Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๑๑. ติํสมตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา

    11. Tiṃsamattātherīgāthāvaṇṇanā

    มุสลานิ คเหตฺวานาติอาทิกา ติํสมตฺตานํ เถรีนํ คาถาฯ ตาปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺติโย อนุกฺกเมน อุปจิตวิโมกฺขสมฺภารา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สกกมฺมสโญฺจทิตา ตตฺถ ตตฺถ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา ปฎาจาราย เถริยา สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา ปริสุทฺธสีลา วตฺตปฎิวตฺตํ ปริปูเรนฺติโย วิหรนฺติฯ อเถกทิวสํ ปฎาจาราเถรี ตาสํ โอวาทํ เทนฺตี –

    Musalānigahetvānātiādikā tiṃsamattānaṃ therīnaṃ gāthā. Tāpi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantiyo anukkamena upacitavimokkhasambhārā imasmiṃ buddhuppāde sakakammasañcoditā tattha tattha kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā paṭācārāya theriyā santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddhā pabbajitvā parisuddhasīlā vattapaṭivattaṃ paripūrentiyo viharanti. Athekadivasaṃ paṭācārātherī tāsaṃ ovādaṃ dentī –

    ๑๑๗.

    117.

    ‘‘มุสลานิ คเหตฺวาน, ธญฺญํ โกเฎฺฎนฺติ มาณวา;

    ‘‘Musalāni gahetvāna, dhaññaṃ koṭṭenti māṇavā;

    ปุตฺตทารานิ โปเสนฺตา, ธนํ วินฺทนฺติ มาณวาฯ

    Puttadārāni posentā, dhanaṃ vindanti māṇavā.

    ๑๑๘.

    118.

    ‘‘กโรถ พุทฺธสาสนํ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;

    ‘‘Karotha buddhasāsanaṃ, yaṃ katvā nānutappati;

    ขิปฺปํ ปาทานิ โธวิตฺวา, เอกมเนฺต นิสีทถ;

    Khippaṃ pādāni dhovitvā, ekamante nisīdatha;

    เจโตสมถมนุยุตฺตา, กโรถ พุทฺธสาสน’’นฺติฯ – อิมา เทฺว คาถา อภาสิ;

    Cetosamathamanuyuttā, karotha buddhasāsana’’nti. – imā dve gāthā abhāsi;

    ตตฺถายํ สเงฺขปโตฺถ – อิเม สตฺตา ชีวิตเหตุ มุสลานิ คเหตฺวา ปเรสํ ธญฺญํ โกเฎฺฎนฺติ, อุทุกฺขลกมฺมํ กโรนฺติฯ อญฺญมฺปิ เอทิสํ นิหีนกมฺมํ กตฺวา ปุตฺตทารํ โปเสนฺตา ยถารหํ ธนมฺปิ สํหรนฺติฯ ตํ ปน เนสํ กมฺมํ นิหีนํ คมฺมํ โปถุชฺชนิกํ ทุกฺขํ อนตฺถสญฺหิตญฺจฯ ตสฺมา เอทิสํ สํกิเลสิกปปญฺจํ วเชฺชตฺวา กโรถ พุทฺธสาสนํ สิกฺขตฺตยสงฺขาตํ สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ กโรถ สมฺปาเทถ อตฺตโน สนฺตาเน นิพฺพเตฺตถฯ ตตฺถ การณมาห – ‘‘ยํ กตฺวา นานุตปฺปตี’’ติ, ยสฺส กรณเหตุ เอตรหิ อายติญฺจ อนุตาปํ นาปชฺชติฯ อิทานิ ตสฺส กรเณ ปุพฺพกิจฺจํ อนุโยควิธิญฺจ ทเสฺสตุํ, ‘‘ขิปฺปํ ปาทานิ โธวิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺมา อโธวิตปาทสฺส อวิกฺขาลิตมุขสฺส จ นิสชฺชสุขํ อุตุสปฺปายลาโภ จ น โหติ, ปาเท ปน โธวิตฺวา มุขญฺจ วิกฺขาเลตฺวา เอกมเนฺต นิสินฺนสฺส ตทุภยํ ลภติ, ตสฺมา ขิปฺปํ อิมํ ยถาลทฺธํ ขณํ อวิราเธนฺติโย ปาทานิ อตฺตโน ปาเท โธวิตฺวา เอกมเนฺต วิวิเตฺต โอกาเส นิสีทถ นิสชฺชถฯ อฎฺฐติํสาย อารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตรุจิเก อารมฺมเณ อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธิตฺวา เจโตสมถมนุยุตฺตา สมาหิเตน จิเตฺตน จตุสจฺจกมฺมฎฺฐานภาวนาวเสน พุทฺธสฺส ภควโต สาสนํ โอวาทํ อนุสิฎฺฐิํ กโรถ สมฺปาเทถาติฯ

