Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๕๙] ๙. ติรีฎวจฺฉชาตกวณฺณนา
[259] 9. Tirīṭavacchajātakavaṇṇanā
นยิมสฺส วิชฺชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อายสฺมโต อานนฺทสฺส โกสลรโญฺญ มาตุคามานํ หตฺถโต ปญฺจสตานิ, รโญฺญ หตฺถโต ปญฺจสตานีติ ทุสฺสสหสฺสปฎิลาภวตฺถุํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา ทุกนิปาเต คุณชาตเก (ชา. อฎฺฐ. ๒.๒.คุณชาตกวณฺณนา) วิตฺถาริตเมวฯ
Nayimassa vijjāti idaṃ satthā jetavane viharanto āyasmato ānandassa kosalarañño mātugāmānaṃ hatthato pañcasatāni, rañño hatthato pañcasatānīti dussasahassapaṭilābhavatthuṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā dukanipāte guṇajātake (jā. aṭṭha. 2.2.guṇajātakavaṇṇanā) vitthāritameva.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต กาสิรเฎฺฐ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นามคฺคหณทิวเส ติรีฎวจฺฉกุมาโรติ กตนาโม อนุปุเพฺพน วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อคารํ อชฺฌาวสโนฺต มาตาปิตูนํ กาลกิริยาย สํวิคฺคหทโย หุตฺวา นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรญฺญายตเน วนมูลผลาหาโร หุตฺวา วาสํ กเปฺปสิฯ ตสฺมิํ ตตฺถ วสเนฺต พาราณสิรโญฺญ ปจฺจโนฺต กุปิ, โส ตตฺถ คนฺตฺวา ยุเทฺธ ปราชิโต มรณภยภีโต หตฺถิกฺขนฺธคโต เอเกน ปเสฺสน ปลายิตฺวา อรเญฺญ วิจรโนฺต ปุพฺพณฺหสมเย ติรีฎวจฺฉสฺส ผลาผลตฺถาย คตกาเล ตสฺส อสฺสมปทํ ปาวิสิฯ โส ‘‘ตาปสานํ วสนฎฺฐาน’’นฺติ หตฺถิโต โอตริตฺวา วาตาตเปน กิลโนฺต ปิปาสิโต ปานียฆฎํ โอโลเกโนฺต กตฺถจิ อทิสฺวา จงฺกมนโกฎิยํ อุทปานํ อทฺทสฯ อุทกอุสฺสิญฺจนตฺถาย ปน รชฺชุฆฎํ อทิสฺวา ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกโนฺต หตฺถิสฺส กุจฺฉิยํ พทฺธโยตฺตํ คเหตฺวา หตฺถิํ อุทปานตเฎ ฐเปตฺวา ตสฺส ปาเท โยตฺตํ พนฺธิตฺวา โยเตฺตน อุทปานํ โอตริตฺวา โยเตฺต อปาปุณเนฺต อุตฺตริตฺวา อุตฺตรสาฎกํ โยตฺตโกฎิยา สงฺฆาเฎตฺวา ปุน โอตริ, ตถาปิ นปฺปโหสิเยวฯ โส อคฺคปาเทหิ อุทกํ ผุสิตฺวา อติปิปาสิโต ‘‘ปิปาสํ วิโนเทตฺวา มรณมฺปิ สุมรณ’’นฺติ จิเนฺตตฺวา อุทปาเน ปติตฺวา ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา ปจฺจุตฺตริตุํ อสโกฺกโนฺต ตเตฺถว อฎฺฐาสิฯ หตฺถีปิ สุสิกฺขิตตฺตา อญฺญตฺถ อคนฺตฺวา ราชานํ โอโลเกโนฺต ตเตฺถว อฎฺฐาสิฯ โพธิสโตฺต สายนฺหสมเย ผลาผลํ อาหริตฺวา หตฺถิํ ทิสฺวา ‘‘ราชา อาคโต ภวิสฺสติ, วมฺมิตหตฺถีเยว ปน ปญฺญายติ, กิํ นุ โข การณ’’นฺติ โส หตฺถิสมีปํ อุปสงฺกมิฯ หตฺถีปิ ตสฺส อุปสงฺกมนภาวํ ญตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ โพธิสโตฺต อุทปานตฎํ คนฺตฺวา ราชานํ ทิสฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราชา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา นิเสฺสณิํ พนฺธิตฺวา ราชานํ อุตฺตาเรตฺวา กายมสฺส สมฺพาหิตฺวา เตเลน มเกฺขตฺวา นฺหาเปตฺวา ผลาผลานิ ขาทาเปตฺวา หตฺถิสฺส สนฺนาหํ โมเจสิฯ ราชา ทฺวีหตีหํ วิสฺสมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส อตฺตโน สนฺติกํ อาคมนตฺถาย ปฎิญฺญํ คเหตฺวา ปกฺกามิฯ ราชพลกาโย นครสฺส อวิทูเร ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ฐิโตฯ ราชานํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปริวาเรสิ, ราชา นครํ ปาวิสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto kāsiraṭṭhe brāhmaṇakule nibbattitvā nāmaggahaṇadivase tirīṭavacchakumāroti katanāmo anupubbena vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā agāraṃ ajjhāvasanto mātāpitūnaṃ kālakiriyāya saṃviggahadayo hutvā nikkhamitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā araññāyatane vanamūlaphalāhāro hutvā vāsaṃ kappesi. Tasmiṃ tattha vasante bārāṇasirañño paccanto kupi, so tattha gantvā yuddhe parājito maraṇabhayabhīto hatthikkhandhagato ekena passena palāyitvā araññe vicaranto pubbaṇhasamaye tirīṭavacchassa phalāphalatthāya gatakāle tassa assamapadaṃ pāvisi. So ‘‘tāpasānaṃ vasanaṭṭhāna’’nti hatthito otaritvā vātātapena kilanto pipāsito pānīyaghaṭaṃ olokento katthaci adisvā caṅkamanakoṭiyaṃ udapānaṃ addasa. Udakaussiñcanatthāya pana rajjughaṭaṃ adisvā pipāsaṃ sandhāretuṃ asakkonto hatthissa kucchiyaṃ baddhayottaṃ gahetvā hatthiṃ udapānataṭe ṭhapetvā tassa pāde yottaṃ bandhitvā yottena udapānaṃ otaritvā yotte apāpuṇante uttaritvā uttarasāṭakaṃ yottakoṭiyā saṅghāṭetvā puna otari, tathāpi nappahosiyeva. So aggapādehi udakaṃ phusitvā atipipāsito ‘‘pipāsaṃ vinodetvā maraṇampi sumaraṇa’’nti cintetvā udapāne patitvā yāvadatthaṃ pivitvā paccuttarituṃ asakkonto tattheva aṭṭhāsi. Hatthīpi susikkhitattā aññattha agantvā rājānaṃ olokento tattheva aṭṭhāsi. Bodhisatto sāyanhasamaye phalāphalaṃ āharitvā hatthiṃ disvā ‘‘rājā āgato bhavissati, vammitahatthīyeva pana paññāyati, kiṃ nu kho kāraṇa’’nti so hatthisamīpaṃ upasaṅkami. Hatthīpi tassa upasaṅkamanabhāvaṃ ñatvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Bodhisatto udapānataṭaṃ gantvā rājānaṃ disvā ‘‘mā bhāyi, mahārājā’’ti samassāsetvā nisseṇiṃ bandhitvā rājānaṃ uttāretvā kāyamassa sambāhitvā telena makkhetvā nhāpetvā phalāphalāni khādāpetvā hatthissa sannāhaṃ mocesi. Rājā dvīhatīhaṃ vissamitvā bodhisattassa attano santikaṃ āgamanatthāya paṭiññaṃ gahetvā pakkāmi. Rājabalakāyo nagarassa avidūre khandhāvāraṃ bandhitvā ṭhito. Rājānaṃ āgacchantaṃ disvā parivāresi, rājā nagaraṃ pāvisi.
โพธิสโตฺตปิ อฑฺฒมาสจฺจเยน พาราณสิํ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรมาโน ราชทฺวารํ คโตฯ ราชา มหาวาตปานํ อุคฺฆาเฎตฺวา ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา สญฺชานิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห วนฺทิตฺวา มหาตลํ อาโรเปตฺวา สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺต ราชปลฺลเงฺก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฎิยาทิตํ อาหารํ โภเชตฺวา สยมฺปิ ภุญฺชิตฺวา อุยฺยานํ เนตฺวา ตตฺถสฺส จงฺกมนาทิปริวารํ วสนฎฺฐานํ กาเรตฺวา สเพฺพ ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา อุยฺยานปาลํ ปฎิจฺฉาเปตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิฯ ตโต ปฎฺฐาย โพธิสโตฺต ราชนิเวสเนเยว ปริภุญฺชิ, มหาสกฺการสมฺมาโน อโหสิฯ
Bodhisattopi aḍḍhamāsaccayena bārāṇasiṃ patvā uyyāne vasitvā punadivase bhikkhaṃ caramāno rājadvāraṃ gato. Rājā mahāvātapānaṃ ugghāṭetvā rājaṅgaṇaṃ olokayamāno bodhisattaṃ disvā sañjānitvā pāsādā oruyha vanditvā mahātalaṃ āropetvā samussitasetacchatte rājapallaṅke nisīdāpetvā attano paṭiyāditaṃ āhāraṃ bhojetvā sayampi bhuñjitvā uyyānaṃ netvā tatthassa caṅkamanādiparivāraṃ vasanaṭṭhānaṃ kāretvā sabbe pabbajitaparikkhāre datvā uyyānapālaṃ paṭicchāpetvā vanditvā pakkāmi. Tato paṭṭhāya bodhisatto rājanivesaneyeva paribhuñji, mahāsakkārasammāno ahosi.
ตํ อสหมานา อมจฺจา ‘‘เอวรูปํ สกฺการํ เอโกปิ โยโธ ลภมาโน กิํ นาม น กเรยฺยา’’ติ วตฺวา อุปราชานํ อุปคนฺตฺวา ‘‘เทว, อมฺหากํ ราชา เอกํ ตาปสํ อติวิย มมายติ, กิํ นาม เตน ตสฺมิํ ทิฎฺฐํ, ตุเมฺหปิ ตาว รญฺญา สทฺธิํ มเนฺตถา’’ติ อาหํสุฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา อมเจฺจหิ สทฺธิํ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Taṃ asahamānā amaccā ‘‘evarūpaṃ sakkāraṃ ekopi yodho labhamāno kiṃ nāma na kareyyā’’ti vatvā uparājānaṃ upagantvā ‘‘deva, amhākaṃ rājā ekaṃ tāpasaṃ ativiya mamāyati, kiṃ nāma tena tasmiṃ diṭṭhaṃ, tumhepi tāva raññā saddhiṃ mantethā’’ti āhaṃsu. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā amaccehi saddhiṃ rājānaṃ upasaṅkamitvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๒๕.
25.
‘‘นยิมสฺส วิชฺชามยมตฺถิ กิญฺจิ, น พนฺธโว โน ปน เต สหาโย;
‘‘Nayimassa vijjāmayamatthi kiñci, na bandhavo no pana te sahāyo;
อถ เกน วเณฺณน ติรีฎวโจฺฉ, เตทณฺฑิโก ภุญฺชติ อคฺคปิณฺฑ’’นฺติฯ
Atha kena vaṇṇena tirīṭavaccho, tedaṇḍiko bhuñjati aggapiṇḍa’’nti.
ตตฺถ นยิมสฺส วิชฺชามยมตฺถิ กิญฺจีติ อิมสฺส ตาปสสฺส วิชฺชามยํ กิญฺจิ กมฺมํ นตฺถิฯ น พนฺธโว ติปุตฺตพนฺธวสิปฺปพนฺธวโคตฺตพนฺธวญาติพนฺธเวสุ อญฺญตโรปิ น โหติ ฯ โน ปน เต สหาโยติ สหปํสุกีฬิโก สหายโกปิ เต น โหติฯ เกน วเณฺณนาติ เกน การเณนฯ ติรีฎวโจฺฉติ ตสฺส นามํฯ เตทณฺฑิโกติ กุณฺฑิกฐปนตฺถาย ติทณฺฑกํ คเหตฺวา จรโนฺตฯ อคฺคปิณฺฑนฺติ รสสมฺปนฺนํ ราชารหํ อคฺคโภชนํฯ
Tattha nayimassa vijjāmayamatthi kiñcīti imassa tāpasassa vijjāmayaṃ kiñci kammaṃ natthi. Na bandhavo tiputtabandhavasippabandhavagottabandhavañātibandhavesu aññataropi na hoti . No pana te sahāyoti sahapaṃsukīḷiko sahāyakopi te na hoti. Kena vaṇṇenāti kena kāraṇena. Tirīṭavacchoti tassa nāmaṃ. Tedaṇḍikoti kuṇḍikaṭhapanatthāya tidaṇḍakaṃ gahetvā caranto. Aggapiṇḍanti rasasampannaṃ rājārahaṃ aggabhojanaṃ.
ตํ สุตฺวา ราชา ปุตฺตํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ตาต, มม ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา ยุทฺธปราชิตสฺส ทฺวีหตีหํ อนาคตภาวํ สรสี’’ติ วตฺวา ‘‘สรามี’’ติ วุเตฺต ‘‘ตทา มยา อิมํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺติํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตาต , มยฺหํ ชีวิตทายเก มม สนฺติกํ อาคเต รชฺชํ ททโนฺตปิ อหํ เนว เอเตน กตคุณานุรูปํ กาตุํ สโกฺกมี’’ติ วตฺวา อิตรา เทฺว คาถา อโวจ –
Taṃ sutvā rājā puttaṃ āmantetvā ‘‘tāta, mama paccantaṃ gantvā yuddhaparājitassa dvīhatīhaṃ anāgatabhāvaṃ sarasī’’ti vatvā ‘‘sarāmī’’ti vutte ‘‘tadā mayā imaṃ nissāya jīvitaṃ laddha’’nti sabbaṃ taṃ pavattiṃ ācikkhitvā ‘‘tāta , mayhaṃ jīvitadāyake mama santikaṃ āgate rajjaṃ dadantopi ahaṃ neva etena kataguṇānurūpaṃ kātuṃ sakkomī’’ti vatvā itarā dve gāthā avoca –
๒๖.
26.
‘‘อาปาสุ เม ยุทฺธปราชิตสฺส, เอกสฺส กตฺวา วิวนสฺมิ โฆเร;
‘‘Āpāsu me yuddhaparājitassa, ekassa katvā vivanasmi ghore;
ปสารยี กิจฺฉคตสฺส ปาณิํ, เตนูทตาริํ ทุขสมฺปเรโตฯ
Pasārayī kicchagatassa pāṇiṃ, tenūdatāriṃ dukhasampareto.
๒๗.
27.
‘‘เอตสฺส กิเจฺจน อิธานุปโตฺต, เวสายิโน วิสยา ชีวโลเก;
‘‘Etassa kiccena idhānupatto, vesāyino visayā jīvaloke;
ลาภารโห ตาต ติรีฎวโจฺฉ, เทถสฺส โภคํ ยชถญฺจ ยญฺญ’’นฺติฯ
Lābhāraho tāta tirīṭavaccho, dethassa bhogaṃ yajathañca yañña’’nti.
ตตฺถ อาปาสูติ อาปทาสุฯ เอกสฺสาติ อทุติยสฺสฯ กตฺวาติ อนุกมฺปํ กริตฺวา เปมํ อุปฺปาเทตฺวาฯ วิวนสฺมินฺติ ปานียรหิเต อรเญฺญฯ โฆเรติ ทารุเณฯ ปสารยี กิจฺฉคตสฺส ปาณินฺติ นิเสฺสณิํ พนฺธิตฺวา กูปํ โอตาเรตฺวา ทุกฺขคตสฺส มยฺหํ อุตฺตารณตฺถาย วีริยปฎิสํยุตฺตํ หตฺถํ ปสาเรสิฯ เตนูทตาริํ ทุขสมฺปเรโตติ เตน การเณนมฺหิ ทุกฺขปริวาริโตปิ ตมฺหา กูปา อุตฺติโณฺณฯ
Tattha āpāsūti āpadāsu. Ekassāti adutiyassa. Katvāti anukampaṃ karitvā pemaṃ uppādetvā. Vivanasminti pānīyarahite araññe. Ghoreti dāruṇe. Pasārayī kicchagatassa pāṇinti nisseṇiṃ bandhitvā kūpaṃ otāretvā dukkhagatassa mayhaṃ uttāraṇatthāya vīriyapaṭisaṃyuttaṃ hatthaṃ pasāresi. Tenūdatāriṃ dukhasamparetoti tena kāraṇenamhi dukkhaparivāritopi tamhā kūpā uttiṇṇo.
เอตสฺส กิเจฺจน อิธานุปโตฺตติ อหํ เอตสฺส ตาปสสฺส กิเจฺจน, เอเตน กตสฺส กิจฺจสฺสานุภาเวน อิธานุปฺปโตฺต ฯ เวสายิโน วิสยาติ เวสายี วุจฺจติ ยโม, ตสฺส วิสยาฯ ชีวโลเกติ มนุสฺสโลเกฯ อหญฺหิ อิมสฺมิํ ชีวโลเก ฐิโต ยมวิสยํ มจฺจุวิสยํ ปรโลกํ คโต นาม อโหสิํ, โสมฺหิ เอตสฺส การณา ตโต ปุน อิธาคโตติ วุตฺตํ โหติฯ ลาภารโหติ ลาภํ อรโห จตุปจฺจยลาภสฺส อนุจฺฉวิโกฯ เทถสฺส โภคนฺติ เอเตน ปริภุญฺชิตพฺพํ จตุปจฺจยสมณปริกฺขารสงฺขาตํ โภคํ เอตสฺส เทถฯ ยชถญฺจ ยญฺญนฺติ ตฺวญฺจ อมจฺจา จ นาครา จาติ สเพฺพปิ ตุเมฺห เอตสฺส โภคญฺจ เทถ, ยญฺญญฺจ ยชถฯ ตสฺส หิ ทียมาโน เทยฺยธโมฺม เตน ภุญฺชิตพฺพตฺตา โภโค โหติ, อิตเรสํ ทานยญฺญตฺตา ยโญฺญฯ เตนาห ‘‘เทถสฺส โภคํ ยชถญฺจ ยญฺญ’’นฺติฯ
Etassa kiccena idhānupattoti ahaṃ etassa tāpasassa kiccena, etena katassa kiccassānubhāvena idhānuppatto . Vesāyino visayāti vesāyī vuccati yamo, tassa visayā. Jīvaloketi manussaloke. Ahañhi imasmiṃ jīvaloke ṭhito yamavisayaṃ maccuvisayaṃ paralokaṃ gato nāma ahosiṃ, somhi etassa kāraṇā tato puna idhāgatoti vuttaṃ hoti. Lābhārahoti lābhaṃ araho catupaccayalābhassa anucchaviko. Dethassa bhoganti etena paribhuñjitabbaṃ catupaccayasamaṇaparikkhārasaṅkhātaṃ bhogaṃ etassa detha. Yajathañca yaññanti tvañca amaccā ca nāgarā cāti sabbepi tumhe etassa bhogañca detha, yaññañca yajatha. Tassa hi dīyamāno deyyadhammo tena bhuñjitabbattā bhogo hoti, itaresaṃ dānayaññattā yañño. Tenāha ‘‘dethassa bhogaṃ yajathañca yañña’’nti.
เอวํ รญฺญา คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ อุฎฺฐาเปเนฺตน วิย โพธิสตฺตสฺส คุเณ ปกาสิเต ตสฺส คุโณ สพฺพตฺถเมว ปากโฎ ชาโต, อติเรกตโร ตสฺส ลาภสกฺกาโร อุทปาทิฯ ตโต ปฎฺฐาย อุปราชา วา อมจฺจา วา อโญฺญ วา โกจิ กิญฺจิ ราชานํ วตฺตุํ น วิสหิฯ ราชา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ฐตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิฯ โพธิสโตฺตปิ อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ
Evaṃ raññā gaganatale puṇṇacandaṃ uṭṭhāpentena viya bodhisattassa guṇe pakāsite tassa guṇo sabbatthameva pākaṭo jāto, atirekataro tassa lābhasakkāro udapādi. Tato paṭṭhāya uparājā vā amaccā vā añño vā koci kiñci rājānaṃ vattuṃ na visahi. Rājā bodhisattassa ovāde ṭhatvā dānādīni puññāni katvā saggapuraṃ pūresi. Bodhisattopi abhiññā ca samāpattiyo ca uppādetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา ‘‘โปราณกปณฺฑิตาปิ อุปการวเสน กริํสู’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā ‘‘porāṇakapaṇḍitāpi upakāravasena kariṃsū’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.
ติรีฎวจฺฉชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Tirīṭavacchajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๕๙. ติรีฎวจฺฉชาตกํ • 259. Tirīṭavacchajātakaṃ