรนฺตโก, โสโณ กุฎิกโณฺณ, โสโณ โกฬิวิโส, ราโธ, สุภูติ, องฺคุลิมาโล, วกฺกลิ, กาฬุทายี, มหาอุทายี, ปิลินฺทวโจฺฉ, โสภิโต, กุมารกสฺสโป, รฎฺฐปาโล, วงฺคีโส, สภิโย, เสโล, อุปวาโณ, เมฆิโย, สาคโต, นาคิโต, ลกุณฺฑกภทฺทิโย, ปิโณฺฑโล ภารทฺวาโช, มหาปนฺถโก, จูฬปนฺถโก, พากุโล, กุณฺฑธาโน, ทารุจีริโย, ยโสโช, อชิโต , ติสฺสเมเตฺตโยฺย, ปุณฺณโก, เมตฺตคุ, โธตโก, อุปสีโว, นโนฺท, เหมโก, โตเทโยฺย, กโปฺป, ชตุกณฺณี, ภทฺราวุโธ, อุทโย, โปสโล, โมฆราชา, ปิงฺคิโยติ เอเต อสีติ มหาสาวกา นามฯ

    Asīti mahāsāvakāti aññāsikoṇḍañño, vappo, bhaddiyo, mahānāmo, assaji, nāḷako, yaso, vimalo, subāhu, puṇṇaji, gavampati, uruvelakassapo, nadīkassapo, gayākassapo, sāriputto, mahāmoggallāno, mahākassapo, mahākaccāno, mahākoṭṭhiko, mahākappino, mahācundo, anuruddho, kaṅkhārevato, ānando, nandako, bhagu, nandiyo, kimilo, bhaddiyo, rāhulo, sīvali, upāli, dabbo, upaseno, khadiravaniyarevato, puṇṇo mantāniputto, puṇṇo sunāparantako, soṇo kuṭikaṇṇo, soṇo koḷiviso, rādho, subhūti, aṅgulimālo, vakkali, kāḷudāyī, mahāudāyī, pilindavaccho, sobhito, kumārakassapo, raṭṭhapālo, vaṅgīso, sabhiyo, selo, upavāṇo, meghiyo, sāgato, nāgito, lakuṇḍakabhaddiyo, piṇḍolo bhāradvājo, mahāpanthako, cūḷapanthako, bākulo, kuṇḍadhāno, dārucīriyo, yasojo, ajito , tissametteyyo, puṇṇako, mettagu, dhotako, upasīvo, nando, hemako, todeyyo, kappo, jatukaṇṇī, bhadrāvudho, udayo, posalo, mogharājā, piṅgiyoti ete asīti mahāsāvakā nāma.

    กสฺมา ปเนเต เอว เถรา ‘‘มหาสาวกา’’ติ วุจฺจนฺตีติ? อภินีหารสฺส มหนฺตภาวโตฯ ตถา หิ เทฺว อคฺคสาวกาปิ มหาสาวเกสุ อโนฺตคธาฯ เต หิ สาวกปารมิญาณสฺส มตฺถกปฺปตฺติยา สาวเกสุ อคฺคธมฺมาธิคเมน อคฺคฎฺฐาเน ฐิตาปิ อภินีหารมหนฺตตาสามเญฺญน ‘‘มหาสาวกา’’ติปิ วุจฺจนฺติ, อิตเร ปน ปกติสาวเกหิ สาติสยํ มหาภินีหาราฯ ตถา หิ เต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กตปณิธานา, ตโต เอว สาติสยํ อภิญฺญาสมาปตฺตีสุ วสิโน ปภินฺนปฺปฎิสมฺภิทา จฯ กามํ สเพฺพปิ อรหโนฺต สีลวิสุทฺธิอาทิเก สมฺปาเทตฺวา จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ สุปฺปติฎฺฐิตจิตฺตา สตฺต โพชฺฌเงฺค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา มคฺคปฺปฎิปาฎิยา อนวเสสโต กิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผเล ปติฎฺฐหนฺติ, ตถาปิ ยถา สทฺธาวิมุตฺตโต ทิฎฺฐิปฺปตฺตสฺส, ปญฺญาวิมุตฺตโต จ อุภโตภาควิมุตฺตสฺส ปุพฺพภาคภาวนาวิเสสสิโทฺธ มคฺคภาวนาวิเสโส, เอวํ อภินีหารมหนฺตตฺตปุพฺพโยคมหนฺตตฺตา หิ สสนฺตาเน สาติสยสฺส คุณวิเสสสฺส นิปฺผาทิตตฺตา สีลาทีหิ คุเณหิ มหนฺตา สาวกาติ มหาสาวกาฯ เตสุเยว ปน เย โพธิปกฺขิยธเมฺมสุ ปาโมกฺขภาเวน ธุรภูตานํ สมฺมาทิฎฺฐิสงฺกปฺปาทีนํ สาติสยํ กิจฺจานุภาวนิปฺผตฺติยา การณภูตาย ตชฺชาภินีหาราภินีหฎาย สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ จิรกาลสมฺภาวิตาย สมฺมาปฎิปตฺติยา ยถากฺกมํ ปญฺญาย สมาธิสฺมิญฺจ อุกฺกฎฺฐปารมิปฺปตฺติยา สวิเสสํ สพฺพคุเณหิ อคฺคภาเว ฐิตา, เต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาฯ อิตเร อฎฺฐสตฺตติ เถรา สาวกปารมิยา มตฺถเก สพฺพสาวกานํ อคฺคภาเวน อฎฺฐิตตฺตา ‘‘มหาสาวกา’’อิเจฺจว วุจฺจนฺติฯ ปกติสาวกา ปน อภินีหารมหนฺตตฺตาภาวโต ปุพฺพโยคมหนฺตตฺตาภาวโต จ ‘‘สตฺถุสาวกา’’อิเจฺจว วุจฺจนฺติฯ เต ปน อคฺคสาวกา วิย มหาสาวกา วิย จ น ปริมิตา, อถ โข อเนกสตา อเนกสหสฺสาฯ