    Tatthāyaṃ saṅkhepattho – ime sattā jīvitahetu musalāni gahetvā paresaṃ dhaññaṃ koṭṭenti, udukkhalakammaṃ karonti. Aññampi edisaṃ nihīnakammaṃ katvā puttadāraṃ posentā yathārahaṃ dhanampi saṃharanti. Taṃ pana nesaṃ kammaṃ nihīnaṃ gammaṃ pothujjanikaṃ dukkhaṃ anatthasañhitañca. Tasmā edisaṃ saṃkilesikapapañcaṃ vajjetvā karotha buddhasāsanaṃ sikkhattayasaṅkhātaṃ sammāsambuddhasāsanaṃ karotha sampādetha attano santāne nibbattetha. Tattha kāraṇamāha – ‘‘yaṃ katvā nānutappatī’’ti, yassa karaṇahetu etarahi āyatiñca anutāpaṃ nāpajjati. Idāni tassa karaṇe pubbakiccaṃ anuyogavidhiñca dassetuṃ, ‘‘khippaṃ pādāni dhovitvā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yasmā adhovitapādassa avikkhālitamukhassa ca nisajjasukhaṃ utusappāyalābho ca na hoti, pāde pana dhovitvā mukhañca vikkhāletvā ekamante nisinnassa tadubhayaṃ labhati, tasmā khippaṃ imaṃ yathāladdhaṃ khaṇaṃ avirādhentiyo pādāni attano pāde dhovitvā ekamante vivitte okāse nisīdatha nisajjatha. Aṭṭhatiṃsāya ārammaṇesu yattha katthaci cittarucike ārammaṇe attano cittaṃ upanibandhitvā cetosamathamanuyuttā samāhitena cittena catusaccakammaṭṭhānabhāvanāvasena buddhassa bhagavato sāsanaṃ ovādaṃ anusiṭṭhiṃ karotha sampādethāti.

    อถ ตา ภิกฺขุนิโย ตสฺสา เถริยา โอวาเท ฐตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา ภาวนาย กมฺมํ กโรนฺติโย ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตา เหตุสมฺปนฺนตาย จ สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โอวาทคาถาหิ สทฺธิํ –

    Atha tā bhikkhuniyo tassā theriyā ovāde ṭhatvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā bhāvanāya kammaṃ karontiyo ñāṇassa paripākaṃ gatattā hetusampannatāya ca saha paṭisambhidāhi arahattaṃ patvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā ovādagāthāhi saddhiṃ –

    ๑๑๙.

    119.

    ‘‘ตสฺสา ตา วจนํ สุตฺวา, ปฎาจาราย สาสนํ;

    ‘‘Tassā tā vacanaṃ sutvā, paṭācārāya sāsanaṃ;

    ปาเท ปกฺขาลยิตฺวาน, เอกมนฺตํ อุปาวิสุํ;

    Pāde pakkhālayitvāna, ekamantaṃ upāvisuṃ;

    เจโตสมถมนุยุตฺตา, อกํสุ พุทฺธสาสนํฯ

    Cetosamathamanuyuttā, akaṃsu buddhasāsanaṃ.

    ๑๒๐.

    120.

    ‘‘รตฺติยา ปุริเม ยาเม, ปุพฺพชาติมนุสฺสรุํ;

    ‘‘Rattiyā purime yāme, pubbajātimanussaruṃ;

    รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยุํ;

    Rattiyā majjhime yāme, dibbacakkhuṃ visodhayuṃ;

    รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม, ตโมขนฺธํ ปทาลยุํฯ

    Rattiyā pacchime yāme, tamokhandhaṃ padālayuṃ.

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘อุฎฺฐาย ปาเท วนฺทิํสุ, กตา เต อนุสาสนี;

    ‘‘Uṭṭhāya pāde vandiṃsu, katā te anusāsanī;

    อินฺทํว เทวา ติทสา, สงฺคาเม อปราชิตํ;

    Indaṃva devā tidasā, saṅgāme aparājitaṃ;

    ปุรกฺขตฺวา วิหสฺสาม, เตวิชฺชามฺห อนาสวา’’ติฯ –

    Purakkhatvā vihassāma, tevijjāmha anāsavā’’ti. –

    อิมา คาถา อภาสิํสุฯ

    Imā gāthā abhāsiṃsu.

    ตตฺถ ตสฺสา ตา วจนํ สุตฺวา, ปฎาจาราย สาสนนฺติ ตสฺสา ปฎาจาราย เถริยา กิเลสปฎิสตฺตุสาสนเฎฺฐน สาสนภูตํ โอวาทวจนํ, ตา ติํสมตฺตา ภิกฺขุนิโย สุตฺวา ปฎิสฺสุตฺวา สิรสา สมฺปฎิจฺฉิตฺวาฯ

    Tattha tassā tā vacanaṃ sutvā, paṭācārāya sāsananti tassā paṭācārāya theriyā kilesapaṭisattusāsanaṭṭhena sāsanabhūtaṃ ovādavacanaṃ, tiṃsamattā bhikkhuniyo sutvā paṭissutvā sirasā sampaṭicchitvā.

    อุฎฺฐาย ปาเท วนฺทิํสุ, กตา เต อนุสาสนีติ ยถาสมฺปฎิจฺฉิตํ ตสฺสา สาสนํ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิ กตฺวา ยถาผาสุกฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา ภาเวนฺติโย ภาวนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อตฺตนา อธิคตวิเสสํ อาโรเจตุํ นิสินฺนาสนโต อุฎฺฐาย ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาเถริ ตวานุสาสนี ยถานุสิฎฺฐํ อเมฺหหิ กตา’’ติ วตฺวา ตสฺสา ปาเท ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิํสุฯ อินฺทํว เทวา ติทสา, สงฺคาเม อปราชิตนฺติ เทวาสุรสงฺคาเม อปราชิตํ วิชิตาวิํ อินฺทํ ตาวติํสา เทวา วิย มหาเถริ, มยํ ตํ ปุรกฺขตฺวา วิหริสฺสาม อญฺญสฺส กตฺตพฺพสฺส อภาวโตฯ ตสฺมา ‘‘เตวิชฺชามฺห อนาสวา’’ติ อตฺตโน กตญฺญุภาวํ ปเวเทนฺตี อิทเมว ตาสํ อญฺญาพฺยากรณํ อโหสิฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    Uṭṭhāyapāde vandiṃsu, katā te anusāsanīti yathāsampaṭicchitaṃ tassā sāsanaṃ aṭṭhiṃ katvā manasi katvā yathāphāsukaṭṭhāne nisīditvā bhāventiyo bhāvanaṃ matthakaṃ pāpetvā attanā adhigatavisesaṃ ārocetuṃ nisinnāsanato uṭṭhāya tassā santikaṃ gantvā ‘‘mahātheri tavānusāsanī yathānusiṭṭhaṃ amhehi katā’’ti vatvā tassā pāde pañcapatiṭṭhitena vandiṃsu. Indaṃva devā tidasā, saṅgāme aparājitanti devāsurasaṅgāme aparājitaṃ vijitāviṃ indaṃ tāvatiṃsā devā viya mahātheri, mayaṃ taṃ purakkhatvā viharissāma aññassa kattabbassa abhāvato. Tasmā ‘‘tevijjāmha anāsavā’’ti attano kataññubhāvaṃ pavedentī idameva tāsaṃ aññābyākaraṇaṃ ahosi. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    ติํสมตฺตาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Tiṃsamattātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๑๑. ติํสมตฺตาเถรีคาถา • 11. Tiṃsamattātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact