Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā |
๑๙. ติสฺสพุทฺธวํสวณฺณนา
19. Tissabuddhavaṃsavaṇṇanā
ตสฺส ปน สิทฺธตฺถสฺส ภควโต อปรภาเค เอโก กโปฺป พุทฺธสุโญฺญ อโหสิฯ อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ติโสฺส, ผุโสฺสติ เอกสฺมิํ กเปฺป เทฺว พุทฺธา นิพฺพตฺติํสุฯ ตตฺถ ติโสฺส นาม มหาปุริโส ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา เขมกนคเร ชนสนฺธสฺส นาม รโญฺญ อคฺคมเหสิยา ปทุมทลสทิสนยนาย ปทุมานามาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน อโนมุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ สตฺตวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ ตสฺส คุหาเสล-นาริสย-นิสภนามกา ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ สุภทฺทาเทวิปฺปมุขานิ เตตฺติํส อิตฺถิสหสฺสานิ อเหสุํฯ
Tassa pana siddhatthassa bhagavato aparabhāge eko kappo buddhasuñño ahosi. Ito dvānavutikappamatthake tisso, phussoti ekasmiṃ kappe dve buddhā nibbattiṃsu. Tattha tisso nāma mahāpuriso pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā khemakanagare janasandhassa nāma rañño aggamahesiyā padumadalasadisanayanāya padumānāmāya deviyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā dasannaṃ māsānaṃ accayena anomuyyāne mātukucchito nikkhami. Sattavassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Tassa guhāsela-nārisaya-nisabhanāmakā tayo pāsādā ahesuṃ. Subhaddādevippamukhāni tettiṃsa itthisahassāni ahesuṃ.
โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สุภทฺทาเทวิยา ปุเตฺต อานนฺทกุมาเร อุปฺปเนฺน โสนุตฺตรํ นาม อนุตฺตรํ ตุรงฺควรมารุยฺห มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ ตํ มนุสฺสานํ โกฎิ อนุปพฺพชิฯ โส เตหิ ปริวุโต อฎฺฐ มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย วีรนิคเม วีรเสฎฺฐิสฺส ธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา สลลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย วิชิตสงฺคามเกน นาม ยวปาเลน อุปนีตา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา อสนโพธิํ อุปสงฺกมิตฺวา จตฺตาลีสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ตตฺถ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา สมารํ มารพลํ วิธมิตฺวา อธิคตสพฺพญฺญุตญฺญาโณ – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมตฺวา ยสวตี นคเร พฺรหฺมเทวํ อุทยญฺจ เทฺว ราชปุเตฺต สปริวาเร อุปนิสฺสยสมฺปเนฺน อากาเสน คนฺตฺวา ยสวตีมิคทาเย โอตริตฺวา อุยฺยานปาเลน ราชปุเตฺต ปโกฺกสาเปตฺวา เตสํ สปริวารานํ อวิสารินา พฺยาปินา มธุเรน พฺรหฺมสฺสเรน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วิญฺญาเปโนฺตว ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิ, ตทา โกฎิสตานํ ปฐโม ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
So cattāri nimittāni disvā subhaddādeviyā putte ānandakumāre uppanne sonuttaraṃ nāma anuttaraṃ turaṅgavaramāruyha mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbaji. Taṃ manussānaṃ koṭi anupabbaji. So tehi parivuto aṭṭha māse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāya vīranigame vīraseṭṭhissa dhītāya dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā salalavane divāvihāraṃ vītināmetvā sāyanhasamaye vijitasaṅgāmakena nāma yavapālena upanītā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā asanabodhiṃ upasaṅkamitvā cattālīsahatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā tattha pallaṅkaṃ ābhujitvā samāraṃ mārabalaṃ vidhamitvā adhigatasabbaññutaññāṇo – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ bodhisamīpeyeva vītināmetvā yasavatī nagare brahmadevaṃ udayañca dve rājaputte saparivāre upanissayasampanne ākāsena gantvā yasavatīmigadāye otaritvā uyyānapālena rājaputte pakkosāpetvā tesaṃ saparivārānaṃ avisārinā byāpinā madhurena brahmassarena dasasahassilokadhātuṃ viññāpentova dhammacakkaṃ pavattesi, tadā koṭisatānaṃ paṭhamo dhammābhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๑.
1.
‘‘สิทฺธตฺถสฺส อปเรน, อสโม อปฺปฎิปุคฺคโล;
‘‘Siddhatthassa aparena, asamo appaṭipuggalo;
อนนฺตเตโช อมิตยโส, ติโสฺส โลกคฺคนายโกฯ
Anantatejo amitayaso, tisso lokagganāyako.
๒.
2.
‘‘ตมนฺธการํ วิธมิตฺวา, โอภาเสตฺวา สเทวกํ;
‘‘Tamandhakāraṃ vidhamitvā, obhāsetvā sadevakaṃ;
อนุกมฺปโก มหาวีโร, โลเก อุปฺปชฺชิ จกฺขุมาฯ
Anukampako mahāvīro, loke uppajji cakkhumā.
๓.
3.
‘‘ตสฺสาปิ อตุลา อิทฺธิ, อตุลํ สีลํ สมาธิ จ;
‘‘Tassāpi atulā iddhi, atulaṃ sīlaṃ samādhi ca;
สพฺพตฺถ ปารมิํ คนฺตฺวา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิฯ
Sabbattha pāramiṃ gantvā, dhammacakkaṃ pavattayi.
๔.
4.
‘‘โส พุโทฺธ ทสสหสฺสิมฺหิ, วิญฺญาเปสิ คิรํ สุจิํ;
‘‘So buddho dasasahassimhi, viññāpesi giraṃ suciṃ;
โกฎิสตานิ อภิสมิํสุ, ปฐเม ธมฺมเทสเน’’ติฯ
Koṭisatāni abhisamiṃsu, paṭhame dhammadesane’’ti.
ตตฺถ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ ธเมฺมสุ ปารํ คนฺตฺวาฯ ทสสหสฺสิมฺหีติ ทสสหสฺสิยํ อถาปเรน สมเยน ติเสฺสน สตฺถารา สทฺธิํ ปพฺพชิตานํ ภิกฺขูนํ โกฎิ มหาปุริสสฺส คณวาสํ ปหาย โพธิมูลมุปคมนสมเย อญฺญตฺร คตาฯ สา ติเสฺสน สมฺมาสมฺพุเทฺธน ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติต’’นฺติ สุตฺวา ยสวตีมิคทายํ อาคนฺตฺวา ทสพลมภิวาเทตฺวา ตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทิฯ เตสํ ภควา ธมฺมํ เทเสสิ, ตทา นวุติยา โกฎีนํ ทุติยาภิสมโย อโหสิฯ ปุน มหามงฺคลสมาคเม มงฺคลปริโยสาเน สฎฺฐิยา โกฎีนํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tattha sabbatthāti sabbesu dhammesu pāraṃ gantvā. Dasasahassimhīti dasasahassiyaṃ athāparena samayena tissena satthārā saddhiṃ pabbajitānaṃ bhikkhūnaṃ koṭi mahāpurisassa gaṇavāsaṃ pahāya bodhimūlamupagamanasamaye aññatra gatā. Sā tissena sammāsambuddhena dhammacakkaṃ pavattita’’nti sutvā yasavatīmigadāyaṃ āgantvā dasabalamabhivādetvā taṃ parivāretvā nisīdi. Tesaṃ bhagavā dhammaṃ desesi, tadā navutiyā koṭīnaṃ dutiyābhisamayo ahosi. Puna mahāmaṅgalasamāgame maṅgalapariyosāne saṭṭhiyā koṭīnaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๕.
5.
‘‘ทุติโย นวุติโกฎีนํ, ตติโย สฎฺฐิโกฎิโย;
‘‘Dutiyo navutikoṭīnaṃ, tatiyo saṭṭhikoṭiyo;
พนฺธนาโต ปโมเจสิ, สเตฺต นรมรู ตทา’’ติฯ
Bandhanāto pamocesi, satte naramarū tadā’’ti.
ตตฺถ ทุติโย นวุติโกฎีนนฺติ ทุติโย อภิสมโย อโหสิ นวุติโกฎิปาณีนนฺติ อโตฺถฯ พนฺธนาโตติ พนฺธนโต, ทสหิ สํโยชเนหิ ปริโมเจสีติ อโตฺถฯ อิทานิ ปริโมจิเต สเตฺต สรูปโต ทเสฺสโนฺต ‘‘นรมรู’’ติ อาหฯ นรมรูติ นรามเรฯ
Tattha dutiyo navutikoṭīnanti dutiyo abhisamayo ahosi navutikoṭipāṇīnanti attho. Bandhanātoti bandhanato, dasahi saṃyojanehi parimocesīti attho. Idāni parimocite satte sarūpato dassento ‘‘naramarū’’ti āha. Naramarūti narāmare.
ยสวตีนคเร กิร อโนฺตวสฺสํ ปพฺพชิตานํ อรหนฺตานํ สตสหเสฺสหิ ปริวุโต ปวาเรสิ, โส ปฐโม สนฺนิปาโต อโหสิฯ อุภโต สุชาตสฺส สุชาตสฺส นาม รโญฺญ นาริวาหนกุมาโร นาริวาหนนครํ อนุปฺปเตฺต ภควติ โลกนาเถ สปริวาโร ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ทสพลํ สภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา สตฺตาหํ อสทิสทานํ ทตฺวา อตฺตโน รชฺชํ ปุตฺตสฺส นิยฺยาเตตฺวา สปริวาโร สพฺพโลกาธิปติสฺส ติสฺสสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิฯ ตสฺส กิร สา ปพฺพชฺชา สพฺพทิสาสุ ปากฎา อโหสิฯ ตสฺมา ตโต ตโต อาคนฺตฺวา นาริวาหนกุมารํ มหาชโน อนุปพฺพชิฯ ตทา ตถาคโต นวุติยา ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส มชฺฌคโต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ , โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ ปุน เขมวตีนคเร ญาติสมาคเม พุทฺธวํสธมฺมกถํ สุตฺวา อสีติสตสหสฺสานิ ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิํสุ, เตหิ ปริวุโต สุคโต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Yasavatīnagare kira antovassaṃ pabbajitānaṃ arahantānaṃ satasahassehi parivuto pavāresi, so paṭhamo sannipāto ahosi. Ubhato sujātassa sujātassa nāma rañño nārivāhanakumāro nārivāhananagaraṃ anuppatte bhagavati lokanāthe saparivāro paccuggantvā dasabalaṃ sabhikkhusaṅghaṃ nimantetvā sattāhaṃ asadisadānaṃ datvā attano rajjaṃ puttassa niyyātetvā saparivāro sabbalokādhipatissa tissasammāsambuddhassa santike ehibhikkhupabbajjāya pabbaji. Tassa kira sā pabbajjā sabbadisāsu pākaṭā ahosi. Tasmā tato tato āgantvā nārivāhanakumāraṃ mahājano anupabbaji. Tadā tathāgato navutiyā bhikkhusatasahassassa majjhagato pātimokkhaṃ uddisi , so dutiyo sannipāto ahosi. Puna khemavatīnagare ñātisamāgame buddhavaṃsadhammakathaṃ sutvā asītisatasahassāni tassa santike pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇiṃsu, tehi parivuto sugato pātimokkhaṃ uddisi, so tatiyo sannipāto ahosi. Tena vuttaṃ –
๖.
6.
‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ติเสฺส โลกคฺคนายเก;
‘‘Sannipātā tayo āsuṃ, tisse lokagganāyake;
ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ
Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.
๗.
7.
‘‘ขีณาสวสตสหสฺสานํ, ปฐโม อาสิ สมาคโม;
‘‘Khīṇāsavasatasahassānaṃ, paṭhamo āsi samāgamo;
นวุติสตสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโมฯ
Navutisatasahassānaṃ, dutiyo āsi samāgamo.
๘.
8.
‘‘อสีติสตสหสฺสานํ, ตติโย อาสิ สมาคโม;
‘‘Asītisatasahassānaṃ, tatiyo āsi samāgamo;
ขีณาสวานํ วิมลานํ, ปุปฺผิตานํ วิมุตฺติยา’’ติฯ
Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, pupphitānaṃ vimuttiyā’’ti.
ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต ยสวตีนคเร สุชาโต นาม ราชา หุตฺวา อิทฺธํ ผีตํ ชนปทํ อเนกโกฎิธนสนฺนิจยํ อนุราคมุปคตหทยญฺจ ปริชนํ ติณนฬมิว ปริจฺจชิตฺวา ชาติอาทีสุ สํวิคฺคหทโย นิกฺขมิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหิทฺธิโก มหานุภาโว หุตฺวา ‘‘พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน’’ติ สุตฺวา ปญฺจวณฺณาย ปีติยา ผุฎสรีโร หุตฺวา สปติโสฺส ติสฺสํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘หนฺทาหํ มนฺทารวปาริจฺฉตฺตกาทีหิ ทิพฺพกุสุเมหิ ภควนฺตํ ปูเชสฺสามี’’ติฯ อถ โส เอวํ จิเนฺตตฺวา อิทฺธิยา สคฺคโลกํ คนฺตฺวา จิตฺตลตาวนํ ปวิสิตฺวา ปทุมปาริจฺฉตฺตกมนฺทารวาทีหิ ทิพฺพกุสุเมหิ รตนมยํ จโงฺกฎกํ คาวุตปฺปมาณํ ปูเรตฺวา คเหตฺวา คคนตเลน อาคนฺตฺวา ทิเพฺพหิ สุรภิกุสุเมหิ ภควนฺตํ ปูเชสิฯ เอกญฺจ มณิทณฺฑกํ สุวณฺณมยกณฺณิกํ ปทุมราคมณิมยปณฺณํ สุคนฺธเกสรจฺฉตฺตํ วิย ปทุมจฺฉตฺตํ ภควโต สิรสิ ธารยโนฺต จตุปริสมเชฺฌ อฎฺฐาสิฯ อถ ภควา นํ – ‘‘อิโต เทฺวนวุเต กเปฺป โคตโม นาม พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ เตน วุตฺตํ –
Tadā amhākaṃ bodhisatto yasavatīnagare sujāto nāma rājā hutvā iddhaṃ phītaṃ janapadaṃ anekakoṭidhanasannicayaṃ anurāgamupagatahadayañca parijanaṃ tiṇanaḷamiva pariccajitvā jātiādīsu saṃviggahadayo nikkhamitvā tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā mahiddhiko mahānubhāvo hutvā ‘‘buddho loke uppanno’’ti sutvā pañcavaṇṇāya pītiyā phuṭasarīro hutvā sapatisso tissaṃ bhagavantaṃ upasaṅkamitvā vanditvā cintesi – ‘‘handāhaṃ mandāravapāricchattakādīhi dibbakusumehi bhagavantaṃ pūjessāmī’’ti. Atha so evaṃ cintetvā iddhiyā saggalokaṃ gantvā cittalatāvanaṃ pavisitvā padumapāricchattakamandāravādīhi dibbakusumehi ratanamayaṃ caṅkoṭakaṃ gāvutappamāṇaṃ pūretvā gahetvā gaganatalena āgantvā dibbehi surabhikusumehi bhagavantaṃ pūjesi. Ekañca maṇidaṇḍakaṃ suvaṇṇamayakaṇṇikaṃ padumarāgamaṇimayapaṇṇaṃ sugandhakesaracchattaṃ viya padumacchattaṃ bhagavato sirasi dhārayanto catuparisamajjhe aṭṭhāsi. Atha bhagavā naṃ – ‘‘ito dvenavute kappe gotamo nāma buddho bhavissatī’’ti byākāsi. Tena vuttaṃ –
๙.
9.
‘‘อหํ เตน สมเยน, สุชาโต นาม ขตฺติโย;
‘‘Ahaṃ tena samayena, sujāto nāma khattiyo;
มหาโภคํ ฉฑฺฑยิตฺวา, ปพฺพชิํ อิสิปพฺพชํฯ
Mahābhogaṃ chaḍḍayitvā, pabbajiṃ isipabbajaṃ.
๑๐.
10.
‘‘มยิ ปพฺพชิเต สเนฺต, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;
‘‘Mayi pabbajite sante, uppajji lokanāyako;
พุโทฺธติ สทฺทํ สุตฺวาน, ปีติ เม อุปปชฺชถฯ
Buddhoti saddaṃ sutvāna, pīti me upapajjatha.
๑๑.
11.
‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;
‘‘Dibbaṃ mandāravaṃ pupphaṃ, padumaṃ pārichattakaṃ;
อุโภ หเตฺถหิ ปคฺคยฺห, ธุนมาโน อุปาคมิํฯ
Ubho hatthehi paggayha, dhunamāno upāgamiṃ.
๑๒.
12.
‘‘จาตุวณฺณปริวุตํ, ติสฺสํ โลกคฺคนายกํ;
‘‘Cātuvaṇṇaparivutaṃ, tissaṃ lokagganāyakaṃ;
ตมหํ ปุปฺผํ คเหตฺวา, มตฺถเก ธารยิํ ชินํฯ
Tamahaṃ pupphaṃ gahetvā, matthake dhārayiṃ jinaṃ.
๑๓.
13.
‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, ชนมเชฺฌ นิสีทิย;
‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, janamajjhe nisīdiya;
เทฺวนวุเต อิโต กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ
Dvenavute ito kappe, ayaṃ buddho bhavissati.
๑๔.
14.
‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ
‘‘Padhānaṃ padahitvāna…pe… hessāma sammukhā imaṃ.
๑๕.
15.
‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;
‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;
อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ, ทสปารมิปูริยา’’ติฯ
Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ, dasapāramipūriyā’’ti.
ตตฺถ มยิ ปพฺพชิเตติ มยิ ปพฺพชิตภาวํ อุปคเตฯ ‘‘มม ปพฺพชิตํ สนฺต’’นฺติ โปตฺถเกสุ ลิขนฺติ, โส ปมาทเลโขติ เวทิตโพฺพฯ อุปปชฺชถาติ อุปฺปชฺชิตฺถฯ อุโภ หเตฺถหีติ อุเภหิ หเตฺถหิฯ ปคฺคยฺหาติ คเหตฺวานฯ ธุนมาโนติ วากจีรานิ วิธุนมาโนวฯ จาตุวณฺณปริวุตนฺติ จตุปริสปริวุตํ, ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติสมณปริวุตนฺติ อโตฺถฯ ‘‘จตุวเณฺณหิ ปริวุต’’นฺติ ปฐนฺติ เกจิฯ
Tattha mayi pabbajiteti mayi pabbajitabhāvaṃ upagate. ‘‘Mama pabbajitaṃ santa’’nti potthakesu likhanti, so pamādalekhoti veditabbo. Upapajjathāti uppajjittha. Ubho hatthehīti ubhehi hatthehi. Paggayhāti gahetvāna. Dhunamānoti vākacīrāni vidhunamānova. Cātuvaṇṇaparivutanti catuparisaparivutaṃ, khattiyabrāhmaṇagahapatisamaṇaparivutanti attho. ‘‘Catuvaṇṇehi parivuta’’nti paṭhanti keci.
ตสฺส ปน ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิฯ ชนสโนฺธ นาม ขตฺติโย ปิตา, ปทุมา นาม ชนิกา, พฺรหฺมเทโว จ อุทโย จ เทฺว อคฺคสาวกา, สมโงฺค นามุปฎฺฐาโก, ผุสฺสา จ สุทตฺตา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, อสนรุโกฺข โพธิ, สรีรํ สฎฺฐิหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุ, สุภทฺทา นาม อคฺคมเหสี, อานโนฺท นาม ปุโตฺต, ตุรงฺคยาเนน นิกฺขมิฯ เตน วุตฺตํ –
Tassa pana bhagavato khemaṃ nāma nagaraṃ ahosi. Janasandho nāma khattiyo pitā, padumā nāma janikā, brahmadevo ca udayo ca dve aggasāvakā, samaṅgo nāmupaṭṭhāko, phussā ca sudattā ca dve aggasāvikā, asanarukkho bodhi, sarīraṃ saṭṭhihatthubbedhaṃ ahosi, vassasatasahassaṃ āyu, subhaddā nāma aggamahesī, ānando nāma putto, turaṅgayānena nikkhami. Tena vuttaṃ –
๑๖.
16.
‘‘เขมกํ นาม นครํ, ชนสโนฺธ นาม ขตฺติโย;
‘‘Khemakaṃ nāma nagaraṃ, janasandho nāma khattiyo;
ปทุมา นาม ชนิกา, ติสฺสสฺส จ มเหสิโนฯ
Padumā nāma janikā, tissassa ca mahesino.
๒๑.
21.
‘‘พฺรหฺมเทโว จ อุทโย จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
‘‘Brahmadevo ca udayo ca, ahesuṃ aggasāvakā;
สมโงฺค นามุปฎฺฐาโก, ติสฺสสฺส จ มเหสิโนฯ
Samaṅgo nāmupaṭṭhāko, tissassa ca mahesino.
๒๒.
22.
‘‘ผุสฺสา เจว สุทตฺตา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
‘‘Phussā ceva sudattā ca, ahesuṃ aggasāvikā;
โพธิ ตสฺส ภควโต, อสโนติ ปวุจฺจติฯ
Bodhi tassa bhagavato, asanoti pavuccati.
๒๔.
24.
‘‘โส พุโทฺธ สฎฺฐิรตโน, อหุ อุจฺจตฺตเน ชิโน;
‘‘So buddho saṭṭhiratano, ahu uccattane jino;
อนูปโม อสทิโส, หิมวา วิย ทิสฺสติฯ
Anūpamo asadiso, himavā viya dissati.
๒๕.
25.
‘‘ตสฺสาปิ อตุลเตชสฺส, อายุ อาสิ อนุตฺตโร;
‘‘Tassāpi atulatejassa, āyu āsi anuttaro;
วสฺสสตสหสฺสานิ, โลเก อฎฺฐาสิ จกฺขุมาฯ
Vassasatasahassāni, loke aṭṭhāsi cakkhumā.
๒๖.
26.
‘‘อุตฺตมํ ปวรํ เสฎฺฐํ, อนุโภตฺวา มหายสํ;
‘‘Uttamaṃ pavaraṃ seṭṭhaṃ, anubhotvā mahāyasaṃ;
ชลิตฺวา อคฺคิกฺขโนฺธว, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ
Jalitvā aggikkhandhova, nibbuto so sasāvako.
๒๗.
27.
‘‘วลาหโกว อนิเลน, สูริเยน วิย อุสฺสโว;
‘‘Valāhakova anilena, sūriyena viya ussavo;
อนฺธกาโรว ปทีเปน, นิพฺพุโต โส สสาวโก’’ติฯ
Andhakārova padīpena, nibbuto so sasāvako’’ti.
ตตฺถ อุจฺจตฺตเนติ อุจฺจภาเวนฯ หิมวา วิย ทิสฺสตีติ หิมวาว ปทิสฺสติฯ อยเมว วา ปาโฐฯ ยถา โยชนานํ สตานุโจฺจ หิมวา ปญฺจปพฺพโต สุทูเร ฐิตานมฺปิ อุจฺจภาเวน จ โสมฺมภาเวน จ อติรมณีโย หุตฺวา ทิสฺสติ, เอวํ ภควาปิ ทิสฺสตีติ อโตฺถฯ อนุตฺตโรติ นาติทีโฆ นาติรโสฺสฯ อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ อโตฺถฯ อุตฺตมํ ปวรํ เสฎฺฐนฺติ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ อุสฺสโวติ หิมพินฺทุ วลาหกอุสฺสวอนฺธการา วิย อนิลสูริยทีเปหิ อนิจฺจตานิลสูริยทีเปหิ อุปทฺทุโต ปรินิพฺพุโต สสาวโก ภควาติ อโตฺถฯ
Tattha uccattaneti uccabhāvena. Himavā viya dissatīti himavāva padissati. Ayameva vā pāṭho. Yathā yojanānaṃ satānucco himavā pañcapabbato sudūre ṭhitānampi uccabhāvena ca sommabhāvena ca atiramaṇīyo hutvā dissati, evaṃ bhagavāpi dissatīti attho. Anuttaroti nātidīgho nātirasso. Āyu vassasatasahassanti attho. Uttamaṃ pavaraṃ seṭṭhanti aññamaññavevacanāni. Ussavoti himabindu valāhakaussavaandhakārā viya anilasūriyadīpehi aniccatānilasūriyadīpehi upadduto parinibbuto sasāvako bhagavāti attho.
ติโสฺส กิร ภควา สุนนฺทวตีนคเร สุนนฺทาราเม ปรินิพฺพายิฯ เสสเมตฺถ คาถาสุ ปากฎเมวาติฯ
Tisso kira bhagavā sunandavatīnagare sunandārāme parinibbāyi. Sesamettha gāthāsu pākaṭamevāti.
ติสฺสพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tissabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต สตฺตรสโม พุทฺธวํโสฯ
Niṭṭhito sattarasamo buddhavaṃso.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๑๙. ติสฺสพุทฺธวํโส • 19. Tissabuddhavaṃso