    Kasmā panete eva therā ‘‘mahāsāvakā’’ti vuccantīti? Abhinīhārassa mahantabhāvato. Tathā hi dve aggasāvakāpi mahāsāvakesu antogadhā. Te hi sāvakapāramiñāṇassa matthakappattiyā sāvakesu aggadhammādhigamena aggaṭṭhāne ṭhitāpi abhinīhāramahantatāsāmaññena ‘‘mahāsāvakā’’tipi vuccanti, itare pana pakatisāvakehi sātisayaṃ mahābhinīhārā. Tathā hi te padumuttarassa bhagavato kāle katapaṇidhānā, tato eva sātisayaṃ abhiññāsamāpattīsu vasino pabhinnappaṭisambhidā ca. Kāmaṃ sabbepi arahanto sīlavisuddhiādike sampādetvā catūsu satipaṭṭhānesu suppatiṭṭhitacittā satta bojjhaṅge yathābhūtaṃ bhāvetvā maggappaṭipāṭiyā anavasesato kilese khepetvā aggaphale patiṭṭhahanti, tathāpi yathā saddhāvimuttato diṭṭhippattassa, paññāvimuttato ca ubhatobhāgavimuttassa pubbabhāgabhāvanāvisesasiddho maggabhāvanāviseso, evaṃ abhinīhāramahantattapubbayogamahantattā hi sasantāne sātisayassa guṇavisesassa nipphāditattā sīlādīhi guṇehi mahantā sāvakāti mahāsāvakā. Tesuyeva pana ye bodhipakkhiyadhammesu pāmokkhabhāvena dhurabhūtānaṃ sammādiṭṭhisaṅkappādīnaṃ sātisayaṃ kiccānubhāvanipphattiyā kāraṇabhūtāya tajjābhinīhārābhinīhaṭāya sakkaccaṃ nirantaraṃ cirakālasambhāvitāya sammāpaṭipattiyā yathākkamaṃ paññāya samādhismiñca ukkaṭṭhapāramippattiyā savisesaṃ sabbaguṇehi aggabhāve ṭhitā, te sāriputtamoggallānā. Itare aṭṭhasattati therā sāvakapāramiyā matthake sabbasāvakānaṃ aggabhāvena aṭṭhitattā ‘‘mahāsāvakā’’icceva vuccanti. Pakatisāvakā pana abhinīhāramahantattābhāvato pubbayogamahantattābhāvato ca ‘‘satthusāvakā’’icceva vuccanti. Te pana aggasāvakā viya mahāsāvakā viya ca na parimitā, atha kho anekasatā anekasahassā.

    วยตีติ วโย, อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ กตฺถจิ อปริกิลมโนฺต อวิตฺถายโนฺต เต คเนฺถ สนฺตาเนติ ปเณตีติ อโตฺถฯ เทฺว ปฎิเสธา ปกติํ คเมนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘อวโย น โหตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ อวยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อวโย นาม…เป.… น สโกฺกตี’’ติ วุตฺตํฯ

    Vayatīti vayo, ādimajjhapariyosānesu katthaci aparikilamanto avitthāyanto te ganthe santāneti paṇetīti attho. Dve paṭisedhā pakatiṃ gamentīti dassetuṃ ‘‘avayo na hotī’’ti vatvā tattha avayaṃ dassetuṃ ‘‘avayo nāma…pe… na sakkotī’’ti vuttaṃ.

    อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺตฯ เอตนฺติ ‘‘วิวิเจฺจว กาเมหี’’ติอาทิวจนํฯ ตติยวิชฺชาธิคมาย ปฎิปตฺติกฺกโม วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๗๐) สาติสยํ วิตฺถาริโต, ตถา อิธ อวตฺตุกามตาย ภยเภรวสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔ อาทโย) วิย สเงฺขปโต จ วตฺตุกามตาย ‘‘ทฺวินฺนํ วิชฺชาน’’มิเจฺจว วุตฺตํฯ

    Idhāti imasmiṃ sutte. Etanti ‘‘vivicceva kāmehī’’tiādivacanaṃ. Tatiyavijjādhigamāya paṭipattikkamo visuddhimagge (visuddhi. 1.70) sātisayaṃ vitthārito, tathā idha avattukāmatāya bhayabheravasuttādīsu (ma. ni. 1.34 ādayo) viya saṅkhepato ca vattukāmatāya ‘‘dvinnaṃ vijjāna’’micceva vuttaṃ.

    วิชฺชาติ ปุเพฺพนิวาสปฺปฎิจฺฉาทกสฺส โมหกฺขนฺธสฺส วิชฺชนเฎฺฐนปิ วิชฺชาฯ โมโห ปฎิจฺฉาทกเฎฺฐน ตโมติ วุจฺจติ ตโม วิยาติ กตฺวาฯ กาตพฺพโต กรณํ, โอภาโสว กรณํ โอภาสกรณํ, อตฺตโน ปจฺจเยหิ โอภาสภาเวน นิพฺพเตฺตตพฺพเฎฺฐนาติ อโตฺถฯ อยํ อโตฺถติ อยเมว อธิเปฺปตโตฺถฯ ปสํสาวจนนฺติ ตเสฺสว อตฺถสฺส โถมนาวจนํ ปฎิปกฺขวิธมนปวตฺติวิเสสานํ โพธนโตฯ โยชนาติ ปสํสาวเสน วุตฺตปทานํ อตฺถทสฺสนวเสน วุตฺตปทสฺส จ โยชนาฯ อวิชฺชา วิหตาติ เอเตน วิชฺชนเฎฺฐน วิชฺชาติ อยมฺปิ อโตฺถ ทีปิโตติ ทฎฺฐพฺพํฯ ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาติ เอเตน วิชฺชาปฎิปกฺขา อวิชฺชา, ปฎิปกฺขตา จสฺสา ปหาตพฺพภาเวน วิชฺชาย จ ปหายกภาเวนาติ ทเสฺสติฯ อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเยติ ‘‘ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปโนฺน’’ติ ปททฺวเยปิฯ เอเสว นโยติ ยถาวุตฺตโยชนํ อติทิสติฯ ตตฺถายํ โยชนา – เอวํ อธิคตวิชฺชสฺส ตโม วิหโต วิทฺธโสฺตฯ กสฺมา? ยสฺมา อาโลโก อุปฺปโนฺน ญาณาโลโก ปาตุภูโตติฯ เปสิตตฺตสฺสาติ ยถาธิเปฺปตตฺถสิทฺธิปฺปตฺติํ วิสฺสฎฺฐจิตฺตสฺส, ปฐมวิชฺชาธิคมาย เปสิตจิตฺตสฺสาติ วุตฺตํ โหติฯ

    Vijjāti pubbenivāsappaṭicchādakassa mohakkhandhassa vijjanaṭṭhenapi vijjā. Moho paṭicchādakaṭṭhena tamoti vuccati tamo viyāti katvā. Kātabbato karaṇaṃ, obhāsova karaṇaṃ obhāsakaraṇaṃ, attano paccayehi obhāsabhāvena nibbattetabbaṭṭhenāti attho. Ayaṃ atthoti ayameva adhippetattho. Pasaṃsāvacananti tasseva atthassa thomanāvacanaṃ paṭipakkhavidhamanapavattivisesānaṃ bodhanato. Yojanāti pasaṃsāvasena vuttapadānaṃ atthadassanavasena vuttapadassa ca yojanā. Avijjā vihatāti etena vijjanaṭṭhena vijjāti ayampi attho dīpitoti daṭṭhabbaṃ. Yasmā vijjā uppannāti etena vijjāpaṭipakkhā avijjā, paṭipakkhatā cassā pahātabbabhāvena vijjāya ca pahāyakabhāvenāti dasseti. Itarasmimpi padadvayeti ‘‘tamo vihato, āloko uppanno’’ti padadvayepi. Eseva nayoti yathāvuttayojanaṃ atidisati. Tatthāyaṃ yojanā – evaṃ adhigatavijjassa tamo vihato viddhasto. Kasmā? Yasmā āloko uppanno ñāṇāloko pātubhūtoti. Pesitattassāti yathādhippetatthasiddhippattiṃ vissaṭṭhacittassa, paṭhamavijjādhigamāya pesitacittassāti vuttaṃ hoti.

    วิปสฺสนาปาทกนฺติ อิมินา ตสฺส ฌานจิตฺตสฺส นิเพฺพธภาคิยตมาหฯ วิปสฺสนา ติวิธา วิปสฺสกปุคฺคลเภเทนฯ มหาโพธิสตฺตานญฺหิ ปเจฺจกโพธิสตฺตานญฺจ วิปสฺสนา จินฺตามยญาณสํวฑฺฒิตตฺตา สยมฺภุญาณภูตา, อิตเรสํ สุตมยญาณสํวฑฺฒิตตฺตา ปโรปเทสสมฺภูตาฯ สา ‘‘ฐเปตฺวา เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ อวเสสรูปารูปชฺฌานานํ อญฺญตรโต วุฎฺฐายา’’ติอาทินา อเนกธา อรูปมุขวเสน จตุธาตุววตฺถาเน วุตฺตานํ เตสํ เตสํ ธาตุปริคฺคหมุขานํ อญฺญตรมุขวเสน จ อเนกธาว วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๑.๓๐๖) นานานยโต วิภาวิตาฯ มหาโพธิสตฺตานํ ปน จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสมุเขน ปเภทคมนโต นานานยํ สพฺพญฺญุตญฺญาณสนฺนิสฺสยสฺส อริยมคฺคญาณสฺส อธิฎฺฐานภูตํ ปุพฺพภาคญาณคพฺภํ คณฺหาเปนฺตํ ปริปากํ คจฺฉนฺตํ ปรมคมฺภีรํ สณฺหสุขุมตรํ อนญฺญสาธารณํ วิปสฺสนาญาณํ โหติ, ยํ อฎฺฐกถาสุ ‘‘มหาวชิรญาณ’’นฺติ วุจฺจติฯ ยสฺส จ ปวตฺติวิภาเคน จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสปฺปเภทสฺส ปาทกภาเวน สมาปชฺชิยมานา จตุวีสติโกฎิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ สตฺถุ วฬญฺชนกสมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ, สฺวายํ พุทฺธานํ วิปสฺสนาจาโร ปรมตฺถมญฺชูสายํ วิสุทฺธิมคฺคสํวณฺณนายํ (วิสุทฺธิ. มหาฎี. ๑.๑๔๔) ทสฺสิโต, อตฺถิเกหิ ตโต คเหตโพฺพติฯ อิธ ปน สาวกานํ วิปสฺสนาจารํ สนฺธาย ‘‘วิปสฺสนาปาทก’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Vipassanāpādakanti iminā tassa jhānacittassa nibbedhabhāgiyatamāha. Vipassanā tividhā vipassakapuggalabhedena. Mahābodhisattānañhi paccekabodhisattānañca vipassanā cintāmayañāṇasaṃvaḍḍhitattā sayambhuñāṇabhūtā, itaresaṃ sutamayañāṇasaṃvaḍḍhitattā paropadesasambhūtā. Sā ‘‘ṭhapetvā nevasaññānāsaññāyatanaṃ avasesarūpārūpajjhānānaṃ aññatarato vuṭṭhāyā’’tiādinā anekadhā arūpamukhavasena catudhātuvavatthāne vuttānaṃ tesaṃ tesaṃ dhātupariggahamukhānaṃ aññataramukhavasena ca anekadhāva visuddhimagge (visuddhi. 1.306) nānānayato vibhāvitā. Mahābodhisattānaṃ pana catuvīsatikoṭisatasahassamukhena pabhedagamanato nānānayaṃ sabbaññutaññāṇasannissayassa ariyamaggañāṇassa adhiṭṭhānabhūtaṃ pubbabhāgañāṇagabbhaṃ gaṇhāpentaṃ paripākaṃ gacchantaṃ paramagambhīraṃ saṇhasukhumataraṃ anaññasādhāraṇaṃ vipassanāñāṇaṃ hoti, yaṃ aṭṭhakathāsu ‘‘mahāvajirañāṇa’’nti vuccati. Yassa ca pavattivibhāgena catuvīsatikoṭisatasahassappabhedassa pādakabhāvena samāpajjiyamānā catuvīsatikoṭisatasahassasaṅkhā devasikaṃ satthu vaḷañjanakasamāpattiyo vuccanti, svāyaṃ buddhānaṃ vipassanācāro paramatthamañjūsāyaṃ visuddhimaggasaṃvaṇṇanāyaṃ (visuddhi. mahāṭī. 1.144) dassito, atthikehi tato gahetabboti. Idha pana sāvakānaṃ vipassanācāraṃ sandhāya ‘‘vipassanāpādaka’’nti vuttaṃ.

    กามํ เหฎฺฐิมมคฺคญาณานิปิ อาสวานํ เขปนญาณานิ เอว, อนวเสสโต ปน เตสํ เขปนํ อคฺคมคฺคญาเณเนวาติ อาห ‘‘อรหตฺตมคฺคญาณตฺถายา’’ติฯ อาสววินาสนโตติ อาสวานํ นิเสฺสสํ สมุจฺฉินฺทนโตฯ อาสวานํ ขเย ญาณํ อาสวกฺขยญาณนฺติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺร เจตํ ญาณ’’นฺติ วตฺวา ‘‘ขเย’’ติ อาธาเร ภุมฺมํ, น วิสเยติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ตตฺถ ปริยาปนฺนตฺตา’’ติ อาหฯ อภินีหรตีติ อภิมุขํ นีหรติ, ยถา มคฺคาภิสมโย โหติ, สวนํ ตทภิมุขํ ปวเตฺตติฯ อิทํ ทุกฺขนฺติ ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ตทา ภิกฺขุนา ปจฺจกฺขโต คหิตภาวทสฺสนํฯ เอตฺตกํ ทุกฺขนฺติ ตสฺส ปริจฺฉิชฺช คหิตภาวทสฺสนํฯ น อิโต ภิโยฺยติ ตสฺส อนวเสสโต คหิตภาวทสฺสนํฯ เตนาห ‘‘สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจ’’นฺติอาทิฯ สรสลกฺขณปฎิเวเธนาติ สภาวสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส อสโมฺมหโต ปฎิวิชฺฌเนนฯ อสโมฺมหปฎิเวโธติ จ ยถา ตสฺมิํ ญาเณ ปวเตฺต ปจฺฉา ทุกฺขสจฺจสฺส สรูปาทิปริเจฺฉเท สโมฺมโห น โหติ, ตถา ปวตฺติฯ เตเนวาห ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติฯ ทุกฺขํ สมุเทติ เอตสฺมาติ ทุกฺขสมุทโยฯ ยํ ฐานํ ปตฺวาติ ยํ นิพฺพานํ มคฺคสฺส อารมฺมณปจฺจยเฎฺฐน การณภูตํ อาคมฺมฯ ปตฺวาติ จ ตทุภยวโต ปุคฺคลสฺส ปวตฺติยาติ กตฺวา วุตฺตํฯ ปตฺวาติ วา ปาปุณนเหตุฯ อปฺปวตฺตินฺติ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํฯ เต วา น ปวตฺตนฺติ เอตฺถาติ อปฺปวตฺติ, นิพฺพานํฯ ตสฺสาติ ทุกฺขนิโรธสฺสฯ สมฺปาปกนฺติ สจฺฉิกิริยาวเสน สมฺมเทว ปาปกํฯ

    Kāmaṃ heṭṭhimamaggañāṇānipi āsavānaṃ khepanañāṇāni eva, anavasesato pana tesaṃ khepanaṃ aggamaggañāṇenevāti āha ‘‘arahattamaggañāṇatthāyā’’ti. Āsavavināsanatoti āsavānaṃ nissesaṃ samucchindanato. Āsavānaṃ khaye ñāṇaṃ āsavakkhayañāṇanti dassento ‘‘tatra cetaṃ ñāṇa’’nti vatvā ‘‘khaye’’ti ādhāre bhummaṃ, na visayeti dassento ‘‘tattha pariyāpannattā’’ti āha. Abhinīharatīti abhimukhaṃ nīharati, yathā maggābhisamayo hoti, savanaṃ tadabhimukhaṃ pavatteti. Idaṃ dukkhanti dukkhassa ariyasaccassa tadā bhikkhunā paccakkhato gahitabhāvadassanaṃ. Ettakaṃ dukkhanti tassa paricchijja gahitabhāvadassanaṃ. Na ito bhiyyoti tassa anavasesato gahitabhāvadassanaṃ. Tenāha ‘‘sabbampi dukkhasacca’’ntiādi. Sarasalakkhaṇapaṭivedhenāti sabhāvasaṅkhātassa lakkhaṇassa asammohato paṭivijjhanena. Asammohapaṭivedhoti ca yathā tasmiṃ ñāṇe pavatte pacchā dukkhasaccassa sarūpādiparicchede sammoho na hoti, tathā pavatti. Tenevāha ‘‘yathābhūtaṃ pajānātī’’ti. Dukkhaṃ samudeti etasmāti dukkhasamudayo. Yaṃ ṭhānaṃ patvāti yaṃ nibbānaṃ maggassa ārammaṇapaccayaṭṭhena kāraṇabhūtaṃ āgamma. Patvāti ca tadubhayavato puggalassa pavattiyāti katvā vuttaṃ. Patvāti vā pāpuṇanahetu. Appavattinti appavattinimittaṃ. Te vā na pavattanti etthāti appavatti, nibbānaṃ. Tassāti dukkhanirodhassa. Sampāpakanti sacchikiriyāvasena sammadeva pāpakaṃ.

    กิเลสวเสนาติ อาสวสงฺขาตกิเลสวเสนฯ ยสฺมา อาสวานํ ทุกฺขสจฺจปริยาโย ตปฺปริยาปนฺนตฺตา เสสสจฺจานญฺจ ตํสมุทยาทิปริยาโย อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ปริยายโต’’ติฯ ทเสฺสโนฺต สจฺจานีติ โยชนาฯ อาสวานเญฺจตฺถ คหณํ ‘‘อาสวานํ ขยญาณายา’’ติ อารทฺธตฺตาฯ ตถา หิ ‘‘กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติอาทินา อาสววิมุตฺติสีเสเนว สพฺพกิเลสวิมุตฺติ วุตฺตาฯ ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทินา มิสฺสกมโคฺค อิธ กถิโตติ ‘‘สห วิปสฺสนาย โกฎิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถสี’’ติ วุตฺตํฯ ชานโต ปสฺสโตติ อิมินา ปริญฺญาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยา วุตฺตาฯ วิมุจฺจตีติ อิมินา ปหานาภิสมโย วุโตฺตติ อาห ‘‘อิมินา มคฺคกฺขณํ ทเสฺสตี’’ติฯ ชานโต ปสฺสโตติ วา เหตุนิเทฺทโสฯ ยํ ชานนเหตุ กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ โยชนาฯ ธมฺมานญฺหิ สมานกาลิกานมฺปิ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนตา สหชาตโกฎิยา ลพฺภติฯ ภวาสวคฺคหเณเนว เอตฺถ ภวราคสฺส วิย ภวทิฎฺฐิยาปิ สมวโรโธติ ทิฎฺฐาสวสฺสปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ

    Kilesavasenāti āsavasaṅkhātakilesavasena. Yasmā āsavānaṃ dukkhasaccapariyāyo tappariyāpannattā sesasaccānañca taṃsamudayādipariyāyo atthi, tasmā vuttaṃ ‘‘pariyāyato’’ti. Dassento saccānīti yojanā. Āsavānañcettha gahaṇaṃ ‘‘āsavānaṃ khayañāṇāyā’’ti āraddhattā. Tathā hi ‘‘kāmāsavāpi cittaṃ vimuccatī’’tiādinā āsavavimuttisīseneva sabbakilesavimutti vuttā. ‘‘Idaṃ dukkhanti yathābhūtaṃ pajānātī’’tiādinā missakamaggo idha kathitoti ‘‘saha vipassanāya koṭippattaṃ maggaṃ kathesī’’ti vuttaṃ. Jānato passatoti iminā pariññāsacchikiriyābhāvanābhisamayā vuttā. Vimuccatīti iminā pahānābhisamayo vuttoti āha ‘‘iminā maggakkhaṇaṃ dassetī’’ti. Jānatopassatoti vā hetuniddeso. Yaṃ jānanahetu kāmāsavāpi cittaṃ vimuccatīti yojanā. Dhammānañhi samānakālikānampi paccayapaccayuppannatā sahajātakoṭiyā labbhati. Bhavāsavaggahaṇeneva ettha bhavarāgassa viya bhavadiṭṭhiyāpi samavarodhoti diṭṭhāsavassapi saṅgaho daṭṭhabbo.

    ขีณา ชาตีติอาทีหิ ปเทหิฯ ตสฺสาติ ปจฺจเวกฺขณญาณสฺสฯ ภูมินฺติ ปวตฺติฎฺฐานํฯ เยนาธิปฺปาเยน ‘‘กตมา ปนสฺสา’’ติอาทินา โจทนา กตา, ตํ วิวรโนฺต ‘‘น ตาวสฺสา’’ติอาทิมาห ฯ ตตฺถ น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา มคฺคภาวนายาติ อธิปฺปาโยฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘ปุเพฺพว ขีณตฺตา’’ติฯ น อนาคตา อสฺส ชาติ ขีณาติ โยชนาฯ น อนาคตาติ จ อนาคตภาวสามญฺญํ คเหตฺวา เลเสน โจเทติฯ เตนาห ‘‘อนาคเต วายามาภาวโต’’ติฯ อนาคตวิเสโส ปเนตฺถ อธิเปฺปโต, ตสฺส เขปเน วายาโม ลพฺภเตวฯ เตนาห ‘‘ยา ปน มคฺคสฺสา’’ติอาทิฯ เอกจตุปญฺจโวการภเวสูติ ภวตฺตยคฺคหณํ วุตฺตนเยน อนวเสสโต ชาติยา ขีณภาวทสฺสนตฺถํฯ นฺติ ยถาวุตฺตํ ชาติํฯ โสติ ขีณาสโว ภิกฺขุฯ

    Khīṇā jātītiādīhi padehi. Tassāti paccavekkhaṇañāṇassa. Bhūminti pavattiṭṭhānaṃ. Yenādhippāyena ‘‘katamā panassā’’tiādinā codanā katā, taṃ vivaranto ‘‘na tāvassā’’tiādimāha . Tattha na tāvassa atītā jāti khīṇā maggabhāvanāyāti adhippāyo. Tattha kāraṇamāha ‘‘pubbeva khīṇattā’’ti. Na anāgatā assa jāti khīṇāti yojanā. Na anāgatāti ca anāgatabhāvasāmaññaṃ gahetvā lesena codeti. Tenāha ‘‘anāgate vāyāmābhāvato’’ti. Anāgataviseso panettha adhippeto, tassa khepane vāyāmo labbhateva. Tenāha ‘‘yā pana maggassā’’tiādi. Ekacatupañcavokārabhavesūti bhavattayaggahaṇaṃ vuttanayena anavasesato jātiyā khīṇabhāvadassanatthaṃ. Tanti yathāvuttaṃ jātiṃ. Soti khīṇāsavo bhikkhu.

    พฺรหฺมจริยวาโส นาม อิธ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส นิพฺพตฺตนเมวาติ อาห ‘‘ปริวุตฺถ’’นฺติฯ สมฺมาทิฎฺฐิยา จตูสุ สเจฺจสุ ปริญฺญาทิกิจฺจสาธนวเสน ปวตฺตมานาย สมฺมาสงฺกปฺปาทีนมฺปิ ทุกฺขสเจฺจ ปริญฺญาภิสมยานุคุณา ปวตฺติ, อิตเรสุ จ สเจฺจสุ เนสํ ปหานาภิสมยาทิวเสน ปวตฺติ ปากฎา เอวฯ เตน วุตฺตํ ‘‘จตูสุ สเจฺจสุ จตูหิ มเคฺคหิ ปริญฺญาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสนา’’ติฯ ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโยติ อาทิ-สเทฺทน สตฺตเสขํ สงฺคณฺหาติฯ

    Brahmacariyavāso nāma idha maggabrahmacariyassa nibbattanamevāti āha ‘‘parivuttha’’nti. Sammādiṭṭhiyā catūsu saccesu pariññādikiccasādhanavasena pavattamānāya sammāsaṅkappādīnampi dukkhasacce pariññābhisamayānuguṇā pavatti, itaresu ca saccesu nesaṃ pahānābhisamayādivasena pavatti pākaṭā eva. Tena vuttaṃ ‘‘catūsu saccesu catūhi maggehi pariññāpahānasacchikiriyābhāvanābhisamayavasenā’’ti. Puthujjanakalyāṇakādayoti ādi-saddena sattasekhaṃ saṅgaṇhāti.

    อิตฺถตฺตายาติ อิเม ปการา อิตฺถํ, ตพฺภาโว อิตฺถตฺตํ, ตทตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เต ปน ปการา อริยมคฺคพฺยาปารภูตา ปริญฺญาทโย อิธาธิเปฺปตาติ อาห ‘‘เอวํโสฬสวิธกิจฺจภาวายา’’ติฯ เต หิ มคฺคํ ปจฺจเวกฺขโต มคฺคานุภาเวน ปากฎา หุตฺวา อุปฎฺฐหนฺติ, ปริญฺญาทีสุ จ ปหานเมว ปธานํ ตทตฺถตฺตา อิตเรสนฺติ อาห ‘‘กิเลสกฺขยาย วา’’ติฯ ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณวเสน วา เอตํ วุตฺตํฯ ทุติยวิกเปฺป อิตฺถตฺตายาติ นิสฺสเกฺก สมฺปทานวจนนฺติ อาห ‘‘อิตฺถภาวโต’’ติ ฯ อปรนฺติ อนาคตํฯ อิเม ปน จริมกตฺตภาวสงฺขาตา ปญฺจกฺขนฺธาฯ ปริญฺญาตา ติฎฺฐนฺตีติ เอเตน เตสํ อปฺปติฎฺฐตํ ทเสฺสติฯ อปริญฺญามูลกา หิ ปติฎฺฐาฯ ยถาห ‘‘กพฬีกาเร เจ, ภิกฺขเว, อาหาเร อตฺถิ ราโค, อตฺถิ นนฺที, อตฺถิ ตณฺหา, ปติฎฺฐิตํ ตตฺถ วิญฺญาณํ วิรุฬฺห’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๖๔; กถา. ๒๙๖; มหานิ. ๗)ฯ เตเนวาห – ‘‘ฉินฺนมูลกา รุกฺขา วิยา’’ติอาทิฯ

    Itthattāyāti ime pakārā itthaṃ, tabbhāvo itthattaṃ, tadatthanti vuttaṃ hoti. Te pana pakārā ariyamaggabyāpārabhūtā pariññādayo idhādhippetāti āha ‘‘evaṃsoḷasavidhakiccabhāvāyā’’ti. Te hi maggaṃ paccavekkhato maggānubhāvena pākaṭā hutvā upaṭṭhahanti, pariññādīsu ca pahānameva padhānaṃ tadatthattā itaresanti āha ‘‘kilesakkhayāya vā’’ti. Pahīnakilesapaccavekkhaṇavasena vā etaṃ vuttaṃ. Dutiyavikappe itthattāyāti nissakke sampadānavacananti āha ‘‘itthabhāvato’’ti . Aparanti anāgataṃ. Ime pana carimakattabhāvasaṅkhātā pañcakkhandhā. Pariññātā tiṭṭhantīti etena tesaṃ appatiṭṭhataṃ dasseti. Apariññāmūlakā hi patiṭṭhā. Yathāha ‘‘kabaḷīkāre ce, bhikkhave, āhāre atthi rāgo, atthi nandī, atthi taṇhā, patiṭṭhitaṃ tattha viññāṇaṃ viruḷha’’ntiādi (saṃ. ni. 2.64; kathā. 296; mahāni. 7). Tenevāha – ‘‘chinnamūlakā rukkhā viyā’’tiādi.

    ยสฺสาติ ปุถุชฺชนสฺสฯ ตสฺส หิ สีลํ กทาจิ วฑฺฒติ, กทาจิ หายติฯ เสกฺขาปิ ปน สีเลสุ ปริปูรการิโนว, อเสเกฺขสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ เตนาห ‘‘ขีณาสวสฺสา’’ติอาทิฯ วสิปฺปตฺตนฺติ วสีภาวปฺปตฺตํฯ สุฎฺฐุ สมาหิตนฺติ อคฺคผลสมาธินา สมฺมเทว สมาหิตํฯ ธิติสมฺปนฺนนฺติ อคฺคผลธิติยา สมนฺนาคตํฯ มจฺจุํ ชหิตฺวา ฐิตนฺติ อายติํ ปุนพฺภวาภาวโต วุตฺตํฯ กถํ ปุนพฺภวาภาโวติ อาห ‘‘สเพฺพ ปาปธเมฺม ปชหิตฺวา ฐิต’’นฺติฯ สพฺพสฺสปิ เญยฺยธมฺมสฺส จตุสจฺจโนฺตคธตฺตา วุตฺตํ ‘‘พุทฺธนฺติ จตุสจฺจพุทฺธ’’นฺติฯ พุทฺธสาวกาติ สาวกพุทฺธา นมสฺสนฺติ, ปเคว อิตรา ปชาฯ อิตรา หิ ปชา สาวเกปิ นมสฺสนฺติฯ อิติ เอตฺตเกน ฐาเนน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วเสน คาถานํ อตฺถํ วตฺวา อิทานิ สาวกสฺสปิ วเสน อตฺถํ โยเชตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ สาวโกปิ โคตโม มุขนิพฺพเตฺตน สมฺปเตฺตน สมฺพเนฺธน, ยโต สเพฺพปิ อริยสาวกา ภควโต โอรสปุตฺตาติ วุจฺจนฺตีติฯ

    Yassāti puthujjanassa. Tassa hi sīlaṃ kadāci vaḍḍhati, kadāci hāyati. Sekkhāpi pana sīlesu paripūrakārinova, asekkhesu vattabbameva natthi. Tenāha ‘‘khīṇāsavassā’’tiādi. Vasippattanti vasībhāvappattaṃ. Suṭṭhu samāhitanti aggaphalasamādhinā sammadeva samāhitaṃ. Dhitisampannanti aggaphaladhitiyā samannāgataṃ. Maccuṃ jahitvā ṭhitanti āyatiṃ punabbhavābhāvato vuttaṃ. Kathaṃ punabbhavābhāvoti āha ‘‘sabbe pāpadhamme pajahitvā ṭhita’’nti. Sabbassapi ñeyyadhammassa catusaccantogadhattā vuttaṃ ‘‘buddhanti catusaccabuddha’’nti. Buddhasāvakāti sāvakabuddhā namassanti, pageva itarā pajā. Itarā hi pajā sāvakepi namassanti. Iti ettakena ṭhānena sammāsambuddhassa vasena gāthānaṃ atthaṃ vatvā idāni sāvakassapi vasena atthaṃ yojetvā dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Sāvakopi gotamo mukhanibbattena sampattena sambandhena, yato sabbepi ariyasāvakā bhagavato orasaputtāti vuccantīti.

    นิวุสฺสตีติ นิวาโส, นิวุโตฺถ ขนฺธสนฺตาโนติ อาห ‘‘นิวุตฺถกฺขนฺธปรมฺปร’’นฺติฯ อเวติ, อเวทีติ ปาฐทฺวเยนปิ ปุเพฺพนิวาสญาณสฺส กิจฺจสิทฺธิํเยว ทเสฺสติฯ เอกตฺตกายเอกตฺตสญฺญิภาวสามญฺญโต เวหปฺผลาปิ เอเตฺถว สงฺคหํ คจฺฉนฺตีติ ‘‘ฉ กามาวจเร, นว พฺรหฺมโลเก’’อิเจฺจว วุตฺตํฯ อิตเร ปน อปจุรภาวโต น วุตฺตาฯ เอกจฺจานํ อวิสยภาวโต จ อวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ ชาติ ขียติ เอเตนาติ ชาติกฺขโย, อรหตฺตนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตํ ปโตฺต’’ติฯ ‘‘อภิญฺญายา’’ติ วตฺตเพฺพ ยการโลเปน ‘‘อภิญฺญา’’ติ นิเทฺทโส กโตติ อาห ‘‘ชานิตฺวา’’ติฯ กิจฺจโวสาเนนาติ จตูหิ มเคฺคหิ กตฺตพฺพสฺส โสฬสวิธสฺส กิจฺจสฺส ปริโยสาเนนฯ โวสิโตติ ปริโยสิโต, นิฎฺฐิโตติ อโตฺถฯ โมเนเยฺยน สมนฺนาคโตติ กายโมเนยฺยาทีหิ สมนฺนาคโตฯ ลปิตํ ลปตีติ ลปิตลาปโนฯ อตฺตปจฺจกฺขโต ญตฺวาติ อิมินา เตสํ วิชฺชานํ ปฎิลทฺธภาวํ ทีเปติฯ

    Nivussatīti nivāso, nivuttho khandhasantānoti āha ‘‘nivutthakkhandhaparampara’’nti. Aveti, avedīti pāṭhadvayenapi pubbenivāsañāṇassa kiccasiddhiṃyeva dasseti. Ekattakāyaekattasaññibhāvasāmaññato vehapphalāpi ettheva saṅgahaṃ gacchantīti ‘‘cha kāmāvacare, nava brahmaloke’’icceva vuttaṃ. Itare pana apacurabhāvato na vuttā. Ekaccānaṃ avisayabhāvato ca avacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Jāti khīyati etenāti jātikkhayo, arahattanti āha ‘‘arahattaṃ patto’’ti. ‘‘Abhiññāyā’’ti vattabbe yakāralopena ‘‘abhiññā’’ti niddeso katoti āha ‘‘jānitvā’’ti. Kiccavosānenāti catūhi maggehi kattabbassa soḷasavidhassa kiccassa pariyosānena. Vositoti pariyosito, niṭṭhitoti attho. Moneyyena samannāgatoti kāyamoneyyādīhi samannāgato. Lapitaṃ lapatīti lapitalāpano. Attapaccakkhato ñatvāti iminā tesaṃ vijjānaṃ paṭiladdhabhāvaṃ dīpeti.

    ติกณฺณสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tikaṇṇasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๘. ติกณฺณสุตฺตํ • 8. Tikaṇṇasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๘. ติกณฺณสุตฺตวณฺณนา • 8. Tikaṇṇasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact