Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๑๙] ๙. ติตฺติรชาตกวณฺณนา
[319] 9. Tittirajātakavaṇṇanā
สุสุขํ วต ชีวามีติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพิยํ นิสฺสาย พทริการาเม วิหรโนฺต ราหุลเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา ติปลฺลตฺถชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๖) วิตฺถาริตเมวฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ราหุโล สิกฺขากาโม กุกฺกุจฺจโก โอวาทกฺขโม’’ติฯ ตสฺสายสฺมโต คุณกถาย สมุฎฺฐาปิตาย สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ราหุโล สิกฺขากาโม กุกฺกุจฺจโก โอวาทกฺขโมเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Susukhaṃvata jīvāmīti idaṃ satthā kosambiyaṃ nissāya badarikārāme viharanto rāhulattheraṃ ārabbha kathesi. Vatthu heṭṭhā tipallatthajātake (jā. 1.1.16) vitthāritameva. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, rāhulo sikkhākāmo kukkuccako ovādakkhamo’’ti. Tassāyasmato guṇakathāya samuṭṭhāpitāya satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi rāhulo sikkhākāmo kukkuccako ovādakkhamoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา นิกฺขมฺม หิมวนฺตปเทเส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬโนฺต รมณีเย วนสเณฺฑ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย อญฺญตรํ ปจฺจนฺตคามกํ อคมาสิฯ ตตฺถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อญฺญตรสฺมิํ อรเญฺญ ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหนฺตา วาสาเปสุํฯ ตทา ตสฺมิํ คามเก เอโก สากุณิโก เอกํ ทีปกติตฺติรํ คเหตฺวา สุฎฺฐุ สิกฺขาเปตฺวา ปญฺชเร ปกฺขิปิตฺวา ปฎิชคฺคติฯ โส ตํ อรญฺญํ เนตฺวา ตสฺส สเทฺทน อาคตาคเต ติตฺติเร คเหตฺวา วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กเปฺปสิฯ ติตฺติโร ‘‘มํ เอกํ นิสฺสาย พหู มม ญาตกา นสฺสนฺติ, มยฺหเมตํ ปาป’’นฺติ นิสฺสโทฺท อโหสิฯ โส ตสฺส นิสฺสทฺทภาวํ ญตฺวา เวฬุเปสิกาย นํ สีเส ปหรติฯ ติตฺติโร ทุกฺขาตุรตาย สทฺทํ กโรติฯ เอวํ โส สากุณิโก ตํ นิสฺสาย ติตฺติเร คเหตฺวา ชีวิกํ กเปฺปสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto takkasilaṃ gantvā sabbasippāni uggaṇhitvā nikkhamma himavantapadese isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā jhānakīḷaṃ kīḷanto ramaṇīye vanasaṇḍe vasitvā loṇambilasevanatthāya aññataraṃ paccantagāmakaṃ agamāsi. Tattha naṃ manussā disvā pasannacittā aññatarasmiṃ araññe paṇṇasālaṃ kāretvā paccayehi upaṭṭhahantā vāsāpesuṃ. Tadā tasmiṃ gāmake eko sākuṇiko ekaṃ dīpakatittiraṃ gahetvā suṭṭhu sikkhāpetvā pañjare pakkhipitvā paṭijaggati. So taṃ araññaṃ netvā tassa saddena āgatāgate tittire gahetvā vikkiṇitvā jīvikaṃ kappesi. Tittiro ‘‘maṃ ekaṃ nissāya bahū mama ñātakā nassanti, mayhametaṃ pāpa’’nti nissaddo ahosi. So tassa nissaddabhāvaṃ ñatvā veḷupesikāya naṃ sīse paharati. Tittiro dukkhāturatāya saddaṃ karoti. Evaṃ so sākuṇiko taṃ nissāya tittire gahetvā jīvikaṃ kappesi.
อถ โส ติตฺติโร จิเนฺตสิ ‘‘อิเม มรนฺตูติ มยฺหํ เจตนา นตฺถิ, ปฎิจฺจกมฺมํ ปน มํ ผุสติ, มยิ สทฺทํ อกโรเนฺต เอเต นาคจฺฉนฺติ, กโรเนฺตเยว อาคจฺฉนฺติ, อาคตาคเต อยํ คเหตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปติ, อตฺถิ นุ โข เอตฺถ มยฺหํ ปาปํ, นตฺถี’’ติฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ‘‘โก นุ โข เม อิมํ กงฺขํ ฉิเนฺทยฺยา’’ติ ตถารูปํ ปณฺฑิตํ อุปธาเรโนฺต จรติฯ อเถกทิวสํ โส สากุณิโก พหู ติตฺติเร คเหตฺวา ปจฺฉิํ ปูเรตฺวา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อสฺสมํ คนฺตฺวา ตํ ปญฺชรํ โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก ฐเปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา วาลุกาตเล นิปโนฺน นิทฺทํ โอกฺกมิฯ ติตฺติโร ตสฺส นิโทฺทกฺกนฺตภาวํ ญตฺวา ‘‘มม กงฺขํ อิมํ ตาปสํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ชานโนฺต เม กเถสฺสตี’’ติ ปญฺชเร นิสิโนฺนเยว ตํ ปุจฺฉโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atha so tittiro cintesi ‘‘ime marantūti mayhaṃ cetanā natthi, paṭiccakammaṃ pana maṃ phusati, mayi saddaṃ akaronte ete nāgacchanti, karonteyeva āgacchanti, āgatāgate ayaṃ gahetvā jīvitakkhayaṃ pāpeti, atthi nu kho ettha mayhaṃ pāpaṃ, natthī’’ti. So tato paṭṭhāya ‘‘ko nu kho me imaṃ kaṅkhaṃ chindeyyā’’ti tathārūpaṃ paṇḍitaṃ upadhārento carati. Athekadivasaṃ so sākuṇiko bahū tittire gahetvā pacchiṃ pūretvā ‘‘pānīyaṃ pivissāmī’’ti bodhisattassa assamaṃ gantvā taṃ pañjaraṃ bodhisattassa santike ṭhapetvā pānīyaṃ pivitvā vālukātale nipanno niddaṃ okkami. Tittiro tassa niddokkantabhāvaṃ ñatvā ‘‘mama kaṅkhaṃ imaṃ tāpasaṃ pucchissāmi, jānanto me kathessatī’’ti pañjare nisinnoyeva taṃ pucchanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๗๓.
73.
‘‘สุสุขํ วต ชีวามิ, ลภามิ เจว ภุญฺชิตุํ;
‘‘Susukhaṃ vata jīvāmi, labhāmi ceva bhuñjituṃ;
ปริปเนฺถ จ ติฎฺฐามิ, กา นุ ภเนฺต คตี มมา’’ติฯ
Paripanthe ca tiṭṭhāmi, kā nu bhante gatī mamā’’ti.
ตตฺถ สุสุขํ วต ชีวามีติ อหํ, ภเนฺต, อิมํ สากุณิกํ นิสฺสาย สุฎฺฐุ สุขํ ชีวามิฯ ลภามีติ ยถารุจิตํ ขาทนียํ โภชนียํ ภุญฺชิตุมฺปิ ลภามิฯ ปริปเนฺถ จ ติฎฺฐามีติ อปิจ โข ยตฺถ มม ญาตกา มม สเทฺทน อาคตาคตา วินสฺสนฺติ, ตสฺมิํ ปริปเนฺถ ติฎฺฐามิฯ กา นุ, ภเนฺต, คตี มมาติ กา นุ โข, ภเนฺต, มม คติ, กา นิปฺผตฺติ ภวิสฺสตีติ ปุจฺฉิฯ
Tattha susukhaṃ vata jīvāmīti ahaṃ, bhante, imaṃ sākuṇikaṃ nissāya suṭṭhu sukhaṃ jīvāmi. Labhāmīti yathārucitaṃ khādanīyaṃ bhojanīyaṃ bhuñjitumpi labhāmi. Paripanthe ca tiṭṭhāmīti apica kho yattha mama ñātakā mama saddena āgatāgatā vinassanti, tasmiṃ paripanthe tiṭṭhāmi. Kā nu, bhante, gatī mamāti kā nu kho, bhante, mama gati, kā nipphatti bhavissatīti pucchi.
ตสฺส ปญฺหํ วิสฺสเชฺชโนฺต โพธิสโตฺต ทุติยํ คาถมาห –
Tassa pañhaṃ vissajjento bodhisatto dutiyaṃ gāthamāha –
๗๔.
74.
‘‘มโน เจ เต นปฺปณมติ, ปกฺขิ ปาปสฺส กมฺมุโน;
‘‘Mano ce te nappaṇamati, pakkhi pāpassa kammuno;
อพฺยาวฎสฺส ภทฺรสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติฯ
Abyāvaṭassa bhadrassa, na pāpamupalimpatī’’ti.
ตตฺถ ปาปสฺส กมฺมุโนติ ยทิ ตว มโน ปาปกมฺมสฺสตฺถาย น ปณมติ, ปาปกรเณ ตนฺนิโนฺน ตโปฺปโณ ตปฺปพฺภาโร น โหติฯ อพฺยาวฎสฺสาติ เอวํ สเนฺต ปาปกมฺมกรณตฺถาย อพฺยาวฎสฺส อุสฺสุกฺกํ อนาปนฺนสฺส ตว ภทฺรสฺส สุทฺธเสฺสว สโต ปาปํ น อุปลิมฺปติ น อลฺลียตีติฯ
Tattha pāpassa kammunoti yadi tava mano pāpakammassatthāya na paṇamati, pāpakaraṇe tanninno tappoṇo tappabbhāro na hoti. Abyāvaṭassāti evaṃ sante pāpakammakaraṇatthāya abyāvaṭassa ussukkaṃ anāpannassa tava bhadrassa suddhasseva sato pāpaṃ na upalimpati na allīyatīti.
ตํ สุตฺวา ติตฺติโร ตติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā tittiro tatiyaṃ gāthamāha –
๗๕.
75.
‘‘ญาตโก โน นิสิโนฺนติ, พหุ อาคจฺฉเต ชโน;
‘‘Ñātako no nisinnoti, bahu āgacchate jano;
ปฎิจฺจกมฺมํ ผุสติ, ตสฺมิํ เม สงฺกเต มโน’’ติฯ
Paṭiccakammaṃ phusati, tasmiṃ me saṅkate mano’’ti.
ตสฺสโตฺถ – ภเนฺต, สจาหํ สทฺทํ น กเรยฺยํ, อยํ ติตฺติรชโน น อาคเจฺฉยฺย, มยิ ปน สทฺทํ กโรเนฺต ‘‘ญาตโก โน นิสิโนฺน’’ติ อยํ พหุ ชโน อาคจฺฉติ , ตํ อาคตาคตํ ลุโทฺท คเหตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปโนฺต มํ ปฎิจฺจ นิสฺสาย เอตํ ปาณาติปาตกมฺมํ ผุสติ ปฎิลภติ วินฺทติ , ตสฺมิํ มํ ปฎิจฺจ กเต ปาเป มม นุ โข เอตํ ปาปนฺติ เอวํ เม มโน สงฺกเต ปริสงฺกติ กุกฺกุจฺจํ อาปชฺชตีติฯ
Tassattho – bhante, sacāhaṃ saddaṃ na kareyyaṃ, ayaṃ tittirajano na āgaccheyya, mayi pana saddaṃ karonte ‘‘ñātako no nisinno’’ti ayaṃ bahu jano āgacchati , taṃ āgatāgataṃ luddo gahetvā jīvitakkhayaṃ pāpento maṃ paṭicca nissāya etaṃ pāṇātipātakammaṃ phusati paṭilabhati vindati , tasmiṃ maṃ paṭicca kate pāpe mama nu kho etaṃ pāpanti evaṃ me mano saṅkate parisaṅkati kukkuccaṃ āpajjatīti.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต จตุตฺถํ คาถมาห –
Taṃ sutvā bodhisatto catutthaṃ gāthamāha –
๗๖.
76.
‘‘น ปฎิจฺจกมฺมํ ผุสติ, มโน เจ นปฺปทุสฺสติ;
‘‘Na paṭiccakammaṃ phusati, mano ce nappadussati;
อโปฺปสฺสุกฺกสฺส ภทฺรสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติฯ
Appossukkassa bhadrassa, na pāpamupalimpatī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – ยทิ ตว ปาปกิริยาย มโน น ปทุสฺสติ, ตนฺนิโนฺน ตโปฺปโน ตปฺปพฺภาโร น โหติ, เอวํ สเนฺต ลุเทฺทน อายสฺมนฺตํ ปฎิจฺจ กตมฺปิ ปาปกมฺมํ ตํ น ผุสติ น อลฺลียติ, ปาปกิริยาย หิ อโปฺปสฺสุกฺกสฺส นิราลยสฺส ภทฺรสฺส ปริสุทฺธเสฺสว สโต ตว ปาณาติปาตเจตนาย อภาวา ตํ ปาปํ น อุปลิมฺปติ, ตว จิตฺตํ น อลฺลียตีติฯ
Tassattho – yadi tava pāpakiriyāya mano na padussati, tanninno tappono tappabbhāro na hoti, evaṃ sante luddena āyasmantaṃ paṭicca katampi pāpakammaṃ taṃ na phusati na allīyati, pāpakiriyāya hi appossukkassa nirālayassa bhadrassa parisuddhasseva sato tava pāṇātipātacetanāya abhāvā taṃ pāpaṃ na upalimpati, tava cittaṃ na allīyatīti.
เอวํ มหาสโตฺต ติตฺติรํ สญฺญาเปสิ, โสปิ ตํ นิสฺสาย นิกฺกุกฺกุโจฺจ อโหสิฯ ลุโทฺท ปพุโทฺธ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปญฺชรํ อาทาย ปกฺกามิฯ
Evaṃ mahāsatto tittiraṃ saññāpesi, sopi taṃ nissāya nikkukkucco ahosi. Luddo pabuddho bodhisattaṃ vanditvā pañjaraṃ ādāya pakkāmi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ติตฺติโร ราหุโล อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā tittiro rāhulo ahosi, tāpaso pana ahameva ahosi’’nti.
ติตฺติรชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Tittirajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๑๙. ติตฺติรชาตกํ • 319. Tittirajātakaṃ