Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๓๘๘] ๓. ตุณฺฑิลชาตกวณฺณนา
[388] 3. Tuṇḍilajātakavaṇṇanā
นวฉนฺนเกติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ มรณภีรุกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุโตฺต พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา มรณภีรุโก อโหสิ, อปฺปมตฺตกมฺปิ สาขาจลนํ ทณฺฑกปตนํ สกุณจตุปฺปทสทฺทํ วา อญฺญํ วา ตถารูปํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิโต หุตฺวา กุจฺฉิยํ วิทฺธสโส วิย กมฺปโนฺต วิจริฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ มรณภีรุโก อปฺปมตฺตกมฺปิ สทฺทํ สุตฺวา วิกมฺปมาโน ปลายติ, อิเมสญฺจ สตฺตานํ มรณเมว ธุวํ, ชีวิตํ อทฺธุวํ, นนุ ตเทว โยนิโส มนสิ กาตพฺพ’’นฺติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ตํ ภิกฺขุํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ มรณภีรุโก’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติ เตน ปฎิญฺญาโต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส มรณภีรุโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Navachannaketi idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ maraṇabhīrukaṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira sāvatthivāsī kulaputto buddhasāsane pabbajitvā maraṇabhīruko ahosi, appamattakampi sākhācalanaṃ daṇḍakapatanaṃ sakuṇacatuppadasaddaṃ vā aññaṃ vā tathārūpaṃ sutvā maraṇabhayatajjito hutvā kucchiyaṃ viddhasaso viya kampanto vicari. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, asuko kira bhikkhu maraṇabhīruko appamattakampi saddaṃ sutvā vikampamāno palāyati, imesañca sattānaṃ maraṇameva dhuvaṃ, jīvitaṃ addhuvaṃ, nanu tadeva yoniso manasi kātabba’’nti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte taṃ bhikkhuṃ pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu maraṇabhīruko’’ti vatvā ‘‘āma, bhante’’ti tena paṭiññāto ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa maraṇabhīrukoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต สูกริยา กุจฺฉิมฺหิ ปฎิสนฺธิํ คณฺหิฯ สูกรี ปริณตคพฺภา เทฺว ปุเตฺต วิชายิฯ สา เอกทิวสํ เต คเหตฺวา เอกสฺมิํ อาวาเฎ นิปชฺชิฯ อเถกา พาราณสิทฺวารคามวาสินี มหลฺลิกา กปฺปาสเขตฺตโต ปจฺฉิปุณฺณํ กปฺปาสํ อาทาย ยฎฺฐิยา ภูมิํ อาโกเฎนฺตี อาคจฺฉิฯ สูกรี ตํ สทฺทํ สุตฺวา มรณภเยน ปุตฺตเก ฉเฑฺฑตฺวา ปลายิฯ มหลฺลิกา สูกรโปตเก ทิสฺวา ปุตฺตสญฺญํ ปฎิลภิตฺวา ปจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวา ฆรํ เนตฺวา เชฎฺฐกสฺส มหาตุณฺฑิโล, กนิฎฺฐสฺส จูฬตุณฺฑิโลติ นามํ กริตฺวา เต ปุตฺตเก วิย โปเสสิฯ เต อปรภาเค วฑฺฒิตฺวา ถูลสรีรา อเหสุํฯ มหลฺลิกา ‘‘อิเม โน มูเลน เทหี’’ติ วุจฺจมานาปิ ‘‘ปุตฺตา เม’’ติ วตฺวา กสฺสจิ น เทติฯ อเถกสฺมิํ ฉณกาเล ธุตฺตา สุรํ ปิวนฺตา มํเส ขีเณ ‘‘กุโต นุ โข มํสํ ลภิสฺสามา’’ติ วีมํสนฺตา มหลฺลิกาย เคเห สูกรานํ อตฺถิภาวํ ญตฺวา มูลํ คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, มูลํ คเหตฺวา เอกํ โน สูกรํ เทหี’’ติ อาหํสุฯ สา ‘‘อลํ, ตาตา, ปุตฺตา เม เอเต, ปุตฺตํ นาม มํสํ ขาทนตฺถาย กิณนฺตานํ ททนฺตา นาม นตฺถี’’ติ ปฎิกฺขิปิฯ ธุตฺตา ‘‘อมฺม, มนุสฺสานํ สูกรา นาม ปุตฺตา น โหนฺติ, เทหิ โน’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจนฺตาปิ อลภิตฺวา มหลฺลิกํ สุรํ ปาเยตฺวา มตฺตกาเล ‘‘อมฺม, สูกเรหิ กิํ กริสฺสสิ, มูลํ คเหตฺวา ปริพฺพยํ กโรหี’’ติ ตสฺสา หเตฺถ กหาปเณ ฐปยิํสุฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto sūkariyā kucchimhi paṭisandhiṃ gaṇhi. Sūkarī pariṇatagabbhā dve putte vijāyi. Sā ekadivasaṃ te gahetvā ekasmiṃ āvāṭe nipajji. Athekā bārāṇasidvāragāmavāsinī mahallikā kappāsakhettato pacchipuṇṇaṃ kappāsaṃ ādāya yaṭṭhiyā bhūmiṃ ākoṭentī āgacchi. Sūkarī taṃ saddaṃ sutvā maraṇabhayena puttake chaḍḍetvā palāyi. Mahallikā sūkarapotake disvā puttasaññaṃ paṭilabhitvā pacchiyaṃ pakkhipitvā gharaṃ netvā jeṭṭhakassa mahātuṇḍilo, kaniṭṭhassa cūḷatuṇḍiloti nāmaṃ karitvā te puttake viya posesi. Te aparabhāge vaḍḍhitvā thūlasarīrā ahesuṃ. Mahallikā ‘‘ime no mūlena dehī’’ti vuccamānāpi ‘‘puttā me’’ti vatvā kassaci na deti. Athekasmiṃ chaṇakāle dhuttā suraṃ pivantā maṃse khīṇe ‘‘kuto nu kho maṃsaṃ labhissāmā’’ti vīmaṃsantā mahallikāya gehe sūkarānaṃ atthibhāvaṃ ñatvā mūlaṃ gahetvā tattha gantvā ‘‘amma, mūlaṃ gahetvā ekaṃ no sūkaraṃ dehī’’ti āhaṃsu. Sā ‘‘alaṃ, tātā, puttā me ete, puttaṃ nāma maṃsaṃ khādanatthāya kiṇantānaṃ dadantā nāma natthī’’ti paṭikkhipi. Dhuttā ‘‘amma, manussānaṃ sūkarā nāma puttā na honti, dehi no’’ti punappunaṃ yācantāpi alabhitvā mahallikaṃ suraṃ pāyetvā mattakāle ‘‘amma, sūkarehi kiṃ karissasi, mūlaṃ gahetvā paribbayaṃ karohī’’ti tassā hatthe kahāpaṇe ṭhapayiṃsu.
สา กหาปเณ คเหตฺวา ‘‘ตาตา, มหาตุณฺฑิลํ ทาตุํ น สโกฺกมิฯ จูฬตุณฺฑิลํ ปน คณฺหถา’’ติ อาหฯ ‘‘กหํ โส’’ติ? ‘‘อยํ เอตสฺมิํ คเจฺฉติ, สทฺทมสฺส เทหี’’ติฯ ‘‘อาหารํ น ปสฺสามี’’ติฯ ธุตฺตา มูเลน เอกํ ภตฺตปาติํ อาหราเปสุํฯ มหลฺลิกา ตํ คเหตฺวา ทฺวาเร ฐปิตํ สูกรโทณิํ ปูเรตฺวา โทณิสมีเป อฎฺฐาสิฯ ติํสมตฺตาปิ ธุตฺตา ปาสหตฺถา ตเตฺถว อฎฺฐํสุฯ มหลฺลิกา ‘‘ตาต, จูฬตุณฺฑิล, เอหี’’ติ ตสฺส สทฺทมกาสิฯ ตํ สุตฺวา มหาตุณฺฑิโล ‘‘เอตฺตกํ กาลํ มม มาตรา จูฬตุณฺฑิลสฺส สโทฺท น ทินฺนปุโพฺพ, มํเยว ปฐมํ สทฺทายติ, อวสฺสํ อชฺช อมฺหากํ ภยํ อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ อญฺญาสิฯ โส กนิฎฺฐํ อามเนฺตสิ ‘‘ตาต, มม มาตา ตํ ปโกฺกสติ, คจฺฉ ตาว ชานาหี’’ติฯ โส คจฺฉา นิกฺขมิตฺวา ภตฺตโทณิสมีเป เตสํ ฐิตภาวํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช เม มรณํ อุปฺปนฺน’’นฺติ มรณภยตชฺชิโต นิวตฺติตฺวา กมฺปมาโน ภาตุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ถมฺภิตุํ นาสกฺขิ, กมฺปมาโน ปริพฺภมิฯ มหาตุณฺฑิโล ตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ อชฺช ปน ปเวธสิ ปริพฺภมสิ, ปวิสนฎฺฐานํ โอโลเกสิ, กิํ นาเมตํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิฯ โส อตฺตนา ทิฎฺฐการณํ กเถโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Sā kahāpaṇe gahetvā ‘‘tātā, mahātuṇḍilaṃ dātuṃ na sakkomi. Cūḷatuṇḍilaṃ pana gaṇhathā’’ti āha. ‘‘Kahaṃ so’’ti? ‘‘Ayaṃ etasmiṃ gaccheti, saddamassa dehī’’ti. ‘‘Āhāraṃ na passāmī’’ti. Dhuttā mūlena ekaṃ bhattapātiṃ āharāpesuṃ. Mahallikā taṃ gahetvā dvāre ṭhapitaṃ sūkaradoṇiṃ pūretvā doṇisamīpe aṭṭhāsi. Tiṃsamattāpi dhuttā pāsahatthā tattheva aṭṭhaṃsu. Mahallikā ‘‘tāta, cūḷatuṇḍila, ehī’’ti tassa saddamakāsi. Taṃ sutvā mahātuṇḍilo ‘‘ettakaṃ kālaṃ mama mātarā cūḷatuṇḍilassa saddo na dinnapubbo, maṃyeva paṭhamaṃ saddāyati, avassaṃ ajja amhākaṃ bhayaṃ uppannaṃ bhavissatī’’ti aññāsi. So kaniṭṭhaṃ āmantesi ‘‘tāta, mama mātā taṃ pakkosati, gaccha tāva jānāhī’’ti. So gacchā nikkhamitvā bhattadoṇisamīpe tesaṃ ṭhitabhāvaṃ disvā ‘‘ajja me maraṇaṃ uppanna’’nti maraṇabhayatajjito nivattitvā kampamāno bhātu santikaṃ āgantvā thambhituṃ nāsakkhi, kampamāno paribbhami. Mahātuṇḍilo taṃ disvā ‘‘tāta, tvaṃ ajja pana pavedhasi paribbhamasi, pavisanaṭṭhānaṃ olokesi, kiṃ nāmetaṃ karosī’’ti pucchi. So attanā diṭṭhakāraṇaṃ kathento paṭhamaṃ gāthamāha –
๘๘.
88.
‘‘นวฉนฺนเกทานิ ทิยฺยติ, ปุณฺณายํ โทณิ สุวามินี ฐิตา;
‘‘Navachannakedāni diyyati, puṇṇāyaṃ doṇi suvāminī ṭhitā;
พหุเก ชเน ปาสปาณิเก, โน จ โข เม ปฎิภาติ ภุญฺชิตุ’’นฺติฯ
Bahuke jane pāsapāṇike, no ca kho me paṭibhāti bhuñjitu’’nti.
ตตฺถ นวฉนฺนเกทานิ ทิยฺยตีติ ภาติก, ปุเพฺพ อมฺหากํ กุณฺฑกยาคุ วา ฌามภตฺตํ วา ทิยฺยติ, อชฺช ปน นวฉนฺนกํ นวาการํ ทานํ ทิยฺยติฯ ปุณฺณายํ โทณีติ อยํ อมฺหากํ ภตฺตโทณิ สุทฺธภตฺตสฺส ปุณฺณาฯ สุวามินี ฐิตาติ อยฺยาปิ โน ตสฺสา สนฺติเก ฐิตาฯ พหุเก ชเนติ น เกวลญฺจ อยฺยาว, อโญฺญปิ พหุโก ชโน ปาสปาณิโก ฐิโตฯ โน จ โข เม ปฎิภาตีติ อยํ เอวํ เอเตสํ ฐิตภาโวปิ อิทํ ภตฺตํ ภุญฺชิตุมฺปิ มยฺหํ น ปฎิภาติ, น รุจฺจตีติ อโตฺถฯ
Tattha navachannakedāni diyyatīti bhātika, pubbe amhākaṃ kuṇḍakayāgu vā jhāmabhattaṃ vā diyyati, ajja pana navachannakaṃ navākāraṃ dānaṃ diyyati. Puṇṇāyaṃ doṇīti ayaṃ amhākaṃ bhattadoṇi suddhabhattassa puṇṇā. Suvāminī ṭhitāti ayyāpi no tassā santike ṭhitā. Bahuke janeti na kevalañca ayyāva, aññopi bahuko jano pāsapāṇiko ṭhito. No ca kho me paṭibhātīti ayaṃ evaṃ etesaṃ ṭhitabhāvopi idaṃ bhattaṃ bhuñjitumpi mayhaṃ na paṭibhāti, na ruccatīti attho.
ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต ‘‘ตาต จูฬตุณฺฑิล, มม กิร มาตา เอเตฺถว สูกเร โปเสนฺตี นาม ยทตฺถํ โปเสติ, สฺวาสฺสา อโตฺถ อชฺช มตฺถกํ ปโตฺต, ตฺวํ มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา มธุเรน สเรน พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā mahāsatto ‘‘tāta cūḷatuṇḍila, mama kira mātā ettheva sūkare posentī nāma yadatthaṃ poseti, svāssā attho ajja matthakaṃ patto, tvaṃ mā cintayī’’ti vatvā madhurena sarena buddhalīḷāya dhammaṃ desento dve gāthā abhāsi –
๘๙.
89.
‘‘ตสสิ ภมสิ เลณมิจฺฉสิ, อตฺตาโณสิ กุหิํ คมิสฺสสิ;
‘‘Tasasi bhamasi leṇamicchasi, attāṇosi kuhiṃ gamissasi;
อโปฺปสฺสุโกฺก ภุญฺช ตุณฺฑิล, มํสตฺถาย หิ โปสิตามฺหเสฯ
Appossukko bhuñja tuṇḍila, maṃsatthāya hi positāmhase.
๙๐.
90.
‘‘โอคห รหทํ อกทฺทมํ, สพฺพํ เสทมลํ ปวาหย;
‘‘Ogaha rahadaṃ akaddamaṃ, sabbaṃ sedamalaṃ pavāhaya;
คณฺหาหิ นวํ วิเลปนํ, ยสฺส คโนฺธ น กทาจิ ฉิชฺชตี’’ติฯ
Gaṇhāhi navaṃ vilepanaṃ, yassa gandho na kadāci chijjatī’’ti.
ตตฺถ ตสสิ ภมสีติ มรณภเยน อุตฺตสสิ, เตเนว กิลมโนฺต ภมสิฯ เลณมิจฺฉสีติ ปติฎฺฐํ โอโลเกสิฯ อตฺตาโณสีติ ตาต, ปุเพฺพ อมฺหากํ มาตา ปฎิสรณํ อโหสิ, สา อชฺช ปน นิรเปกฺขา อเมฺห ฉเฑฺฑสิ, อิทานิ กุหิํ คมิสฺสสิฯ โอคหาติ โอคาห, อยเมว วา ปาโฐฯ ปวาหยาติ ปวาเหหิ, หาเรหีติ อโตฺถฯ น ฉิชฺชตีติ น นสฺสติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, สเจ มรณโต ตสสิ, อกทฺทมํ โปกฺขรณิํ โอตริตฺวา ตว สรีเร สพฺพํ เสทญฺจ มลญฺจ ปวาเหตฺวา สุรภิคนฺธวิเลปนํ วิลิมฺปาติฯ
Tattha tasasi bhamasīti maraṇabhayena uttasasi, teneva kilamanto bhamasi. Leṇamicchasīti patiṭṭhaṃ olokesi. Attāṇosīti tāta, pubbe amhākaṃ mātā paṭisaraṇaṃ ahosi, sā ajja pana nirapekkhā amhe chaḍḍesi, idāni kuhiṃ gamissasi. Ogahāti ogāha, ayameva vā pāṭho. Pavāhayāti pavāhehi, hārehīti attho. Na chijjatīti na nassati. Idaṃ vuttaṃ hoti – tāta, sace maraṇato tasasi, akaddamaṃ pokkharaṇiṃ otaritvā tava sarīre sabbaṃ sedañca malañca pavāhetvā surabhigandhavilepanaṃ vilimpāti.
ตสฺส ทส ปารมิโย อาวเชฺชตฺวา เมตฺตาปารมิํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ปฐมํ ปทํ อุทาหรนฺตเสฺสว สโทฺท สกลํ ทฺวาทสโยชนิกํ พาราณสิํ อโชฺฌตฺถริตฺวา คโตฯ สุตสุตกฺขเณเยว ราชอุปราชาทโย อาทิํ กตฺวา พาราณสิวาสิโน อาคมํสุฯ อนาคตาปิ เคเห ฐิตาว สุณิํสุฯ ราชปุริสา คเจฺฉ ฉินฺทิตฺวา ภูมิํ สมํ กตฺวา วาลุกํ โอกิริํสุฯ ธุตฺตานํ สุรามโท ฉิชฺชิฯ ปาเส ฉเฑฺฑตฺวา ธมฺมํ สุณมานา อฎฺฐํสุฯ มหลฺลิกายปิ สุรามโท ฉิชฺชิฯ มหาสโตฺต มหาชนมเชฺฌ จูฬตุณฺฑิลสฺส ธมฺมเทสนํ อารภิฯ ตํ สุตฺวา จูฬตุณฺฑิโล ‘‘มยฺหํ ภาตา เอวํ วเทติ, อมฺหากญฺจ วํเส โปกฺขรณิํ โอตริตฺวา นหานํ, สรีรโต เสทมลปวาหนํ, ปุราณวิเลปนํ หาเรตฺวา นววิเลปนคหณญฺจ กิสฺมิญฺจิ กาเล นตฺถิ, กิํ นุ โข สนฺธาย ภาตา มํ เอว มาหา’’ติ ปุจฺฉโนฺต จตุตฺถํ คาถมาห –
Tassa dasa pāramiyo āvajjetvā mettāpāramiṃ purecārikaṃ katvā paṭhamaṃ padaṃ udāharantasseva saddo sakalaṃ dvādasayojanikaṃ bārāṇasiṃ ajjhottharitvā gato. Sutasutakkhaṇeyeva rājauparājādayo ādiṃ katvā bārāṇasivāsino āgamaṃsu. Anāgatāpi gehe ṭhitāva suṇiṃsu. Rājapurisā gacche chinditvā bhūmiṃ samaṃ katvā vālukaṃ okiriṃsu. Dhuttānaṃ surāmado chijji. Pāse chaḍḍetvā dhammaṃ suṇamānā aṭṭhaṃsu. Mahallikāyapi surāmado chijji. Mahāsatto mahājanamajjhe cūḷatuṇḍilassa dhammadesanaṃ ārabhi. Taṃ sutvā cūḷatuṇḍilo ‘‘mayhaṃ bhātā evaṃ vadeti, amhākañca vaṃse pokkharaṇiṃ otaritvā nahānaṃ, sarīrato sedamalapavāhanaṃ, purāṇavilepanaṃ hāretvā navavilepanagahaṇañca kismiñci kāle natthi, kiṃ nu kho sandhāya bhātā maṃ eva māhā’’ti pucchanto catutthaṃ gāthamāha –
๙๑.
