Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๑๐. ติรจฺฉานกถาสุตฺตวณฺณนา

    10. Tiracchānakathāsuttavaṇṇanā

    ๑๐๘๐. ทสเม อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํฯ ติรจฺฉานกถนฺติ อนิยฺยานิกตฺตา สคฺคโมกฺขมคฺคานํ ติรจฺฉานภูตํ กถํฯ ราชกถนฺติอาทีสุ ราชานํ อารพฺภ ‘‘มหาสมฺมโต มนฺธาตา ธมฺมาโสโก เอวํ มหานุภาโว’’ติอาทินา นเยน ปวตฺตกถา ราชกถาฯ เอส นโย โจรกถาทีสุฯ เตสุ ‘‘อสุโก ราชา อภิรูโป ทสฺสนีโย’’ติอาทินา นเยน เคหสิตกถาว ติรจฺฉานกถา โหติฯ ‘‘โสปิ นาม เอวํ มหานุภาโว ขยํ คโต’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปน กมฺมฎฺฐานภาเว ติฎฺฐติฯ โจเรสุปิ ‘‘มูลเทโว เอวํ มหานุภาโว เมฆมาโล เอวํ มหานุภาโว’’ติ เตสํ กมฺมํ ปฎิจฺจ ‘‘อโห สูรา’’ติ เคหสิตกถาว ติรจฺฉานกถาฯ ยุเทฺธปิ ภารตยุทฺธาทีสุ ‘‘อสุเกน อสุโก เอวํ มาริโต เอวํ วิโทฺธ’’ติ กามสฺสาทวเสเนว กถา ติรจฺฉานกถา, ‘‘เตปิ นาม ขยํ คตา’’ติ เอวํ ปวตฺตา ปน สพฺพตฺถ กมฺมฎฺฐานเมว โหติฯ อปิจ อนฺนาทีสุ ‘‘เอวํ วณฺณวนฺตํ คนฺธวนฺตํ รสวนฺตํ ผสฺสสมฺปนฺนํ ขาทิมฺห ภุญฺชิมฺห ปิวิมฺห ปริภุญฺชิมฺหา’’ติ กามสฺสาทวเสน กเถตุํ น วฎฺฎติฯ สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘ปุเพฺพ เอวํ วณฺณาทิสมฺปนฺนํ อนฺนํ ปานํ วตฺถํ สยนํ มาลํ คนฺธํ วิเลปนํ สีลวนฺตานํ อทมฺห, เจติเย ปูชํ อกริมฺหา’’ติ กเถตุํ วฎฺฎติฯ

    1080. Dasame anekavihitanti anekavidhaṃ. Tiracchānakathanti aniyyānikattā saggamokkhamaggānaṃ tiracchānabhūtaṃ kathaṃ. Rājakathantiādīsu rājānaṃ ārabbha ‘‘mahāsammato mandhātā dhammāsoko evaṃ mahānubhāvo’’tiādinā nayena pavattakathā rājakathā. Esa nayo corakathādīsu. Tesu ‘‘asuko rājā abhirūpo dassanīyo’’tiādinā nayena gehasitakathāva tiracchānakathā hoti. ‘‘Sopi nāma evaṃ mahānubhāvo khayaṃ gato’’ti evaṃ pavattā pana kammaṭṭhānabhāve tiṭṭhati. Coresupi ‘‘mūladevo evaṃ mahānubhāvo meghamālo evaṃ mahānubhāvo’’ti tesaṃ kammaṃ paṭicca ‘‘aho sūrā’’ti gehasitakathāva tiracchānakathā. Yuddhepi bhāratayuddhādīsu ‘‘asukena asuko evaṃ mārito evaṃ viddho’’ti kāmassādavaseneva kathā tiracchānakathā, ‘‘tepi nāma khayaṃ gatā’’ti evaṃ pavattā pana sabbattha kammaṭṭhānameva hoti. Apica annādīsu ‘‘evaṃ vaṇṇavantaṃ gandhavantaṃ rasavantaṃ phassasampannaṃ khādimha bhuñjimha pivimha paribhuñjimhā’’ti kāmassādavasena kathetuṃ na vaṭṭati. Sātthakaṃ pana katvā ‘‘pubbe evaṃ vaṇṇādisampannaṃ annaṃ pānaṃ vatthaṃ sayanaṃ mālaṃ gandhaṃ vilepanaṃ sīlavantānaṃ adamha, cetiye pūjaṃ akarimhā’’ti kathetuṃ vaṭṭati.

    ญาติกถาทีสุปิ ‘‘อมฺหากํ ญาตกา สูรา สมตฺถา’’ติ วา, ‘‘ปุเพฺพ มยํ เอวํ วิจิเตฺรหิ ยาเนหิ วิจริมฺหา’’ติ วา อสฺสาทวเสน วตฺตุํ น วฎฺฎติฯ สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘เตปิ โน ญาตกา ขยํ คตา’’ติ วา, ‘‘ปุเพฺพ มยํ เอวรูปา อุปาหนา สงฺฆสฺส อทมฺหา’’ติ วา กเถตพฺพาฯ คามกถาทีสุปิ สุนิวิฎฺฐทุนฺนิวิฎฺฐสุภิกฺขทุพฺภิกฺขาทิวเสน วา ‘‘อสุกคามวาสิโน สูรา สมตฺถา’’ติ วา เอวํ อสฺสาทวเสน วตฺตุํ น วฎฺฎติ, สาตฺถกํ ปน กตฺวา ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติ วา, ‘‘ขยํ คตา’’ติ วา วตฺตุํ วฎฺฎติฯ นิคมนครชนปทกถาสุปิ เอเสว นโยฯ

    Ñātikathādīsupi ‘‘amhākaṃ ñātakā sūrā samatthā’’ti vā, ‘‘pubbe mayaṃ evaṃ vicitrehi yānehi vicarimhā’’ti vā assādavasena vattuṃ na vaṭṭati. Sātthakaṃ pana katvā ‘‘tepi no ñātakā khayaṃ gatā’’ti vā, ‘‘pubbe mayaṃ evarūpā upāhanā saṅghassa adamhā’’ti vā kathetabbā. Gāmakathādīsupi suniviṭṭhadunniviṭṭhasubhikkhadubbhikkhādivasena vā ‘‘asukagāmavāsino sūrā samatthā’’ti vā evaṃ assādavasena vattuṃ na vaṭṭati, sātthakaṃ pana katvā ‘‘saddhā pasannā’’ti vā, ‘‘khayaṃ gatā’’ti vā vattuṃ vaṭṭati. Nigamanagarajanapadakathāsupi eseva nayo.

    อิตฺถิกถาปิ วณฺณสณฺฐานาทีนิ ปฎิจฺจ อสฺสาทวเสน วตฺตุํ น วฎฺฎติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา ขยํ คตา’’ติ เอวเมว วฎฺฎติฯ สูรกถาปิ ‘‘นนฺทิมิโตฺต นาม โยโธ สูโร อโหสี’’ติ อสฺสาทวเสน วตฺตุํ น วฎฺฎติ, ‘‘สโทฺธ ปสโนฺน อโหสิ, ขยํ คโต’’ติ เอวเมว วฎฺฎติฯ สุรากถาติปิ ปาโฐฯ สาปิ เจสา สุรากถา ‘‘เอวรูปา นาม สุรา ปีตา รติชนนี โหตี’’ติ อสฺสาทวเสเนว น วฎฺฎติ, อาทีนววเสน ปน ‘‘อุมฺมตฺตกสํวตฺตนิกา’’ติอาทินา นเยน วฎฺฎติฯ วิสิขากถาปิ ‘‘อสุกวิสิขา สุนิวิฎฺฐา ทุนฺนิวิฎฺฐา’’ติ วา, ‘‘อสุกวิสิขาย วาสิโน สูรา สมตฺถา’’ติ วา อสฺสาทวเสเนว วตฺตุํ น วฎฺฎติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา ขยํ คตา’’ติ เอเจฺจวํ วฎฺฎติฯ กุมฺภฎฺฐานกถาติ อุทกติตฺถกถา วุจฺจติ, กุมฺภทาสิกถา วาฯ สาปิ ‘‘ปาสาทิกา นจฺจิตุํ คายิตุํ เฉกา’’ติ อสฺสาทวเสน น วฎฺฎติ, ‘‘สทฺธา ปสนฺนา’’ติอาทินา นเยเนว วฎฺฎติฯ

    Itthikathāpi vaṇṇasaṇṭhānādīni paṭicca assādavasena vattuṃ na vaṭṭati, ‘‘saddhā pasannā khayaṃ gatā’’ti evameva vaṭṭati. Sūrakathāpi ‘‘nandimitto nāma yodho sūro ahosī’’ti assādavasena vattuṃ na vaṭṭati, ‘‘saddho pasanno ahosi, khayaṃ gato’’ti evameva vaṭṭati. Surākathātipi pāṭho. Sāpi cesā surākathā ‘‘evarūpā nāma surā pītā ratijananī hotī’’ti assādavaseneva na vaṭṭati, ādīnavavasena pana ‘‘ummattakasaṃvattanikā’’tiādinā nayena vaṭṭati. Visikhākathāpi ‘‘asukavisikhā suniviṭṭhā dunniviṭṭhā’’ti vā, ‘‘asukavisikhāya vāsino sūrā samatthā’’ti vā assādavaseneva vattuṃ na vaṭṭati, ‘‘saddhā pasannā khayaṃ gatā’’ti eccevaṃ vaṭṭati. Kumbhaṭṭhānakathāti udakatitthakathā vuccati, kumbhadāsikathā vā. Sāpi ‘‘pāsādikā naccituṃ gāyituṃ chekā’’ti assādavasena na vaṭṭati, ‘‘saddhā pasannā’’tiādinā nayeneva vaṭṭati.

    ปุพฺพเปตกถาติ อตีตญาติกถาฯ ตตฺถ วตฺตมานญาติกถาสทิโสว วินิจฺฉโยฯ นานตฺตกถาติ ปุริมปจฺฉิมกถาหิ วิมุตฺตา อวเสสา นานาสภาวา นิรตฺถกกถาฯ โลกกฺขายิกาติ ‘‘อยํ โลโก เกน นิมฺมิโต, อสุเกน นาม นิมฺมิโต, กาโก เสโต อฎฺฐีนํ เสตตฺตา, พลากา รตฺตา โลหิตสฺส รตฺตตฺตา’’ติ เอวมาทิกา โลกายตวิตณฺฑสลฺลาปกถาฯ สมุทฺทกฺขายิกา นาม ‘‘กสฺมา สมุโทฺท สาคโร, สาครเทเวน ขนิตตฺตา สาคโร, ขโต เมติ หตฺถมุทฺทาย นิเวทิตตฺตา สมุโทฺท’’ติ เอวมาทิกา นิรตฺถกสมุทฺทกฺขายิกกถาฯ อิติ ภโว อิติ อภโวติ ยํ วา ตํ วา นิรตฺถกการณํ วตฺวา ปวตฺติตกถา อิติภวาภวกถาฯ เอตฺถ จ ภโวติ สสฺสตํ, อภโวติ อุเจฺฉทํฯ ภโวติ วุทฺธิ, อภโวติ หานิฯ ภโวติ กามสุขํ, อภโวติ อตฺตกิลมโถฯ อิติ อิมาย ฉพฺพิธาย อิติภวาภวกถาย สทฺธิํ พาตฺติํส ติรจฺฉานกถา นาม โหนฺติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    Pubbapetakathāti atītañātikathā. Tattha vattamānañātikathāsadisova vinicchayo. Nānattakathāti purimapacchimakathāhi vimuttā avasesā nānāsabhāvā niratthakakathā. Lokakkhāyikāti ‘‘ayaṃ loko kena nimmito, asukena nāma nimmito, kāko seto aṭṭhīnaṃ setattā, balākā rattā lohitassa rattattā’’ti evamādikā lokāyatavitaṇḍasallāpakathā. Samuddakkhāyikā nāma ‘‘kasmā samuddo sāgaro, sāgaradevena khanitattā sāgaro, khato meti hatthamuddāya niveditattā samuddo’’ti evamādikā niratthakasamuddakkhāyikakathā. Iti bhavo iti abhavoti yaṃ vā taṃ vā niratthakakāraṇaṃ vatvā pavattitakathā itibhavābhavakathā. Ettha ca bhavoti sassataṃ, abhavoti ucchedaṃ. Bhavoti vuddhi, abhavoti hāni. Bhavoti kāmasukhaṃ, abhavoti attakilamatho. Iti imāya chabbidhāya itibhavābhavakathāya saddhiṃ bāttiṃsa tiracchānakathā nāma honti. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    ปฐโม วโคฺคฯ

    Paṭhamo vaggo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. ติรจฺฉานกถาสุตฺตํ • 10. Tiracchānakathāsuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. ติรจฺฉานกถาสุตฺตวณฺณนา • 10. Tiracchānakathāsuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact