Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā |
๗. ติสฺสเมเตฺตยฺยสุตฺตวณฺณนา
7. Tissametteyyasuttavaṇṇanā
๘๒๑. เมถุนมนุยุตฺตสฺสาติ ติสฺสเมเตฺตยฺยสุตฺตํฯ กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต ติสฺสเมเตฺตยฺยา นาม เทฺว สหายา สาวตฺถิํ อคมํสุฯ เต สายนฺหสมยํ มหาชนํ เชตวนาภิมุขํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กุหิํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ตโต เตหิ ‘‘พุโทฺธ โลเก อุปฺปโนฺน, พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, ตํ โสตุํ เชตวนํ คจฺฉามา’’ติ วุเตฺต ‘‘มยมฺปิ โสสฺสามา’’ติ อคมํสุฯ เต อวญฺฌธมฺมเทสกสฺส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปริสนฺตเร นิสินฺนาว จิเนฺตสุํ – ‘‘น สกฺกา อคารมเชฺฌ ฐิเตนายํ ธโมฺม ปริปูเรตุ’’นฺติฯ อถ ปกฺกเนฺต มหาชเน ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิํสุฯ ภควา ‘‘อิเม ปพฺพาเชหี’’ติ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิฯ โส เต ปพฺพาเชตฺวา ตจปญฺจกกมฺมฎฺฐานํ ทตฺวา อรญฺญวาสํ คนฺตุมารโทฺธฯ เมเตฺตโยฺย ติสฺสํ อาห – ‘‘อาวุโส, อุปชฺฌาโย อรญฺญํ คจฺฉติ, มยมฺปิ คจฺฉามา’’ติฯ ติโสฺส ‘‘อลํ อาวุโส, ภควโต ทสฺสนํ ธมฺมสฺสวนญฺจ อหํ ปิเหมิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา น อคมาสิฯ เมเตฺตโยฺย อุปชฺฌาเยน สห คนฺตฺวา อรเญฺญ สมณธมฺมํ กโรโนฺต น จิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิ สทฺธิํ อาจริยุปชฺฌาเยหิฯ ติสฺสสฺสาปิ เชฎฺฐภาตา พฺยาธินา กาลมกาสิฯ โส ตํ สุตฺวา อตฺตโน คามํ อคมาสิ, ตตฺร นํ ญาตกา ปโลเภตฺวา อุปฺปพฺพาเชสุํฯ เมเตฺตโยฺยปิ อาจริยุปชฺฌาเยหิ สทฺธิํ สาวตฺถิํ อาคโตฯ อถ ภควา วุตฺถวโสฺส ชนปทจาริกํ จรมาโน อนุปุเพฺพน ตํ คามํ ปาปุณิฯ ตตฺถ เมเตฺตโยฺย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อิมสฺมิํ, ภเนฺต, คาเม มม คิหิสหาโย อตฺถิ, มุหุตฺตํ ตาว อาคเมถ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ วตฺวา คามํ ปวิสิตฺวา ตํ ภควโต สนฺติกํ อาเนตฺวา เอกมนฺตํ ฐิโต ตสฺสตฺถาย อาทิคาถาย ภควนฺตํ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ ตสฺส ภควา พฺยากโรโนฺต อวเสสคาถาโย อภาสิฯ อยมสฺส สุตฺตสฺส อุปฺปตฺติฯ
821.Methunamanuyuttassāti tissametteyyasuttaṃ. Kā uppatti? Bhagavati kira sāvatthiyaṃ viharante tissametteyyā nāma dve sahāyā sāvatthiṃ agamaṃsu. Te sāyanhasamayaṃ mahājanaṃ jetavanābhimukhaṃ gacchantaṃ disvā ‘‘kuhiṃ gacchathā’’ti pucchiṃsu. Tato tehi ‘‘buddho loke uppanno, bahujanahitāya dhammaṃ deseti, taṃ sotuṃ jetavanaṃ gacchāmā’’ti vutte ‘‘mayampi sossāmā’’ti agamaṃsu. Te avañjhadhammadesakassa bhagavato dhammadesanaṃ sutvā parisantare nisinnāva cintesuṃ – ‘‘na sakkā agāramajjhe ṭhitenāyaṃ dhammo paripūretu’’nti. Atha pakkante mahājane bhagavantaṃ pabbajjaṃ yāciṃsu. Bhagavā ‘‘ime pabbājehī’’ti aññataraṃ bhikkhuṃ āṇāpesi. So te pabbājetvā tacapañcakakammaṭṭhānaṃ datvā araññavāsaṃ gantumāraddho. Metteyyo tissaṃ āha – ‘‘āvuso, upajjhāyo araññaṃ gacchati, mayampi gacchāmā’’ti. Tisso ‘‘alaṃ āvuso, bhagavato dassanaṃ dhammassavanañca ahaṃ pihemi, gaccha tva’’nti vatvā na agamāsi. Metteyyo upajjhāyena saha gantvā araññe samaṇadhammaṃ karonto na cirasseva arahattaṃ pāpuṇi saddhiṃ ācariyupajjhāyehi. Tissassāpi jeṭṭhabhātā byādhinā kālamakāsi. So taṃ sutvā attano gāmaṃ agamāsi, tatra naṃ ñātakā palobhetvā uppabbājesuṃ. Metteyyopi ācariyupajjhāyehi saddhiṃ sāvatthiṃ āgato. Atha bhagavā vutthavasso janapadacārikaṃ caramāno anupubbena taṃ gāmaṃ pāpuṇi. Tattha metteyyo bhagavantaṃ vanditvā ‘‘imasmiṃ, bhante, gāme mama gihisahāyo atthi, muhuttaṃ tāva āgametha anukampaṃ upādāyā’’ti vatvā gāmaṃ pavisitvā taṃ bhagavato santikaṃ ānetvā ekamantaṃ ṭhito tassatthāya ādigāthāya bhagavantaṃ pañhaṃ pucchi. Tassa bhagavā byākaronto avasesagāthāyo abhāsi. Ayamassa suttassa uppatti.
ตตฺถ เมถุนมนุยุตฺตสฺสาติ เมถุนธมฺมสมายุตฺตสฺสฯ อิตีติ เอวมาหฯ อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ, ติโสฺสติ นามํ ตสฺส เถรสฺสฯ โส หิ ติโสฺสติ นาเมนฯ เมเตฺตโยฺยติ โคตฺตํ, โคตฺตวเสเนว เจส ปากโฎ อโหสิฯ ตสฺมา อฎฺฐุปฺปตฺติยํ วุตฺตํ ‘‘ติสฺสเมเตฺตยฺยา นาม เทฺว สหายา’’ติฯ วิฆาตนฺติ อุปฆาตํฯ พฺรูหีติ อาจิกฺขฯ มาริสาติ ปิยวจนเมตํ, นิทุกฺขาติ วุตฺตํ โหติฯ สุตฺวาน ตว สาสนนฺติ ตว วจนํ สุตฺวาฯ วิเวเก สิกฺขิสฺสามเสติ สหายํ อารพฺภ ธมฺมเทสนํ ยาจโนฺต ภณติฯ โส ปน สิกฺขิตสิโกฺขเยวฯ
Tattha methunamanuyuttassāti methunadhammasamāyuttassa. Itīti evamāha. Āyasmāti piyavacanametaṃ, tissoti nāmaṃ tassa therassa. So hi tissoti nāmena. Metteyyoti gottaṃ, gottavaseneva cesa pākaṭo ahosi. Tasmā aṭṭhuppattiyaṃ vuttaṃ ‘‘tissametteyyā nāma dve sahāyā’’ti. Vighātanti upaghātaṃ. Brūhīti ācikkha. Mārisāti piyavacanametaṃ, nidukkhāti vuttaṃ hoti. Sutvāna tava sāsananti tava vacanaṃ sutvā. Viveke sikkhissāmaseti sahāyaṃ ārabbha dhammadesanaṃ yācanto bhaṇati. So pana sikkhitasikkhoyeva.
๘๒๒. มุสฺสเต วาปิ สาสนนฺติ ปริยตฺติปฎิปตฺติโต ทุวิธมฺปิ สาสนํ นสฺสติฯ วาปีติ ปทปูรณมตฺตํฯ เอตํ ตสฺมิํ อนาริยนฺติ ตสฺมิํ ปุคฺคเล เอตํ อนริยํ, ยทิทํ มิจฺฉาปฎิปทาฯ
822.Mussatevāpi sāsananti pariyattipaṭipattito duvidhampi sāsanaṃ nassati. Vāpīti padapūraṇamattaṃ. Etaṃ tasmiṃ anāriyanti tasmiṃ puggale etaṃ anariyaṃ, yadidaṃ micchāpaṭipadā.
๘๒๓. เอโก ปุเพฺพ จริตฺวานาติ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน วา คณโวสฺสคฺคเฎฺฐน วา ปุเพฺพ เอโก วิหริตฺวาฯ ยานํ ภนฺตํว ตํ โลเก, หีนมาหุ ปุถุชฺชนนฺติ ตํ วิพฺภนฺตกํ ปุคฺคลํ ยถา หตฺถิยานาทิยานํ อทนฺตํ วิสมํ อาโรหติ, อาโรหกมฺปิ ภญฺชติ, ปปาเตปิ ปปตติฯ เอวํ กายทุจฺจริตาทิวิสมาโรหเนน นรกาทีสุ, อตฺถภญฺชเนน ชาติปปาตาทีสุ ปปตเนน จ ยานํ ภนฺตํว อาหุ หีนํ ปุถุชฺชนญฺจ อาหูติฯ
823.Ekopubbe caritvānāti pabbajjāsaṅkhātena vā gaṇavossaggaṭṭhena vā pubbe eko viharitvā. Yānaṃ bhantaṃva taṃ loke, hīnamāhu puthujjananti taṃ vibbhantakaṃ puggalaṃ yathā hatthiyānādiyānaṃ adantaṃ visamaṃ ārohati, ārohakampi bhañjati, papātepi papatati. Evaṃ kāyaduccaritādivisamārohanena narakādīsu, atthabhañjanena jātipapātādīsu papatanena ca yānaṃ bhantaṃva āhu hīnaṃ puthujjanañca āhūti.
๘๒๔-๕. ยโส กิตฺติ จาติ ลาภสกฺกาโร ปสํสา จฯ ปุเพฺพติ ปพฺพชิตภาเวฯ หายเต วาปิ ตสฺส สาติ ตสฺส วิพฺภนฺตกสฺส สโต โส จ ยโส สา จ กิตฺติ หายติฯ เอตมฺปิ ทิสฺวาติ เอตมฺปิ ปุเพฺพ ยสกิตฺตีนํ ภาวํ ปจฺฉา จ หานิํ ทิสฺวาฯ สิเกฺขถ เมถุนํ วิปฺปหาตเวติ ติโสฺส สิกฺขา สิเกฺขถฯ กิํ การณํ? เมถุนํ วิปฺปหาตเว, เมถุนปฺปหานตฺถายาติ วุตฺตํ โหติฯ โย หิ เมถุนํ น วิปฺปชหติ, สงฺกเปฺปหิ…เป.… ตถาวิโธ ฯ ตตฺถ ปเรโตติ สมนฺนาคโตฯ ปเรสํ นิโคฺฆสนฺติ อุปชฺฌายาทีนํ นินฺทาวจนํฯ มงฺกุ โหตีติ ทุมฺมโน โหติฯ
824-5.Yaso kitti cāti lābhasakkāro pasaṃsā ca. Pubbeti pabbajitabhāve. Hāyate vāpi tassa sāti tassa vibbhantakassa sato so ca yaso sā ca kitti hāyati. Etampi disvāti etampi pubbe yasakittīnaṃ bhāvaṃ pacchā ca hāniṃ disvā. Sikkhetha methunaṃ vippahātaveti tisso sikkhā sikkhetha. Kiṃ kāraṇaṃ? Methunaṃ vippahātave, methunappahānatthāyāti vuttaṃ hoti. Yo hi methunaṃ na vippajahati, saṅkappehi…pe… tathāvidho. Tattha paretoti samannāgato. Paresaṃ nigghosanti upajjhāyādīnaṃ nindāvacanaṃ. Maṅku hotīti dummano hoti.
๘๒๖. อิโต ปรา คาถา ปากฎสมฺพนฺธา เอวฯ ตาสุ สตฺถานีติ กายทุจฺจริตาทีนิฯ ตานิ หิ อตฺตโน ปเรสญฺจ เฉทนเฎฺฐน ‘‘สตฺถานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ เตสุ จายํ วิเสสโต โจทิโต มุสาวจนสตฺถาเนว กโรติ – ‘‘อิมินา การเณนาหํ วิพฺภโนฺต’’ติ ภณโนฺตฯ เตเนวาห – ‘‘เอส ขฺวสฺส มหาเคโธ, โมสวชฺชํ ปคาหตี’’ติฯ ตตฺถ เอส ขฺวสฺสาติ เอส โข อสฺสฯ มหาเคโธติ มหาพนฺธนํฯ กตโมติ เจ? ยทิทํ โมสวชฺชํ ปคาหติ, สฺวาสฺส มุสาวาทโชฺฌคาโห มหาเคโธติ เวทิตโพฺพฯ
826. Ito parā gāthā pākaṭasambandhā eva. Tāsu satthānīti kāyaduccaritādīni. Tāni hi attano paresañca chedanaṭṭhena ‘‘satthānī’’ti vuccanti. Tesu cāyaṃ visesato codito musāvacanasatthāneva karoti – ‘‘iminā kāraṇenāhaṃ vibbhanto’’ti bhaṇanto. Tenevāha – ‘‘esa khvassa mahāgedho, mosavajjaṃ pagāhatī’’ti. Tattha esa khvassāti esa kho assa. Mahāgedhoti mahābandhanaṃ. Katamoti ce? Yadidaṃ mosavajjaṃ pagāhati, svāssa musāvādajjhogāho mahāgedhoti veditabbo.
๘๒๗. มโนฺทว ปริกิสฺสตีติ ปาณวธาทีนิ กโรโนฺต ตโตนิทานญฺจ ทุกฺขมนุโภโนฺต โภคปริเยสนรกฺขนานิ จ กโรโนฺต โมมูโห วิย ปริกิลิสฺสติฯ
827.Mandova parikissatīti pāṇavadhādīni karonto tatonidānañca dukkhamanubhonto bhogapariyesanarakkhanāni ca karonto momūho viya parikilissati.
๘๒๘-๙. ‘‘เอตมาทีนวํ ญตฺวา, มุนิ ปุพฺพาปเร อิธา’’ติ เอตํ ‘‘ยโส กิตฺติ จ ยา ปุเพฺพ, หายเตวาปิ ตสฺส สา’’ติ อิโต ปภุติ วุเตฺต ปุพฺพาปเร อิธ อิมสฺมิํ สาสเน ปุพฺพโต อปเร สมณภาวโต วิพฺภนฺตกภาเว อาทีนวํ มุนิ ญตฺวาฯ เอตทริยานมุตฺตมนฺติ ยทิทํ วิเวกจริยา , เอตํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อุตฺตมํ, ตสฺมา วิเวกเญฺญว สิเกฺขถาติ อธิปฺปาโยฯ น เตน เสโฎฺฐ มเญฺญถาติ เตน จ วิเวเกน น อตฺตานํ ‘‘เสโฎฺฐ อห’’นฺติ มเญฺญยฺย, เตน ถโทฺธ น ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ
828-9.‘‘Etamādīnavaṃ ñatvā, muni pubbāpare idhā’’ti etaṃ ‘‘yaso kitti ca yā pubbe, hāyatevāpi tassa sā’’ti ito pabhuti vutte pubbāpare idha imasmiṃ sāsane pubbato apare samaṇabhāvato vibbhantakabhāve ādīnavaṃ muni ñatvā. Etadariyānamuttamanti yadidaṃ vivekacariyā , etaṃ buddhādīnaṃ ariyānaṃ uttamaṃ, tasmā vivekaññeva sikkhethāti adhippāyo. Na tena seṭṭho maññethāti tena ca vivekena na attānaṃ ‘‘seṭṭho aha’’nti maññeyya, tena thaddho na bhaveyyāti vuttaṃ hoti.
๘๓๐. ริตฺตสฺสาติ วิวิตฺตสฺส กายทุจฺจริตาทีหิ วิรหิตสฺสฯ โอฆติณฺณสฺส ปิหยนฺติ, กาเมสุ คธิตา ปชาติ วตฺถุกาเมสุ ลคฺคา สตฺตา ตสฺส จตุโรฆติณฺณสฺส ปิหยนฺติ อิณายิกา วิย อาณณฺยสฺสาติ อรหตฺตนิกูเฎน เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ เทสนาปริโยสาเน ติโสฺส โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสีติฯ
830.Rittassāti vivittassa kāyaduccaritādīhi virahitassa. Oghatiṇṇassa pihayanti, kāmesu gadhitā pajāti vatthukāmesu laggā sattā tassa caturoghatiṇṇassa pihayanti iṇāyikā viya āṇaṇyassāti arahattanikūṭena desanaṃ niṭṭhāpesi. Desanāpariyosāne tisso sotāpattiphalaṃ patvā pacchā pabbajitvā arahattaṃ sacchākāsīti.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฎฺฐกถาย
Paramatthajotikāya khuddaka-aṭṭhakathāya
สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถาย ติสฺสเมเตฺตยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Suttanipāta-aṭṭhakathāya tissametteyyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi / ๗. ติสฺสเมเตฺตยฺยสุตฺตํ • 7. Tissametteyyasuttaṃ