Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
(๗) ๒. มหาวโคฺค
(7) 2. Mahāvaggo
๑. ติตฺถายตนาทิสุตฺตํ
1. Titthāyatanādisuttaṃ
๖๒. ‘‘ตีณิมานิ , ภิกฺขเว, ติตฺถายตนานิ ยานิ ปณฺฑิเตหิ สมนุยุญฺชิยมานานิ 1 สมนุคาหิยมานานิ สมนุภาสิยมานานิ ปรมฺปิ คนฺตฺวา อกิริยาย สณฺฐหนฺติฯ กตมานิ ตีณิ? สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ ปุเพฺพกตเหตู’ติฯ สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อิสฺสรนิมฺมานเหตู’ติฯ สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อเหตุอปฺปจฺจยา’’’ติฯ
62. ‘‘Tīṇimāni , bhikkhave, titthāyatanāni yāni paṇḍitehi samanuyuñjiyamānāni 2 samanugāhiyamānāni samanubhāsiyamānāni parampi gantvā akiriyāya saṇṭhahanti. Katamāni tīṇi? Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ pubbekatahetū’ti. Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ issaranimmānahetū’ti. Santi, bhikkhave, eke samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ ahetuappaccayā’’’ti.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ ปุเพฺพกตเหตู’ติ, ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ ปุเพฺพกตเหตู’ติ ? เต จ เม 3 เอวํ ปุฎฺฐา ‘อามา’ติ 4 ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตนหายสฺมโนฺต ปาณาติปาติโน ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, อทินฺนาทายิโน ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, อพฺรหฺมจาริโน ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, มุสาวาทิโน ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, ปิสุณวาจา ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, ผรุสวาจา ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, สมฺผปฺปลาปิโน ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, อภิชฺฌาลุโน ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, พฺยาปนฺนจิตฺตา ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ, มิจฺฉาทิฎฺฐิกา ภวิสฺสนฺติ ปุเพฺพกตเหตุ’’’ฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ pubbekatahetū’ti, tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ pubbekatahetū’ti ? Te ca me 5 evaṃ puṭṭhā ‘āmā’ti 6 paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tenahāyasmanto pāṇātipātino bhavissanti pubbekatahetu, adinnādāyino bhavissanti pubbekatahetu, abrahmacārino bhavissanti pubbekatahetu, musāvādino bhavissanti pubbekatahetu, pisuṇavācā bhavissanti pubbekatahetu, pharusavācā bhavissanti pubbekatahetu, samphappalāpino bhavissanti pubbekatahetu, abhijjhāluno bhavissanti pubbekatahetu, byāpannacittā bhavissanti pubbekatahetu, micchādiṭṭhikā bhavissanti pubbekatahetu’’’.
‘‘ปุเพฺพกตํ โข ปน, ภิกฺขเว, สารโต ปจฺจาคจฺฉตํ น โหติ ฉโนฺท วา วายาโม วา อิทํ วา กรณียํ อิทํ วา อกรณียนฺติฯ อิติ กรณียากรณีเย โข ปน สจฺจโต เถตโต อนุปลพฺภิยมาเน มุฎฺฐสฺสตีนํ อนารกฺขานํ วิหรตํ น โหติ ปจฺจตฺตํ สหธมฺมิโก สมณวาโท ฯ อยํ โข เม, ภิกฺขเว, เตสุ สมณพฺราหฺมเณสุ เอวํวาทีสุ เอวํทิฎฺฐีสุ ปฐโม สหธมฺมิโก นิคฺคโห โหติฯ
‘‘Pubbekataṃ kho pana, bhikkhave, sārato paccāgacchataṃ na hoti chando vā vāyāmo vā idaṃ vā karaṇīyaṃ idaṃ vā akaraṇīyanti. Iti karaṇīyākaraṇīye kho pana saccato thetato anupalabbhiyamāne muṭṭhassatīnaṃ anārakkhānaṃ viharataṃ na hoti paccattaṃ sahadhammiko samaṇavādo . Ayaṃ kho me, bhikkhave, tesu samaṇabrāhmaṇesu evaṃvādīsu evaṃdiṭṭhīsu paṭhamo sahadhammiko niggaho hoti.
‘‘ตตฺร, ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อิสฺสรนิมฺมานเหตู’ติ, ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอวํวาทิโน เอวทิฎฺฐิโน – ยํ กิญฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อิสฺสรนิมฺมานเหตู’ติ? เต จ เม เอวํ ปุฎฺฐา ‘อามา’ติ ปฎิชานนฺติฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตนหายสฺมโนฺต ปาณาติปาติโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, อทินฺนาทายิโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, อพฺรหฺมจาริโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, มุสาวาทิโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, ปิสุณวาจา ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, ผรุสวาจา ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, สมฺผปฺปลาปิโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, อภิชฺฌาลุโน ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, พฺยาปนฺนจิตฺตา ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ, มิจฺฉาทิฎฺฐิกา ภวิสฺสนฺติ อิสฺสรนิมฺมานเหตุ’’’ฯ
‘‘Tatra, bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ issaranimmānahetū’ti, tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto evaṃvādino evadiṭṭhino – yaṃ kiñcāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ issaranimmānahetū’ti? Te ca me evaṃ puṭṭhā ‘āmā’ti paṭijānanti. Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tenahāyasmanto pāṇātipātino bhavissanti issaranimmānahetu, adinnādāyino bhavissanti issaranimmānahetu, abrahmacārino bhavissanti issaranimmānahetu, musāvādino bhavissanti issaranimmānahetu, pisuṇavācā bhavissanti issaranimmānahetu, pharusavācā bhavissanti issaranimmānahetu, samphappalāpino bhavissanti issaranimmānahetu, abhijjhāluno bhavissanti issaranimmānahetu, byāpannacittā bhavissanti issaranimmānahetu, micchādiṭṭhikā bhavissanti issaranimmānahetu’’’.
‘‘อิสฺสรนิมฺมานํ โข ปน, ภิกฺขเว, สารโต ปจฺจาคจฺฉตํ น โหติ ฉโนฺท วา วายาโม วา อิทํ วา กรณียํ อิทํ วา อกรณียนฺติฯ อิติ กรณียากรณีเย โข ปน สจฺจโต เถตโต อนุปลพฺภิยมาเน มุฎฺฐสฺสตีนํ อนารกฺขานํ วิหรตํ น โหติ ปจฺจตฺตํ สหธมฺมิโก สมณวาโทฯ อยํ โข เม, ภิกฺขเว, เตสุ สมณพฺราหฺมเณสุ เอวํวาทีสุ เอวํทิฎฺฐีสุ ทุติโย สหธมฺมิโก นิคฺคโห โหติฯ
‘‘Issaranimmānaṃ kho pana, bhikkhave, sārato paccāgacchataṃ na hoti chando vā vāyāmo vā idaṃ vā karaṇīyaṃ idaṃ vā akaraṇīyanti. Iti karaṇīyākaraṇīye kho pana saccato thetato anupalabbhiyamāne muṭṭhassatīnaṃ anārakkhānaṃ viharataṃ na hoti paccattaṃ sahadhammiko samaṇavādo. Ayaṃ kho me, bhikkhave, tesu samaṇabrāhmaṇesu evaṃvādīsu evaṃdiṭṭhīsu dutiyo sahadhammiko niggaho hoti.
‘‘ตตฺร , ภิกฺขเว, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ‘ยํ กิํ จายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อเหตุอปฺปจฺจยา’ติ, ตฺยาหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วทามิ – ‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห อายสฺมโนฺต เอวํวาทิโน เอวํทิฎฺฐิโน – ยํ กิํ จายํ ปุริสปุคฺคโล ปฎิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สพฺพํ ตํ อเหตุอปฺปจฺจยา’ติ? เต จ เม เอวํ ปุฎฺฐา ‘อามา’ติ ปฎิชานนฺติ ฯ ตฺยาหํ เอวํ วทามิ – ‘เตนหายสฺมโนฺต ปาณาติปาติโน ภวิสฺสนฺติ อเหตุอปฺปจฺจยา…เป.… มิจฺฉาทิฎฺฐิกา ภวิสฺสนฺติ อเหตุอปฺปจฺจยา’’’ฯ
‘‘Tatra , bhikkhave, ye te samaṇabrāhmaṇā evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – ‘yaṃ kiṃ cāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ ahetuappaccayā’ti, tyāhaṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadāmi – ‘saccaṃ kira tumhe āyasmanto evaṃvādino evaṃdiṭṭhino – yaṃ kiṃ cāyaṃ purisapuggalo paṭisaṃvedeti sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā sabbaṃ taṃ ahetuappaccayā’ti? Te ca me evaṃ puṭṭhā ‘āmā’ti paṭijānanti . Tyāhaṃ evaṃ vadāmi – ‘tenahāyasmanto pāṇātipātino bhavissanti ahetuappaccayā…pe… micchādiṭṭhikā bhavissanti ahetuappaccayā’’’.
‘‘อเหตุอปฺปจฺจยํ 7 โข ปน, ภิกฺขเว, สารโต ปจฺจาคจฺฉตํ น โหติ ฉโนฺท วา วายาโม วา อิทํ วา กรณียํ อิทํ วา อกรณียนฺติฯ อิติ กรณียากรณีเย โข ปน สจฺจโต เถตโต อนุปลพฺภิยมาเน มุฎฺฐสฺสตีนํ อนารกฺขานํ วิหรตํ น โหติ ปจฺจตฺตํ สหธมฺมิโก สมณวาโทฯ อยํ โข เม, ภิกฺขเว, เตสุ สมณพฺราหฺมเณสุ เอวํวาทีสุ เอวํทิฎฺฐีสุ ตติโย สหธมฺมิโก นิคฺคโห โหติฯ
‘‘Ahetuappaccayaṃ 8 kho pana, bhikkhave, sārato paccāgacchataṃ na hoti chando vā vāyāmo vā idaṃ vā karaṇīyaṃ idaṃ vā akaraṇīyanti. Iti karaṇīyākaraṇīye kho pana saccato thetato anupalabbhiyamāne muṭṭhassatīnaṃ anārakkhānaṃ viharataṃ na hoti paccattaṃ sahadhammiko samaṇavādo. Ayaṃ kho me, bhikkhave, tesu samaṇabrāhmaṇesu evaṃvādīsu evaṃdiṭṭhīsu tatiyo sahadhammiko niggaho hoti.
‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, ตีณิ ติตฺถายตนานิ ยานิ ปณฺฑิเตหิ สมนุยุญฺชิยมานานิ สมนุคาหิยมานานิ สมนุภาสิยมานานิ ปรมฺปิ คนฺตฺวา อกิริยาย สณฺฐหนฺติฯ
‘‘Imāni kho, bhikkhave, tīṇi titthāyatanāni yāni paṇḍitehi samanuyuñjiyamānāni samanugāhiyamānāni samanubhāsiyamānāni parampi gantvā akiriyāya saṇṭhahanti.
‘‘อยํ โข ปน, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหิฯ กตโม จ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหิ? อิมา ฉ ธาตุโยติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหิฯ อิมานิ ฉ ผสฺสายตนานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหิฯ อิเม อฎฺฐารส มโนปวิจาราติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหิฯ อิมานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหิฯ
‘‘Ayaṃ kho pana, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhi. Katamo ca, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhi? Imā cha dhātuyoti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhi. Imāni cha phassāyatanānīti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhi. Ime aṭṭhārasa manopavicārāti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhi. Imāni cattāri ariyasaccānīti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhi.
‘‘อิมา ฉ ธาตุโยติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหีติฯ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ฉยิมา, ภิกฺขเว , ธาตุโย – ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุ, อากาสธาตุ, วิญฺญาณธาตุฯ อิมา ฉ ธาตุโยติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหีติฯ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Imā cha dhātuyoti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhīti. Iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Chayimā, bhikkhave , dhātuyo – pathavīdhātu, āpodhātu, tejodhātu, vāyodhātu, ākāsadhātu, viññāṇadhātu. Imā cha dhātuyoti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhīti. Iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘อิมานิ ฉ ผสฺสายตนานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหีติฯ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ฉยิมานิ, ภิกฺขเว, ผสฺสายตนานิ – จกฺขุ ผสฺสายตนํ, โสตํ ผสฺสายตนํ, ฆานํ ผสฺสายตนํ, ชิวฺหา ผสฺสายตนํ, กาโย ผสฺสายตนํ, มโน ผสฺสายตนํฯ อิมานิ ฉ ผสฺสายตนานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหีติฯ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Imāni cha phassāyatanānīti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhīti. Iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Chayimāni, bhikkhave, phassāyatanāni – cakkhu phassāyatanaṃ, sotaṃ phassāyatanaṃ, ghānaṃ phassāyatanaṃ, jivhā phassāyatanaṃ, kāyo phassāyatanaṃ, mano phassāyatanaṃ. Imāni cha phassāyatanānīti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhīti. Iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘อิเม อฎฺฐารส มโนปวิจาราติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหีติฯ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฎฺฐานิยํ รูปํ อุปวิจรติ โทมนสฺสฎฺฐานิยํ รูปํ อุปวิจรติ อุเปกฺขาฎฺฐานิยํ รูปํ อุปวิจรติ, โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย โสมนสฺสฎฺฐานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติ โทมนสฺสฎฺฐานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติ อุเปกฺขาฎฺฐานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติฯ อิเม อฎฺฐารส มโนปวิจาราติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหีติฯ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํฯ
‘‘Ime aṭṭhārasa manopavicārāti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhīti. Iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Cakkhunā rūpaṃ disvā somanassaṭṭhāniyaṃ rūpaṃ upavicarati domanassaṭṭhāniyaṃ rūpaṃ upavicarati upekkhāṭṭhāniyaṃ rūpaṃ upavicarati, sotena saddaṃ sutvā… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya somanassaṭṭhāniyaṃ dhammaṃ upavicarati domanassaṭṭhāniyaṃ dhammaṃ upavicarati upekkhāṭṭhāniyaṃ dhammaṃ upavicarati. Ime aṭṭhārasa manopavicārāti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhīti. Iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vuttaṃ.
‘‘อิมานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานีติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหีติฯ อิติ โข ปเนตํ วุตฺตํฯ กิเญฺจตํ ปฎิจฺจ วุตฺตํ? ฉนฺนํ, ภิกฺขเว, ธาตูนํ อุปาทาย คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหติ; โอกฺกนฺติยา สติ นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนาฯ เวทิยมานสฺส โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, อิทํ ทุกฺขนฺติ ปญฺญเปมิ, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ ปญฺญเปมิ, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ ปญฺญเปมิ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทาติ ปญฺญเปมิฯ
‘‘Imāni cattāri ariyasaccānīti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhīti. Iti kho panetaṃ vuttaṃ. Kiñcetaṃ paṭicca vuttaṃ? Channaṃ, bhikkhave, dhātūnaṃ upādāya gabbhassāvakkanti hoti; okkantiyā sati nāmarūpaṃ, nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ, saḷāyatanapaccayā phasso, phassapaccayā vedanā. Vediyamānassa kho panāhaṃ, bhikkhave, idaṃ dukkhanti paññapemi, ayaṃ dukkhasamudayoti paññapemi, ayaṃ dukkhanirodhoti paññapemi, ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadāti paññapemi.
‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ? ชาติปิ ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา , ( ) 9 มรณมฺปิ ทุกฺขํ , โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา, (อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุโกฺข, ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุโกฺข,) 10 ยมฺปิจฺฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํฯ สํขิเตฺตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขาฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํฯ
‘‘Katamañca, bhikkhave, dukkhaṃ ariyasaccaṃ? Jātipi dukkhā, jarāpi dukkhā , ( ) 11 maraṇampi dukkhaṃ , sokaparidevadukkhadomanassupāyāsāpi dukkhā, (appiyehi sampayogo dukkho, piyehi vippayogo dukkho,) 12 yampicchaṃ na labhati tampi dukkhaṃ. Saṃkhittena pañcupādānakkhandhā dukkhā. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dukkhaṃ ariyasaccaṃ.
‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทยํ 13 อริยสจฺจํ? อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขสมุทยํ อริยสจฺจํฯ
‘‘Katamañca, bhikkhave, dukkhasamudayaṃ 14 ariyasaccaṃ? Avijjāpaccayā saṅkhārā, saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ, nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ, saḷāyatanapaccayā phasso, phassapaccayā vedanā, vedanāpaccayā taṇhā, taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā bhavo, bhavapaccayā jāti, jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dukkhasamudayaṃ ariyasaccaṃ.
‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธํ 15 อริยสจฺจํ? อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ, วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจํฯ
‘‘Katamañca, bhikkhave, dukkhanirodhaṃ 16 ariyasaccaṃ? Avijjāya tveva asesavirāganirodhā saṅkhāranirodho, saṅkhāranirodhā viññāṇanirodho, viññāṇanirodhā nāmarūpanirodho, nāmarūpanirodhā saḷāyatananirodho, saḷāyatananirodhā phassanirodho, phassanirodhā vedanānirodho, vedanānirodhā taṇhānirodho, taṇhānirodhā upādānanirodho, upādānanirodhā bhavanirodho, bhavanirodhā jātinirodho, jātinirodhā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā nirujjhanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hoti. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dukkhanirodhaṃ ariyasaccaṃ.
‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฎฺฐิ, สมฺมาสงฺกโปฺป, สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมโนฺต, สมฺมาอาชีโว, สมฺมาวายาโม, สมฺมาสติ, สมฺมาสมาธิฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา อริยสจฺจํฯ ‘อิมานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานี’ติ, ภิกฺขเว, มยา ธโมฺม เทสิโต อนิคฺคหิโต อสํกิลิโฎฺฐ อนุปวโชฺช อปฺปฎิกุโฎฺฐ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหีติฯ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติฯ ปฐมํฯ
‘‘Katamañca, bhikkhave, dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ? Ayameva ariyo aṭṭhaṅgiko maggo, seyyathidaṃ – sammādiṭṭhi, sammāsaṅkappo, sammāvācā, sammākammanto, sammāājīvo, sammāvāyāmo, sammāsati, sammāsamādhi. Idaṃ vuccati, bhikkhave, dukkhanirodhagāminī paṭipadā ariyasaccaṃ. ‘Imāni cattāri ariyasaccānī’ti, bhikkhave, mayā dhammo desito aniggahito asaṃkiliṭṭho anupavajjo appaṭikuṭṭho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhīti. Iti yaṃ taṃ vuttaṃ idametaṃ paṭicca vutta’’nti. Paṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ติตฺถายตนสุตฺตวณฺณนา • 1. Titthāyatanasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. ติตฺถายตนสุตฺตวณฺณนา • 1. Titthāyatanasuttavaṇṇanā