Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๖] ๖. ติปลฺลตฺถมิคชาตกวณฺณนา

    [16] 6. Tipallatthamigajātakavaṇṇanā

    มิคํ ติปลฺลตฺถนฺติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพิยํ พทริการาเม วิหรโนฺต สิกฺขากามํ ราหุลเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ กาเล สตฺถริ อาฬวินครํ อุปนิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรเนฺต พหู อุปาสกา อุปาสิกา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย จ วิหารํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺติ, ทิวา ธมฺมสฺสวนํ โหติฯ คจฺฉเนฺต ปน กาเล อุปาสิกาโย ภิกฺขุนิโย จ น คจฺฉิํสุ, ภิกฺขู เจว อุปาสกา จ อเหสุํฯ ตโต ปฎฺฐาย รตฺติํ ธมฺมสฺสวนํ ชาตํฯ ธมฺมสฺสวนปริโยสาเน เถรา ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน วสนฎฺฐานานิ คจฺฉนฺติฯ ทหรา สามเณรา จ อุปาสเกหิ สทฺธิํ อุปฎฺฐานสาลายํ สยนฺติฯ เตสุ นิทฺทํ อุปคเตสุ เอกเจฺจ ฆุรุฆุรุปสฺสาสา กากจฺฉมานา ทเนฺต ขาทนฺตา นิปชฺชิํสุ, เอกเจฺจ มุหุตฺตํ นิทฺทายิตฺวา อุฎฺฐหิํสุฯ เต ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภควโต อาโรเจสุํฯ ภควา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปเนฺนน สหเสยฺยํ กเปฺปยฺย ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๔๙) สิกฺขาปทํ ปญฺญเปตฺวา โกสมฺพิํ อคมาสิฯ

    Migaṃtipallatthanti idaṃ satthā kosambiyaṃ badarikārāme viharanto sikkhākāmaṃ rāhulattheraṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi kāle satthari āḷavinagaraṃ upanissāya aggāḷave cetiye viharante bahū upāsakā upāsikā bhikkhū bhikkhuniyo ca vihāraṃ dhammassavanatthāya gacchanti, divā dhammassavanaṃ hoti. Gacchante pana kāle upāsikāyo bhikkhuniyo ca na gacchiṃsu, bhikkhū ceva upāsakā ca ahesuṃ. Tato paṭṭhāya rattiṃ dhammassavanaṃ jātaṃ. Dhammassavanapariyosāne therā bhikkhū attano attano vasanaṭṭhānāni gacchanti. Daharā sāmaṇerā ca upāsakehi saddhiṃ upaṭṭhānasālāyaṃ sayanti. Tesu niddaṃ upagatesu ekacce ghurughurupassāsā kākacchamānā dante khādantā nipajjiṃsu, ekacce muhuttaṃ niddāyitvā uṭṭhahiṃsu. Te taṃ vippakāraṃ disvā bhagavato ārocesuṃ. Bhagavā ‘‘yo pana bhikkhu anupasampannena sahaseyyaṃ kappeyya pācittiya’’nti (pāci. 49) sikkhāpadaṃ paññapetvā kosambiṃ agamāsi.

    ตตฺถ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส ราหุล, ภควตา สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, อิทานิ ตฺวํ อตฺตโน วสนฎฺฐานํ ชานาหี’’ติฯ ปุเพฺพ ปน เต ภิกฺขู ภควติ จ คารวํ ตสฺส จายสฺมโต สิกฺขากามตํ ปฎิจฺจ ตํ อตฺตโน วสนฎฺฐานํ อาคตํ อติวิย สงฺคณฺหนฺติ, ขุทฺทกมญฺจกํ ปญฺญเปตฺวา อุสฺสีสกกรณตฺถาย จีวรํ เทนฺติฯ ตํ ทิวสํ ปน สิกฺขาปทภเยน วสนฎฺฐานมฺปิ น อทํสุฯ ราหุลภโทฺทปิ ‘‘ปิตา เม’’ติ ทสพลสฺส วา, ‘‘อุปชฺฌาโย เม’’ติ ธมฺมเสนาปติโน วา, ‘‘อาจริโย เม’’ติ มหาโมคฺคลฺลานสฺส วา, ‘‘จูฬปิตา เม’’ติ อานนฺทเตฺถรสฺส วา สนฺติกํ อคนฺตฺวา ทสพลสฺส วฬญฺชนวจฺจกุฎิํ พฺรหฺมวิมานํ ปวิสโนฺต วิย ปวิสิตฺวา วาสํ กเปฺปสิฯ พุทฺธานญฺหิ วฬญฺชนกุฎิยํ ทฺวารํ สุปิหิตํ โหติ, คนฺธปริภณฺฑกตา ภูมิ, คนฺธทามมาลาทามานิ โอสาริตาเนว โหนฺติ, สพฺพรตฺติํ ทีโป ฌายติฯ ราหุลภโทฺท ปน น ตสฺสา กุฎิยา อิมํ สมฺปตฺติํ ปฎิจฺจ ตตฺถ วาสํ อุปคโต, ภิกฺขูหิ ปน ‘‘วสนฎฺฐานํ ชานาหี’’ติ วุตฺตตฺตา โอวาทคารเวน สิกฺขากามตาย ตตฺถ วาสํ อุปคโตฯ อนฺตรนฺตรา หิ ภิกฺขู ตํ อายสฺมนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส วีมํสนตฺถาย มุฎฺฐิสมฺมชฺชนิํ วา กจวรฉฑฺฑนกํ วา พหิ ขิปิตฺวา ตสฺมิํ อาคเต ‘‘อาวุโส, อิมํ เกน ฉฑฺฑิต’’นฺติ วทนฺติฯ ตตฺถ เกหิจิ ‘‘ราหุโล อิมินา มเคฺคน คโต’’ติ วุเตฺต โส อายสฺมา ‘‘นาหํ, ภเนฺต, เอตํ ชานามี’’ติ อวตฺวาว ตํ ปฎิสาเมตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภเนฺต’’ติ ขมาเปตฺวา คจฺฉติฯ เอวเมส สิกฺขากาโมฯ

    Tattha bhikkhū āyasmantaṃ rāhulaṃ āhaṃsu – ‘‘āvuso rāhula, bhagavatā sikkhāpadaṃ paññattaṃ, idāni tvaṃ attano vasanaṭṭhānaṃ jānāhī’’ti. Pubbe pana te bhikkhū bhagavati ca gāravaṃ tassa cāyasmato sikkhākāmataṃ paṭicca taṃ attano vasanaṭṭhānaṃ āgataṃ ativiya saṅgaṇhanti, khuddakamañcakaṃ paññapetvā ussīsakakaraṇatthāya cīvaraṃ denti. Taṃ divasaṃ pana sikkhāpadabhayena vasanaṭṭhānampi na adaṃsu. Rāhulabhaddopi ‘‘pitā me’’ti dasabalassa vā, ‘‘upajjhāyo me’’ti dhammasenāpatino vā, ‘‘ācariyo me’’ti mahāmoggallānassa vā, ‘‘cūḷapitā me’’ti ānandattherassa vā santikaṃ agantvā dasabalassa vaḷañjanavaccakuṭiṃ brahmavimānaṃ pavisanto viya pavisitvā vāsaṃ kappesi. Buddhānañhi vaḷañjanakuṭiyaṃ dvāraṃ supihitaṃ hoti, gandhaparibhaṇḍakatā bhūmi, gandhadāmamālādāmāni osāritāneva honti, sabbarattiṃ dīpo jhāyati. Rāhulabhaddo pana na tassā kuṭiyā imaṃ sampattiṃ paṭicca tattha vāsaṃ upagato, bhikkhūhi pana ‘‘vasanaṭṭhānaṃ jānāhī’’ti vuttattā ovādagāravena sikkhākāmatāya tattha vāsaṃ upagato. Antarantarā hi bhikkhū taṃ āyasmantaṃ dūratova āgacchantaṃ disvā tassa vīmaṃsanatthāya muṭṭhisammajjaniṃ vā kacavarachaḍḍanakaṃ vā bahi khipitvā tasmiṃ āgate ‘‘āvuso, imaṃ kena chaḍḍita’’nti vadanti. Tattha kehici ‘‘rāhulo iminā maggena gato’’ti vutte so āyasmā ‘‘nāhaṃ, bhante, etaṃ jānāmī’’ti avatvāva taṃ paṭisāmetvā ‘‘khamatha me, bhante’’ti khamāpetvā gacchati. Evamesa sikkhākāmo.

    โส ตํ สิกฺขากามตํเยว ปฎิจฺจ ตตฺถ วาสํ อุปคโตฯ อถ สตฺถา ปุเรอรุณํเยว วจฺจกุฎิทฺวาเร ฐตฺวา อุกฺกาสิ, โสปายสฺมา อุกฺกาสิฯ ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ ราหุโล’’ติ นิกฺขมิตฺวา วนฺทิฯ ‘‘กสฺมา ตฺวํ ราหุล อิธ นิปโนฺนสี’’ติ? ‘‘วสนฎฺฐานสฺส อภาวโต’’ฯ ‘‘ปุเพฺพ หิ, ภเนฺต, ภิกฺขู มม สงฺคหํ กโรนฺติ, อิทานิ อตฺตโน อาปตฺติภเยน วสนฎฺฐานํ น เทนฺติ, สฺวาหํ ‘อิทํ อเญฺญสํ อสงฺฆฎฺฎนฎฺฐาน’นฺติ อิมินา การเณน อิธ นิปโนฺนสฺมีติฯ อถ ภควโต ‘‘ราหุลํ ตาว ภิกฺขู เอวํ ปริจฺจชนฺติ, อเญฺญ กุลทารเก ปพฺพาเชตฺวา กิํ กริสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิฯ

    So taṃ sikkhākāmataṃyeva paṭicca tattha vāsaṃ upagato. Atha satthā purearuṇaṃyeva vaccakuṭidvāre ṭhatvā ukkāsi, sopāyasmā ukkāsi. ‘‘Ko eso’’ti? ‘‘Ahaṃ rāhulo’’ti nikkhamitvā vandi. ‘‘Kasmā tvaṃ rāhula idha nipannosī’’ti? ‘‘Vasanaṭṭhānassa abhāvato’’. ‘‘Pubbe hi, bhante, bhikkhū mama saṅgahaṃ karonti, idāni attano āpattibhayena vasanaṭṭhānaṃ na denti, svāhaṃ ‘idaṃ aññesaṃ asaṅghaṭṭanaṭṭhāna’nti iminā kāraṇena idha nipannosmīti. Atha bhagavato ‘‘rāhulaṃ tāva bhikkhū evaṃ pariccajanti, aññe kuladārake pabbājetvā kiṃ karissantī’’ti dhammasaṃvego udapādi.

    อถ ภควา ปาโตว ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา ธมฺมเสนาปติํ ปุจฺฉิ ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, สาริปุตฺต, อชฺช กตฺถจิ ราหุลสฺส วุตฺถภาว’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘สาริปุตฺต, อชฺช ราหุโล วจฺจกุฎิยํ วสิ, สาริปุตฺต, ตุเมฺห ราหุลํ เอวํ ปริจฺจชนฺตา อเญฺญ กุลทารเก ปพฺพาเชตฺวา กิํ กริสฺสถ? เอวญฺหิ สเนฺต อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิตา น ปติฎฺฐา ภวิสฺสนฺติ, อิโต ทานิ ปฎฺฐาย อนุปสมฺปเนฺนน เอกํ เทฺว ทิวเส อตฺตโน สนฺติเก วสาเปตฺวา ตติยทิวเส เตสํ วสนฎฺฐานํ ญตฺวา พหิ วาเสถา’’ติ อิมํ อนุปญฺญตฺติํ กตฺวา ปุน สิกฺขาปทํ ปญฺญเปสิฯ

    Atha bhagavā pātova bhikkhū sannipātāpetvā dhammasenāpatiṃ pucchi ‘‘jānāsi pana tvaṃ, sāriputta, ajja katthaci rāhulassa vutthabhāva’’nti? ‘‘Na jānāmi, bhante’’ti. ‘‘Sāriputta, ajja rāhulo vaccakuṭiyaṃ vasi, sāriputta, tumhe rāhulaṃ evaṃ pariccajantā aññe kuladārake pabbājetvā kiṃ karissatha? Evañhi sante imasmiṃ sāsane pabbajitā na patiṭṭhā bhavissanti, ito dāni paṭṭhāya anupasampannena ekaṃ dve divase attano santike vasāpetvā tatiyadivase tesaṃ vasanaṭṭhānaṃ ñatvā bahi vāsethā’’ti imaṃ anupaññattiṃ katvā puna sikkhāpadaṃ paññapesi.

    ตสฺมิํ สมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู ราหุลสฺส คุณกถํ กเถนฺติ ‘‘ปสฺสถาวุโส, ยาว สิกฺขากาโม วตายํ ราหุโล, ‘ตว วสนฎฺฐานํ ชานาหี’ติ วุโตฺต นาม ‘อหํ ทสพลสฺส ปุโตฺต, ตุมฺหากํ เสนาสนสฺมา ตุเมฺหเยว นิกฺขมถา’ติ เอกํ ภิกฺขุมฺปิ อปฺปฎิปฺผริตฺวา วจฺจกุฎิยํ วาสํ กเปฺปสี’’ติฯ เอวํ เตสุ กถยมาเนสุ สตฺถา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา อลงฺกตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ อาหฯ ‘‘ภเนฺต, ราหุลสฺส สิกฺขากามกถาย, น อญฺญาย กถายา’’ติฯ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ราหุโล อิทาเนว สิกฺขากาโม, ปุเพฺพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพโตฺตปิ สิกฺขากาโมเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Tasmiṃ samaye dhammasabhāyaṃ sannisinnā bhikkhū rāhulassa guṇakathaṃ kathenti ‘‘passathāvuso, yāva sikkhākāmo vatāyaṃ rāhulo, ‘tava vasanaṭṭhānaṃ jānāhī’ti vutto nāma ‘ahaṃ dasabalassa putto, tumhākaṃ senāsanasmā tumheyeva nikkhamathā’ti ekaṃ bhikkhumpi appaṭippharitvā vaccakuṭiyaṃ vāsaṃ kappesī’’ti. Evaṃ tesu kathayamānesu satthā dhammasabhaṃ gantvā alaṅkatāsane nisīditvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti āha. ‘‘Bhante, rāhulassa sikkhākāmakathāya, na aññāya kathāyā’’ti. Satthā ‘‘na, bhikkhave, rāhulo idāneva sikkhākāmo, pubbe tiracchānayoniyaṃ nibbattopi sikkhākāmoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต ราชคเห เอโก มคธราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา โพธิสโตฺต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มิคคณปริวุโต อรเญฺญ วสติฯ อถสฺส ภคินี อตฺตโน ปุตฺตกํ อุปเนตฺวา ‘‘ภาติก, อิมํ เต ภาคิเนยฺยํ มิคมายํ สิกฺขาเปหี’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, อสุกเวลาย นาม อาคนฺตฺวา สิเกฺขยฺยาสี’’ติ อาหฯ โส มาตุเลน วุตฺตเวลํ อนติกฺกมิตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา มิคมายํ สิกฺขิฯ โส เอกทิวสํ วเน วิจรโนฺต ปาเสน พโทฺธ พทฺธรวํ รวิ, มิคคโณ ปลายิตฺวา ‘‘ปุโตฺต เต ปาเสน พโทฺธ’’ติ ตสฺส มาตุยา อาโรเจสิฯ สา ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภาติก, ภาคิเนโยฺย เต มิคมายํ สิกฺขาปิโต’’ติ ปุจฺฉิฯ โพธิสโตฺต ‘‘มา ตฺวํ ปุตฺตสฺส กิญฺจิ ปาปกํ อาสงฺกิ, สุคฺคหิตา เตน มิคมายา, อิทานิ ตํ หาสยมาโน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Atīte rājagahe eko magadharājā rajjaṃ kāresi. Tadā bodhisatto migayoniyaṃ nibbattitvā migagaṇaparivuto araññe vasati. Athassa bhaginī attano puttakaṃ upanetvā ‘‘bhātika, imaṃ te bhāgineyyaṃ migamāyaṃ sikkhāpehī’’ti āha. Bodhisatto ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā ‘‘gaccha, tāta, asukavelāya nāma āgantvā sikkheyyāsī’’ti āha. So mātulena vuttavelaṃ anatikkamitvā taṃ upasaṅkamitvā migamāyaṃ sikkhi. So ekadivasaṃ vane vicaranto pāsena baddho baddharavaṃ ravi, migagaṇo palāyitvā ‘‘putto te pāsena baddho’’ti tassa mātuyā ārocesi. Sā bhātu santikaṃ gantvā ‘‘bhātika, bhāgineyyo te migamāyaṃ sikkhāpito’’ti pucchi. Bodhisatto ‘‘mā tvaṃ puttassa kiñci pāpakaṃ āsaṅki, suggahitā tena migamāyā, idāni taṃ hāsayamāno āgacchissatī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –

    ๑๖.

    16.

    ‘‘มิคํ ติปลฺลตฺถมเนกมายํ, อฎฺฐกฺขุรํ อฑฺฒรตฺตาปปายิํ;

    ‘‘Migaṃ tipallatthamanekamāyaṃ, aṭṭhakkhuraṃ aḍḍharattāpapāyiṃ;

    เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสโนฺต, ฉหิ กลาหิติโภติ ภาคิเนโยฺย’’ติฯ

    Ekena sotena chamāssasanto, chahi kalāhitibhoti bhāgineyyo’’ti.

    ตตฺถ มิคนฺติ ภาคิเนยฺยมิคํฯ ติปลฺลตฺถนฺติ ปลฺลตฺถํ วุจฺจติ สยนํ, อุโภหิ ปเสฺสหิ อุชุกเมว จ นิปนฺนกวเสนาติ ตีหากาเรหิ ปลฺลตฺถํ อสฺส, ตีณิ วา ปลฺลตฺถานิ อสฺสาติ ติปลฺลโตฺถ, ตํ ติปลฺลตฺถํฯ อเนกมายนฺติ พหุมายํ พหุวญฺจนํฯ อฎฺฐกฺขุรนฺติ เอเกกสฺมิํ ปาเท ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วเสน อฎฺฐหิ ขุเรหิ สมนฺนาคตํฯ อฑฺฒรตฺตาปปายินฺติ ปุริมยามํ อติกฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม อรญฺญโต อาคมฺม ปานียสฺส ปิวนโต อฑฺฒรเตฺต อาปํ ปิวตีติ อฑฺฒรตฺตาปปายีฯ ตํ อฑฺฒรเตฺต อปายินฺติ อโตฺถฯ มม ภาคิเนยฺยํ มิคํ อหํ สาธุกํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปสิํฯ กถํ? ยถา เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสโนฺต, ฉหิ กลาหิติโภติ ภาคิเนโยฺยติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อหญฺหิ ตว ปุตฺตํ ตถา อุคฺคณฺหาเปสิํ, ยถา เอกสฺมิํ อุปริมนาสิกาโสเต วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ปถวิยา อลฺลีเนน เอเกน เหฎฺฐิมโสเตน ตเตฺถว ฉมายํ อสฺสสโนฺต ฉหิ กลาหิ ลุทฺทกํ อติโภติ, ฉหิ โกฎฺฐาเสหิ อโชฺฌตฺถรติ วเญฺจตีติ อโตฺถฯ กตมาหิ ฉหิ? จตฺตาโร ปาเท ปสาเรตฺวา เอเกน ปเสฺสน เสยฺยาย, ขุเรหิ ติณปํสุขณเนน, ชิวฺหานินฺนามเนน อุทรสฺส อุทฺธุมาตภาวกรเณน, อุจฺจารปสฺสาววิสฺสชฺชเนน, วาตสนฺนิรุมฺภเนนาติฯ

    Tattha miganti bhāgineyyamigaṃ. Tipallatthanti pallatthaṃ vuccati sayanaṃ, ubhohi passehi ujukameva ca nipannakavasenāti tīhākārehi pallatthaṃ assa, tīṇi vā pallatthāni assāti tipallattho, taṃ tipallatthaṃ. Anekamāyanti bahumāyaṃ bahuvañcanaṃ. Aṭṭhakkhuranti ekekasmiṃ pāde dvinnaṃ dvinnaṃ vasena aṭṭhahi khurehi samannāgataṃ. Aḍḍharattāpapāyinti purimayāmaṃ atikkamitvā majjhimayāme araññato āgamma pānīyassa pivanato aḍḍharatte āpaṃ pivatīti aḍḍharattāpapāyī. Taṃ aḍḍharatte apāyinti attho. Mama bhāgineyyaṃ migaṃ ahaṃ sādhukaṃ migamāyaṃ uggaṇhāpesiṃ. Kathaṃ? Yathā ekena sotena chamāssasanto, chahi kalāhitibhoti bhāgineyyoti. Idaṃ vuttaṃ hoti – ahañhi tava puttaṃ tathā uggaṇhāpesiṃ, yathā ekasmiṃ uparimanāsikāsote vātaṃ sannirumbhitvā pathaviyā allīnena ekena heṭṭhimasotena tattheva chamāyaṃ assasanto chahi kalāhi luddakaṃ atibhoti, chahi koṭṭhāsehi ajjhottharati vañcetīti attho. Katamāhi chahi? Cattāro pāde pasāretvā ekena passena seyyāya, khurehi tiṇapaṃsukhaṇanena, jivhāninnāmanena udarassa uddhumātabhāvakaraṇena, uccārapassāvavissajjanena, vātasannirumbhanenāti.

    อปโร นโย – ปาเทน ปํสุํ คเหตฺวา อภิมุขากฑฺฒเนน, ปฎิปณามเนน, อุโภสุ ปเสฺสสุ สญฺจรเณน, อุทรํ อุทฺธํ ปกฺขิปเนน, อโธ อวกฺขิปเนนาติ อิมาหิ ฉหิ กลาหิ ยถา อติโภติ, ‘‘มโต อย’’นฺติ สญฺญํ อุปฺปาเทตฺวา วเญฺจติ, เอวํ ตํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปสินฺติ ทีเปติฯ

    Aparo nayo – pādena paṃsuṃ gahetvā abhimukhākaḍḍhanena, paṭipaṇāmanena, ubhosu passesu sañcaraṇena, udaraṃ uddhaṃ pakkhipanena, adho avakkhipanenāti imāhi chahi kalāhi yathā atibhoti, ‘‘mato aya’’nti saññaṃ uppādetvā vañceti, evaṃ taṃ migamāyaṃ uggaṇhāpesinti dīpeti.

    อปโร นโย – ตถา นํ อุคฺคณฺหาเปสิํ, ยถา เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสโนฺต ฉหิ กลาหิติ ทฺวีสุปิ นเยสุ ทสฺสิเตหิ ฉหิ การเณหิ กลาหิติ กลายิสฺสติ, ลุทฺทํ วเญฺจสฺสตีติ อโตฺถฯ โภตีติ ภคินิํ อาลปติฯ ภาคิเนโยฺยติ เอวํ ฉหิ การเณหิ วญฺจนกํ ภาคิเนยฺยํ นิทฺทิสติฯ เอวํ โพธิสโตฺต ภาคิเนยฺยสฺส มิคมายาย สาธุกํ อุคฺคหิตภาวํ ทเสฺสโนฺต ภคินิํ สมสฺสาเสติฯ

    Aparo nayo – tathā naṃ uggaṇhāpesiṃ, yathā ekena sotena chamāssasanto chahi kalāhiti dvīsupi nayesu dassitehi chahi kāraṇehi kalāhiti kalāyissati, luddaṃ vañcessatīti attho. Bhotīti bhaginiṃ ālapati. Bhāgineyyoti evaṃ chahi kāraṇehi vañcanakaṃ bhāgineyyaṃ niddisati. Evaṃ bodhisatto bhāgineyyassa migamāyāya sādhukaṃ uggahitabhāvaṃ dassento bhaginiṃ samassāseti.

    โสปิ มิคโปตโก ปาเส พโทฺธ อวิปฺผนฺทิตฺวาเยว ภูมิยํ มหาผาสุกปเสฺสน ปาเท ปสาเรตฺวา นิปโนฺน ปาทานํ อาสนฺนฎฺฐาเน ขุเรเหว ปหริตฺวา ปํสุญฺจ ติณานิ จ อุปฺปาเฎตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ วิสฺสเชฺชตฺวา สีสํ ปาเตตฺวา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา สรีรํ เขฬกิลินฺนํ กตฺวา วาตคฺคหเณน อุทรํ อุทฺธุมาตกํ กตฺวา อกฺขีนิ ปริวเตฺตตฺวา เหฎฺฐา นาสิกาโสเตน วาตํ สญฺจราเปโนฺต อุปริมนาสิกาโสเตน วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สกลสรีรํ ถทฺธภาวํ คาหาเปตฺวา มตาการํ ทเสฺสสิฯ นีลมกฺขิกาปิ นํ สมฺปริวาเรสุํ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน กากา นิลียิํสุฯ ลุโทฺท อาคนฺตฺวา อุทรํ หเตฺถน ปหริตฺวา ‘‘อติปาโตว พโทฺธ ภวิสฺสติ, ปูติโก ชาโต’’ติ ตสฺส พนฺธนรชฺชุกํ โมเจตฺวา ‘‘เอเตฺถวทานิ นํ อุกฺกนฺติตฺวา มํสํ อาทาย คมิสฺสามี’’ติ นิราสโงฺก หุตฺวา สาขาปลาสํ คเหตุํ อารโทฺธฯ มิคโปตโกปิ อุฎฺฐาย จตูหิ ปาเทหิ ฐตฺวา กายํ วิธุนิตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา มหาวาเตน ฉินฺนวลาหโก วิย เวเคน มาตุ สนฺติกํ อคมาสิฯ

    Sopi migapotako pāse baddho avipphanditvāyeva bhūmiyaṃ mahāphāsukapassena pāde pasāretvā nipanno pādānaṃ āsannaṭṭhāne khureheva paharitvā paṃsuñca tiṇāni ca uppāṭetvā uccārapassāvaṃ vissajjetvā sīsaṃ pātetvā jivhaṃ ninnāmetvā sarīraṃ kheḷakilinnaṃ katvā vātaggahaṇena udaraṃ uddhumātakaṃ katvā akkhīni parivattetvā heṭṭhā nāsikāsotena vātaṃ sañcarāpento uparimanāsikāsotena vātaṃ sannirumbhitvā sakalasarīraṃ thaddhabhāvaṃ gāhāpetvā matākāraṃ dassesi. Nīlamakkhikāpi naṃ samparivāresuṃ, tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne kākā nilīyiṃsu. Luddo āgantvā udaraṃ hatthena paharitvā ‘‘atipātova baddho bhavissati, pūtiko jāto’’ti tassa bandhanarajjukaṃ mocetvā ‘‘etthevadāni naṃ ukkantitvā maṃsaṃ ādāya gamissāmī’’ti nirāsaṅko hutvā sākhāpalāsaṃ gahetuṃ āraddho. Migapotakopi uṭṭhāya catūhi pādehi ṭhatvā kāyaṃ vidhunitvā gīvaṃ pasāretvā mahāvātena chinnavalāhako viya vegena mātu santikaṃ agamāsi.

    สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, ราหุโล อิทาเนว สิกฺขากาโม, ปุเพฺพปิ สิกฺขากาโมเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ภาคิเนยฺยมิคโปตโก ราหุโล อโหสิ, มาตา อุปฺปลวณฺณา, มาตุลมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthāpi ‘‘na, bhikkhave, rāhulo idāneva sikkhākāmo, pubbepi sikkhākāmoyevā’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā bhāgineyyamigapotako rāhulo ahosi, mātā uppalavaṇṇā, mātulamigo pana ahameva ahosi’’nti.

    ติปลฺลตฺถมิคชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ

    Tipallatthamigajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๖. ติปลฺลตฺถมิคชาตกํ • 16. Tipallatthamigajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact