Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā)

    (๗) ๒. มหาวโคฺค

    (7) 2. Mahāvaggo

    ๑. ติตฺถายตนสุตฺตวณฺณนา

    1. Titthāyatanasuttavaṇṇanā

    ๖๒. ทุติยสฺส ปฐเม ติตฺถํ นาม ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย ตพฺพินิมุตฺตสฺส กสฺสจิ ทิฎฺฐิวิปฺผนฺทิตสฺส อภาวโตฯ เอตฺถ หิ สตฺตา ตรนฺติ อุปฺปิลวนฺติ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชํ กโรนฺติ, ตสฺมา ‘‘ติตฺถ’’นฺติ วุจฺจติฯ ปารคมนสงฺขาตญฺหิ ตรณํ ทิฎฺฐิคติกานํ นตฺถิ, ตเตฺถว อปราปรํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนวเสน ปิลวนเมว เตสํ ตรณํ นามฯ อุปฺปาทกาติ ปูรณกสฺสปาทโยฯ ติเตฺถ ชาตา ติตฺถิยา, ยถาวุตฺตํ วา ทิฎฺฐิคตสงฺขาตํ ติตฺถํ เอเตสํ อตฺถีติ ติตฺถิกา, ติตฺถิกา เอว ติตฺถิยาฯ มโนรเมติ สาทุผลภริตตาย อภยทิสตาย จ มโนรเมฯ อิเมสุเยว ตีสุ ฐาเนสูติ ยถาวุเตฺตสุ ติตฺถายตเนสุฯ

    62. Dutiyassa paṭhame titthaṃ nāma dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo tabbinimuttassa kassaci diṭṭhivipphanditassa abhāvato. Ettha hi sattā taranti uppilavanti ummujjanimujjaṃ karonti, tasmā ‘‘tittha’’nti vuccati. Pāragamanasaṅkhātañhi taraṇaṃ diṭṭhigatikānaṃ natthi, tattheva aparāparaṃ nimujjanummujjanavasena pilavanameva tesaṃ taraṇaṃ nāma. Uppādakāti pūraṇakassapādayo. Titthe jātā titthiyā, yathāvuttaṃ vā diṭṭhigatasaṅkhātaṃ titthaṃ etesaṃ atthīti titthikā, titthikā eva titthiyā. Manorameti sāduphalabharitatāya abhayadisatāya ca manorame. Imesuyeva tīsu ṭhānesūti yathāvuttesu titthāyatanesu.

    โย ยถา ชานาติ, ตสฺส ตถา วุจฺจตีติ อิมินา ปุคฺคลชฺฌาสยวเสน ตถา วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ ปุคฺคล-สโทฺท จ ติสฺสนฺนมฺปิ ปกตีนํ สาธารโณ, ตสฺมา ปุริสคฺคหเณน ตโต วิเสสนํ ยถา ‘‘อฎฺฐ ปุริสปุคฺคลา’’ติฯ ปฎิสํวิทิตํ กโรตีติ เกวลํ ชานนวเสน วิทิตํ กโรติฯ อนุภวติ วาติ วิปากลกฺขณปฺปตฺตํ อนุภวติฯ ปุเพฺพกตเหตูติ อโนฺตคธาวธารณํ ปทนฺติ อาห ‘‘ปุเพฺพกตกมฺมปจฺจเยเนวา’’ติฯ อิมินาติ ‘‘สพฺพํ ตํ ปุเพฺพกตเหตู’’ติ อิมินา วจเนนฯ กมฺมเวทนนฺติ กุสลากุสลกมฺมสหชํ เวทนํฯ กิริยเวทนนฺติ ‘‘เนว กุสลากุสลา น จ กมฺมวิปากา’’ติ เอวํ วุตฺตํ กิริยจิตฺตสหชํ เวทนํฯ น เกวลญฺจ เต กมฺมกิริยเวทนา เอว ปฎิกฺขิปนฺติ, อถ โข สาสเน โลเก จ ปากเฎ วาตาพาธาทิโรเค จ ปฎิกฺขิปนฺติ เอวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เย วา อิเม’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ ปิตฺตสมุฎฺฐานาติ ปิตฺตวิการาธิกสมฺภูตา ฯ อนนฺตรทฺวเยปิ เอเสว นโยฯ สนฺนิปาติกาติ ปิตฺตาทีนํ ติณฺณมฺปิ วิการานํ สนฺนิปาตโต ชาตาฯ อุตุปริณามชาติ สีตาทิอุตุโน วิปริณามโต วิสมปริวุตฺติโต ชาตาฯ วิสมปริหารชาติ อสปฺปายาหารโยคปฎิเสวนวเสน กายสฺส วิสมํ ปริหรณโต ชาตาฯ โอปกฺกมิกาติ อุปกฺกมโต นิพฺพตฺตาฯ กมฺมวิปากชาติ กมฺมสฺส วิปากภูตกฺขนฺธโต ชาตาฯ วิโรธิปจฺจยสมุฎฺฐานา ธาตูนํ วิการาวตฺถา, ตปฺปจฺจยา วา ทุกฺขา เวทนา อาพาธนเฎฺฐน อาพาโธ, โส เอว รุชฺชนเฎฺฐน โรโคฯ ตตฺถ ‘‘โย ยาปฺยลกฺขโณ, โส โรโค, อิตโร อาพาโธ’’ติ วทนฺติฯ สเพฺพสญฺจ เนสํ ตํตํธาตูนํ วิสมํ อาสนฺนการณํ, น ตถา อิตรานิฯ ตตฺถาปิ จ ปโกปาวตฺถา ธาตุโย อาสนฺนการณํ, น ตถา ปรปจฺจยาวตฺถาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อฎฺฐมํเยว กมฺมวิปากชํ อาพาธํ สมฺปฎิจฺฉนฺติ ‘‘สพฺพํ ตํ ปุเพฺพกตเหตู’’ติ วิปลฺลาสคฺคาเหนฯ ‘‘ปุเพฺพ’’ติ ปุราตนเสฺสว กมฺมสฺส คหิตตฺตา อุปปชฺชเวทนียมฺปิ เต ปฎิกฺขิปนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘เทฺว ปฎิพาหิตฺวา’’ติฯ สมฺปฎิจฺฉนฺตีติ อนุชานนฺติฯ

    Yo yathā jānāti, tassa tathā vuccatīti iminā puggalajjhāsayavasena tathā vuttanti dasseti. Puggala-saddo ca tissannampi pakatīnaṃ sādhāraṇo, tasmā purisaggahaṇena tato visesanaṃ yathā ‘‘aṭṭha purisapuggalā’’ti. Paṭisaṃviditaṃ karotīti kevalaṃ jānanavasena viditaṃ karoti. Anubhavati vāti vipākalakkhaṇappattaṃ anubhavati. Pubbekatahetūti antogadhāvadhāraṇaṃ padanti āha ‘‘pubbekatakammapaccayenevā’’ti. Imināti ‘‘sabbaṃ taṃ pubbekatahetū’’ti iminā vacanena. Kammavedananti kusalākusalakammasahajaṃ vedanaṃ. Kiriyavedananti ‘‘neva kusalākusalā na ca kammavipākā’’ti evaṃ vuttaṃ kiriyacittasahajaṃ vedanaṃ. Na kevalañca te kammakiriyavedanā eva paṭikkhipanti, atha kho sāsane loke ca pākaṭe vātābādhādiroge ca paṭikkhipanti evāti dassetuṃ ‘‘ye vā ime’’tiādimāha. Tattha pittasamuṭṭhānāti pittavikārādhikasambhūtā . Anantaradvayepi eseva nayo. Sannipātikāti pittādīnaṃ tiṇṇampi vikārānaṃ sannipātato jātā. Utupariṇāmajāti sītādiutuno vipariṇāmato visamaparivuttito jātā. Visamaparihārajāti asappāyāhārayogapaṭisevanavasena kāyassa visamaṃ pariharaṇato jātā. Opakkamikāti upakkamato nibbattā. Kammavipākajāti kammassa vipākabhūtakkhandhato jātā. Virodhipaccayasamuṭṭhānā dhātūnaṃ vikārāvatthā, tappaccayā vā dukkhā vedanā ābādhanaṭṭhena ābādho, so eva rujjanaṭṭhena rogo. Tattha ‘‘yo yāpyalakkhaṇo, so rogo, itaro ābādho’’ti vadanti. Sabbesañca nesaṃ taṃtaṃdhātūnaṃ visamaṃ āsannakāraṇaṃ, na tathā itarāni. Tatthāpi ca pakopāvatthā dhātuyo āsannakāraṇaṃ, na tathā parapaccayāvatthāti daṭṭhabbaṃ. Aṭṭhamaṃyeva kammavipākajaṃ ābādhaṃ sampaṭicchanti ‘‘sabbaṃ taṃ pubbekatahetū’’ti vipallāsaggāhena. ‘‘Pubbe’’ti purātanasseva kammassa gahitattā upapajjavedanīyampi te paṭikkhipantīti vuttaṃ ‘‘dve paṭibāhitvā’’ti. Sampaṭicchantīti anujānanti.

    อตฺตนา กตมูลเกนาติ สาหตฺถิกกมฺมเหตุฯ อาณตฺติมูลเกนาติ ปรสฺส อาณาปนวเสน กตกมฺมเหตุฯ อิมาติ ติโสฺส เวทนาฯ สเพฺพ ปฎิพาหนฺตีติ สเพฺพ โรเค ปฎิเสเธนฺติ สเพฺพสมฺปิ เตสํ เอเกน อิสฺสเรเนว นิมฺมิตตฺตา ตพฺภาวีภาวาสมฺภวโตฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ สพฺพํ ปฎิพาหนฺตีติ เหตุปจฺจยปฎิเสธนโต สพฺพํ นิเสเธนฺติฯ

    Attanā katamūlakenāti sāhatthikakammahetu. Āṇattimūlakenāti parassa āṇāpanavasena katakammahetu. Imāti tisso vedanā. Sabbe paṭibāhantīti sabbe roge paṭisedhenti sabbesampi tesaṃ ekena issareneva nimmitattā tabbhāvībhāvāsambhavato. Esa nayo sesesupi. Sabbaṃ paṭibāhantīti hetupaccayapaṭisedhanato sabbaṃ nisedhenti.

    มาติกํ นิกฺขิปิตฺวาติ ติณฺณมฺปิ เวทานํ อสารภาวทสฺสนตฺถํ อุเทฺทสํ กตฺวาฯ นฺติ ตํ มาติกํฯ วิภชิตฺวา ทเสฺสตุนฺติ โทสทสฺสนวเสเนว วิภาคโต ทเสฺสตุํฯ ลทฺธิปติฎฺฐาปนตฺถนฺติ อตฺตโน ลทฺธิยา ปฎิชานาปนตฺถํฯ ลทฺธิโต ลทฺธิํ สงฺกมนฺตีติ มูลลทฺธิโต อญฺญลทฺธิํ อุปคจฺฉนฺติ ปฎิชานนฺติฯ ปุเพฺพกตเหตุเยว ปฎิสํเวเทตีติ กมฺมเวทนมฺปิ วิปากเวทนํ กตฺวา วทนฺติฯ ทิฎฺฐิคติกา หิ พฺยามูฬฺหจิตฺตา กมฺมนฺตรวิปากนฺตราทีนิ อาโลเฬนฺติ, อสงฺกรโต สญฺญาเปตุํ น สโกฺกนฺติฯ ยถา จ อกุสลกเมฺม, เอวํ กุสลกเมฺมปีติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ ปาณาติปาตา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เอวนฺติ ยถา ปุเพฺพกตเหตุ เอว ปาณาติปาติโน นาม โหนฺติ, น อิทานิ สยํกตการณา, เอวํ ปาณาติปาตา วิรมณมฺปิ ปุเพฺพกตเหตุ เอวาติ วิจาริยมาโน ปุเพฺพกตวาโท อกิริยวาโท เอว สมฺปชฺชติฯ

    Mātikaṃ nikkhipitvāti tiṇṇampi vedānaṃ asārabhāvadassanatthaṃ uddesaṃ katvā. Tanti taṃ mātikaṃ. Vibhajitvā dassetunti dosadassanavaseneva vibhāgato dassetuṃ. Laddhipatiṭṭhāpanatthanti attano laddhiyā paṭijānāpanatthaṃ. Laddhito laddhiṃ saṅkamantīti mūlaladdhito aññaladdhiṃ upagacchanti paṭijānanti. Pubbekatahetuyeva paṭisaṃvedetīti kammavedanampi vipākavedanaṃ katvā vadanti. Diṭṭhigatikā hi byāmūḷhacittā kammantaravipākantarādīni āloḷenti, asaṅkarato saññāpetuṃ na sakkonti. Yathā ca akusalakamme, evaṃ kusalakammepīti dassetuṃ ‘‘evaṃ pāṇātipātā’’tiādi vuttaṃ. Tattha evanti yathā pubbekatahetu eva pāṇātipātino nāma honti, na idāni sayaṃkatakāraṇā, evaṃ pāṇātipātā viramaṇampi pubbekatahetu evāti vicāriyamāno pubbekatavādo akiriyavādo eva sampajjati.

    กตฺตุกมฺยตาฉโนฺท น ตณฺหาฉโนฺทฯ กตฺตุกมฺยตาติ กาตุมิจฺฉาฯ ปจฺจตฺตปุริสกาโรติ เตน เตน ปุริเสน กตฺตพฺพกิจฺจํ น โหติ ปุเพฺพกตเหตุ เอว สิชฺฌนโตฯ อุภยมฺปิ ตํ เอส น ลพฺภตีติ กตฺตพฺพกรณํ สุจริตปูรณํ, อกตฺตพฺพอกรณํ ทุจฺจริตวิรตีติ อิทํ อุภยมฺปิ เอส น ลภติฯ สมณาปิ หิ ปุเพฺพกตการณาเยว โหนฺตีติ ปุเพฺพกตการณาเยว สมณาปิ โหนฺติ, น อิทานิ สํวรสมาทานาทินาฯ อสฺสมณาปิ ปุเพฺพกตการณาเยวาติ ปุเพฺพกตการณาเยว อสฺสมณาปิ โหนฺติ, น สํวรเภเทนฯ

    Kattukamyatāchando na taṇhāchando. Kattukamyatāti kātumicchā. Paccattapurisakāroti tena tena purisena kattabbakiccaṃ na hoti pubbekatahetu eva sijjhanato. Ubhayampi taṃ esa na labbhatīti kattabbakaraṇaṃ sucaritapūraṇaṃ, akattabbaakaraṇaṃ duccaritaviratīti idaṃ ubhayampi esa na labhati. Samaṇāpi hi pubbekatakāraṇāyeva hontīti pubbekatakāraṇāyeva samaṇāpi honti, na idāni saṃvarasamādānādinā. Assamaṇāpi pubbekatakāraṇāyevāti pubbekatakāraṇāyeva assamaṇāpi honti, na saṃvarabhedena.

    ยถา ปุเพฺพกตวาเท ฉนฺทวายามานํ อสมฺภวโต ปจฺจตฺตปุริสการานํ อภาโว, เอวํ อิสฺสรนิมฺมานวาเทปิ อิสฺสเรเนว สพฺพสฺส นิมฺมิตภาวานุชานนโตติ วุตฺตํ ‘‘ปุเพฺพกตวาเท วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ’’ติฯ เอส นโย อเหตุกวาเทปีติ อาห ‘‘ตถา อเหตุกวาเทปี’’ติฯ

    Yathā pubbekatavāde chandavāyāmānaṃ asambhavato paccattapurisakārānaṃ abhāvo, evaṃ issaranimmānavādepi issareneva sabbassa nimmitabhāvānujānanatoti vuttaṃ ‘‘pubbekatavāde vuttanayeneva veditabbo’’ti. Esa nayo ahetukavādepīti āha ‘‘tathā ahetukavādepī’’ti.

    อิเมสนฺติอาทินา อิเมสํ ติตฺถายตนานํ ตุจฺฉาสารตาย ถุสโกฎฺฎเนน กุณฺฑกมตฺตสฺสปิ อลาโภ วิย ปรมตฺถเลสสฺสปิ อภาโว, ตถา ขโชฺชปนโกภาสโต เตชโส ผุลิงฺคมตฺตสฺสปิ อภาโว วิย อนฺธเวณิกสฺสปิ มคฺคสฺส อปฺปฎิลาโภ วิย สทฺทมตฺตํ นิสฺสาย มิจฺฉาภาเคน วิปลฺลตฺถตาย ททฺทรชาตเก (ชา. ๑.๒.๔๓-๔๓) สสกสทิสตา จ วิภาวิตา โหติฯ สารภาวนฺติ สีลสาราทิสมฺปตฺติยา สารสพฺภาวํฯ นิยฺยานิกภาวนฺติ เอกเนฺตเนว วฎฺฎโต นิยฺยานาวหภาวํฯ อนิคฺคหิโตติ น นิคฺคเหตโพฺพฯ เตนาห ‘‘นิคฺคเหตุํ อสกฺกุเณโยฺย’’ติฯ อสํกิลิโฎฺฐติ สํกิเลสวิรหิโตฯ เตนาห ‘‘นิกฺกิเลโส’’ติอาทิฯ อนุปวโชฺชติ ธมฺมโต น อุปวทิตโพฺพฯ อปฺปฎิกุโฎฺฐ นาม อปฺปฎิเสธนํ วา สิยา อนโกฺกสนํ วาติ ตทุภยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อปฺปฎิพาหิโต อนุปกฺกุโฎฺฐ’’ติ อาหฯ

    Imesantiādinā imesaṃ titthāyatanānaṃ tucchāsāratāya thusakoṭṭanena kuṇḍakamattassapi alābho viya paramatthalesassapi abhāvo, tathā khajjopanakobhāsato tejaso phuliṅgamattassapi abhāvo viya andhaveṇikassapi maggassa appaṭilābho viya saddamattaṃ nissāya micchābhāgena vipallatthatāya daddarajātake (jā. 1.2.43-43) sasakasadisatā ca vibhāvitā hoti. Sārabhāvanti sīlasārādisampattiyā sārasabbhāvaṃ. Niyyānikabhāvanti ekanteneva vaṭṭato niyyānāvahabhāvaṃ. Aniggahitoti na niggahetabbo. Tenāha ‘‘niggahetuṃ asakkuṇeyyo’’ti. Asaṃkiliṭṭhoti saṃkilesavirahito. Tenāha ‘‘nikkileso’’tiādi. Anupavajjoti dhammato na upavaditabbo. Appaṭikuṭṭho nāma appaṭisedhanaṃ vā siyā anakkosanaṃ vāti tadubhayaṃ dassento ‘‘appaṭibāhito anupakkuṭṭho’’ti āha.

    ตสฺส ธมฺมสฺสาติ ‘‘อยํ โข ปน, ภิกฺขเว’’ติอาทินา อุทฺธฎสฺส ธมฺมสฺสฯ ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวาติ กเถตุกมฺยตาวเสน ปญฺหํ ปุจฺฉิตฺวาฯ ยถาปฎิปาฎิยาติ มาติกาย ยถานิกฺขิตฺตปฺปฎิปาฎิยาฯ ธาตุโยติ สภาวธารณเฎฺฐน ธาตุโยฯ ตา ปน ยสฺมา ตณฺหาทิฎฺฐิกปฺปนาปริกปฺปิตอตฺตสุภสุขสสฺสตาทิปกติอาทิธุวาทิชีวาทิกายาทิกา วิย น อิจฺฉาสภาวา ทิฎฺฐิอาทิรหิเตหิ วิมุจฺจมานอุทุมฺพรปุปฺผาทิโลกโวหารวตฺถูนิ วิย จ วาจาวตฺถุมตฺตา, อถ โข สจฺจปรมตฺถภูตาติ อาห ‘‘สภาวา’’ติ, สจฺจสภาวาติ อโตฺถฯ อตฺตโน สภาวํ ธาเรนฺตีติ หิ ธาตุโยฯ นิชฺชีวนิสฺสตฺตภาวปฺปกาสโกติ พาหิรปริกปฺปิตชีวาภาวปฺปกาสโก โลกิยมหาชนสํกปฺปิตสตฺตาภาวปฺปกาสโก จฯ อากรเฎฺฐนาติ อุปฺปชฺชนฎฺฐานภาเวนฯ อุปฺปตฺติฎฺฐานมฺปิ หิ อากโร อายตนนฺติ วุจฺจติ ยถา ‘‘กโมฺพโช อสฺสานํ อายตน’’นฺติฯ มโนปวิจาราติ ตํ ตํ อารมฺมณํ อุเปจฺจ มนโส วิวิธจรณากาโรฯ เกหิ กตฺถาติ อาห ‘‘วิตกฺกวิจารปาเทหี’’ติอาทิฯ อฎฺฐารสสุ ฐาเนสูติ ฉ โสมนสฺสฎฺฐานิยานิ , ฉ โทมนสฺสฎฺฐานิยานิ, ฉ อุเปกฺขาฎฺฐานิยานีติ เอวํ อฎฺฐารสสุ ฐาเนสุฯ

    Tassa dhammassāti ‘‘ayaṃ kho pana, bhikkhave’’tiādinā uddhaṭassa dhammassa. Pañhaṃ pucchitvāti kathetukamyatāvasena pañhaṃ pucchitvā. Yathāpaṭipāṭiyāti mātikāya yathānikkhittappaṭipāṭiyā. Dhātuyoti sabhāvadhāraṇaṭṭhena dhātuyo. Tā pana yasmā taṇhādiṭṭhikappanāparikappitaattasubhasukhasassatādipakatiādidhuvādijīvādikāyādikā viya na icchāsabhāvā diṭṭhiādirahitehi vimuccamānaudumbarapupphādilokavohāravatthūni viya ca vācāvatthumattā, atha kho saccaparamatthabhūtāti āha ‘‘sabhāvā’’ti, saccasabhāvāti attho. Attano sabhāvaṃ dhārentīti hi dhātuyo. Nijjīvanissattabhāvappakāsakoti bāhiraparikappitajīvābhāvappakāsako lokiyamahājanasaṃkappitasattābhāvappakāsako ca. Ākaraṭṭhenāti uppajjanaṭṭhānabhāvena. Uppattiṭṭhānampi hi ākaro āyatananti vuccati yathā ‘‘kambojo assānaṃ āyatana’’nti. Manopavicārāti taṃ taṃ ārammaṇaṃ upecca manaso vividhacaraṇākāro. Kehi katthāti āha ‘‘vitakkavicārapādehī’’tiādi. Aṭṭhārasasu ṭhānesūti cha somanassaṭṭhāniyāni , cha domanassaṭṭhāniyāni, cha upekkhāṭṭhāniyānīti evaṃ aṭṭhārasasu ṭhānesu.

    ปติฎฺฐาธาตูติ เสสภูตตฺตยสฺส เจว สพฺพูปาทารูปานญฺจ ปติฎฺฐาสภาวา ธาตุฯ อิมินา นเยน อาพนฺธนธาตูติอาทีสุปิ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อปิจ กกฺขฬภาวสิโทฺธ สหชาตธมฺมานํ อาธารภาโว ปติฎฺฐาภาโวฯ ทฺรวภาวสิทฺธํ สมฺปิณฺฑนํ อาพนฺธนํฯ อุณฺหภาวสิทฺธํ มุทุตาปกฺกตาวหํ ปริปาจนํฯ ถทฺธภาวาวหํ อุทฺธุมาตนํ วิตฺถมฺภนํฯ รูปวิวิโตฺต รูปปริยโนฺต อากาโสติ เยสํ โส ปริเจฺฉโท, เตหิ โส อสมฺผุโฎฺฐวาติ วุตฺตํ ‘‘อากาสธาตูติ อสมฺผุฎฺฐธาตู’’ติฯ สญฺชานนวิธุรา อารมฺมณูปลทฺธิ วิชานนธาตุฯ วิตฺถารโตปิ กเถตุํ วฎฺฎติ สเงฺขปโนฺตคธตฺตา วิตฺถารสฺสฯ สเงฺขปโต กเถตุํ น วฎฺฎติ กเถตพฺพสฺส อตฺถสฺส อนวเสสปริยาทานาภาวโตฯ เตนาห ‘‘วิตฺถารโตว วฎฺฎตี’’ติฯ อุภยถาติ สเงฺขปโต วิตฺถารโต จฯ

    Patiṭṭhādhātūti sesabhūtattayassa ceva sabbūpādārūpānañca patiṭṭhāsabhāvā dhātu. Iminā nayena ābandhanadhātūtiādīsupi attho veditabbo. Apica kakkhaḷabhāvasiddho sahajātadhammānaṃ ādhārabhāvo patiṭṭhābhāvo. Dravabhāvasiddhaṃ sampiṇḍanaṃ ābandhanaṃ. Uṇhabhāvasiddhaṃ mudutāpakkatāvahaṃ paripācanaṃ. Thaddhabhāvāvahaṃ uddhumātanaṃ vitthambhanaṃ. Rūpavivitto rūpapariyanto ākāsoti yesaṃ so paricchedo, tehi so asamphuṭṭhovāti vuttaṃ ‘‘ākāsadhātūti asamphuṭṭhadhātū’’ti. Sañjānanavidhurā ārammaṇūpaladdhi vijānanadhātu. Vitthāratopi kathetuṃ vaṭṭati saṅkhepantogadhattā vitthārassa. Saṅkhepato kathetuṃ na vaṭṭati kathetabbassa atthassa anavasesapariyādānābhāvato. Tenāha ‘‘vitthāratova vaṭṭatī’’ti. Ubhayathāti saṅkhepato vitthārato ca.

    อนิปฺผนฺนาปิ อากาสธาตุ ภูตานิ อุปาทาย คเหตพฺพตามเตฺตน ‘‘อุปาทารูป’’เนฺตว วุจฺจติฯ ทิฎฺฐาเนวาติ สลฺลเกฺขตพฺพานิ อุปาทารูปภาวสามญฺญโตฯ เตน สหชาตา เวทนา เวทนากฺขโนฺธ สมุทาเย ปวตฺตโวหารสฺส อวยเวปิ ทิสฺสนโต ยถา ‘‘วเตฺถกเทเส ทเฑฺฒ วตฺถํ ทฑฺฒ’’นฺติฯ ‘‘ผโสฺส จ เจตนา จ สงฺขารกฺขโนฺธ’’ติ วุตฺตํ มหาภูมกตฺตา เตสํ ตปฺปธานตฺตา จ สงฺขารกฺขนฺธสฺสฯ อรูปกฺขนฺธา นามํ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต นามาธีนคฺคหณโต จฯ รูปกฺขโนฺธ รูปํ ปริพฺยตฺตํ รุปฺปนเฎฺฐนฯ ปจฺจยนฺติ นิสฺสยภูตํ ปจฺจยํฯ วิภาเคน ทฺวาจตฺตาลีสฯ เอกาสีติ จิตฺตานิ ‘‘สมฺมสนจาโรย’’นฺติ กตฺวาฯ อนุกฺกเมน ปฎิปชฺชมาโนติ เอวํ กงฺขาวิตรณวิสุทฺธิยํ ฐิโต อุปริเมน ติสฺสนฺนํ วิสุทฺธีนํ สมฺปาทนวเสน วิสุทฺธิภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปโนฺตฯ

    Anipphannāpi ākāsadhātu bhūtāni upādāya gahetabbatāmattena ‘‘upādārūpa’’nteva vuccati. Diṭṭhānevāti sallakkhetabbāni upādārūpabhāvasāmaññato. Tena sahajātā vedanā vedanākkhandho samudāye pavattavohārassa avayavepi dissanato yathā ‘‘vatthekadese daḍḍhe vatthaṃ daḍḍha’’nti. ‘‘Phasso ca cetanā ca saṅkhārakkhandho’’ti vuttaṃ mahābhūmakattā tesaṃ tappadhānattā ca saṅkhārakkhandhassa. Arūpakkhandhā nāmaṃ ārammaṇābhimukhaṃ namanato nāmādhīnaggahaṇato ca. Rūpakkhandho rūpaṃ paribyattaṃ ruppanaṭṭhena. Paccayanti nissayabhūtaṃ paccayaṃ. Vibhāgena dvācattālīsa. Ekāsīticittāni ‘‘sammasanacāroya’’nti katvā. Anukkamena paṭipajjamānoti evaṃ kaṅkhāvitaraṇavisuddhiyaṃ ṭhito uparimena tissannaṃ visuddhīnaṃ sampādanavasena visuddhibhāvanaṃ ussukkāpento.

    ผสฺสายตนนฺติ ผสฺสสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานํฯ สุวณฺณาทีนนฺติ สุวณฺณมณิวชิราทีนํฯ อากิณฺณํ วิย หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺติ เอตฺถาติ อากโรฯ ยถา จกฺขุ วิปากผสฺสสฺส วิเสสปจฺจโย, น ตถา อิตเรสนฺติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘เทฺว จกฺขุวิญฺญาณานี’’ติอาทิฯ เอส นโย เสสวาเรสุปิฯ ทฺวตฺติํสาย วิปากผเสฺสสุ ทฺวิปญฺจวิญฺญาณสหคตผเสฺส ฐเปตฺวา เสสา ทฺวาวีสติ วิปากผสฺสา เวทิตพฺพาฯ ทิฎฺฐเมว โหติ เตน สมานโยคกฺขมตฺตาฯ ‘‘สเงฺขปโต ตาวา’’ติ สเงฺขปกถํ อารภิตฺวาปิ วิตฺถารกถาเปตฺถ วุตฺตนยตฺตา สุวิเญฺญยฺยาวาติ วุตฺตํ ‘‘เหฎฺฐา…เป.… เวทิตพฺพ’’นฺติฯ

    Phassāyatananti phassassa uppattiṭṭhānaṃ. Suvaṇṇādīnanti suvaṇṇamaṇivajirādīnaṃ. Ākiṇṇaṃ viya hutvā uppajjanti etthāti ākaro. Yathā cakkhu vipākaphassassa visesapaccayo, na tathā itaresanti katvā vuttaṃ ‘‘dve cakkhuviññāṇānī’’tiādi. Esa nayo sesavāresupi. Dvattiṃsāya vipākaphassesu dvipañcaviññāṇasahagataphasse ṭhapetvā sesā dvāvīsati vipākaphassā veditabbā. Diṭṭhameva hoti tena samānayogakkhamattā. ‘‘Saṅkhepato tāvā’’ti saṅkhepakathaṃ ārabhitvāpi vitthārakathāpettha vuttanayattā suviññeyyāvāti vuttaṃ ‘‘heṭṭhā…pe… veditabba’’nti.

    โสมนสฺสสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานภูตํ โสมนสฺสฎฺฐานิยํฯ เตนาห ‘‘โสมนสฺสสฺส การณภูต’’นฺติฯ อุปวิจรตีติ อุเปจฺจ ปวตฺตติฯ สภาวโต สงฺกปฺปโต จ โสมนสฺสาทิอุปฺปตฺติเหตุกา โสมนสฺสฎฺฐานิยาทิตาติ อาห ‘‘อิฎฺฐํ วา โหตู’’ติอาทิฯ จตุตฺถํ ทิฎฺฐเมว โหติ ตทวินาภาวโตฯ

    Somanassassa uppattiṭṭhānabhūtaṃ somanassaṭṭhāniyaṃ. Tenāha ‘‘somanassassa kāraṇabhūta’’nti. Upavicaratīti upecca pavattati. Sabhāvato saṅkappato ca somanassādiuppattihetukā somanassaṭṭhāniyāditāti āha ‘‘iṭṭhaṃ vā hotū’’tiādi. Catutthaṃ diṭṭhameva hoti tadavinābhāvato.

    อริยสจฺจานีติ ปุริมปเท อุตฺตรปทโลเปนายํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘อริยภาวกรานี’’ติอาทิฯ วิสุทฺธิมเคฺค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๓๑) ปกาสิตํ, ตสฺมา น อิธ ปกาเสตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ สุขาวโพธนตฺถนฺติ เทสิยมานาย วฎฺฎกถาย สุเขน อวโพธนตฺถํฯ เตนาห ‘‘ยสฺส หี’’ติอาทิฯ ทฺวาทสปทนฺติ อวิชฺชาทีหิ ปเทหิ ทฺวาทสปทํฯ ปจฺจยวฎฺฎนฺติ ปจฺจยปฺปพนฺธํฯ กเถตุกาโม โหติ ปจฺจยาการมุเขน สจฺจานิ ทเสฺสตุกามตายฯ คพฺภาวกฺกนฺติวฎฺฎนฺติ คโพฺภกฺกนฺติมุเขน วิปากวฎฺฎํ ทเสฺสติ ‘‘คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหตี’’ติอาทินาฯ ตสฺมา ปเนตฺถ คพฺภาวกฺกนฺติวเสเนว วฎฺฎํ ทสฺสิตนฺติ อาห ‘‘คพฺภาวกฺกนฺติวฎฺฎสฺมิํ หี’’ติอาทิฯ คพฺภาวกฺกนฺติวฎฺฎสฺมินฺติ มาตุกุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตนวเสน ปวตฺตธมฺมปฺปพเนฺธฯ ทสฺสิเตติ เทสนาวเสน ทสฺสิเตฯ ปุริมา เทฺว โยนิโย อิตราหิ โอฬาริกตาย ปริพฺยตฺตตราติ วุตฺตํ ‘‘คพฺภาวกฺกนฺติ…เป.… อวโพเธตุมฺปี’’ติฯ

    Ariyasaccānīti purimapade uttarapadalopenāyaṃ niddesoti āha ‘‘ariyabhāvakarānī’’tiādi. Visuddhimagge (visuddhi. 2.531) pakāsitaṃ, tasmā na idha pakāsetabbanti adhippāyo. Sukhāvabodhanatthanti desiyamānāya vaṭṭakathāya sukhena avabodhanatthaṃ. Tenāha ‘‘yassa hī’’tiādi. Dvādasapadanti avijjādīhi padehi dvādasapadaṃ. Paccayavaṭṭanti paccayappabandhaṃ. Kathetukāmo hoti paccayākāramukhena saccāni dassetukāmatāya. Gabbhāvakkantivaṭṭanti gabbhokkantimukhena vipākavaṭṭaṃ dasseti ‘‘gabbhassāvakkanti hotī’’tiādinā. Tasmā panettha gabbhāvakkantivaseneva vaṭṭaṃ dassitanti āha ‘‘gabbhāvakkantivaṭṭasmiṃ hī’’tiādi. Gabbhāvakkantivaṭṭasminti mātukucchimhi nibbattanavasena pavattadhammappabandhe. Dassiteti desanāvasena dassite. Purimā dve yoniyo itarāhi oḷārikatāya paribyattatarāti vuttaṃ ‘‘gabbhāvakkanti…pe… avabodhetumpī’’ti.

    ปจฺจยมตฺตนฺติ ฉนฺนํ ธาตูนํ สาธารณํ ปจฺจยภาวมตฺตํ, น เตหิ ภาคโส นิปฺผาทิยมานํ ปจฺจยวิเสสํ ‘‘กุโต ปเนตํ ฉนฺนํ ธาตูน’’นฺติ อวิภาเคน วุตฺตตฺตาฯ เตนาห ‘‘อิทํ วุตฺตํ โหตี’’ติอาทิฯ น มาตุ น ปิตุ ตาสํ ธาตูนํ อิมสฺส สตฺตสฺส พาหิรภาวโตฯ คพฺภสฺสาติ เอตฺถ คพฺภติ อตฺตภาวภาเวน วตฺตตีติ คโพฺภ, กลลาทิอวโตฺถ ธมฺมปฺปพโนฺธฯ ตนฺนิสฺสิตตฺตา ปน สตฺตสนฺตาโน คโพฺภติ วุโตฺต ยถา มญฺจนิสฺสิตา ‘‘มญฺจา อุกฺกุฎฺฐิํ กโรนฺตี’’ติฯ ตนฺนิสฺสยภาวโต มาตุกุจฺฉิ คโพฺภติ วุจฺจติ ‘‘คเพฺภ วสติ มาณโว’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓)ฯ คโพฺภ วิยาติ วา คโพฺภฯ ยถา หิ นิวาสฎฺฐานตาย สตฺตานํ โอวรโก ‘‘คโพฺภ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ คพฺภเสยฺยกานํ สตฺตานํ ยาว อภิชาติ นิวาสฎฺฐานตาย มาตุกุจฺฉิ ‘‘คโพฺภ’’ติ วุจฺจติฯ อิธ ปน ปฐมํ วุตฺตอเตฺถเนว คโพฺภติ เวทิตโพฺพฯ เตนาห ‘‘คโพฺภ จ นามา’’ติอาทิฯ

    Paccayamattanti channaṃ dhātūnaṃ sādhāraṇaṃ paccayabhāvamattaṃ, na tehi bhāgaso nipphādiyamānaṃ paccayavisesaṃ ‘‘kuto panetaṃ channaṃ dhātūna’’nti avibhāgena vuttattā. Tenāha ‘‘idaṃ vuttaṃ hotī’’tiādi. Na mātu na pitu tāsaṃ dhātūnaṃ imassa sattassa bāhirabhāvato. Gabbhassāti ettha gabbhati attabhāvabhāvena vattatīti gabbho, kalalādiavattho dhammappabandho. Tannissitattā pana sattasantāno gabbhoti vutto yathā mañcanissitā ‘‘mañcā ukkuṭṭhiṃ karontī’’ti. Tannissayabhāvato mātukucchi gabbhoti vuccati ‘‘gabbhe vasati māṇavo’’tiādīsu (jā. 1.15.363). Gabbho viyāti vā gabbho. Yathā hi nivāsaṭṭhānatāya sattānaṃ ovarako ‘‘gabbho’’ti vuccati, evaṃ gabbhaseyyakānaṃ sattānaṃ yāva abhijāti nivāsaṭṭhānatāya mātukucchi ‘‘gabbho’’ti vuccati. Idha pana paṭhamaṃ vuttaattheneva gabbhoti veditabbo. Tenāha ‘‘gabbho ca nāmā’’tiādi.

    นิรติอเตฺถน นิรโย จ โส ยถาวุเตฺตน อเตฺถน คโพฺภ จาติ นิรยคโพฺภฯ เอส นโย เสสปเทสุปิฯ อยํ ปน วิเสโส – เทวมนุชาทโย วิย อุทฺธํ ทีฆา อหุตฺวา ติริยํ อญฺจิตา ทีฆาติ ติรจฺฉานาฯ เต เอว ขนฺธโกฎฺฐาสภาเวน โยนิ จ โส วุตฺตนเยน คโพฺภ จาติ ติรจฺฉานโยนิคโพฺภฯ ปกฎฺฐโต สุขโต อเปตํ อปคโม เปตภาโว, ตํ ปตฺตานํ วิสโยติ เปตฺติวิสโย, เปตโยนิฯ มนสฺส อุสฺสนฺนตาย สูรภาวาทิคุเณหิ อุปจิตมานสตาย อุกฺกฎฺฐคุณจิตฺตตาย มนุสฺสาฯ ทิพฺพนฺติ กามคุณาทีหิ กีฬนฺติ ลฬนฺติ โชตนฺตีติ เทวาฯ คพฺภสโทฺท วุตฺตนโย เอวฯ นานปฺปกาโรติ ยถาวุเตฺตน ตทนนฺตรเภเทน จ นานปฺปการโกฯ มนุสฺสคโพฺภ อธิเปฺปโต สุปากฎตาย ปจฺจกฺขภาวโตฯ โอกฺกนฺติ มาตุกุจฺฉิํ โอกฺกมิตฺวา วิย อุปฺปติตฺวาติ กตฺวาฯ นิพฺพตฺตนํ นิพฺพตฺติฯ ปาตุภาโว อุปฺปตฺติปฺปกาสโก จฯ

    Niratiatthena nirayo ca so yathāvuttena atthena gabbho cāti nirayagabbho. Esa nayo sesapadesupi. Ayaṃ pana viseso – devamanujādayo viya uddhaṃ dīghā ahutvā tiriyaṃ añcitā dīghāti tiracchānā. Te eva khandhakoṭṭhāsabhāvena yoni ca so vuttanayena gabbho cāti tiracchānayonigabbho. Pakaṭṭhato sukhato apetaṃ apagamo petabhāvo, taṃ pattānaṃ visayoti pettivisayo, petayoni. Manassa ussannatāya sūrabhāvādiguṇehi upacitamānasatāya ukkaṭṭhaguṇacittatāya manussā. Dibbanti kāmaguṇādīhi kīḷanti laḷanti jotantīti devā. Gabbhasaddo vuttanayo eva. Nānappakāroti yathāvuttena tadanantarabhedena ca nānappakārako. Manussagabbho adhippeto supākaṭatāya paccakkhabhāvato. Okkanti mātukucchiṃ okkamitvā viya uppatitvāti katvā. Nibbattanaṃ nibbatti. Pātubhāvo uppattippakāsako ca.

