Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi |
๑๓. อุพฺพริเปตวตฺถุ
13. Ubbaripetavatthu
๓๖๘.
368.
อหุ ราชา พฺรหฺมทโตฺต, ปญฺจาลานํ รเถสโภ;
Ahu rājā brahmadatto, pañcālānaṃ rathesabho;
๓๖๙.
369.
พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทติฯ
Brahmadattaṃ apassantī, brahmadattāti kandati.
๓๗๐.
370.
อิสิ จ ตตฺถ อาคจฺฉิ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;
Isi ca tattha āgacchi, sampannacaraṇo muni;
โส จ ตตฺถ อปุจฺฉิตฺถ, เย ตตฺถ สุสมาคตาฯ
So ca tattha apucchittha, ye tattha susamāgatā.
๓๗๑.
371.
‘‘กสฺส อิทํ อาฬาหนํ, นานาคนฺธสเมริตํ;
‘‘Kassa idaṃ āḷāhanaṃ, nānāgandhasameritaṃ;
กสฺสายํ กนฺทติ ภริยา, อิโต ทูรคตํ ปติํ;
Kassāyaṃ kandati bhariyā, ito dūragataṃ patiṃ;
พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, ‘พฺรหฺมทตฺตา’ติ กนฺทติ’’ฯ
Brahmadattaṃ apassantī, ‘brahmadattā’ti kandati’’.
๓๗๒.
372.
เต จ ตตฺถ วิยากํสุ, เย ตตฺถ สุสมาคตา;
Te ca tattha viyākaṃsu, ye tattha susamāgatā;
๓๗๓.
373.
‘‘ตสฺส อิทํ อาฬาหนํ, นานาคนฺธสเมริตํ;
‘‘Tassa idaṃ āḷāhanaṃ, nānāgandhasameritaṃ;
ตสฺสายํ กนฺทติ ภริยา, อิโต ทูรคตํ ปติํ;
Tassāyaṃ kandati bhariyā, ito dūragataṃ patiṃ;
พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, ‘พฺรหฺมทตฺตา’ติ กนฺทติ’’ฯ
Brahmadattaṃ apassantī, ‘brahmadattā’ti kandati’’.
๓๗๔.
374.
‘‘ฉฬาสีติสหสฺสานิ, พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกา;
‘‘Chaḷāsītisahassāni, brahmadattassanāmakā;
อิมสฺมิํ อาฬาหเน ทฑฺฒา, เตสํ กมนุโสจสี’’ติฯ
Imasmiṃ āḷāhane daḍḍhā, tesaṃ kamanusocasī’’ti.
๓๗๕.
375.
‘‘โย ราชา จูฬนีปุโตฺต, ปญฺจาลานํ รเถสโภ;
‘‘Yo rājā cūḷanīputto, pañcālānaṃ rathesabho;
ตํ ภเนฺต อนุโสจามิ, ภตฺตารํ สพฺพกามท’’นฺติฯ
Taṃ bhante anusocāmi, bhattāraṃ sabbakāmada’’nti.
๓๗๖.
376.
‘‘สเพฺพ วาเหสุํ ราชาโน, พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกา;
‘‘Sabbe vāhesuṃ rājāno, brahmadattassanāmakā;
สเพฺพวจูฬนีปุตฺตา, ปญฺจาลานํ รเถสภาฯ
Sabbevacūḷanīputtā, pañcālānaṃ rathesabhā.
๓๗๗.
377.
‘‘สเพฺพสํ อนุปุเพฺพน, มเหสิตฺตมการยิ;
‘‘Sabbesaṃ anupubbena, mahesittamakārayi;
กสฺมา ปุริมเก หิตฺวา, ปจฺฉิมํ อนุโสจสี’’ติฯ
Kasmā purimake hitvā, pacchimaṃ anusocasī’’ti.
๓๗๘.
378.
‘‘อาตุเม อิตฺถิภูตาย, ทีฆรตฺตาย มาริส;
‘‘Ātume itthibhūtāya, dīgharattāya mārisa;
ยสฺสา เม อิตฺถิภูตาย, สํสาเร พหุภาสสี’’ติฯ
Yassā me itthibhūtāya, saṃsāre bahubhāsasī’’ti.
๓๗๙.
379.
‘‘อหุ อิตฺถี อหุ ปุริโส, ปสุโยนิมฺปิ อาคมา;
‘‘Ahu itthī ahu puriso, pasuyonimpi āgamā;
เอวเมตํ อตีตานํ, ปริยโนฺต น ทิสฺสตี’’ติฯ
Evametaṃ atītānaṃ, pariyanto na dissatī’’ti.
๓๘๐.
380.
‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;
‘‘Ādittaṃ vata maṃ santaṃ, ghatasittaṃva pāvakaṃ;
วารินา วิย โอสิญฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํฯ
Vārinā viya osiñcaṃ, sabbaṃ nibbāpaye daraṃ.
๓๘๑.
381.
‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;
‘‘Abbahī vata me sallaṃ, sokaṃ hadayanissitaṃ;
โย เม โสกปเรตาย, ปติโสกํ อปานุทิฯ
Yo me sokaparetāya, patisokaṃ apānudi.
๓๘๒.
382.
‘‘สาหํ อพฺพูฬฺหสลฺลาสฺมิ, สีติภูตาสฺมิ นิพฺพุตา;
‘‘Sāhaṃ abbūḷhasallāsmi, sītibhūtāsmi nibbutā;
น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวา มหามุนี’’ติฯ
Na socāmi na rodāmi, tava sutvā mahāmunī’’ti.
๓๘๓.
383.
ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, สมณสฺส สุภาสิตํ;
Tassa taṃ vacanaṃ sutvā, samaṇassa subhāsitaṃ;
ปตฺตจีวรมาทาย, ปพฺพชิ อนคาริยํฯ
Pattacīvaramādāya, pabbaji anagāriyaṃ.
๓๘๔.
384.
สา จ ปพฺพชิตา สนฺตา, อคารสฺมา อนคาริยํ;
Sā ca pabbajitā santā, agārasmā anagāriyaṃ;
เมตฺตาจิตฺตํ อภาเวสิ, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาฯ
Mettācittaṃ abhāvesi, brahmalokūpapattiyā.
๓๘๕.
385.
คามา คามํ วิจรนฺตี, นิคเม ราชธานิโย;
Gāmā gāmaṃ vicarantī, nigame rājadhāniyo;
อุรุเวลา นาม โส คาโม, ยตฺถ กาลมกฺรุพฺพถฯ
Uruvelā nāma so gāmo, yattha kālamakrubbatha.
๓๘๖.
386.
เมตฺตาจิตฺตํ อาภาเวตฺวา, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา;
Mettācittaṃ ābhāvetvā, brahmalokūpapattiyā;
อิตฺถิจิตฺตํ วิราเชตฺวา, พฺรหฺมโลกูปคา อหูติฯ
Itthicittaṃ virājetvā, brahmalokūpagā ahūti.
อุพฺพริเปตวตฺถุ เตรสมํฯ
Ubbaripetavatthu terasamaṃ.
อุพฺพริวโคฺค ทุติโย นิฎฺฐิโตฯ
Ubbarivaggo dutiyo niṭṭhito.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā / ๑๓. ฒุพฺพริเปตวตฺถุวณฺณนา • 13. Ḍhubbaripetavatthuvaṇṇanā