Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๕. อุพฺพิริเถรีคาถาวณฺณนา
5. Ubbiritherīgāthāvaṇṇanā
อมฺม, ชีวาติอาทิกา อุพฺพิริยา เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺตี ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺตา เอกทิวสํ มาตาปิตูสุ มงฺคลํ อนุภวิตุํ เคหนฺตรคเตสุ อทุติยา สยํ เคเห โอหีนา อุปกฎฺฐาย เวลาย ภควโต สาวกํ เอกํ ขีณาสวเตฺถรํ เคหทฺวารสมีเปน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ภิกฺขํ ทาตุกามา, ‘‘ภเนฺต, อิธ ปวิสถา’’ติ วตฺวา เถเร เคหํ ปวิเฎฺฐ ปญฺจปติฎฺฐิเตน เถรํ วนฺทิตฺวา โคนกาทีหิ อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา อทาสิฯ นิสีทิ เถโร ปญฺญเตฺต อาสเนฯ สา ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา เถรสฺส หเตฺถ ฐเปสิฯ เถโร อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ สา เตน ปุญฺญกเมฺมน ตาวติํเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ อุฬารทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวิตฺวา ตโต จุตา สุคตีสุเยว สํสรนฺตี อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุพฺพิรีติ ลทฺธนามา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา อโหสิฯ สา วยปฺปตฺตกาเล โกสลรญฺญา อตฺตโน เคหํ นีตา, กติปยสํวจฺฉราติกฺกเมน เอกํ ธีตรํ ลภิฯ ตสฺสา ชีวนฺตีติ นามํ อกํสุ ฯ ราชา ตสฺสา ธีตรํ ทิสฺวา ตุฎฺฐมานโส อุพฺพิริยา อภิเสกํ อทาสิฯ ธีตา ปนสฺสา อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล กาลมกาสิฯ มาตา ยตฺถ ตสฺสา สรีรนิเกฺขโป กโต, ตํ สุสานํ คนฺตฺวา ทิวเส ทิวเส ปริเทวติฯ เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา โถกํ นิสีทิตฺวา คตา อจิรวตีนทิยา ตีเร ฐตฺวา ธีตรํ อารพฺภ ปริเทวติฯ ตํ ทิสฺวา สตฺถา คนฺธกุฎิยํ ยถานิสิโนฺนว อตฺตานํ ทเสฺสตฺวา ‘‘กสฺมา วิปฺปลปสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘มม ธีตรํ อารพฺภ วิปฺปลปามิ, ภควา’’ติฯ ‘‘อิมสฺมิํ สุสาเน ฌาปิตา ตว ธีตโร จตุราสีติสหสฺสมตฺตา, ตาสํ กตร สนฺธาย วิปฺปลปสี’’ติฯ ตาสํ ตํ ตํ อาฬาหนฎฺฐานํ ทเสฺสตฺวา –
Amma, jīvātiādikā ubbiriyā theriyā gāthā. Ayampi purimabuddhesu katādhikārā tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ kusalaṃ upacinantī padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ pattā ekadivasaṃ mātāpitūsu maṅgalaṃ anubhavituṃ gehantaragatesu adutiyā sayaṃ gehe ohīnā upakaṭṭhāya velāya bhagavato sāvakaṃ ekaṃ khīṇāsavattheraṃ gehadvārasamīpena gacchantaṃ disvā bhikkhaṃ dātukāmā, ‘‘bhante, idha pavisathā’’ti vatvā there gehaṃ paviṭṭhe pañcapatiṭṭhitena theraṃ vanditvā gonakādīhi āsanaṃ paññāpetvā adāsi. Nisīdi thero paññatte āsane. Sā pattaṃ gahetvā piṇḍapātassa pūretvā therassa hatthe ṭhapesi. Thero anumodanaṃ katvā pakkāmi. Sā tena puññakammena tāvatiṃsesu nibbattitvā tattha yāvatāyukaṃ uḷāradibbasampattiṃ anubhavitvā tato cutā sugatīsuyeva saṃsarantī imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ gahapatimahāsālakule nibbattitvā ubbirīti laddhanāmā abhirūpā dassanīyā pāsādikā ahosi. Sā vayappattakāle kosalaraññā attano gehaṃ nītā, katipayasaṃvaccharātikkamena ekaṃ dhītaraṃ labhi. Tassā jīvantīti nāmaṃ akaṃsu . Rājā tassā dhītaraṃ disvā tuṭṭhamānaso ubbiriyā abhisekaṃ adāsi. Dhītā panassā ādhāvitvā paridhāvitvā vicaraṇakāle kālamakāsi. Mātā yattha tassā sarīranikkhepo kato, taṃ susānaṃ gantvā divase divase paridevati. Ekadivasaṃ satthu santikaṃ gantvā vanditvā thokaṃ nisīditvā gatā aciravatīnadiyā tīre ṭhatvā dhītaraṃ ārabbha paridevati. Taṃ disvā satthā gandhakuṭiyaṃ yathānisinnova attānaṃ dassetvā ‘‘kasmā vippalapasī’’ti pucchi. ‘‘Mama dhītaraṃ ārabbha vippalapāmi, bhagavā’’ti. ‘‘Imasmiṃ susāne jhāpitā tava dhītaro caturāsītisahassamattā, tāsaṃ katara sandhāya vippalapasī’’ti. Tāsaṃ taṃ taṃ āḷāhanaṭṭhānaṃ dassetvā –
๕๑.
51.
‘‘อมฺม ชีวาติ วนมฺหิ กนฺทสิ, อตฺตานํ อธิคจฺฉ อุพฺพิริ;
‘‘Amma jīvāti vanamhi kandasi, attānaṃ adhigaccha ubbiri;
จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, สพฺพา ชีวสนามิกา;
Cullāsītisahassāni, sabbā jīvasanāmikā;
เอตมฺหาฬาหเน ทฑฺฒา, ตาสํ กมนุโสจสี’’ติฯ – สอุปฑฺฒคาถมาห;
Etamhāḷāhane daḍḍhā, tāsaṃ kamanusocasī’’ti. – saupaḍḍhagāthamāha;
ตตฺถ, อมฺม, ชีวาติ มาตุปจารนาเมน ธีตุยา อาลปนํ, อิทญฺจสฺสา วิปฺปลปนาการทสฺสนํฯ วนมฺหิ กนฺทสีติ วนมเชฺฌ ปริเทวสิฯ อตฺตานํ อธิคจฺฉ อุพฺพิรีติ อุพฺพิริ ตว อตฺตานเมว ตาว พุชฺฌสฺสุ ยาถาวโต ชานาหิฯ จุลฺลาสีติสหสฺสานีติ จตุราสีติสหสฺสานิฯ สพฺพา ชีวสนามิกาติ ตา สพฺพาปิ ชีวนฺติ, ยา สมานนามิกาฯ เอตมฺหาฬาหเน ทฑฺฒาติ เอตมฺหิ สุสาเน ฌาปิตาฯ ตาสํ กมนุโสจสีติ ตาสุ ชีวนฺตีนามาสุ จตุราสีติสหสฺสมตฺตาสุ กํ สนฺธาย ตฺวํ อนุโสจสิ อนุโสกํ อาปชฺชสีติ เอวํ สตฺถารา ธเมฺม เทสิเต เทสนานุสาเรน ญาณํ เปเสตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สตฺถุ เทสนาวิลาเสน อตฺตโน จ เหตุสมฺปตฺติยา ยถาฐาตาว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฎิปาฎิยา อคฺคผเล อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๒.๓๗-๖๐) –
Tattha, amma, jīvāti mātupacāranāmena dhītuyā ālapanaṃ, idañcassā vippalapanākāradassanaṃ. Vanamhi kandasīti vanamajjhe paridevasi. Attānaṃ adhigaccha ubbirīti ubbiri tava attānameva tāva bujjhassu yāthāvato jānāhi. Cullāsītisahassānīti caturāsītisahassāni. Sabbā jīvasanāmikāti tā sabbāpi jīvanti, yā samānanāmikā. Etamhāḷāhane daḍḍhāti etamhi susāne jhāpitā. Tāsaṃ kamanusocasīti tāsu jīvantīnāmāsu caturāsītisahassamattāsu kaṃ sandhāya tvaṃ anusocasi anusokaṃ āpajjasīti evaṃ satthārā dhamme desite desanānusārena ñāṇaṃ pesetvā vipassanaṃ ārabhitvā satthu desanāvilāsena attano ca hetusampattiyā yathāṭhātāva vipassanaṃ ussukkāpetvā maggapaṭipāṭiyā aggaphale arahatte patiṭṭhāsi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.2.37-60) –
‘‘นคเร หํสวติยา, อโหสิํ พาลิกา ตทา;
‘‘Nagare haṃsavatiyā, ahosiṃ bālikā tadā;
มาตา จ เม ปิตา เจว, กมฺมนฺตํ อคมํสุ เตฯ
Mātā ca me pitā ceva, kammantaṃ agamaṃsu te.
‘‘มชฺฌนฺหิกมฺหิ สูริเย, อทฺทสํ สมณํ อหํ;
‘‘Majjhanhikamhi sūriye, addasaṃ samaṇaṃ ahaṃ;
วีถิยา อนุคจฺฉนฺตํ, อาสนํ ปญฺญเปสหํฯ
Vīthiyā anugacchantaṃ, āsanaṃ paññapesahaṃ.
‘‘โคนกาวิกติกาหิ, ปญฺญเปตฺวา มมาสนํ;
‘‘Gonakāvikatikāhi, paññapetvā mamāsanaṃ;
ปสนฺนจิตฺตา สุมนา, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ
Pasannacittā sumanā, idaṃ vacanamabraviṃ.
‘‘สนฺตตฺตา กุถิตา ภูมิ, สูโร มชฺฌนฺหิเก ฐิโต;
‘‘Santattā kuthitā bhūmi, sūro majjhanhike ṭhito;
มาลุตา จ น วายนฺติ, กาโล เจเวตฺถ เมหิติฯ
Mālutā ca na vāyanti, kālo cevettha mehiti.
‘‘ปญฺญตฺตมาสนมิทํ, ตวตฺถาย มหามุนิ;
‘‘Paññattamāsanamidaṃ, tavatthāya mahāmuni;
อนุกมฺปํ อุปาทาย, นิสีท มม อาสเนฯ
Anukampaṃ upādāya, nisīda mama āsane.
‘‘นิสีทิ ตตฺถ สมโณ, สุทโนฺต สุทฺธมานโส;
‘‘Nisīdi tattha samaṇo, sudanto suddhamānaso;
ตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวาน, ยถารนฺธํ อทาสหํฯ
Tassa pattaṃ gahetvāna, yathārandhaṃ adāsahaṃ.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, อาสเนน สุนิมฺมิตํ;
‘‘Tattha me sukataṃ byamhaṃ, āsanena sunimmitaṃ;
สฎฺฐิโยชนมุเพฺพธํ, ติํสโยชนวิตฺถตํฯ
Saṭṭhiyojanamubbedhaṃ, tiṃsayojanavitthataṃ.
‘‘โสณฺณมยา มณิมยา, อโถปิ ผลิกามยา;
‘‘Soṇṇamayā maṇimayā, athopi phalikāmayā;
โลหิตงฺคมยา เจว, ปลฺลงฺกา วิวิธา มมฯ
Lohitaṅgamayā ceva, pallaṅkā vividhā mama.
‘‘ตูลิกาวิกติกาหิ, กฎฺฎิสฺสจิตฺตกาหิ จ;
‘‘Tūlikāvikatikāhi, kaṭṭissacittakāhi ca;
อุทฺธเอกนฺตโลมี จ, ปลฺลงฺกา เม สุสณฺฐิตาฯ
Uddhaekantalomī ca, pallaṅkā me susaṇṭhitā.
‘‘ยทา อิจฺฉามิ คมนํ, หาสขิฑฺฑสมปฺปิตา;
‘‘Yadā icchāmi gamanaṃ, hāsakhiḍḍasamappitā;
สห ปลฺลงฺกเสเฎฺฐน, คจฺฉามิ มม ปตฺถิตํฯ
Saha pallaṅkaseṭṭhena, gacchāmi mama patthitaṃ.
‘‘อสีติเทวราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํ;
‘‘Asītidevarājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ;
สตฺตติจกฺกวตฺตีนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ
Sattaticakkavattīnaṃ, mahesittamakārayiṃ.
‘‘ภวาภเว สํสรนฺตี, มหาโภคํ ลภามหํ;
‘‘Bhavābhave saṃsarantī, mahābhogaṃ labhāmahaṃ;
โภเค เม อูนตา นตฺถิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํฯ
Bhoge me ūnatā natthi, ekāsanassidaṃ phalaṃ.
‘‘ทุเว ภเว สํสรามิ, เทวเตฺต อถ มานุเส;
‘‘Duve bhave saṃsarāmi, devatte atha mānuse;
อเญฺญ ภเว น ชานามิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํฯ
Aññe bhave na jānāmi, ekāsanassidaṃ phalaṃ.
‘‘ทุเว กุเล ปชายามิ, ขตฺติเย จาปิ พฺราหฺมเณ;
‘‘Duve kule pajāyāmi, khattiye cāpi brāhmaṇe;
อุจฺจากุลีนา สพฺพตฺถ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํฯ
Uccākulīnā sabbattha, ekāsanassidaṃ phalaṃ.
‘‘โทมนสฺสํ น ชานามิ, จิตฺตสนฺตาปนํ มม;
‘‘Domanassaṃ na jānāmi, cittasantāpanaṃ mama;
เววณฺณิยํ น ชานามิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํฯ
Vevaṇṇiyaṃ na jānāmi, ekāsanassidaṃ phalaṃ.
‘‘ธาติโย มํ อุปฎฺฐนฺติ, ขุชฺชา เจลาปิกา พหู;
‘‘Dhātiyo maṃ upaṭṭhanti, khujjā celāpikā bahū;
อเงฺกน องฺกํ คจฺฉามิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํฯ
Aṅkena aṅkaṃ gacchāmi, ekāsanassidaṃ phalaṃ.
‘‘อญฺญา นฺหาเปนฺติ โภเชนฺติ, อญฺญา รเมนฺติ มํ สทา;
‘‘Aññā nhāpenti bhojenti, aññā ramenti maṃ sadā;
อญฺญา คนฺธํ วิลิมฺปนฺติ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํฯ
Aññā gandhaṃ vilimpanti, ekāsanassidaṃ phalaṃ.
‘‘มณฺฑเป รุกฺขมูเล วา, สุญฺญาคาเร วสนฺติยา;
‘‘Maṇḍape rukkhamūle vā, suññāgāre vasantiyā;
มม สงฺกปฺปมญฺญาย, ปลฺลโงฺก อุปติฎฺฐติฯ
Mama saṅkappamaññāya, pallaṅko upatiṭṭhati.
‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;
‘‘Ayaṃ pacchimako mayhaṃ, carimo vattate bhavo;
อชฺชาปิ รชฺชํ ฉเฑฺฑตฺวา, ปพฺพชิํ อนคาริยํฯ
Ajjāpi rajjaṃ chaḍḍetvā, pabbajiṃ anagāriyaṃ.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ ทานมททิํ ตทา;
‘‘Satasahassito kappe, yaṃ dānamadadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, เอกาสนสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, ekāsanassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหเตฺต ปน ปติฎฺฐาย อตฺตนา อธิคตวิเสสํ ปกาเสนฺตี –
Arahatte pana patiṭṭhāya attanā adhigatavisesaṃ pakāsentī –
๕๒.
52.
‘‘อพฺพหี ตว เม สลฺลํ, ทุทฺทสํ หทยสฺสิตํ;
‘‘Abbahī tava me sallaṃ, duddasaṃ hadayassitaṃ;
ยํ เม โสกปเรตาย, ธีตุโสกํ พฺยปานุทิฯ
Yaṃ me sokaparetāya, dhītusokaṃ byapānudi.
๕๓.
53.
‘‘สาชฺช อพฺพูฬฺหสลฺลาหํ, นิจฺฉาตา ปรินิพฺพุตา;
‘‘Sājja abbūḷhasallāhaṃ, nicchātā parinibbutā;
พุทฺธํ ธมฺมญฺจ สงฺฆญฺจ, อุเปมิ สรณํ มุนิ’’นฺติฯ –
Buddhaṃ dhammañca saṅghañca, upemi saraṇaṃ muni’’nti. –
อิมา เทฺว คาถา อภาสิฯ
Imā dve gāthā abhāsi.
ตตฺถ อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ทุทฺทสํ หทยสฺสิตนฺติ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ยาถาวโต ทุทฺทสํ มม จิตฺตสนฺนิสฺสิตํ ปีฬาชนนโต ทุนฺนีหรณโต อโนฺต ตุทนโต จ ‘‘สลฺล’’นฺติ ลทฺธนามํ โสกํ ตณฺหญฺจ อพฺพหี วต นีหริ วตฯ ยํ เม โสกปเรตายาติ ยสฺมา โสเกน อภิภูตาย มยฺหํ ธีตุโสกํ พฺยปานุทิ อนวเสสโต นีหริ, ตสฺมา อพฺพหี วต เม สลฺลนฺติ โยชนาฯ
Tattha abbahī vata me sallaṃ, duddasaṃ hadayassitanti anupacitakusalasambhārehi yāthāvato duddasaṃ mama cittasannissitaṃ pīḷājananato dunnīharaṇato anto tudanato ca ‘‘salla’’nti laddhanāmaṃ sokaṃ taṇhañca abbahī vata nīhari vata. Yaṃ me sokaparetāyāti yasmā sokena abhibhūtāya mayhaṃ dhītusokaṃ byapānudi anavasesato nīhari, tasmā abbahī vata me sallanti yojanā.
สาชฺช อพฺพูฬฺหสลฺลาหนฺติ สา อหํ อชฺช สพฺพโส อุทฺธฎตณฺหาสลฺลา ตโต เอว นิจฺฉาตา ปรินิพฺพุตาฯ มุนินฺติ สพฺพญฺญุพุทฺธํ ตทุปเทสิตมคฺคผลนิพฺพานปเภทํ นววิธโลกุตฺตรธมฺมญฺจ, ตตฺถ ปติฎฺฐิตํ อฎฺฐอริยปุคฺคลสมูหสงฺขาตํ สงฺฆญฺจ, อนุตฺตเรหิ เตหิ โยชนโต สกลวฎฺฎทุกฺขวินาสนโต จ สรณํ ตาณํ เลณํ ปรายณนฺติ, อุเปมิ อุปคจฺฉามิ พุชฺฌามิ เสวามิ จาติ อโตฺถฯ
Sājja abbūḷhasallāhanti sā ahaṃ ajja sabbaso uddhaṭataṇhāsallā tato eva nicchātā parinibbutā. Muninti sabbaññubuddhaṃ tadupadesitamaggaphalanibbānapabhedaṃ navavidhalokuttaradhammañca, tattha patiṭṭhitaṃ aṭṭhaariyapuggalasamūhasaṅkhātaṃ saṅghañca, anuttarehi tehi yojanato sakalavaṭṭadukkhavināsanato ca saraṇaṃ tāṇaṃ leṇaṃ parāyaṇanti, upemi upagacchāmi bujjhāmi sevāmi cāti attho.
อุพฺพิริเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ubbiritherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๕. อุพฺพิริเถรีคาถา • 5. Ubbiritherīgāthā