Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi |
๑๕๔. อุจฺจาสยนมหาสยนปฎิเกฺขปกถา
154. Uccāsayanamahāsayanapaṭikkhepakathā
๒๕๔. อุจฺจํ อาสยนํ อุจฺจาสยนํฯ มหนฺตํ อาสยนํ มหาสยนํฯ อาสนฺทิอาทีสุ เอวํ วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพติ โยชนาฯ ปมาณาติกฺกนฺตาสนนฺติ ทีฆาสนํฯ ตญฺหิ อาคมฺม สทติ นิสีทตีติ เอตฺถ, อายตํ วา สุฎฺฐุํ ททาตีติ อาสนฺทีติ วุจฺจติฯ วาฬรูปานีติ สีหพฺยคฺฆาทิวาฬรูปานิฯ ปาเทสุ วาฬรูปานิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา องฺกียติ ลกฺขียตีติ ปลฺลโงฺกฯ โคนโกติ ควติ ทีฆโลเมหิ อุคฺคจฺฉติ เอตฺถาติ โคนโกฯ โกชโวติ กุยํ ภูมิยํ ชวติ คจฺฉตีติ โกชโวฯ ตสฺสาติ โคนกสฺสฯ โลมานิ จตุรงฺคุลาธิกานิ โหนฺติ กิราติ โยชนาฯ วานจิตฺรอุณฺณามยตฺถรโณติ วาเนน สิพฺพเนน สญฺชาตํ จิตฺรรูปเมตฺถาติ วานจิตฺรํ, อุณฺณาย นิพฺพโตฺต อุณฺณามโย, โสเยว อตฺถรโณ อุณฺณามยตฺถรโณ, วานจิตฺรญฺจ ตํ อุณฺณามยตฺถรโณ เจติ วานจิตฺรอุณฺณามยตฺถรโณฯ เสตตฺถรโณติ เสตตฺถิเกหิ เสวียตีติ โสโต, โสเยว อตฺถรโณ เสตตฺถรโณฯ อิมินา อเตฺถน ปฎติ เสตภาวํ คจฺฉตีติ ปฎิกาติ กาตพฺพํฯ ปฎิกาสโทฺทยํ อเฑฺฒนฺทุปาสาเณปิ ปวตฺตติฯ ฆนปุปฺผโกติ ฆนํ กถินํ ปุปฺผเมตฺถาติ ฆนปุปฺผโกฯ อิมินา ฆนปุปฺผสงฺขาตํ ปฎลเมตฺถ อตฺถีติ ปฎลิกาติ ทเสฺสติฯ โสติ อตฺถรโณฯ อามลกปโฎติ อามลกปุปฺผํ ทเสฺสตฺวา กโต ปโฎฯ ตูลิกาติ ตูลํ ปูเรตฺวา กตา ตูลิกาฯ วิกติกาติ สีหพฺยคฺฆาทิรูเปหิ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๕) วิจิตฺตากาเรน กรียตีติ วิกติกาฯ ทีฆนิกายฎฺฐกถายํ ‘‘อุทฺทโลมีติ อุภโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณํฯ เอกนฺตโลมีติ เอกโตทสํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ วุตฺตํฯ อิธ ปน ‘‘อุทฺทโลมีติ เอกโต อุคฺคตโลมํ อุณฺณามยตฺถรณํ, เอกนฺตโลมีติ อุภโต อุคฺคตโลมํ อุณฺณามยตฺถรณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตสฺมา เทฺว อฎฺฐกถาโย อญฺญมญฺญํ วิสทิสา โหนฺติฯ เอตฺถ ทีฆนิกายฎฺฐกถานเยน วจนตฺถํ กริสฺสามิฯ อุฎฺฐิตํ ทฺวีหิ ปเกฺขหิ, ทฺวีสุ วา ทสาสงฺขาตํ โลมเมตฺถาติ อุทฺทโลมีฯ นิคฺคหิตาคมํ กตฺวา ‘‘อุนฺทโลมี’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ เอกสฺมิํ อเนฺต ทสาสงฺขาตํ โลมเมตฺถาติ เอกนฺตโลมีติฯ โกเสยฺยกฎฺฎิสฺสมยนฺติ เอตฺถ โกเสยฺยนฺติ โกสิยสุตฺตํฯ กฎฺฎิสฺสนฺติ กฎฺฎิสฺสนามกํ วากํฯ อิมินา โกเสยฺยญฺจ กฎฺฎิสฺสญฺจ กฎฺฎิสฺสานีติ วิรูเปกเสสํ กตฺวา กฎฺฎิเสฺสหิ ปกตํ อตฺถรณํ กฎฺฎิสฺสนฺติ อตฺถํ ทเสฺสติฯ สุทฺธโกเสยฺยนฺติ รตนอปริสิพฺพิตํ สุทฺธโกเสยฺยํฯ อิมินา สุทฺธกฎฺฎิสฺสมฺปิ วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ
254. Uccaṃ āsayanaṃ uccāsayanaṃ. Mahantaṃ āsayanaṃ mahāsayanaṃ. Āsandiādīsu evaṃ vinicchayo veditabboti yojanā. Pamāṇātikkantāsananti dīghāsanaṃ. Tañhi āgamma sadati nisīdatīti ettha, āyataṃ vā suṭṭhuṃ dadātīti āsandīti vuccati. Vāḷarūpānīti sīhabyagghādivāḷarūpāni. Pādesu vāḷarūpāni paricchinditvā aṅkīyati lakkhīyatīti pallaṅko. Gonakoti gavati dīghalomehi uggacchati etthāti gonako. Kojavoti kuyaṃ bhūmiyaṃ javati gacchatīti kojavo. Tassāti gonakassa. Lomāni caturaṅgulādhikāni honti kirāti yojanā. Vānacitrauṇṇāmayattharaṇoti vānena sibbanena sañjātaṃ citrarūpametthāti vānacitraṃ, uṇṇāya nibbatto uṇṇāmayo, soyeva attharaṇo uṇṇāmayattharaṇo, vānacitrañca taṃ uṇṇāmayattharaṇo ceti vānacitrauṇṇāmayattharaṇo. Setattharaṇoti setatthikehi sevīyatīti soto, soyeva attharaṇo setattharaṇo. Iminā atthena paṭati setabhāvaṃ gacchatīti paṭikāti kātabbaṃ. Paṭikāsaddoyaṃ aḍḍhendupāsāṇepi pavattati. Ghanapupphakoti ghanaṃ kathinaṃ pupphametthāti ghanapupphako. Iminā ghanapupphasaṅkhātaṃ paṭalamettha atthīti paṭalikāti dasseti. Soti attharaṇo. Āmalakapaṭoti āmalakapupphaṃ dassetvā kato paṭo. Tūlikāti tūlaṃ pūretvā katā tūlikā. Vikatikāti sīhabyagghādirūpehi (dī. ni. aṭṭha. 1.15) vicittākārena karīyatīti vikatikā. Dīghanikāyaṭṭhakathāyaṃ ‘‘uddalomīti ubhatodasaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ. Ekantalomīti ekatodasaṃ uṇṇāmayattharaṇa’’nti vuttaṃ. Idha pana ‘‘uddalomīti ekato uggatalomaṃ uṇṇāmayattharaṇaṃ, ekantalomīti ubhato uggatalomaṃ uṇṇāmayattharaṇa’’nti vuttaṃ. Tasmā dve aṭṭhakathāyo aññamaññaṃ visadisā honti. Ettha dīghanikāyaṭṭhakathānayena vacanatthaṃ karissāmi. Uṭṭhitaṃ dvīhi pakkhehi, dvīsu vā dasāsaṅkhātaṃ lomametthāti uddalomī. Niggahitāgamaṃ katvā ‘‘undalomī’’tipi pāṭho, ayamevattho. Ekasmiṃ ante dasāsaṅkhātaṃ lomametthāti ekantalomīti. Koseyyakaṭṭissamayanti ettha koseyyanti kosiyasuttaṃ. Kaṭṭissanti kaṭṭissanāmakaṃ vākaṃ. Iminā koseyyañca kaṭṭissañca kaṭṭissānīti virūpekasesaṃ katvā kaṭṭissehi pakataṃ attharaṇaṃ kaṭṭissanti atthaṃ dasseti. Suddhakoseyyanti ratanaaparisibbitaṃ suddhakoseyyaṃ. Iminā suddhakaṭṭissampi vaṭṭatīti dasseti.
โสฬส นาฎกิตฺถิโย ฐตฺวา นจฺจํ กโรนฺติ เอตฺถาติ กุตฺตกนฺติ อตฺถํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘โสฬสนฺน’’นฺติอาทิฯ อชินจเมฺมหีติ อชินมิคจเมฺมหิ, กตอิติ สมฺพโนฺธฯ ปเวณีติ ทุปฎฺฎติปฎฺฎาทีหิ ปรํปรวเสน กตตฺตา ‘‘ปเวณี’’ติ วุจฺจติฯ อชินจมฺมานิ หิ สุขุมตรานิ, ตสฺมา ทุปฎฺฎติปฎฺฎาทีนิ กตฺวา ปเวณิวเสน กตานิฯ ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อชินปเวณี’’ติฯ ‘‘กทลิมิคจมฺมํ นามา’’ติ อิมินา ตสฺส จมฺมํ กทลิมิคอิติ คเหตพฺพํ อุตฺตรปทโลปวเสน วา อุปจาเรน วาติ ทเสฺสติฯ ปวรสโทฺท อุตฺตมโตฺถติ อาห ‘‘อุตฺตมปจฺจตฺถรณ’’นฺติฯ ตนฺติ กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํฯ สอุตฺตรจฺฉทนฺติ เอตฺถ สกาโร สหสทฺทการิโยติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สห อุตฺตรจฺฉเทนา’’ติฯ ‘‘อุปรี’’ติ อิมินา อุตฺตรสทฺทสฺส เสฎฺฐาทโย นิวเตฺตติฯ ‘‘สทฺธิ’’นฺติ อิมินา สหสทฺทสฺส ตุลฺยตฺถํ นิวเตฺตติฯ ‘‘เสต…เป.… น วฎฺฎตี’’ติ อิมินา รตฺตวิตานํ เหฎฺฐา กปฺปิยปจฺจตฺถรเณ สติปิ น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติ ฯ กสฺมา? รตฺตวิตานสฺส อกปฺปิยตฺตาฯ อุภโตโลหิตกูปธานนฺติ เอตฺถ อุภสรูปํ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ ‘‘สีสูปธานญฺจ ปาทูปธานญฺจา’’ติฯ สีโส อุปคนฺตฺวา ติฎฺฐติ เอตฺถาติ อุปธานํ, อุป ภุสํ วา สุขํ ธาเรตีติ อุปธานํ, พิโพฺพหนํฯ สเจ ปมาณยุตฺตํ, ตํ อุปธานํ วฎฺฎตีติ โยชนาฯ
Soḷasa nāṭakitthiyo ṭhatvā naccaṃ karonti etthāti kuttakanti atthaṃ dassento āha ‘‘soḷasanna’’ntiādi. Ajinacammehīti ajinamigacammehi, kataiti sambandho. Paveṇīti dupaṭṭatipaṭṭādīhi paraṃparavasena katattā ‘‘paveṇī’’ti vuccati. Ajinacammāni hi sukhumatarāni, tasmā dupaṭṭatipaṭṭādīni katvā paveṇivasena katāni. Tasmā vuttaṃ ‘‘ajinapaveṇī’’ti. ‘‘Kadalimigacammaṃ nāmā’’ti iminā tassa cammaṃ kadalimigaiti gahetabbaṃ uttarapadalopavasena vā upacārena vāti dasseti. Pavarasaddo uttamatthoti āha ‘‘uttamapaccattharaṇa’’nti. Tanti kadalimigapavarapaccattharaṇaṃ. Sauttaracchadanti ettha sakāro sahasaddakāriyoti dassento āha ‘‘saha uttaracchadenā’’ti. ‘‘Uparī’’ti iminā uttarasaddassa seṭṭhādayo nivatteti. ‘‘Saddhi’’nti iminā sahasaddassa tulyatthaṃ nivatteti. ‘‘Seta…pe… na vaṭṭatī’’ti iminā rattavitānaṃ heṭṭhā kappiyapaccattharaṇe satipi na vaṭṭatīti dasseti . Kasmā? Rattavitānassa akappiyattā. Ubhatolohitakūpadhānanti ettha ubhasarūpaṃ dassetuṃ vuttaṃ ‘‘sīsūpadhānañca pādūpadhānañcā’’ti. Sīso upagantvā tiṭṭhati etthāti upadhānaṃ, upa bhusaṃ vā sukhaṃ dhāretīti upadhānaṃ, bibbohanaṃ. Sace pamāṇayuttaṃ, taṃ upadhānaṃ vaṭṭatīti yojanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๕๔. อุจฺจาสยนมหาสยนปฎิเกฺขโป • 154. Uccāsayanamahāsayanapaṭikkhepo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / ยานาทิปฎิเกฺขปกถา • Yānādipaṭikkhepakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อุจฺจาสยนมหาสยนปฎิเกฺขปกถาวณฺณนา • Uccāsayanamahāsayanapaṭikkhepakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ยานาทิปฎิเกฺขปกถาวณฺณนา • Yānādipaṭikkhepakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อชฺฌาราเมอุปาหนปฎิเกฺขปกถาทิวณฺณนา • Ajjhārāmeupāhanapaṭikkhepakathādivaṇṇanā