91.
‘‘กตโม รหโท อกทฺทโม, กิํสุ เสทมลนฺติ วุจฺจติ;
‘‘Katamo rahado akaddamo, kiṃsu sedamalanti vuccati;
กตมญฺจ นวํ วิเลปนํ, ยสฺส คโนฺธ น กทาจิ ฉิชฺชตี’’ติฯ
Katamañca navaṃ vilepanaṃ, yassa gandho na kadāci chijjatī’’ti.
ตํ สุตฺวา มหาสโตฺต ‘‘เตน หิ กนิฎฺฐ โอหิตโสโต สุณาหี’’ติ พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสโนฺต อิมา คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā mahāsatto ‘‘tena hi kaniṭṭha ohitasoto suṇāhī’’ti buddhalīḷāya dhammaṃ desento imā gāthā abhāsi –
๙๒.
92.
‘‘ธโมฺม รหโท อกทฺทโม, ปาปํ เสทมลนฺติ วุจฺจติ;
‘‘Dhammo rahado akaddamo, pāpaṃ sedamalanti vuccati;
สีลญฺจ นวํ วิเลปนํ, ตสฺส คโนฺธ น กทาจิ ฉิชฺชติฯ
Sīlañca navaṃ vilepanaṃ, tassa gandho na kadāci chijjati.
๙๓.
93.
‘‘นนฺทนฺติ สรีรฆาติโน, น จ นนฺทนฺติ สรีรธาริโน;
‘‘Nandanti sarīraghātino, na ca nandanti sarīradhārino;
ปุณฺณาย จ ปุณฺณมาสิยา, รมมานาว ชหนฺติ ชีวิต’’นฺติฯ
Puṇṇāya ca puṇṇamāsiyā, ramamānāva jahanti jīvita’’nti.
ตตฺถ ธโมฺมติ ปญฺจสีลอฎฺฐสีลทสสีลานิ ตีณิ สุจริตานิ สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธมฺมา อมตมหานิพฺพานนฺติ สโพฺพเปส ธโมฺม นามฯ อกทฺทโมติ ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิกิเลสกทฺทมานํ อภาเวน อกทฺทโมฯ อิมินา เสสธมฺมโต วินิวเตฺตตฺวา นิพฺพานเมว ทเสฺสติฯ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ มทนิมฺมทโน ปิปาสวินโย อาลยสมุคฺฆาโต วฎฺฎุปเจฺฉโท ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) หิ วุตฺตํ, ตเทว ทเสฺสโนฺต, ตาต จูฬตุณฺฑิล, อหํ นิพฺพานตฬากํ ‘‘รหโท’’ติ กเถมิฯ ชาติชราพฺยาธิมรณาทีนิ หิ ตตฺถ นตฺถิ, สเจ มรณโต มุญฺจิตุกาโม, นิพฺพานคามินิํ ปฎิปทํ คณฺหาติฯ อุปนิสฺสยปจฺจยวเสน กิร โพธิสโตฺต เอวํ กเถสิฯ
Tattha dhammoti pañcasīlaaṭṭhasīladasasīlāni tīṇi sucaritāni sattatiṃsabodhipakkhiyadhammā amatamahānibbānanti sabbopesa dhammo nāma. Akaddamoti rāgadosamohamānadiṭṭhikilesakaddamānaṃ abhāvena akaddamo. Iminā sesadhammato vinivattetvā nibbānameva dasseti. ‘‘Yāvatā, bhikkhave, dhammā saṅkhatā vā asaṅkhatā vā, virāgo tesaṃ dhammānaṃ aggamakkhāyati, yadidaṃ madanimmadano pipāsavinayo ālayasamugghāto vaṭṭupacchedo taṇhakkhayo virāgo nirodho nibbāna’’nti (a. ni. 4.34; itivu. 90) hi vuttaṃ, tadeva dassento, tāta cūḷatuṇḍila, ahaṃ nibbānataḷākaṃ ‘‘rahado’’ti kathemi. Jātijarābyādhimaraṇādīni hi tattha natthi, sace maraṇato muñcitukāmo, nibbānagāminiṃ paṭipadaṃ gaṇhāti. Upanissayapaccayavasena kira bodhisatto evaṃ kathesi.
ปาปํ เสทมลนฺติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, ปาปํ เสทมลสทิสตฺตา ‘‘เสทมล’’นฺติ โปราณกปณฺฑิเตหิ กถิตํฯ ตํ ปเนตํ เอกวิเธน ปาปํ ยทิทํ มโนปโทโส, ทุวิเธน ปาปํ ปาปกญฺจ สีลํ, ปาปิกา จ ทิฎฺฐิ, ติวิเธน ปาปํ ตีณิ ทุจฺจริตานิ, จตุพฺพิเธน ปาปํ จตฺตาริ อคติคมนานิ, ปญฺจวิเธน ปาปํ ปญฺจ เจโตขิลา, ฉพฺพิเธน ปาปํ ฉ อคารวา, สตฺตวิเธน ปาปํ สตฺต อสทฺธมฺมา, อฎฺฐวิเธน ปาปํ อฎฺฐ มิจฺฉตฺตา, นววิเธน ปาปํ นว อาฆาตวตฺถูนิ, ทสวิเธน ปาปํ ทส อกุสลกมฺมปถา, พหุวิเธน ปาปํ ราโค โทโส โมโหติ เอกกทุกติกาทิวเสน วิภตฺตา อกุสลา ธมฺมา, อิติ สพฺพเมฺปตํ ปาปํ ‘‘สรีรนิสฺสิตเสทมลสทิส’’นฺติ ปณฺฑิเตหิ กถิตํฯ
Pāpaṃsedamalanti tāta cūḷatuṇḍila, pāpaṃ sedamalasadisattā ‘‘sedamala’’nti porāṇakapaṇḍitehi kathitaṃ. Taṃ panetaṃ ekavidhena pāpaṃ yadidaṃ manopadoso, duvidhena pāpaṃ pāpakañca sīlaṃ, pāpikā ca diṭṭhi, tividhena pāpaṃ tīṇi duccaritāni, catubbidhena pāpaṃ cattāri agatigamanāni, pañcavidhena pāpaṃ pañca cetokhilā, chabbidhena pāpaṃ cha agāravā, sattavidhena pāpaṃ satta asaddhammā, aṭṭhavidhena pāpaṃ aṭṭha micchattā, navavidhena pāpaṃ nava āghātavatthūni, dasavidhena pāpaṃ dasa akusalakammapathā, bahuvidhena pāpaṃ rāgo doso mohoti ekakadukatikādivasena vibhattā akusalā dhammā, iti sabbampetaṃ pāpaṃ ‘‘sarīranissitasedamalasadisa’’nti paṇḍitehi kathitaṃ.
สีลนฺติ ปญฺจสีลํ ทสสีลํ จตุปาริสุทฺธิสีลํฯ ‘‘อิทํ, ตาต, สีลํ จตุชฺชาติคนฺธวิเลปนสทิส’’นฺติ วทติฯ ตสฺสาติ ตสฺส สิลสฺส คโนฺธ ตีสุ วเยสุ กทาจิ น ฉิชฺชติ, สกลโลกํ ปตฺถริตฺวา คจฺฉติฯ
Sīlanti pañcasīlaṃ dasasīlaṃ catupārisuddhisīlaṃ. ‘‘Idaṃ, tāta, sīlaṃ catujjātigandhavilepanasadisa’’nti vadati. Tassāti tassa silassa gandho tīsu vayesu kadāci na chijjati, sakalalokaṃ pattharitvā gacchati.
‘‘น ปุปฺผคโนฺธ ปฎิวาตเมติ, น จนฺทนํ ตคฺครมลฺลิกา วา;
‘‘Na pupphagandho paṭivātameti, na candanaṃ taggaramallikā vā;
สตญฺจ คโนฺธ ปฎิวาตเมติ, สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติฯ
Satañca gandho paṭivātameti, sabbā disā sappuriso pavāyati.
‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;
‘‘Candanaṃ tagaraṃ vāpi, uppalaṃ atha vassikī;
เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคโนฺธ อนุตฺตโรฯ
Etesaṃ gandhajātānaṃ, sīlagandho anuttaro.
‘‘อปฺปมโตฺต อยํ คโนฺธ, ยฺวายํ ตครจนฺทนํ;
‘‘Appamatto ayaṃ gandho, yvāyaṃ tagaracandanaṃ;
โย จ สีลวตํ คโนฺธ, วาติ เทเวสุ อุตฺตโม’’ติฯ (ธ. ป. ๕๔-๕๖);
Yo ca sīlavataṃ gandho, vāti devesu uttamo’’ti. (dha. pa. 54-56);
นนฺทนฺติ สรีรฆาติโนติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, อิเม อญฺญาณมนุสฺสา ‘‘มธุรมํสํ ขาทิสฺสาม, ปุตฺตทารมฺปิ ขาทาเปสฺสามา’’ติ ปาณาติปาตํ กโรนฺตา นนฺทนฺติ ตุสฺสนฺติ, ปาณาติปาโต อาเสวิโต ภาวิโต พหุลีกโต นิรยสํวตฺตนิโก โหติ, ติรจฺฉานโยนิ…เป.… เปตฺติวิสยสํวตฺตนิโก โหติ, โย สพฺพลหุโก ปาณาติปาตสฺส วิปาโก, โส มนุสฺสภูตสฺส อปฺปายุกสํวตฺตนิโก โหตีติ อิมํ ปาณาติปาเต อาทีนวํ น ชานนฺติฯ อชานนฺตา –
Nandanti sarīraghātinoti tāta cūḷatuṇḍila, ime aññāṇamanussā ‘‘madhuramaṃsaṃ khādissāma, puttadārampi khādāpessāmā’’ti pāṇātipātaṃ karontā nandanti tussanti, pāṇātipāto āsevito bhāvito bahulīkato nirayasaṃvattaniko hoti, tiracchānayoni…pe… pettivisayasaṃvattaniko hoti, yo sabbalahuko pāṇātipātassa vipāko, so manussabhūtassa appāyukasaṃvattaniko hotīti imaṃ pāṇātipāte ādīnavaṃ na jānanti. Ajānantā –
‘‘มธุวา มญฺญติ พาโล, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;
‘‘Madhuvā maññati bālo, yāva pāpaṃ na paccati;
ยทา จ ปจฺจติ ปาปํ, พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติฯ (ธ. ป. ๖๙) –
Yadā ca paccati pāpaṃ, bālo dukkhaṃ nigacchatī’’ti. (dha. pa. 69) –
มธุรสญฺญิโน หุตฺวา –
Madhurasaññino hutvā –
‘‘จรนฺติ พาลา ทุเมฺมธา, อมิเตฺตเนว อตฺตนา;
‘‘Caranti bālā dummedhā, amitteneva attanā;
กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฎุกปฺผล’’นฺติฯ (ธ. ป. ๖๖) –
Karontā pāpakaṃ kammaṃ, yaṃ hoti kaṭukapphala’’nti. (dha. pa. 66) –
เอตฺตกมฺปิ น ชานนฺติฯ
Ettakampi na jānanti.
‘‘น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;
‘‘Na taṃ kammaṃ kataṃ sādhu, yaṃ katvā anutappati;
ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฎิเสวตี’’ติฯ (ธ. ป. ๖๗);
Yassa assumukho rodaṃ, vipākaṃ paṭisevatī’’ti. (dha. pa. 67);
น จ นนฺทนฺติ สรีรธาริโนติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, เย ปเนเต สรีรธาริโน สตฺตา, เต อตฺตโน มรเณ อาคจฺฉเนฺต ฐเปตฺวา สีหมิคราชหตฺถาชานียอสฺสาชานียขีณาสเว อวเสสา โพธิสตฺตํ อาทิํ กตฺวา อภายนฺตา นาม นตฺถิฯ
Na ca nandanti sarīradhārinoti tāta cūḷatuṇḍila, ye panete sarīradhārino sattā, te attano maraṇe āgacchante ṭhapetvā sīhamigarājahatthājānīyaassājānīyakhīṇāsave avasesā bodhisattaṃ ādiṃ katvā abhāyantā nāma natthi.
‘‘สเพฺพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สเพฺพ ภายนฺติ มจฺจุโน;
‘‘Sabbe tasanti daṇḍassa, sabbe bhāyanti maccuno;
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติฯ (ธ. ป. ๑๒๙);
Attānaṃ upamaṃ katvā, na haneyya na ghātaye’’ti. (dha. pa. 129);
ปุณฺณายาติ คุณปุณฺณายฯ ปุณฺณมาสิยาติ ปุณฺณจนฺทยุตฺตาย, มาสํ วา ปูเรตฺวา ฐิตายฯ ตทา กิร ปุณฺณมาสี อุโปสถทิวโส โหติฯ รมมานาว ชหนฺติ ชีวิตนฺติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, มา โสจิ มา ปริเทวิ, มรณสฺส นาม เต ภายนฺติ, เยสํ อพฺภนฺตเร สีลาทิคุณา นตฺถิฯ มยํ ปน สีลาจารสมฺปนฺนา ปุญฺญวโนฺต, ตสฺมา อมฺหาทิสา สตฺตา รมมานาว ชหนฺติ ชีวิตนฺติฯ
Puṇṇāyāti guṇapuṇṇāya. Puṇṇamāsiyāti puṇṇacandayuttāya, māsaṃ vā pūretvā ṭhitāya. Tadā kira puṇṇamāsī uposathadivaso hoti. Ramamānāva jahanti jīvitanti tāta cūḷatuṇḍila, mā soci mā paridevi, maraṇassa nāma te bhāyanti, yesaṃ abbhantare sīlādiguṇā natthi. Mayaṃ pana sīlācārasampannā puññavanto, tasmā amhādisā sattā ramamānāva jahanti jīvitanti.
เอวํ มหาสโตฺต มธุเรน สเรน พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสิฯ มหาชนกายา องฺคุลิโย โผเฎสุํ, เจลุเกฺขปา จ ปวตฺติํสุ, สาธุการสทฺทปุณฺณํ อนฺตลิกฺขํ อโหสิฯ พาราณสิราชา โพธิสตฺตํ รเชฺชน ปูเชตฺวา มหลฺลิกาย ยสํ ทตฺวา อุโภปิ เต คโนฺธทเกน นฺหาเปตฺวา คนฺธาทีหิ วิลิมฺปาเปตฺวา คีวาสุ มณิรตนานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา ฆรํ เนตฺวา ปุตฺตฎฺฐาเน ฐเปตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน ปฎิชคฺคิฯ โพธิสโตฺต รโญฺญ ปญฺจ สีลานิ อทาสิฯ สเพฺพ พาราณสิวาสิโน จ กาสิรฎฺฐวาสิโน จ ปญฺจ สีลานิ รกฺขิํสุฯ มหาสโตฺต เนสํ ปกฺขทิวเสสุ ธมฺมํ เทเสสิ, วินิจฺฉเย นิสีทิตฺวา อเฑฺฑ ตีเรสิฯ ตสฺมิํ ธรมาเน กูฎฑฺฑการกา นาม นาเหสุํฯ อปรภาเค ราชา กาลมกาสิฯ มหาสโตฺต ตสฺส สรีรปริหารํ กาเรตฺวา วินิจฺฉเย โปตฺถเก ลิขาเปตฺวา ‘‘อิมํ โปตฺถกํ โอโลเกตฺวา อฑฺฑํ ตีเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา อปฺปมาเทน โอวาทํ ทตฺวา สเพฺพสํ โรทนฺตานํ ปริเทวนฺตานเญฺญว สทฺธิํ จูฬตุณฺฑิเลน อรญฺญํ ปาวิสิฯ ตทา โพธิสตฺตสฺส โอวาโท สฎฺฐิ วสฺสสหสฺสานิ ปวตฺติฯ
Evaṃ mahāsatto madhurena sarena buddhalīḷāya dhammaṃ desesi. Mahājanakāyā aṅguliyo phoṭesuṃ, celukkhepā ca pavattiṃsu, sādhukārasaddapuṇṇaṃ antalikkhaṃ ahosi. Bārāṇasirājā bodhisattaṃ rajjena pūjetvā mahallikāya yasaṃ datvā ubhopi te gandhodakena nhāpetvā gandhādīhi vilimpāpetvā gīvāsu maṇiratanāni piḷandhāpetvā gharaṃ netvā puttaṭṭhāne ṭhapetvā mahantena parivārena paṭijaggi. Bodhisatto rañño pañca sīlāni adāsi. Sabbe bārāṇasivāsino ca kāsiraṭṭhavāsino ca pañca sīlāni rakkhiṃsu. Mahāsatto nesaṃ pakkhadivasesu dhammaṃ desesi, vinicchaye nisīditvā aḍḍe tīresi. Tasmiṃ dharamāne kūṭaḍḍakārakā nāma nāhesuṃ. Aparabhāge rājā kālamakāsi. Mahāsatto tassa sarīraparihāraṃ kāretvā vinicchaye potthake likhāpetvā ‘‘imaṃ potthakaṃ oloketvā aḍḍaṃ tīreyyāthā’’ti vatvā mahājanassa dhammaṃ desetvā appamādena ovādaṃ datvā sabbesaṃ rodantānaṃ paridevantānaññeva saddhiṃ cūḷatuṇḍilena araññaṃ pāvisi. Tadā bodhisattassa ovādo saṭṭhi vassasahassāni pavatti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส มรณภีรุโก ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne so maraṇabhīruko bhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi.
ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, จูฬตุณฺฑิโล มรณภีรุโก ภิกฺขุ, ปริสา พุทฺธปริสา, มหาตุณฺฑิโล ปน อหเมว อโหสินฺติฯ
Tadā rājā ānando ahosi, cūḷatuṇḍilo maraṇabhīruko bhikkhu, parisā buddhaparisā, mahātuṇḍilo pana ahameva ahosinti.
ตุณฺฑิลชาตกวณฺณนา ตติยาฯ
Tuṇḍilajātakavaṇṇanā tatiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๘๘. ตุณฺฑิลชาตกํ • 388. Tuṇḍilajātakaṃ