    สนฺนิปาโต นาม อเวกลฺลชาติหีนเวกเลฺลติ ทเสฺสตุํ ‘‘อิธ มาตาปิตโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สตฺตโลเกฯ สนฺนิปติตาติ สโมธานภาวโต สนฺนิปติตา สมาคตา สํสิลิฎฺฐาฯ อุตุนีติ อุตุมตี สญฺชาตปุปฺผาฯ อิทญฺจ อุตุสมยํ สนฺธาย วุตฺตํ, น โลกสมญฺญากรชสฺส ลคฺคนทิวสมตฺตํฯ มาตุคามสฺส หิ ยสฺมิํ คพฺภาสหสญฺญิเต โอกาเส ทารโก นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ มหตี โลหิตปีฬกา สณฺฐหิตฺวา อคฺคหิตปุพฺพา เอว ภิชฺชิตฺวา ปคฺฆรติ, วตฺถุ สุทฺธํ โหติ ปคฺฆริตโลหิตตฺตา อนามยตฺตา จฯ วิสุเทฺธ วตฺถุมฺหิ มาตาปิตูสุ เอกวารํ สนฺนิปติเตสุ ยาว สตฺต ทิวสานิ เขตฺตเมว โหติฯ สุทฺธํ วตฺถุ นหานโต ปรมฺปิ กติปยานิ ทิวสานิ คพฺภสณฺฐหนตาย เขตฺตเมว โหติ ปริตฺตสฺส โลหิตเลสสฺส วิชฺชมานตฺตาฯ ตสฺมิํ สมเย หตฺถคฺคาหเวณิคฺคาหาทินา องฺคปรามสเนนปิ ทารโก นิพฺพตฺตติเยวฯ อิตฺถิสนฺตาเนปิ หิ สตฺตปิ ธาตู ลพฺภเนฺตวฯ ตถา หิ ปาริกาย นาภิปรามสเนน สามสฺส โพธิสตฺตสฺส, ทิฎฺฐมงฺคลิกาย นาภิปรามสเนน (ชา. อฎฺฐ. ๔.๑๕.มาตงฺคชาตกวณฺณนา; ม. นิ. อฎฺฐ. ๒.๖๕) มณฺฑพฺยสฺส นิพฺพตฺติ อโหสิฯ คนฺธนโต อุปฺปนฺนคติยา นิมิตฺตูปฎฺฐาเนน สูจนโต ทีปนโต คโนฺธติ ลทฺธนาเมน ภวคามิกมฺมุนา อพฺพติ ปวตฺตตีติ คนฺธโพฺพ, ตตฺถ อุปฺปชฺชมานกสโตฺตฯ ปจฺจุปฎฺฐิโต โหตีติ น มาตาปิตูนํ สนฺนิปาตํ โอโลกยมาโน สมีเป ฐิโต ปจฺจุปฎฺฐิโต นาม โหติ, กมฺมยนฺตยนฺติโต ปน เอโก สโตฺต ตสฺมิํ โอกาเส นิพฺพตฺตนโก โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ ตทา หิ ตตฺรูปคสโตฺต ตตฺรูปปตฺติอาวหนฺตกมฺมสงฺขาเตน เปลฺลกยเนฺตน ตถตฺถาย เปลฺลิโต อุปนีโต วิย โหติฯ

    Sannipāto nāma avekallajātihīnavekalleti dassetuṃ ‘‘idha mātāpitaro’’tiādi vuttaṃ. Idhāti imasmiṃ sattaloke. Sannipatitāti samodhānabhāvato sannipatitā samāgatā saṃsiliṭṭhā. Utunīti utumatī sañjātapupphā. Idañca utusamayaṃ sandhāya vuttaṃ, na lokasamaññākarajassa lagganadivasamattaṃ. Mātugāmassa hi yasmiṃ gabbhāsahasaññite okāse dārako nibbattati, tattha mahatī lohitapīḷakā saṇṭhahitvā aggahitapubbā eva bhijjitvā paggharati, vatthu suddhaṃ hoti paggharitalohitattā anāmayattā ca. Visuddhe vatthumhi mātāpitūsu ekavāraṃ sannipatitesu yāva satta divasāni khettameva hoti. Suddhaṃ vatthu nahānato parampi katipayāni divasāni gabbhasaṇṭhahanatāya khettameva hoti parittassa lohitalesassa vijjamānattā. Tasmiṃ samaye hatthaggāhaveṇiggāhādinā aṅgaparāmasanenapi dārako nibbattatiyeva. Itthisantānepi hi sattapi dhātū labbhanteva. Tathā hi pārikāya nābhiparāmasanena sāmassa bodhisattassa, diṭṭhamaṅgalikāya nābhiparāmasanena (jā. aṭṭha. 4.15.mātaṅgajātakavaṇṇanā; ma. ni. aṭṭha. 2.65) maṇḍabyassa nibbatti ahosi. Gandhanato uppannagatiyā nimittūpaṭṭhānena sūcanato dīpanato gandhoti laddhanāmena bhavagāmikammunā abbati pavattatīti gandhabbo, tattha uppajjamānakasatto. Paccupaṭṭhito hotīti na mātāpitūnaṃ sannipātaṃ olokayamāno samīpe ṭhito paccupaṭṭhito nāma hoti, kammayantayantito pana eko satto tasmiṃ okāse nibbattanako hotīti ayamettha adhippāyo. Tadā hi tatrūpagasatto tatrūpapattiāvahantakammasaṅkhātena pellakayantena tathatthāya pellito upanīto viya hoti.

    วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปนฺติ เอตฺถ วิญฺญาณสฺส ปจฺจยภาเวน คหิตตฺตา ‘‘ตโย อรูปิโน ขนฺธา’’ติ วุตฺตํฯ อิธ ปน วิญฺญาณํ ปจฺจยภาเวน อคฺคเหตฺวา คโพฺภกฺกนฺติยา เอว ปจฺจยภาเวน คหิตตฺตา ‘‘วิญฺญาณกฺขนฺธมฺปิ ปกฺขิปิตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ อิธ ปน มนุสฺสคพฺภสฺส โอกฺกนฺติยา อธิเปฺปตตฺตา ‘‘คพฺภเสยฺยกานํ ปฎิสนฺธิกฺขเณ’’ติ วุตฺตํฯ

    Viññāṇapaccayā nāmarūpanti ettha viññāṇassa paccayabhāvena gahitattā ‘‘tayo arūpino khandhā’’ti vuttaṃ. Idha pana viññāṇaṃ paccayabhāvena aggahetvā gabbhokkantiyā eva paccayabhāvena gahitattā ‘‘viññāṇakkhandhampi pakkhipitvā’’ti vuttaṃ. Idha pana manussagabbhassa okkantiyā adhippetattā ‘‘gabbhaseyyakānaṃ paṭisandhikkhaṇe’’ti vuttaṃ.

    ตณฺหาย สมุทยสจฺจภาเวน คหิตตฺตา ‘‘ฐเปตฺวา ตณฺห’’นฺติ วุตฺตํฯ ตเสฺสว ปภาวิกาติ ตเสฺสว ยถาวุตฺตสฺส ทุกฺขสจฺจสฺส อุปฺปาทิกาฯ ทุกฺขนิโรโธติ เอตฺถ ทุกฺขคฺคหเณน ตณฺหาปิ คหิตาติ อาห ‘‘เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ…เป.… ทุกฺขนิโรโธ’’ติฯ อวิเสเสน หิ เตภูมกวฎฺฎํ อิธ ทุกฺขนฺติ อธิเปฺปตํฯ อถ วา ทุกฺขสฺส อนุปฺปตฺตินิโรโธ ตพฺภาวิกาย ตณฺหาย อนุปฺปตฺตินิโรเธน วินา น โหตีติ วุตฺตํ ‘‘เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ…เป.… ทุกฺขนิโรโธ’’ติฯ อนุปฺปตฺตินิโรโธติ จ อนุปฺปตฺตินิโรธนิมิตฺตํ นิพฺพานํ ทเสฺสติฯ

    Taṇhāya samudayasaccabhāvena gahitattā ‘‘ṭhapetvā taṇha’’nti vuttaṃ. Tasseva pabhāvikāti tasseva yathāvuttassa dukkhasaccassa uppādikā. Dukkhanirodhoti ettha dukkhaggahaṇena taṇhāpi gahitāti āha ‘‘tesaṃ dvinnampi…pe… dukkhanirodho’’ti. Avisesena hi tebhūmakavaṭṭaṃ idha dukkhanti adhippetaṃ. Atha vā dukkhassa anuppattinirodho tabbhāvikāya taṇhāya anuppattinirodhena vinā na hotīti vuttaṃ ‘‘tesaṃ dvinnampi…pe… dukkhanirodho’’ti. Anuppattinirodhoti ca anuppattinirodhanimittaṃ nibbānaṃ dasseti.

    ‘‘ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อุภยตฺถ ปาฬิยา ปวตฺติอาการเภทํ ทเสฺสตุํ ‘‘อยํ ปน วิเสโส’’ติ อาหฯ ตตฺถาติ วิสทฺธิมเคฺคฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สุเตฺตฯ อวิชฺชาย เตฺววาติ อวิชฺชาย ตุ เอวฯ อเสสวิราคนิโรธาติ เอตฺถ อจฺจนฺตเมว สงฺขาเร วิรชฺชติ เอเตนาติ วิราโค, มโคฺค, ตสฺมา วิราคสงฺขาเตน มเคฺคน อเสสนิโรธา อเสเสตฺวา นิโรธา สมุจฺฉินฺทนาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    ‘‘Tattha vuttanayeneva veditabba’’nti vatvā ubhayattha pāḷiyā pavattiākārabhedaṃ dassetuṃ ‘‘ayaṃ pana viseso’’ti āha. Tatthāti visaddhimagge. Idhāti imasmiṃ sutte. Avijjāya tvevāti avijjāya tu eva. Asesavirāganirodhāti ettha accantameva saṅkhāre virajjati etenāti virāgo, maggo, tasmā virāgasaṅkhātena maggena asesanirodhā asesetvā nirodhā samucchindanāti evamettha attho daṭṭhabbo.

    สกลสฺสาติ อนวเสสสฺสฯ เกวลสฺสาติ วา สุทฺธสฺส, ปรปริกปฺปิตสตฺตชีวาทิวิรหิตสฺสาติ อโตฺถฯ ขีณากาโรปิ วุจฺจติ ‘‘นิรุชฺฌนํ นิโรโธ’’ติ อิมินา อเตฺถนฯ อรหตฺตมฺปิ นิโรโธติ วุจฺจติ นิโรธเนฺต อุปฺปนฺนตฺตาฯ นิพฺพานมฺปิ นิโรโธติ วุจฺจติ อวิชฺชาทีนํ นิโรธสฺส นิมิตฺตภาวโต อวิชฺชาทโย นิรุชฺฌนฺติ เอตฺถาติ นิโรโธติ กตฺวาฯ ขีณาการทสฺสนวเสนาติ อวิชฺชาทีนํ อนุปฺปตฺตินิโรเธน นิรุชฺฌนาการทสฺสนวเสนฯ นิพฺพานเมว สนฺธาย, น ปน อรหตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ สภาวธมฺมานํ นิคฺคโห นาม ยถาวุตฺตธมฺมปริเจฺฉทโต อูนาธิกภาวปฺปกาสเนน อตฺตสภาววิภาวเนเนว โหตีติ อาห ‘‘นิคฺคณฺหโนฺต หี’’ติอาทิฯ

    Sakalassāti anavasesassa. Kevalassāti vā suddhassa, paraparikappitasattajīvādivirahitassāti attho. Khīṇākāropi vuccati ‘‘nirujjhanaṃ nirodho’’ti iminā atthena. Arahattampi nirodhoti vuccati nirodhante uppannattā. Nibbānampi nirodhoti vuccati avijjādīnaṃ nirodhassa nimittabhāvato avijjādayo nirujjhanti etthāti nirodhoti katvā. Khīṇākāradassanavasenāti avijjādīnaṃ anuppattinirodhena nirujjhanākāradassanavasena. Nibbānameva sandhāya, na pana arahattanti adhippāyo. Sabhāvadhammānaṃ niggaho nāma yathāvuttadhammaparicchedato ūnādhikabhāvappakāsanena attasabhāvavibhāvaneneva hotīti āha ‘‘niggaṇhanto hī’’tiādi.

    ติตฺถายตนสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Titthāyatanasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. ติตฺถายตนาทิสุตฺตํ • 1. Titthāyatanādisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑. ติตฺถายตนสุตฺตวณฺณนา • 1. Titthāyatanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact