Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สุตฺตนิปาตปาฬิ • Suttanipātapāḷi

    ๑๔. ตุวฎกสุตฺตํ

    14. Tuvaṭakasuttaṃ

    ๙๒๑.

    921.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ อาทิจฺจพนฺธุ 1, วิเวกํ สนฺติปทญฺจ มเหสิ;

    ‘‘Pucchāmi taṃ ādiccabandhu 2, vivekaṃ santipadañca mahesi;

    กถํ ทิสฺวา นิพฺพาติ ภิกฺขุ, อนุปาทิยาโน โลกสฺมิํ กิญฺจิ’’ฯ

    Kathaṃ disvā nibbāti bhikkhu, anupādiyāno lokasmiṃ kiñci’’.

    ๙๒๒.

    922.

    ‘‘มูลํ ปปญฺจสงฺขาย, (อิติ ภควา)

    ‘‘Mūlaṃ papañcasaṅkhāya, (iti bhagavā)

    มนฺตา อสฺมีติ สพฺพมุปรุเนฺธ 3;

    Mantā asmīti sabbamuparundhe 4;

    ยา กาจิ ตณฺหา อชฺฌตฺตํ,

    Yā kāci taṇhā ajjhattaṃ,

    ตาสํ วินยา 5 สทา สโต สิเกฺขฯ

    Tāsaṃ vinayā 6 sadā sato sikkhe.

    ๙๒๓.

    923.

    ‘‘ยํ กิญฺจิ ธมฺมมภิชญฺญา, อชฺฌตฺตํ อถวาปิ พหิทฺธา;

    ‘‘Yaṃ kiñci dhammamabhijaññā, ajjhattaṃ athavāpi bahiddhā;

    น เตน ถามํ 7 กุเพฺพถ, น หิ สา นิพฺพุติ สตํ วุตฺตาฯ

    Na tena thāmaṃ 8 kubbetha, na hi sā nibbuti sataṃ vuttā.

    ๙๒๔.

    924.

    ‘‘เสโยฺย น เตน มเญฺญยฺย, นีเจโยฺย อถวาปิ สริโกฺข;

    ‘‘Seyyo na tena maññeyya, nīceyyo athavāpi sarikkho;

    ผุโฎฺฐ 9 อเนกรูเปหิ, นาตุมานํ วิกปฺปยํ ติเฎฺฐฯ

    Phuṭṭho 10 anekarūpehi, nātumānaṃ vikappayaṃ tiṭṭhe.

    ๙๒๕.

    925.

    ‘‘อชฺฌตฺตเมวุปสเม , น อญฺญโต ภิกฺขุ สนฺติเมเสยฺย;

    ‘‘Ajjhattamevupasame , na aññato bhikkhu santimeseyya;

    อชฺฌตฺตํ อุปสนฺตสฺส, นตฺถิ อตฺตา กุโต นิรตฺตา วาฯ

    Ajjhattaṃ upasantassa, natthi attā kuto nirattā vā.

    ๙๒๖.

    926.

    ‘‘มเชฺฌ ยถา สมุทฺทสฺส, อูมิ โน ชายตี ฐิโต โหติ;

    ‘‘Majjhe yathā samuddassa, ūmi no jāyatī ṭhito hoti;

    เอวํ ฐิโต อเนชสฺส, อุสฺสทํ ภิกฺขุ น กเรยฺย กุหิญฺจิ’’ฯ

    Evaṃ ṭhito anejassa, ussadaṃ bhikkhu na kareyya kuhiñci’’.

    ๙๒๗.

    927.

    ‘‘อกิตฺตยี วิวฎจกฺขุ, สกฺขิธมฺมํ ปริสฺสยวินยํ;

    ‘‘Akittayī vivaṭacakkhu, sakkhidhammaṃ parissayavinayaṃ;

    ปฎิปทํ วเทหิ ภทฺทเนฺต, ปาติโมกฺขํ อถวาปิ สมาธิํ’’ฯ

    Paṭipadaṃ vadehi bhaddante, pātimokkhaṃ athavāpi samādhiṃ’’.

    ๙๒๘.

    928.

    ‘‘จกฺขูหิ เนว โลลสฺส, คามกถาย อาวรเย โสตํ;

    ‘‘Cakkhūhi neva lolassa, gāmakathāya āvaraye sotaṃ;

    รเส จ นานุคิเชฺฌยฺย, น จ มมาเยถ กิญฺจิ โลกสฺมิํฯ

    Rase ca nānugijjheyya, na ca mamāyetha kiñci lokasmiṃ.

    ๙๒๙.

    929.

    ‘‘ผเสฺสน ยทา ผุฎฺฐสฺส, ปริเทวํ ภิกฺขุ น กเรยฺย กุหิญฺจฺญฺจฺจิ;

    ‘‘Phassena yadā phuṭṭhassa, paridevaṃ bhikkhu na kareyya kuhiñcñcci;

    ภวญฺจ นาภิชเปฺปยฺย, เภรเวสุ จ น สมฺปเวเธยฺยฯ

    Bhavañca nābhijappeyya, bheravesu ca na sampavedheyya.

    ๙๓๐.

    930.

    ‘‘อนฺนานมโถ ปานานํ, ขาทนียานํ อโถปิ วตฺถานํ;

    ‘‘Annānamatho pānānaṃ, khādanīyānaṃ athopi vatthānaṃ;

    ลทฺธา น สนฺนิธิํ กยิรา, น จ ปริตฺตเส ตานิ อลภมาโนฯ

    Laddhā na sannidhiṃ kayirā, na ca parittase tāni alabhamāno.

    ๙๓๑.

    931.

    ‘‘ฌายี น ปาทโลลสฺส, วิรเม กุกฺกุจฺจา นปฺปมเชฺชยฺย;

    ‘‘Jhāyī na pādalolassa, virame kukkuccā nappamajjeyya;

    อถาสเนสุ สยเนสุ, อปฺปสเทฺทสุ ภิกฺขุ วิหเรยฺยฯ

    Athāsanesu sayanesu, appasaddesu bhikkhu vihareyya.

    ๙๓๒.

    932.

    ‘‘นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย, ชาคริยํ ภเชยฺย อาตาปี;

    ‘‘Niddaṃ na bahulīkareyya, jāgariyaṃ bhajeyya ātāpī;

    ตนฺทิํ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ, เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํฯ

    Tandiṃ māyaṃ hassaṃ khiḍḍaṃ, methunaṃ vippajahe savibhūsaṃ.

    ๙๓๓.

    933.

    ‘‘อาถพฺพณํ สุปินํ ลกฺขณํ, โน วิทเห อโถปิ นกฺขตฺตํ;

    ‘‘Āthabbaṇaṃ supinaṃ lakkhaṇaṃ, no vidahe athopi nakkhattaṃ;

    วิรุตญฺจ คพฺภกรณํ, ติกิจฺฉํ มามโก น เสเวยฺยฯ

    Virutañca gabbhakaraṇaṃ, tikicchaṃ māmako na seveyya.

    ๙๓๔.

    934.

    ‘‘นินฺทาย นปฺปเวเธยฺย, น อุณฺณเมยฺย ปสํสิโต ภิกฺขุ;

    ‘‘Nindāya nappavedheyya, na uṇṇameyya pasaṃsito bhikkhu;

    โลภํ สห มจฺฉริเยน, โกธํ เปสุณิยญฺจ ปนุเทยฺยฯ

    Lobhaṃ saha macchariyena, kodhaṃ pesuṇiyañca panudeyya.

    ๙๓๕.

    935.

    ‘‘กยวิกฺกเย น ติเฎฺฐยฺย, อุปวาทํ ภิกฺขุ น กเรยฺย กุหิญฺจิ;

    ‘‘Kayavikkaye na tiṭṭheyya, upavādaṃ bhikkhu na kareyya kuhiñci;

    คาเม จ นาภิสเชฺชยฺย, ลาภกมฺยา ชนํ น ลปเยยฺยฯ

    Gāme ca nābhisajjeyya, lābhakamyā janaṃ na lapayeyya.

    ๙๓๖.

    936.

    ‘‘น จ กตฺถิตา สิยา ภิกฺขุ, น จ วาจํ ปยุตฺตํ ภาเสยฺย;

    ‘‘Na ca katthitā siyā bhikkhu, na ca vācaṃ payuttaṃ bhāseyya;

    ปาคพฺภิยํ น สิเกฺขยฺย, กถํ วิคฺคาหิกํ น กถเยยฺยฯ

    Pāgabbhiyaṃ na sikkheyya, kathaṃ viggāhikaṃ na kathayeyya.

    ๙๓๗.

    937.

    ‘‘โมสวเชฺช น นีเยถ, สมฺปชาโน สฐานิ น กยิรา;

    ‘‘Mosavajje na nīyetha, sampajāno saṭhāni na kayirā;

    อถ ชีวิเตน ปญฺญาย, สีลพฺพเตน นาญฺญมติมเญฺญฯ

    Atha jīvitena paññāya, sīlabbatena nāññamatimaññe.

    ๙๓๘.

    938.

    ‘‘สุตฺวา รุสิโต พหุํ วาจํ, สมณานํ วา ปุถุชนานํ 11;

    ‘‘Sutvā rusito bahuṃ vācaṃ, samaṇānaṃ vā puthujanānaṃ 12;

    ผรุเสน เน น ปฎิวชฺชา, น หิ สโนฺต ปฎิเสนิกโรนฺติฯ

    Pharusena ne na paṭivajjā, na hi santo paṭisenikaronti.

    ๙๓๙.

    939.

    ‘‘เอตญฺจ ธมฺมมญฺญาย, วิจินํ ภิกฺขุ สทา สโต สิเกฺข;

    ‘‘Etañca dhammamaññāya, vicinaṃ bhikkhu sadā sato sikkhe;

    สนฺตีติ นิพฺพุติํ ญตฺวา, สาสเน โคตมสฺส น ปมเชฺชยฺยฯ

    Santīti nibbutiṃ ñatvā, sāsane gotamassa na pamajjeyya.

    ๙๔๐.

    940.

    ‘‘อภิภู หิ โส อนภิภูโต, สกฺขิธมฺมมนีติหมทสฺสี;

    ‘‘Abhibhū hi so anabhibhūto, sakkhidhammamanītihamadassī;

    ตสฺมา หิ ตสฺส ภควโต สาสเน, อปฺปมโตฺต สทา นมสฺสมนุสิเกฺข’’ติฯ

    Tasmā hi tassa bhagavato sāsane, appamatto sadā namassamanusikkhe’’ti.

    ตุวฎกสุตฺตํ จุทฺทสมํ นิฎฺฐิตํฯ

    Tuvaṭakasuttaṃ cuddasamaṃ niṭṭhitaṃ.







    Footnotes:
    1. อาทิจฺจพนฺธุํ (สี. สฺยา.)
    2. ādiccabandhuṃ (sī. syā.)
    3. สพฺพมุปรุเทฺธ (สฺยา. ปี. ก.)
    4. sabbamuparuddhe (syā. pī. ka.)
    5. วินยาย (?)
    6. vinayāya (?)
    7. มานํ (สี. ก.)
    8. mānaṃ (sī. ka.)
    9. ปุโฎฺฐ (สี. สฺยา. ก.)
    10. puṭṭho (sī. syā. ka.)
    11. ปุถุวจนานํ (สี. สฺยา. ปี.)
    12. puthuvacanānaṃ (sī. syā. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / สุตฺตนิปาต-อฎฺฐกถา • Suttanipāta-aṭṭhakathā / ๑๔. ตุวฎกสุตฺตวณฺณนา • 14. Tuvaṭakasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact