Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๓. สตฺตาวาสวโคฺค
3. Sattāvāsavaggo
๑. ติฐานสุตฺตวณฺณนา
1. Tiṭhānasuttavaṇṇanā
๒๑. ตติยสฺส ปฐเม อมมาติ วตฺถาภรณปานโภชนาทีสุปิ มมตฺตวิรหิตาฯ อปริคฺคหาติ อิตฺถิปริคฺคเหน อปริคฺคหาฯ เตสํ กิร ‘‘อยํ มยฺหํ ภริยา’’ติ มมตฺตํ น โหติ, มาตรํ วา ภคินิํ วา ทิสฺวา ฉนฺทราโค น อุปฺปชฺชติฯ ธมฺมตาสิทฺธสฺส สีลสฺส อานุภาเวน ปุเตฺต ทิฎฺฐมเตฺต เอว มาตุถนโต ถญฺญํ ปคฺฆรติ, เตน สญฺญาเณน เนสํ มาตริ ปุตฺตสฺส มาตุสญฺญา, มาตุ จ ปุเตฺต ปุตฺตสญฺญา ปจฺจุปฎฺฐิตาติ เกจิฯ
21. Tatiyassa paṭhame amamāti vatthābharaṇapānabhojanādīsupi mamattavirahitā. Apariggahāti itthipariggahena apariggahā. Tesaṃ kira ‘‘ayaṃ mayhaṃ bhariyā’’ti mamattaṃ na hoti, mātaraṃ vā bhaginiṃ vā disvā chandarāgo na uppajjati. Dhammatāsiddhassa sīlassa ānubhāvena putte diṭṭhamatte eva mātuthanato thaññaṃ paggharati, tena saññāṇena nesaṃ mātari puttassa mātusaññā, mātu ca putte puttasaññā paccupaṭṭhitāti keci.
อปิเจตฺถ (สารตฺถ. ฎี. ๑.๑ เวรญฺชกณฺฑวณฺณนา) อุตฺตรกุรุกานํ ปุญฺญานุภาวสิโทฺธ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ กิร เตสุ เตสุ ปเทเสสุ ฆนนิจิตปตฺตสญฺฉนฺนสาขาปสาขา กูฎาคารสมา มโนรมา รุกฺขา เตสํ มนุสฺสานํ นิเวสนกิจฺจํ สาเธนฺติฯ ยตฺถ สุขํ นิวสนฺติ, อเญฺญปิ ตตฺถ รุกฺขา สุชาตา สพฺพทาปิ ปุปฺผิตคฺคา ติฎฺฐนฺติฯ ชลาสยาปิ วิกสิตกมลกุวลยปุณฺฑรีกโสคนฺธิกาทิปุปฺผสญฺฉนฺนา สพฺพกาลํ ปรมสุคนฺธํ สมนฺตโต ปวายนฺตา ติฎฺฐนฺติฯ สรีรมฺปิ เตสํ อติทีฆาทิโทสรหิตํ อาโรหปริณาหสมฺปนฺนํ ชราย อนภิภูตตฺตา วลิตปลิตาทิโทสวิรหิตํ ยาวตายุกํ อปริกฺขีณชวพลปรกฺกมโสภเมว หุตฺวา ติฎฺฐติฯ อนุฎฺฐานผลูปชีวิตาย น จ เนสํ กสิวณิชฺชาทิวเสน อาหารปริเยฎฺฐิวเสน ทุกฺขํ อตฺถิ, ตโต เอว น ทาสทาสิกมฺมกราทิปริคฺคโห อตฺถิ, น จ ตตฺถ สีตุณฺหฑํสมกสวาตาตปสรีสปวาฬาทิปริสฺสโย อตฺถิฯ ยถา นาเมตฺถ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺจูสเวลายํ สมสีตุโณฺห อุตุ โหติ, เอวเมว สพฺพกาลํ ตตฺถ สมสีตุโณฺหว อุตุ โหติ, น จ เนสํ โกจิ อุปฆาโต วิเหสา วา อุปฺปชฺชติฯ อกฎฺฐปากิเมว สาลิํ อกณํ อถุสํ สุทฺธํ สุคนฺธํ ตณฺฑุลปฺผลํ ปริภุญฺชนฺติฯ ตํ ภุญฺชนฺตานํ เนสํ กุฎฺฐํ, คโณฺฑ, กิลาโส, โสโส, กาโส, สาโส, อปมาโร, ชโรติ เอวมาทิโก น โกจิ โรโค อุปฺปชฺชติ, น จ เต ขุชฺชา วา วามนา วา กาณา วา กุณี วา ขญฺชา วา ปกฺขหตา วา วิกลงฺคา วา วิกลินฺทฺริยา วา โหนฺติฯ
Apicettha (sārattha. ṭī. 1.1 verañjakaṇḍavaṇṇanā) uttarakurukānaṃ puññānubhāvasiddho ayampi viseso veditabbo. Tattha kira tesu tesu padesesu ghananicitapattasañchannasākhāpasākhā kūṭāgārasamā manoramā rukkhā tesaṃ manussānaṃ nivesanakiccaṃ sādhenti. Yattha sukhaṃ nivasanti, aññepi tattha rukkhā sujātā sabbadāpi pupphitaggā tiṭṭhanti. Jalāsayāpi vikasitakamalakuvalayapuṇḍarīkasogandhikādipupphasañchannā sabbakālaṃ paramasugandhaṃ samantato pavāyantā tiṭṭhanti. Sarīrampi tesaṃ atidīghādidosarahitaṃ ārohapariṇāhasampannaṃ jarāya anabhibhūtattā valitapalitādidosavirahitaṃ yāvatāyukaṃ aparikkhīṇajavabalaparakkamasobhameva hutvā tiṭṭhati. Anuṭṭhānaphalūpajīvitāya na ca nesaṃ kasivaṇijjādivasena āhārapariyeṭṭhivasena dukkhaṃ atthi, tato eva na dāsadāsikammakarādipariggaho atthi, na ca tattha sītuṇhaḍaṃsamakasavātātapasarīsapavāḷādiparissayo atthi. Yathā nāmettha gimhānaṃ pacchime māse paccūsavelāyaṃ samasītuṇho utu hoti, evameva sabbakālaṃ tattha samasītuṇhova utu hoti, na ca nesaṃ koci upaghāto vihesā vā uppajjati. Akaṭṭhapākimeva sāliṃ akaṇaṃ athusaṃ suddhaṃ sugandhaṃ taṇḍulapphalaṃ paribhuñjanti. Taṃ bhuñjantānaṃ nesaṃ kuṭṭhaṃ, gaṇḍo, kilāso, soso, kāso, sāso, apamāro, jaroti evamādiko na koci rogo uppajjati, na ca te khujjā vā vāmanā vā kāṇā vā kuṇī vā khañjā vā pakkhahatā vā vikalaṅgā vā vikalindriyā vā honti.
อิตฺถิโยปิ ตตฺถ นาติทีฆา, นาติรสฺสา, นาติกิสา, นาติถูลา, นาติกาฬา, นโจฺจทาตา, โสภคฺคปฺปตฺตรูปา โหนฺติฯ ตถา หิ ทีฆงฺคุลี, ตมฺพนขา, อลมฺพถนา, ตนุมชฺฌา, ปุณฺณจนฺทมุขี, วิสาลกฺขี, มุทุคตฺตา, สหิโตรู, โอทาตทนฺตา, คมฺภีรนาภี, ตนุชงฺฆา, ทีฆนีลเวลฺลิตเกสี, ปุถุลสุโสฺสณี, นาติโลมา, นาโลมา, สุภคา, อุตุสุขสมฺผสฺสา, สณฺหา, สขิลา, สุขสมฺภาสา, นานาภรณวิภูสิตา วิจรนฺติฯ สพฺพทาปิ โสฬสวสฺสุเทฺทสิกา วิย โหนฺติ, ปุริสา จ ปญฺจวีสติวสฺสุเทฺทสิกา วิยฯ น ปุตฺตทาเรสุ รชฺชนฺติฯ อยํ ตตฺถ ธมฺมตาฯ
Itthiyopi tattha nātidīghā, nātirassā, nātikisā, nātithūlā, nātikāḷā, naccodātā, sobhaggappattarūpā honti. Tathā hi dīghaṅgulī, tambanakhā, alambathanā, tanumajjhā, puṇṇacandamukhī, visālakkhī, mudugattā, sahitorū, odātadantā, gambhīranābhī, tanujaṅghā, dīghanīlavellitakesī, puthulasussoṇī, nātilomā, nālomā, subhagā, utusukhasamphassā, saṇhā, sakhilā, sukhasambhāsā, nānābharaṇavibhūsitā vicaranti. Sabbadāpi soḷasavassuddesikā viya honti, purisā ca pañcavīsativassuddesikā viya. Na puttadāresu rajjanti. Ayaṃ tattha dhammatā.
สตฺตาหิกเมว จ ตตฺถ อิตฺถิปุริสา กามรติยา วิหรนฺติฯ ตโต วีตราคา วิย ยถาสกํ คจฺฉนฺติ, น ตตฺถ อิธ วิย คโพฺภกฺกนฺติมูลกํ, คพฺภปริหรณมูลกํ, วิชายนมูลกํ วา ทุกฺขํ โหติฯ รตฺตกญฺจุกโต กญฺจนปฎิมา วิย ทารกา มาตุกุจฺฉิโต อมกฺขิตา เอว เสมฺหาทินา สุเขเนว นิกฺขมนฺติฯ อยํ ตตฺถ ธมฺมตาฯ
Sattāhikameva ca tattha itthipurisā kāmaratiyā viharanti. Tato vītarāgā viya yathāsakaṃ gacchanti, na tattha idha viya gabbhokkantimūlakaṃ, gabbhapariharaṇamūlakaṃ, vijāyanamūlakaṃ vā dukkhaṃ hoti. Rattakañcukato kañcanapaṭimā viya dārakā mātukucchito amakkhitā eva semhādinā sukheneva nikkhamanti. Ayaṃ tattha dhammatā.
มาตา ปน ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา วิชายิตฺวา เต วิจรณกปฺปเทเส ฐเปตฺวา อนเปกฺขา ยถารุจิ คจฺฉติฯ เตสํ ตตฺถ สยิตานํ เย ปสฺสนฺติ ปุริสา วา อิตฺถิโย วา, เต อตฺตโน องฺคุลิโย อุปนาเมนฺติฯ เตสํ กมฺมพเลน ตโต ขีรํ ปวตฺตติ, เตน เต ทารกา ยาเปนฺติฯ เอวํ ปน วเฑฺฒนฺตา กติปยทิวเสเหว ลทฺธพลา หุตฺวา ทาริกา อิตฺถิโย อุปคจฺฉนฺติ, ทารกา ปุริเสฯ กปฺปรุกฺขโต เอว จ เตสํ ตตฺถ วตฺถาภรณานิ นิปฺผชฺชนฺติฯ นานาวิราควณฺณวิจิตฺตานิ หิ สุขุมานิ มุทุสุขสมฺผสฺสานิ วตฺถานิ ตตฺถ ตตฺถ กปฺปรุเกฺขสุ โอลมฺพนฺตานิ ติฎฺฐนฺติฯ นานาวิธรสฺมิชาลสมุชฺชลวิวิธวณฺณรตนวินทฺธานิ อเนกวิธมาลากมฺมลตากมฺมภิตฺติกมฺมวิจิตฺตานิ สีสูปคคีวูปคหตฺถูปคกฎูปคปาทูปคานิ โสวณฺณมยานิ อาภรณานิ กปฺปรุกฺขโต โอลมฺพนฺติฯ ตถา วีณามุทิงฺคปณวสมฺมตาฬสงฺขวํสเวตาฬปริวาทินีวลฺลกีปภุติกา ตูริยภณฺฑาปิ ตโต ตโต โอลมฺพนฺติฯ ตตฺถ พหู ผลรุกฺขา กุมฺภมตฺตานิ ผลานิ ผลนฺติ มธุรรสานิ, ยานิ ปริภุญฺชิตฺวา เต สตฺตาหมฺปิ ขุปฺปิปาสาหิ น พาธียนฺติฯ
Mātā pana puttaṃ vā dhītaraṃ vā vijāyitvā te vicaraṇakappadese ṭhapetvā anapekkhā yathāruci gacchati. Tesaṃ tattha sayitānaṃ ye passanti purisā vā itthiyo vā, te attano aṅguliyo upanāmenti. Tesaṃ kammabalena tato khīraṃ pavattati, tena te dārakā yāpenti. Evaṃ pana vaḍḍhentā katipayadivaseheva laddhabalā hutvā dārikā itthiyo upagacchanti, dārakā purise. Kapparukkhato eva ca tesaṃ tattha vatthābharaṇāni nipphajjanti. Nānāvirāgavaṇṇavicittāni hi sukhumāni mudusukhasamphassāni vatthāni tattha tattha kapparukkhesu olambantāni tiṭṭhanti. Nānāvidharasmijālasamujjalavividhavaṇṇaratanavinaddhāni anekavidhamālākammalatākammabhittikammavicittāni sīsūpagagīvūpagahatthūpagakaṭūpagapādūpagāni sovaṇṇamayāni ābharaṇāni kapparukkhato olambanti. Tathā vīṇāmudiṅgapaṇavasammatāḷasaṅkhavaṃsavetāḷaparivādinīvallakīpabhutikā tūriyabhaṇḍāpi tato tato olambanti. Tattha bahū phalarukkhā kumbhamattāni phalāni phalanti madhurarasāni, yāni paribhuñjitvā te sattāhampi khuppipāsāhi na bādhīyanti.
นโชฺชปิ ตตฺถ สุวิสุทฺธชลา สุปฺปติตฺถา รมณียา อกทฺทมา วาลุกตลา นาติสีตา นจฺจุณฺหา สุรภิคนฺธีหิ ชลชปุเปฺผหิ สญฺฉนฺนา สพฺพกาลํ สุรภี วายนฺติโย สนฺทนฺติ, น ตตฺถ กณฺฎกิกา กกฺขฬคจฺฉลตา โหนฺติ, อกณฺฎกา ปุปฺผผลสมฺปนฺนา เอว โหนฺติ, จนฺทนนาครุกฺขา สยเมว รสํ ปคฺฆรนฺติ, นหายิตุกามา จ นทิติเตฺถ เอกชฺฌํ วตฺถาภรณานิ ฐเปตฺวา นทิํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา อุตฺติณฺณุตฺติณฺณา อุปริฎฺฐิมํ อุปริฎฺฐิมํ วตฺถาภรณํ คณฺหนฺติ, น เตสํ เอวํ โหติ ‘‘อิทํ มม, อิทํ ปรสฺสา’’ติฯ ตโต เอว น เตสํ โกจิ วิคฺคโห วา วิวาโท วาฯ สตฺตาหิกา เอว จ เนสํ กามรติกีฬา โหติ, ตโต วีตราคา วิย วิจรนฺติฯ ยตฺถ จ รุเกฺข สยิตุกามา โหนฺติ, ตเตฺถว สยนํ อุปลพฺภติฯ มเต จ สเตฺต ทิสฺวา น โรทนฺติ น โสจนฺติฯ ตญฺจ มณฺฑยิตฺวา นิกฺขิปนฺติฯ ตาวเทว จ เนสํ ตถารูปา สกุณา อุปคนฺตฺวา มตํ ทีปนฺตรํ เนนฺติ, ตสฺมา สุสานํ วา อสุจิฎฺฐานํ วา ตตฺถ นตฺถิ, น จ ตโต มตา นิรยํ วา ติรจฺฉานโยนิํ วา เปตฺติวิสยํ วา อุปปชฺชนฺติฯ ธมฺมตาสิทฺธสฺส ปญฺจสีลสฺส อานุภาเวน เต เทวโลเก นิพฺพตฺตนฺตีติ วทนฺติฯ วสฺสสหสฺสเมว จ เนสํ สพฺพกาลํ อายุปฺปมาณํ, สพฺพเมตํ เตสํ ปญฺจสีลํ วิย ธมฺมตาสิทฺธเมวาติฯ
Najjopi tattha suvisuddhajalā suppatitthā ramaṇīyā akaddamā vālukatalā nātisītā naccuṇhā surabhigandhīhi jalajapupphehi sañchannā sabbakālaṃ surabhī vāyantiyo sandanti, na tattha kaṇṭakikā kakkhaḷagacchalatā honti, akaṇṭakā pupphaphalasampannā eva honti, candananāgarukkhā sayameva rasaṃ paggharanti, nahāyitukāmā ca nadititthe ekajjhaṃ vatthābharaṇāni ṭhapetvā nadiṃ otaritvā nhatvā uttiṇṇuttiṇṇā upariṭṭhimaṃ upariṭṭhimaṃ vatthābharaṇaṃ gaṇhanti, na tesaṃ evaṃ hoti ‘‘idaṃ mama, idaṃ parassā’’ti. Tato eva na tesaṃ koci viggaho vā vivādo vā. Sattāhikā eva ca nesaṃ kāmaratikīḷā hoti, tato vītarāgā viya vicaranti. Yattha ca rukkhe sayitukāmā honti, tattheva sayanaṃ upalabbhati. Mate ca satte disvā na rodanti na socanti. Tañca maṇḍayitvā nikkhipanti. Tāvadeva ca nesaṃ tathārūpā sakuṇā upagantvā mataṃ dīpantaraṃ nenti, tasmā susānaṃ vā asuciṭṭhānaṃ vā tattha natthi, na ca tato matā nirayaṃ vā tiracchānayoniṃ vā pettivisayaṃ vā upapajjanti. Dhammatāsiddhassa pañcasīlassa ānubhāvena te devaloke nibbattantīti vadanti. Vassasahassameva ca nesaṃ sabbakālaṃ āyuppamāṇaṃ, sabbametaṃ tesaṃ pañcasīlaṃ viya dhammatāsiddhamevāti.
ติฐานสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Tiṭhānasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. ติฐานสุตฺตํ • 1. Tiṭhānasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ติฐานสุตฺตวณฺณนา • 1. Tiṭhānasuttavaṇṇanā