Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๗๗] ๗. ตินฺทุกชาตกวณฺณนา

    [177] 7. Tindukajātakavaṇṇanā

    ธนุหตฺถกลาเปหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ปญฺญาปารมิํ อารพฺภ กเถสิฯ สตฺถา หิ มหาโพธิชาตเก (ชา. ๒.๑๘.๑๒๔ อาทโย) วิย อุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) วิย จ อตฺตโน ปญฺญาย วณฺณํ วณฺณิตํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตถาคโต ปญฺญวา, ปุเพฺพปิ ปญฺญวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Dhanuhatthakalāpehīti idaṃ satthā jetavane viharanto paññāpāramiṃ ārabbha kathesi. Satthā hi mahābodhijātake (jā. 2.18.124 ādayo) viya umaṅgajātake (jā. 2.22.590 ādayo) viya ca attano paññāya vaṇṇaṃ vaṇṇitaṃ sutvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva tathāgato paññavā, pubbepi paññavā upāyakusaloyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต วานรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อสีติสหสฺสวานรคณปริวาโร หิมวนฺตปเทเส วาสํ กเปฺปสิฯ ตสฺสาสเนฺน เอโก ปจฺจนฺตคามโก กทาจิ วสติ, กทาจิ อุพฺพสติฯ ตสฺส ปน คามสฺส มเชฺฌ สาขาวิฎปสมฺปโนฺน มธุรผโล เอโก ตินฺทุกรุโกฺข อตฺถิ, วานรคโณ อุพฺพสิตกาเล อาคนฺตฺวา ตสฺส ผลานิ ขาทติฯ อถาปรสฺมิํ ผลวาเร โส คาโม ปุน อาวาโส อโหสิ ทฬฺหปริกฺขิโตฺต ทฺวารยุโตฺต, โสปิ รุโกฺข ผลภารนมิตสาโข อฎฺฐาสิฯ วานรคโณ จิเนฺตสิ – ‘‘มยํ ปุเพฺพ อสุกคาเม ตินฺทุกผลานิ ขาทาม, ผลิโต นุ โข โส เอตรหิ รุโกฺข, อุทาหุ โน, อาวสิโต โส คาโม, อุทาหุ โน’’ติฯ เอวญฺจ ปน จิเนฺตตฺวา ‘‘คจฺฉ อิมํ ปวตฺติํ ชานาหี’’ติ เอกํ วานรํ เปเสสิฯ โส คนฺตฺวา รุกฺขสฺส จ ผลิตภาวํ คามสฺส จ คาฬฺหวาสภาวํ ญตฺวา อาคนฺตฺวา วานรานํ อาโรเจสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto vānarayoniyaṃ nibbattitvā asītisahassavānaragaṇaparivāro himavantapadese vāsaṃ kappesi. Tassāsanne eko paccantagāmako kadāci vasati, kadāci ubbasati. Tassa pana gāmassa majjhe sākhāviṭapasampanno madhuraphalo eko tindukarukkho atthi, vānaragaṇo ubbasitakāle āgantvā tassa phalāni khādati. Athāparasmiṃ phalavāre so gāmo puna āvāso ahosi daḷhaparikkhitto dvārayutto, sopi rukkho phalabhāranamitasākho aṭṭhāsi. Vānaragaṇo cintesi – ‘‘mayaṃ pubbe asukagāme tindukaphalāni khādāma, phalito nu kho so etarahi rukkho, udāhu no, āvasito so gāmo, udāhu no’’ti. Evañca pana cintetvā ‘‘gaccha imaṃ pavattiṃ jānāhī’’ti ekaṃ vānaraṃ pesesi. So gantvā rukkhassa ca phalitabhāvaṃ gāmassa ca gāḷhavāsabhāvaṃ ñatvā āgantvā vānarānaṃ ārocesi.

    วานรา ตสฺส ผลิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มธุรานิ ตินฺทุกผลานิ ขาทิสฺสามา’’ติ อุสฺสาหชาตา วานรินฺทสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ วานริโนฺท ‘‘คาโม อาวาโส อนาวาโส’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาวาโส, เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ น คนฺตพฺพํฯ มนุสฺสา หิ พหุมายา โหนฺตี’’ติฯ ‘‘เทว, มนุสฺสานํ ปฎิสลฺลานเวลาย อฑฺฒรตฺตสมเย ขาทิสฺสามา’’ติ พหู คนฺตฺวา วานรินฺทํ สมฺปฎิจฺฉาเปตฺวา หิมวนฺตา โอตริตฺวา ตสฺส คามสฺส อวิทูเร มนุสฺสานํ ปฎิสลฺลานกาลํ อาคมยมานา มหาปาสาณปิเฎฺฐ สยิตฺวา มชฺฌิมยาเม มนุเสฺสสุ นิทฺทํ โอกฺกมเนฺตสุ รุกฺขํ อารุยฺห ผลานิ ขาทิํสุฯ อเถโก ปุริโส สรีรกิเจฺจน เคหา นิกฺขมิตฺวา คามมชฺฌคโต วานเร ทิสฺวา มนุสฺสานํ อาจิกฺขิฯ พหู มนุสฺสา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา นานาวุธหตฺถา เลฑฺฑุทณฺฑาทีนิ อาทาย ‘‘ปภาตาย รตฺติยา วานเร คณฺหิสฺสามา’’ติ รุกฺขํ ปริวาเรตฺวา อฎฺฐํสุฯ อสีติสหสฺสวานรา มนุเสฺส ทิสฺวา มรณภยตชฺชิตา ‘‘นตฺถิ โน อญฺญํ ปฎิสฺสรณํ อญฺญตฺร วานริเนฺทนา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฐมํ คาถมาหํสุ –

    Vānarā tassa phalitabhāvaṃ sutvā ‘‘madhurāni tindukaphalāni khādissāmā’’ti ussāhajātā vānarindassa tamatthaṃ ārocesuṃ. Vānarindo ‘‘gāmo āvāso anāvāso’’ti pucchi. ‘‘Āvāso, devā’’ti. ‘‘Tena hi na gantabbaṃ. Manussā hi bahumāyā hontī’’ti. ‘‘Deva, manussānaṃ paṭisallānavelāya aḍḍharattasamaye khādissāmā’’ti bahū gantvā vānarindaṃ sampaṭicchāpetvā himavantā otaritvā tassa gāmassa avidūre manussānaṃ paṭisallānakālaṃ āgamayamānā mahāpāsāṇapiṭṭhe sayitvā majjhimayāme manussesu niddaṃ okkamantesu rukkhaṃ āruyha phalāni khādiṃsu. Atheko puriso sarīrakiccena gehā nikkhamitvā gāmamajjhagato vānare disvā manussānaṃ ācikkhi. Bahū manussā dhanukalāpaṃ sannayhitvā nānāvudhahatthā leḍḍudaṇḍādīni ādāya ‘‘pabhātāya rattiyā vānare gaṇhissāmā’’ti rukkhaṃ parivāretvā aṭṭhaṃsu. Asītisahassavānarā manusse disvā maraṇabhayatajjitā ‘‘natthi no aññaṃ paṭissaraṇaṃ aññatra vānarindenā’’ti tassa santikaṃ gantvā paṭhamaṃ gāthamāhaṃsu –

    ๕๓.

    53.

    ‘‘ธนุหตฺถกลาเปหิ, เนตฺติํสวรธาริภิ;

    ‘‘Dhanuhatthakalāpehi, nettiṃsavaradhāribhi;

    สมนฺตา ปริกิณฺณมฺห, กถํ โมโกฺข ภวิสฺสตี’’ติฯ

    Samantā parikiṇṇamha, kathaṃ mokkho bhavissatī’’ti.

    ตตฺถ ธนุหตฺถกลาเปหีติ ธนุกลาปหเตฺถหิ, ธนูนิ เจว สรกลาเป จ คเหตฺวา ฐิเตหีติ อโตฺถฯ เนตฺติํสวรธาริภีติ เนตฺติํสา วุจฺจนฺติ ขคฺคา, อุตฺตมขคฺคธารีหีติ อโตฺถฯ ปริกิณฺณมฺหาติ ปริวาริตมฺหฯ กถนฺติ เกน นุ โข อุปาเยน อมฺหากํ โมโกฺข ภวิสฺสตีติฯ

    Tattha dhanuhatthakalāpehīti dhanukalāpahatthehi, dhanūni ceva sarakalāpe ca gahetvā ṭhitehīti attho. Nettiṃsavaradhāribhīti nettiṃsā vuccanti khaggā, uttamakhaggadhārīhīti attho. Parikiṇṇamhāti parivāritamha. Kathanti kena nu kho upāyena amhākaṃ mokkho bhavissatīti.

    เตสํ กถํ สุตฺวา วานริโนฺท ‘‘มา ภายิตฺถ, มนุสฺสา นาม พหุกิจฺจา, อชฺชปิ มชฺฌิมยาโม วตฺตติ, อปิ นาม เตสํ ‘อเมฺห มาเรสฺสามา’ติ ปริวาริตานํ อิมสฺส กิจฺจสฺส อนฺตรายกรํ อญฺญํ กิจฺจํ อุปฺปเชฺชยฺยา’’ติ วานเร สมสฺสาเสตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

    Tesaṃ kathaṃ sutvā vānarindo ‘‘mā bhāyittha, manussā nāma bahukiccā, ajjapi majjhimayāmo vattati, api nāma tesaṃ ‘amhe māressāmā’ti parivāritānaṃ imassa kiccassa antarāyakaraṃ aññaṃ kiccaṃ uppajjeyyā’’ti vānare samassāsetvā dutiyaṃ gāthamāha –

    ๕๔.

    54.

    ‘‘อเปฺปว พหุกิจฺจานํ, อโตฺถ ชาเยถ โกจิ นํ;

    ‘‘Appeva bahukiccānaṃ, attho jāyetha koci naṃ;

    อตฺถิ รุกฺขสฺส อจฺฉินฺนํ, ขชฺชถเญฺญว ตินฺทุก’’นฺติฯ

    Atthi rukkhassa acchinnaṃ, khajjathaññeva tinduka’’nti.

    ตตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, อเปฺปว พหุกิจฺจานํ มนุสฺสานํ อโญฺญ โกจิ อโตฺถ อุปฺปเชฺชยฺยาติ อยเมเวตฺถ อโตฺถฯ อตฺถิ รุกฺขสฺส อจฺฉินฺนนฺติ อิมสฺส รุกฺขสฺส ผลานํ อากฑฺฒนปริกฑฺฒนวเสน อจฺฉินฺนํ พหุ ฐานํ อตฺถิฯ ขชฺชถเญฺญว ตินฺทุกนฺติ ตินฺทุกผลํ ขชฺชถเญฺญวฯ ตุเมฺห หิ ยาวตเกน โว อโตฺถ อตฺถิ, ตตฺตกํ ขาทถ, อมฺหากํ ปหรณกาลํ ชานิสฺสามาติฯ

    Tattha nanti nipātamattaṃ, appeva bahukiccānaṃ manussānaṃ añño koci attho uppajjeyyāti ayamevettha attho. Atthi rukkhassa acchinnanti imassa rukkhassa phalānaṃ ākaḍḍhanaparikaḍḍhanavasena acchinnaṃ bahu ṭhānaṃ atthi. Khajjathaññeva tindukanti tindukaphalaṃ khajjathaññeva. Tumhe hi yāvatakena vo attho atthi, tattakaṃ khādatha, amhākaṃ paharaṇakālaṃ jānissāmāti.

    เอวํ มหาสโตฺต กปิคณํ สมสฺสาเสสิฯ เอตฺตกญฺหิ อสฺสาสํ อลภมานา สเพฺพปิ เต ผลิเตน หทเยน ชีวิตกฺขยํ ปาปุเณยฺยุํฯ มหาสโตฺต ปน เอวํ วานรคณํ อสฺสาเสตฺวา ‘‘สเพฺพ วานเร สมาเนถา’’ติ อาหฯ สมาเนนฺตา ตสฺส ภาคิเนยฺยํ เสนกํ นาม วานรํ อทิสฺวา ‘‘เสนโก นาคโต’’ติ อาโรเจสุํฯ ‘‘สเจ เสนโก นาคโต, ตุเมฺห มา ภายิตฺถ, อิทานิ โว โส โสตฺถิํ กริสฺสตี’’ติฯ เสนโกปิ โข วานรคณสฺส คมนกาเล นิทฺทายิตฺวา ปจฺฉา ปพุโทฺธ กญฺจิ อทิสฺวา ปทานุปทิโก หุตฺวา อาคจฺฉโนฺต มนุเสฺส ทิสฺวา ‘‘วานรคณสฺส ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ญตฺวา เอกสฺมิํ ปริยเนฺต เคเห อคฺคิํ ชาเลตฺวา สุตฺตํ กนฺตนฺติยา มหลฺลกิตฺถิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา เขตฺตํ คจฺฉโนฺต คามทารโก วิย เอกํ อุมฺมุกํ คเหตฺวา อุปริวาเต ฐตฺวา คามํ ปทีเปสิฯ มนุสฺสา มกฺกเฎ ฉเฑฺฑตฺวา อคฺคิํ นิพฺพาเปตุํ อคมํสุฯ วานรา ปลายนฺตา เสนกสฺสตฺถาย เอเกกํ ผลํ คเหตฺวา ปลายิํสุฯ

    Evaṃ mahāsatto kapigaṇaṃ samassāsesi. Ettakañhi assāsaṃ alabhamānā sabbepi te phalitena hadayena jīvitakkhayaṃ pāpuṇeyyuṃ. Mahāsatto pana evaṃ vānaragaṇaṃ assāsetvā ‘‘sabbe vānare samānethā’’ti āha. Samānentā tassa bhāgineyyaṃ senakaṃ nāma vānaraṃ adisvā ‘‘senako nāgato’’ti ārocesuṃ. ‘‘Sace senako nāgato, tumhe mā bhāyittha, idāni vo so sotthiṃ karissatī’’ti. Senakopi kho vānaragaṇassa gamanakāle niddāyitvā pacchā pabuddho kañci adisvā padānupadiko hutvā āgacchanto manusse disvā ‘‘vānaragaṇassa bhayaṃ uppanna’’nti ñatvā ekasmiṃ pariyante gehe aggiṃ jāletvā suttaṃ kantantiyā mahallakitthiyā santikaṃ gantvā khettaṃ gacchanto gāmadārako viya ekaṃ ummukaṃ gahetvā uparivāte ṭhatvā gāmaṃ padīpesi. Manussā makkaṭe chaḍḍetvā aggiṃ nibbāpetuṃ agamaṃsu. Vānarā palāyantā senakassatthāya ekekaṃ phalaṃ gahetvā palāyiṃsu.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ภาคิเนโยฺย เสนโก มหานาโม สโกฺก อโหสิ, วานรคโณ พุทฺธปริสา, วานริโนฺท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā bhāgineyyo senako mahānāmo sakko ahosi, vānaragaṇo buddhaparisā, vānarindo pana ahameva ahosi’’nti.

    ตินฺทุกชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Tindukajātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๗๗. ตินฺทุกชาตกํ • 177. Tindukajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact