Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๗] ๗. ติตฺติรชาตกวณฺณนา
[37] 7. Tittirajātakavaṇṇanā
เย วุฑฺฒมปจายนฺตีติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิํ คจฺฉโนฺต สาริปุตฺตเตฺถรสฺส เสนาสนปฎิพาหนํ อารพฺภ กเถสิฯ อนาถปิณฺฑิเกน หิ วิหารํ กาเรตฺวา ทูเต เปสิเต สตฺถา ราชคหา นิกฺขมฺม เวสาลิํ ปตฺวา ตตฺถ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ‘‘สาวตฺถิํ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ เตน จ สมเยน ฉพฺพคฺคิยานํ อเนฺตวาสิกา ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา เถรานํ เสนาสเนสุ อคฺคหิเตเสฺวว ‘‘อิทํ เสนาสนํ อมฺหากํ อุปชฺฌายสฺส, อิทํ อาจริยสฺส, อิทํ อมฺหากเมว ภวิสฺสตี’’ติ เสนาสนานิ ปลิพุเนฺธนฺติฯ ปจฺฉา อาคตา เถรา เสนาสนานิ น ลภนฺติฯ สาริปุตฺตเตฺถรสฺสาปิ อเนฺตวาสิกา เถรสฺส เสนาสนํ ปริเยสนฺตา น ลภิํสุฯ เถโร เสนาสนํ อลภโนฺต สตฺถุ เสนาสนสฺส อวิทูเร เอกสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสชฺชาย จ จงฺกเมน จ รตฺติํ วีตินาเมสิฯ สตฺถา ปจฺจูสสมเย นิกฺขมิตฺวา อุกฺกาสิ, เถโรปิ อุกฺกาสิฯ ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภเนฺต, สาริปุโตฺต’’ติฯ ‘‘สาริปุตฺต, อิมาย เวลาย อิธ กิํ กโรสี’’ติ? ‘‘โส ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิ’’ฯ สตฺถา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว มยิ ชีวเนฺตเยว ภิกฺขู อญฺญมญฺญํ อคารวา อปติสฺสา วิหรนฺติ, ปรินิพฺพุเต กิํ นุ โข กริสฺสนฺตี’’ติ อาวเชฺชนฺตสฺส ธมฺมสํเวโค อุทปาทิฯ
Yevuḍḍhamapacāyantīti idaṃ satthā sāvatthiṃ gacchanto sāriputtattherassa senāsanapaṭibāhanaṃ ārabbha kathesi. Anāthapiṇḍikena hi vihāraṃ kāretvā dūte pesite satthā rājagahā nikkhamma vesāliṃ patvā tattha yathābhirantaṃ viharitvā ‘‘sāvatthiṃ gamissāmī’’ti maggaṃ paṭipajji. Tena ca samayena chabbaggiyānaṃ antevāsikā purato purato gantvā therānaṃ senāsanesu aggahitesveva ‘‘idaṃ senāsanaṃ amhākaṃ upajjhāyassa, idaṃ ācariyassa, idaṃ amhākameva bhavissatī’’ti senāsanāni palibundhenti. Pacchā āgatā therā senāsanāni na labhanti. Sāriputtattherassāpi antevāsikā therassa senāsanaṃ pariyesantā na labhiṃsu. Thero senāsanaṃ alabhanto satthu senāsanassa avidūre ekasmiṃ rukkhamūle nisajjāya ca caṅkamena ca rattiṃ vītināmesi. Satthā paccūsasamaye nikkhamitvā ukkāsi, theropi ukkāsi. ‘‘Ko eso’’ti? ‘‘Ahaṃ, bhante, sāriputto’’ti. ‘‘Sāriputta, imāya velāya idha kiṃ karosī’’ti? ‘‘So taṃ pavattiṃ ārocesi’’. Satthā therassa vacanaṃ sutvā ‘‘idāni tāva mayi jīvanteyeva bhikkhū aññamaññaṃ agāravā apatissā viharanti, parinibbute kiṃ nu kho karissantī’’ti āvajjentassa dhammasaṃvego udapādi.
โส ปภาตาย รตฺติยา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ภิกฺขู ปุจฺฉิ ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา เถรานํ ภิกฺขูนํ เสนาสนํ ปฎิพาหนฺตี’’ติฯ ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ? ตโต ฉพฺพคฺคิเย ครหิตฺวา ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํ อรหตี’’ติ? เอกเจฺจ ‘‘ขตฺติยกุลา ปพฺพชิโต’’ติ อาหํสุ, เอกเจฺจ ‘‘พฺราหฺมณกุลา, คหปติกุลา ปพฺพชิโต’’ติ, อปเร ‘‘วินยธโร, ธมฺมกถิโก, ปฐมสฺส ฌานสฺส ลาภี, ทุติยสฺส, ตติยสฺส, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส ลาภี’’ติฯ อปเร ‘‘โสตาปโนฺน, สกทาคามี, อนาคามี, อรหา, เตวิโชฺช, ฉฬภิโญฺญ’’ติ อาหํสุฯ เอวํ เตหิ ภิกฺขูหิ อตฺตโน อตฺตโน รุจิวเสน อคฺคาสนาทิรหานํ กถิตกาเล สตฺถา อาห – ‘‘น, ภิกฺขเว, มยฺหํ สาสเน อคฺคาสนาทีนิ ปตฺวา ขตฺติยกุลา ปพฺพชิโต ปมาณํ, น พฺราหฺมณกุลา ปพฺพชิโต, น คหปติกุลา ปพฺพชิโต, น วินยธโร, น สุตฺตนฺติโก, น อาภิธมฺมิโก, น ปฐมชฺฌานาทิลาภิโน, น โสตาปนฺนาทโย ปมาณํ, อถ โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมิํ สาสเน ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาตพฺพํ, อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิโณฺฑ ลทฺธโพฺพฯ อิทเมตฺถ ปมาณํฯ ตสฺมา วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ เอเตสํ อนุจฺฉวิโกฯ อิทานิ โข ปน, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต มยฺหํ อคฺคสาวโก อนุธมฺมจกฺกปฺปวตฺตโก มมานนฺตรํ เสนาสนํ ลทฺธุํ อรหติ, โส อิมํ รตฺติํ เสนาสนํ อลภโนฺต รุกฺขมูเล วีตินาเมสิ, ตุเมฺห อิทาเนว เอวํ อคารวา อปติสฺสา, คจฺฉเนฺต คจฺฉเนฺต กาเล กินฺติ กตฺวา วิหริสฺสถา’’ติฯ อถ เนสํ โอวาททานตฺถาย ‘‘ปุเพฺพ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตาปิ ‘น โข ปเนตํ อมฺหากํ ปติรูปํ, ยํ มยํ อญฺญมญฺญํ อคารวา อปติสฺสา อสภาควุตฺติโน วิหเรยฺยาม, อเมฺหสุ มหลฺลกตรํ ชานิตฺวา ตสฺส อภิวาทนาทีนิ กริสฺสามา’ติ สาธุกํ วีมํสิตฺวา ‘อยํ โน มหลฺลโก’ติ ญตฺวา ตสฺส อภิวาทนาทีนิ กตฺวา เทวปถํ ปูรยมานา คตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
So pabhātāya rattiyā bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā bhikkhū pucchi ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, chabbaggiyā bhikkhū purato purato gantvā therānaṃ bhikkhūnaṃ senāsanaṃ paṭibāhantī’’ti. ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti? Tato chabbaggiye garahitvā dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi ‘‘ko nu kho, bhikkhave, aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ arahatī’’ti? Ekacce ‘‘khattiyakulā pabbajito’’ti āhaṃsu, ekacce ‘‘brāhmaṇakulā, gahapatikulā pabbajito’’ti, apare ‘‘vinayadharo, dhammakathiko, paṭhamassa jhānassa lābhī, dutiyassa, tatiyassa, catutthassa jhānassa lābhī’’ti. Apare ‘‘sotāpanno, sakadāgāmī, anāgāmī, arahā, tevijjo, chaḷabhiñño’’ti āhaṃsu. Evaṃ tehi bhikkhūhi attano attano rucivasena aggāsanādirahānaṃ kathitakāle satthā āha – ‘‘na, bhikkhave, mayhaṃ sāsane aggāsanādīni patvā khattiyakulā pabbajito pamāṇaṃ, na brāhmaṇakulā pabbajito, na gahapatikulā pabbajito, na vinayadharo, na suttantiko, na ābhidhammiko, na paṭhamajjhānādilābhino, na sotāpannādayo pamāṇaṃ, atha kho, bhikkhave, imasmiṃ sāsane yathāvuḍḍhaṃ abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikammaṃ kātabbaṃ, aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍo laddhabbo. Idamettha pamāṇaṃ. Tasmā vuḍḍhataro bhikkhu etesaṃ anucchaviko. Idāni kho pana, bhikkhave, sāriputto mayhaṃ aggasāvako anudhammacakkappavattako mamānantaraṃ senāsanaṃ laddhuṃ arahati, so imaṃ rattiṃ senāsanaṃ alabhanto rukkhamūle vītināmesi, tumhe idāneva evaṃ agāravā apatissā, gacchante gacchante kāle kinti katvā viharissathā’’ti. Atha nesaṃ ovādadānatthāya ‘‘pubbe, bhikkhave, tiracchānagatāpi ‘na kho panetaṃ amhākaṃ patirūpaṃ, yaṃ mayaṃ aññamaññaṃ agāravā apatissā asabhāgavuttino vihareyyāma, amhesu mahallakataraṃ jānitvā tassa abhivādanādīni karissāmā’ti sādhukaṃ vīmaṃsitvā ‘ayaṃ no mahallako’ti ñatvā tassa abhivādanādīni katvā devapathaṃ pūrayamānā gatā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต หิมวนฺตปฺปเทเส เอกํ มหานิโคฺรธํ อุปนิสฺสาย ตโย สหายา วิหริํสุ – ติตฺติโร, มกฺกโฎ, หตฺถีติฯ เต อญฺญมญฺญํ อคารวา อปติสฺสา อสภาควุตฺติโน อเหสุํฯ อถ เนสํ เอตทโหสิ ‘‘น ยุตฺตํ อมฺหากํ เอวํ วิหริตุํ, ยํนูน มยํ โย โน มหลฺลกตโร, ตสฺส อภิวาทนาทีนิ กโรนฺตา วิหเรยฺยามา’’ติฯ ‘‘โก ปน โน มหลฺลกตโร’’ติ จิเนฺตนฺตา เอกทิวสํ ‘‘อเตฺถโส อุปาโย’’ติ ตโยปิ ชนา นิโคฺรธมูเล นิสีทิตฺวา ติตฺติโร จ มกฺกโฎ จ หตฺถิํ ปุจฺฉิํสุ ‘‘สมฺม หตฺถิ, ตฺวํ อิมํ นิโคฺรธรุกฺขํ กีวปฺปมาณกาลโต ปฎฺฐาย ชานาสี’’ติ? โส อาห ‘‘สมฺมา, อหํ ตรุณโปตกกาเล อิมํ นิโคฺรธคจฺฉํ อนฺตรสตฺถีสุ กตฺวา คจฺฉามิ, อวตฺถริตฺวา ฐิตกาเล จ ปน เม เอตสฺส อคฺคสาขา นาภิํ ฆเฎฺฎติ, เอวาหํ อิมํ คจฺฉกาลโต ปฎฺฐาย ชานามี’’ติ ปุน อุโภปิ ชนา ปุริมนเยเนว มกฺกฎํ ปุจฺฉิํสุฯ โส อาห ‘‘อหํ สมฺมา มกฺกฎจฺฉาปโก สมาโน ภูมิยํ นิสีทิตฺวา คีวํ อนุกฺขิปิตฺวาว อิมสฺส นิโคฺรธโปตกสฺส อคฺคงฺกุเร ขาทามิ, เอวาหํ อิมํ ขุทฺทกกาลโต ปฎฺฐาย ชานามี’’ติฯ อถ อิตเร อุโภปิ ปุริมนเยเนว ติตฺติรํ ปุจฺฉิํสุฯ โส อาห ‘‘สมฺมา, ปุเพฺพ อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน มหานิโคฺรธรุโกฺข อโหสิ, อหํ ตสฺส ผลานิ ขาทิตฺวา อิมสฺมิํ ฐาเน วจฺจํ ปาเตสิํ, ตโต เอส รุโกฺข ชาโต, เอวาหํ อิมํ อชาตกาลโต ปฎฺฐาย ชานามิ, ตสฺมา อหํ ตุเมฺหหิ ชาติยา มหลฺลกตโร’’ติฯ
Atīte himavantappadese ekaṃ mahānigrodhaṃ upanissāya tayo sahāyā vihariṃsu – tittiro, makkaṭo, hatthīti. Te aññamaññaṃ agāravā apatissā asabhāgavuttino ahesuṃ. Atha nesaṃ etadahosi ‘‘na yuttaṃ amhākaṃ evaṃ viharituṃ, yaṃnūna mayaṃ yo no mahallakataro, tassa abhivādanādīni karontā vihareyyāmā’’ti. ‘‘Ko pana no mahallakataro’’ti cintentā ekadivasaṃ ‘‘attheso upāyo’’ti tayopi janā nigrodhamūle nisīditvā tittiro ca makkaṭo ca hatthiṃ pucchiṃsu ‘‘samma hatthi, tvaṃ imaṃ nigrodharukkhaṃ kīvappamāṇakālato paṭṭhāya jānāsī’’ti? So āha ‘‘sammā, ahaṃ taruṇapotakakāle imaṃ nigrodhagacchaṃ antarasatthīsu katvā gacchāmi, avattharitvā ṭhitakāle ca pana me etassa aggasākhā nābhiṃ ghaṭṭeti, evāhaṃ imaṃ gacchakālato paṭṭhāya jānāmī’’ti puna ubhopi janā purimanayeneva makkaṭaṃ pucchiṃsu. So āha ‘‘ahaṃ sammā makkaṭacchāpako samāno bhūmiyaṃ nisīditvā gīvaṃ anukkhipitvāva imassa nigrodhapotakassa aggaṅkure khādāmi, evāhaṃ imaṃ khuddakakālato paṭṭhāya jānāmī’’ti. Atha itare ubhopi purimanayeneva tittiraṃ pucchiṃsu. So āha ‘‘sammā, pubbe asukasmiṃ nāma ṭhāne mahānigrodharukkho ahosi, ahaṃ tassa phalāni khāditvā imasmiṃ ṭhāne vaccaṃ pātesiṃ, tato esa rukkho jāto, evāhaṃ imaṃ ajātakālato paṭṭhāya jānāmi, tasmā ahaṃ tumhehi jātiyā mahallakataro’’ti.
เอวํ วุเตฺต มกฺกโฎ จ หตฺถี จ ติตฺติรปณฺฑิตํ อาหํสุ ‘‘สมฺม, ตฺวํ อเมฺหหิ มหลฺลกตโร, อิโต ปฎฺฐาย มยํ ตว สกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนานิ เจว อภิวาทนปจฺจุฎฺฐานอญฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมานิ จ กริสฺสาม, โอวาเท จ เต ฐสฺสาม, ตฺวํ ปน อิโต ปฎฺฐาย อมฺหากํ โอวาทานุสาสนิํ ทเทยฺยาสี’’ติฯ ตโต ปฎฺฐาย ติตฺติโร เตสํ โอวาทํ อทาสิ, สีเลสุ ปติฎฺฐาเปสิ, สยมฺปิ สีลานิ สมาทิยิฯ เต ตโยปิ ชนา ปญฺจสุ สีเลสุ ปติฎฺฐาย อญฺญมญฺญํ สคารวา สปฺปติสฺสา สภาควุตฺติโน หุตฺวา ชีวิตปริโยสาเน เทวโลกปรายณา อเหสุํฯ เตสํ ติณฺณํ สมาทานํ ติตฺติริยํ พฺรหฺมจริยํ นาม อโหสิฯ
Evaṃ vutte makkaṭo ca hatthī ca tittirapaṇḍitaṃ āhaṃsu ‘‘samma, tvaṃ amhehi mahallakataro, ito paṭṭhāya mayaṃ tava sakkāragarukāramānanavandanapūjanāni ceva abhivādanapaccuṭṭhānaañjalikammasāmīcikammāni ca karissāma, ovāde ca te ṭhassāma, tvaṃ pana ito paṭṭhāya amhākaṃ ovādānusāsaniṃ dadeyyāsī’’ti. Tato paṭṭhāya tittiro tesaṃ ovādaṃ adāsi, sīlesu patiṭṭhāpesi, sayampi sīlāni samādiyi. Te tayopi janā pañcasu sīlesu patiṭṭhāya aññamaññaṃ sagāravā sappatissā sabhāgavuttino hutvā jīvitapariyosāne devalokaparāyaṇā ahesuṃ. Tesaṃ tiṇṇaṃ samādānaṃ tittiriyaṃ brahmacariyaṃ nāma ahosi.
เต หิ นาม, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา อญฺญมญฺญํ สคารวา สปฺปติสฺสา วิหริํสุ, ตุเมฺห เอวํ สฺวาขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตฺวา กสฺมา อญฺญมญฺญํ อคารวา อปติสฺสา วิหรถฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิโต ปฎฺฐาย ตุมฺหากํ ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ, ยถาวุฑฺฒํ อคฺคาสนํ อโคฺคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น อิโต ปฎฺฐาย จ นวกตเรน วุฑฺฒตโร เสนาสเนน ปฎิพาหิตโพฺพ, โย ปฎิพาเหยฺย, อาปตฺติทุกฺกฎสฺสาติ เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
Te hi nāma, bhikkhave, tiracchānagatā aññamaññaṃ sagāravā sappatissā vihariṃsu, tumhe evaṃ svākhāte dhammavinaye pabbajitvā kasmā aññamaññaṃ agāravā apatissā viharatha. Anujānāmi, bhikkhave, ito paṭṭhāya tumhākaṃ yathāvuḍḍhaṃ abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikammaṃ, yathāvuḍḍhaṃ aggāsanaṃ aggodakaṃ aggapiṇḍaṃ, na ito paṭṭhāya ca navakatarena vuḍḍhataro senāsanena paṭibāhitabbo, yo paṭibāheyya, āpattidukkaṭassāti evaṃ satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā abhisambuddho hutvā imaṃ gāthamāha –
๓๗.
37.
‘‘เย วุฑฺฒมปจายนฺติ, นรา ธมฺมสฺส โกวิทา;
‘‘Ye vuḍḍhamapacāyanti, narā dhammassa kovidā;
ทิเฎฺฐว ธเมฺม ปาสํสา, สมฺปราเย จ สุคฺคตี’’ติฯ
Diṭṭheva dhamme pāsaṃsā, samparāye ca suggatī’’ti.
ตตฺถ เย วุฑฺฒมปจายนฺตีติ ชาติวุโฑฺฒ, วโยวุโฑฺฒ, คุณวุโฑฺฒติ ตโย วุฑฺฒาฯ เตสุ ชาติสมฺปโนฺน ชาติวุโฑฺฒ นาม, วเย ฐิโต วโยวุโฑฺฒ นาม , คุณสมฺปโนฺน คุณวุโฑฺฒ นามฯ เตสุ คุณสมฺปโนฺน วโยวุโฑฺฒ อิมสฺมิํ ฐาเน ‘‘วุโฑฺฒ’’ติ อธิเปฺปโตฯ อปจายนฺตีติ เชฎฺฐาปจายิกกเมฺมน ปูเชนฺติฯ ธมฺมสฺส โกวิทาติ เชฎฺฐาปจายนธมฺมสฺส โกวิทา กุสลาฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ ปาสํสาติ ปสํสารหาฯ สมฺปราเย จ สุคฺคตีติ สมฺปเรตเพฺพ อิมํ โลกํ หิตฺวา คนฺตเพฺพ ปรโลเกปิ เตสํ สุคติเยว โหตีติฯ อยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑโตฺถ – ภิกฺขเว, ขตฺติยา วา โหนฺตุ พฺราหฺมณา วา เวสฺสา วา สุทฺทา วา คหฎฺฐา วา ปพฺพชิตา วา ติรจฺฉานคตา วา, เย เกจิ สตฺตา เชฎฺฐาปจิติกเมฺม เฉกา กุสลา คุณสมฺปนฺนานํ วโยวุฑฺฒานํ อปจิติํ กโรนฺติ, เต อิมสฺมิญฺจ อตฺตภาเว เชฎฺฐาปจิติการกาติ ปสํสํ วณฺณนํ โถมนํ ลภนฺติ, กายสฺส จ เภทา สเคฺค นิพฺพตฺตนฺตีติฯ
Tattha ye vuḍḍhamapacāyantīti jātivuḍḍho, vayovuḍḍho, guṇavuḍḍhoti tayo vuḍḍhā. Tesu jātisampanno jātivuḍḍho nāma, vaye ṭhito vayovuḍḍho nāma , guṇasampanno guṇavuḍḍho nāma. Tesu guṇasampanno vayovuḍḍho imasmiṃ ṭhāne ‘‘vuḍḍho’’ti adhippeto. Apacāyantīti jeṭṭhāpacāyikakammena pūjenti. Dhammassa kovidāti jeṭṭhāpacāyanadhammassa kovidā kusalā. Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Pāsaṃsāti pasaṃsārahā. Samparāye ca suggatīti samparetabbe imaṃ lokaṃ hitvā gantabbe paralokepi tesaṃ sugatiyeva hotīti. Ayaṃ panettha piṇḍattho – bhikkhave, khattiyā vā hontu brāhmaṇā vā vessā vā suddā vā gahaṭṭhā vā pabbajitā vā tiracchānagatā vā, ye keci sattā jeṭṭhāpacitikamme chekā kusalā guṇasampannānaṃ vayovuḍḍhānaṃ apacitiṃ karonti, te imasmiñca attabhāve jeṭṭhāpacitikārakāti pasaṃsaṃ vaṇṇanaṃ thomanaṃ labhanti, kāyassa ca bhedā sagge nibbattantīti.
เอวํ สตฺถา เชฎฺฐาปจิติกมฺมสฺส คุณํ กเถตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถินาโค โมคฺคลฺลาโน อโหสิ, มกฺกโฎ สาริปุโตฺต, ติตฺติรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Evaṃ satthā jeṭṭhāpacitikammassa guṇaṃ kathetvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā hatthināgo moggallāno ahosi, makkaṭo sāriputto, tittirapaṇḍito pana ahameva ahosi’’nti.
ติตฺติรชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ
Tittirajātakavaṇṇanā sattamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๗. ติตฺติรชาตกํ • 37. Tittirajātakaṃ