Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā)

    ๒. ติฐานสุตฺตวณฺณนา

    2. Tiṭhānasuttavaṇṇanā

    ๔๒. ทุติเย วิคตมลมเจฺฉเรนาติ วิคตมจฺฉริยมเลนฯ มุตฺตจาโคติ วิสฺสฎฺฐจาโคฯ ปยตปาณีติ โธตหโตฺถฯ อสฺสโทฺธ หิ สตกฺขตฺตุํ หเตฺถ โธวิตฺวาปิ มลินหโตฺถว โหติ, สโทฺธ ปน ทานาภิรตตฺตา มลินหโตฺถปิ โธตหโตฺถวฯ โวสฺสคฺครโตติ โวสฺสคฺคสงฺขาเต ทาเน รโตฯ ยาจโยโคติ ยาจิตุํ ยุโตฺต, ยาจเกหิ วา โยโค อสฺสาติปิ ยาจโยโคฯ ทานสํวิภาครโตติ ทานํ ททโนฺต สํวิภาคญฺจ กโรโนฺต ทานสํวิภาครโต นาม โหติฯ

    42. Dutiye vigatamalamaccherenāti vigatamacchariyamalena. Muttacāgoti vissaṭṭhacāgo. Payatapāṇīti dhotahattho. Assaddho hi satakkhattuṃ hatthe dhovitvāpi malinahatthova hoti, saddho pana dānābhiratattā malinahatthopi dhotahatthova. Vossaggaratoti vossaggasaṅkhāte dāne rato. Yācayogoti yācituṃ yutto, yācakehi vā yogo assātipi yācayogo. Dānasaṃvibhāgaratoti dānaṃ dadanto saṃvibhāgañca karonto dānasaṃvibhāgarato nāma hoti.

    ทสฺสนกาโม สีลวตนฺติ ทสปิ โยชนานิ วีสมฺปิ ติํสมฺปิ โยชนสตมฺปิ คนฺตฺวา สีลสมฺปเนฺน ทฎฺฐุกาโม โหติ ปาฎลิปุตฺตกพฺราหฺมโณ วิย สทฺธาติสฺสมหาราชา วิย จฯ ปาฎลิปุตฺตสฺส กิร นครทฺวาเร สาลาย นิสินฺนา เทฺว พฺราหฺมณา กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสิมหานาคเตฺถรสฺส คุณกถํ สุตฺวา ‘‘อเมฺหหิ ตํ ภิกฺขุํ ทฎฺฐุํ วฎฺฎตี’’ติ เทฺวปิ ชนา นิกฺขมิํสุฯ เอโก อนฺตรามเคฺค กาลมกาสิฯ เอโก สมุทฺทตีรํ ปตฺวา นาวาย มหาติตฺถปฎฺฎเน โอรุยฺห อนุราธปุรํ อาคนฺตฺวา ‘‘กาฬวลฺลิมณฺฑโป กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โรหณชนปเทติฯ โส อนุปุเพฺพน เถรสฺส วสนฎฺฐานํ ปตฺวา จูฬนครคาเม ธุรฆเร นิวาสํ คเหตฺวา เถรสฺส อาหารํ สมฺปาเทตฺวา ปาโตว วุฎฺฐาย เถรสฺส วสนฎฺฐานํ ปุจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา ชนปริยเนฺต ฐิโต เถรํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สกิํ ตเตฺถว ฐิโต วนฺทิตฺวา ปุน อุปสงฺกมิตฺวา โคปฺผเกสุ ทฬฺหํ คเหตฺวา วนฺทโนฺต ‘‘อุจฺจา, ภเนฺต, ตุเมฺห’’ติ อาหฯ เถโร จ นาติอุโจฺจ นาติรโสฺส ปมาณยุโตฺตว, เตน นํ ปุน อาห – ‘‘นาติอุจฺจา ตุเมฺห, ตุมฺหากํ ปน คุณา เมจกวณฺณสฺส สมุทฺทสฺส มตฺถเกน คนฺตฺวา สกลชมฺพุทีปตลํ อโชฺฌตฺถริตฺวา คตา, อหมฺปิ ปาฎลิปุตฺตนครทฺวาเร นิสิโนฺน ตุมฺหากํ คุณกถํ อโสฺสสิ’’นฺติฯ โส เถรสฺส ภิกฺขาหารํ ทตฺวา อตฺตโน ติจีวรํ ปฎิยาเทตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตโสฺสวาเท ปติฎฺฐาย กติปาเหเนว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ

    Dassanakāmo sīlavatanti dasapi yojanāni vīsampi tiṃsampi yojanasatampi gantvā sīlasampanne daṭṭhukāmo hoti pāṭaliputtakabrāhmaṇo viya saddhātissamahārājā viya ca. Pāṭaliputtassa kira nagaradvāre sālāya nisinnā dve brāhmaṇā kāḷavallimaṇḍapavāsimahānāgattherassa guṇakathaṃ sutvā ‘‘amhehi taṃ bhikkhuṃ daṭṭhuṃ vaṭṭatī’’ti dvepi janā nikkhamiṃsu. Eko antarāmagge kālamakāsi. Eko samuddatīraṃ patvā nāvāya mahātitthapaṭṭane oruyha anurādhapuraṃ āgantvā ‘‘kāḷavallimaṇḍapo kuhi’’nti pucchi. Rohaṇajanapadeti. So anupubbena therassa vasanaṭṭhānaṃ patvā cūḷanagaragāme dhuraghare nivāsaṃ gahetvā therassa āhāraṃ sampādetvā pātova vuṭṭhāya therassa vasanaṭṭhānaṃ pucchitvā gantvā janapariyante ṭhito theraṃ dūratova āgacchantaṃ disvā sakiṃ tattheva ṭhito vanditvā puna upasaṅkamitvā gopphakesu daḷhaṃ gahetvā vandanto ‘‘uccā, bhante, tumhe’’ti āha. Thero ca nātiucco nātirasso pamāṇayuttova, tena naṃ puna āha – ‘‘nātiuccā tumhe, tumhākaṃ pana guṇā mecakavaṇṇassa samuddassa matthakena gantvā sakalajambudīpatalaṃ ajjhottharitvā gatā, ahampi pāṭaliputtanagaradvāre nisinno tumhākaṃ guṇakathaṃ assosi’’nti. So therassa bhikkhāhāraṃ datvā attano ticīvaraṃ paṭiyādetvā therassa santike pabbajitvā tassovāde patiṭṭhāya katipāheneva arahattaṃ pāpuṇi.

    สทฺธาติสฺสมหาราชาปิ, ‘‘ภเนฺต, มยฺหํ วนฺทิตพฺพยุตฺตกํ เอกํ อยฺยํ อาจิกฺขถา’’ติ ปุจฺฉิฯ ภิกฺขู ‘‘มงฺคลวาสี กุฎฺฎติสฺสเตฺถโร’’ติ อาหํสุฯ ราชา มหาปริวาเรน ปญฺจโยชนมคฺคํ อคมาสิฯ เถโร ‘‘กิํ สโทฺท เอโส, อาวุโส’’ติ ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิฯ ‘‘ราชา, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคโต’’ติฯ เถโร จิเนฺตสิ – ‘‘กิํ มยฺหํ มหลฺลกกาเล ราชเคเห กมฺม’’นฺติ ทิวาฎฺฐาเน มเญฺจ นิปชฺชิตฺวา ภูมิยํ เลขํ ลิขโนฺต อจฺฉิฯ ราชา ‘‘กหํ เถโร’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทิวาฎฺฐาเน’’ติ สุตฺวา ตตฺถ คจฺฉโนฺต เถรํ ภูมิยํ เลขํ ลิขนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ขีณาสวสฺส นาม หตฺถกุกฺกุจฺจํ นตฺถิ, นายํ ขีณาสโว’’ติ อวนฺทิตฺวาว นิวตฺติฯ ภิกฺขุสโงฺฆ เถรํ อาห – ‘‘ภเนฺต, เอวํวิธสฺส สทฺธสฺส ปสนฺนสฺส รโญฺญ กสฺมา วิปฺปฎิสารํ กริตฺถา’’ติฯ ‘‘อาวุโส, รโญฺญ ปสาทรกฺขนํ น ตุมฺหากํ ภาโร, มหลฺลกเตฺถรสฺส ภาโร’’ติ วตฺวา อปรภาเค อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายโนฺต ภิกฺขุสงฺฆํ อาห – ‘‘มยฺหํ กูฎาคารมฺหิ อญฺญมฺปิ ปลฺลงฺกํ อตฺถรถา’’ติฯ ตสฺมิํ อตฺถเต เถโร – ‘‘อิทํ กูฎาคารํ อนฺตเร อปฺปติฎฺฐหิตฺวา รญฺญา ทิฎฺฐกาเลเยว ภูมิยํ ปติฎฺฐาตู’’ติ อธิฎฺฐหิตฺวา ปรินิพฺพายิฯ กูฎาคารํ ปญฺจโยชนมคฺคํ อากาเสน อคมาสิฯ ปญฺจโยชนมเคฺค ธชํ ธาเรตุํ สมตฺถา รุกฺขา ธชปคฺคหิตาว อเหสุํฯ คจฺฉาปิ คุมฺพาปิ สเพฺพ กูฎาคาราภิมุขา หุตฺวา อฎฺฐํสุฯ

    Saddhātissamahārājāpi, ‘‘bhante, mayhaṃ vanditabbayuttakaṃ ekaṃ ayyaṃ ācikkhathā’’ti pucchi. Bhikkhū ‘‘maṅgalavāsī kuṭṭatissatthero’’ti āhaṃsu. Rājā mahāparivārena pañcayojanamaggaṃ agamāsi. Thero ‘‘kiṃ saddo eso, āvuso’’ti bhikkhusaṅghaṃ pucchi. ‘‘Rājā, bhante, tumhākaṃ dassanatthāya āgato’’ti. Thero cintesi – ‘‘kiṃ mayhaṃ mahallakakāle rājagehe kamma’’nti divāṭṭhāne mañce nipajjitvā bhūmiyaṃ lekhaṃ likhanto acchi. Rājā ‘‘kahaṃ thero’’ti pucchitvā ‘‘divāṭṭhāne’’ti sutvā tattha gacchanto theraṃ bhūmiyaṃ lekhaṃ likhantaṃ disvā ‘‘khīṇāsavassa nāma hatthakukkuccaṃ natthi, nāyaṃ khīṇāsavo’’ti avanditvāva nivatti. Bhikkhusaṅgho theraṃ āha – ‘‘bhante, evaṃvidhassa saddhassa pasannassa rañño kasmā vippaṭisāraṃ karitthā’’ti. ‘‘Āvuso, rañño pasādarakkhanaṃ na tumhākaṃ bhāro, mahallakattherassa bhāro’’ti vatvā aparabhāge anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyanto bhikkhusaṅghaṃ āha – ‘‘mayhaṃ kūṭāgāramhi aññampi pallaṅkaṃ attharathā’’ti. Tasmiṃ atthate thero – ‘‘idaṃ kūṭāgāraṃ antare appatiṭṭhahitvā raññā diṭṭhakāleyeva bhūmiyaṃ patiṭṭhātū’’ti adhiṭṭhahitvā parinibbāyi. Kūṭāgāraṃ pañcayojanamaggaṃ ākāsena agamāsi. Pañcayojanamagge dhajaṃ dhāretuṃ samatthā rukkhā dhajapaggahitāva ahesuṃ. Gacchāpi gumbāpi sabbe kūṭāgārābhimukhā hutvā aṭṭhaṃsu.

    รโญฺญปิ ปณฺณํ ปหิณิํสุ ‘‘เถโร ปรินิพฺพุโต, กูฎาคารํ อากาเสน อาคจฺฉตี’’ติฯ ราชา น สทฺทหิฯ กูฎาคารํ อากาเสน คนฺตฺวา ถูปารามํ ปทกฺขิณํ กตฺวา สิลาเจติยฎฺฐานํ อคมาสิฯ เจติยํ สห วตฺถุนา อุปฺปติตฺวา กูฎาคารมตฺถเก อฎฺฐาสิ, สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺติํสุ ฯ ตสฺมิํ ขเณ มหาพฺยคฺฆเตฺถโร นาม โลหปาสาเท สตฺตมกูฎาคาเร นิสิโนฺน ภิกฺขูนํ วินยกมฺมํ กโรโนฺต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิํ สโทฺท เอโส’’ติ ปฎิปุจฺฉิฯ ภเนฺต, มงฺคลวาสี กุฎฺฎติสฺสเตฺถโร ปรินิพฺพุโต, กูฎาคารํ ปญฺจโยชนมคฺคํ อากาเสน อาคตํ, ตตฺถ โส สาธุการสโทฺทติฯ อาวุโส, ปุญฺญวเนฺต นิสฺสาย สกฺการํ ลภิสฺสามาติ อเนฺตวาสิเก ขมาเปตฺวา อากาเสเนว อาคนฺตฺวา ตํ กูฎาคารํ ปวิสิตฺวา ทุติยมเญฺจ นิสีทิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิฯ ราชา คนฺธปุปฺผจุณฺณานิ อาทาย คนฺตฺวา อากาเส ฐิตํ กูฎาคารํ ทิสฺวา กูฎาคารํ ปูเชสิฯ ตสฺมิํ ขเณ กูฎาคารํ โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฎฺฐิตํฯ ราชา มหาสกฺกาเรน สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ อกาสิฯ เอวรูปา สีลวนฺตานํ ทสฺสนกามา นาม โหนฺติฯ

    Raññopi paṇṇaṃ pahiṇiṃsu ‘‘thero parinibbuto, kūṭāgāraṃ ākāsena āgacchatī’’ti. Rājā na saddahi. Kūṭāgāraṃ ākāsena gantvā thūpārāmaṃ padakkhiṇaṃ katvā silācetiyaṭṭhānaṃ agamāsi. Cetiyaṃ saha vatthunā uppatitvā kūṭāgāramatthake aṭṭhāsi, sādhukārasahassāni pavattiṃsu . Tasmiṃ khaṇe mahābyagghatthero nāma lohapāsāde sattamakūṭāgāre nisinno bhikkhūnaṃ vinayakammaṃ karonto taṃ saddaṃ sutvā ‘‘kiṃ saddo eso’’ti paṭipucchi. Bhante, maṅgalavāsī kuṭṭatissatthero parinibbuto, kūṭāgāraṃ pañcayojanamaggaṃ ākāsena āgataṃ, tattha so sādhukārasaddoti. Āvuso, puññavante nissāya sakkāraṃ labhissāmāti antevāsike khamāpetvā ākāseneva āgantvā taṃ kūṭāgāraṃ pavisitvā dutiyamañce nisīditvā anupādisesāya nibbānadhātuyā parinibbāyi. Rājā gandhapupphacuṇṇāni ādāya gantvā ākāse ṭhitaṃ kūṭāgāraṃ disvā kūṭāgāraṃ pūjesi. Tasmiṃ khaṇe kūṭāgāraṃ otaritvā pathaviyaṃ patiṭṭhitaṃ. Rājā mahāsakkārena sarīrakiccaṃ kāretvā dhātuyo gahetvā cetiyaṃ akāsi. Evarūpā sīlavantānaṃ dassanakāmā nāma honti.

    สทฺธมฺมํ โสตุมิจฺฉตีติ ตถาคตปฺปเวทิตํ สทฺธมฺมํ โสตุกาโม โหติ ปิณฺฑปาติกเตฺถราทโย วิยฯ คงฺคาวนวาลิองฺคณมฺหิ กิร ติํส ภิกฺขู วสฺสํ อุปคตา อนฺวทฺธมาสํ อุโปสถทิวเส จตุปจฺจยสโนฺตสภาวนารามมหาอริยวํสญฺจ (อ. นิ. ๔.๒๘) กเถนฺติฯ เอโก ปิณฺฑปาติกเตฺถโร ปจฺฉาภาเคน อาคนฺตฺวา ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน นิสีทิฯ อถ นํ เอโก โคนโส ชงฺฆปิณฺฑิมํสํ สณฺฑาเสน คณฺหโนฺต วิย ฑํสิฯ เถโร โอโลเกโนฺต โคนสํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช ธมฺมสฺสวนนฺตรายํ น กริสฺสามี’’ติ โคนสํ คเหตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา ถวิกามุขํ พนฺธิตฺวา อวิทูเร ฐาเน ฐเปตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺตว นิสีทิฯ อรุณุคฺคมนญฺจ วิสํ วิกฺขเมฺภตฺวา เถรสฺส ติณฺณํ ผลานํ ปาปุณนญฺจ วิสสฺส ทฎฺฐฎฺฐาเนเนว โอตริตฺวา ปถวิปวิสนญฺจ ธมฺมกถิกเตฺถรสฺส ธมฺมกถานิฎฺฐาปนญฺจ เอกกฺขเณเยว อโหสิฯ ตโต เถโร อาห – ‘‘อาวุโส เอโก เม โจโร คหิโต’’ติ ถวิกํ มุญฺจิตฺวา โคนสํ วิสฺสเชฺชสิฯ ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กาย เวลาย ทฎฺฐตฺถ, ภเนฺต’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ หิโยฺย สายนฺหสมเย, อาวุโสติฯ กสฺมา, ภเนฺต, เอวํ ภาริยํ กมฺมํ กริตฺถาติฯ อาวุโส, สจาหํ ทีฆชาติเกน ทโฎฺฐติ วเทยฺยํ, นยิมํ เอตฺตกํ อานิสํสํ ลเภยฺยนฺติฯ อิทํ ตาว ปิณฺฑปาติกเตฺถรสฺส วตฺถุฯ

    Saddhammaṃ sotumicchatīti tathāgatappaveditaṃ saddhammaṃ sotukāmo hoti piṇḍapātikattherādayo viya. Gaṅgāvanavāliaṅgaṇamhi kira tiṃsa bhikkhū vassaṃ upagatā anvaddhamāsaṃ uposathadivase catupaccayasantosabhāvanārāmamahāariyavaṃsañca (a. ni. 4.28) kathenti. Eko piṇḍapātikatthero pacchābhāgena āgantvā paṭicchannaṭṭhāne nisīdi. Atha naṃ eko gonaso jaṅghapiṇḍimaṃsaṃ saṇḍāsena gaṇhanto viya ḍaṃsi. Thero olokento gonasaṃ disvā ‘‘ajja dhammassavanantarāyaṃ na karissāmī’’ti gonasaṃ gahetvā thavikāya pakkhipitvā thavikāmukhaṃ bandhitvā avidūre ṭhāne ṭhapetvā dhammaṃ suṇantova nisīdi. Aruṇuggamanañca visaṃ vikkhambhetvā therassa tiṇṇaṃ phalānaṃ pāpuṇanañca visassa daṭṭhaṭṭhāneneva otaritvā pathavipavisanañca dhammakathikattherassa dhammakathāniṭṭhāpanañca ekakkhaṇeyeva ahosi. Tato thero āha – ‘‘āvuso eko me coro gahito’’ti thavikaṃ muñcitvā gonasaṃ vissajjesi. Bhikkhū disvā ‘‘kāya velāya daṭṭhattha, bhante’’ti pucchiṃsu. Hiyyo sāyanhasamaye, āvusoti. Kasmā, bhante, evaṃ bhāriyaṃ kammaṃ karitthāti. Āvuso, sacāhaṃ dīghajātikena daṭṭhoti vadeyyaṃ, nayimaṃ ettakaṃ ānisaṃsaṃ labheyyanti. Idaṃ tāva piṇḍapātikattherassa vatthu.

    ทีฆวาปิยมฺปิ ‘‘มหาชาตกภาณกเตฺถโร คาถาสหสฺสํ มหาเวสฺสนฺตรํ กเถสฺสตี’’ติ ติสฺสมหาคาเม ติสฺสมหาวิหารวาสี เอโก ทหโร สุตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา เอกาเหเนว นวโยชนมคฺคํ อาคโตฯ ตสฺมิํเยว ขเณ เถโร ธมฺมกถํ อารภิฯ ทหโร ทูรมคฺคาคมเนน สญฺชาตกายทรถตฺตา ปฎฺฐานคาถาย สทฺธิํ อวสานคาถํเยว ววตฺถเปสิฯ ตโต เถรสฺส ‘‘อิทมโวจา’’ติ วตฺวา อุฎฺฐาย คมนกาเล ‘‘มยฺหํ อาคมนกมฺมํ โมฆํ ชาต’’นฺติ โรทมาโน อฎฺฐาสิฯ เอโก มนุโสฺส ตํ กถํ สุตฺวา คนฺตฺวา เถรสฺส อาโรเจสิ, ‘‘ภเนฺต, ‘ตุมฺหากํ ธมฺมกถํ โสสฺสามี’ติ เอโก ทหรภิกฺขุ ติสฺสมหาวิหารา อาคโต, โส ‘กายทรถภาเวน เม อาคมนํ โมฆํ ชาต’นฺติ โรทมาโน ฐิโต’’ติฯ คจฺฉถ สญฺญาเปถ นํ ‘‘ปุน เสฺว กเถสฺสามา’’ติฯ โส ปุนทิวเส เถรสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิฯ

    Dīghavāpiyampi ‘‘mahājātakabhāṇakatthero gāthāsahassaṃ mahāvessantaraṃ kathessatī’’ti tissamahāgāme tissamahāvihāravāsī eko daharo sutvā tato nikkhamitvā ekāheneva navayojanamaggaṃ āgato. Tasmiṃyeva khaṇe thero dhammakathaṃ ārabhi. Daharo dūramaggāgamanena sañjātakāyadarathattā paṭṭhānagāthāya saddhiṃ avasānagāthaṃyeva vavatthapesi. Tato therassa ‘‘idamavocā’’ti vatvā uṭṭhāya gamanakāle ‘‘mayhaṃ āgamanakammaṃ moghaṃ jāta’’nti rodamāno aṭṭhāsi. Eko manusso taṃ kathaṃ sutvā gantvā therassa ārocesi, ‘‘bhante, ‘tumhākaṃ dhammakathaṃ sossāmī’ti eko daharabhikkhu tissamahāvihārā āgato, so ‘kāyadarathabhāvena me āgamanaṃ moghaṃ jāta’nti rodamāno ṭhito’’ti. Gacchatha saññāpetha naṃ ‘‘puna sve kathessāmā’’ti. So punadivase therassa dhammakathaṃ sutvā sotāpattiphalaṃ pāpuṇi.

    อปราปิ อุลฺลโกลิกณฺณิวาสิกา เอกา อิตฺถี ปุตฺตกํ ปายมานา ‘‘ทีฆภาณกมหาอภยเตฺถโร นาม อริยวํสปฎิปทํ กเถตี’’ติ สุตฺวา ปญฺจโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ทิวากถิกเตฺถรสฺส นิสินฺนกาเลเยว วิหารํ ปวิสิตฺวา ภูมิยํ ปุตฺตํ นิปชฺชาเปตฺวา ทิวากถิกเตฺถรสฺส ฐิตกาว ธมฺมํ อโสฺสสิฯ สรภาณเก เถเร อุฎฺฐิเต ทีฆภาณกมหาอภยเตฺถโร จตุปจฺจยสโนฺตสภาวนารามมหาอริยวํสํ อารภิฯ สา ฐิตกาว ปคฺคณฺหาติฯ เถโร ตโย เอว ปจฺจเย กเถตฺวา อุฎฺฐานาการํ อกาสิฯ สา อุปาสิกา อาห – ‘‘อโยฺย, ‘อริยวํสํ กเถสฺสามี’ติ สินิทฺธโภชนํ ภุญฺชิตฺวา มธุรปานกํ ปิวิตฺวา ยฎฺฐิมธุกเตลาทีหิ เภสชฺชํ กตฺวา กเถตุํ ยุตฺตฎฺฐาเนเยว อุฎฺฐหตี’’ติฯ เถโร ‘‘สาธุ, ภคินี’’ติ วตฺวา อุปริ ภาวนารามํ ปฎฺฐเปสิฯ อรุณุคฺคมนญฺจ เถรสฺส ‘‘อิทมโวจา’’ติ วจนญฺจ อุปาสิกาย โสตาปตฺติผลุปฺปตฺติ จ เอกกฺขเณเยว อโหสิฯ

    Aparāpi ullakolikaṇṇivāsikā ekā itthī puttakaṃ pāyamānā ‘‘dīghabhāṇakamahāabhayatthero nāma ariyavaṃsapaṭipadaṃ kathetī’’ti sutvā pañcayojanamaggaṃ gantvā divākathikattherassa nisinnakāleyeva vihāraṃ pavisitvā bhūmiyaṃ puttaṃ nipajjāpetvā divākathikattherassa ṭhitakāva dhammaṃ assosi. Sarabhāṇake there uṭṭhite dīghabhāṇakamahāabhayatthero catupaccayasantosabhāvanārāmamahāariyavaṃsaṃ ārabhi. Sā ṭhitakāva paggaṇhāti. Thero tayo eva paccaye kathetvā uṭṭhānākāraṃ akāsi. Sā upāsikā āha – ‘‘ayyo, ‘ariyavaṃsaṃ kathessāmī’ti siniddhabhojanaṃ bhuñjitvā madhurapānakaṃ pivitvā yaṭṭhimadhukatelādīhi bhesajjaṃ katvā kathetuṃ yuttaṭṭhāneyeva uṭṭhahatī’’ti. Thero ‘‘sādhu, bhaginī’’ti vatvā upari bhāvanārāmaṃ paṭṭhapesi. Aruṇuggamanañca therassa ‘‘idamavocā’’ti vacanañca upāsikāya sotāpattiphaluppatti ca ekakkhaṇeyeva ahosi.

    อปราปิ กฬมฺปรวาสิกา อิตฺถี อเงฺกน ปุตฺตํ อาทาย ‘‘ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ จิตฺตลปพฺพตํ คนฺตฺวา เอกํ รุกฺขํ นิสฺสาย ทารกํ นิปชฺชาเปตฺวา สยํ ฐิตกาว ธมฺมํ สุณาติฯ รตฺติภาคสมนนฺตเร เอโก ทีฆชาติโก ตสฺสา ปสฺสนฺติยาเยว สมีเป นิปนฺนทารกํ จตูหิ ทาฐาหิ ฑํสิตฺวา อคมาสิฯ สา จิเนฺตสิ – ‘‘สจาหํ ‘ปุโตฺต เม สเปฺปน ทโฎฺฐ’ติ วกฺขามิ, ธมฺมสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสติฯ อเนกกฺขตฺตุํ โข ปน เม อยํ สํสารวเฎฺฎ วฎฺฎนฺติยา ปุโตฺต อโหสิ, ธมฺมเมว จริสฺสามี’’ติ ติยามรตฺติํ ฐิตกาว ธมฺมํ ปคฺคณฺหิตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาย อรุเณ อุคฺคเต สจฺจกิริยาย ปุตฺตสฺส วิสํ นิมฺมเถตฺวา ปุตฺตํ คเหตฺวา คตาฯ เอวรูปา ปุคฺคลา ธมฺมํ โสตุกามา นาม โหนฺติฯ

    Aparāpi kaḷamparavāsikā itthī aṅkena puttaṃ ādāya ‘‘dhammaṃ sossāmī’’ti cittalapabbataṃ gantvā ekaṃ rukkhaṃ nissāya dārakaṃ nipajjāpetvā sayaṃ ṭhitakāva dhammaṃ suṇāti. Rattibhāgasamanantare eko dīghajātiko tassā passantiyāyeva samīpe nipannadārakaṃ catūhi dāṭhāhi ḍaṃsitvā agamāsi. Sā cintesi – ‘‘sacāhaṃ ‘putto me sappena daṭṭho’ti vakkhāmi, dhammassa antarāyo bhavissati. Anekakkhattuṃ kho pana me ayaṃ saṃsāravaṭṭe vaṭṭantiyā putto ahosi, dhammameva carissāmī’’ti tiyāmarattiṃ ṭhitakāva dhammaṃ paggaṇhitvā sotāpattiphale patiṭṭhāya aruṇe uggate saccakiriyāya puttassa visaṃ nimmathetvā puttaṃ gahetvā gatā. Evarūpā puggalā dhammaṃ sotukāmā nāma honti.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. ติฐานสุตฺตํ • 2. Tiṭhānasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. ติฐานสุตฺตวณฺณนา • 2. Tiṭhānasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact