Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi

    ติณวตฺถารกํ

    Tiṇavatthārakaṃ

    ๒๔๐. ‘‘สิยา อาปตฺตาธิกรณํ เอกํ สมถํ อนาคมฺม – ปฎิญฺญาตกรณํ, ทฺวีหิ สมเถหิ สเมฺมยฺย – สมฺมุขาวินเยน จ, ติณวตฺถารเกน จาติ? สิยาติสฺส วจนียํฯ ยถา กถํ วิย? อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ โหติ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ ตตฺร เจ ภิกฺขูนํ เอวํ โหติ – ‘อมฺหากํ โข ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวเตฺตยฺยา’ติฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอวรูปํ อธิกรณํ ติณวตฺถารเกน วูปสเมตุํฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, วูปสเมตพฺพํฯ สเพฺพเหว เอกชฺฌํ สนฺนิปติตพฺพํ, สนฺนิปติตฺวา พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    240. ‘‘Siyā āpattādhikaraṇaṃ ekaṃ samathaṃ anāgamma – paṭiññātakaraṇaṃ, dvīhi samathehi sammeyya – sammukhāvinayena ca, tiṇavatthārakena cāti? Siyātissa vacanīyaṃ. Yathā kathaṃ viya? Idha pana, bhikkhave, bhikkhūnaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ hoti bhāsitaparikkantaṃ. Tatra ce bhikkhūnaṃ evaṃ hoti – ‘amhākaṃ kho bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ kāressāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷattāya vāḷattāya bhedāya saṃvatteyyā’ti. Anujānāmi, bhikkhave, evarūpaṃ adhikaraṇaṃ tiṇavatthārakena vūpasametuṃ. Evañca pana, bhikkhave, vūpasametabbaṃ. Sabbeheva ekajjhaṃ sannipatitabbaṃ, sannipatitvā byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวเตฺตยฺย ฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิมํ อธิกรณํ ติณวตฺถารเกน วูปสเมยฺย, ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, ฐเปตฺวา คิหิปฺปฎิสํยุตฺตนฺติฯ ‘‘เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโก ปโกฺข ญาเปตโพฺพ –

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Amhākaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ kāressāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷattāya vāḷattāya bhedāya saṃvatteyya . Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho imaṃ adhikaraṇaṃ tiṇavatthārakena vūpasameyya, ṭhapetvā thullavajjaṃ, ṭhapetvā gihippaṭisaṃyuttanti. ‘‘Ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ byattena bhikkhunā paṭibalena sako pakkho ñāpetabbo –

    ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตาฯ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวเตฺตยฺยฯ ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อหํ ยา เจว อายสฺมนฺตานํ อาปตฺติ, ยา จ อตฺตโน อาปตฺติ, อายสฺมนฺตานเญฺจว อตฺถาย, อตฺตโน จ อตฺถาย, สงฺฆมเชฺฌ ติณวตฺถารเกน เทเสยฺยํ, ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, ฐเปตฺวา คิหิปฺปฎิสํยุตฺตนฺติฯ

    ‘‘Suṇantu me āyasmantā. Amhākaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ kāressāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷattāya vāḷattāya bhedāya saṃvatteyya. Yadāyasmantānaṃ pattakallaṃ, ahaṃ yā ceva āyasmantānaṃ āpatti, yā ca attano āpatti, āyasmantānañceva atthāya, attano ca atthāya, saṅghamajjhe tiṇavatthārakena deseyyaṃ, ṭhapetvā thullavajjaṃ, ṭhapetvā gihippaṭisaṃyuttanti.

    ๒๔๑. ‘‘อถาปเรสํ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโก ปโกฺข ญาเปตโพฺพ –

    241. ‘‘Athāparesaṃ ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ byattena bhikkhunā paṭibalena sako pakkho ñāpetabbo –

    ‘‘สุณนฺตุ เม อายสฺมนฺตาฯ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวเตฺตยฺยฯ ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ, อหํ ยา เจว อายสฺมนฺตานํ อาปตฺติ, ยา จ อตฺตโน อาปตฺติ, อายสฺมนฺตานเญฺจว อตฺถาย, อตฺตโน จ อตฺถาย, สงฺฆมเชฺฌ ติณวตฺถารเกน เทเสยฺยํ, ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, ฐเปตฺวา คิหิปฺปฎิสํยุตฺตนฺติฯ

    ‘‘Suṇantu me āyasmantā. Amhākaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ kāressāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷattāya vāḷattāya bhedāya saṃvatteyya. Yadāyasmantānaṃ pattakallaṃ, ahaṃ yā ceva āyasmantānaṃ āpatti, yā ca attano āpatti, āyasmantānañceva atthāya, attano ca atthāya, saṅghamajjhe tiṇavatthārakena deseyyaṃ, ṭhapetvā thullavajjaṃ, ṭhapetvā gihippaṭisaṃyuttanti.

    ๒๔๒. ‘‘อถาปเรสํ เอกโตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    242. ‘‘Athāparesaṃ ekatopakkhikānaṃ bhikkhūnaṃ byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวเตฺตยฺยฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ ยา เจว อิเมสํ อายสฺมนฺตานํ อาปตฺติ, ยา จ อตฺตโน อาปตฺติ, อิเมสเญฺจว อายสฺมนฺตานํ อตฺถาย, อตฺตโน จ อตฺถาย, สงฺฆมเชฺฌ ติณวตฺถารเกน เทเสยฺยํ, ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, ฐเปตฺวา คิหิปฺปฎิสํยุตฺตํฯ เอสา ญตฺติฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Amhākaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ kāressāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷattāya vāḷattāya bhedāya saṃvatteyya. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, ahaṃ yā ceva imesaṃ āyasmantānaṃ āpatti, yā ca attano āpatti, imesañceva āyasmantānaṃ atthāya, attano ca atthāya, saṅghamajjhe tiṇavatthārakena deseyyaṃ, ṭhapetvā thullavajjaṃ, ṭhapetvā gihippaṭisaṃyuttaṃ. Esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อมฺหากํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ วิหรตํ พหุํ อสฺสามณกํ อชฺฌาจิณฺณํ ภาสิตปริกฺกนฺตํฯ สเจ มยํ อิมาหิ อาปตฺตีหิ อญฺญมญฺญํ กาเรสฺสาม, สิยาปิ ตํ อธิกรณํ กกฺขฬตฺตาย วาฬตฺตาย เภทาย สํวเตฺตยฺยฯ อหํ ยา เจว อิเมสํ อายสฺมนฺตานํ อาปตฺติ, ยา จ อตฺตโน อาปตฺติ, อิเมสเญฺจว อายสฺมนฺตานํ อตฺถาย, อตฺตโน จ อตฺถาย, สงฺฆมเชฺฌ ติณวตฺถารเกน เทเสมิ, ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, ฐเปตฺวา คิหิปฺปฎิสํยุตฺตํฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อมฺหากํ อิมาสํ อาปตฺตีนํ สงฺฆมเชฺฌ ติณวตฺถารเกน เทสนา, ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, ฐเปตฺวา คิหิปฺปฎิสํยุตฺตํ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Amhākaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ viharataṃ bahuṃ assāmaṇakaṃ ajjhāciṇṇaṃ bhāsitaparikkantaṃ. Sace mayaṃ imāhi āpattīhi aññamaññaṃ kāressāma, siyāpi taṃ adhikaraṇaṃ kakkhaḷattāya vāḷattāya bhedāya saṃvatteyya. Ahaṃ yā ceva imesaṃ āyasmantānaṃ āpatti, yā ca attano āpatti, imesañceva āyasmantānaṃ atthāya, attano ca atthāya, saṅghamajjhe tiṇavatthārakena desemi, ṭhapetvā thullavajjaṃ, ṭhapetvā gihippaṭisaṃyuttaṃ. Yassāyasmato khamati amhākaṃ imāsaṃ āpattīnaṃ saṅghamajjhe tiṇavatthārakena desanā, ṭhapetvā thullavajjaṃ, ṭhapetvā gihippaṭisaṃyuttaṃ, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘เทสิตา อมฺหากํ อิมา อาปตฺติโย สงฺฆมเชฺฌ ติณวตฺถารเกน , ฐเปตฺวา ถุลฺลวชฺชํ, ฐเปตฺวา คิหิปฺปฎิสํยุตฺตํฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Desitā amhākaṃ imā āpattiyo saṅghamajjhe tiṇavatthārakena , ṭhapetvā thullavajjaṃ, ṭhapetvā gihippaṭisaṃyuttaṃ. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    ‘‘อถาปเรสํ…เป.… เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Athāparesaṃ…pe… evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    ‘‘อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ วูปสนฺตํฯ เกน วูปสนฺตํ? สมฺมุขาวินเยน จ, ติณวตฺถารเกน จฯ กิญฺจ ตตฺถ สมฺมุขาวินยสฺมิํ? สงฺฆสมฺมุขตา, ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา, ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ

    ‘‘Idaṃ vuccati, bhikkhave, adhikaraṇaṃ vūpasantaṃ. Kena vūpasantaṃ? Sammukhāvinayena ca, tiṇavatthārakena ca. Kiñca tattha sammukhāvinayasmiṃ? Saṅghasammukhatā, dhammasammukhatā, vinayasammukhatā, puggalasammukhatā.

    ‘‘กา จ ตตฺถ สงฺฆสมฺมุขตา? ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เต อาคตา โหนฺติ, ฉนฺทารหานํ ฉโนฺท อาหโฎ โหติ, สมฺมุขีภูตา น ปฎิโกฺกสนฺติ – อยํ ตตฺถ สงฺฆสมฺมุขตาฯ

    ‘‘Kā ca tattha saṅghasammukhatā? Yāvatikā bhikkhū kammappattā, te āgatā honti, chandārahānaṃ chando āhaṭo hoti, sammukhībhūtā na paṭikkosanti – ayaṃ tattha saṅghasammukhatā.

    ‘‘กา จ ตตฺถ ธมฺมสมฺมุขตา, วินยสมฺมุขตา? เยน ธเมฺมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ วูปสมฺมติ – อยํ ตตฺถ ธมฺมสมฺมุขตา , วินยสมฺมุขตาฯ

    ‘‘Kā ca tattha dhammasammukhatā, vinayasammukhatā? Yena dhammena yena vinayena yena satthusāsanena taṃ adhikaraṇaṃ vūpasammati – ayaṃ tattha dhammasammukhatā , vinayasammukhatā.

    ‘‘กา จ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตา? โย จ เทเสติ, ยสฺส จ เทเสติ, อุโภ สมฺมุขีภูตา โหนฺติ – อยํ ตตฺถ ปุคฺคลสมฺมุขตาฯ

    ‘‘Kā ca tattha puggalasammukhatā? Yo ca deseti, yassa ca deseti, ubho sammukhībhūtā honti – ayaṃ tattha puggalasammukhatā.

    ‘‘กิญฺจ ตตฺถ ติณวตฺถารกสฺมิํ? ยา ติณวตฺถารกสฺส กมฺมสฺส กิริยา กรณํ อุปคมนํ อชฺฌุปคมนํ อธิวาสนา อปฺปฎิโกฺกสนา – อิทํ ตตฺถ ติณวตฺถารกสฺมิํฯ เอวํ วูปสนฺตํ เจ, ภิกฺขเว, อธิกรณํ ปฎิคฺคาหโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํ; ฉนฺททายโก ขียติ, ขียนกํ ปาจิตฺติยํฯ

    ‘‘Kiñca tattha tiṇavatthārakasmiṃ? Yā tiṇavatthārakassa kammassa kiriyā karaṇaṃ upagamanaṃ ajjhupagamanaṃ adhivāsanā appaṭikkosanā – idaṃ tattha tiṇavatthārakasmiṃ. Evaṃ vūpasantaṃ ce, bhikkhave, adhikaraṇaṃ paṭiggāhako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ; chandadāyako khīyati, khīyanakaṃ pācittiyaṃ.

    1 ‘‘กิจฺจาธิกรณํ กติหิ สมเถหิ สมฺมติ? กิจฺจาธิกรณํ เอเกน สมเถน สมฺมติ – สมฺมุขาวินเยนา’’ติฯ

    2 ‘‘Kiccādhikaraṇaṃ katihi samathehi sammati? Kiccādhikaraṇaṃ ekena samathena sammati – sammukhāvinayenā’’ti.

    สมถกฺขนฺธกํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ

    Samathakkhandhakaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. ปริ. ๒๙๕, ๓๐๗, ๓๐๘
    2. pari. 295, 307, 308



    Related texts:



    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อธิกรณวูปสมนสมถกถาวณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อธิกรณกถาวณฺณนา • Adhikaraṇakathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อธิกรณวูปสมนสมถกถาทิวณฺณนา • Adhikaraṇavūpasamanasamathakathādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact